hate โพสต์ 2018-5-19 00:28:28

เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 8 (100%)

VIII




         “ให้ผมบีบแตรไล่หรือพุ่งเข้าชนไปเลยดีครับ คุณหนู?”


         เรานั่งเงียบไม่คิดตอบโต้น้ำเสียงกวนอารมณ์ของอเล็กซ์ มองร่างสูงกำยำในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถยี่ห้อ Porsche สีดำดูใหม่เอี่ยมสักรุ่นที่เราไม่รู้จักชื่อเรียกอยู่หน้า‘เรือนเล็ก’ของเรา

         คงจะโดดเรียนอีกเหมือนเคย

         “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”เราเปิดประตูแต่ก่อนได้ก้าวขาลงจากรถแรงดึงที่ข้อแขนทำให้ต้องชะงักตัวไว้ซะก่อน เราหันไปมองอเล็กซ์ที่ยังยิ้มกวนไม่เลิกราแต่แววตาติดจะกังวลหน่อยๆไม่ได้ยิ้มไปด้วยกันกับหน้าตาเลยสักนิด

         “ดูท่าผู้ชายคนนั้นคงจะทั้งรักทั้งหลงคุณหนูวิวของผมมากเลยนะ... ถ้าใช้เหตุผลคุยกับเขาไม่ได้ ผมยังอยู่ตรงนี้นะครับ”


         ... “เราอยากกินกุ้งสามรสกับต้มยำทะเลน้ำข้น”

         อเล็กซ์ถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ยื้อตัวเราเอาไว้อีก แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายในคำพูดนั้นของเราดี ขืนให้อเล็กซ์อยู่ใกล้ๆคงทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก


         “วิว..”

         “สวยดี ของขวัญวันเกิดเหรอ?”เราไม่สนใจตาคมที่มองจ้องมา ไล้ปลายนิ้วลูบผ่านผิวรถสีดำขึ้นเงาแทน

         ไม่ได้ชอบรถแต่ชอบที่ความเร็วเวลาที่มันพุ่งทะยาน ความจริงแล้วที่บ้านของเจเจอร์มีรถแรงๆอยู่หลายคัน เขาชอบสะสมและนิยมรถนำเข้าที่ต้องเสียภาษีแพงๆ ..ก็สมกับฐานะแต่บางทีก็ผลาญเงินค่าภาษีเกินไป

         ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เราให้ความสนใจอะไรนักหรอก เงินเขาตัวเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างการได้ลองนั่งรถแรงๆที่มีความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เป็นอะไรที่เราถูกใจมากเหมือนกัน หากไม่นับรวมเรื่องบนเตียงก็มีเรื่องนี้ที่ทำให้เราพึงพอใจในตัวของเจเจอร์มากกว่าคู่ควงคนอื่นๆ

         การตัดสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้จึงเป็นอะไรที่‘น่าเสียดาย’ไม่น้อยเลยทีเดียว


         “ปอร์เช่ใช่ไหม? รุ่นอะ...อื้มมม”

         เขาไม่แม้แต่จะรอให้เราถามจนจบประโยค ร่างหนาอุ้มเราขึ้นพร้อมกับจับขาของเราทั้งสองข้างเกี่ยวเข้าที่เอวของเขาก่อนจะดันจนแผ่นหลังเราแนบไปกับฝากระโปรงรถ รสจูบอันร้อนแรงถูกป้อนส่งมาให้แรงบดขยี้กลีบปากอย่างหนักหน่วงเร่งเร้าให้เผยอปากออกต้อนรับ ความเคยคุ้นกันดีทำให้เราเผลอเปิดปากออกรับให้เรียวลิ้นร้อนกวาดชิมความหวานอย่างสมใจ

         แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกหน่า

         “โอ๊ย ..วิว?!”

         ร่างหนาผละจูบออกทันทีที่โดนฟันของเราขบลิ้นเข้า ไม่ได้แรงอะไรมากแต่ก็ไม่ได้เบานัก ตาคมจ้องมองเราอย่างดุดันเจเจอร์ทำท่าจะโน้มลงมาฉกจูบเราอีกแต่เราเบี่ยงหน้าหลบทัน ทำให้หน้าคมฝังลงบนซอกคอของเราแทน และถ้าเขาไม่ได้หน้ามืดจนตามัว...

         “รอยพวกนี้มันอะไร?!”

         เราแสร้งยิ้มใสซื่อ เอียงคอเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นทำเหมือนคลำหารอยที่เขาว่า “รอยอะไรเหรอ?”

         “วิว!!”

         “รู้แล้วหน่ารู้แล้ว เราเองก็อยู่ใกล้เจเจอร์แค่นี้ ไม่เห็นต้องตะเบ็งเสียงเรียกกันซะดังแบบนั้นเลย”

         ปัง!

         เราสะดุ้งตีสีหน้าตกใจเมื่อมือหนากำแน่นทุบลงบนกระโปรงรถเฉียดหน้าเราไปไม่มาก แต่ก็สะเทือนจนรู้สึกได้ว่าแรงหมัดของเขาว่าคงหนักเอาการอยู่ “ใครเป็นคนทำ?...”

         “เราว่าเจเจอร์ไม่รู้คงดีกว่า”

         “ผมถามว่าใครทำ!!”

         เราหลับตาแล้วถอนหายใจอย่างนึกหน่ายก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ส่งผ่านความเฉยชาผ่านทั้งแววตาและสีหน้าจนร่างหนาชะงักไป เจเจอร์ขบกรามจนขึ้นนูน ประกายตาดุดันราวกับอสรพิษจับจ้องเรากลับ

         อ่า ...น่ากลัวจังเลยนะ

         “จำได้ว่าเราเคยพูดเอาไว้ชัดเจนแล้วนะ”

         “...”

         “รอยพวกนี้ใครจะเป็นคนทำมันก็เป็นเรื่องของเรา คนที่จบไปแล้วอย่างเจเจอร์ไม่เกี่ยว”ดันกายหนาออกจากร่างแต่กลับถูกมือใหญ่ของเขาจับข้อมือจับตรึงเอาไว้ข้างกายแทน

         เราไม่ได้ดิ้นให้ดูเป็นคนโง่ในสายตาของเขา ทำถึงขนาดนี้ก็รู้แล้วล่ะว่าเขาคงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆเพียงแค่เราสะดีดสะดิ้งกรีดร้องบอกให้ปล่อยหรอก ที่เราทำคือการมองตอบสายตาคมคู่นั้นอย่างไม่กริ่งเกรงเท่านั้น แสดงออกให้เห็นไปเลยว่าต่อให้เขาคิดที่จะทำอะไรต่อไปตัวเราเองก็ไม่คิดที่จะยอมให้เขาได้สมใจง่ายๆเหมือนกัน

         จ้องตากันอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความเงียบสงัดรอบกาย แน่นอนอยู่แล้วที่บรรยากาศรอบข้างจะเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันแบบนี้ ในเมื่อบริเวณนี้นอกจากเรือนเล็กของเราแล้วก็ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งที่จะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านอาศัยอยู่เลยแม้สักหลัง ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยแคร์สายตาของใครนักแต่คำติฉินนิทามันก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญมากอยู่ดี


         “....วิวเป็นของผม”

         เนินนานกว่าเขาจะพูดออกมาอีกครั้งแต่นั่นทำให้เราต้องนิ่วหน้า นึกขัดใจอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่เขาเอ่ยมันออกมา เจเจอร์ดื้อด้านกว่าที่คาดไว้มาก ไม่ได้ดีใจหรือตื่นเต้นที่เขาแสดงท่าทีหวงแหนออกมาสักนิด

         “อย่าคิด ...”เจเจอร์โน้มหน้าลงใกล้เราจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เจือไปด้วยกลิ่นบุหรี่จางๆ ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มร้ายกาจยามใช้ปลายจมูกโด่งคลอเคลียเกลี่ยพวงแก้มเนียนของเราราวกับจะเย้าแหย่กัน แต่ดวงตาคมกริบกลับฉายแววเอาจริงเอาจังเสียจนน่ากลัว “....ไปจากผม”

         “โอ๊ย!”เรานิ่วหน้าครางเสียงหลงออกมาเมื่อถูกเจเจอร์กัดเข้าที่ซอกคอ คงไม่ยั้งแรงเลยสักนิด ความชื้นแฉะที่โลมเลียไปมาตรงที่เขาเพิ่งลงฟันกัดไปเมื่อครู่เรียกให้ความแสบสันต์แล่นริ้วเข้ามาในความรู้สึก

         “คิดจะเขี่ยคนอย่างผมทิ้ง มัน‘ไม่ง่าย’อย่างที่คุณคิดหรอกนะ.... ที่รัก”


         “ระวังคร้าบ ระวัง~!!”

         เจเจอร์ชะงักไป ร่างหนาผละออกจากเราตัวทันทีที่มีอะไรบางอย่างพุ่งตัดหน้าไป อะไรบางอย่างที่ว่านั่นกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางจนแตกดังโผละ ของเหลวสีส้มขุ่นที่อยู่ในนั้นกระจัดกระจายไปทั่ว

         “แหม~ แหม~น่าเสียดายจังเลยครับ ต้มยำทะเลน้ำข้นถุงนั้นผมอุตสาห์จะเอามาให้คุณเจเจอร์ไว้กลับไปทานที่บ้านซะหน่อย ดันพลาดเป้า อ่า...ไม่สิ ดันเผลอทำหลุดมือไปซะได้”

         ตัวของเราถูกร่างสูงของอเล็กซ์บังจนมิดเลยทำให้ไม่เห็นว่าตอนนี้เจเจอร์ทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่คิดว่าเขาคงไม่ได้กำลังยิ้มยินดีอยู่แน่ๆเพราะเจเจอร์คงไม่โง่พอที่จะเชื่อคำพูดประโยคนั้นของอเล็กซ์อยู่แล้ว

         “เอาถุงใหม่มั้ยครับ? ผมทำไว้ซะเต็มหม้อใหญ่ๆเลย”

         “ขอบคุณแต่ไม่ดีกว่า ผมกำลังจะกลับแล้ว”

         “อย่างนั้นหรือครับ แหมะ ...น่าเสียดาย วันนี้ผมทำกับข้าวสุดฝีมือเสียด้วยสิ ฉลองที่คุณหนูได้เพื่อนใหม่น่ะครับ แถมเพื่อนใหม่คนนี้ไฉไลสุดๆซะด้วยนะครับ คุณหนูนี่เข้าใจหา... เข้าใจหาจริงๆ ฮ่าๆ”

         “อเล็กซ์”

         ตั้งแต่โตมาไม่เคยนึกชอบในความปากมากของอเล็กซ์เลยสักครั้ง ยิ่งตอนนี้ยิ่งอยากจะหาก้อนหินข้างทางสักก้อนมาอุดปากของเขาเอาไว้......

         อเล็กซ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีคงจะรื่นรมย์น่าดูที่ทำให้เราเริ่มที่หงุดหงิดขึ้นมาได้ ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยและนั่นทำให้เราได้เห็นสีหน้าของเจเจอร์ชัดเจน อืม....สีหน้าของเขาดูแย่มากกว่าที่คิด

         “เราไม่ส่งนะ”

         เราพูดเสียงเรียบไม่แม้แต่จะปั้นแต่งรอยยิ้มใดๆให้กับเขา ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นก่อนที่จะหันหลังเดินเข้ารั้วบ้านคือใบหน้าหล่อเหลาที่เคร่งขรึมแลดูทะมึงถึงเสียจนราวกับว่าเขาสามารถฆ่าใครสักคนให้ตายคามือได้ในตอนนี้โดยไม่รู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ

         อะไรทำให้เขายึดติดกับเราขนาดนั้น? เราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ใช่ว่าคนอื่นที่เราเคยคบมาจะไม่เป็นอย่างเจเจอร์ตอนถูกเราตัดสัมพันธ์นะ แต่พอผ่านไปสักพักเมื่อรับรู้ได้ว่าเราไม่คิดที่จะกลับไปสานสัมพันธ์ต่อแน่นอนแล้วทุกคนก็จะเลิกรากันไปเอง คนที่ถึงขั้นเป็นเอามากจนผูกใจเจ็บขนาดนี้ก็เห็นจะมีแค่เจเจอร์คนเดียว

         “ทั้งที่ตัวเองเกลียดเรื่องยุ่งยากจนเข้ากระดูกดำแท้ๆ แต่ก็ชอบไปสรรหาเรื่องยุ่งยากที่แสนเกลียดเข้าใส่ตัวจังนะครับ คุณหนูของบ่าว”

         “เราหิว” อเล็กซ์ขำพรืดออกมาทันทีเมื่อเราพูดไปอีกเรื่อง เราหิว....มันเป็นเรื่องที่น่าขำตรงไหนกัน? “อเล็กซ์ เราหิว” ย้ำอีกครั้งเผื่อจะซึมเข้าสมอง

         เราเปิดประตูบ้านออกแต่อเล็กซ์กลับดันมันปิด ร่างสูงที่ยืนซ้อนตัวอยู่ข้างหลังโน้มตัวลงกระซิบถามข้างหูของเราเบาๆ

         “แล้วทีนี้จะแก้เงื่อนที่ผูกเอาไว้ยังไงดีล่ะครับ หืม?”

         เป็นคำถามที่เรามีเพียงคำตอบเดียวให้....


         “อเล็กซ์ ...เรา - หิว”

         ไม่เห็นต้องไปคิดเรื่องยุ่งยากแบบนั้นให้เหนื่อยใจเลย เรื่องนั้นเรามีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว.... หากเจเจอร์ยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้จริงๆ........ เราจะเป็นคนทำให้เขาเดินต่อไปไม่ได้เอง.

         .

         .


         “อดัมส์?”

         โตยธารขมวดคิ้วมองร่างที่สูงกว่าตนเต้นเร้าๆสะบัดมือไปมาอย่างงุงงง ในขณะที่อีกคนที่ถูกฝากฝังรอยเขี้ยวไว้บนฝ่ามือจนเหมือนว่าจะเห็นเลือดซิบๆอยู่รำไรร้องว้ากเสียงดังออกมาเพื่อระบายความเจ็บ

         “ให้ตายเถอะน้ำ! ฟันคมชะมัดเลย!”

         “ก็ไม่รู้นี่ว่าเป็นนาย แล้วเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงมาเล่นแผลงๆแบบนี้กัน”


         อดัมส์เป่าลมหายใจที่ฝ่ามือของตัวเองหวังจะให้ความเจ็บการจากถูกคนตัวบาง‘กัด’มันบรรเทาลง ตาเรียวคมที่ปลายหางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยจ้องเขม็งไปที่ปากบางที่บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด ไหนจะร่องรอยจุดๆสีช้ำที่โผล่พ้นเสื้อยืดสกรีนลายชื่อที่เห็นแล้วสุดจะเห่ยนั้นอีก


         “นายนอนกับวิวแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

         ตรงๆไม่อ้อมค้อม จนทำเอาคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับคำถามขวานผ่าซากแบบนี้อย่างโตยธารหน้าขึ้นสีทันที

         “สีหน้าแบบนั้น งั้นคำตอบก็คือคำว่า‘ใช่’น่ะสินะ....”วูบหนึ่งที่ตาคมสีฟ้าอ่อนดูแปลกตาเพราะมีเชื้อทางแถบยุโรปไหลเวียนอยู่ในกายสะท้อนความเจ็บปวดออกมาให้ได้เห็น แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น... “นายคิดที่จะทำอะไรกันแน่ นอนกับวิวเพื่อประชดเจเจอร์?”

         ร่างโปร่งเม้มปากแน่นดวงตาคู่กลมวาววับอย่างไม่พอใจขึ้นมาทันที “ไม่เกี่ยวกับนาย”

         อดัมส์หัวเราะเสียงขื่นพลางพูดออกมาเบาๆ ...เบาจนเกินกว่าใครจะได้ยินนอกจากตัวของเขาเอง “จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงเป็นคนนอกสำหรับนายอยู่ดีสินะ....”

         ....

         หนุ่มลูกครึ่งปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายหมุนตัวเดินหนี ที่สายน้ำให้เขามามันก็มากเกินพอแล้ว อย่าคิดโลภหวังให้มันมากไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เลยอดัมส์.......

         “อย่าพึ่งกลับไปที่หอตอนนี้”มือหนาคว้าข้อมือเรียวเอาไว้พลางรั้งคนร่างบางเข้าหาตัว ออกแรงมากกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวขาวเสียหลักถลาเข้ามาในอ้อมกอดแกร่งที่กางรอรับเอาไว้อยู่แล้ว

         จมูกโด่งฉวยสูดดมความหอมจากกลุ่มไหมสีดำขลับบนศีรษะทุย หัวเราะกับตัวเองน้อยๆเมื่อยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกโรคจิตเข้าไปทุกที “ตอนนี้ที่นั่นไม่ปลอดภัย”

         “หมายความว่ายังไง?”อดัมส์ถอนหายใจเมื่อคนตัวบางไม่มีท่าทีหวั่นไหวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงปล่อยคนใจแข็งออกจากอ้อมแขนเมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะดันทุรังทลายกำแพงที่มีของอีกฝ่ายต่อไป


         ถ้าจะใจอ่อนให้กันบ้างก็คงไม่ต้องรอมาเกือบปีแบบนี้

         “พวกไอ้กายกับไอ้พีรอดักตีหัวนายอยู่ ถึงได้บอกว่าถ้าไม่อยากถูกกระทืบก็ให้ตามฉันมาไง”

         “แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ทำอย่างกับพวกโรคจิตตามมุมตึกอย่างนั้นล่ะ”

         คำว่า‘โรคจิต’แทงกลางอกอดัมส์เข้าอย่างจัง หนุ่มลูกครึ่งยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเสมองถนนข้างซอกตึกตำแหน่งที่ตนและคนตัวบางยืนอยู่ หากสังเกตสักหน่อยคงเห็นแต้มริ้วสีระเรื่อบนใบหน้าคมสัน

         “ไปค้างกับฉันก็ได้นะ คิดว่าพวกนั้นคงไม่ยกทัพกลับกันง่ายๆหรอก อย่างน้อยก็ให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนเถอะ....”

         “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมไปนอนกับเพื่อนก็ได้”โตยธารยิ้มออกมาบางๆ นึกขอบคุณในความหวังดีของคนตรงหน้าด้วยความจริงใจ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เป็นห่วงและหวังดีกับเขาจริงๆอยู่ตั้งหนึ่งคนล่ะนะ

         ....ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็นึกถึงใบหน้าหวานของใครอีกคนขึ้นมา

         จากรอยยิ้มบางเบากลับกว้างขึ้นและอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว

         “เอาอย่างนั้นเหรอ?”เกือบจะหลุดปากถามออกไปแล้วเชียวว่า‘เพื่อน’คนที่ว่านี่ใคร?

         ใช่คนที่เขาแตะต้องไม่ได้แม้แต่คำพูดหรือเปล่า?

         เพราตาคนดังของมหาลัยคนนั้น........

         “อื้ม ขอบคุณนะอดัมส์ที่อุตสาห์เสี่ยงมาเตือนผม”

         “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ย?"

         “...”

         เห็นตากลมเบิกกว้างราวกับตกใจที่ได้ยินคำขออย่างเห็นแก่ตัวของตัวเองก็ให้นึกอยากตบปากแรงๆที่พูดออกไปโดยไม่ทันคิด อดัมส์ยกมือขึ้นโบกกลางอากาศกำลังจะแก้ตัวว่าที่พูดไปเมื่อกี้นั้นล้อเล่น แต่ก็ไม่ทัน.....

         สัมผัสนุ่มนิ่มแตะสัมผัสบนริมฝีปากหยักแผ่วเบาความนุ่มนิ่มนั้นกดคลึงกับปากของเขาเล็กน้อยก่อนที่คำว่าแตะจะเปลี่ยนเป็นคำว่าจูบของจริง ร่างสูงรั้งเอวบางแนบกับลำตัวแข็งแกร่งอย่างเผลอไผล เรียวลิ้นร้อนโรมรันกับลิ้นหยุ่นนุ่มอย่างดูดดื่ม ดวงตาคมจ้องมองตากลมที่ปิดแน่นของอีกคนด้วยประกายตาหวานซึ้ง

         น่าเสียดายที่คนถูกจ้องกลับไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองกลับรับความนัยจากเขา....

         ก่อนที่จูบราวกับจะไม่ให้เหลือออกซิเจนอยู่ในโพลงปากของอีกฝ่ายจะสะดุดลงเพราะแรงสั่นสะเทือนตรงช่วงขา อดัมส์จำใจผละออกจากปากหวานเชื่อมอย่างนึกเสียดาย ในขณะที่โตยธารหยุดหอบน้อยๆ มือบางยกขึ้นเช็ดริมฝีปากของตัวเองอย่างเผลอตัวและนั่นทำให้คนที่ยังไม่ละสายตาจากคนร่างบางไปไหนรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย

         เจ็บที่อกเมื่อเห็นร่างบางยิ้มหวานให้กับมือถือ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าใครกันที่ส่งข้อความเรียกรอยยิ้มที่อดัมส์ไม่เคยได้รับมาก่อนจากคนคนนี้ได้ เสียงเรียกเข้าของมือถือก็ดังขึ้น

         “ว่างมากหรือไง เพราตา?”


         ทั้งที่พูดเหมือนจะรำคาญอีกฝ่ายแต่ริมฝีปากกลับแย้มยิ้มออกมาบางๆ ไม่หวานเท่ากับตอนได้รับข้อความจากคนนั้น...แต่กลับ .........อ่อนโยน



         จะผิดไหมหากเขานึกอยาก'ชัง'คนชื่อ‘เพราตา’สุดหัวใจเหลือเกิน!

jarongrit โพสต์ 2018-5-19 00:56:26

ขอบใจมาก

topto โพสต์ 2018-5-19 08:37:54

ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน

Gooddy โพสต์ 2018-5-19 10:08:03

ขอบคุนครับ

Gaydarsalon โพสต์ 2018-5-19 10:41:46

ขอบคุน
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 8 (100%)