คนละฝั่งเมือง by ตะกอนน้ำชา
1บ้านของผมอยู่ย่านผู้ดีเก่าแถบสาทร เป็นบ้านหลังสุดท้ายของเขตนี้ก็ว่าได้ เพราะเพียงแต่เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งก็จะกลายเป็นพื้นที่เขตยานนาวาทันที
ที่ตึกแถวคนละฝั่งถนนที่ติดในเขตยานนาวานั้น เป็นร้านซ่อมแอร์และตู้เย็น ซึ่งให้พนักงานบางส่วนพักค้างอ้างแรมบนดาดฟ้าตึก จากห้องนอนของผม ผมสามารถที่จะมองไปเห็นได้อย่างถนัดถนี่
บ้านของผมเป็นบ้านเก่า เรามีเนื้อที่กว้างขวาง แม้วันนี้คุณย่าจะจากไปนานแล้ว แต่ความรุ่งเรืองในอดีตของบ้านยังมีให้เห็น มีความร่มรื่นอยู่โดยรอบ มีสระว่ายน้ำขนาดเล็กอยู่หลังบ้านและมีงานศิลปะเรียงราย
ผมมักจะใช้เวลาตลอดทั้งวันในวันว่างอยู่กับต้นไม้และสัตว์เลี้ยงในบ้าน บ้านของเราไม่เคยรับคนแปลกหน้าหรือใครที่ไม่คุ้นเคยเข้ามา ดังนั้นชีวิตจึงถูกขีดวงไว้ในความจำกัด ผิดกับอีกฝั่งหนึ่งของถนนที่เด็กหนุ่ม ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่อาศัยอยู่ในฐานะคนงาน พวกเขามีชีวิตอย่างเริงร่าและเลวทราม
ที่ว่าเลวทรามเพราะผมจะเห็นพวกเขาเมามายกันเสมอในวันสำคัญของปี เมื่อร้านปิดและมีคนจำนวนหนึ่งไม่ได้กลับบ้านต่างจังหวัด พวกเขาก็จะตั้งวงเมามายกันบนดาดฟ้านั้น
วันขึ้นปีใหม่ ผมไม่ได้ไปไหน เพราะป่วยหลังจากที่สังสรรค์กับครอบครัวเสร็จแล้วก็ขึ้นห้องอ่านหนังสือ ผมทอดสายตาเห็นคนหนุ่มเหล่านั้นเฮฮากันเป็นที่สนุกสนาน
เสียงเพลงอีสานและการตีเกราะเคาะขวดดังอยู่ไม่ขาด แม้ดาดฟ้าตึกแถวนั้นจะเป็นมุมส่วนตัวของพวกเขา แต่ผมก็แลเห็นได้ถนัดผ่านกิ่งลั่นทมสีขาวนวลที่บดบังอยู่เพียงบาง ๆ
วันนั้นพวกเขามีกันประมาณ 3 คน เมื่อเมาได้ที่ ผมเห็นคนหนึ่งในกลุ่มนั้นซึ่งเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด คมคายและมีเรือนร่างที่งดงามตามประสาคนทำงานออกแรง เขานุ่งผ้าขาวม้ากินเหล้า เมื่อเมาได้ทีก็ลุกขึ้นมาร้องรำทำเพลง แล้วถอดผ้าขาวม้าออก ควักความเป็นชายในกางเกงในสีหม่นออกมาโชว์เล่นเป็นที่สนุกสนานเฮฮาของเพื่อน ๆ
ผมจับตามองด้วยใจระทึก ไม่นึกไม่ฝันว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาพยายามที่จะเดินไปมาแล้วส่ายอวัยวะของเขาอวดความยาวที่สะดุดตาให้กับฟ้าดิน ผมเห็นไม่ถนัดนักเพราะบางที่เขาก็เอาเข้า บางทีก็เอาออก ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ เขาพยายามจะเอามันยัดเข้าไปในปากของเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งดูเด็กกว่า เพื่อนคนที่ถูกยัดปาก หลบปัดพัลวันเป็นที่สนุก พวกเขาพูดภาษาอีสานกันฟังไม่ได้ใจความ
ผมรู้สึกร้อนผ่าวกับเหตุการณ์ตรงหน้า รู้สึกว่าวุ่นและนั่งไม่ติด ก็เพียงแต่หากผมนั่งร่วมวงสุราอยู่ในนั้นด้วย จะเกิดอะไรขึ้น บังเอิญผมถูกเรียกให้ลงไปรับประทานอาหารพอดี ภาพที่เห็นตรงหน้าจึงสิ้นสุด
นับแต่นั้นมา ผมมักจะแอบมองไปบนดาดฟ้าตึกนั้นเสมอ ซึ่งห่างกันแค่ถนนคั่นสีเลน วันอื่น ๆ หลังจากนั้นเขาคนนั้น ซึ่งผมไม่ทราบชื่อก็ไม่ได้ทำพฤติกรรมเช่นนั้นอีก
2
ผมเดินเตร็ดเตร่แถวร้านอาหารริมถนนและพบเขาใกล้ ๆ ดวงหน้าของเขาช่างงดงามเสียเหลือเกิน รูปร่างไม่ใหญ่โตนัก เมื่ออยู่ในเสื้อผ้า เขาไม่มีจุดเด่นให้ดูสะดุด แต่เมื่อถอดเสื้อ ความงามในเพศชายของเขาปรากฎชัดแจ้งทุกครั้งไป เพราะแผงอกของเขาและกล้ามท้องที่รองรับกันอย่างได้สัดส่วน
ผมเผลอแอบสบตาเขาบ้างเหมือนกันด้วยหัวใจร้อนรน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น ผมอยากใกล้ชิดเขา อยากร่วมวงสุรากับเขา แต่ผมไม่สามารถที่จะได้เพียงเพราะว่ารอบบ้านหลังนี้มีแต่ผู้คนที่รู้จักผมดี แม้แต่เจ้าของร้านซ่อมตู้เย็น เนื่องจากบ้านของผมเป็นครอบครัวเก่าแก่ คนที่มาใหม่อย่างคนงานเหล่านี้ไม่รู้จักเรา แต่คนเก่า ๆ จับจ้องไม่ว่างเว้น
ผมไม่รู้หนทางที่จะรวมชีวิตของผมให้ไปอยู่ร่วมกับเขา ตกเย็นเขาจะเล่นตะกร้อที่บริเวณที่ดินที่ว่างข้างตึก ส่วผมเล่นไม่เป็นและไม่เคยเล่นในเรื่องกีฬา ผมก็มีแต่เบสบอลเท่านั้นที่เป็นเครื่องระบาย และเขาก็คงเล่นไม่เป็นและเข้ากับเพื่อนผมไม่ได้ เราช่างไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย แต่เขาก็ช่างเกิดมาเพื่อกำหัวใจของผมไว้ทั้งดวงจริง ๆ ไม่มีอะไรในเรือนกายเขาที่จะเล็ดลอดไปจากความชื่นชมของผม ไม่ว่าจะเป็นไรหนวดเครา แผงอก กล้ามท้อง ช่วงแขน ช่วงขา ข้อมือ ข้อนิ้ว และบุคลิก เขาช่างเกิดมางดงามในความเป็นเพศชายอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดจริง ๆ
บางวันผมเห็นเนื้อตัวของเขาเปื้อนมอมแมม แม้แต่ความเปื้อนเหล่านั้นก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลสำหรับผม
วันหนึ่งเขามีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนร่างใหญ่ เพื่อนในกลุ่มจัดวงให้ไปชกกันที่ลานตะกร้อ เขาชกกันในเกมอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน คิ้วแตกเลือดอาบ เขาเป็นนักเลงคนหนึ่ง ไม่ใช่คนเรียบร้อยเลย ซ่า ดีเดือด บ้าระห่ำ รุนแรง แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายมาก เมื่อจบแล้วก็เป็นจบ ผมเห็นเขากับคนที่ชกกันจบลงที่การชนเหล้าร่วมกัน เขาช่างเป็นผู้ชายจริง ๆ ในสายตาของผม มันทำให้ผมคลั่งในความเถื่อนของเขายิ่งขึ้น
ผู้คนในแวดวง แม้แต่คนในครอบครัวของผมเอง คงสงสัยในพฤติกรรมของผมบ้างอยู่เหมือนกัน เนื่องจากผมไม่เคยพาหญิงสาวมาที่บ้านและไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอ่านหนังสือ
ผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นที่อยู่แต่ในกรอบในเกณฑ์ ในกลุ่มเพื่อนลับเฉพาะของผม ผมก็เคยถูกลากพาเข้าสถานเริงรมย์อันรื่นเริงที่มีเพียงผู้ชายอยู่ในนั้นนับครั้งไม่ถ้วน ผมเคยเดินจีบคนรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยวาทศิลป์อันแยบคาย เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดได้รับการถ่ายถอดความอบอุ่นสู่จิตใจ
เพื่อนในทีมเบสบอลของเราก็มีคนที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ การแอบมีความสัมพันธ์กันเกิดขึ้นลับ ๆ อย่างเป็นเรื่องสนุก ผมอยู่โรงเรียนประจำจึงคุ้นเคยกับเพื่อนเหล่านี้ แต่ผมไม่เคยได้พบกับเพื่อนชายที่ธรรมดาและติดดินอย่างเขา
แต่ครั้งนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากอยู่เพียงบ้าน ผู้คนที่ผมพบมาแล้วในชีวิตมิมีใครที่มีพลังแห่งเพศชายร้อนแรงดังเช่นเด็กหนุ่มคนนี้ เวลาผ่านไปร่วมปี ผมก็ยังไม่สามารถที่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา และพัฒนาความสัมพันธ์ของเราให้ไกลกว่าที่เป็นอยู่
วันตรุษจีน หลังจากที่เจ้าของร้านไหว้เจ้าเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มตั้งวงสุราอีก คราวนี้อีกเช่นกันที่ผมเห็นเขาเปลือยกายอวดเพื่่อนในกลุ่ม ผมได้เห็นความเป็นชายของเขาอย่างถนัดตา ด้วยเหตุที่มันมีขนาดโดดเด่นนี่เอง จึงทำให้เขากลายเป็นนักโชว์ความเป็นชายของตัวเขาเอง
ที่ตึกแถวอีกหลังติดกับบ้านของผม เป็นหอพักหญิง ผมสังเกตได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้วุ่นวายกับหอพักนี้ไม่ได้หยุดหย่อน ยามค่ำคืนเขาจะแอบขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วจับตาดูเด็กผู้หญิงในหอ ซึ่งคงจะเห็นบ้างไม่ชัดเจน บางครั้งผมเห็นเขาทำร้ายตัวเองในความมืด
ผมอยากแสดงตัวให้เขารู้ความในใจ ผมอยากเป็นเครื่องรองรับพลังความเป็นผู้ชายที่กลัดกลุ้มรุมเร้าตัวเขาอยู่ตลอดเวลานั้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี ไม่เพียงเพราะบ้านของเราไม่ติดกัน แล้วมีถนนกั้นอยู่เท่านั้น แต่เพราะเราต่างกันเหลือเกิน
3
ทุกครั้งที่เขาเมามาย เขาก็จะระบายความอัดอั้นของความแกร่งของร่างกายของเขาเสมอ เขาต้องการหญิงสาว แต่ก็ยังไม่มีหญิงสาวใดจะต้องการผู้ชายที่ไร้ฐานะและเกียรติทางสังคมอย่างเขา เขาต้องระบายความหนุ่มของเขาวันต่อวันอย่างเปล่าเปลือง เพียงเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ในภายใต้แรงขับแห่งวัยอันนี้
เขาระบายออกครั้งแล้วครั้งเล่าให้ผมได้เห็น แล้วในที่สุดเพื่อนของเขาคนนั้นก็เป็นเหยื่อให้เขาจนได้ ผมเห็นการบีบบังคับเพื่อการสำเร็จส่วนตัวของเขา เพื่อนคนนั้นคงเป็นเด็กรุ่นน้องบ้านเดียวกับเขา ผมเห็นเขาหักแขนเด็กคนนั้นไขว้หลังและยังบังคับการใช้มือช่วยเขา ถ้าไม่ทำมืออีกข้างก็จะถูกหักจนเด็กคนนั้นแอ่นตัวร้อง
การบังคับขู่เข็ญทางเพศที่ไม่ได้ยินดีนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนเป็นหน้าที่ของเด็กรุ่นน้องคนนั้นที่จะต้องคอยตอบสนองเขาทุกครั้งที่เขาต้องการ
ผมนึกสงสารความไม่ลงตัวของคนที่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดสรรอย่างไร แต่ผมก็ไม่สามารถข้ามฝั่งตึกไปได้สักที หลายสิ่งหลายอย่างค้ำคออยู่อย่างยากแก่การจัดสรรให้ลงตัว
บางวันผมเห็นเขาเป็นแผลตามแขน ห่อผ้ามา หัวแตกมาก็มี เขาอยู่ไม่สุข พลังความเป็นผู้ชายของเขาช่างร้อนรน เขาคงเป็นนักเลงหัวไม้คนหนึ่ง ถ้าหากมีอะไรเสี่ยง ๆ เช่นปืนขึ้นไปทำอะไรสักอย่างก็มักจะเป็นเขาเสมอ
ที่ดาดฟ้าตรงช่วงที่กั้นเป็นห้องพักของเขา รูปปฏิทินสาวเปลือยติดหราเต็มไปหมด บางวันเขาเคยขากะเผลกเข้าเฝือก ผมก็ไม่ทราบว่าเขาไปโดนอะไรมาเหมือนกัน บางทีก็มอเตอร์ไซค์ล้มเพราะเมา สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้ผมสนใจเขามากขึ้น
บางครั้งผมนึกว่าเขาน่าจะเป็นนักมวยมากกว่าที่จะเป็นช่างซ่อมแอร์ตู้เย็น ผมอยากให้แอร์บ้านผมเสียบ้างจังเลย
วันหนึ่งขณะที่ผมแอบมองเขาอยู่ในดงลั่นทมนั้น ผมก็เห็นสายตาของเขาประสานมาที่ตาของผม ผมรู้สึกร้อนผ่าวรีบหลบไปทันที แต่แล้วความอยากรู้อยากลองก็ผลักให้ผมออกมายืนที่หน้าต่างอีก เขายังคงจับตามองผม ผมรู้สึกร้อนรนและทำตัวไม่ถูก ผมจึงยิ้มให้เขา เขาไม่มีอาการอะไรแสดงตอบมาเหมือนกับว่าไม่ได้รับรู้
ทุกวันที่ผมแอบดูเขาก็ได้แต่เพียงเรือนร่างอันแข็งแกร่งในชุดผ้าขาวม้ายามเช้าที่เขาลุกออกมาจากที่นอนพร้อมกับความตื่นตัวที่ติดกายมาด้วย หรือไม่ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เรื่องราวอันระทึกใจอย่างที่เล่าไว้ข้างต้นมีให้เห็นเพียงสี่หรือห้าครั้งเท่านั้นในรอบสองปี
ผมนั่งเหม่อมองและคิดฝันถึงเขาเรื่อยไปอย่างมั่นใจว่าทุกอย่างไม่มีวันเป็นจริง
รออ่านบทต่อไปน่ะครับ ลุ้นมาก
จะสมหวังไหมครับนั้น
ขอบคุณครับ ชีวิตที่ดีเกินไปบางครั้งก็น่าเบื่อ ลุ้นมากเลยครับ ขอบคุณครับผม{:5_130:} ขอบคุนคับ 4
"ปิ้ว" เสียงเป่าปากดังข้ามฟากถนนมา ผมรู้สึกสับสนในสถานการณ์ ผมเห็นท่าทีเขาชี้ลงไปที่ถนนทำนองว่าให้เราไปเจอกันที่นั่น ผมว้าวุ่นใจและก็ไม่ทราบว่าเขาสื่อสารกับผมอย่างนั้นทำไมหรือเขารู้ความในใจของผมกระมัง
ผมไม่ได้ไปที่ถนนตามนัด แต่แอบมองเขาอยู่ เขาเดินเตร่อยู่ตรงร้านส้มตำข้างหน้า ผมลังเลอยู่นาน แล้วก็ตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านไปที่จุดนั้น ช้าไปแล้ว เขาไปเสียแล้ว ผมนึกโกรธตัวเองที่ชักช้าและคิดนานไป ความจริงผมอาจจะเลี้ยงอาหารเขา่สักมื้อและเราก็คบกันอย่างเพื่อนไปเรื่อย ๆ หากมีโอกาสก็ค่อยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันก็น่าจะได้
วันหนึ่งผมตัดสินใจเดินข้ามถนนไปยังฝั่งของเขา เดินดูแผงหนังสือริมถนนแถวนั้น เผื่อว่าถ้าจังหวะดี ๆ ผมอาจจะได้พบเขา
"วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ" เสียงแปลก ๆ ทักทายอยู่ข้างหลัง ผมไม่แน่ใจว่าผมจะรู้จักเจ้าของเสียงนั้น เมื่อผมหันไปจึงได้เห็นว่าเป็นเขา นึกขอบใจตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิดที่จะต้องเดินข้ามมาหาเขาก่อนจึงจะได้รับไมตรีจิตดี ๆ กลับมา
"ผมชื่อมาด" ผมยิ้มทักทายเขาและแนะนำตัวไป เราไปจบลงเพิงส้มตำหน้าถนนโดยอัตโนมัติ
มาดเป็นคนคุยสนุก จริงใจ และดูท่าทางจะสนใจผมเป็นพิเศษ
"บ้านอยู่ตรงนั้นเหรอ อยากไปเที่ยวจัง"
ผมได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
"เข้าสงกรานต์ไปเที่ยวบ้านผมไหม สนุกนะ"
ผมรีบตกลงทันที
5
รถไฟสายอีสานพาเราแล่นทิ้งเมืองออกไปอย่างลำบากเนื่องจากคนในขบวนรถแน่นขนัด ผมเองตีตั๋วชั้นสามเหมือ ๆ เขาเพื่อที่จะได้พบรสชาติของชีวิตจริง ๆ รถไฟพาเราแล่นลิ่วดูเหมือนจะเร็วแต่ก็ยังช้า ผู้คนเบียดเสียดจนผลักผมเซไป
มาดไปกระชากคอเสื้อคนนั้นให้มายกมือไหว้ขอโทษผมจนได้ ผมว่าเขาทำเกินไป แต่ก็นึกอบอุ่นที่ความเป็นนักเลงของเขาได้ดูแลผมอย่างน่าชื่นใจ
เมื่อต่อรถไปบ้านเขาเย็นมากแล้ว เขาแบกกระเป๋าทั้งของเขาและของผม ไม่ยอมให้ผมถืออะไรสักอย่าง บ้านของเขาเมื่อลงรถแล้วยังต้องเดินตามทุ่งนาไปอีกไกลพอสมควร
"เมื่อไหร่จะถึงหละมาด"
ผมหอบเหนื่อยเมื่อยล้า
"อีกนิดเดียว ไหวไหม ไม่ไหวจะแบกไป...มา" เขาทำท่าจะให้ผมขี่คอไปจริง ๆ ผมรีบปฏิเสธเพราะรู้สึกว่ามันจะมากไป ท่าทีของเขาทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าเหลือเกิน
เมื่อไปถึงบ้านเขาก็พลบค่ำพอดี
"มาอาบน้ำกัน น้ำคลองนะ อาบได้หรือเปล่า"
ผมตอบตกลงไม่เป็นอย่างอื่น
คลองที่บ้านของเขา แม้สภาพน้ำจะไม่ใสอะไรมากนัก แต่ความบริสุทธิ์ของชนบทยังอยู่เต็มที่ ชายคลองอันรกครึ้มมีเพียงแสงจันทร์รำไรทาบทา เขาอาบน้ำด้วยผ้าขาวม้าและสอนให้ผมนุ่งอย่างนั้น เราผลัดกันถูหลังฟอกตัวสนุกสนาน
เขาบอกให้ผมฟอกสบู่ให้เขาทุก ๆ ส่วน ผมได้แต่ทำตามอย่างตื่นเต้น ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ผมไม่ได้สัมผัส บางส่วนผมรู้สึกเหมือนกำลังทำความสะอาดไม้เบสบอลที่มีชีวิตชีวา
ผมเริ่มสนิทกับเขาและสนิทกับครอบครัวของเขา พ่อแม่ของเขาเป็นคนน่ารัก แต่ญาติเหล่านั้นนิยมดื่มเครื่องมึนเมามิได้ขาด พี่ชายของเขาดูคล้ายคลึงกับเขา แต่เป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นชาวไรที่มีร่างกายกำยำ
วันที่เรานั่งร่ำสุรา รสชาติของเครื่องเมาท้องถิ่นทำเอาผมทรงตัวไม่อยู่ เขาพาผมแยกวงไปนั่งดื่มในสวน ยุงพอมีบ้างและก็จากไปจากแรงไฟสุม
"มาเล่นอะไรก้นดีกว่า" เขาบอกผมอย่างท้าท้าย ผมรู้สึกร้อนผ่าวทั้งฤทธิ์เหล้าและฤทธิ์ถ้อยคำ เขาลากคอผมออกไปจากวงเหล้า
"บ้านเราปลาเยอะ ดึก ๆ อย่างนี้ตัวโต เราออกไปจับปลากลางทุ่งนากัน"
ผมติดตามอย่างว่าง่าย รู้สึกตื่นตากับชีวิตที่นี่ เขาพาผมพ้นบ้านไปไกล
"จับกับอะไร ไม่เห็นเอาอะไรมาเลย" ผมถามเขาขณะเกาะแขนเขาท่ามกลางแสงจันทร์
"กับมือนี่แหละ"
ผมรู้สึกฉงน
"จะจับอยู่เหรอ ปลาลื่นจะตาย"
"อยู่ จับแล้วต้องกำแน่น ๆ อย่าให้หลุดเลยนะ" ผมพยักหน้า เขาหยุดเดินกลางทุ่งแล้วดึงผ้าขาวม้าออก เห็นท่อนลำอาบแสงจันทร์นวล
"จะทำอะไรกับมันก็ได้" เขาพูดยิ้ม ๆ อนุญาติ เขาดวดเหล้าโรงที่ถือมาด้วยเข้าปาก แล้วลากคอผมไปจูบปาก เขาพ่นเหล้าขม ๆ ลงคอผมเพื่อเพิ่มดีกรี
"เอาจับซิ ไม่จับมันแทงเอานะ"
ผมตื่นเต้นและทำตามอย่างว่าง่าย
"นั่งลงจับแน่น ๆ อย่าให้หลุดมือ ถ้าหลุดหละจะโดนปลาแทงไม่ยั้งเลย"
ผมพยายามจับมันไว้ เขาจับผมปล้ำไปมาและแล้วปลาที่ว่าก็หลุดมือจนได้ ผมจึงถูกปลาของเขาแทงกลางนานั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังจากที่เปื้อนขี้โคลนกันนัวเนียว เราก็ไปอาบน้ำที่คลองอีกครั้ง ผมหลับซบบนหน้าท้องของเขาด้วยความอ่อนเพลีย
"เราชอบนายหวะ นายนิสัยดี เราเองเคยผ่านเรื่องอย่างนี้มาเยอะ ถ้านายชอบ เราจะทำให้นายทุกวันเลย เราไม่รู้จะทำกับใคร ต่อไปเวลากลับกรุงเทพ ทุก ๆ เย็นเรานัดไปเจอกันที่ไหนสักแห่งหนึ่งดีไหม นายก็ชอบเราก็ชอบ เสียหายอะไร"
ผมแทบบ้ากับความตรงแน่นและลื่นยาวแห่งพลังของเขา ผมรู้สึกเหมือนถูกไม้เบสบอลที่ผมจับถืออยู่เป็นประจำกระทำการกดขี่วิญญาณของผม เขาเป็นผู้ชายคุณภาพดีจริง ๆ ผมยังนึกอิจฉาหญิงสาวที่จะมาเป็นเจ้าของเขาในอนาคต นึกขอบคุณที่มีวันนี้ วันที่เราเข้าใจกันอย่างพอเหมาะพอดี
วันต่อมา เราอาบน้ำด้วยกันหมดสามคน ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเคยชินกับการเปลือยกายแม้ในหมู่พี่น้อง
"พี่ชายเรา นายลองดูซิ"
มาดบอกผมพลางดึงมือผมไปสัมผัสแผงอกของพี่ชายของเขา ซึ่งกำลังฟอกสบู่ที่ท่าน้ำ พี่ชายหัวเราะ
"อยากดูเหรอ" พูดจบเขาก็ถอดผ้าขาวม้าออก แล้วให้ผมดูของ ๆ เขา มันยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย ผมรู้สึกสนุกกับชีวิตที่บ้านนานี้แทบไม่อยากกลับเมือง
เราไปกันด้วยดี ก็เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่อาจมีหญิงสาวไว้ในชีวิต ความหนุ่มของเขาเร่าร้อนและต้องการทางออก ผมแม้จะไม่ใช่หญิงสาว แต่ก็ตอบสนองเขาได้ทุก ๆ อย่างที่เขาต้องการกระทำ ความเป็นเพื่อนเรางดงาม ดังนั้นจึงนับเป็นความลงตัวที่สุดของวันเวลาตรงนี้
6
ผมเหม่อมองดาดฟ้าอยู่นานเท่าไหร่ไม่ทราบ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียงตะโกนมาจากดาดฟ้าฝั่งนั้น "ข้องใจอะไรวะ" ผมสะดุ้งเมื่อรู้ว่าเป็นเขาในดวงใจคนนั้นที่ตะโกนมา
"มองส้นตีนอะไร" ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้รับคำทักทายอย่างรุนแรงซ้ำซ้อนจากเขา ผมกลับคืนสู่ความเป็นจริงและรู้สึกตัวได้ว่า ผมคงจะนั่งเหม่อและฝันนานเกินไป เขายังคงยืนอยู่ที่ดาดฟ้าบ้านตรงข้ามนั้น ไมได้มีท่าทีเป็นมิตรอย่างที่ผมคิด ไม่ได้สุภาพและเข้าใจกันและกันอย่างที่ผมจินตนาการ เขาเป็นเด็กชาวบ้านกักขฬะคนหนึ่ง พลังความเป็นผู้ชายของเขาไม่ได้เป็นเพื่อเป็นมิตรและปกป้องอย่างที่ผมฝันถึง แต่มันเป็นไปเพื่อการหาเรื่องระราน
"อยากโดนเตะหรือไง" เขาตะโกนแหวกอากาศข้ามถนนมาอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครอื่นจะได้ยิน ผมรู้สึกอับอายเหลือเกิน ผมนึกเห็นตัวเองเป็นลูกตะกร้อในกีฬาทดลองพลังเท้าของพวกเขา
ผมรู้สึกร้อนวูบ มิไช่เพราะฤทธิ์แห่งความเป็นผู้ชายของเขา แต่เป็นเพราะฤทธิ์แห่งถ้อยคำอันรุนแรงเหล่านั้น เรายังไม่รู้จักกันเลย และคงไม่ได้รู้จักกันแน่นอน ผมนึกดีใจที่ไม่มีโอกาสให้เราได้รู้จักกัน เพราะในความเป็นจริง เขาไม่เหมือนในสิ่งที่ผมฝัน ผมพอใจจะเข้าใจว่าทำไมเขาจึงหัวหูแตกถลอกอยู่ประจำ ความชื่นชมในความเป็นผู้ชายในตัวเขาของผมสั่นไหว
"เดี๋ยวเหอะมึง ไอ้ส้นตีน ยังไม่หลบหน้าไปอีก ยังอีก" ถ้อยคำสุดท้ายที่ผมจำความได้ก่อนที่จะปิดหน้าต่างบานนั้น แล้วไม่เปิดมันอีกแล้วจนกระทั่งบัดนี้
เราแตกต่างกันเหลือเกิน ไม่เพียงแต่มีถนนคั่นหรอก ไม่ใช่เพียงความเป็นผู้ดีหรือเป็นคนกักขฬะ แต่มันคือทุก ๆ อย่าง
ผมยังคงวนเวียนอยู่กับเพื่อนฝูงในระดับใกล้เคียงกัน แม้ว่าความเลวทรามจะไม่ต่างกันมากนัก แต่วิธีการก็ต่างกันพอสมควร
ลาก่อนเด็กหนุ่มฝั่งตรงกันข้าม ขอบคุณถนนสี่เลนที่กั้นเราเอาไว้ให้อยู่คนละเขตอำเภอ รู้สึกดีใจที่ไม่ลงทุนข้ามไปอีกฝังหนึ่ง ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ เสียวดีครับ ชอบ ๆ ยอดเยี่ยมครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ใจจ้า สุดยอดเลยครับ ขอบคุณครับ อ่านแล้วน่าสงสารจัง
หน้า:
[1]
2