เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 13 (70%)
XIII ( 70% )“แน่ใจแล้วเหรอว่าดีขึ้นแล้ว? ตัวยังรุมๆอยู่เลยนะ”มือบางแนบกับหน้าผากขาว สีหน้าแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างชัดเจน
“อือ”ปากตอบแบบนั้นแต่สีหน้ากลับยังซีดเซียว ดวงตากลมหลับพริ้มมือเล็กดึงมือบางของอีกฝ่ายมาแนบลงบนแก้มนุ่มของตัวเอง
“เดี๋ยวทานยาอีกสักหน่อยดีกว่า วิวจะทานอะไรน้ำจะลงไปซื้อให้ ข้าวต้มมั้ย? หรือโจ๊กดี?”เรียวปากบางยกยิ้มดวงตาคู่กลมสีน้ำตาลอ่อนทอแสงอ่อนโยนระคนเอ็นดูร่างเล็กที่นอนปุหลับตาพริ้มปล่อยให้เขาเกลี่ยไล้แก้มนวลเล่นอยู่บนตักของตน
“อื้มม...”คนตัวเล็กขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดก่อนที่ดวงตากลมสีอัลมอลด์จะลืมขึ้นส่อประกายเจ้าเล่ห์ “เราอยากกินอะไรก็ได้ที่เป็น‘น้ำ’ ”
“อะแฮ่ม!!”
หนุ่มลูกครึ่งที่ถูกลืมกระแอมไอขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่เบานัก ร่างสูงยืนพิงกรอบประตูเลื่อนที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้องมองคนหน้าสวยจัดติดจะซีดเซียวลงเพราะพิษไข้ออดอ้อนเกี้ยวพาโตยธารของเขามานานนับครึ่งชั่วโมงอยู่บนเตียง ทำราวกับโลกใบนี้มีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น นึกน้อยใจเพื่อนที่ตนคิดไม่ซื่อด้วยอย่างโตยธารเสียเหลือเกินเมื่อฝ่ายนั้นเองก็เหมือนจะลืมเลือนเขาไปเช่นกัน
อะไรๆก็ผิดพลาดไปเสียหมด
เพราะคนตัวเล็กที่พึ่งรู้ว่า‘ขี้อ้อน’มากกว่าที่คิด อดีตคู่ควงคนล่าสุดของเพื่อนสนิทเขานั้นแท้ๆ
ทำไมเพราตาถึงมาอยู่ที่ห้องของน้ำได้กัน?
แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน อยู่ด้วยกันนานมากขนาดไหนแล้วก่อนเขามา?
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด งุ่นง่านอย่างที่สุดเมื่อตาคู่กลมของคนตัวเล็กปรายมองมาคล้ายจะรำคาญกันและบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขามันตัวเกะกะ เป็น ‘ส่วนเกิน’ ที่ไม่สมควรจะยืนอยู่ตรงนี้ ...นึกอยากตรงเข้าไปกระชากแขนเล็กๆนั้นแล้วเหวี่ยงให้ออกห่างจากเจ้าของห้องยิ่งนัก
มือหนากำแน่นพยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มจะเดือดพล่านในอกของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
มองดูก็รู้ว่าน้ำให้ความสำคัญกับเพราตามากขนาดไหน ขืนเขาทำอย่างที่ใจคิดไปคงไม่ส่งผลดีออกมาให้เห็นแน่ๆ ดีไม่ดีอาจถูกน้ำเกลียดเข้าด้วยซ้ำ ....
“เอ่อ ขอโทษด้วยนะอดัมส์ ทั้งที่อุตสาห์ซื้อของกินมาฝากแท้ๆ....”
โตยธารคงจะหมายถึงบรรดาถุงของกินที่เขากว้านซื้อมาเพื่อเอาใจเจ้าตัวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กหม้อดินเจ้าอร่อยที่ถึงขนาดต้องต่อคิวรอซื้อตั้งแต่เช้าตรู่ ไหนจะน้ำเต้าหู้นมสดไม่ใส่เครื่องอื่นใดนอกจากเนื้อเต้าหู้ของโปรดคนตัวบาง ถึงจะไม่ต้องต่อแถวซื้อเหมือนโจ๊กหม้อดินแต่เจ้านี้ขายหมดเร็วมากถ้ากะเวลาไม่ดีก็คงชวด
ซึ่งทั้งสองอย่างที่เขาซื้อมาด้วยความตั้งใจและเอาใจใส่นั้นกลับตกพื้นแตกกระจายไปก่อนหน้านี้เพราะคำว่า ‘คุกคามทางเพศ’ เรียบร้อยแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เห็นแต่จะมีเพียงปาท่องโก๋ซาลาเปากับน้ำนมข้าวยาคูสองขวดเท่านั้นที่ไม่ได้แตกกระจัดกระจายไปตามถุงน้ำเต้าหู้นมสดกับถุงโจ๊กหม้อดิน
“ไม่เป็นไรหรอก เหตุสุดวิสัยนี่นะ”หนุ่มลูกครึ่งยิ้มบางคล้ายไม่ใส่ใจมากนัก ทั้งที่ในใจนั้นเสียความรู้สึกเป็นบ้า!
“นี่ เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ เลิกทำหน้าอมทุกข์แบบนั้นได้แล้วนะ”คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนตักนุ่มยกสองมือขึ้นประคองข้างแก้มนิ่มพลางกดนิ้วโป้งคลึงนวดแก้มอิ่มเล่นไปมา อีกฝ่ายที่ถูกคนป่วยเย้าหยอกขำออกมาเบาๆ
ทั้งที่ตัวเองหน้าซีดตาปรือเสียงแหบแบบนั้นยังจะมาบอกว่าหน้าคนอื่นเขาอมทุกข์อีกงั้นหรือ
น่ามันเขี้ยว
โตยธารหยิกแก้มนุ่มของคนป่วยเบาๆอย่างอดไม่ได้ ได้ยินเสียงครางท้วงในลำคอของอีกคนพร้อมกับปากอิ่มที่ไล่งับนิ้วของเขา ไม่ได้จริงจังนักแต่พองับได้กลับไม่ยอมปล่อยเสียอย่างนั้น
แผล่บ
ลิ้นสีสดตัดกับสีปากอิ่มที่ซีดจางเพราะพิษไข้เล่นงานตวัดเลียปลายนิ้วชี้เรียวเบาๆก่อนที่จะอมข้อนิ้วแรกของช่วงนิ้วเรียวเข้าปาก ดวงตากลมฉ่ำปรือไม่รู้ว่าเพราะไข้หรือเพราะอย่างอื่น แต่ไม่ว่าจะเพราะอย่างไหนก็ทำให้คนที่ถูกดูดเลียนิ้วอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นหน้าแดงก่ำขึ้นมาได้
...และนั่นก็เหมือนจะเป็นจุดสิ้นสุดความอดทนของคนที่เฝ้ามองมาตั้งแต่แรก
หมับ
“อ๊ะ”
“อดัมส์?!”
ร่างเล็กลอยหวืออยู่ในอ้อมอกแกร่งของคนตัวสูง หนุ่มลูกครึ่งที่ถือวิสาสะอุ้มคนป่วยออกจากตักของเจ้าของห้องปั้นยิ้มให้ดูปกติที่สุดส่งให้คนร่างบางที่นั่งอึ้งอยู่ ในขณะที่ก้มมองร่างในอ้อมแขนด้วยแววตาวาวโรจน์ แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวแต่มีหรือที่คนร่างเล็กจะไม่ทันสังเกตเห็น
“นายลงไปซื้อโจ๊กมาให้...เพราตาเถอะ คนป่วยจะได้กินยาสักที อ้อ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันดูแลเพราตาให้เอง”คำพูดนุ่มนวลฟังดูลื่นไหลเป็นธรรมชาติไม่คล้ายว่ามีความไม่พอใจแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
กลีบปากอิ่มสีซีดของคนป่วยยกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างรู้เท่าทัน ก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนร่างบางที่ยังคงขมวดคิ้วมุ่น “รีบกลับมานะ เราจะรอ”
ปากบางของผู้เป็นเจ้าของห้องเม้มเล็กน้อย ดวงตาคู่กลมเป็นประกายไหววูบยามมองร่างสูงค่อยๆวางคนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่กลับไม่ยอมผละออกห่างเสียทีทั้งที่คนป่วยก็หลังแตะพื้นเตียงเรียบร้อยแล้ว
หรืออดัมส์จะเริ่มคิดอะไรกับเพราตา?
ร่างบางส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆออกจากสมองก่อนที่จะถอนหายใจเมื่อคนร่างสูงผละกายออกห่างจากเตียงแล้วเดินมาหาเขาแทน
“...งั้นเดี๋ยวน้ำมา ฝากวิวด้วยนะอดัมส์”
“อืม ไม่ต้องห่วง”
โตยธารยิ้มอย่างคลายกังวล หยิบคีย์การ์ดของห้องใส่รองเท้าได้ก็เปิดประตูเดินออกไปทันที ถึงอย่างไรการให้คนป่วยได้ทานข้าวทานยาแล้วนอนพักก็สำคัญกว่าอาการหึงหวงบ้าๆบอๆที่มันอยู่ในอวัยวะที่กำลังเต้นตุ้บตุ้บตรงอกซ้ายของเขาอยู่แล้ว
เพราะรู้ดีที่สุดถึงความรู้สึกของอดัมส์ที่มีต่อตัวเขา และที่สำคัญ.... เขาเชื่อใจเพราตามากกว่าความคิดงี่เง่าที่ผ่านเข้ามาเพียงชั่ววูบนั่นเอง
.
.
“....มีอะไรจะพูดกับเรางั้นเหรอ?”
อดัมส์ละสายตาจากประตูห้องที่เพิ่งปิดไปได้สักพักหันมามองคนป่วยที่ยกแขนขึ้นพาดหน้าผาก นอนหลับตานิ่งๆอยู่บนเตียง น้ำเสียงที่ใช้ถามเป็นแบบโมโนโทนเลยไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าคนถามถามด้วยความรู้สึกแบบไหนอยู่กันแน่
หนุ่มลูกครึ่งถอนหายใจสองมือล้วงกระเป๋าจ้องมองร่างเล็กบนเตียงอย่างพินิจพิเคราะห์ “ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันก็แค่สงสัยว่าทั้งที่มีไอ้เจร์อยู่แล้วทำไมนายถึงยังมายุ่งกับน้ำอีก?”
ร่างเล็กหลุดขำออกมาเบาๆแต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้หางคิ้วของคนฟังกระตุก
“เป็นคำถามที่โง่เง่าจังนะ”
“เพราตา!”
“อย่าเสียงดังสิ เราปวดหัว”
อดัมส์กัดฟันกรอด ร่างสูงสาวเท้าก้าวเข้าใกล้เตียงก่อนที่จะโน้มตัวคร่อมคนร่างเล็กเอาไว้ เพราตาลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงเงาดำที่ทาบอยู่บนกายครึ่งบน ไม่มีสีหน้าประหลาดใจหรือตื่นกลัวใดๆนอกจากความราบเรียบที่แทบจะไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆให้ได้เห็น
“อยากนอนกับเราเหรอ?”สิ้นคำถามด้วยสีหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่าย อดัมส์ถลึงตาอย่างขุ่นเคือง นึกอยากจะตบปากอิ่มที่ดีแสนดีเหลือเกินนั้นสักเพี้ยะ
“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? เหอะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ...ก่อนมาคบกับไอ้เจร์นายเปลี่ยนคู่นอนมาแล้วกี่คนกันล่ะ หื้ม”
คนป่วยนิ่งและเงียบไป ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งกระตุกยิ้มเยาะออกมาจางๆ หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับค้างตึงไปเพราะสองแขนเล็กที่ยกขึ้นคล้องรอบคอ ใบหน้าที่เคยนิ่งเรียบกลับแย้มส่งยิ้มยั่ว “..เอามือออกไป!”
“ไม่ให้หรอกนะ”
“ ?? ”
ดวงตาคู่กลมสีอัลมอลด์เป็นประกายเอาจริงพร้อมแขนเล็กที่ไม่ได้แค่คล้องอยู่บนคอเฉยๆอย่างในคราแรกหากแต่ตอนนี้กลับล็อคลำคอหนาของคนที่คร่อมอยู่บนกายแน่น ...ไม่ใช่ด้วยแรงพิศวาสอดัมส์มั่นใจ คล้ายจะโอบรัดให้คอของเขาหักคาแขนเสียเลยมากกว่า!
“.......”
“ถึงคุณจะมาก่อน แต่ตอนนี้น้ำเป็นของเรา.... และเราก็เป็นของน้ำ”
“...จะพูด อั่ก!”ใบหน้าขาวของหนุ่มลูกครึ่งเริ่มขึ้นสีคล้ำเพราะแรงโอบรัดรอบคอ
อดัมส์ไม่เข้าใจเลยสักนิด....
คนอะไรยิ้มยั่วยวนไปแต่กลับออกแรงรัดคอราวกับจะฆ่ากันให้ตายไปได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้กัน!
“น้ำน่ะ เราไม่ยกให้คุณหรือว่าใครทั้งนั้นหรอกนะ”
เฮือก
อดัมส์ผละกายออกห่างจากคนป่วยที่แรงเยอะอย่างน่าเหลือเชื่อ สูดอากาศหายใจเข้าปอดแทบจะในทันทีที่หลุดพ้นออกจากวงแขนเล็กๆนั่น ...ร่างสูงยืนโกยอากาศหายใจอยู่ข้างเตียง คิ้วเข้มขมวดผูกปมแน่นมองร่างเล็กที่ยังคงนอนนิ่งๆอยู่ท่าเดิม
“นี่”
“!!”รู้ถึงไหนคงอายถึงนั้นหากใครมาเห็นเขาเมื่อครู่ตอนที่น้ำเสียงแหบแต่กลับทรงอำนาจและมีเสน่ห์อย่างน่าพิศวงจู่ๆก็เอ่ยขึ้นมา แล้วเขาดันสะดุ้งเอาซะอย่างนั้นทั้งที่ไม่ใช่คนขวัญอ่อนเลยสักนิด
ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นนั่งคลุกเข่าบนเตียง ลาดไหล่ขาวนวลปรากฏสู่สายตาเมื่อเสื้อยืดย้วยลง ดวงหน้าหวานเอียงเล็กน้อยในขณะที่ดวงตาคู่กลมฉ่ำเยิ้ม.. คงเพราะจากพิษไข้ ไหนจะกางเกงที่ล่นลงจนเผยให้เห็นเอวคอดขาวเนียนนั่นอีก เห็นแบบนี้เขาก็ไม่นึกแปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมเพื่อนสนิทของเขาถึงได้ทั้งรักทั้งหลงคนตัวเล็กคนนี้นัก
ดูเอาสิ ขนาดไม่สบายยังเอ็กซ์แตกขนาดนี้เลยให้ดิ้นตาย!
โชคดีที่เขามั่นคงต่อโตยธารพอที่จะไม่รู้สึกไขว้เขวไปกับสิ่งงามตายวนใจตรงหน้า
หากถึงจะเหมือนว่ากำลังยั่วกันขนาดไหนแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับเยือกเย็นเสียจนรู้สึกถึงบรรยากาศอันหนักอึ้งที่กำลังกดทับลงมาบนตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น....
“คุณน่ะ....”
อดัมส์เผลอกลั้นหายใจไป 3 วินาที
“...เป็นมิตรสำหรับเรากับน้ำใช่มั้ย?”
“ห๋า?”
“ถ้าเจเจอร์มาหาเรื่องน้ำตอนที่เราไม่ได้อยู่กับน้ำ แต่คุณกลับบังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี....... คุณน่ะ...จะเลือกอยู่ฝ่ายไหนกันล่ะ?”
“......”
คิดว่าตอนนี้เขาพอจะเข้าใจในสิ่งที่คนตัวเล็กพูดออกมาทั้งหมดแล้วล่ะ ตาสีฟ้าครามมองสบกับดวงตาคู่กลมของคนบนเตียงนิ่ง เนิ่นนานกว่าที่คนตัวเล็กจะพูดออกมาอีกครั้งและนั่นทำให้ร่างสูงชะงักไป
“เจเจอร์หรือน้ำที่คุณจะเลือก?”
มองออกหรือว่าเขารู้สึกอย่างไร?
มองออกด้วยหรือว่าเขาลำบากใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย?
หากให้ถึงเวลาที่จะต้องเลือกเข้าจริงๆ ระหว่างมิตรภาพกับคนที่รักเขาจะเลือกอะไร? ...นั่นคือสิ่งที่เพราตาต้องการรู้และต้องการกระตุ้นเพื่อให้เขาได้เริ่มคิดเช่นนั้นใช่ไหม?
หึ นั่นน่ะสินะ
“ถ้าฉันเลือกไอ้เจร์ล่ะ?”
แค่อยากรู้เท่านั้น แต่ก็ไม่นึกว่าคำตอบของคนตัวเล็กจะทำให้เขาชะงักอึ้งไป...
“มันก็เป็นเรื่องของคุณ”
ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งคล้ายกับว่าหมดความสนใจที่จะถามคำถามลองใจหรือเสวนาอะไรกับเขาต่อ เกิดคำถามหนึ่งขึ้นในห้วงความคิดของหนุ่มลูกครึ่งแทบจะในทันที.............
‘แค่เนี้ยะ?’
.
.
“กลับไปแล้วล่ะ”
นั่นคือคำตอบของคำถามว่าอดัมส์หายไปไหนหลังจากกลับมาถึงห้อง ผมไม่คิดติดใจหรือสงสัยอะไรจัดการป้อนข้าวป้อนยาคนป่วยเสร็จก็เข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ทั้งที่คิดว่าตัวเองใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานแต่พอออกมาคนป่วยที่สมควรจะนอนพักหรือไม่ก็หลับเพราะฤทธิ์ยากลับนั่งตาแป๋วอยู่บนเตียง
คิดคาดจนผมที่นุ้งแค่ผ้าเช็ดตัวปิดช่วงล่างแค่ผืนเดียวรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้
...ก็สายตาที่เพราตาใช้มองกันมันธรรมดาเสียที่ไหน!
“น้ำ เราเหนียวตัวจัง”
มาแล้วอาการที่เรียกว่า ‘ออดอ้อน’ เพราตาไม่ได้อ้อนแค่คำพูดกับน้ำเสียงแต่แววตากับสีหน้าเองก็ล้วนแล้วแต่สื่อออกมาให้ได้เห็น หากผมอยู่ใกล้เขาในตอนนี้คงหนีไม่พ้นตัวเล็กๆนั้นคงปีนขึ้นมานั่งบนตักส่งเสียงกระซิบอ้อนกันข้างหูให้ได้รู้สึกวาบหวิวที่ช่วงท้องเล่นอย่างแน่นอน
เพราตาเป็นคนน่ากลัว...
.....น่ากลัวที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะ ‘ฟัด’ เขาทุกครั้งที่ได้อยู่ชิดใกล้
“น้ำ?”
“รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวน้ำไปเตรียมของที่จะใช้เช็ดตัวให้ ตอนนี้ไข้วิวยังรุมๆอยู่เลย ยังให้อาบน้ำไม่ได้หรอก”
ผมพยายามที่จะหลบสายตาร้อนแรงที่เขาใช้มอง พยายามที่จะปล่อยผ่านต่อน้ำเสียงออดอ้อนชวนให้ใจสั่น กลั้นใจหันหลังให้กำลังจะก้าวขาเพื่อเข้าห้องน้ำแต่กลับถูกเสียงแหบเพราะเป็นไข้แต่กลับฟังดูกระเส่าเสียจนทำให้รู้สึกม้วนในท้องแปลกๆฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน.....
“อย่าเพิ่งแต่งตัวนะ”
.....
ผมเม้มปากอย่างที่ชอบทำจนติดเป็นนิสัย รู้สึกประหม่าทั้งที่ไม่มีอะไรชวนให้ต้องรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ก็แค่....
“คิก มือสั่นแบบนั้น เราถอดเองก็ได้นะ”
“น นอนอยู่เฉยๆไปเถอะหน่า”
“คร้าบบ คร้าบบ~”
ปกติแล้วเพราตาไม่เคยพูดเล่นหรือรับคำด้วยน้ำเสียงล้อเลียนแบบนี้ พอเขาทำแล้วรู้สึกว่าน่ารักมากจนใจสั่น ...สั่นทั้งใจทั้งมือที่กำลังดึงกางเกงออกจากสะโพก เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ชั้นในให้เพราะกลัวว่าเขาจะนอนไม่สบาย ตอนนี้กางเกงเลยกลายเป็นปราการด่านสุดท้ายรองจากเสื้อยืดที่ถูกผมถอดออกเป็นอันดับแรก
ร่างกายขาวนวลเนียนปรากฏสู่สายตาทันทีที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด
ยอมรับว่าเผลอนั่งจ้องอย่างไม่ละสายตาเลยทีเดียว.....
เพราตาเป็นคนขาว ขาวมากแต่กลับไม่ได้ขาวดูซีดเหมือนผม ร่างกายของเขาขึ้นสีระเรื่อ ...มันทั้งน่ามองและน่าสัมผัสไปในคราวเดียว พอลองได้ใช้มือสัมผัสความนุ่มละเอียดของผิวเนื้อกลับทำให้อยากจะสัมผัสให้มากขึ้นกว่าเดิม ....ด้วยอวัยวะส่วนอื่นที่ไม่ใช่แค่มือเพียงอย่างเดียว
ร่างเล็กนอนชั้นขาพลางหนีบมันเข้าหากันคล้ายจะกำลังปกปิดส่วนเร้นลับไม่ให้คนที่มองตาเป็นมันอยู่เห็น ปากอิ่มเม้มแน่นดวงตาคู่กลมสั่นระริกคล้ายกำลังประหม่า สองมือน้อยสอดเข้าไปใต้ขาเรียวที่ยังคงหนีบแน่นอยู่ ...ดวงหน้าหวานสวยที่เคยซีดเซียวเพราะพิษไข้กลับขึ้นริ้วแดงอมชมพูอย่างน่าดูชม
มองต่ำลงมา
หัวนมสีชมพูสวยน่าลงลิ้นตั้งชันขึ้นไม่รู้ว่าเพราะตอนนี้ตัวเองเปลือยอยู่หรือเพราะ.....
เดี๋ยวนะ
นี่ผมกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ในหัวกัน!
......
อันตราย
อันตรายเกินไป........
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดอกุศลออกทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดในเมื่อคนตัวเล็กในท่าทางที่ราวกับกำลังเขินอายกันช่างน่ารักน่าขย้ำ กระตุ้นอารมณ์ด้านมืดได้ดีนัก และผมก็เริ่มรู้สึกว่าตอนนี้สิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้าขนหนูกำลังปึ๋งปั๋งนึกอยากตั้งขนานกับพื้นเอาเสียอย่างนั้น
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับเข้ารูปเข้ารอย ละสายตาจากภาพเร้าอารมณ์ดิบตรงหน้าก้มหน้าก้มตาชุบผ้าขนหนูผืนเล็กกับน้ำอุ่นในกะละมัง บิดพอหมาดก่อนที่จะเอื้อมมือแปะเช็ดตัวให้กับคนตัวเล็ก ....โดยหันหน้าไปด้านข้าง
ขืนให้มองเรือนร่างของอีกฝ่ายตอนนี้ผมคงได้ตบะแตกเอาแน่ๆ
“อื้ออ ..อ๊ะ น้ำ ตรงนี้”
หมับ
ผมสะดุ้งเผลอหันกลับไปมองอีกฝ่ายเมื่อถูกมือนุ่มตะครุบเข้าให้ ...ถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีอีกฝ่ายเข้าให้อย่างจัง
ปากอิ่มแย้มยิ้มหวานไม่หยดย้อยเท่ากับดวงตาคู่กลมที่ฉ่ำปรอยไปด้วยแรงอารมณ์ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กในมือของผมค่อยๆเลื่อนลงจากแผ่นอกขาวลงไปยังหน้าท้องแบนราบ ....ขาเรียวที่หนีบอยู่ในคราแรกตอนนี้กลับค่อยๆแยกอ้าออกพร้อมกับผ้าขนหนูที่สัมผัสเข้ากับส่วนกลางลำตัวของอีกฝ่ายพอดิบพอดี
“อ๊ะ ...อื้ออ ถ..ถูๆหน่อย”
ผมมือสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ในขณะที่มือเล็กที่ทาบทับอยู่บนฝ่ามือของผมยังคงไม่หยุดบังคับให้ขยับถูผ้าย้ำบนแก่นกายลำตัวของอีกฝ่ายไปมา ทั้งกดและคลึง ....รู้สึกได้เลยถึงความนุ่มนิ่มภายใต้ผ้าผืนเล็กในมือเลยด้วยซ้ำ
ไม่นานมือเล็กก็ละออกพอให้ผมได้ถอนหายใจนึกโล่งอกเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงพอใจแล้ว ...หากแต่กลับกลายเป็นผมที่คิดอะไรตื้นๆไปเอง......
เมื่อผมดึงมือพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกลับ ขาเรียวขาวกลับแยกออกกว้างขึ้น สองแขนเล็กสอดเข้าใต้ข้อพับเข่าของตัวเอง ขยับกายยกสะโพกขึ้นน้อยๆเผยให้เห็นร่องทางจับจีบสีสด ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง .....
ร่องทางสีสวยถูกปลายนิ้วชี้ทั้งสองข้างแยกออกน้อยๆ ปากอิ่มเผยอดวงตาฉ่ำเยิ้มช้อนมองอย่างออดอ้อน
“ตรงนี้ ..ทำให้มันเปียก อ๊ะ...ทำให้เปียกเยอะๆเลยนะน้ำ ...”
ผึง
ราวกับได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างในหัวขาดผึงลง หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีใบหน้าของผมก็เลื่อนไปหยุดอยู่ตรงร่องทางสีสดที่ยังคงแยกออกด้วยแรงดันจากนิ้วเรียวของเจ้าตัว อารมณ์'หน้ามืด'เป็นยังไงคงผมพึ่งเข้าใจก็ตอนนี้ ...อยากลองชิม
“อะ ..อ๊าาส์”
เสียงครางหวานดังขึ้นทันทีที่ปลายลิ้นของผมสัมผัสเข้ากับปากทางร่องสวรรค์ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ตรงนี้ของเพราตาหวาน ....หวานลิ้นเสียจนหยุดไม่ได้ ผมสอดมือรองแก้มก้นนุ่มไว้แล้วยกขึ้นน้อยๆก่อนที่จะสอดปลายลิ้นเข้าไปในร่องทางสีสดสวยพลางตวัดเลียผนังผ่าวอุ่นเรียกเสียงครางไม่เป็นภาษาจากอีกฝ่ายดังขึ้นเป็นเท่าตัว
และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิม
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาทำแบบนี้ให้ใคร ไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย. ...อาจจะเป็นเพราะคนที่ผมใช้ลิ้นละเลงร่องหลืบลับอยู่นี้คือเพราตา ....เพราะเป็นเขาผมถึงได้ไม่รู้สึกเดียดฉันท์เลยสักนิด กลับรู้สึกดีและย่ามใจที่ทำให้สะโพกขาวร่อนไม่ติดเตียงได้
.....
ผมคิดว่าตัวเองกำลังเสพติด.....
“มะ ไม่เอาลิ้น ...อ๊ะ เข้ามา ...ใส่ของน้ำเข้ามา อิ๊ อ๊ะ .....นะ นะ”
เสพติดทุกสิ่งทุกอย่างที่หลวมรวมขึ้นเป็น ‘เพราตา’
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]