เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 9 (75%)
IX ( 75% )“เราไม่เคยนึกเกลียดปะป๊าได้มากเท่าวันนี้มาก่อนเลย”
เปรี้ยง!
ราวกับได้ยินเสียงฟ้าผ่าลั่นอยู่ในหู อกผู้เป็นพ่อสั่นคลอนไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดรักสุดหวงสุดหัวใจ พร้อมกับสายตาเย็นชาที่ถูกส่งมาให้แบบนั้น บอกเลยว่าพอเห็นแล้วมัน......
ยิ่งกว่าช็อค!
ใช้เวลาอึ้งไปสักพักร่างภูมิฐานก็คล้ายจะได้สติจากอาการช็อคขึ้นมา ปะป๊าปิญชาน์ยกมือที่กำหมัดหลวมๆขึ้นบังริมฝีปากพลางกระแอมไอออกมาเล็กน้อย ดวงตาเฉี่ยวคมปรายมองไปยังร่างที่กำลังห่อตัวเองด้วยผ้าห่มเล็กน้อยก่อนที่จะเบนกลับไปมองลูกชายสุดที่รักที่อยู่ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า ...โชคยังดีมีชายผ้าห่มจาก‘ผู้ชายแปลกหน้า’ (สำหรับป๊า) คนนั้นคลุมปิดช่วงล่างเอาไว้บังสิ่งเร้นลับที่ป๊าเองก็เห็นมาตั้งแต่ลูกน้อยยังตัวแดงเท้าเท่าฝ่าหอย........
ถึงมันจะหมิ่นเหม่จนเห็นขนอ่อนใต้สะดืออยู่รำไรก็เถอะ!
“เพราตา ป๊าให้เวลาห้านาที ลงไปคุยกับป๊าข้างล่าง”
เรียกชื่อจริงให้รู้ว่าป๊าเอาจริงอย่าคิดดื้อกับป๊าตอนนี้มันจะไม่เป็นผลดีต่อคู่นอนของลูกเอง พยายามอย่างยิ่งแล้วที่จะตีสีหน้านิ่งขรึมเข้าไว้ แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเมื่อผู้เป็นลูกชายยกไม้ยกมือขึ้นลูบหัวลูบตัวคนที่ยังคงห่อผ้าเป็นข้าวต้มมัดราวกับกำลังปลอบประโลมให้หายตกอกตกใจ ....ไม่สนใจปะป๊าคนนี้เลยสักนิด
ป๊าช้ำใจแต่ก็ต้องฝืนทนเก็บความรู้สึกเอาไว้
ป๊าต้องขรึม ป๊าต้องนิ่ง ป๊าต้องข่มเด็กมันให้ได้ ...เด็กที่ว่าไม่ใช่น้องวิวหรอก รู้ไส้รู้พุงรู้จุดอ่อนกันหมดว่าป๊าไม่เคยขัดใจลูกรักได้สักที ที่ต้องการข่มน่ะคือไอ้เด็กหุ่นบาง ยอมรับว่าหุ่นมันก็ดีนิดหน่อย ที่คร่อมอยู่บนตัวลูกรักป๊าเมื่อครู่ต่างหาก
เมื่อกี้เหมือนจะเห็นอะไรเชื่อมต่อกันอยู่ระหว่างคนหนุ่มสองคนนั้น ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกันว่าน้องวิวของป๊าเชื่อมเขาหรือเขาเชื่อมน้องวิวเพราะยังไม่ทันได้เบ่งตาดูให้ชัดๆเด็กตัวบางนั่นก็รีบถอนตัวหนีไปห่ออยู่ในผ้าห่มเอาเสียก่อนแล้ว
เอาเป็นว่า ไม่ว่ายังไงป๊าเห็นแล้วใจมันกระดอนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่ว่าน้องวิวจะเป็นฝ่ายไหนยังไงป๊าก็ทำใจรับไม่ได้อยู่ดี
แน่นอน ก็ลูกชายป๊าทั้งคน... ถึงป๊าจะรู้รสนิยมของลูกดียิ่งกว่ารู้จักตัวเองก็ตาม แต่มั่นใจสุดๆว่าไอ้เด็กตัวบางคนนั้นไม่ใช่สเปคของลูกชายป๊าเลยสักนิด
เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล ป๊าเชื่ออย่างนั้น
“ป๊าให้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นนะ เพราตา ถ้าป๊าไม่เห็นเพราตาที่ชั้นล่างภายในห้านาที ป๊าจะริบเรือนเล็กขายทอดตลาดให้รู้แล้วรู้รอดกันไป”
น้องวิวไม่ตอบแต่ป๊าคิดว่าลูกชายเข้าใจดีและคงทำตามคำ (ที่พยายามจะ) สั่งของป๊าแต่โดยดีอย่างแน่นอน
ป๊าสีหน้าขรึมไม่เลิกกระทั่งหันหลังออกจากห้อง ไหล่ป๊าก็ยังไม่ห่อตกทั้งที่หัวใจคล้ายจะเริ่มหดหู่ ....แต่พอปิดประตูห้องนอนของลูกลงเท่านั้นล่ะป๊าถึงได้แทบจะทรุดลงกองกับพื้น
“น้องวิว...โธ่ลูกรักของปะป๊า”
“ผมบอกแล้วว่าอย่าเข้าไปตอนนี้ก็ไม่เชื่อ”น้ำเสียงกวนประสาทเจือขำขันดังขึ้นตรงหน้าทำให้ป๊าต้องเหลือบไปมองคนพูดด้วยความโกรธเคือง
กระชากคอเสื้อยืดลายสปองบ๊อบยืนกางแขนยิ้มเห็นฟันสองซี่สีเหลืองอ๋อยขึ้นจนตัวคนดูแลพิเศษที่ป๊าจัดให้อยู่คุมน้องวิวโดยเฉพาะลอยหน่อยๆ แต่ขายังพอแตะพื้น
นับว่าป๊ายังปราณีมันอยู่นะ.....
“เด็กนั่นมันเป็นใคร?”ป๊าถามเสียงลอดไรฟัน ส่วนไอ้พ่อบ้านจำเป็นทำทีเป็นใช้นิ้วก้อยยัดที่รูหูตัวเองข้างที่อยู่ใกล้ปากป๊า ทั้งที่ป๊าแค่พูดลอดไรฟันไม่ได้แหกปากตะโกน
กวนประสาทเป็นที่หนึ่งในชีวิตที่ป๊าเคยเจอมา ผ่านมากี่ปีกี่ปีมันก็ไม่เคยลดอันดับลง
“อเล็กซ์....”
“โอเคๆ ผมไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร อาจจะเป็นเพื่อนหรือแค่คู่นอนของคุณหนู... รู้แค่ชื่อจริงกับชื่อเล่นของเขาเท่านั้นหละ อื้มมม~ รู้สึกจะชื่อโตยธาร ชื่อเล่นก็สายน้ำ เล่นอีกทีก็น้ำสั้นๆพยางค์เดียว อยู่มหาลัยเดียวกันกับคุณหนูเพียงแต่ต่างคณะ ว่าแต่......ผมว่าชื่อเขาเพราะดีนะครับคุณปิ่น”
“เหอะ! มันกำลังจะเสียบลูกฉัน ต่อให้ชื่อเพราะขนาดไหนฉันก็ไม่ชอบหน้าเด็กนั่นอยู่ดี”
“พาลชัดๆ.....”
“หะ?”เพราะกำลังคิดอะไรไปไกลกับภาพที่พึ่งเห็นจะจะคาตามาเมื่อครู่ป๊าเลยหูลอยได้ยินที่อเล็กซ์พูดไม่ชัด
“คุณปิ่นเห็นเหรอครับว่าเขาเสียบคุณหนูอยู่จริงๆ? บางทีนะ....คุณหนูอาจจะเป็นฝ่ายเสียบเขาเองก็ได้”
รอยยิ้มมีเลศนัยราวกับรู้อะไรบางอย่างดีทำให้ป๊าต้องนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ ป๊าปล่อยคอเสื้อยืดลายไอ้ฟองน้ำฟันหลอสุดปัญญาอ่อนสีเหลืองอ๋อยของอเล็กซ์
น้องวิวชอบไอ้ตัวการ์ตูนสีเหลืองอ๋อยนั่นป๊าไม่เคยมองว่าปัญญาอ่อนเพราะมันก็เหมาะสมกับความน่ารักน่าชังของลูกชายป๊าดี(?) แต่กับหมอนี่...... ป๊าเห็นมันชอบตามลูกชายป๊าแล้วป๊ารู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“ไปสืบเรื่องของเด็กนั่นมาให้ฉัน เอาให้มากกว่าที่นายรู้”ป๊ามองหน้าอเล็กซ์ด้วยประกายตาเอาจริง จากท่าทีกวนโอ๊ยของเขากลับเริ่มนิ่งสงบลง...แต่เรียวปากหยักกลับยกยิ้มราวกับว่ากำลังถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง ซึ่งป๊าไม่เก็บมาคิดให้เปลืองพื้นที่ในสมองหรอก
จะถูกใจอะไรก็เรื่องของมัน ตอนนี้ป๊าไม่มีเวลามาสนใจเพราะกำลังขึ้นได้ที่
“รู้นะว่าเรื่องนี้‘ต้อง’อย่าให้น้องวิวรู้เด็ดขาด”ป๊าสั่งอเล็กซ์ไว้แค่นั้นก่อนที่จะเดินหน้าตรงตัวตรงลงบันไดเพื่อไปรอน้องวิวที่ชั้นล่าง
หมับ
“ให้ผมสืบเรื่องของคุณน้ำให้แน่ชัดก่อนดีกว่าไหมครับ แล้วคุณค่อยคุยกับคุณหนูก็คงไม่สาย”
ป๊าเหลือบมองฝ่ามือที่รั้งข้อศอกของป๊าเอาไว้ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าที่เลิกยียวนอารมณ์แล้วของอเล็กซ์ซึ่งยืนอยู่ขั้นบนสุดของบันไดในขณะที่ป๊ายืนรองลงมาอีกขั้นอย่างประเมิน อเล็กซ์ทำงานเร็วเสมอก็จริงแต่ป๊าอยากคุยกับน้องวิวเดี๋ยวนี้เลยนี่...
ในระหว่างที่ป๊ากำลังชั่งน้ำหนักความคิดคำพูดต่อมาของอเล็กซ์กลับทำให้ป๊าต้องหยุดชะงักทุกอย่างในสมองลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนพูดด้วยความรู้สึกที่ .....ตัวป๊าเองก็บรรยายมันออกมาไม่ถูก
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรักคุณหนูที่สุดในชีวิต...รับรองว่าถ้าคุณน้ำคิดไม่ซื่อจริง ผมคงไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่ใกล้คุณหนูอีกแน่นอน ที่คุณต้องทำในเวลานั้นก็แค่การกล่อมคุณหนู คนเป็นพ่ออย่างคุณ.....คงทำได้ไม่ยากนักหรอกใช่ไหมล่ะครับ?”
แววตาสีเหล็กกล้าจริงจังและเด็ดเดี่ยว ป๊าเชื่อว่าอเล็กซ์ทำได้อย่างที่พูด ป๊าสามารถวางใจให้คนคนนี้ดูแลน้องวิวของป๊าได้
ป๊ารู้ ......เพราะป๊าเป็นคนบอกให้เขารักและคุ้มครองน้องวิวระหว่างที่ลูกห่างจากอกด้วยตัวป๊าเอง
แต่ป๊าไม่รู้ ......ว่าทำไมถึงได้รู้สึกม้วนในท้องและวูบโหวงในอกแบบนี้
หรือบางที ......ป๊าอาจจะรู้อยู่แก่ใจแต่แค่ทำเป็นมองข้ามมันไปดั่งเช่นที่เคยทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เท่านั้น
.
.
“งั้นก็ดี บอกน้องวิวด้วยแล้วกันว่าพรุ่งนี้ฉันจะมาทานข้าวเย็นกับลูกที่เรือนเล็ก” ป๊าดึงข้อศอกออกจากการกอบกุมของมือหยาบซึ่งเขาเองก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ป๊ากลืนความรู้สึกทุกอย่างที่มันตีรวนอยู่ในอกเอาไว้ สิ่งที่แสดงออกให้เขาเห็นมีเพียงความเย็นชาแต่กลับทรงอำนาจและสง่าผ่าเผยเฉกเช่นที่ควรในฐานะนายใหญ่แห่งตระกูลอาทิตยารักษ์
ในแบบที่เป็นมาตลอดและมันจะยังคงเป็นแบบนี้เสมอไป
.
.
“คนโง่”
อเล็กซ์ชะงักไปเมื่อหันมาเห็นเรายืนทำหน้านิ่งมองอยู่หน้าประตูห้อง ช่วยไม่ได้ที่ห้องของเราอยู่ห่างจากบันไดเพียงไม่กี่ก้าวเดิน แล้วก็ช่วยไม่ได้ที่เราบังเอิญได้รู้ได้เห็นอะไรบางอย่างโดยเข้าที่ไม่ได้ตั้งใจ
และเพราะเห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบเราถึงได้พูดคำนั้นออกไป ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมอะไรหรอกก็ในเมื่อที่เราพูดออกมันเป็นความจริง
อเล็กซ์หัวเราะออกมาเบาๆ ถึงจะยังมีรอยยิ้มแต่เราดูออก ที่ยิ้มมันก็แค่หน้าตาและริมฝีปากเท่านั้น ส่วนตากับใจ...... คงจะกำลังร้องไห้อยู่ล่ะมั้ง
“มนุษย์เราก็ล้วนแล้วแต่เขลาปัญญาด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ คุณหนูของบ่าว”
เราเงียบไปพักหนึ่งในช่วงที่อเล็กหมุนตัวเดินไปอีกทางซึ่งเป็นทางไปห้องของเขาเราก็พูดขึ้นมาเมื่อเรียบเรียงประโยคในใจได้
“ไม่ทุกคนหรอก เพราะบางคนก็มักเลือกที่จะหลอกตัวเองไปวันๆ ....ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำเรื่องง่ายๆให้มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปเพื่ออะไร?”
….
“....ฮ่าๆคุณหนูของบ่าวนี่โตขึ้นแล้วจริงๆนั่นหละ ฮ่าๆ”
อืม บางทีอเล็กซ์ก็ดูเหมือน ‘คนโง่ที่กำลังจะกลายเป็นคนบ้า’ หรืออาจจะเป็น ‘คนบ้าที่ทำตัวเป็นคนโง่’ อยู่เหมือนกันนะ
ขอบใจมาก ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]