hate โพสต์ 2018-5-19 01:26:45

เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 14 (50%)

XIV ( 50% )




         ประตูผู้โดยสารขาเข้าของท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊าเนืองแน่นไปด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนภายในสนามบินไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่า‘เป้าหมาย’ของชายเหล่านี้จะไม่ใช่การก่อการร้ายหรือก่อความวุ่นวายอย่างที่เคยเห็นพาดข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ พวกเขาเพียงยืนอยู่นิ่งๆด้วยท่าทีสงบราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง ....หรืออาจจะบางคน?

         นักท่องเที่ยวบางคนแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นชัดเจน คนดังคนไหนเดินทางมาหรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นนักการเมืองเศรษฐีใหญ่จากต่างประเทศกัน? หากกลับมีคนถิ่นหลายคนที่รับรู้ได้ถึงความ‘ผิดปกติ’ นอกจากไม่คิดจะย่างกายเข้าไปใกล้คนชุดดำกลุ่มนั้นแล้วยังไม่กล้าแม้แต่จะเมียงมองแสดงความสอดรู้

         หลายคนต่างเผลอกลั้นหายใจกันทันทีเมื่อเหล่าชายชุดดำต่างกรูกันเข้าไปยืนเรียงแถวหน้าประตูขาเข้าที่กำลังเปิดออกช้าๆ ร่างสูงสง่าในชุดสูทเรียบหรูสีเทาเข้มเดินออกมาพร้อมกับเหล่าผู้ติดตามในสูทดำอีกสามคน น้อยนักหากเทียบกับเหล่าผู้มีอิทธิพลของจีนคนอื่นๆ ...เพราะร่างสูงสวมแว่นกันแดดจนบดบังไปเกือบครึ่งหน้า ไม่เทียบเท่ากับหน้ากากอนามัยที่พาดปิดอีกครึ่งหน้าล่างเสียมิดจนทำให้เห็นหน้าค่าตาไม่ชัด

         ใครที่อยู่ใกล้หน่อยได้ยินเสียงไอค่อกแค่กผนวกกับความซีดขาวของใบหน้าที่โผล่พ้นบรรดาสิ่งปกปิดให้ได้เห็นแบบวับๆแวมๆก็พาลให้เข้าใจไปว่าร่างสูงสง่าคงจะไม่สบายอยู่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าชายชุดดำที่ได้รับคำสั่งตรงมาเพื่อ‘ต้อนรับ’คนผู้นี้โดยเฉพาะ

         หัวหน้าการ์ดโค้งพลางผ่ายมือให้กับแขกคนสำคัญซึ่งร่างสูงก็ไม่อิดออดที่จะเดินตามการเชื้อเชิญนั้น โดยมีชายฉกรรจ์ในชุดสูทนับสิบเดินประกบตามหลัง


         “คุณชายใหญ่ค่อนข้างจะประหลาดใจไม่น้อยเมื่อได้ข่าวว่าท่านปิญชาน์เลือกที่จะมาลงที่มาเก๊าแทน”


         - เตรียมคำอธิบายไว้ให้ดี -


         นั่นคือสิ่งที่ร่างสูงเข้าใจ เขาไม่คิดตอบโต้อะไรกลับไปทำเพียงแค่เดินด้วยท้วงท่าสง่า สงบ นิ่ง และเยือกเย็นต่อไป ...นั่นคือสิ่งที่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแสดงให้คนพวกนี้เห็น

         หัวใจนี่เต้นตุ๋มๆต๋อมๆย้อกแย้งกับมาดที่แสดงออกสิ้นดี


         “บังเอิญที่ตอนนี้คุณชายใหญ่เดินทางมาเจรจากับคู่ค้าที่มาเก๊าพอดี คงได้กลับไปที่จีนพร้อมกับท่านปิญชาน์เลยล่ะครับ”

         ความบังเอิญมันมีจริงๆในโลกใบนี้เสียที่ไหน คงจะต้องเรียกว่า‘จงใจ’เสียมากกว่าล่ะมัง


         “แต่เห็นทีว่าคงจะยังไม่ได้กลับในวันนี้เพราะดูท่าว่าการเจรจาจะยืดยื้อกว่าที่คิด ท่านปิญชาน์จะสะดวกหรือไม่ครับหากต้องอยู่ที่มาเก๊าต่ออีกสักวันสองวัน?”

         ร่างสูงถอนหายใจหนักๆก่อนที่มือเรียวจะยกขึ้นโบกปัดอากาศ ถึงเขาจะตอบกลับไปว่าไม่สะดวก ยังไงไอ้หมอนี่ก็คงชักแม่น้ำทั้งห้ามาพล่ามให้ฟังจนเขาต้องยอมสะดวกให้อยู่ดี....


         ก็ได้แต่หวังเอาไว้น่ะนะว่านายจะทำธุระเสร็จก่อนกำหนดการกลับจีนของคุณชายใหญ่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็......... เฉาจิ่งก็ไม่รู้ว่าจะแสดงบทบาทตบตาไอ้พวกนี้ไปได้นานแค่ไหน ดีไม่ดีปะหน้าเข้ากับคุณชายใหญ่แค่ครั้งแรกความคงได้แตกทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย

         แค่นึกถึงสายตาเรียวคมกริบของท่านผู้นั้นขึ้นมาเขาก็เกิดความรู้สึกขนหัวลุก สันหลังเสียววูบวาบแล้ว


         ‘นายนะนาย กลับไทยไปหากเงินเดือนไม่ขึ้นโบนัสไม่ขยับอย่างที่บอกล่ะก็ เฉาจิ่งคนนี้จะไปประท้วงกรมแรงงานให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย!’


         .....ได้แต่คิดให้ทำจริงเขาคงไม่หาญกล้าถึงเพียงนั้นหรอก


         “เฮ้ออออ!”

         “ครับท่านปิญชาน์?”

         ร่างสูงของเฉาจิ่งที่พยายามจะเดินหลังตรงอกผ่ายไหล่ผึงให้สง่าเลียนแบบนายเข้าไว้ชะงักก่อนที่จะส่ายหน้าเชิงปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแค่ถอนหายใจเฉยๆจะสงสัยอะไรนักหนา

         ประตูรถลีมูนซีนกันกระสุนเปิดออกเมื่อเดินขบวนมาถึงหน้าสนามบินตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เพราะเฉาจิ่งเอาแต่เหม่อคิดสะระตะเพลินไปหน่อย ร่างสูงหนาของหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดผ่ายมือไม่ลืมโค้งให้อย่างสุภาพ


         “ตอนนี้คุณชายใหญ่รอท่านอยู่ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว เชิญครับ”

         “..!!...”


         ไหนว่ามีนัดเจรจากับคู่ค้าไงฟ่ะ?!

         เวลาประหารมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก ให้ตายเถอะครับนาย!


         .

         .


         “ฮัดชิ้วว~!!”


         ป๊าเสยผมที่ไม่ได้เซตให้เรียบเปิดหน้าผากอย่างที่เคยขึ้นเล็กน้อย รำคาญไอ้ผมเส้นที่แยงตาอยู่เหมือนกันทั้งที่ใส่แว่นอยู่แท้ๆแต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ยกหลังมือขึ้นถูจมูกมีความรู้สึกเหมือนจะจามออกมาอีกรอบแต่มันก็แค่เหมือนจะเพราะหลังจากนั้นป๊าก็ไม่ได้จามออกมาอย่างที่คิด

         ซุกมือสองข้างเข้าเสื้อโค้ชสีน้ำตาลเข้มยืนมองจนขบวนรถลีมูนซีนกลืนหายลับสายตาไป


          “หึ..”

         กะเอาไว้ไม่มีผิด

         ขนาดเปลี่ยนเที่ยวบินรวมทั้งจุดหมายปลายทางกะทันหันก็ยังไม่วายตามกลิ่นมาจนเจอจนได้ ดีที่ป๊ารอบคอบพอสลับตัวกับเฉาจิ่งบนเครื่องบินคอยท่าตั้งแต่เครื่องยังไม่แลนดิ้ง ที่เหลือก็แค่ภาวนาให้เลขาฯอัจฉริยะของป๊าหาทางหนีทีรอดในการแถได้จนกว่าป๊าจะตามไปสมทบหลังเสร็จธุระแล้วกันล่ะนะ


         ....


         บอกจุดหมายปลายทางกับแท็กซี่เรียบร้อยป๊าก็นั่งมองบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนที่เคยเห็นผ่านกระจกรถ นานแล้วที่ไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย ....ตั้งแต่น้องวิวขึ้นชั้นประถม 3 ได้ล่ะมั้ง?

         ป๊าไม่ได้หย่าขาดกับหม่าม้าของน้องวิว เอาจริงๆทะเบียนสมรสก็ยังคงอยู่ ถึงจะอยู่ลึกเข้าไปในตัวเซฟที่บ้านก็เถอะ เพียงแต่เลิกราขาดกันทางพฤตินัยแทน ความจริงแล้วเราไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรักด้วยซ้ำไป เหตุผลทางธุรกิจที่เอื้อต่อกันล้วนๆ อารมณ์ก็คงคล้ายกับคำว่าคลุมถุงชนอะไรเทือกๆนั้น

         ถึงป๊าไม่ได้รักหม่าม้าของน้องวิวแต่ก็ใช่ว่าป๊าจะไม่รักน้องวิวที่เป็นลูก ก็อย่างที่รู้กันว่าป๊าทั้งรักทั้งห่วงหวงลูกชายคนเดียวคนนี้ขนาดไหน ....ไม่ต้องบอกหรือสาธยายอะไรมากมายเชื่อว่าหลายคนก็คงจะเข้าใจดี


         “ถึงแล้วครับ”

         ป๊าจ่ายเงินก่อนที่จะก้าวลงจากรถโดยไม่รอเงินทอน ไม่ได้จะอวดรวยแต่ป๊าไม่ใช่คนขี้งกกับเงินแค่ไม่กี่เหรียญอยู่แล้ว ถอดเสื้อโค้ชที่ใช้คลุมทับชุดสูทสีเดียวกันกับที่ให้เฉาจิ่งใส่เด๊ะออกส่งให้กับพนักงานต้อนรับของโรงแรมที่ยืนรออยู่

         นึกถึงแล้วก็ขำ เฉาจิ่งเบิกตาโตเท่าไข่ห่านอ้าปากกว้างอย่างน่าเกียจตอนที่ป๊าบอกว่าให้เขาใส่สูทรุ่นเดียวกับที่ป๊าใส่อยู่เป็นประจำเพื่อแสดงบทบาทเป็นป๊าชั่วคราว ที่เฉาจิ่งตกใจจนหลุดมาดคงจะเพราะสูทนี้เป็นสูทสั่งตัดจากบริษัท Suitart ชื่อดังจากสวิตฯ งานเนี้ยบหมดจดที่สำคัญที่สุดคุณสมบัติของมัน'ไม่ธรรมดา'หากเม็ดเงินไม่หนาจริงๆก็คงไม่มีใครคิดลองซื้อมันมาใส่เล่นๆหรอก

         ไดมอนด์ อาร์เมอร์ ถือได้ว่าเป็นสูทที่สร้างขึ้นมาเพื่อคนที่วางเท้าตัวเองไว้บนเส้นด้ายอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะ

         ซึ่งป๊าเองก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น


         “เข้าพักหรือเสี่ยงดวงครับท่าน?”

         ป๊าหัวเราะเดินเลี้ยวไปทางปีกขวาของโรงแรมหรูขนาดใหญ่ เป็นอันรู้กันว่าป๊าต้องการเสี่ยงดวงมากกว่าหาที่ซุกหัวนอน มาเก๊าเมืองสวรรค์ของการพนัน อาจจะเรียกได้ว่าเป็น ‘ลาสเวกัสแห่งเอเชีย’ ก็สุดแล้วแต่ใครจะเอ่ยเรียกกันไป มาถึงที่นี่แล้วเอาแต่นอนก็ถือว่ามาไม่ถึงที่

         บริเวณห้องโถงกว้างแบ่งออกเป็นโซนๆที่เห็นชัดเจนมีอยู่ 3 โซนด้วยกัน โซนเสี่ยงดวงกับเครื่องพนันไม่ซ้ำรูปแบบ โซนนั่งดริ๊งยืนดริ๊งเคล้าไปดนตรีจังหวะชวนให้ชีพจรลงเท้า และอีกโซน..... ไม่เห็นอะไรนอกจากคนหนุ่มบ้างแก่บ้างกำลังเกี้ยวพาเหล่าสาวสวยที่คล้ายกับหลุดออกมาจากนิตยสารปลุกใจเสือป่าอย่างไรอย่างนั้น


         ...ก็เข้าใจค้าขายดี...


         “ต้องการคำแนะนำไหมครับท่าน?”ชายคนเดิมทักขึ้น ในขณะที่แขนของเขายังคงทำหน้าที่เป็นราวแขวนเสื้อโค้ชที่ป๊าถอดออกส่งให้ในตอนแรก

         ป๊าทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “ว่ามาสิ”

         “ท่านสนใจความบันเทิงแบบไหนครับ?”

         “เรื่อยๆ ฉันอยากมาสนุกมากกว่ามานั่งใช้สมองคิดอะไรให้ปวดหัว”


         ชายหนุ่มที่หน้าคงความเป็นเด็กหนุ่มมากกว่ายิ้มออกมาน้อยๆ แขนภายใต้เสื้อสูทสีขาวผายมือไปยังเครื่องตู้ที่มีหลากหลายรูปแบบทั้งที่ปรากฏเป็นจอแสดงผลกับแบบที่คล้ายกับเครื่องแตะบัตรบีทีเอช


         “ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำเป็นสล๊อตแมชชีน ทางเรามีหลากหลายแบบให้แขกได้เลือกสนุกตามแต่ความสะดวก ท่านไม่จำเป็นต้องแลกชิป สามารถใช้ธนบัตรเสียบไปที่ตัวเครื่องได้เลย หรือหากท่านต้องการอะไรที่ท้าทายยิ่งกว่านั้น ผมขอแนะนำเป็นกงล้อหมุนเครื่องสามมิติครับ

         ตัวเครื่องนี้จะเป็นแบบจำลองจากของจริงทั้งกระดานทั้งนายแบงค์หรือพนักงานแจกไพ่ ท่านสามารถนั่งเล่นได้หลายคนหรือหากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเล่นเพียงคนเดียวได้ เพียงแต่กงล้อหมุนสามมิตินี้ท่านจะต้องแลกชิปก่อนนะครับ”


         อืม ก็เข้าใจแนะนำ ถ้าจำไม่ผิดไอ้สิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้แนะนำมาล้วนแล้วแต่เป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับคาสิโนทั้งนั้น วิธีการเล่นที่ง่ายดายไม่ซับซ้อนไม่ต้องใช้สมองหรือชิงไหวชิงพริบกับใครเหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ยังประหม่ากับการลงสนามครั้งแรก หากแต่ก็มีอัตราเสี่ยงต่อการหมดตัวสูงอยู่เหมือนกันซึ่งน้อยคนนักที่จะคิดถึงหลักในความจริงข้อนี้


         “ท่านจะเลือกสนุกกับเครื่องเล่นตัวไหนดีครับ?”

         น่าเสียดายแทนหนุ่มน้อยคนนี้เสียจริงที่ครั้งนี้ไม่ใช่การเสี่ยงดวงครั้งแรกของป๊า

         “สล็อตแมชชีนแล้วกัน”

         “ถ้าอย่างนั้น เชิญครับ”


         ป๊ายิ้มพลางมองกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่เหนือศีรษะขึ้นไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมาสนใจไอ้เครื่องสูบเงินตรงหน้า ......
ได้เวลาสนุกแล้วสิ


         .

         .


         ห้องควบคุมแผงกล้องอวงจรปิด

         “บอสครับ สล๊อต KT012 ปล่อยชิปออกมาอีกแล้วครับ”ชายในชุดสูทสีขาวที่นั่งอยู่หน้าจอแสดงภาพจากกล้องวงจรปิดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน หากแต่ร่างสูงใหญ่เจ้าของคำเรียกว่า‘บอส’กลับยังมีทีท่านิ่งสงบ

         “เราเสียไปเท่าไหร่แล้ว?”

         “ระ ...ราวๆห้าหมื่นสามพันสองร้อยดอลล่าสหรัฐครับ”ชายฉกรรจ์เหงื่อตกกับจำนวนเงินที่รายงานออกไป ไม่ใช่ว่าไม่เคยสูญเสียเงินมากเท่านี้ เพียงแต่ว่า......


         “แค่ยี่สิบนาทีเองสินะ...หึ”

         ใช่แล้ว! แค่ยี่สิบนาทีชายแปลกหน้าคนนั้นกลับโกยเงินจากเครื่องที่ยากต่อการโกงนั่นไปเสียครึ่งแสนดอลล่า หากปล่อยให้เล่นไปนานกว่านี้มีหวัง.....

         “บ บอสครับ”ชายฉกรรจ์อีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูครางเสียงอ่อน รู้สึกมีส่วนร่วมไปด้วยกับการสูญเสียเงินในช่วงเวลาแค่ไม่กี่สิบนาทีที่ผ่านมา

         เหล่าลูกน้องที่อยู่ในห้องรวม 4 ชีวิตต่างมองหน้ากันไปมาเมื่อผู้เป็นบอสใหญ่ยังคงนิ่งเงียบ และทั้งที่เสียเงินไปมากขนาดนั้นกลับยังยิ้มได้คล้ายกับไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิด


         ผ่านไปสิบนาที สัญญาณจากเครื่องสล๊อตแมนชีน KT012 ยังคงเตือนการสูญเสียชิปเงินอย่างต่อเนื่อง ร่างสูงใหญ่เหยียดกายหยัดตรงจัดสูทสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่ประตูของห้องควบคุม มุมปากบางหยักยิ้มลึกล้ำยากแก่การคาดเดาซึ่งอารมณ์


         “เห็นทีคงต้องลงไปเยี่ยมเพื่อนเก่าสักหน่อยแล้วสินะ”


         .

         .


         ‘นายครับ อาเฉาควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้เลยครับ...’

         เฉาจิ่งในแว่นกันแดดสีดำกับหน้ากากอนามัยที่ยังคงพาดปิดปากยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์โดยไร้ผู้ติดตาม มีเพียงหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดเจ้าเดิมที่ยังคงยิ้มแย้มไม่เสื่อมคลาย อยากจะเอ่ยปากถามออกไปเหมือนกันว่ากล้ามเนื้อปากมีปัญหาหรืออย่างไร?

         แต่เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของนายสิ่งที่เขาทำได้ตลอดทางจากสนามบินมาจนถึงโรงแรมคือการยืดตัวไหล่ตั้งตรง สง่า.....ต้องสง่าผ่าเผยเข้าไว้


         “..ชาน์ .....ท่านปิญชาน์ครับ?!”

         “คะ ครับ!”

         เบิกตาโตจนแทบถลนใต้แว่นกันแดดสีทึบเมื่อเผลอหลุดมาดออกไป

         แตกมั้ย? ....ความแตกหรือยัง??

         แต่สิ่งที่เห็นยังคงเป็นใบหน้าโฉดแต่กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นเดิม....


         “ถึงแล้วล่ะครับ ผมจะบอกว่าผมไม่สามารถนำท่านต่อได้เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชายใหญ่ รบกวนท่านเดินตามทางโถงไปเรื่อยๆ ห้องที่คุณชายใหญ่เตรียมเอาไว้ให้ท่านอยู่ในสุด มีเพียงห้องเดียวไม่ต้องห่วงว่าจะเข้าห้องผิดครับ อ้อ.....

         คุณชายใหญ่รอท่านอยู่ที่นั่นล่ะครับ”


         ไม่เคยห่วงว่าจะเข้าผิดห้อง โรงแรมหรูขนาดนี้แถมชั้นสูงๆตั้งแต่ชั้นที่ 30 เป็นต้นไปยังมีห้องเดียวต่อหนึ่งชั้นใครมันจะโง่เดินเข้าห้องผิดทั้งที่ขึ้นมาจนถึงชั้นแล้วกัน ที่ห่วงน่ะคือชีวิตของตัวเองต่างหาก


         ตาย .....งานนี้อาเฉาตายแน่ๆ

         ก๊อก ก๊อก

         เฉาจิ่งกลั้นใจยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเพิ่งเหลือบไปเห็นออดข้างประตูก็เมื่อเคาะไปเรียบร้อยแล้ว..แสดงความโง่ที่ท่านประธานใหญ่ปิญชาน์คงไม่มีวันทำออกไปซะแล้ว ... กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายให้สมบูรณ์ จะถูกจับได้หรือไม่นั้นหาใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปพะวงถึงเหตุการณ์ในอนาคตไม่

         แอบปลอบตัวเองในใจ

         อย่างน้อยคุณชายใหญ่ก็ไม่ได้พบหน้าหรือติดต่อพูดคุยกับนายของเขามานานนับสิบปีแล้ว

         นานขนาดนั้น คุณชายใหญ่คงไม่ความจำดีขนาดนั้นหรอกมั้ง........?

         .....


         นึกโทษความเห็นแก่เงินของตัวเอง นึกโทษนายที่เอาจุดอ่อนของเขามาหลอกล่อได้ตรงจุด....


         “เข้ามา”


         สุดท้าย..... เฉาจิ่งนึกอยากกัดลิ้นตายมันไปเสียตรงนี้เลย!

topto โพสต์ 2018-5-19 09:37:59

ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 14 (50%)