เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 11 (50%)
XI( 50% )“ทำแบบนี้น่ะ คิดว่าดีแล้วเหรอ?”
ผมเคยถามตัวเองด้วยคำพูดประโยคนั้นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่คำตอบที่ได้ก็มักจะเป็นคำตอบเดียวกันเสมอแน่นอน....
“แล้วนายใช้อะไรเป็นตัวกำหนดล่ะ ว่าที่ผมทำ....มันไม่ดี?”
อดัมส์เงียบไปแต่ดวงตาสีฟ้าครามยังคงจับจ้องมาที่ผมไม่ละไปไหน เหมือนกับจะมองให้ทะลุถึงความคิด รับรู้ถึงจิตใจที่อาจจะดูดำมืดในสายตาของเขา
หึ ก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่ ที่อดัมส์รู้ก็เหมือนกับที่คนอื่นๆรู้ เจเจอร์เลิกกับผมเพื่อไปคบอย่างออกนอกหน้านอกตากับเพราตา ในขณะที่ผมที่ช้ำรักจากเจเจอร์กลับตัดใจไม่ได้วิ่งโร่เข้าหาเพราตาเพื่อหวังจะประชดรักเจเจอร์ ทำให้เพราตาเขี่ยเจเจอร์ทิ้งแล้วหันมาควงกับผมแทน
แน่นอนที่สุดตัวผมในมุมมองความคิดของคนอื่นในตอนนี้น่ะก็คงจะเป็นได้แค่'ไอ้แพศยา'ไร้ศีลธรรมคนหนึ่งเท่านั้น
พวกที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ดีแต่พูดกันไปตามเนื้อผ้าที่เห็น สู่รู้ทั้งที่ไอ้สิ่งที่ตัวเองรู้น่ะมันผิดจากความเป็นจริงไปมากโข เหอะ!
“ฉันถามจริงๆเถอะน้ำ ..นายรักไอ้เจร์มันถึงขนาดต้องลงทุนทำอะไร....แบบนี้เลยอย่างนั้นเหรอ?”
ผมชะงักมือที่กำลังก้มลงสรุปเนื้องานตามสไลด์ที่ฉายอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์หน้าห้อง อาจารย์ไม่อยู่ไม่รู้ไปไหนแต่บอกเอาไว้ก่อนออกจากห้องว่าให้สรุปความบนสไลด์ให้เสร็จภายในระยะเวลาที่เขาออกไปข้างนอก นักศึกษาบางคนรวมทั้งผมทำตามคำสั่งของอาจารย์อย่างเคร่งครัดในขณะที่นักศึกษาหลายคนรวมทั้งอดัมส์ยังไม่แม้แต่จะหยิบกระดาษเขียนรายงานขึ้นมาเลยสักแผ่น
ผมถอนหายใจแล้วก้มหน้าเขียนสรุปต่อ ส่วนปาก... ก็เอ่ยตอบออกมาเบาๆ
“......มันไม่ใช่อย่างที่นายหรือใครเข้าใจหรอก อดัมส์”
ติ๊ด
แอบเห็นทางหางตาว่าอดัมส์ขยับปากจะพูดออกมาอีกครั้งแต่กลับถูกขัดด้วยเสียงข้อความเข้าจากมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะซะก่อน อดัมส์เมินหน้าไปอีกทางเมื่อผมเปิดอ่านข้อความ
เขาคงเห็นชื่อคนส่งหรือไม่ก็เป็นรูปภาพที่ถูกตั้งเอาไว้ด้วยฝีมือของคนคนนั้นเอง...
- เพราตา
ไมค์ยกเลิกคลาส ....เราปวดหัวจะตายอยู่แล้ว เนื้อตัวก็ด้วยปวดไปหมด
อเล็กซ์บอกว่าไม่ว่างมารับเราตอนนี้และคงไม่ว่างยาวยันเย็นเลย .......เราจะทำยังไงดี? -
อยากจะบอกว่าผมสามารถนึกถึงหน้าตาของอีกคนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ปากอิ่มๆสีสดสวยนั่นคงจะกำลังเบะอยู่ ตากลมคงจะฉ่ำจากอาการไข้แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะยังแฝงไปด้วยแววหงุดหงิดงุ่นง่าน น้ำเสียง...หากได้ยินก็คงจะออดอ้อนชวนให้ใจใครต่อใครยอมอ่อนให้โดยดุษฎีอย่างแน่นอน
ถึงจะถามเหมือนเชิงขอความเห็นว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายก็คงจะหนีไม่พ้นอยากให้ผมโผล่หน้าไปหาเขาตอนนี้เวลานี้เลยมากกว่า
คำตอบที่เพราตาต้องการก็คงจะไม่ต่างไปจากคำตอบในใจของผมสักเท่าไหร่นัก
เก็บของใส่กระเป๋าหนังสะพายข้างเสร็จก็ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้เข้าที่ ไม่ลืมที่จะเลื่อนกระดาษสรุปที่เร่งเขียนจนเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาทีให้คนตัวใหญ่หน้าอิมพอร์ตนอกที่ตอนนี้กำลังบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด อดัมส์ขมวดคิ้วมองผมอย่างขัดใจส่วนผมไม่ได้ว่าอะไรในท่าทีนั้นของเขา ส่งยิ้มให้น้อยๆมือตบไหล่กว้างเบาๆ
“ลอกให้เสร็จก่อนอาจารย์เข้าล่ะแล้วก็ ฝากส่งงานด้วยนะอดัมส์”
“อย่าให้ผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลกับนายนักสิน้ำ”
ผมหัวเราะ
“นายเตือนผมช้าไปแล้วล่ะ ไม่สิ.....ต่อให้เตือนเร็วกว่านี้ผมก็คงจะไม่ฟังที่นายเตือนอยู่ดี เพราะฉะนั้น.....ขอโทษนะ”
ผมหันหลังเดินจากมาโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองสีหน้าของอดัมส์ต่ออีก หลายคนอาจว่าผมใจร้ายแต่จะให้ทำยังไงได้ ผมตอบรับความรู้สึกของเขาไม่ได้พอกับที่ผมปฏิเสธเพราตาไม่ได้
เพราตาสำหรับผมแล้วเขาอาจจะเป็นน้ำเย็นที่ช่วยชโลมจิตใจที่มันแห้งเหี่ยวของผมให้กลับมาชุ่มชื่นสดชื่นขึ้น กลับกันเขาอาจจะเป็นเหมือนไฟที่พร้อมจะแผดเผาจิตใจของผมให้มอดไหม้ไปไม่เหลือซากหากผมไม่รู้จักยับยั้งตัวเองเอาไว้
ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ตาม
ผมก็อยากจะลองดูกับเขาสักครั้ง
เรื่องเพราตาอาจจะเป็นเกมที่เจเจอร์ต้องเอาชนะผมให้ได้ แต่ไม่ใช่กับผม
ความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีให้เขามันไม่ใช่แค่เกมๆหนึ่ง
ความจริงข้อนั้นเจเจอร์รู้ดีและมันก็รู้มาตลอด
เพราะความจริงแล้ว.................... ผมน่ะ........
.
.
“นี่ๆข่าวล่า วิวตกบันไดล่ะแก๊!”
“เฮ้ยย น้องวิวของกูตกบันได? ยังไง? ได้ยังไงวะ?”
“เหมือนว่าน้องเขาจะไม่สบายอยู่นะแกแล้วแบบ...”
ปัง!
ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดทั้งที่โต๊ะที่ตบเต็มๆมือเมื่อครู่เป็นพื้นหินอ่อน ตอนนี้ผมกลับรู้สึกหน่วงที่อกมากกว่า“ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ?!”
“หะ? อะ...เออ เหมือนว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะพาไปส่งที่ห้องพยาบาลคณะ......อะ อ้าว? นี่นาย ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ฟังเขามาอีกทีอ้ะ!”
บ้าเอ้ย!
ไม่เคยรู้ว่าตัวเองจะมีความรู้สึกร้อนรนในใจได้มากมายขนาดนี้ ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่คำว่าวิวตกบันไดลอยเต็มไปหมด ตัวก็เล็กแค่นั้นหุ่นบอบบางเหมือนแก้วยังต้องระวังทุกครั้งที่ได้กอด ...ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง? วิวจะเจ็บมากแค่ไหน?
ร้อนในอกจนอยากจะบ้า!
เพราะไม่รู้ว่าห้องพยาบาลของคณะนี้อยู่ตรงไหนเลยต้องเสียเวลาถามทางอยู่นานกว่าจะวิ่งมาถึง ผมไม่แม้แต่จะหยุดยืนนิ่งๆเพื่อให้หายหอบ ก้าวขาให้ยาวที่สุดเท่าที่ส่วนสูงจะอำนวยเข้าไปในห้องที่มีเตียงตั้งอยู่เรียงราย ทุกเตียงว่างเปล่าเว้นอยู่เตียงหนึ่งที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางของจำนวนเตียงทั้งหมด
รู้สึกตัวสั่นไปหมดเมื่อเห็นร่างเล็กคุ้นตานอนหลับตานิ่งๆอยู่บนเตียง เป็นเพราะมีผ้าห่มคลุมปิดกายจนถึงคอเลยทำให้ผมมองไม่เห็นว่าบนตัวขาวๆนั้นจะมีร่องรอยจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน
“ว..วิว?”
เสียงที่ออกมาจากลำคอแหบพร่าและสั่นเครือ ผมค่อยๆนั่งลงบนขอบเตียง ยกมือที่กำลังสั่นระริกอย่างยากที่จะควบคุมให้มันอยู่นิ่งๆได้แตะลงบนแก้มนวลแผ่วเบา
ตัวร้อนราวกับเอามืออังอยู่หน้าเตาไฟ
“วิว......?”
คราวนี้เสียงของผมติดเจือสะอื้น ภาพที่มองเห็นพร่าเลือนเพราะน้ำตาจำนวนมากมันแย่งกันไหลออกมาไม่หยุด ในขณะที่ผมกำลังจะยกมืออีกข้างขึ้นเช็ดน้ำตากลับถูกมือเล็กแต่เย็นเฉียบของคนที่คิดว่าหลับอยู่คว้าหมับเอาไว้
ดวงตาคู่กลมเปิดขึ้นช้าๆ ปากอิ่มซีดไม่แดงสวยเหมือนเคยเพราะพิษไข้แย้มรอยยิ้มออกมาบางเบา
“...มาช้านะ เรานอนรอน้ำจนเกือบจะเผลอหลับไปแล้ว”
“...”
ผมเม้มปากมองคนหน้าสวยบ่นด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก มือเล็กคลึงฝ่ามือของผมไปมาคล้ายจะปลอบประโลมกัน
“น้ำ .....นี่ ......กอดเราหน่อยสิ”
ให้ตายเถอะ
ผมโถมตัวลงกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้เบาๆ ระวังที่สุดที่จะไม่ให้ตัวเองออกแรงรัดตัวของอีกฝ่ายมากเกินไปอย่างที่อยากทำ “เจ็บมากมั้ย? เจ็บตรงไหนบ้าง? เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
“หึหึ...”
“ห..หัวเราะอะไร รู้มั้ยผมน่ะ.....”
จุ๊บ
มือเล็กของคนที่อยู่ในอ้อมกอดลูบแผ่นหลังของผมไปมาในขณะที่ปากอิ่มสีซีดยังคงกดจุ๊บแก้มของผมไม่หยุด
เผลอเม้มปากอีกครั้งเมื่อคนใต้ร่างใช้สองมือน้อยประคองหน้าผมเอาไว้ ดวงหน้าสวยยิ้มหวานดวงตาคู่กลมสบตากับผมอ่อนเชื่อม
“รู้สิ น้ำน่ะห่วงเรามากใช่มั้ยล่ะ”
“...”
“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงหรอกนะ โชคดีที่คนที่ช่วยพาเรามาส่งที่ห้องพยาบาลรั้งแขนเราเอาไว้ได้ทันเลยไม่ได้ตกบันไดอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถึงจะตกบันไดจริงๆก็คงจะไม่เจ็บอะไรมากหรอก ก็บันไดแค่ไม่กี่..... อื้อออ”
ใครว่าเพราตาเป็นคนพูดน้อยกัน?
ไม่ได้อยากรังแกคนป่วยแต่มันอดไม่ได้จริงๆ ผมกดจูบกลีบปากนุ่มเบาๆแตะลิ้นละเลงริมฝีปากอิ่มจนชื้นฉ่ำก่อนที่อีกฝ่ายจะเผยอปากออกเปิดทางให้เกลียวลิ้นของผมสอดเข้าไปลิ้มลองชิมความหวาน ส่งผ่านทุกความห่วงใยให้เขาได้รับรู้อย่างอ่อนโยน ...แต่ดูเหมือนว่าความนุ่มนวลของผมจะทำให้อีกฝ่ายขัดใจ
ลิ้นร้อนจัดจึงเป็นฝ่ายพลิกเกี่ยวตวัดโลมรันอย่างเร่าร้อนแทน
“..อ๊า ....”
ผมเผลอครางออกมาเมื่อถูกฟันขาวเรียงตัวสวยขบกลีบปากล่างเบาๆ ก่อนที่ดวงหน้าหวานของคนภายใต้ร่างจะขยับเลื่อนลงจูบไซ้ซอกคอ เจ็บจี๊ดๆเพราะแรงขบเสียววูบวาบเพราะแรงดูดดุนเลีย
รู้สึกถึงความเย็นเฉียบทว่ากลับนุ่มนิ่มสอดเข้ามาในกางเกงกอบกุมแก่นกายที่กำลังตื่นตัวของผมเอาไว้ในขณะที่คนป่วยเลื่อนหน้าขึ้นประกบจูบสอดลิ้นแลกโอ้โลมกับลิ้นของผมอีกครั้ง
“...อื้มมมม”
หัวสมองว่างเปล่า ลืมแม้กระทั่งว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนและมันไม่เหมาะไม่ควรอย่างไร
รู้แต่ว่าผมต้องการเพราตา .....และเขาเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน
มือเล็กที่โอบอุ้มท่อนเนื้ออยู่ขยับรูดมันเบาๆ สองมือของผมคร่อมค้ำร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ ....สั่นระริกไปหมดทั้งตัว ลมหายใจถูกอีกคนช่วงชิงไม่ละริมฝีปากออก ......
และในขณะที่ผมใกล้ถึงประตูสวรรค์อยู่รอมร่อ
“เพราตา อีกเดี๋ยวอาจารย์พยาบาล............
เฮ้ย?!!!”
ทำไมจะต้องมีอะไรมาขัดเราสองคนทุกทีเลยนะ?
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ชอบมากๆเลย
หน้า:
[1]