เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 2 (50%)
II ( 50% )“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
นานทีเดียวหลังจากที่เราพูดประโยคนั้นออกไป เขาถึงได้โต้ตอบกลับมา คาดว่าคงจะเพิ่งงมหาเสียงตัวเองเจอ เราถอนหายใจ ไม่นึกว่าจะเป็นคนที่พูดด้วยยากขนาดนี้
“เราพูดอะไรผิดตรงไหน หน้าคุณเหมือนไม่เชื่อคำพูดของเรา?”
“ก็ต้องแหงอยู่แล้วน่ะสิ นาย..นายกับผมน่ะ..เรา......อ๊ะ!”
เรายื่นปากไปชนกับปากนุ่มของอีกคนเบาๆ อาศัยจังหวะที่เขาชะงักไปใช้ฟันขาวเรียงตัวสวยขบกลีบปากล่างไม่แรงแต่ก็ไม่ได้เบาจนทำให้ไม่รู้สึกอะไรเลย ระหว่างนั้นเรามองสบตาของเขาไปด้วย เห็นประกายไหวระริกข้างในนั้น มันเต็มไปด้วยความสับสนแต่ก็แทรกแซงไปด้วยความวาบหวามอยู่ลึกๆ
“เรากับคุณทำไม?”ถามชิดริมฝีปาก นึกอยากบดปากขยี้ปากนุ่มๆนี่ซะเหลือเกิน
แต่ยังหรอก.....ยังไม่ใช่ตอนนี้
ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาต้องการจะบอกอะไร แต่บางทีการแกล้งทำเป็นไม่รู้สำหรับเรามันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหน้าอะไรนัก ปฏิกิริยาของเขาคือสิ่งที่เราสนใจ ถ้าแสดงออกว่ารู้ทันไปเสียหมดมันจะไปน่าสนุกอะไรกัน
“พอเถอะ!”
เขายันตัวขึ้นแต่เพราะแขนสองข้างของเรายังคล้องอยู่ที่คอของเขาเลยทำให้กลายเป็นว่าตัวเขาเหมือนกับกำลังคร่อมตัวของเราอยู่ เป็นท่าที่หวาดเสียวใช้ได้เหมือนกันแต่ก็เข้าทางเราพอดี
“เลิกพิสูจน์ผมด้วยเรื่องบ้าๆแบบนี้สักที! บอกเลยว่ามันไม่ได้ผลหรอก ผมน่ะรั...”ร่างโปร่งที่คร่อมอยู่บนตัวเราสะดุ้งเฮือก เมื่อเราวางมือลงบนแผ่นอกบางตรงอกข้างซ้ายของเขา
สัมผัสถึงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นระรัว ไม่รู้ว่าเพราะกำลังโกรธหรือตื่นเต้นกันแน่
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราที่สุดไม่ใช่เสียงหัวใจเต้นราวกับรัวกลองรบของเขา แต่กลับเป็นตุ่มเม็ดเล็กๆที่ยังไม่แข็งจนขึ้นเป็นไตใต้ฝ่ามือเราต่างหาก อยากรู้....ถ้าเราลองกดฝ่ามือคลึงดูมันจะแข็งสู้มือเราได้ขนาดไหนกันนะ..........
“เฮือก...อื้ออ หยะ ..หยุด”
ตุ่มไตเม็ดเล็กถูกเรากดคลึงเบาๆ ถึงจะไม่ได้ออกแรงอะไรมากแต่ไม่นานมันก็เริ่มดุนดันฝ่ามือเรากลับมา ดวงหน้าขาวของเขาเหยเกน้อยๆปากบางเผยอออกดวงตากลมฉ่ำปอยแต่ก็ไม่ได้หยาดเยิ้มไปเลยซะทีเดียว
แววตาหวานเจือไปด้วยความไม่พอใจ จะลุกออกจากตัวเราก็ไม่ได้เพราะถูกเรารั้งต้นคอเอาไว้อยู่แถมยังโดนเราทำให้รู้สึกขึ้นมาอีกคงจะเจ็บใจน่าดู.... น่ารักจัง
น่ารักเสียจนทำให้เรารู้สึกหมั่นเขี้ยว
“อ๊ะ! พ..เพราตา อะ...อื้อออ”
เนื้อผ้าเสื้อนักศึกษาไม่ได้ทำให้เรารู้สึกขัดเคือง แต่กลับยิ่งรู้สึกว่ามันเร้าใจดีเมื่อผ้าบางๆถูกปลายลิ้นของเราที่ละเลงจนชุ่มเผยให้เห็นเม็ดเล็กๆเหนืออกอีกคน อดไม่ได้ที่จะใช้ฟันขบยอดเม็ดเล็กนั้นเล่น ขบไปดึงมาเขาก็ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเราอีกครั้ง ใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอของเรา ได้ยินเสียงหอบสะท้านอยู่ข้างหู
“หยะ..อึก อย่าแกล้งผมอย่างนี้เลยนะเพราตา....”
ดูสิ เราทำขนาดนี้แล้วยังจะคิดว่าเป็นแค่การกลั่นแกล้งแฟนเก่าของแฟนใหม่อีก จะว่าซื่อจนคิดไม่ถึงว่าเราเกิดอยากได้ตัวเขาขึ้นมาจริงๆหรือเขาเป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายกันแน่นะ
“วิว อย่าเรียกเพราตา”
“เรื่องนั้นไม่เห็นจะสำคัญเลย!”
อ่า...เขาทำให้เราต้องยิ้มออกมาอีกแล้ว น้ำเสียงไม่พอใจกับแรงทุบที่ไหล่ ปฏิกิริยาโต้ตอบที่แสนจะน่ารักแบบนั้นทำให้ปากของเราแย้มออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้เรายิ้มเพราะคนคนนี้ไปกี่ครั้งแล้วกัน? ไม่ได้นับแต่คิดว่าบ่อยอยู่เหมือนกัน
“สำคัญสิ เพราะหลังจากนี้เวลาอยู่กับเราคุณต้องเรียกชื่อนั้นของเรา ถ้ายังเรียกเพราตาอีกเราจะทำโทษ”
“นาย.... เรื่องที่บอก.....เอาจริงอย่างนั้นเหรอ?”
เขายันตัวขึ้นอีกครั้ง ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนมองสบกับเราฉายให้เห็นถึงความสับสนและหวาดระแวง ตอนนี้มือของเราไม่ได้คล้องอยู่ตรงคอของเขาอีกแล้วแต่ยังไงเขาก็ลุกหนีไปไม่ได้อยู่ดี
เอวบางกว่าที่คิด ท่าทางน่าจะซ่อนรูปน่าดู อดไล้มือโอบกระชับรอบเอวของเขาไม่ได้
อยากกอดเอาไว้แน่นๆ.....
ให้จมไปในอ้อมอกของเราได้เลยยิ่งดี
รู้ตัวอยู่หรอกว่าสรีระร่างกายของเรามันไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้นเอาซะเลย ตัวเล็กกว่าแถมอกยังแคบกว่า แบบนี้กอดให้แน่นตายแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางจมลงมาในอ้อมอกของเราได้หรอก อืม...หรือเราจะซุกอกกว้างๆของอีกคนแล้วจอมจมลงไปในอ้อมกอดของเขาแทนดีนะ?
“มีตรงไหนที่บอกว่าเราจะไม่เอาจริง”กระซิบเบาๆแต่คิดว่ามันคงดังกังวานก้องหูของเขา กลิ่นเนื้อหนุ่มที่โชยเข้าจมูกไม่ได้หอมเหมือนอาบน้ำหอมยี่ห้อดังราคาแพง แต่มันก็ไม่ได้หอมจากกลิ่นสบู่หรือแป้งเหมือนกัน
น่าจะเป็นกลิ่นกายจำเพาะบุคคล อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า ‘ฟีโรโมน’......เราถูปลายจมูกบนเนื้ออ่อนช่วงลำคอของเขาไปมา แตะลิ้นกดเลียตรงแอ่งชีพจรน้อยๆก่อนจะลากเลียไปจนถึงติ่งหู เราเผยออ้าปากขบติ่งหูขาวๆของเขาเบาๆ
ร่างโปร่งในอ้อมกอดสั่นระริกพร้อมกับเสียงครางแผ่วที่ถึงแม้จะเบาหวิวขนาดไหนแต่เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้เราจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน....
เราพลิกให้เขานอนแนบหลังไปกับเบาะส่วนตัวเราก็นั่งคร่อมทับอยู่บนตัวของเขาแทน เขามีท่าทีตกใจดวงตากลมเปิดโพลงแต่คงเพราะอยากรู้ว่าเราจะทำอะไรต่อไปล่ะมั้งเลยไม่ได้ขัดขืนกายหนี
เราไม่เคยทำแบบนี้กับคนที่เป็นรับเหมือนกัน ไม่เคยบดเบียดกายยั่วยวนอย่างที่ทำกับเขาคนนี้ ไม่เคยรู้สึกรุ่มร้อนเพราะคนที่มีบทบาทบนเตียงเหมือนตัวเองมาก่อน......นี่ครั้งแรกและเราก็ไม่ได้รู้สึกยี้อย่างที่เคยคิด เรือนร่างที่ไม่ได้เต็มไปด้วยมัดกล้ามหรือลอนแพคเป็นชั้นๆแต่ก็เย้ายวนอารมณ์อยากไม่ต่างกัน
ไม่สิ บางทีอาจจะแค่เฉพาะเขาคนนี้เท่านั้นที่เราอยากจะลองเล่นด้วย
เราไล้มือแหวกสาบเสื้อนักศึกษาที่เราปลดกระดุมออกด้วยมือของเราเอง ลูบไปทั่วผิวเนื้อเรียบเนียนของเขา ...ผิวกายที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อ เม็ดอกสีชมพูอ่อนแข็งชูชันถูกเรากดนิ้วชี้คลึงเล่น
“อ๊ะ..หยุด ....พอเถอะ”
เขาจับยึดข้อมือของเราเอาไว้ มืออีกข้างดันกลางอกของเราเพื่อกันไม่ให้เราโน้มตัวลงไปทำอะไรตามใจตัวเอง เรายิ้ม... ไม่รู้ว่าเพราะเริ่มมีอารมณ์หรือเพราะรอยยิ้มของเราเขาถึงได้หน้าแดงก่ำขนาดนั้น
แต่จะด้วยเพราะอะไรเราไม่สนมากนักหรอก แค่นี้ก็ทำให้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่ลงทุนทำไป....มันจะไม่มีทางเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน
เราขยับตัวขึ้นยืนเข่า จับทาบมือเรียวสั่นระริกของเขาบนอกของเราให้สัมผัสตัวเรามากกว่าแค่กลางอก ส่วนมืออีกข้างของเขาที่จับยึดมือของเราเอาไว้อยู่ถูกเราดึงมือออกแล้วพลิกเป็นฝ่ายจับมือของเขาแทน เราเผยอปากออกส่งปลายนิ้วชี้ของเขาให้เข้าไปสัมผัสกับความอุ่นฉ่ำของเกลียวลิ้นในปากของเรา
ตวัดปลายลิ้นเลียวนรอบนิ้วเรียว ห่อปากดูดเบาๆที่ปลายนิ้วพลางมองสบดวงตากลมคู่หวานของเขาที่ตอนนี้ฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงปรารถนาอย่างชัดเจน เราละปากออกจากนิ้วของเขาน้ำเชื่อมใสไหลย้อนออกมานิดหน่อย แต่เรารู้ดี... ว่าเราในตอนนี้มันเร้าอารมณ์คนมองขนาดไหน
“โตยธาร เราอยากได้นาย”
ปากบางเม้มแน่น แววตาสับสนครุ่นคิดแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความปรารถนายามมองตอบสายตาของเรา ก่อนความไหววูบจะนิ่งสงบหลงเหลือเอาไว้ก็แต่เพียงประกายความเอาจริงเอาจังที่แสนจะร้อนแรงเหลือเกินสำหรับเรา.... “นายต้องทำตามสัญญา”
เรายิ้มก่อนจะแลบลิ้นสีสดเลียปลายนิ้วก้อยของเขาเบาๆ.......
“Of course…my cutie.”
รับเจอรับ
แบบว่า ตีฉิ่ง หรือครับ ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขบคุนครับ. จากรับเป็นรุก
หน้า:
[1]