เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 7 (100%)
VIIผ้าแพรสีน้ำเงินผืนบางห่อคลุมกายขาวนวลไว้อย่างหมิ่นเหม่ ขาเรียวสวยที่โผล่พ้นผืนผ้าออกมามีรอยสีกุหลาบแต่งแต้มอยู่ประปราย หากสามารถมองทะลุผ้าผืนนั้นเข้าไปได้ ตามเนื้อตัวขาวผ่องของร่างเล็กเองก็คงจะมองเห็นแต่ร่องรอยตีตราสีเข้มแต้มสรรไม่แตกต่างกันนัก
ร่างโปร่งยืนถือถุงหูหิ้วมองใบหน้าหวานของคนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างแสนสุขบนเตียงอยู่ข้างเตียงมาได้สักพักหลังจากออกไปซื้อของกินรองท้องมาให้ทั้งตัวเองและอีกคน
เขาตื่นเช้าจนเป็นเรื่องปกติแม้ว่ากว่าจะได้นอนก็เกือบย่ำเข้าวันใหม่ก็ตามที ...แต่กับใครอีกคนอาจไม่ใช่แบบนั้น ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ยิ่งรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า กระดายอายจนไม่รู้ว่าหากร่างเล็กตื่นขึ้นมาแล้ว...... จะทำตัวยังไงดี
โตยธารค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงหลังจากวางถุงของกินไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจจะปลุกคนร่างเล็กที่กำลังหลับสบายหรอก ปล่อยให้เพราตาได้พักผ่อนอีกสักนิดน่าจะดีกว่า
จะว่าไปแล้ว
“...เหมือนฝันเลยนะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยเบาหวิว เขาไม่ต้องการให้ใครได้ยินทั้งนั้นโดยเฉพาะคนที่ยังอยู่ในห้วงนิทราหวาน......
ใบหน้าขาวจนแลดูซีดอ่อนโยนลงยามทอดมองดวงหน้าหวานสวยชวนให้ใครต่อใครลุ่มหลงในความงามจับตาตามความหมายชื่อของเจ้าตัว อดไล้มือลูบพวงแก้มเนียนของอีกคนไม่ได้... ราวกับถูกแรงโน้มถ่วงที่มองไม่เห็นสั่งให้โน้มศีรษะลงใกล้
สัมผัสปลายจมูกลงบนแก้มใสแผ่วเบา กลัวอีกฝ่ายจะตื่นอยู่เหมือนกันแต่มันก็เกินจะยั้งใจไว้ได้จริงๆ
เพราตามีแรงดึงดูดที่รุนแรงเสียจนน่ากลัว
กลัวใจตัวเองยังไม่มากเท่ากับกลัวใจของคนคนนี้.....
ไม่ควรเกิดความลุ่มหลงในตัวอีกคนมากไปกว่านี้
ก็รู้ว่าต้องหยุดตรงนี้
โตยธารรู้ ......รู้ดีที่สุด
แต่.....
.
.
ปากบางเม้มแน่นเมื่อเกือบกดจูบลงบนกลีบปากอิ่มลักหลับคนตัวเล็กอีกครั้งซะแล้ว อยู่กับเพราตาเขาไม่ค่อยจะมีสติครบสมบูรณ์เลยสักที หากไม่รู้จักควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้มีหวังต้องเผลอเข้าสักวันใดวันหนึ่งแน่ๆ
หมับ
คนที่คิดว่าหลับอยู่กลับเป็นฝ่ายจับข้อมือของร่างโปร่งที่กำลังจะละออกจากดวงหน้าหวานเอาไว้ แรงกระตุกดึงถึงแม้ว่าคนทำจะไม่ได้ออกแรงมากนักแต่ตัวที่โน้มเอนอยู่แล้วของโตยธารกลับล้มทาบทับคนร่างเล็กได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาคู่กลมเบิกโพลงเมื่อเห็นคนที่ตนเพิ่งจะลักหลับหอมแก้มนุ่มไปเมื่อครู่นอนส่งยิ้มหวานให้อยู่
“จะลักหลับกันทั้งที ทำแค่นี้เองเหรอ?”
โตยธารไม่ตอบ ร่างโปร่งเม้มปากหันหน้าหนีไปอีกทาง ท่าทางแบบนั้นทำให้คนตัวเล็กกว่าอดรู้สึกมันเขี้ยวไม่ได้....... งับไหปลาร้าตำแหน่งเดิมกับที่งับไปเมื่อวาน ไม่ได้เอาให้จมเขี้ยวอย่างเมื่อวานก็จริงแต่คงทำให้แสบๆคันๆอยู่บ้างเหมือนกัน
“อ๊ะ นี่!”
“Morning~”
“...สายจนตะวันจะทิ่มก้นอยู่แล้วเถอะ”
ร่างโปร่งเบะปากคว่ำพลางขยับดิ้นขลุกขลักจนหลุดออกจากวงแขนของคนแกล้งหลับในที่สุด ความจริงต้องบอกว่าเพราะเพราตายอมปล่อยมากกว่า พอยืนขึ้นตั้งหลักได้โตยธารก็เดินลิ่วๆไปคว้าถุงน้ำเต้าหู้กับของกินสองสามอย่างที่เขาเลือกซื้อมาเผื่อคนตัวเล็ก ไม่รู้ว่าชอบกินหรือไม่ชอบกินอะไรเห็นอะไรวางขายคิดว่าอีกคนน่าจะชอบก็เลยเลือกซื้อมา
จะว่าไปก็เหมือนว่าออกจะสิ้นเปลืองไปสักหน่อย.....
“เคยบอกหรือยังว่าน้ำน่ารักมากนะ”
ร่างโปร่งชะงักมือที่กำลังเทน้ำเต้าหู้ในถุงใส่แก้วตัวป้อมที่มีติดอยู่ในบังกะโล หันไปมองร่างเล็กที่นอนตะแคงท้าวศีรษะจับจ้องมองตรงมายังเขา สายตาร้อนแรงแบบนั้นที่ตากลมเป็นประกายฉ่ำหวานส่งมา ทำให้คนร่างบางต้องรีบหันหน้าหนีทันที
หัวใจ ...เต้นแรงขึ้นอีกแล้ว
“...ถ้าเห็นตัวเองตอนนี้นายคงไม่พูดชมคนอื่นน่ารักง่ายๆหรอก เพราตา”
.
.
“ก็ในสายตาเราตอนนี้มองเห็นแต่น้ำนี่หน่า”
จุ๊บ~
จะหันกลับไปมองคนพูดกลับถูกร่างเล็กที่ไม่รู้ลงจากเตียงมาตั้งแต่เมื่อไหร่จุ๊บปากเข้าพร้อมกับแก้วน้ำเต้าหู้ในมือที่ถูกแย่งเอาไปยกขึ้นดื่มต่อหน้าต่อตา ทั้งหมดทั้งมวลไม่น่าตกใจเท่ากับร่างเปลือยเปล่าที่ไม่มีอะไรคลุมปิดกายไว้เลยสักชิ้น
โตยธาร‘ช็อค’ไปแล้วเรียบร้อย
เพราตาขำออกมาเบาๆสองมือเล็กประคองแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นจ่อชิดปากอีกคน ใบหน้าหวานเอียงน้อยๆกลีบปากอิ่มแย้มรอยยิ้มออกมาจางๆ
แต่กลับเป็นยิ้มที่ยิ้มทั้งหน้าทั้งดวงตา สวยเสียยิ่งกว่าตอนปั้นแต่งรอยยิ้มยั่วเย้ายวนสายตาคนอื่นหลายเท่าตัว
....ทำไมถึงไม่ยิ้มแบบนี้ออกมาบ่อยๆนะ?
“ดื่มด้วยกันสิ”
“ขอลองชิมดูก่อนได้ไหม?...”
คล้ายกับกำลังละเมอ มือเรียวประคองแก้มนิ่มไว้รั้งใบหน้าหวานให้เงยขึ้นเล็กน้อย แขนอีกข้างโอบรอบเอวเล็กเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายแนบชิดใกล้ก่อนที่จะโน้มลงแตะปลายลิ้นเลียคราบน้ำเต้าหู้ที่ติดอยู่บนกลีบปากอิ่มช้าๆ
ละเลียดชิมความหวานที่ไม่รู้ว่ามาจากน้ำเต้าหู้หรือจากคนตัวเล็กกันแน่
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ยิ่งลิ้มรส เพราตาคนนี้ก็ยิ่งหวานยวนใจ
“อ ...อื้อออ”
ร่างโปร่งของโตยธารสะดุ้ง ละหน้าออกจากการบดขยี้จูบอีกคนจนปากอิ่มบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ตัวว่าจากการเลียชิมรสน้ำเต้าหู้รอบปากกลายเป็นการบดเบียดจูบอย่างดูดดื่มไปตั้งแต่ตอนไหน ไหนจะความนุ่มนิ่มที่สองมือบีบขย้ำอยู่ ....
“อย่าบีบแรงสิ เห็นแบบนี้เรายังเจ็บๆเสียดๆตรงนั้นอยู่เลยนะ”
“ขะ....ขอโทษครับ!!”
.
.
ตลกดี
เราเหลือบมองร่างที่แทบจะสิงเข้ากับประตูรถอย่างนึกขันในใจ คงจะพยายามอยู่ในห่างจากเราที่สุด ทั้งๆที่เราเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกันว่าในเมื่อนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันแท้ๆ ความห่างที่มีมันจะมากมายขนาดไหนกันเชียว?
อย่างตอนนี้ที่เราแค่ขยับก้นนิดหน่อยก็ย้ายจากกึ่งกลางเบาะรถมานั่งประชิดตัวอีกคนได้แล้ว
“คิดอะไรตื้นๆ”
ปากบางสีซีดเม้มแน่นดวงตาคู่กลมส่งค้อนให้เราเล็กๆ “รถก็ออกจะกว้าง นายจะมานั่งเบียดผมทำไม”
“รถก็ออกจะกว้าง แล้วน้ำจะมานั่งเบียดกับประตูเพี่ออะไร?”
“นาย!”
“วิว”
เราย้อนเสียงเรียบ ถึงจะผ่านคืนเร่าร้อนมาแล้วตั้งหนึ่งคืนเต็มๆ เสร็จสมกับบทใคร่กันไปก็ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่โตยธารก็ยังคงเป็นโตยธารอยู่ดีสินะ
ไม่รู้ว่าจะเขินจะอายอะไรนักหนากับแค่เผลอบีบก้นเราเข้าเต็มสองมือเน้นๆก็เท่านั้น ตัวเราเองยังไม่นึกอายเลย... “ทำอย่างกับเมื่อคืนน้ำไม่ได้จับไม่ได้บีบไปทั่วร่างกายของเราอย่างนั้นล่ะ”
“หยุดพูดเรื่องนี้เลยนะ เพราตา!”
โตยธารเหลือบตามองไปทางด้านหน้าของตัวรถ ไม่ต้องเดาเราก็รู้ว่าเขาคงกำลังมองคนที่กำลังทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับเราตอนนี้และคงจะคิดอายอยู่เพราะ‘หมอนั่น’ต้องได้ยินคำพูดทุกประโยคแน่ๆ อืม ...อันที่จริงงานสารถีไม่ใช่งานหลักของเขาหรอก งานหลักคือการบ่นเราแทนปะป๊าและจ้ำจี้จ้ำไชจนน่ารำคาญต่างหาก
แต่จะทำยังไงได้ ถึงจะไม่ค่อยอยากเจอหน้าหมอนี่สักเท่าไหร่แต่เพราะไม่อยากเดินทางต่อรถหลายต่อ ไม่อยากนั่งเบียดร่วมกับใครด้วย หมอนี่ถึงได้เป็นที่ต้องการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“สรุปแล้วจะให้ผมไปส่งคุณผู้ชายคนนี้ที่ไหนครับ คุณหนู?”
เกลียดคำพูดสุภาพแต่น้ำเสียงกวนเท้าแบบนี้จริงๆ....
“กลับเรือนเล็กของเรา....”
“ไม่ๆ รบกวนช่วยไปส่งผมที่XXทีนะครับ”
เราถอนลมหายใจก่อนจะพยักหน้าให้กับคนขับที่มองกระจกส่องหลังรอคำอนุญาตจากเราอยู่ เขายิ้มมุมปากรับแล้วหันไปสนใจถนนข้างหน้าต่อ ส่วนตัวเราเคลื่อนย้ายตัวเองนั่งแปะอยู่บนตักร่างโปร่งของโตยธารเรียบร้อยแล้ว
“อยากให้ไปค้างด้วยกันจัง อเล็กซ์น่ะทำอาหารอร่อยมากเลยนะ”เราคล้องคอถูปลายจมูกบนแก้มนุ่มของอีกคนไปมา รู้สึกถึงอาการเกร็งตัวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำออกมา
“แหม กล่าวชมกันไปแล้วครับ เพราะคนที่ผมทำให้ทานคือคุณหนูเลยต้องถูกฝึกฝีมือเข้าครัวหนักหน่อยเท่านั้นเอง”
เราขมวดคิ้วตวัดตามองปรามอเล็กซ์ให้หุบปากซะ เพราะอยู่ด้วยกันมานานเขาเลยรู้ถึงความต้องการของเราเพียงแค่เห็นแววตา อืม..ก็ไม่เชิงว่าเป็นแบบนั้นหรอก อเล็กซ์ค่อนข้างจะกระตือรือร้นในเรื่องจับความรู้สึกของคนอื่นมากสักหน่อยน่ะ
ยิ่งเป็นการจับอารมณ์ความรู้สึกของเราแล้วเขาจะยิ่งโปรดปรานมากเป็นพิเศษ
ช่างน่ารำคาญเหมือนพวกนกรู้ที่มหาลัยไม่มีผิด
“อ้อ ช่วงที่คุณหนูไป.....ทำบุญ คุณเจเจอร์แวะมาหาที่บ้านใหญ่ด้วยนะครับ แต่แปลก ผมพูดด้วยเขากลับไม่ตอบซะงั้น เอาแต่ทำหน้าเหมือนยักษ์วัดแจ้ง รอจนดึกดื่นค่อนคืนพอไม่เห็นว่าคุณหนูกลับมาเขาก็กลับไป อ้อ! แต่ก่อนกลับเขาฝากคำพูดเอาไว้ด้วยนะครับ แหมะ....ผมก็นึกว่าเขาจะกลายเป็นคนใบ้ไปแล้วซะอีก”
“งั้นเหรอ”
“โธ่ คุณหนูไม่อยากรู้หน่อยเหรอครับ ว่าเขาฝากคำพูดไว้ว่าอะไร”
เรากดนิ้วโป้งคลึงริมฝีปากล่างของโตยธารเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายเม้มปากเป็นเส้นตรงอีกแล้ว ถึงเขาจะมองออกไปนอกรถแต่ความสั่นไหวในแววตาคู่นั้นไหนเลยเราจะมองไม่เห็น?
โตยธารเหมือนเราตรงที่ซื่อตรงต่อความรู้สึก ต่างกันนิดหน่อยตรงที่เขาเลือกที่จะเงียบแล้วแสดงออกทางสีหน้าและแววตาแทน แต่สำหรับเราจะแสดงออกทั้งคำพูดและการกระทำ
“ถ้าคันปากอยากพูดนักก็พูดมา ไม่ต้องทำมาเป็นแกล้งพูดเพื่อให้เรารู้สึกเสียดายที่นึกจะไม่อยากรู้”
ถ้าเราหันไปมองคงได้เห็นรอยยิ้มนึกสนุกของอเล็กซ์....
“เขาฝากมาบอกว่า... อ่า! ถึงแล้วล่ะครับ ตึกนี้ใช่ไหมครับคุณน้ำ?”
เราถอนหายใจพร้อมทั้งกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ในขณะที่อเล็กซ์ส่งยิ้มกวนมาให้ส่วนโตยธารพอถึงหอตัวเองก็ดันตัวเราออกแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันที เขาคงจะได้เดินลิ่วเข้าหอไปแล้วถ้าไม่เพราะเรารั้งข้อมือเรียวของเขาเอาไว้อยู่
เราโน้มต้นคอขาวลงมากดจูบแลกลิ้นอย่างดูดดื่ม ไม่แคร์แม้จะมีคนเดินผ่านมาก็ตามเราแค่อยากย้ำให้เขารู้ว่าสำหรับเราตอนนี้แล้วคือโตยธารไม่ใช่เจเจอร์ พอผละจากจูบเราก็เอียงคอให้เขาใบหน้าขาวที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อคลอเคลียริมฝีปากผ่านลำคอระหงของเราไปมา
ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บจี๊ดยิ่งกว่าถูกมดกัดจะเกิดขึ้นหลังสิ้นสุดคำพูดจากเรา
“ทำไว้อีกสักรอยสิ โตยธาร”
.
.
ยกมือขึ้นกุมอกข้างซ้ายที่เต้นระรัว รู้สึกพองฟูข้างในนั้น เรียวปากบางที่เจ่อขึ้นสีน้อยๆกระตุกยิ้มออกมา ถึงจะทำเอาไว้แค่รอยเดียวแต่พอรวมกับรอยที่เคยทำเอาไว้เมื่อคืนวานแล้ว..... ก็เยอะอยู่พอดู
“หึ... จริงๆเลยนะเพราตา”
ชอบทำให้หัวใจมันเต้นเร้าและร่างกายรู้สึกถึงความร้อนรุ่มไปหมดแบบนี้อยู่เรื่อยเลยสิ
โตยธารอารมณ์ดีขึ้นเป็นกองหลังจากที่คนตัวเล็กแสดงออกชัดเจนว่าทำตาม‘คำสัญญา’ที่เคยให้กันไว้ในคราแรกอย่างไม่มีบิดพลิ้ว หากทำให้เพราตาพึงพอใจมากกว่าเจเจอร์หลังจากนั้นมันก็จะไร้ความหมายและถูกเขี่ยทิ้งในที่สุด
ถ้าอยากจะตอกย้ำความพ่ายแพ้ของตัวเองนักก็รีบกระดิกหางไปหาเพราตาซะเลยสิ ไอ้เจร์!
.
.
“อุบ!”
ปากถูกมือหนาของใครบางคนปิดเอาไว้ในขณะที่ร่างกายถูกลากให้ตามไปอย่างไร้กำลังต่อต้านเมื่อฝ่ายนั้นดูเหมือนจะมีพละกำลังเหนือว่าหลายเท่าตัว...
“ตามมาเงียบๆถ้าไม่อยากถูกรุมกระทืบ!”
ใคร?!
ขอบใจมาก ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]