"ความทรงจำ...ไม่เคยเลือน" คุณเอ๋/CT จากบอร์ด palm ครับ กระทู้ที่ 23
ตอนที่ 44
..ออกจากบ้านปู่และย่าราวเจ็ดโมง ถนนค่อนข้างจะขับยากเพราะฝนที่ตกหนัก พี่โด่งหน้าตาดูเนือยๆเห็นแล้วน่าสงสาร เรายื่นมือไปบีบที่ต้นคอให้ แกสะดู้งแล้วหันมาพยักหน้า เราบีบไปเรื่อยๆจนรถออกสู่ถนนใหญ่ นานแค่ไหนไม่รู้จากอัมพวามาระนอง เราแวะกินข้าวกันกลางทาง ถึงตัวจังหวัดประมาณบ่ายแล้วต้องออกไปอำเภอด้านนอนกอีก ขับไปได้สักระยะผ่านตลาด เข้าซอยเล็กๆ ก็เห็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ้งตึก รอบบ้านมีบริเวณพอสมควร แม่พี่โด่งกำลังเก็บผ้าที่ราวหน้าบ้าน พี่โด่งเดินแกมวิ่งไปหาแม่ ดูท่าทางแม่ดีใจมาก เกือบปีแล้วที่พี่โด่งไม่ได้กลับมาบ้าน เรายืนดูแม่ลูกเขาทักทายกันให้เต็มที่ก่อนจะเดินไปหาเพื่อแนะนำตัว พี่โด่งโอบไหล่พร้อมเขย่าที่บ่าแรงๆตอนแนะนำ
"น้องเพื่อนครับแม่ พามาเที่ยว" ภาษาใต้ฟังยากแต่ต้องพยายามจับใจความ
"ฟังออกมั๊ย" แม่พูดภาษากลางออกทองแดงนิดหน่อย น่ารักดี "หิวข้าวกันมั๊ย" พี่โด่งยกตะกร้าผ้าเดินตัวปลิวเข้าไปในบ้าน บ้านแบบสมัยเก่า แม่เดินนำไปที่ครัว อุ่นกับข้าวให้กิน พี่โด่งชวนเราขึ้นไปเก็บของข้างบน ห้องพี่โด่ง ยังมีกลิ่นไอเมื่อตอนแกเป็นวัยรุ่นอยู่มากโข ตามผาบ้านติดรูปนักฟุตบอลอังกฤษที่แถมมากับสตาร์ซอคเกอร์ ห้องเก็ยเรียบร้อย ผ้าขาวคลุมเตียงไม้อีกที เราวางเป้ไว้ที่เก้าอี้ทำงาน พี่โด่งปิดประตู พอพี่แกหันมาจากประตูเราก็สวมกอดแกอย่างแรง พี่โด่งตกใจ เอามือดันตัวเราออกนิดนึงเพื่อมองหน้า
"เป็นอะไร" เรากอดแกแน่นแล้วซุกหน้าที่อก พี่โด่งลูบผมเบาๆ ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายพี่โด่งเองน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าเราเป็นอะไร แกกดคางลงมาที่ผม แล้วดันตัวเราออกเบาๆ
"ลงไปข้างล่างเถอะ แม่รอกินข้าว" แกบีบมือเบาๆก่อนจะเดินนำหน้าลงบันได
"ทำไมมาแค่วันเดียวละ" แม่ตักข้าวใส่จานให้แล้วนั่งข้างๆเรา "กินเป็นม๊าย" กับข้าวใต้เผ็ดทั้งนั้น รสชาดจัดจ้านไม่คุ้นลิ้น แม่ดูสนอกสนใจเราเป็นพิเศษ
"เหมือนคนจีน แต่บางทีก็ไม่เหมือน"
"ผมว่าเหมือน ไอ้เพ็ญ" พี่โด่งพูดถึงแฟนเก่า
"ไม่เหมือน ไอ้เพ็ญไม่ขาวแบบนี้ แล้วตาก็ไม่เหมือน" นี่แม่สนใจอะไรกันนักหนา เผ็ดกับข้าวมากจนแลบลิ้นออกมาเป่า "เดี๋ยวแม่เอาของหวานมาให้" ของหลานของแม่คือ อินทผาลัมแห้งๆ ที่มีขายแถวปักษ์ใต้ อันนี้ก็ไม่เคยกินอีก
กินข้าวเสร็จช่วยแม่เก็บจาน พี่โด่งก็เดินสำรวจบ้านไปรอบๆ บ่ายแก่ๆอย่างนี้อบอ้าวพอดู แม่ชี้ส่วนที่ต้องซ่อมแซมหลายจุด พี่โด่งหยิบค้อนกับตะปู ไปตามที่แม่ชี้ เรานั้งดูอยู่ห่างๆที่แคร่หน้าบ้าน ร้อนมาก แม่มานั่งข้างๆ
"โด่งขยันนะเอ๋ มาทีไรไม่เคยพักหรอก ดูโน่นดูนี่ เสียดายอ๋มาเที่ยวแค่วันเดียว ไม่งั้นจะพาไปเที่ยวสวน" เราได้แต่ยิ้ม
"แม่อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอครับ"
"ชินแล้ว อยู่ตั้งแต่พวกพี่เขาไปเรียนหนังสือกรุงเทพฯ ไม่เหงาหรอกลูก งานในสวนเยอะแยะ"
"บ้านเอ๋ทำอะไรกันหล่ะ"
"ขายของชำในตลาดฮะ" เราบอกที่อยู่แม่ก็ยิ่งสงสัยว่ารู้จักกันได้ไง
"อ๋อ เป็นลูกศิษย์ ของพี่โต คนนี้ก็ดี อ่อนน้อม รักดด่งมันมาก ตอนโด่งอกหัก ก็มาอยู่ด้วยเลยพาเพื่อนมาเป็นโขยง"
"พี่โด่งอาการหนักอย่างนั้นเลยเหรอแม่"
แม่มองไปที่ พี่โด่งแล้วพยักหน้า "เห็นเอ๋แล้วถูกชะตาเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน เผลอเล่าออกไปจนได้"
"พี่โด่งคงรักแฟนเก่าแกมากนะแม่ " แม่พยักหน้าอีก
"เขาเป็นแฟนกันตั้งแต่เรียนมัธยมที่นี่ เรียนต่อกรุงเทพฯก็ไปด้วยกัน เกือบจะแต่งงานกันแล้ว แต่แม่ก็ไม่รู้ว่า เพ็ญถึงเลิกกัน เพ็ญกลับมาอยู่บ้าน พี่เขาก็ตามมาง้อหลายครั้ง แต่เพ็ญมันใจแข็ง นี่โด่งยังไม่รู้นะนี่ว่าเพ็ญไปอยู่เมืองนอกกับผัวมันแล้ว" แม่ส่ายหน้ามองพี่โด่งอย่างห่วงใย พี่ดด่งถอดเสือพาดไว้ที่รั้ว แม่เดินเอาน้ำเย็นไปให้ หยอกล้อกันตามประสาแม่ลูก เราดูห่างไกลเหลือเกิน เหมือนเป็นบุคคลที่สาม พี่โด่งเพียงแต่คอยมองมาเป็นระยะหากเราก็ต้องคอยระงับอาการไม่ให้สาวแตก เพราะกลัวว่าแม่จะสงสัยขึ้นมา
"เย็นนี้จะกินอะไรดี"
"เดี๋ยวเอ๋ช่วยแม่นะครับ อยากดูว่าอาหารใต้ทำยังไง"
"ดีๆ มาเป็นลูกมือกันหน่อยคงสนุกนะ " แม่หัวเราะเสียงดังชวนเราปั่นจักรยานไปตลาด เราเป็นคนปั่นแม่ซ้อนท้ายทิ้งพี่โด่ง ซ่อมบ้านต่อไป แม่ค้าในตลาดรู้จักแม่หลายคน ทักทายเด็กแปลกหน้าอย่างเอ็นดู ซื้อกับข้าวหลายอย่าง ถึงบ้านก็ไม่เห้นพี่โด่ง ไม่รู้ไปไหน แม่ให้ขึ้นไปดูที่ห้องนอน ก้ไม่เจอ รถก็ยังจอดอยู่หายไปไหนนี่พี่โด่ง เฮ้อ.....
ตอนที่44 (ตอนที่แล้วคือ43)
หาพี่โด่งยังไงก็ไม่เจอ เลยเข้าครัวเตรียมอาหารกับแม่ แม่จะทำแกงส้มปลากระบอก หมูหวาน แล้วก็แกงฟักใส่ไก่ วิธีทำก็ไม่ได้ต่างกันมากยกเว้นแค่ตอนเข้าเครื่องพริกแกงที่ใช้ไม่เหมือนแถวบ้าน รสชาดอาหารใต้จะจัดจ้านทุกอย่างแม่กลัวเชว่าเราจะกินไม่ได้ก็เลยเจียวไข่อีก เสียงดังกุกกักอยู่ข้างหลัง พี่โด่งกลับมาแล้วเหงื่อท่วม แม่หันมาถาม
"ไปไหนมา" เป็นภาษาใต้พี่โด่งบอกว่าไปเดินเล่นในสวนมาแกกินน้ำอึกใหญ่ ท่อนบนยังเปลือยเปล่าหน้าท้องแบนราบเป็นมันเงาเพราะเหงื่อ พี่โด่งมายืนใกล้เราที่กำลังปลอกฟัก แล้วอมยิ้ม เราอยากจะหอมแก้มแกจังแต่กลัวแม่หันมาเจอ แม่ตั้งน้ำสำหรับแกงฟักแล้วโยนไก่ลงไปในหม้อ ตามด้วยตะไคร้ พอน้ำเดือดกลิ่นหอมชื่นใจนัก เตาที่ว่างก็ตั้งไฟเทน้ำมันรอให้มันร้อน เรารีบตีไข่รอ กว่ากับข้าวจะเสร็จเล่นเอาหน้ามันทีเดียวเราผละไปล้างหน้าแล้วเดินขึ้นข้างบนไปเช็ดหน้า พี่โด่งช่วยแม่ตั้งโต๊ะ สำรวจหน้าตาตัวเองในกระจกเรียบร้อยก็เดินลงมา ทั้งคู่นั่งรออยู่แล้วบนเสื่อหน้า ทีวี เรานั่งข้างๆพี่โด่ง
"กินข้าวกันลูก เอ๋ลองดู วันนี้แม่ทำไม่เผ็ดเท่าไหร่"
"เอ๋ ทานเผ็ดได้แต่ยังไม่คุ้นอาหารใต้ฮะเลยเผ็ด" แม่ตักแกงส้มให้เรา แล้วบอกให้ลอง พี่โด่งอมยิ้มดูแกมีความสุขดี ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด นี่ขนาดแม่บอกว่าเบามือแล้วนะ
"แก้มแดงเลย เผ็ดเหรอลูก"แม่ตักหมูหวานกับไข่เจียวให้อีก เรากินข้าวกันคุยกันไป แปลกพี่โด่งเป็นแค่ผู้ฟังเท่านั้น
"วันหลังก็มากับพี่เขาอีกนะ มาอยู่หลายๆวัน จะพาไปทำสวน" แม่ชวน เรามองหน้าพี่โด่งเหมือนจะถามแต่แกไม่พูดอะไร "ไม่ต้องรอพี่เขาหรอก เอ๋อยากมาก็มา แม่อยู่คนเดียว พาเพื่อนมาเที่ยวก็ได้จะได้สนุกกันนะ ห้องก็ว่าง"
"แม่ใจดีจัง" เราเองไม่รู้ว่าแกถูกชะตาอะไรนัก เจอกันแค่แป็บเดียวก็ชวนมาเที่ยวบ้านอีก
"แม่พี่ใจดี ถ้าแกรักใครนะ ตามใจหมดแหล่ะเอ๋"
"ก็น้องมันน่ารัก พวกโด่งไม่ค่อยอยู่บ้านกัน แม่ก็อยากมีเพื่อนคุยบ้างสิ แล้วเอ๋มาเองถูกมั๊ยหล่ะ"
"ถ้านั่งรถประจำทางก็คงมาถูกฮะ"
"วันไหนจะมาก็โทรมาบอก" เราช่วยแม่เก็บจานแล้วล้างให้แก แม่เห็นเราช่วยก็ไปอาบน้ำปะแป้งแล้วนั่งดูโรทัศน์ พี่โด่งนอนเอกเขนกหนุนตักแม่อยู่หน้าจอ ท่าจะติดแม่เอาการตามประสาลูกชายคนเล็ก เราขอตัวไปอาบน้ำบ้าง ขัดสีฉวีวรรณ ซะเรี่ยม วัยยังให้อยู่หน้าก็ยังใส แต่งตัวเสร็จพี่โด่งก็ขึ้นมาแกอาบน้ำเสร็จแล้วขึ้นมาใส่เสื้อผ้า
"วันนี้พี่นอนกับแม่นะครับ เอ๋นอนคนเดียวได้มั๊ย" เราพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากดึงผ้าที่คลุมที่นอนออกพับไว้ที่เก้าอี้
"เป็นอะไร ไม่ตอบ" พี่โด่งใส่เสื้อผ้าเสร็จ
"ไม่มีอะไรฮะ พี่นอนกับแม่เถอะ แกไม่มีเพื่อน คงเหงาน่าดู" เราเอนตัวลงบนที่นอน "ปิดไฟให้ด้วยนะ พี่" พี่โด่งยืนมองเราที่ปลายเตียงแล้วทรุดตัวลงนั่ง เอามือดึงเราขึ้นจากที่นอน เรากอดเอวแกไว้แล้วซบหน้าลงที่ไหล่
"พี่โด่งไม่ต้องเป็นห่วง เอ๋สบายดีพี่ นอนคนเดียวได้" เราหมายความเช่นนั้นจริงๆ
"แน่ใจนะ" แกยังมองหน้าเราเหมือนชั่งใจ
"แน่ใจ" เราจูบที่คางแกเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง พี่โด่งปิดไฟแล้วปิดประตูเบาๆ เหมือนใจจะขาดวันนี้ต้องนอนคนเดียว น้ำตามันเอ่อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่เราร้องไห้ทำไม เราตอบตัวเองไม่ได้ ได้แต่สะอื้นเบาๆท่ามกลางความมืดเท่านั้น............
พี่โด่งกับแม่ออกไปสวนตั้งแต่เช้าทั้งคู่ไม่ได้ปลุกเรา ตื่นขึ้นมาไม่มีใครยิ่งเศร้าใจนัก วันนี้วันอาทิตย์แล้ว ไม่อยากจะคิดต่อเลย อีกกี่ชั่วโมง กี่นาที ที่จะได้อยู่กับเขา เรานั่งรอทั้งคู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน เกือบสิบโมงทั้งคู่ก็เดินกลับมาด้วยกันแม่ทำกับข้าวให้กิน พี่โด่งกินเงียบๆ ส่วนแม่ก็ยังดูแลเราเหมือนเดิม กินเสร็จพี่โด่งก็ไล่เราไปเก็บเสื้อผ้าข้างบน เรายืนมองห้องหลังจากก่อนอยู่พักใหญ่ เราจะมีโอกาสได้มาที่นี่อีกรึเปล่า หลังจากวันนี้แล้วจะมีวันไหนอีกที่จะได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับพี่โด่ง รู้สึกตื้ออย่างบอกไม่ถูก อยากจะร้องไห้ ค่อยๆปิดประตูช้าๆ เป้สองใบถูกวางที่ตำแหน่งเดิม แม่เขียนเบอร์โทรให้พร้อมกำชับอีกครั้งก่อนขึ้นรถ
"มีโอกาสก็มาเที่ยวแม่นะเอ๋ มาถึงโทรมานะแล้วแม่จะไปรับ" เราไหว้ลา พี่โด่งกอดแม่ทีนึงแล้วพูดกันสองสามคำก่อนขึ้นรถ แม่ยืนโบกมือพร้อมรอยยิ้ม ผู้หญิงคนนี้เข้มแข็งมากในสายตาของเรา แกอยู่คนเดียวดูแลสวนทำงานบ้าน นั่งรอลูกๆที่จะกลับมาเยี่ยมบ้าน นึกถึงแม่ขึ้นมาทันที ป่านนี้แม่คงจะรอเราเช่นกัน รอลูกที่หลงระเริงว่าเมื่อไหร่กลับบ้าน มีแต่ความเงียบในรถหันไปมองพี่โด่ง แกก็ตั้งอกตั้งใจอยู่กับถนนข้างหน้าเหมือนใช้ความคิด แกหันมามองเราแล้วตบที่บ่าเบาๆ
"เป็นอะไรเอ๋ ทำไมหน้าตาดูไม่สบายเลย เหนื่อยรึเปล่า" พี่โด่งชะลอรถที่ข้างทางแล้วหันมาคุยกับเรา"บอกพี่หน่อยสิไม่สนุกเหรอ" เราซบหน้าลงที่ไหล่พี่เขา
"เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีกหล่ะพี่" พูดได้แค่ไหน บ่อน้ำตาก็ทะลัก
"ร้องไห้ทำไม"พี่โด่งลูบผมเบา "จำปู่กับย่าสอนไม่ได้เหรอ มีพบก็ต้องมีจาก ถ้าเอ๋ไม่มีประสบการณ์แล้วเอ๋จะโตเป็นผู้ใหญ่ได้เหรอ" พี่โด่งค่อยๆเคลื่อนรถออกจากไหล่ทางอีกครั้ง
"เอ๋รักพี่โด่งแล้วนี่" พี่โด่งหันหน้ามามอง
"พี่รู้ แต่พี่ไม่อยากให้เอ๋คิดไปไกลขนาดนั้น เรามาสนุกด้วยกัน เราก็ควรจะจากกันด้วยรอยยิ้มนะครับ" แกละสายตาจากถนนแล้วหันมามองหน้าเราอีกครั้ง "ไม่เอา เอ๋อย่าร้องไห้ พี่ไม่สบายใจ"
"ก็เอ๋เสียใจนี่นา เอ๋ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอะพี่อีก หรือว่าจะไม่ได้เจอกันอีกก็ไม่รู้"
"ใครว่าจะไม่เจอ เอ๋รู้แล้วนี่ว่าพี่อยู่ที่ไหน" รถขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"พอถึงกรุงเทพฯ เอ่ก็ต้องขึ้นรถกลับบ้านคนเดียว"
"กว่าจะถึงก็มืด พี่ไม่ให้เอ๋กลับตอนกลางคืนหรอก พี่เป็นห่วง พรุ่งนี้เช้าพี่จะไปส่งเอ๋ก่อนไปทำงาน รถเที่ยวแรกออกตอนหกโมงใช่รึเปล่า" เราพยักหน้า "คืนนี้เราจะอยู่ด้วยกันนะ"
พี่โด่งคอยบีบมือเราเป็นระยะ ไปตลอดทาง จนถึงอพาร์ทเม้นท์ พี่คนเดิมโบกมือเรียกพี่โด่งไปร่วมวง เราแวะกินข้ากันที่ร้านเดิม พี่พงษ์เดินเตร่เข้ามา
"ไปเที่ยวกันมาไม่ชวนเลยนะ" แกตีไหล่พี่โด่งเบาๆ เรารีบกินให้เสร็จเพราะไม่อยากนั่งอยู่ที่นั่นนานๆ พี่พงษ์มานั่งข้างๆจนได้
"ไงเรากลับบ้านเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้เช้า" พี่โด่งลุกข้นจ่ายเงินแล้วเดินลิ่วขึ้นอพาร์ทเม้นท์ไปแล้ว พี่พงษ์เดินตามมากระซิบก่อนเราเดินขึ้นบันได
"รีบตามผัวไปสิ"
"พี่พูดอะไร" เราชักสีหน้า รู้สึกไม่ดีที่แกพูดแบบนี้
"เด็กหนอเด็ก" แกมองหน้าเรา" พี่ไม่อยากจะสอนแต่มันคันปากนะ อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไป พี่ก็เคยมีความสุขแบบนี้ตอนยังสาว ทำตัวให้สนุก ผู้ชายแบบนี้หายากนะ อายุขนาดเรานี่ยังหาผู้ชายได้ง่าย ถ้าเมื่อไหร่อายุเท่าพี่แล้วเราจะรู้เองว่าหาผู้ชายมันยากแค่ไหน แก่มาก็ต้องซื้อเอา จำไว้" พี่พงษ์เดินแกมวิ่งออกไปหลังจากพูดเสร็จไปสมทบ
กับวงเหล้าร้านเดิม เรายืนงงอยู่สักพักนี่พี่พงษ์ทำไมต้องมาสอนเราด้วยนะ แต่นึกคำพูดของแกตอนนี้มันก็จริงบางส่วนเพราะยิ่งอายุมากขึ้น ก็หาผู้ชายยากขึ้นไอ้รุ่นเดียวกันก็มีลูกมีเมียไปหมดแล้ว จะคั่วเด็กก็ต้องจ่าย ทำไมชีวิตกระเทยมันยากจังนะ.................
.
ขอบคุณครับผม{:5_130:} ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ รอต่อนะครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณนะครับ สนุกมากครับ ขอบคุนครับ ยินดีจ๊าดนักเจ้า ขอบคุณนะครับ ขอบคุณครับผม{:5_146:} ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ{:5_140:} ขอบคุณมากมากครับ{:5_146:} ขอบคุณ ขอบคุณครับ เจ๊พงษ์พูดจริงทุกอย่าง ชีวิตมันเศร้า
หน้า:
[1]