เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 12 (50%)
XII (50%)ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยืนจับมือถือแขนจ้องตากันอีกนานไหม แต่ในเมื่อนายยังไม่ตอบออกไปจะให้คนเป็นบ่าวอย่างเขาตอบแทนก็ดูกระไรอยู่ เฉาจิ่งจึงได้แต่ยืนตรงสองมือประสานอยู่ตรงเป้ากางเกงด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้น ไม่รู้ไม่เห็นไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
ถึงไอ้ไม้เบื่อไม้เมาตัวดีอย่างอเล็กซ์จะมีสีหน้ากวนตีนเหมือนอย่างเคยเพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูไม่ถูกต้องแฝงอยู่บนใบหน้าของมันซึ่งแน่นอนว่าเฉาจิ่งจับสังเกตได้ไม่ยากนักในขณะที่ดวงตาคมทรงอำนาจของผู้เป็นนายแม้จะยังคงแน่นิ่งเยือกเย็น.... แต่ยังไงลูกน้องที่อยู่เคียงกายมานานอย่างเฉาจิ่งซึ่งมีหน้าที่คอยอ่านสีหน้าหาความต้องการของผู้เป็นนายอยู่ตลอดเวลามีหรือจะดูไม่ออกว่าตาดำของนายนั้นกำลังสั่นไหวยามมองจ้องสบตากับอดีตมือขวาที่ดูเหมือนว่าจะกอบกำรอบข้อมือของนายแน่นหนับกว่าเดิม
ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้อยู่ในช่วงสภาวะปกติสักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากนายยังมีสติดีครบถ้วนอเล็กซ์มันคงถูกจับหักแขนไปตั้งแต่แตะปลายนิ้วลงบนผิวเนื้อสูทแล้ว
เฉาจิ่งทอดถอนหายใจในใจ มองคนซ้ายทีคนขวาที
คนในเรื่องไม่รู้ตัวแต่คนนอกเรื่องมักจะมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
แต่เรื่องนี้มันใหญ่นักเกี่ยวพันถึงความรู้สึกของคนหลายคน เกี่ยวโยงถึงฐานอำนาจอันดับต้นๆของเอเชียถึงสองขั้วอำนาจ .....คนตัวเล็กๆอย่างเขาที่หากให้เปรียบก็คงเป็นได้แค่เพียงมดตะนอยตัวจ้อยตัวหนึ่งเท่านั้น เฉาจิ่งไม่สามารถออกความเห็นหรือยื่นหัวเข้าไปสอดกับเรื่องนี้ได้ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขารู้สึกคันมือคันปากยุบยิบเหลือเกินขนาดไหนก็ตาม
แต่ปากเป็นเอกเลขเป็นโทอันนี้เฉาจิ่งเคยร่ำเรียนมา บางทีมันก็ไม่น่าจะถือว่าเป็นการเอาหัวตัวเองไปวางไว้บนเขียงหรอกมั้ง..?
เพราะฉะนั้นแล้ว.....ขอนิดหน่อยแล้วกัน
“ผมว่าอยู่รอคุณหนูก่อนก็ดีเหมือนกันนะครับนาย”ดวงตาตี่ในแบบลูกชายจีนแท้ตาปิดเพราะปากแย้มยิ้ม ความจริงเฉาจิ่งก็ยิ้มทั้งหน้าทั้งปากลามไปยันจนตาหายเลยน่ะหละ ดูไปก็คงคล้ายกับแป๊ะยิ้มอยู่เหมือนกัน...
“ยังไงกำหนดการออกเดินทางก็พรุ่งนี้เย็นอยู่แล้ว ยังพอมีเวลานะครับนาย”
ตอนนี้สีหน้าของคนสองคนแตกต่างกันออกไป
เฉาจิ่งไม่ค่อยสนใจสีหน้าเหมือนหมาได้เนื้อชิ้นโตเป็นของขวัญวันตรุษจีนของไอ้ไม้เบื่อไม้เมาอเล็กซ์หรอก.....
“ฉันขอความเห็นนายตั้งแต่เมื่อไหร่อาเฉา?”
สีหน้าเย็นชาเหมือนเอาน้ำแข็งขั้วโลกมาปาใส่หน้าของนายใหญ่ต่างหากที่ทำเอาเฉาจิ่งเสียวไปยันกระดูกสันหลัง!
.....
“ขออภัยครับนาย”เฉาจิ่งหน้าหดตัวลีบโค้งอย่างขอลุแก่โทษให้กับผู้เป็นนายก่อนที่จะก้าวถอยหลังทิ้งระยะห่างจากคนทั้งสองให้มากที่สุด...
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ควรเสี่ยงไปมากกว่านี้ ดูจากสีหน้ากับน้ำเสียงก็พอจะรู้อยู่ว่านาย‘ไม่เล่น’ด้วย
ดวงตาคมสองคู่ของคนสองคนสบประสานกันอีกครั้ง เฉาจิ่งคล้ายกับว่าได้ยินเสียงฟ้าผ่า... ไม่ได้หูแว่วไปเองหรือว่าเป็นเอฟเฟ็กต์สร้างความโอเว่อร์ของภาพที่เห็นอย่างในหนังแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าข้างนอกนั้นฝนจะกำลังตก หนักเสียด้วย ช่างเลือกเวลาตกได้เหมาะจริงๆ
อเล็กซ์ปล่อยมือออกจากข้อมืออีกฝ่ายปากหยักยกยิ้มตาคมสีเหล็กกล้าปรายมองหยาดฝนที่โปรยปรายอยู่ด้านนอกผ่านกระจกใสเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมามองใบหน้าคร้ามคมของผู้เป็นเจ้านายด้วยประกายตาระยิบระยับ
“ข้างนอกฝนตกแน่ะครับ”
“แล้วยังไง?”
คิ้วบางได้รูปขมวดมุ่น หางคิ้วกระตุกเล็กน้อยหลังจากที่ดูเหมือนว่าไอ้พ่อบ้านจอมกวนโอ๊ยมันจะยิ้มพราวกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ดูท่าจะหนักมากด้วยนะครับ”
“อเล็กซ์....”
ขายาวภายใต้กางเกงวอร์มสีเทาขอบย้วยขยับก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายเพียงแค่ครึ่งไม้บรรทัดกั้นเท่ากัน โน้มร่างที่สูงกว่าของตัวเอง 5 เซนลงเล็กน้อย นึกประทับใจเมื่ออีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมีสีหน้าตื่นตระหนกหรือคิดก้าวถอยเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ...เรียกได้ว่าไม่มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติเลยด้วยซ้ำ
ก็เพราะอย่างนี้ล่ะนะ เขาถึงได้นึกชื่นชอบคนผู้นี้มากนัก
สง่างามและน่ายำเกรงหากแต่ก็มีมุมที่......
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ใบหน้าของเขากับคุณปิ่นใกล้กันขนาดนี้ ริมฝีปากแตะผ่านกันเพียงผิวเผินแต่ก็อดทำให้รู้สึกสั่นไหวไม่ได้ หัวใจมันเต้นระรัว
“ใกล้ไปมั้ยไอ้งั่ง?”
พ่อบ้านจำเป็นหัวเราะพรืดออกมาอย่างเสียไม่ได้ อเล็กซ์ผละใบหน้าออกแต่ไม่ได้ก้าวถอยหลังทิ้งระยะห่างจากอีกคนแต่อย่างใด นานๆจะได้อยู่ใกล้กันแบบนี้โดยที่ไม่ถูกอัดจนหน้าบี้หรือได้แผลมาสักรอยสองรอยประดับตามร่างกาย เรื่องอะไรเขาจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดรอดไปล่ะ จริงไหม?
“อะแฮ่ม!”
ถึงแม้ว่าจะยังมีไอ้กางขวางคอมารตัวหนึ่งอยู่ร่วมรับบรรยากาศดีๆนี่ด้วยก็เถอะ
อเล็กซ์ไม่สนใจเสียงกระแอมไอเตือนสติของไอ้อับเฉาจริง (นั่นแหละชื่อมันที่เขาใช้เรียก) ร่างใหญ่มองประสานสายตากับร่างสูง หลังจากนี้ต่อให้จะถูกเท้าคู่นั้นกระทืบจนตายคาที่เขาก็ใคร่คิดที่จะหวั่นเกรง
คนคนนี้กำลังจะเดินทางไปจีน คงจะไม่พ้น ‘ที่แห่งนั้น’ อย่างแน่นอน
จะไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งหนึ่งเดือน เพราะแบบนั้น.....
“ฝนตกหนักแบบนี้มันอันตรายหากจะให้คนไร้ความสามารถอย่างเฉาจิ่งขับรถพาคุณกลับบ้านใหญ่ ถนนหนทางคงจะลื่นแถมไอหยาดฝนคงทำให้มองทางลำบาก ถ้าไม่เป็นการยุ่งย่ามเรื่องของคุณมากจนเกินไป อย่างนั้น...ช่วยค้างอยู่ที่นี่สักคืนเถอะนะครับ”
“ไม่คิดว่านายจะขอมากไปหน่อยหรือ อเล็กซ์?”
“เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและเพื่ออนาคตของคุณหนู คุณคิดว่ามันมากไปหรือเปล่าล่ะครับ?”
ถึงจะโกรธที่มันบังอาจบอกว่าเขาไร้ความสามารถ แต่อย่างไรเฉาจิ่งก็อดนึกชมในความ‘แถ’อย่างร้ายกาจของมันไม่ได้ เข้าใจเอาคุณหนูซึ่งเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเจ้านายมาสกัด นี่ถ้าไม่หน้าด้านหน้าทนจริงๆคงทำแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน.....
เหลือก็แต่เพียงคำตอบของเจ้านาย
แต่เขาคิดว่าคงจะไม่ได้ผิดไปจากความจริงอันเป็นสัจธรรมของคนหลงลูกสักเท่าไหร่นัก....
“..แล้วนี่มีอะไรกินบ้าง ดึกป่านนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ตั้งโต๊ะอีก ฉันหิว!”
หากเป็นเรื่องที่อาจจะเกี่ยวโยงหรือส่งผลกับลูกชายสุดที่รักทีไรต่อให้รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นหลุมพรางที่ถูกขุดรอเตรียมท่าเอาไว้ แต่ก็ยังยอมตกลงไปอยู่ดีสินะครับ ....นาย
.
.
“แกคิดที่จะทำอะไรกันแน่วะ อเล็กซ์?”
หลังจากได้อยู่กันตามลำพังในห้องของไอ้เจ้าแผนการแล้วเฉาจิ่งก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งออกจากห้องน้ำใส่เพียงแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวบางสีเข้มเท่านั้น เขาปรายตามองเพื่อนที่ค่อนข้างจะเทไปทางคู่กัดมากกว่าเล็กน้อยก่อนที่จะเมินเช็ดผมทำเป็นไม่สนใจ
พอเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นเฉาจิ่งก็ได้แต่ถอนหายใจ ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้อยากจะคิดลึกคิดมากอะไรนักแต่ความคิดใครมันจะไปห้ามได้กันล่ะ
ชายผู้เปรียบดังมือซ้ายและเลขาฯมือดีของนักธุรกิจใหญ่ก้มมองคอมพิวเตอร์พกพาบนตัก มือแตะเคาะแป้นพิมพ์เคลียร์งานที่จะต้องสะสางให้เสร็จภายในวันนี้ไปพลางเอ่ยปากพูดไปพลาง
“ผ่านมาก็ตั้งนาน พึ่งจะมานึกอยากทำตามหัวใจอะไรเอาตอนนี้ว้า เฮ้อออ~”
อเล็กซ์ชะงักไปร่างสูงใหญ่เดินเอาผ้าเช็ดผมในมือไปแขวนตากไว้บนราวขนาดหย่อมข้างตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะเดินไปที่ประตูห้อง มือใหญ่แตะลูกบิดค้างไว้พลางหันไปถามไอ้คนบ้างานที่ยังคงก้มหน้าก้มตาดันแว่นไปมาพลางทำหน้าเครียดอยู่บนฟูกข้างเตียงของเขา “จะเอาอะไรไหม?”
“ไม่อ่ะ กินตอนดึกมันไม่ดีต่อสุข...”
ปัง!
“ชิ ไอ้คนพยายามจะมีมารยาทแต่ไม่ทำให้มันที่สุด!”
เฉาจิ่งมองเขม่นไปที่ประตูห้องที่ปิดลงทันทีที่เขาเอ่ยปากพูด ไม่มีรอให้เขาพูดจบประโยคก่อนเลยด้วยซ้ำดูก็รู้ว่ามันคงถามไปงั้นหาเรื่องบ่ายเบี่ยงเสียมากกว่า หนุ่มแว่นถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปสนใจข้อมูลแน่นเอี๊ยดที่อยู่ในจอโน้ตบุ๊คตรงหน้าแทน
.....
‘ผ่านมาก็ตั้งนาน พึ่งจะมานึกอยากทำตามหัวใจอะไรเอาตอนนี้ว้า เฮ้อออ~’
มือใหญ่กำแน่นดวงตาคู่คมสีเหล็กกล้าจ้องมองบานประตูเบื้องหน้า เขายืนอยู่ตรงนี้มาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะมั้ง.. หน้าห้องของคุณหนูวิวเพียงแต่ตอนนี้คนที่อยู่ในห้องนั้นไม่ใช่คนตัวเล็กผู้เป็นเจ้าของแต่กลับเป็นใครอีกคนที่เขาไม่เคยลืมเลือนได้เลยสักที
ปากหยักเค้นยิ้มเยาะตัวเอง มันก็จริงอย่างที่เฉาจิ่งมันว่า เขาปล่อยเวลาให้มันผ่านมาตั้งขนาดนี้แล้วแท้ๆ
นานมากขนาดนี้ ....แล้วแท้ๆ
“มายืนทำบ้าอะไรอยู่หน้าห้องลูกชายฉัน?”
กลิ่นหอมอ่อนๆลอยแตะจมูก กลิ่นเย็นๆที่เขาเคยคุ้นเป็นอย่างดี ...กลิ่นของคุณปิ่น ........
ไม่รู้ว่าตัวเผลอเดินเข้ามาในห้องของคุณหนูวิวตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าทำไมคุณปิ่นถึงได้ถูกร่างใหญ่กว่าของเขาคร่อมทับเอาไว้ตอนไหน ใบหน้าเลื่อนโน้มลงใกล้กับดวงหน้าหล่อเหลาทว่ากลับฉายถึงความเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
เขามองข้ามสิ่งนั้นไป ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รู้สึกถึงความเยือกเย็นนั้น..... แค่นั้นก็ไม่ต้องเจ็บแล้ว........
อเล็กซ์ขอรับรู้แค่เพียง... สัมผัสอันอบอุ่นจากร่างกายตึงแน่นใต้เสื้อเชิ้ตที่ตัวเขากำลังโอบกอดอยู่ ..ริมฝีปากหยุ่นที่กำลังถูกกลีบปากหยักของเขาบดคลึง.....กับเสียงของหัวใจที่เต้นสอดประสานจังหวะกัน ...เพียงเท่านั้น
“ปิญชาน์..... ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”
....
“ก็เอาสิ”อเล็กซ์ชะงัก ชายหนุ่มผละออกเล็กน้อยพลางมองดวงหน้าคมของอีกฝ่ายอย่างตั้งคำถาม ในขณะที่คนใต้ร่างไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
เงียบไปชั่วอึดใจ ปิญชาน์แย้มรอยยิ้มออกมาบางเบาพร้อมกับคำพูด.....ที่แทงเสียดใจคนฟังเสียจนหน้าชา
“แค่เซ็กส์น่ะ... ฉันให้ได้อยู่แล้ว”
“...”
“ถึงจะไม่ได้ทำกับผู้ชายมานาน มันก็คงไม่ได้แตกต่างจากตอนที่เคยทำสักเท่าไหร่นัก แค่มีอารมณ์ทุกอย่างก็คงจะเป็นไปตามธรรมชาติอย่างง่ายดายอยู่แล้วล่ะนะ”
“....”
“ว่าแต่...นายน่ะ ยังฟิตเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าล่ะ อเล็กซ์?”
“...!!”
ดวงตาสีอัลมอลด์เหมือนผู้เป็นลูกชายทว่ากลับเย็นชาเฉือนใจมากกว่ากันเยอะมองสบกับดวงตาสีเหล็กกล้า ไม่มีแววเย้ยหยันหรือเหยียดหยามใดๆแฝงอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น
เพราะในนั้น... มันมีเพียงความว่างเปล่า
“แต่ถ้าจะให้ทำตรงนี้เลยก็คงจะไม่ดีนัก ห้องน้องวิวนี่หน่าถ้าถูกรู้เข้าล่ะก็คงโดนเกลียดแย่แน่ๆ แต่ถ้าจะให้ไปทำกันที่ห้องนายก็มีอาเฉาอยู่ ...หรือว่าจะเอ้าดอร์ดีล่ะ ห้องน้ำดีมั้ย? หรือในครัวดี? หรือว่าจะ......”
แหมะ
ปิญชาน์หยุดคำพูดทุกอย่างลง ตาคมเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำของคนที่คร่อมอยู่บนกาย ....หยาดหยดน้ำที่ไหลออกมาจากดวงตาสีเหล็กกล้าคู่นั้น
อเล็กซ์ไม่ใช่คนที่เอะอะพอเจอเรื่องสะเทือนใจเข้าหน่อยก็จะร้องไห้ออกมา ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นอเล็กซ์ร้องไห้เลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่เขาปลดตำแหน่งอเล็กซ์ออกจากบริษัท ปลดออกจากการเป็นมือขวาทั้งที่เคยเป็นมาตลอดเพื่อให้ออกมาดูแลน้องวิวแทนเขา เนิ่นนานเกือบสิบปีไม่ใช่ก่อนที่น้องวิวจะเข้ามหาลัยอย่างที่น้องวิวเข้าใจซะอีก
แค่คิดโง่ๆว่าพอห่างกันไป อะไรๆที่เคยรู้สึกต่อกันมันก็จะค่อยๆห่างตามและจางหายไปเอง แต่เขาก็ลืมไปว่าอเล็กซ์ก็คืออเล็กซ์
เด็กผู้ชายที่มีความกตัญญู ซื่อสัตย์ และ มีความเข้มแข็งมั่นคงดังภูผา
ปิญชาน์เพิ่งมาสำเหนียกเอาเข้าตอนนี้ ...ที่เขาทำมันก็แค่การหลอกตัวเองไปวันๆเท่านั้น ทั้งยังหลอกคนที่รักและภักดีต่อเขาเสมอมาอีกด้วย
คงจะเจ็บมาก ....เลยสินะ
‘อเล็กซ์’
ร่างสูงพลิกกายคร่อมร่างที่หนากว่าเอาไว้แทน มือเรียวป้ายเช็ดหยาดน้ำบนแก้มไล่ปลายนิ้วไล้เรื่อยลงมาจนถึงลูกกระเดือก กดนิ้วโป้งคลึงเล่นเบาๆ.... ดวงตาคู่คมสีอัลมอนด์มองร่างข้างใต้ที่อยู่ในสภาพเปลือยอกเผยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อเล็กซ์เป็นคนชอบดูแลร่างกายของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร จำได้ว่าอเล็กซ์เคยบอกกับเขาเอาไว้ว่าอยากจะเป็นคนแข็งแรงที่แข็งแกร่งเหนือคนอื่น...เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างเป็นมือเป็นเท้าให้กับเขาตลอดไป
อเล็กซ์มักจะเป็นแบบนี้มาตลอด ถึงจะชอบทำเป็นเล่นๆแต่ก็จริงจังกับทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเขาแล้ว....ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
เรียวปากยกยิ้มน้อยๆพร้อมกับใบหน้าที่โน้มลงใกล้ “อเล็กซ์...”
“พรุ่งนี้ฉันจะต้องออกเดินทางไปจีนและหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็ต้องเข้าไปประลองยุทธ์กับ‘ตาเฒ่า’นั่น ...นายมีกำลังใจแบบไหนจะมอบให้ฉันก่อนไปออกศึกล่ะ หื้ม?”
ร่างที่คร่อมทับทิ้งตัวลงนอนซบอยู่บนอกแน่น ฝ่ามือนุ่มเพราะไม่เคยต้องทำงานหนักวางลงเหนืออกข้างซ้าย น้ำเสียงที่ได้รับฟังดูเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย.... คับคล้ายกับปิญชาน์คนเก่า คล้ายคุ้นเสียจนคนที่ถูกนอนทับอยู่เผลอยกมือขึ้นโอบรอบลำตัวของอีกฝ่ายแน่นแนบเข้ากับลำตัวอย่างที่เคยทำ คิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้....
“คิดจะตบหัวแล้วลูบหลังกันหรือครับ คุณปิ่น”
ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย ร่างหนากว่าขนลุกเกรียวเมื่อยอดอกของตัวเองถูกอีกฝ่ายใช้ลิ้นร้อนโจมตีโลมเลีย ก่อนที่คางเรียวได้รูปจะวางตั้งหน้าลงบนกล้ามเนื้อแผ่นอก “รู้ตัวแล้วเหรอ ก็ไม่ได้โง่เง่าอะไรมากมายนี่นะ”
อเล็กซ์ถอนหายใจพลางมองสบตากับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “...แล้วคุณอยากได้อะไร?”
....
แค่มองดวงตาก็รู้ถึงทุกอย่างที่อีกฝ่ายกำลังคิดอยู่ ทั้งที่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่งเฉยชาแต่ประกายตากลับร้อนแรงราวกับจะแผดเผาร่างกายและหัวใจของเขาให้ไหม้เป็นจุณ ....ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายส่งผ่านความรู้สึกแบบนี้ออกมาให้ แต่มันก็นานมาแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างคล้ายกำลังกลับมาเป็นเหมือนเดิม ...มันจะง่ายดายอย่างนั้นเลยหรือ?
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น........
“ผมไม่เคย ..นานแล้ว ....เบาๆหน่อยแล้วกันนะครับ”
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]