คุณลุงผู้ใจดี โดย auy504 (Copy) ตอนที่1
สวัสดีครับ สมาชิกทุกท่าน เงียบไปเลยไม่มีใครต่อ พอดีผมมีเรื่องประทับใจอยู่เรื่องหนึ่ง เลยลองมาให้อ่านกันหวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ เริ่มเรื่องเลยนะครับ ณ บริษัทแห่งหนึ่ง...ผมชื่อสมพงษ์นะครับ เพื่อนๆที่ทำงานมักจะเรียกผมสั้นๆว่าพงษ์ ผมเป็นคนเชื้อสายจีน รูปร่างค่อนข้างท้วมจนถึงอ้วนครับ ตั้งแต่ได้ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการ งานก็หนักมากจนไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายเลยทำให้น้ำหนักของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ผมก็อายุ 32 แล้ว แม้จะไม่ใช่วัยเบญจเพส แต่ผมก็รู้สึกได้ลึกๆว่า ปีนี้ไม่ใช่ปีที่โชคดีของผมเลย “พงษ์ คุณมาพบผมที่ห้องทำงานหน่อยสิ” “ครับหัวหน้า” คุณชัย เป็นเจ้าของแห่งบริษัทนี้ วันนี้มีเรื่องเรียกผมเข้าพบด่วน ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่ดีอย่างที่ผมคาดคิดไว้จริงๆ “ พงษ์ ผมเสียใจนะ ที่ผมต้องทำแบบนี้ แต่ภาวะเศรษฐกิจมันแย่มาก เราจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายของบริษัท” ในซองเป็นเงินชดเชยของคุณ หวังว่าคงไม่โกรธผมนะ ผมจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดของบริษัท” ไม่เป็นไรครับหัวหน้า ผมทราบสถานการณ์ของบริษัทดี เจ้าหน้าที่หลักๆของเราหลายคนก็ต้องทยอยออกไปแล้ว” ผมฝืนพูด “คราวนี้คงถึงคิวของผมแล้วจริงๆ” “ ผมขอโทษจริงๆนะพงษ์” คุณชัยพูดด้วยสีหน้ากล้ำกลืน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องเลวร้ายของปีนี้ ตั้งแต่ธุรกิจที่ผมเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อน ขาดทุนจนต้องล้มเลิกไป แฟนที่คบกันมา 7 ปีก็มาบอกเลิกเพราะเค้าเจอคนที่ดีกว่า แล้วนี่ก็ยังจะต้องออกจากงาน ที่เคยทุ่มเทแรงใจทำมาตลอดเวลา 10 ปีอีก ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ายอมรับสภาพ กับคุณชัย แล้วเดินออกมาเก็บของที่โต๊ะทำงาน ในสมองมันมึนงงไปหมด ทำอะไรไม่ถูก กับเรื่องเลวร้ายต่างๆที่ประดังเข้ามาในช่วงเพียงเดือนเดียว ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วอำลาเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เก็บของท้ายรถแล้ว ผมก็ขับรถออกมาจากบริษัท ทั้งๆที่ยังไม่รู้จะไปที่ไหน บ้านที่เคยอยู่ และเตรียมไว้เป็นเรือนหอ ก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ไม่มีที่ไหนที่จะไป ไม่มีใครรอผมอยู่ ไม่มีใครที่จะรับฟัง ว่าผมทุกข์ใจแค่ไหน อ่อนแอแค่ไหน ตอนนี้ผมเหมือนมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ ผมขับรถไปท่ามกลางสายฝนที่ซัดสาดลงมา น้ำตาก็ค่อยๆซึมที่ขอบตา ความอดทนของผมมันคงถึงที่สุดแล้วจริงๆ ทั้งๆที่พยายามเข้มแข็งมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา แต่วันนี้ มันเหมือนหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง ผมรู้สึกเหมือนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ในระหว่างนั้นเอง ผมก็นึกถึงบ้านสวนที่อยู่แถบนนทบุรีบ้านเก่าที่ผมเคยอยู่สมัยเด็กๆ ก่อนเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ในใจก็คิดว่า ลองขับรถออกไปจากเมือง ออกจากสภาพแวดล้อมที่เคยอยู่ มันอาจจะทำให้จิตใจที่ย่ำแย่ของผมตอนนี้มันดีขึ้นมาก็ได้ ตลอดทางที่ขับรถไป เรื่องราวเลวร้ายต่างๆในช่วง หนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ยังวนเวียนเข้ามารบกวนจิตใจตลอด ภาพทุกๆอย่างฉากเดิมๆยังกลับมาทำร้ายจิตใจไม่ได้หยุดหย่อนเช่นเดียวกันกับฝนและลมแรงในวันนี้ ที่ยังโหมกระหน่ำและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ผมได้แต่ภาวนาให้เรื่องราวเลวร้ายต่างๆมันพัดผ่านไปซะที ในขณะที่ผมใจลอยไม่ค่อยได้สติ ผมก็ขับรถเฉี่ยวชายวัยกลางคนที่กำลังขี่จักรยานอยู่หน้าทางเข้าบ้าน “เฮ้ย! ขับรถภาษาอะไรวะนี่ ไม่ดูคนอื่นเลย ถ้าถูกชนบาดเจ็บจะว่ายังไงวะนี่” เสียงชายคนนั้นตะคอกผม แต่ก็เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยแบบแปลกๆ และทันทีที่ผมลงจากรถเพื่อไปขอโทษ “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เสียงที่ตะคอกเมื้อกี้ เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยมิตรไมตรีขึ้นมาทันที “อ้าวหลานพงษ์ ไปไงมาไงนี่ ไม่ได้เจอตั้งนานเลย แล้วทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลยล่ะหลาน” ภาพที่อยู่ข้างหน้า เป็นชายวัยกลางคน อ้วนลงพุง ตัวเปียกฝน ไม่ได้ใส่เสื้อ นุ่งเพียงผ้าขาวม้า และกำลังประคองจักรยานที่ล้มลงไปขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ที่ผมคุ้นเคยในวัยเด็ก “ลุงผล!” ผมเรียกชื่อลุง พร้อมโผเข้ากอด ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร สัมผัสที่อบอุ่นในอ้อมกอดของลุงผล ทำให้ผมอบอุ่นใจอย่างประหลาด ลุงผล ชายอ้วน ไว้หนวด หน้าตาใจดี ผิวสีแทนเป็นเพื่อนสนิทของพ่อผม บ้านของลุงผลอยู่ข้างบ้านของผมและครอบครัวตอนที่ยังพักอยู่ที่บ้านริมสวน จังหวัด นนทบุรี สมัยเด็กๆ เวลาที่ผมถูกเพื่อนแกล้ง หรือมีปัญหาอะไร ก็มักจะวิ่งร้องไห้มาให้ลุงผลนี่แหละคอยปลอบอยู่เสมอ ตั้งแต่พ่อของผมเสียตอนผมเรียนอยู่ม.ต้น แม่ก็พาย้ายบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ไม่ได้ติดต่อกับลุงผลอีกเลย จนถึงวันนี้ อ้อมกอดในความทรงจำนั้น ยังคงอบอุ่น เหมือนเดิม มือที่ค่อยๆลูบหลัง พร้อมกับเสียงปลอบโยนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
ยังคงเหมือนเมื่อวันวานไม่มีผิดเพี้ยน “หลานพงษ์ เป็นอะไรรึเปล่า…เกิดอะไรขึ้น. ใจเย็นๆนะ มีอะไรหนักใจ ก็เล่าให้ลุงฟังได้ ” “ฝนยังตกอยู่เลย เข้าไปคุยกันในบ้านของลุงดีกว่านะ” ลุงผลเอ่ย พร้อมกับค่อยๆประคองผม ที่ยังร้องไห้ไม่หยุด เข้าไปข้างในบ้านของลุง “เอาผ้าเช็ดตัวนี่เช็ดหน้าเช็ดตา ผลัดเปลี่ยนเสื้อก่อนนะหลาน เดี๋ยวจะเป็นหวัดไป” ลุงผลยื่นผ้าเช็ดตัวให้ผม พร้อมผ้าขาวม้าหนึ่งผืน ให้นุ่งแทนเสื้อผ้าที่เปียก จากนั้น ลุงก็หันหลัง ไปหยิบผ้าขาวม้าผืนใหม่ เผื่อเช็ดตัวและผลัดเปลี่ยนผ้า
แต่ผมกลับนั่งมองลุงผลที่กำลังเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยที่ผมไม่ยอมลุกไปไหน หยดละอองน้ำฝนที่ยังคงกระจายอยู่ตามร่างกายสีแทนของลุงผล ราวกับเหงื่อที่มาจากการออกกำลังกาย เมื่อมันสะท้อนกับแสงแดดยามเย็นที่เริ่มสาดส่องเข้ามาหลังฝนซา เหมือนดั่งมนต์สะกดที่ตรึงผมให้หยุดอยู่กับที่ กล้ามเนื้อหน้าอกที่ดูแน่นและแข็งแรง รับกับพุงที่อวบได้รูป มีไรขนปกคลุมบางๆไล่เลื้อยตั้งแต่หน้าอกยาวไปจนถึงใต้สะดือ แผ่นหลังที่กว้างและดูกำยำของลุงผล ทำให้ผมนึกย้อนไปถึง ความรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย ยามที่ผมพิงศีรษะที่แผ่นหลังของลุงในขณะที่ผมนั่งซ้อนท้ายจักรยาน เวลาในวันว่างที่ผมนอนหนุนพุงนิ่มๆของลุงผล อ่านหนังสือจนหลับไป และภาพในวันสุดท้ายของการจากลา ก่อนที่ผมจะย้ายบ้านไปกรุงเทพฯ ที่ผมขอกระโดดขี่หลังลุงเป็นครั้งสุดท้าย จนเราทั้งคู่ล้มลงนอนกับพื้น มันเป็นการจากลาด้วยเสียงหัวเราะและรอยน้ำตา รึว่า! ความทรงจำที่ซ่อนอยู่ใน ซอกหลืบ ของอดีตเหล่านั้น จะเป็นตัวผลักดันให้ผมอยากกลับมาที่นี่ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงของลุงผลที่ปลุกผมจากภวังค์
“จ้องอะไรอยู่แหล่ะหลาน ทำไมถึงไม่รีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้ออีก” ผมผงกหัวรับ แล้วรีบถอดเสื้อผ้าที่เปียกอยู่ ออกมาผึ่งตาก ลมให้แห้ง และก็นุ่งผ้าขาวม้าที่ลุงผลเอามาให้ ผิวสีขาวของผม มันช่างตัดกับผ้าขาวม้าสีแดงของลุงจริงๆ มันยิ่งทำให้พุงที่ผมมีนั้นดูเด่นชัดขึ้น ผมเริ่มรู้สึกอายลุงผล กับร่างกายที่อ้วนขึ้นมากมาย ไม่เหมือนเมื่อก่อน และผมก็ไม่คุ้นเคยกับการนั่งถอดเสื้อโชว์พุงให้ใครเห็น ทำให้ผมรู้สึกประหม่า นิดๆต่อหน้าลุงผล ลุงผลมองผม ทำหน้าอมยิ้มตลอดเวลา ที่เห็นผมเลิกลัก ทำท่าทางประหม่า เมื่อผมนุ่งผ้าขาวม้า “อ้วนขึ้นเยอะเลยนะเรา แต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วนะนี่ ไม่น่าเชื่อ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน” “ลุงยิ้มๆ ทำไมครับ ตั้งแต่เมื่อกี้ที่ผมเปลี่ยนผ้าแล้ว ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่า”
“เปล่าหรอก นานๆ ลุงจะได้เห็น คนหน้าตาจีนๆ ผิวขาวๆอย่างหลาน มานุ่งผ้าขาวม้านะ”
“ ลุงว่าดูๆไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ ” ผมทำหน้าไม่ถูกกับคำชมของลุงผล แต่ก็แอบดีใจที่ลุงชม
“เอาล่ะ! ไหนลองเล่าเรื่องราวให้ลุงฟังหน่อยสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ลุงผลรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพื่อซักถามถึงปัญหาที่ทำให้ผมทุกข์ใจ ผมจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลุงผลฟัง
ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ ขอบคุณมากคับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ มาอ่านอีกรอบก็ยังประทับใจ ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ รอต่อครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆนะครับ ขอบคุณครับผม{:5_130:}