[Copy] กระบี่รักจอมใจ [A MEMORIES OF JADE BUTTERFLY] 1
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pakhawma เมื่อ 2017-12-17 12:07***ไปได้เรื่องนี้มาจากเว็บ g-gang.com ก่อนที่เว็บจะปิดไป ซึ่งขอบอกไว้ก่อน "เรื่องนี้มันไม่จบ" คนแต่งหายไปซะก่อน มีแค่ถึงตอนล่าสุดที่เค้าโพส***
กระบี่รักจอมใจ A MEMORIES OF JADE BUTTERFLY
แต่งโดย สุรัตนาวีซ่าส์
" หนึ่ง.....สอง.....สาม....."เสียงกระบี่ตวัดพร้อมทั้งขานรับเป็นจังหวะ ร่างบางระหงในชุดไหมทองชาดเคลื่อนไหว อย่างคล่องแคล่วว่องไวภายใต้ร่มบ๊วยใหญ่ในสวนเพลงกระบี่ที่ร่ายรำอยู่เป็นเพียงท่าพื้นฐานสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกหัดอาวุธ มานพน้อยผู้นี้มิใช่ผู้ใดนอกเสียจากหลิน ไท่ หยาง ทายาทเพียงผู้เดียวของ หลิน เทียน ไช่ เจ้าสำนักกระบี่ฟ้าประกาศิตหากแต่กระบี่ที่ถืออยู่ในมือเป็นเพียงกระบี่ไม้หอมหงมู่ที่แกะสลักฝังลายมุกไว้สวยงาม
กลีบบ๊วยที่โปรยปรายดุจสายฝนยามที่ต้องลมแต่งแต้มให้ดูดุจคุณชายน้อยหลิน ไท่ หยาง ร่ายรำกลางสวรรค์ เพลงกระบี่และท่วงทีที่เยื้องกรายงดงามดั่งนาฏลีลานุ่มนวล งดงาม หากแต่ฉับไวและแม่นยำ มีเพียง กู่ เทียน เล่อ ผู้เป็นอาจารย์เท่านั้นที่แลเห็นกลีบบ๊วยกลีบแล้วกลีบเล่าที่ถูกกรีดกลางอย่างแม่นยำก่อนที่มันจะร่วงลงถึงพื้น
" พอแล้ว วันนี้เจ้าไปพักได้" กู่ เทียน เล่อ สั่งเสียงดังพร้อมปรบมือเป็นสัญญาณ ร่างน้อยที่ร่ายรำหยุดชะงักแล้วประสานมือทำท่าคาราวะ" ขอบคุณท่านอาจารย์ ! "
ร่างบึกบึนสูงใหญ่ในชุดเกราะสำริดดำอันแสดงถึงตำแหน่งขุนพลฝ่ายหน้าลุกขึ้นจากเก้าอี้เหล่าคนรับใช้ที่หมอบรายล้อมพากันทยอยถือผ้าและเทียบน้ำชาออกมาตั้งโต๊ะก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือนตามเดิม
" เจ้าเก่งขึ้นมากทีเดียว ไท่หยาง ข้าละอิจฉาพี่เทียน ไช่ จริงๆที่มีลูกชายเก่งกาจเช่นเจ้า "
" หามิได้ท่านอาจารย์ชมข้าเกินไปแล้ว " คุณชายหลินกล่าวถ่อมตน
ขุนพลกู่เดินออกไปกลางลานแล้วหยิบกลีบบ๊วยที่ร่วงหล่นบนพื้นขึ้นมากอบเขาโปรยมันให้ดูอย่างช้าๆ
" ทุกกลีบล้วนถูกกรีดตรงกึ่งกลางหากเป็นเพลงกระบี่ชั่วช้าจะทำได้เช่นนี้หรือ ? "
หลิน ไท่ หยาง คุกเข่าลงประสานมือแสดงความนับถือ" สายตาท่านอาจารย์เฉียบคมยิ่งนัก "
" ลุกขึ้นศิษย์ข้าข้าผิดเองที่ประมาณเจ้าต่ำไป นับจากพรุ่งนี้ข้าคงจะต้องให้เจ้าใช้กระบี่จริงเสียที"
ขุนพลกู่ใช้สองมือแตะบ่าให้คุณชายหลินลุกขึ้นก่อนจะประคองเขาลงนั่งเคียงข้างบนโต๊ะน้ำชาหินอ่อนกลางสวน
" เสียดายนักที่ข้ามิได้มีกระบี่ที่คู่ควรกับเจ้าเดิมทีข้ามีกระบี่ดาราสมุทรอยู่เล่ม เนื้อเหล็กมิได้เป็นสองรองจากกระบี่
สัตดาราของพ่อเจ้าเลยข้าเองก็ตั้งใจที่จะเก็บไว้ให้เจ้าแต่ท่านอ๋องน้อยเกิดต้องตามันเข้าข้าจึงปฏิเสธไม่ได้...." ขุนพลกกู่ถอนหายใจเมื่อจำต้องกล่าวถึงศิษย์อีกผู้หนึ่ง
อ๋องน้อย หวาง เจี้ยน หลง ผู้หยิ่งทะนงเขาเปรียบไม่ได้เลยกับ หลิน ไท่ หยาง ความดื้อรั้นเอาแต่ใจและนิสัยชอบเอาชนะทำให้ยากแก่การสอนสั่ง หากมิใช่ด้วยตำแหน่งอ๋องรัชทายาทแล้วขุนพลกู่คงกล้าที่จะปฏิเสธไม่ยอมรับท่านอ๋องเป็นแน่แท้ อันชื่อที่มีความหมายถึง " จักรพรรดิกระบี่มังกร " นั้นนอกจากจะทำให้เขาคลั่งไคล้ในเพลงยุทธกระบี่แล้วท่านอ๋องยังโปรดปรานที่จะสะสมกระบี่ชื่อดังในตำนานอีกด้วย
จริงอยู่ที่เชิงยุทธท่านอ๋องแกร่งและว่องไวแต่ความแข็งกระด้างของจิตใจมิได้เข้ากันกับเพลงกระบี่เลยแม้แต่น้อย ผู้ที่จะเป็นเลิศด้านกระบี่จะต้องมีความพลิ้วนุ่มนวล อ่อนไหว วายุสยบเมฆาคือวิชาปราณสำคัญสำหรับเพลงกระบี่ที่จำต้องฝึกฝนทักษะความยืดหยุ่นพลิ้วไหวเป็นสำคัญ แกร่งกร้าว ห้าวหาญ ดุดันเช่นท่านอ๋องคู่ควรกับเชิงยุทธสายทวน-ง้าวเสียมากกว่า เพราะทักษะปราณระฆังทองคำอันเป็นหัวใจหลักของเพลงทวนจำเป็นต้องพึ่งพาความรุนแรงและว่องไว
และอีกอย่างที่สำคัญคือการเก็บสะสมกระบี่มือกระบี่ที่ดีจะถือสุดยอดกระบี่ของตนเองเพียงเล่มเดียวเท่านั้นเพื่อความคุ้นเคยเพราะกระบี่แต่ละเล่มก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยและน้ำหนักที่แตกต่างกันออกไปบางเล่มเน้นการใช้คมตรงส่วนปลายเพื่อโจมตีจุดสำคัญตามร่างกายคู่ต่อสู้ แต่บางเล่มจะเน้นความแข็งแกร่งเพื่อรับการฟาดฟันจากศัตรู การที่จะเอาสุดยอดกระบี่ไปสะสมและแขวนเอาไว้ในกรอบแก้วเพื่อชื่นชมมันก็มีค่าไม่ต่างอะไรจากหินแร่ไร้ค่าก้อนหนึ่งเท่านั้น
สามในเจ็ดกระบี่ดาราบัดนี้อยู่ในครอบครองของอ๋องน้อยแล้วดาราสมุทร ทิพย์ดารา และ เบญจดารา ทั้งสามถูกแขวนเรียงกันในห้องกระบี่อย่างน่าเสียดายทั้งๆที่อีกสี่เล่มพี่น้องของมันออกท่องยุทธจักรอย่างกล้าหาญ
" เพียงท่านอาจารย์ระลึกถึงข้าข้าก็ดีใจยิ่งนักแล้ว " หลิน ไท่ หยาง กล่าว
" ข้าเองก็เหลือเพียงกระบี่ดารานิลเล่มนี้เพียงเล่มเดียว" กู่ เทียน เล่อ ลูบกระบี่คู่ใจอันตีจากเหล็กนิลกาฬทำให้
มันมีประกายสีดำน่าเกรงขาม
" มิเป็นไรหรอกขอรับอีกไม่นานเมื่อท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาจากเมืองหาน ( เกาหลี ) ท่านคงจะมีกระบี่ดีๆ
ติดมือกลับมาฝากข้าเป็นแน่ "
ขุนพลกู่ เหลียวซ้ายแลขวาเมื่อมิเห็นมีผู้ใดนอกจากคุณชายหลินแล้วจึงเอ่ยปากเสียงเบา " ข้าอยากให้พี่
เทียน ไช่ไปบ่อยๆข้าจะได้อยู่กับเจ้าให้นาน"
" เกรงว่าท่านจะเบื่อข้าเสียก่อนน่ะสิ" หลิน ไท่ หยาง กระซิบตอบเบาดุจเดียวกัน
" หากมิติดที่ท่านพี่ เทียนไช่ และไท่ไท่ (ภรรยา ? ในที่นี้หมายถึงท่านแม่ของ หลิน ไท่หยาง )แล้ว ข้าคงจะ
ชิงตัวเจ้าไปเก็บไว้ในจวนข้าเสียตั้งนานแล้ว"
มือแข็งแกร่งบีบสองไหล่ของ หลิน ไท่ หยางเบาๆ " ข้ารักเจ้ามาตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าพบเจ้าแล้ว เจ้าก็รู้ ข้า
ลำบากใจนักที่จำต้องปกปิดเรื่องนี้ต่อหน้าพี่เทียน ไช่ อกของข้ามันจะระเบิดเพราะความรักที่มีต่อเจ้าแล้ว "
หลิน ไท่ หยางแกล้งเสไปหยิบป้านน้ำชาขึ้นรินใส่จอก " .....ท่านพ่อท่านแม่ข้าคงตกใจ "
" ข้าอยากอยู่ด้วยกันตามลำพังกับเจ้า........แค่เราสองคน" ขุนพลกู่กระซิบ
" ท่านอาจารย์ " หลิน ไท่หยาง ชี้ไปที่ยอดต้นบ๊วยสูงลิ่ว " .....ข้าอยากได้ดอกบ๊วยกิ่งนั้น "
ขุนพลกู่ยิ้มอย่างมั่นใจเพียงชั่วพริบตาเขาก็ดีดกายขึ้นไปยืนบนกิ่งที่ใกล้ปลายยอดที่สุด มือเอื้อมขึ้นไปเด็ดดึง
กิ่งบ๊วยอันมีดอกบานสะพรั่งบนยอดออกมาหากแต่เมื่อมองกลับลงไปที่โต๊ะน้ำชาหินอ่อนกลางสวนกลับไม่พบพาน
แม้เงาของศิษย์รักที่นั่นนอกเสียจากกระบี่ไม้เล่มน้อยเล่มนั้น
" .....เสี่ยว หลิน " กู่เทียน เล่อ พึมพำเบาๆ
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
"เจ้าอยู่ที่ไหน นกน้อยของข้า" กู่ เทียน เล่อ แกล้งเรียกขานขุนพลหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักกับเกมกามาที่ศิษย์หนุ่ม
สรรหามาเล่นมือที่ถือกิ่งบ๊วยไว้กวัดแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี "....ข้าเก็บดอกบ๊วยมาให้เจ้าแล้ว "
พลันเสียงจุ๊บจิ๊บดุจวิหคน้อยดังแว่วออกมาจากทางเดินเบื้องหน้าขุนพลกู่รีบสาวเท้าตามเข้าไปทันที ไม่มีผู้ใด
อยู่ที่นั่นนอกจากรองเท้าผ้าข้างน้อยที่ปักดิ้นไหมเงินไหมทองอย่างงดงามเขาแกล้งเอ่ยปากพูดลอยๆ
" ข้าเห็นเจ้าแล้วนะ....ระวังตัวไว้ให้ดี"
สุดทางเดินคือห้องนอนของ หลิน ไท่ หยางบานประตูเลื่อนหน้าห้องแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยพอมองเห็นแสง
ตะเกียงวับแวมภายในหน้าต่างทุกบานปิดหับเพื่อพรางแสงคงไว้แต่เพียงตะเกียงดวงน้อย รองเท้าผ้าอีกข้าง
ถูกวางขัดไว้ระหว่างบานประตูแว่วเสียงพ้อเบาๆจากข้างใน
" อา.....ข้ารอดอกบ๊วยจนมันร่วงโรยเหลือแต่ก้านแล้วกระมัง"
" ยังอยู่ครบทุกดอกเหมือนอย่างที่เจ้าสั่งนั่นแหละ" กู่ เทียน เล่อ พิศดูดอกบ๊วยในมือ มีเพียงสามสี่ดอกที่คลี่
กลีบบาน นอกนั้นยังตูมรอวันแย้มเฉกเช่นเดียวกับความอ่อนเยาว์ สด หวาน ของเรือนร่างศิษย์หนุ่มที่รอคอย
เขาอยู่ในห้อง ขุนพลหนุ่มหน้าหยกรีบเลื่อนบานประตูเข้าไปแล้วปิดงับลงดาล
หลิน ไท่ หยางนอนคว่ำทอดกายอยู่บนตั่งไม้ฝังมุกกว้างร่างเกือบเปลือยมีเพียงแพรปังลิ้นเนื้อดีสีแดงเลือดนก
คลุมกายปกปิดเรือนร่างไว้หมิ่นเหม่สีฉูดฉาดบาดตาของมันขับผิวอ่อนเยาว์ให้ขาวชวนพิศ ปลีน่องและขาที่โผล่
พ้นชายผ้าออกมาเนียนขาวไร้ไรขนมันกวัดไกวไปมาเหมือนจะจงใจให้ขุนพลกู่ฮึกเหิม
" เข้ามาในที่รโหฐานใยท่านอาจารย์มิปลดอาวุธ มีประสงค์ที่จะทำร้ายข้างั้นรึ? "
" ข้า....เอ้อ...." กู่เทียน เล่อ ตะกุกตะกัก เขารีบปลดกระบี่ดารานิลออกวางบนโต๊ะ หากมิใช่เพราะเป็นศิษย์รัก
แล้วเขาคงจะไม่ทำเยี่ยงนี้
" เกราะของท่านด้วย....."
เกราะสำริดดำถูกถอดออกวางทีละชิ้นจนเหลือแต่เสื้อไหมเงินตัวในผ้าลื่นบางที่แนบเนื้อแลเห็นหุ่นใหญ่หนาล่ำ
เยี่ยงนักรบโบราณมัดกล้ามพูนแน่นอย่างพะเนินเหล็ก หลิน ไท่ หยางจ้องมองดูอย่างพึงใจก่อนที่จะแกล้ง
ขยับตัวเบาๆให้ผ้าแพรเพลาะที่คลุมบั้นท้ายอยู่เลิกออกจนมองเห็นผลท้อเนียนขาวอมชมพูที่แอบซ่อนอยู่รำไร
ชีวิตในสนามรบเยี่ยงชายชาติทหารทำให้ กู่เทียน เล่อ ติดใจหลงใหลในรสรักของชาย ค่ำคืนที่แสน
เปลี่ยวเหงากับการอยู่ร่วมกันของชายฉกรรจ์นับร้อยทำให้เขาเผลอใจไปในคราแรก และด้วยความ
เต็มใจในค่ำคืนต่อๆมาจากนั้นเขาจึงได้ค้นพบว่าตนเองมิได้ปรารถนาในรสรักอิสตรีดังเช่นผู้อื่นเสียแล้ว
และเมื่อหลิน เทียน ไช่พี่ชายร่วมน้ำสาบานจากสำนักกระบี่ดารา ชักชวนให้เขามาช่วยเป็นครูฝึกสอน
วิชากระบี่ให้กับบรรดาศิษย์ในสำนักยามที่ว่างเว้นจากราชการแต่เมื่อเขาได้มาพบเข้ากับ หลิน ไท่ หยาง
ทายาทเพียงผู้เดียวของศิษย์พี่ เทียน ไช่ขุนพลหนุ่มก็ประจักษ์แก่ใจตนเองว่าเขาได้พบหยกน้ำหนึ่งเข้า
ให้แล้ว
นอกจากใบหน้าที่ชดช้อยเยี่ยงอิสตรีและเรือนร่างประเปรียวดุจมฤคาน้อยแล้ววรยุทธ์เพลงกระบี่ก็หา
ชั่วไม่ในจำนวนศิษย์สำนักกระบี่ดาราทั้งหมดไม่มีใครมีฝีมือเทียบเท่าได้กับ หลิน ไท่ หยางยากนัก
ที่ขุนพลกู่จะหักห้ามใจมิให้หลงใหลในเสน่ห์หนุ่มของศิษย์น้อยได้ทางฝ่าย หลิน ไท่ หยาง เองก็มีใจ
โอนเอียงมาทางเขาอยู่บ้างมิใช่น้อยเมื่อค่ำคืนแห่งความอดทนของ กู เที่ยน เล่อ หมดสิ้น เขาก็ได้
เอ่ยปากฝากรักกับ หลิน ไท่ หยาง ในที่สุด
หลายต่อหลายครั้งที่เขาจำต้องแสดงบทบาท" ท่านอาจารย์ที่แสนดี " ต่อหน้าต่อตาผู้อื่น ทั้งๆที่ในใจ
อยากที่จะฉุดคร่าศิษย์หนุ่มไปกักไว้เสียในจวนมิให้ผู้ใดได้เห็นหากแม้นมิติดที่ หลิน เทียน ไช่ ศิษย์
พี่ร่วมน้ำสาบาน
แท่งหยกกลางกายของขุนพลกู่แข็งผงาดจนแหวกรอยแยกของชุดออกมาอย่างน่ากลัวสีมันออกคล้ำ
และสะพรั่งไปด้วยเส้นโลหิตขดขอดรอบท่อนลำส่วนปลายแท่งหยกกลับแดงดุจชาด มันแอ่นงอนราว
กับมังกรผงาดและบานออกเยี่ยงศร หลิน ไท่หยาง แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากดั่งกระหาย เจ้าศิษย์
น้อยผู้นี้มิได้กริ่งเกรงในศาสตราอาชาชายอันใหญ่ยิ่งนี้แม้แต่น้อย
" อา.......ท่านอาจารย์คือกระบี่อีกเล่มที่ข้าปรารถนาเหนือศาสตราใดๆใต้หล้า " หลิน ไท่ หยาง จับจ้อง
มองมังกรทองตัวเขื่องที่ผงาดอยู่ตรงหน้าอย่างปรารถนามืออ่อนนุ่มกุมกำมันไว้ไม่มิดด้วยขนาดอันโอราฬ
ขุนพลกู่รู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั่วทั้งร่างเพียงต้องสัมผัสจากปลายลิ้นที่ละเลียดโลมเลียมันอย่างเอร็ดอร่อย
" ซี๊ดดดดด......อาห์.....มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว.....นกน้อยของข้า" กู่ เทียน เล่อ ครางพลางแอ่นกายดุนดัน
แท่งหยกเข้าในปากของศิษย์น้อยด้วยความเสียวเขากระหายในรสรักจนแทบคลั่งใจแล้วยามนี้ มิเสียแรง
ที่เสี้ยมสอนมากับมือทั้งปากและลิ้นระรัวริกไหวแม้นยามที่อมขยอกแท่งหยกเข้าไปจนมิดด้าม
" อูวววว์.....พอก่อนเถิด.....ประเดี๋ยวข้าจะทะลักหลั่งออกมาเสียก่อนประไร" ขุนพลกู่กัดฟันพูด
หลิน ไท่ หยาง ถอนปากออกอย่างเสียดายหากแต่ยังไม่วายใช้ปลายลิ้นเขี่ยวนไว้ปลายรอยแยกที่หัวมังกรทอง
เล่น กู เทียน เล่อแทบจะเข่าอ่อนทรุดลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเสียวซ่าน เขารีบจับศิษย์รักยืนหันหลัง
แล้วเบียดกายประชิดบั้นท้ายอันงอนงามและบัดนี้มังกรทองก็พานพบกับถ้ำหฤหรรษ์ที่ซ่อนอยู่ใต้ผลท้อสีชมพูแล้ว
หลิน ไท่ หยางโหย่งก้นเข้าหาขุนพลกู่อย่างยั่วยวน ปากก็พร่ำร้องดุจยังฝึกฝนเพลงกระบี่
" ......กระบวนท่าที่ ๑มฤคาเหลียวหลัง "
โปรดติดตามตอนต่อไป >>
ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ อ่อ คนแต่งก็คือ เจ้าของเว็บจีแก๊งนั่นแหล่ะค่ะ ไงป้าขอลบและไม่อนุญาตให้เอามาลงต่อนะคะ เพราะเคยมีปัญญากะคนแต่งเรื่องนี้มาก่อน เดี๋ยวนางจะมาถอนหงอกป้าก่อน {:5_135:}ขอบคุนครับ{:5_136:} ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]