ตอนที่ 21 ทางกลับบ้านสุดหวานของน้องโจ
“น้องโจครับ ตื่น ตื่นได้แล้วครับ” พี่ต้นไม้ปลุกน้องโจให้ตื่นจากภวังค์บทเซ้กส์เร่าร้อนเมื่อครู่เพิ่งผ่านพ้นไปทำให้หนุ่มน้อยเหนื่อยล้าหนุ่มน้อยขยี้ตาเพราะง่วงเพลียหนุ่มน้อยลืมตาขึ้นมาเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าคือพี่ต้นไม้คนที่ตนรักแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“กลับบ้านได้แล้วครับเดี๋ยวคุณยายจะว่าเอา นี่ก็เย็นมากแล้ว” โจค่อยค่อยพยุงตัวเอง ลุกขึ้นจากที่นอนพี่ต้นไม้ช่วยพยุงขึ้นอีกแรงเสื้อนักเรียนยับยู่ยี่ราวกับว่ายังไม่ได้รีดหนุ่มน้อยรีบใส่กระดุมให้เรียบร้อย หนุ่มน้อยหากางเกงในสีเลือดหมูและกางเกงนักเรียนของตนที่กระจัดกระจายนำมาใส่เรียบร้อยทุกคนยังนอนสลบหนุ่มน้อยต้องก้าวข้ามผ่านปาณัทไปเพื่อลงจากเตียง
“มาครับ โจ” พี่ต้นไม้จูงมือหนุ่มน้อยออกมาจากห้องเสพกามนั่นอย่างแผ่วเบาทั้งคู่ค่อยค่อยเดินออกมายังประตู ปิดประตูอย่างเบาที่สุด
“โจ เจ็บก้นอะคับ พี่ต้น”
“ ค่อยค่อยนะครับ ค่อยค่อยก็ไอ้เสือ ของมันไม่ใช่เล็กเล็ก ก็น้องโจไปให้มันฟันซะนี่”
“พี่ต้นโกรธโจหรอคับ”
“ ไม่ครับ ไม่โกรธ ไม่โกรธครับพี่เสือเป็นของขวัญของโจนี่ครับ พี่จะโกรธได้งัย”
“มาครับ กลับบ้านกันดีกว่า” พี่ต้นไม้ประคองน้องโจที่เดินขาถ่างอยู่ค่อยค่อยเปิดประตู และลงบันได พี่ต้นไม้จูงมือน้องโจหนุ่มน้อยลงบันได
“ค่อยค่อยลงนะครับ” แต่ในขณะที่พี่ต้นไม้เดินก้าวลงหนุ่มน้อยโจกลับหยุด พี่ต้นไม้เอะใจจึงหันไป
“โจรักพี่ต้นไม้นะครับ” พี่ต้นไม้ได้ยินก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบไปว่า “พี่ก็รักน้องโจครับ”
ทั้งคู่เดินไปที่รถมอร์เตอร์ไซค์คันเก่งของต้นไม้
“ น้องโจ เกาะแน่นแน่นนะครับ” น้องโจสุดหล่อทำตามอย่างว่าง่ายเกาะพี่ต้นไม้แน่นเลยครับแอบยิ้มนิดนึงที่ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์คนที่เรารักทันใดนั้นเองมีรถเก๋งของขับมาจอดหน้าบ้านพอดี มีผู้หญิง 4 – 5 คนก้าวลงมาพอดีแต่ละคนนี่ดูรวยและสวยกันทั้งนั้น
“พี่ต้นไม้รู้ทันทีเลยว่าเป็นบรรดาผู้หญิง ที่พวกพี่ต๊อบนัดมามีอะไรกัน” สาว 4 – 5 คนเดินตรงมาหาพี่ต้นไม้ กับหนุ่มโจแววตาอย่างจะอยากกลืนกินหนุ่มหล่อสองคนนี้
“ กลับแล้วหรอ สุดหล่อน่าจะอยู่สนุกกับพวกเราก่อน” สาวนางหนึ่งจ้องมองที่ต้นไม้พี่ต้นไม้ก็ยิ้มให้เป็นมารยาทสาวเจ้าเดินไปที่บ้าน และหันมาด้วยสายตาเย้ายวนพร้อมแนะนำตัวเอง
“ เราเจนนะ” พวกสาวสาวพวกนั้นก็พากันขึ้นบันไดไปซุบซิบกัน “ ใครวะแก น่ากินชะมัดเลย”
“ ชื่อต้นไม้นะแกเป็นดีเจประจำหมู่บ้าน”
“ของคงขาวเนอะแก ผิวโคตรขาว” บรรดาสาวสาวแกล้งเมาท์ให้ต้นไม้ได้ยินแต่ด้วยความที่ต้องรีบและไม่สนใจพวกนั้น จึงขับรถออกไปแต่สาวสาวนะสิครับอารมณ์ค้าง “แต่ฉันสนอีกคนนึงมากกว่าหวะไอ้เด็กที่ซ้อนมอร์เตอร์ไซค์อะน่ารักดี” สาวอีกนางหนึ่งตอบ
“รวยนะแกหลานคุณนายลิ้นจี่แต่ของคงเล็กหวะ เพิ่งจะ ม 2เองขนอุยคงเพิ่งขึ้น แกต้องเลี้ยงไว้ดูเล่นก่อนหละมั้ง” ว่าแล้วสาวสาวพากันขำกลิ้งเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“แกก็ เกินไป น้ำว่าวเด็กหวานนะแก ฉันลองมาแล้ว” สาวเจ้าคู่สนทนา พูดไประคนขำไป
“ เอาน่า เอาน่า แกฉันว่าเราเข้าไปในบ้านดีกว่า ความมันนี่อยู่ตรงหน้าแล้ว” ว่าแล้วทั้ง4 สาวก็เปิดประตูเข้าไปพี่ต้นไม้ขับไปได้ตลอดทางลมที่พัดโชยมาไม่มีบทสนทนาใดใดน้องโจกอดพี่ต้นไม้ หลับตาพริ้มรับลม ดาวกระจ่างฟ้าเต็มพร่างพราวเต็มไปหมด
“ง่วงหรอครับ โจ” หากแต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่น้องโจมีความสุขเหลือเกินที่ได้กอดคนที่ตนเองรัก บรรยากาศก็สุดแสนโรแมนติก
“เปล่าครับพี่ต้นไม้” ว่าแล้วโจก็หอมหลังพี่ต้นไม้หนึ่งฟอดกอดพี่ต้นไม้แน่นขึ้นไปอีกพี่ต้นไม้หันมาและยิ้มที่มุมปาก หน้าแดงนิดนิดขับผิวขาวให้ดูเปล่งปลั่งรู้สึกถึงภาษากายที่หนุ่มน้อยแสดงออกพี่ต้นไม้พยายามเร่งเครื่องเพื่อให้โจกอดแน่นขึ้นแต่หนุ่มน้อยกลับบอกว่า
“พี่ต้นครับขับช้าช้าก็ได้ครับ”
“กลัวหรอครับ”
“ เปล่าครับจะได้อยู่กับพี่ต้นนานนาน” คำพูดยิ่งทำให้ต้นไม้เขินอายยิ่งขึ้นไปใหญ่หนุ่มน้อยโจเหลือบไป เห็นแคร่นึกถึงทำไมถึงเร็วจังนี่ถึงเขตบ้านเราแล้วหรอเนี่ยแต่ใจนี่อยากจะอยู่กับพี่ต้นไม้ให้นานกว่านี้จึงเกิดความคิด
“พี่ต้นไม้ครับนั่งอยู่ดูดาวเป็นเพื่อนโจ หน่อยนะครับ” น้องโจอ้อนวอนพี่ต้นไม้สุดริด
“น้องโจนี่มันทุ่มนึงแล้วนะครับเดี๋ยวคุณยายจะว่าเอา”
“แป้ปนึงเอง ไม่เป็นไรหรอก” หนุ่มน้อยเริ่มไม่พอใจต้นไม้เห็นดังนั้นจึงไม่อยากขัดใจ
“แป๊บนึง นะครับ สัญญานะคับ”
“สัญญาครับ” ทั้งคู่ก็นั่งกันที่แคร่นั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นที่ทำรักของพี่พีทกับพี่วินเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาทันทีที่ต้นไม้นั่งลงหนุ่มน้อยโจก็นอนหนุนตักทันทีแววตามองตรงที่ตาพี่ต้นไม้แสดงที่ความรักที่หนุ่มน้อยมีให้แก่ต้นไม้
............................................................................................................................................................................... ในขณะที่พี่ต้นไม้นั่งมองดาวกับน้องโจอยู่นั้นพี่วินกับผมก็ถึงบ้านพอดีระหว่างทางผมกอดพี่วินแน่นเชียวครับลมพัดโชยเย็นสบายมากเลยครับเป็นช่วงโพล้เพล้พอดี 6โมงครึ่งช่างเป็นเวลาที่มีความสุขจริงจริงได้กอดพี่วินไปด้วยกลิ่นตัวเค้ายังติดอยู่กับผมเลยก็เราเป็นของกันและกันแล้
“ พรุ่งนี้ผมไปค้างบ้านพี่วินนะครับ”
"ได้สิคับ พรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็นมาที่บ้านพี่วินอ่อคุณพีทเอาหนังสือเรียนมาด้วยหละบอกว่ามาติว อะไรก็ได้คุณพ่อจะได้ไม่สงสัย พรุ่งนี้ตอนเช้าพี่วินจะเข้าห้างไปซื้อของซักหน่อยครับอั่นแน่ติดใจพี่วินหละสิ” พี่วินแซว
“คงงั้นมั้งครับ แฮะ แฮะ”
“พี่วินว่าป่านนี้พวกนั้น คงไปถึงไหนกันแล้วนะครับ”
“คงเสียวสุดยอดมั้งครับ”
“ถ้าคุณพีทชอบวันหลังพี่วินจะพามาอีก”
“ พีทไม่ชอบดีกว่าครับอยากอยู่กับพี่วินมากกว่า” ว่าแล้วพี่วินก็ขำในลำคอ รถมอร์เตอร์ไซค์ขับรถแล่นฉิวไปมีดวงดาวเป็นฉากหลัง
“วันนี้ดาวเยอะจังเลยนะครับพี่วิน” พีทชวนพี่วินคุยทั้งที่รู้อยู่แล้ว ว่าต่างจังหวัดนะมันดาวเยอะอยู่แล้ว
“ ก็ต่างจังหวัดก็ดาวเยอะอย่างนี้แหละครับ” เราคุยกันไปตลอดทางเลยครับจนกระทั้งถึงเขตสวนบรรยากาศเงียบสงบเหมือนโลกนี้มีเพียงเราสองคนก็จะไม่ให้เงียบได้งัยก็วันนี้เป็นวันเสาร์ คนงานไม่ค่อยทำงานมีแต่เวรคนเฝ้าประตูเค้าเห็นผมก็ไหว้แทบไม่ทันหนุ่มน้อยโจยังคงหนุนตักพี่ต้นไม้สุดที่รักตาจ้องมองตาหยาดเยิ้ม
“ผมโชคดีจังเลยครับที่ได้พี่ต้นไม้มาเป็นแฟน” ในขณะพูดสายตาหนุ่มน้อยยังคงจ้องมองตาพี่ต้นไม้ไม่ละไปไหนโจดึงปกแจ้กเก็ตพี่ต้นไม้โน้มลงมาพี่ต้นไม้ก็รู้งานว่าต้องทำอะไรดูดดุนลิ้นน้องโจ สอดใส่ลิ้นอุ่นอุ่นเข้าไปข้างในอย่างเน้นเน้นก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้พี่ต้นไม้ถอนลิ้นออกมาอยากฉับไวโจเองก็ไม่โกรธเพราะรู้ว่าเวลานี้ไม่ได้เวลามามีเซ็กส์หันไปหอมเป้าพี่ต้นไม้ที่ถึงแม้จะอยู่ภายใต้กางเกงยีนแต่ก็แข็งเป็นลำโจหอมฟอดใหญ่เลยครับ
“โจรักพี่ต้นไม้ที่สุดเลยครับ” หนุ่มน้อยไม่รู้ว่าพูดไปครั้งที่เท่าไหร่หากแต่หัวใจมันบอกให้พูดออกไปไม่มีวันเบื่อเพราะคำว่ารักที่มีให้ต้นไม้ไม่ใช่แค่ความหลงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปหากแต่เป็นความผูกพันที่มีกันยาวนานบ้านของต้นไม้อยู่ใกล้กันกับโจพี่ต้นไม้เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายให้กับโจอีกทั้งยังเป็นผู้ปกครองให้หนุ่มน้อยเวลาประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนเพราะสภาพยายเองก็เดินไม่ค่อยไหวพี่ต้นไม้เลยรับอาสาทำหน้าที่นี้คุณยายลิ้นจี่เองก็ไว้ใจต้นไม้แต่เดิมโจเป็นเด็กเรียนดีมากเพราะพี่ต้นไม้นี่แหละคอยสอนการบ้านทุกวันแต่ตั้งแต่พี่ต้นไม้ไปเป็นดีเจประจำชุมชนก็ไม่ค่อยมีเวลามาหาโจแต่ต้นไม้ก็ต้องทำเพราะทางบ้านตนก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรที่อยู่ได้ก็เพราะอาชีพนี้ลำพังแค่เป็นคนงานที่ไร่คุณยายลิ้นจี่ตามบิดามารดาจะได้ซักกี่บาทกันเลยต้องทำ แต่ความสำพันธ์ของโจกับต้นไม้ก็ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิมเพราะทุกอาทิตย์ต้นไม้จะมาหาโจที่บ้าน คอยติวการบ้านให้บ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าแต่ก่อน
เมื่อก่อนติวกันแทบทุกวันถึงขนาดนอนค้างที่บ้านโจช่วงใกล้สอบจนมีอยู่วันนึง ติวกันไปติวกันมากลายมาเป็นติวเซ้กส์ให้หนุ่มน้อยก็ด้วยความทีขี้สงสัยของหนุ่มโจโจถามเรื่องน้ำว่าวในวิชาสุขศึกษาพี่ต้นไม้ก็สอนให้โจชักว่าวสอนกันไปกันมาหนุ่มโจก็เรียบร้อยพี่ต้นไม้โจได้เสียกับพี่ต้นไม้ครั้งแรกตอนสอบปลายภาคป 6 ขึ้น ม1 โจไม่เคยมีเซ้กส์กับคนอื่นเลยถึงแม้มีคนมาเสนอน้องโจให้บทเรียนเซ้กส์กับพี่ต้นไม้คนเดียว และทุกครั้งที่เอากันโจจะเป็นฝ่ายรับก็เพราะโจนะสิถามนอกบทเรียนเรื่องการสอดใส่เป็นวัยอยากรู้อยากเห็นด้วยพี่ต้นไม้ก็เลยสอนภาคปฏิบัติด้วยซะเลยแต่น้องโจดันติดใจพี่ต้นไม้เพราะพี่ต้นไม้มีเซกส์กับโจด้วยความรักมาตลอดและทำด้วยความทะนุถนอมมีครั้งนี้แหละที่โจให้พี่เสือเพื่อนพี่ต้นไม้เอาก็ด้วยความยากลองของใหญ่ดูบ้างแต่โจก็รักพี่ต้นไม้มากพอพอกับที่พี่ต้นไม้รักโจมากด้วยเช่นกัน
“นับดาวกันดีกว่า” น้องโจนับไปพี่ต้นไม้ก็ได้แต่อมยิ้มในความน่ารัก
“พี่ต้นไม้รู้มั้ยครับดาวดวงนั้นคือดาวอะไร”
“ดาวประจำเมืองหรอครับ”
“พี่ต้นไม้ทายผิดแล้วครับ”
“ดาวดวงนั้นคือดาวพี่ต้นไม้งัยครับ” พี่ต้นไม้ก็ขำยิ้มหน้าแดงเลยครับทั้งที่จริงจริงมันก็เป็นมุขเลี่ยนเลี่ยน แต่มองแววตาของหนุ่มน้อยก็อดยิ้มไม่ได้
“พี่ต้นไม้ว่าพี่พีทเค้าน่ารักมั้ยครับ” หนุ่มน้อยยังคงหนุนตักพี่ต้นไม้
“น้องโจชอบพีทหรอครับ” ต้นไม้ถามไปยิ้มไปแต่ในใจไม่อยากฟังคำตอบหากคำตอบคือใช่ตนเองนั่นแหละ จะเป็นฝ่ายที่ต้องไป
“โจจะไปชอบคนอื่นได้งัยละคับก็ถ้าพี่ต้นไม้ว่าพี่พีทน่ารักผมจะพามาให้พี่ต้นไม้ฟัน เป็นของขวัญให้พี่ต้นไม้บ้าง”
“เอาใหญ่แล้วนะเรา” พี่ต้นไม้ตีก้นน้องโจหนึ่งผัวะ
“ พี่ต้นไม้ ตีก้นโจทำไมอะ” หนุ่มน้อยขำใหญ่“อ้าวก็โจอยากตอบแทนพี่ต้นไม้”
“พี่ว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าครับ ไป ลุก เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” พี่ต้นไม้ประคองหนุ่มน้อยลุกขึ้นนั่งหนุ่มน้อยก็ไม่ขัดใจเพราะเห็นสมควรแก่เวลาพี่ต้นไม้นั่งมอร์เตอร์ไซค์
“กลับบ้านกันดีกว่าเดี๋ยวพี่จะพาบินเอง” หนุ่มน้อยหัวเราะใหญ่เลย
“ถ้าพี่ต้นไม้อยากฟันพี่พีทบอกโจนะครับ”
“พูดอย่างกะง่ายง่าย” ต้นไม้สวนและหันไปยิ้ม
“เดี๋ยวก็รู้ครับว่าง่ายไม่ง่าย” หนุ่มน้อยพูดด้วยทีท่ามั่นใจก็เหตุผลที่แน่ใจคือสนิทกันเหมือนกัน ถึงแม้อายุจะห่างกันสวนเราก็อยู่ติดกันในใจคิดแต่เพียงว่าให้พี่ต้นไม้ได้มีอะไรตื่นเต้นบ้างก็ดีไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยทั้งคู่นั่งเงียบกันไปตลอดทางโจยังกอดพี่ต้นไม้แน่นเหมือนเดิม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ฮัด ฮัด ฮัดเช่ยฮัดเช่ย” ผมจามไปสองทีติดกัน
“เป็นไรครับ คุณพีทไม่สบายหรอครับ หรือเหม็นเต่าพี่วิน” พี่วินถามด้วยความเป็นห่วงหันมายิ้มมุมปาก
“เต่าพี่วินหอมครับแต่สงสัยคงมีคนบ่นถึง ไม่ก็คนนินทา”
“คนมันดังก็เงี้ยแหละครับคุณพีท” ผมก็ขำ เฮอะ เฮอะ
“พี่วินอย่าเรียกผมว่าคุณพีทได้ป่าว” ผมไม่อยากให้พี่วินเรียกผมว่าคุณพีทเพราะมันดูห่างเหิน
“แล้วงัยครับให้เรียกเมียหรอครับ” พี่วินหันมาแซว
“ได้ก็ดี” ผมพูดเบาเบา
“เอ้ย ไม่ถึงขนาดนั้นครับ เรียกน้องพีทเหมือนที่อยู่ในห้องนอนด้วยกันนะครับเรียกคุณพีทมันดูห่างห่างกันยังงัยไม่รู้”
“ไม่ได้หรอกครับนี่มันเข้าเขตสวนคุณพีทแล้วนะครับ ผมจะเรียกว่าน้องพีทได้งัยหละครับเกิดคนอื่นมาได้ยินเข้า ผมก็ซวยดิครับคนอื่นเรียกคุณพีทกันหมดมีผมคนเดียวเรียกน้องพีทก็ไม่ได้หรอกครับ” แล้วพี่วินก็หันมากระซิบกับผม
“น้องพีทนะ เก็บไว้เรียกตอนเราอยู่ด้วยกันในห้องงัยครับ” พี่วินพูดซะผมอายโคตรโคตรเลยครับจากนั้นก็พี่วินก็ขับรถมอร์เตอร์ไซค์ไปเรื่อยเรื่อยจนถึงหน้าบ้านไม่มีคำพูดจาใดใดพี่วินคงกลัวพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปเมื่อถึงบ้านเห็นน้องเก้ากำลังตักข้าวให้คุณแม่คุณแม่เห็นผมกลับมาพอดี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ คุณคะ ลูกพีทกลับมากันแล้ว” ผู้เป็นแม่หันไปทางพ่อ“เก้าตักข้าวให้พี่เค้าสิลูก” ผมเดินขึ้นไปบันไดไม้ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร จัดซะสวยเชียวคับระเบียงไม้ตากลมพอดี “แม่เห็นว่าอากาศดีนะลูก ก็เลยจัด dinner กันนอกบ้านบ้างเราไม่ได้ทำมานานแล้ว” ผู้เป็นแม่พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“วิน ทานด้วยกันที่นี่นะลูก”
“ครับ ขอบคุณครับคุณผู้หญิง” น้องเก้ารู้งานตักอาหารให้พี่วิน
“เอ้ยไม่ต้องน้องพี่ตักเองก็ได้” พี่วินรู้สถานะตัวเองดี ว่าไม่ต่างอะไรกับน้องเก้าจึงไม่อาจเอื้อมให้หนุ่มน้อยมาคอยบริการ
“กลับตรงเวลาดีนี่เป็นงัยบ้างหละ ปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
“ก็ดีครับ ก็สนุกดีครับ คุณพ่อ” สายตาผมมองน้องเก้าด้วยความสงสารว่าเด็กวัยอ่อนกว่าผมเพียงปีกว่าต้องมานั่งทำงานหนักแบบนี้มันต่างกันเหลือเกินผมนั่งกินโต๊ะอาหารที่หรูหราแต่น้องเก้าต้องมายืนคอยบริการไม่รู้ว่าป่านนี้มีอะไรตกถึงท้องบ้างรึยัง
“เก้า กินด้วยกันสิ” ผมถามด้วยความห่วงใยทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ว่าไม่เพราะด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่อาจนั่งโต๊ะอาหารเทียบเคียงเจ้านาย
“เก้าเรียบร้อยแล้วครับ คุณพีท” เด็กหนุ่มตอบแววตาเป็นประกายยิ้มแย้ม
“เอา กินกันได้และ” ผู้เป็นพ่อพูดเปิดประเด็นผมเหลือบไปเห็นว่ายังไม่มีน้ำเลยเลยกะจะแซวน้องเก้าสุดหล่อคนนี้เล่น
“เก้า ลืมอะไรเปล่าคับ” ผมหันไปทางน้องเก้าแกล้งทำสีหน้าจริงจังให้เด็กมันกลัวเล่น
“ลืม…..” น้องเก้าหน้าเอ๋อเชียวครับกลัวจะทำผิดอะไร
“พี่พีทยังไม่มีน้ำเลยนะครับ” น้องเก้าดูโคตรเสียใจเว่อร์แต่ก็โคตรน่ารักเลยครับรีบเอาเหยือกน้ำมารินให้ผม แต่ทันใดนั้นดั้นสะดุดขาโต๊ะ หน้าทิ่มมาที่ซอกคอผม แก้มงี้เฉียดผมไปติ๊ดเดียวกลิ่นกายน้องเก้างี้ปะทะจมูกผมเต็มเต็มเลยครับเหยือกน้ำวางที่บ่าผมพอดีเป๊ะน้ำกระฉอกโดนผมนิดนึง
“ตายและ เก้า” ผู้เป็นแม่อุทานด้วยความตกใจแต่พ่อเลี้ยงสิครับ สีหน้าโกรธมาก ผมหน้าจ๋อยเลย
“อะไรกันงานง่ายง่ายถือเหยือกน้ำแค่นี้ ทำให้หก ต่อไปจะทำงานใหญ่อะไรได้” พ่อเลี้ยงตาเขียวปัดเลยครับโคตรไม่มีเหตุผลแค่เรื่องติ๊ดเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่โตส่วนเจ้าบอมบ์ขำใหญ่เลย
“555555555 พี่เก้าหกล้ม ” พ่อเลี้ยงคงรำคาญหันไปดุเจ้าบอมบ์
“นี่บอมบ์อย่าหัวเราะเยาะพี่เค้านะ” เจ้าบอมบ์หน้าซีดไปอีกหนึ่งาย
“คุณพีท เก้าขอโทษเก้าไม่ได้ตั้งใจมือคอยปัดน้ำให้ผมที่หน้าอกใหญ่เลยครับ” เก้าหน้าเสียมากเลยครับผมเห็นและก็สงสารคุณพ่อเลี้ยงนี่ ดุเกินไป
“ ไม่เป็นไรคับ ไม่เป็นไรเลยคับน้องเก้า พี่พีทไม่เป็นไรเลย” ผมพูดปลอบใจจับมือน้องเค้าไปด้วย กลัวเค้าจะตกใจ เท่านั้นแหละครับเค้าถึงจะเอามือออกจากอกผมที่เช็ดน้ำให้อยู่นั้นรินน้ำให้กินเหมือนเดิมและรินให้พี่วินด้วยเมื่อเหตุการณ์ยุติลงเราก็กินข้าวกันตามปกติคุยกันไปหัวเราะกันไปอบอุ่นดีจริง น้องเก้าก็คอยบริการเราไปด้วยผมแอบมองน้องเก้าเป็นระยะวันนี้ทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู สงสารจัง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ในขณะที่โจมาถึงบ้านทันทีที่โจถึงบ้าน ผู้เป็นยายนั่งรออยู่ที่ใต้ถุนบ้าน
“ไปไหนมาดึกดื่นนี่เพิ่งจะกลับ” ผู้เป็นยายสีหน้าโกรธหลานตนเองมากที่กลับมากลางคืน
“ยาย ก็แค่ทุ่มนึงเอง”
“หรอจ๊ะ โตใหญ่และนี่ไปไหนไม่บอกกล่าว ต่อไปนี่ไม่กลับซะเที่ยงคืนเลยหรอ” ผู้เป็นยายพูดประชด
“ต้นไม้นี่ก็ไม่ดูน้องนะ เฮอะนำหรอ ตั้งแต่ไปเป็นไอ้ดีเจอะไรเนี่ยเสียเด็กใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวยายจะตีให้ตูดแดง” ผู้เป็นยายดุพี่ต้นไม้อย่างกับเด็กเด็กก็เพราะตนเองก็เลี้ยงต้นไม้มาตั้งแต่เด็กเด็กความรักความผูกพันธ์นี่เหมือนต้นไม้เป็นหลานแท้แท้พี่ต้นไม้ขำผู้เป็นยายด้วยคำพูดอย่างกะตนเป็นเด็กเด็ก ทั้งที่จริงจริงก็ 20 กว่าแล้ว
“ยังจะขำอีก เดี๋ยวเถอะ” มือคุณยายลิ้นจี่ไวกว่าความคิดตีพี่ต้นไม้ดังผัวะ ผัวะ ผัวะ
“คุณยายครับ โอ้ย ต้นไม้ เจ็บ”
“เจ็บสิ ไม่เจ็บฉันจะตีหรอ”
“ไปไหนมา อย่าโกหกนะ” คุณยายลิ้นจี่จ้องตาสองหนุ่มตาเขม็งเค้นเอาความจริง
“ไป……” โจหนุ่มน้อยคิดว่ากะจะบอกว่าไปติวหนังสือกับเพื่อนแต่พี่ต้นไม้รีบตัดบทก่อน
“นัดกันไปเล่นเกมส์กับเพื่อนครับคุณยาย” พี่ต้นไม้รีบบอกเพราะถ้าหากบอกไปติวหนังสือกับเพื่อน คงโดนด่าเละ ติวอะไรตอนกลางคืน
“ ว่าแล้วงัย เด็กสมัยนี้มันติดเกมส์ เรียนไม่สนใจ ตกกี่ตัวละเมื่อกี้แกจะโกหกอะไรฉัน เฮอะ เจ้าโจ” คุณยายดีใจที่ตัวเองเดาถูกเผ๋งพลางตบที่ต้นขาตนเอง
“ แกคงไม่บอกไปติวกับเพื่อนหรอกนะเพราะน้ำหน้าอย่างแกไม่เล่นเกมส์ก็เตะบอล ถ้า ป 6แกไม่ได้ต้นไม้เค้าติวให้มีหวังแกไม่ได้เกรดสี่หรอกตกกระจุย ฉันรับประกัน”
“เอาหละ เอาหละ นี่ก็มืดค่ำและแกสองคนไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลาซะ ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว” พี่ต้นไม้เห็นดังนั้นก็เตรียมจะลากลับ
“ต้นไม้ แกจะไปไหนฉันไม่ให้แกกลับบ้านไปสภาพนี้หรอก ดึกดื่นอย่างนี้แล้วงูเงี้ยวเขี้ยวขอมันชุมนักมันอันตรายแกนอนกับน้องซะที่นี่แหละ” ภายในใจของโจนั้นโคตรดีใจ ยอมโดนยายด่านิดเดียวแต่ได้นอนกับพี่ต้นไม้
“ ขอโทศนะครับคุณยาย” พี่ต้นไม้รีบขอโทศคุณยายลิ้นจี่
“ เอาหละ ทีหลังแกจะไปไหนแกก็บอกฉันก่อนและกัน”
“ครับ คุณยาย” พี่ต้นไม้กับน้องโจก็พากันขึ้นบันไดผู้เป็นยายนึกขึ้นได้ ว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำธุระในเมือง
“ เออ เดี๋ยวก่อน ต้นเอ้ย…..พรุ่งนี้ยายจะไปทำธุระในเมืองแกอยู่เป็นเพื่อนไอ้เจ้าโจมันหน่อยและกัน พรุ่งนี้แกไปไหนรึเปล่าหละ”
“ไม่ไปครับ” มีหรือจะไปนานนานทีจะได้อยู่สองต่อสอง พี่ต้นไม้คิด
“เออ ดีและโจแกก็อยู่ติวกับพี่เค้าซะนะ จะได้ผ่านไม่ใช่ไปเที่ยวเล่นอีกละ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นบันไดไปบนบ้านผู้เป็นยายสังเกตเห็น เสื้อที่ยับยู่ของน้องโจ
“โจ ทำไมเสื้อแกถึงได้ยับอย่างนี้วะ” หนุ่มน้อยใจหายวาบเอางัยดีวะกู ก่อนจะหันไปยิ้มและบอกว่า
“นอนเล่นที่บ้านเพื่อนมาครับ”
“เออ เจริญ บ้านตัวเองมีไม่นอน” ผู้เป็นยายตอบในใจโจคิด รอดไปกูทั้งคู่ก็ขึ้นบันไดไปกินข้าวข้างบนผู้เป็นยายมองดูหลานด้วยความเป็นห่วงว่าจะไปรอดจบ ม 3 มั้ยเพราะช่วงหลังมานี้ โจค่อนข้างติดเพื่อนอีกใจก็นึกชื่นชมต้นไม้อยู่ในทีที่ยังงัยก็ตามก็ไม่เคยโกหกตนถึงแม้ต้นไม้จะไม่ใช่หลานตัวเองต่อไปโจมันจะไปรอดมั้ยนะ ตอนนี้ก็ยังพอได้เพราะต้นไม้ คอยดูแลแต่ต่อไปพอต้นไม้ออกเรือนไป ใครเล่าจะดูแลหากหลานตนยังเป็นเช่นนี้อยู่ ผู้เป็นยายได้แต่ถอนหายใจเป็นห่วงหลานตนเองที่ในอนาคตต้องใช้ชีวิตลำพังคนเดียวหากไร้การศึกษาทรัพย์สมบัติก็คงร่อยหรอหมดไปทั้งสองเดินไปเปิดฝาชีและนั่งกินข้าวกันเอร็ดอร่อย
“ ของชอบน้องโจ แกงส้มชะอมใข่เดี๋ยวพี่ต้นตักข้าวให้นะครับ” พี่ต้นรีบเดินไปตักข้าวอย่างขมีขมันและมานั่งกินข้าวกับหนุ่มน้อยเทน้ำดอกมะลิใส่ขัน ที่คุณยายเตรียมไว้ให้ในตู้เย็นผู้เป็นยายขึ้นมาพอดีแต่ก็แอบมองที่หลังตู้ เห็นพี่ต้นไม้กับหนุ่มน้อยหลานตัวเองคุยกันกิ๊กกั๊กสนิทกันดีอย่างกับพี่น้องคลานตามกันมา ก็อดปลื้มใจไม่ไหวผู้เป็นยายทำเป็นจัดข้าวของที่ครัวหากแต่ความจริงต้องการจะอบรมหลานตัวดีจริงจริงหลังจากที่อารมณ์โกรธทุเลาลงแล้วตนเองตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารเพราะตนก็เห็นเกรดเฉลี่ยของหนุ่มน้อยแล้วว่าเหลือเพียง1.5 ตกเกือบทุกวิชาไม่คุยเตือนสติกันวันนี้ก็ไม่รู้จะคุยวันไหนหากพรุ่งนี้สิ้นลมไปใครเล่าจะเป็นผู้เตือนสติ จะหวังพึ่งพ่อแม่รึก็ไม่มีทางเพราะทิ้งไปตั้งแต่โจยังแบเบาะ
“ โจเอ้ยติดพี่ต้นไม้อย่างกะตังเมเหมือนเดิมตั้งแต่เด็ก” ผู้เป็นยายไม่รู้จะเริ่มต้นยังงัยหากคุยรุนแรงไปเด็กหนุ่มจะเสียใจยายเลยเปิดบทพูดที่ดูผ่อนคลาย ยิ้มระคนไปด้วยชายหนุ่มก็ยิ้มตอบหากแต่หน้านั้นแดงก่ำ
“ดูสิ อายนี่ถ้าแกเป็นผู้หญิงนะ ฉันคงคิดว่าแกชอบเจ้าต้นไม้”ยายยิ้มเชิงหมั่นไส้ผู้เป็นยายรวบรวมความกล้าอีกครั้งว่าต้องอบรมไปบ้าง
“โจเอ้ย ยายรักและเป็นห่วงแกนะแกต้องดูแลตัวเองให้ได้อนาคตสำคัญนะโจเล่นนะเล่นได้ ไอ้เกมส์ เล่นบอลอะไรเนี่ยยายไม่ห้ามแต่แกต้องแบ่งเวลาให้เป็นไม่ใช่เล่นจนเสียการเรียนอย่างนี้และแกจะหวังเพิ่งต้นไม้ไปตลอดไม่ได้นะลูกพี่ต้นเค้าก็เป็นหนุ่มแล้วต่อไปก็คงจะแต่งงานไป“ แค่คำพูดแค่นี้โจก็เข้าใจแล้วว่ายายลิ้นจี่เห็นเกรดเฉลี่ยของตนแล้วตนเองได้แต่ก้มหน้ากินข้าวไม่พูดอะไรซักคำ
“ ต้นไม้ ฟังไว้ด้วยนะลูกอนาคตเราไม่ได้อยู่แค่นี้ยายไม่อยากเห็นพวกแกลำบากเหมือนยายแกอยากจะทำนาทำสวนไปตลอดชีวิตเหมือนยายหรอยายมันการศึกษาน้อยยังดีที่มีที่ดินติดมาจริงอยู่ ที่เป็นของเรา แต่ถ้าเราไม่เรียนสมบัติเราก็จะหายไปขนาดคนที่เค้าเรียนยังโดนหลอกเลยอันนี้ยายไม่ได้ด่าแกนะโจ ยายอยากให้แกคิดเดี๋ยวนี้คนเก่งเก่งกันเยอะไอ้พวกคนเลวมันก็เยอะ แกไม่เรียนจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับพวกมันและอีกอย่างยายก็อายุเยอะแล้วจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ยายคงตายตาไม่หลับหากยังมองไม่เห็นอนาคตของแก “ ยายลิ้นจี่พูดไปสายตาก็จ้องมองไปที่หลานรักอย่างเป็นห่วงเป็นใยเหลือเกินกลัวว่าภายหน้าหากไม่มีต้นไม้คอยช่วยเหลือจะดำเนินชีวิตลำบากเหมือนตน
ยายลิ้นจี่ถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ เฮ้อ ที่ยายจะพูดก็มีเท่านี้แหละแกเก็บไปคิดเอาก็แล้วกันยายไปนอนก่อนหละนะ” และผู้เป็นยายเดินลุกออกไปอย่างสงบทันทีที่ยายลิ้นจี่ลุกโจหนุ่มน้อยเงยหน้าด้วยสีหน้ากังวลไม่น้อยกับคำพูดยายที่ว่าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้เพราะหนุ่มน้อยก็รักยายลิ้นจี่คนนี้มากเช่นกันเพราะเลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กย่อมต้องมีความผูกพันธ์เป็นธรรมดา
พี่ต้นไม้สังเกตเห็นหนุ่มน้อยเศร้าก็รีบปลอบใจ“มาเดี๋ยวพี่ต้นติวให้ได้เกรด4 เหมือนเดิม โจซะอย่างทำได้อยู่แล้ว” ต้นไม้จำเป็นต้องพูดปลอบใจให้หนุ่มน้อยให้คลายความกังวลหนุ่มน้อยก้มหน้ากินข้าวต่อแต่พี่ต้นไม้จริงจริงแล้วก็เป็นห่วงหนุ่มโจอยู่เช่นกันที่เกรดเหลือเพียง 1.5 ไม่ได้ซ่อมไปเสียวไปอย่างเมื่อตอนเย็นหากแต่ความจริงคือถ้าเกรดตกลงไปกว่านี้คือการซ้ำชั้นพี่ต้นไม้จึงมีสีหน้ากังวลไม่น้อยแต่จะให้แสดงออกต่อหน้าหนุ่มโจก็เกรงว่าโจจะเครียดไปกันใหญ่เลยต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ภายในห้องรับแขกที่โอ่อ่ากว้างขวางสมาชิกในครอบครัวนั่งกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ขนมมาแล้วจ้า” ผู้เป็นแม่คุณพีทเดินถือขนมเค้กมาให้
“ วันนี้แม่ทำเค้กชอกโกแล้ตของโปรดของพีทงัยลูก”
“ผมขอตัวกลับนะครับ คุณผู้หญิง” พี่วินหันไปทางผู้เป็นแม่
“อยู่ทานเค้กซะก่อนสิวินและค่อยกลับอืม……..แม่ว่าคืนนี้วินค้างซะที่นี่อีกคืนก็ได้นี่ก็มืดมากแล้วนะลูก” ผู้เป็นแม่คิด เพราะเป็นห่วงพี่วินจริงจริงวันนี้เป็นวันเสาร์ คนงานจะหยุดทางกลับบ้านพี่วินก็ค่อนข้างเปลี่ยว
ในใจพี่วินดีใจที่ได้นอนกับคุณพีทแต่ก็เกรงใจคุณพ่อเลี้ยงจึงหันหน้าไปมอง
“แกมามองอะไรฉันเดี๋ยวเค้าจะหาว่าฉันไม่ให้นอน แกอยากอยู่มั้ยหละ เห็นพีทมันบ่นคิดถึงแกแกก็ค้างซะอีกคืนนึงสิ” พ่อเลี้ยงอินทัชออกตัว
“อ๊ะ กินเค้กกันได้และเดี๋ยวเค้กแม่จะร้องไห้” น้องเก้ารู้หน้าที่ตัดเค้กให้พวกเรา และตามเสิร์ฟตามเคยแต่ผมแอบเห็นเก้ากลืนน้ำลายเอื๊อก คงอยากกินเหมือนกัน
“เก้า ไปพักผ่อนได้และมีอะไรก็ไปทำไปลูก” ผู้เป็นแม่บอกกับหนุ่มน้อยหนุ่มน้อยได้แต่ก้มหน้าเดินกลับครัวของตนเองผมก็มองตามสงสารจับใจคงอยากกินเค้กมาก ช่วยให้น้องเก้าได้กินเค้กงัยดีนะ คิดสิวะไอ้พีทสงสารน้องมัน
“แม่คับ” ผมหันไปทางผู้เป็นแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่
“ว่างัยจ๊ะลูก” ผู้เป็นแม่ตอบในขณะที่กินเค้ก ตาก็จ้องที่ทีวี
“พีทว่า….พีทว่า…….” พูดดีมั้ยวะกู
“อะไรละลูก” ผู้เป็นแม่หันมาเริ่มฉงนใจ
“พีทว่าเก้าเค้าคงอยากกินเค้กด้วยถ้าเราเอาเค้กไปให้น้องเค้า เค้าคงจะดีใจมั้งคับ”ผมพูดออกไป สีหน้าไม่แน่ใจ
“ เรื่องแค่นี้เองเอาไปให้น้องเค้าสิลูก แม่เอง ก็ลืมนึกถึงเก้าไปด้วยแหละ” ผู้เป็นแม่พูดไปขำไปในความไม่มั่นใจของบุตรชายตนผู้เป็นแม่หันมาจับมือผมด้วยความทะนุถนอมตาจ้องมองในนัยน์ตาผม
“พีท จำไว้นะลูกการที่เราจะให้อะไรแก่ใคร ถ้ามันไม่เหนือบากกว่าแรงเราก็ควรที่จะมีน้ำใจให้แก่เค้าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเก้าเนี่ยลูกไม่ต้องลังเลใจเลย เค้ามาอยู่ในบ้านเราแม่ก็ถือว่าเป็นหลานแม่เค้าหนีร้อนมาพึ่งเย็น เราควรจะโอบอุ้มเค้าอย่างเค้กเนี่ยมันไม่ทำให้เราเดือดร้อนหรือ จนลงหรอกไปไปตัดให้น้องสิไป” ว่าแล้วผมก็เดินไปตักเค้กให้น้องเก้าและเดินไปให้ที่ครัว
“เอ้า วินกินสิ” ผู้เป็นแม่ชวนพี่วินกินเค้กในขณะที่ผมเดินออกมาจากโต๊ะรับแขก
ผมเดินเข้ามาในครัวภาพที่เห็นคือหนุ่มน้อยเก้ากำลังกินข้าวด้วยความหิวกระหาย กินใหญ่เลยผมเห็นแล้วน้ำตาอยากจะร่วงนี่น้องเก้าโกหกว่ากินข้าวแล้วเพื่อมาบริการพวกเราหรอเนี่ยผมยืนถือจานขนมเค้กและเดินไปวางที่โต๊ะ
“ไหนบอกกินข้าวแล้วงัย เก้า” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีตกใจ
“ผมทำอะไรบกพร่องหรอครับคุณพีท” ผมเห็นแล้วก็ขำ ข้าวนี่ยังติดปากอยู่เลยน้องเก้าก็งงว่าขำอะไร
“ ค่อยค่อยกินก็ได้เก้าหิวแย่เลยสิ” ผมหยิบเศษข้าวที่ติดปากน้องเก้าออก
“กินอะไรเนี่ยขอพีทดูหน่อยสิโห น้ำพริกปลาทู ของชอบพีทเลย เก้าทำเองหรอ” ผมให้ความเป็นกันเองกับน้องเก้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ชอบคุณพีทก็มากินด้วยกัน เอ้ย……..เดี๋ยวเก้าทำให้ไปกินที่โต๊ะ” หนุ่มน้อยนึกขึ้นได้ว่ามันคงไม่ควรมั้งที่ชวนเจ้านายมากินอาหารที่ครัว
“เดี๋ยววันหลังจะมากินเป็นเพื่อนนะ” ผมขำใหญ่เลยในความพูดผิดของน้องเก้า แซวน้องเก้าเค้าซะเลย
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่” น้องเก้ารีบแก้ตัวพร้อมทำไม้ทำมือ น่ารักดีแฮะผมเข้าประเด็นเดี๋ยวเก้าจะหิวตาย
“ อ๊ะ เอาเค้กช๊อกโกแล็ตมาให้” น้องเก้ารีบปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ พี่พีทไม่เป็นไร เก้ากินแค่นี้ก็อิ่มครับ” หนุ่มน้อยเกรงใจไม่กล้ากินอาหารเสมอเหมือนเจ้านายทั้งที่ใจจริงอยากกินใจแทบขาด
“เอาน่า นี่เป็นคำสั่งจากเมืองหลวงเจ้าต้องกินเค้กของเรา” ผมแซวน้องเก้าให้ได้ขำบ้าง เห็นหน้าเค้าเครียดเครียดทั้งวันเก้าขำเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ” น้องเก้ารีบยกมือไหว้ขอบคุณ
“ไม่ต้องยกมือไหว้พี่หรอก” ผมรีบจับมือน้องเก้าให้ลงและออกจากครัวให้น้องเก้ากินข้าวให้เต็มที่
........................................................................................................................................................
กินข้าวสักพักหนุ่มน้อยโจก็ชวนพี่ต้นไม้อาบน้ำต่างคนต่างอาบน้ำทั้งที่ใจจริงอยากอาบด้วยกัน แต่กลัวคุณยายมาเห็นก็ซวยดิไม่รู้จะแก้ตัวยังงัยถึงแม้เมื่อก่อนอาบน้ำด้วยกันตอนเด็กแต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็โตแล้วสองคนพากันเข้านอนพี่ต้นไม้ใส่เสื้อน้องโจไม่ได้ซักตัว เพราะตัวใหญ่กว่าบังเอิญมีอยู่ตัวนึงเป็นเสื้อกล้ามสีขาวตัวใหญ่โคล่งพี่ต้นไม้ใส่ได้พอดีพี่ต้นไม้เลยใส่เสื้อกล้ามนุ่งกางเกงขาก๊วยนอนหนุ่มโจใส่เสื้อยืดเก่าเก่านอน และกางเกงบ๊อกเซ่อร์บอกว่าใส่สบายดีพี่ต้นไม้นอนหงาย ทันทีที่พี่ต้นไม้นอนลง หนุ่มน้อย โจนอนซบอกขาวขาวทันทีพี่ต้นไม้ก็กอดโจไว้ในอ้อมกอดโจรู้สึกอบอุ่นเหลือเกินที่นอนในอ้อมกอดที่ตนรักไม่มีเซ้กส์ใดใดเพราะทั้งคู่เหนื่อยล้าเต็มทีแล้วหนุ่มโจได้แต่นอนดมซอกคอพี่ต้นไม้จนเผลอหลับไปในยามราตรีแสนหวาน
........................................................................................................................................................
เมื่อดูทีวีกันเสร็จทั้งพี่วินและผมก็ขึ้นนอนทันทีที่ถึงห้อง พี่วินรีบปิดประตูห้องแล้วจูบไซ้ซอกคอผม เหมือนหื่นกระหายมาจากไหน
“คราวนี้คุณพีทให้พี่วินเรียกว่าน้องพีทได้แล้วนะครับเดี๋ยวผัวจะทำให้เมียพีทลืมไม่ลงเลย” พี่วินจูงผมเข้าห้องน้ำและถอดเสื้อผ้าให้กันเพราะห้องน้ำมันอยู่ในห้องนอน อาบด้วยกันสบายเลยครับ
“น้องพีทชอบน้องเก้านั่นหรอครับ” พี่วินสบตาผม
“แหม แค่สงสารน้องเค้าแหละไม่ได้ชอบ”
“และสำหรับพี่วินหละน้องพีทรัก หรือสงสารครับ” และพี่วินก็ดูดดุนปากผมแทรกร้อนไปข้างในมือพี่วินไวรีบเปิดฝักบัวเปียกในขณะที่ใส่เสื้ออยู่ น้ำนี่ซึมแทรกเข้าไปในเสื้อ
…………………………..............................................................................................................................
|