เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 14 (100%)
XIV ( 100% )ได้ยินแต่เสียงแต่พอเข้ามาตามคำเชิญกลับไม่เจอใครเลยสักคนในห้องชุดสุดหรูที่กินอาณาเขตทั้งชั้น
ที่เฉาจิ่งเลือกทำไม่ใช่การทิ้งตัวหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาบุนวมหรูหราที่ท่าทางนั่งแล้วน่าจะสบายก้นดีพิลึกแต่อย่างใด ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งอยู่หน้าโซฟาพลางมองสำรวจห้องชุดขนาดกว้างที่กว้างเกินความจำเป็นในความรู้สึก อาจจะเป็นเพราะว่าห้องนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมายอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกจากการคาดเดารสนิยมของคนรวยก็เป็นได้ที่น่าจะนิยมความหรูหราอู้ฟู่บ่งบอกถึงความมีอันจะกินของตัวเองอะไรประมาณนั้น
ยิ่งเป็นผู้มีอิทธิพลที่มีความมั่งคั่งมากติดอันดับต้นๆของจีนด้วยแล้ว
ถือว่าเกินคาดไปมากของมากที่สุด
เพราะนอกจากชุดโซฟากับทีวีจอพลาสม่าที่กะขนาดแล้วน่าจะยาวราวๆร้อยกว่าเซนติเมตรฝังลงไปในพื้นปูนของกำแพงห้องแล้ว คล้ายกับว่าเขากำลังยืนอยู่บนโอเอซิสและถูกรายล้อมด้วยทะเลทรายอย่างไรอย่างนั้น
“ใช้พื้นที่ได้ไม่คุ้มค่าเอาซะเลยแฮะ....”
“ยืนอยู่บนแผ่นดินมาเก๊าทำไมถึงได้พูดภาษาอื่น”ร่างสูงในชุดสูทสีเท้าเข้มเข้ารูปตัวแข็งเกร็งขึ้นมาทันที ถึงน้ำเสียงของนายที่เฉาจิ่งได้ยินบ่อยจนชินหูจะทรงอำนาจจนน่าเกรงขามหากแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึก ‘น่าหวั่นเกรง’ จนถึงขั้น ‘น่าหวาดกลัว’ ได้เท่ากับโทนเสียงเย็นเอื่อยๆที่เอ่ยเข้าโสตประสาทการรับรู้มาเมื่อครู่
“หรือว่าจากไปนานเสียจนลืมเลือนภาษาบ้านเกิด....”
เงาดำที่ทาบอยู่เหนือหัวพร้อมกับเสียงทุ้มที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกน่าขนลุกดังอยู่ใกล้หู ...ใกล้มากเสียจนนึกว่าอีกฝ่ายพูดอยู่ข้างหูเขาเลยด้วยซ้ำ “.....เฉาจิ่ง?”
“...!!!...”
เลขาฯหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาไม่กล้าหันไปมองคนที่คงจะยืนซ้อนตัวอยู่ข้างหลังแม้จะรู้สึกถึงน้ำหนักมือที่กดวางลงบนลาดไหล่ก็ตาม
“นายกับเจ้านายของนายคิดว่าเล่นละครลิงไปแล้วมันจะใช้ได้ผลกับฉันอย่างนั้นหรือ?”
“..อึก!”
เฉาจิ่งคำรามในลำคอเมื่อแรงบีบที่ไหล่เพิ่มขึ้น คล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกเคลื่อน ....อาจจะเป็นการมโนไปเองด้วยความหวาดกลัวผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังจับใจก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดอะไร ผนวกกับบรรยากาศที่เย็นยะเยือกคงด้วยเพราะเครื่องปรับอากาศถูกปรับให้อยู่ในอุณหภูมิต่ำ องค์ประกอบหลายๆอย่างที่อบอวลอยู่ในห้องชุดหรูแห่งนี้ทำให้เฉาจิ่งรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อมือที่เคยวางอยู่บนไหล่กลับเลื่อนลงจับข้อศอกของเขาแล้วดึงให้หันไปเผชิญหน้า.....
กับคุณชายใหญ่... ผู้เป็นทายาทคนโตหรือไท่จื้อแห่ง ‘ตระกูลหวง’ ตระกูลดังที่เป็นเสมือนฐานอำนาจหลักของจีนแผ่นดินใหญ่ ...บุคคลที่ขึ้นชื่อว่า ‘เลือดเย็น’ ถอดแบบผู้เป็นบิดามาแทบทุกกระเบียดนิ้ว
‘หวงเจี่ยหลุน’
“หลบเลี่ยง หลีกหนี ทำตัวไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย”
“นั่นเพราะเจ้านายของผมมีธุระที่ต้องทำก่อน พวกคุณเสียอีกที่กระทำการอุกอาจเกินไป ..เจ้านายของผมไม่ใช่นักโทษของพวกคุณนะครับ”
“หึ”
เฉาจิ่งก้าวถอยหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลักเมื่อข้อศอกของเขาถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ถึงจะหวั่นกลัวคนผู้นี้อยู่ไม่น้อยแต่เขาไม่ชอบใจเลยจริงๆที่คุณชายใหญ่หวงพูดเหมือนว่านายของเขาเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย หากให้ลองมองย้อนดูที่การกระทำจริงๆแล้วใครกันแน่ที่ทำตัวไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายตัวจริง
อยากพูดออกไปแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่สมองอันปราดเปรื่องของเลขาฯหนุ่มกลับประเมินผลลัพธ์ที่จะต้องเจออย่างรวดเร็วหากเผลอพูดออกไปอย่างใจคิด ถึงในห้องนี้จะมีเพียงแค่เขากับคุณชายใหญ่หวงอยู่กันแค่สองคน แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหากเขาล่วงเกินทางคำพูดไปแล้วคุณชายใหญ่หวงจะไม่เรียกบอร์ดี้การ์ดมาหิ้วเขาไปยิงทิ้งโทษฐานพูดจาไม่เข้าหูทั้งที่มันเป็นความจริงที่ก็เห็นกันอยู่ทนโท่
ไม่ควรแหย่แม้แต่หนวดมังกร ...ถึงแม้ว่ามังกรตัวนี้จะเป็นแค่ ‘มังกรตัวลูก’ก็เถอะ
แต่กิตติศัพท์ที่เคยได้ยินเขาร่ำลือกันมา ตระกูลเจ้าเชื้อไม่ทิ้งแถว ลูกไม้หล่นไม่เคยไกลไปจากต้น.........พ่อเหี้ยมยังไงลูกก็โหดร้ายไม่ต่างกันนัก และสำคัญที่สุดนายของเขาค่อนข้างที่จะไม่ถูกกับคุณชายใหญ่คนนี้สักเท่าไหร่ด้วย แต่ไหนแต่ไรมา
เฉาจิ่งถือคติ ‘ศัตรูนายคือศัตรูตน’
.............ถึงแม้คุณชายใหญ่หวงจะขึ้นชื่อว่าเป็น ‘พี่ภรรยา’ ของนายก็ตามทีเถอะ
คุณชายใหญ่หวงในชุดถังจวงคอตั้งสีดำปักลายมังกรด้วยไหมทองแนวตั้งทั้งสองฝั่งของสาบเสื้อแลดูแปลกตา ที่มองว่าแปลกอาจจะเป็นเพราะเฉาจิ่งจากบ้านเกิดไปนาน แน่นอนว่าประเทศไทยไม่มีใครเดินใส่ชุดถังจวงเพ่นพ่านไปมาอยู่แล้วและส่วนมากนักธุรกิจจีนที่เขาเห็นมักจะนิยมสูทสากลเสียเป็นส่วนใหญ่(รวมทั้งเขาเองด้วย) จะเป็นเพียงส่วนน้อยซึ่งล้วนแล้วแต่มีอายุหน่อยเท่านั้นที่เห็นแต่งกายด้วยชุดลักษณะนี้
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเฉาจิ่งกลับไม่รู้สึกระคายตาเลยแม้แต่น้อยที่เห็นชุดถังจวงสวมอยู่บนกายของชายผู้นี้
ชุดถังจวงก็เหมาะกับคุณชายใหญ่หวงดี....
“แปลกเหมือนกันที่เป็นนาย”
เรียวคิ้วบางขมวดเมื่ออีกฝ่ายจู่ๆก็เอ่ยขึ้นมา
“...ไม่ใช่อเล็กซ์”
เฉาจิ่งถึงกับบางอ้อ ก็ไม่แปลกที่คุณชายใหญ่จะนึกแปลกใจสักเท่าไหร่หรอกนะ......
“แต่ก็ดีเหมือนกันที่เป็นนาย เฉาจิ่ง”
เลขาฯหนุ่มชะงัก ตาเรียวๆภายใต้แว่นกันแดด(ที่ลืมถอด)เบิกกว้างเมื่อร่างใหญ่ตรงหน้ากำลังปลดเม็ดผ้าเสื้อถังจวงออก สาบเสื้อแหวกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำภายใต้เนื้อผ้า ตึงแน่นทั้งที่อายุอานามก็ไม่ได้น้อยๆแล้วแท้ๆ ....อ่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะอาเฉา.....
ขาเรียวของเลขาฯหนุ่มก้าวถอยโดยอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้าใกล้
“ค คุณชาย..ใหญ่ .....?”
“ฉันกำลังต้องการอยู่พอดี ระหว่างรอเจ้านายไม่ได้เรื่องของนายมา.....ช่วยทำให้ฉันพึงพอใจหน่อยก็แล้วกัน”
นายครับ ก่อนที่อาเฉาจะ ‘อับเฉาจริง’ ตามที่อเล็กซ์มันเรียกเพราะ ‘มังกรตัวลูก’ คนนี้...กรุณารีบเข้าหน่อยเถอะครับ
.
.
“ไม่มีการมีงานทำหรือไงถึงได้มาป่วนธุรกิจคนอื่นเขา?”
“ไม่ยักจะรู้ว่าที่นี่มีข้อห้ามไม่ให้คนไม่มีการงานทำเข้ามาเสี่ยงดวงด้วยนะเนี้ย”
หลังจากถูกกลุ่มคนในชุดสูทสีขาวมีดอกโบตั๋นสีแดงเสียบอยู่ตรงกระเป๋าอกซ้ายของสูทอันเชิญให้ตามไปรับเงินตามจำนวนที่ป๊าถลุงได้ซึ่งก็มากพอดู ฝูงคนดูที่มุงให้กำลังใจป๊ากันอย่างสนุกสนานต่างก็แตกหือออกไปกันคนละทิศคนละทาง เมื่อคนที่มาอันเชิญป๊าไม่ได้มีแค่เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดสูทที่คาดว่าน่าจะเป็นบอร์ดี้การ์ดคุมคาสิโน
แต่กลับมีบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ดูภูมิฐานแลน่ากริ่งเกรง แต่สำหรับป๊ามันดูมากเล่ห์เหมือนอสรพิษมากกว่าจะน่าเกรงขามเหมือนกับ ‘พยัคฆ์ขาว’ ตามต้นตระกูลของมันมารับป๊าด้วยตัวมันเองด้วย
‘ไป๋หย่งหมิง’
ภายในห้องทำงานที่รอบด้านไม่ใช่กำแพงหนาทึบอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับเป็นกระจกใสที่ทำให้คนที่อยู่ในห้องนี้สามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างเบื้องล่างได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเสียงบประมาณกับพื้นที่ของห้องเพื่อติดแผงกล้องวงจรปิดอีก ห้องนี้ถูกสร้างให้ยื่นออกมาจากชั้นของมันเล็กน้อยเลยดูเหมือนว่าป๊ากำลังอยู่บนห้องที่ลอยได้อย่างไรอย่างนั้น
น่าหวาดเสียว ...น่าหวาดเสียว
“หวงหลงเองก็ไม่ได้ขัดสน ทำไมถึงได้ปล่อยให้เขยไร้การงานได้กัน?”ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่ตาเรียวที่ปลายหางตาชี้ขึ้นตามตารำโหงวเฮ้งเขาว่ามันบ่งบอกถึงความกล้าหาญกลับส่อประกายวาววับ สำหรับป๊าตาแบบนี้... มันเหมือนเป็นการบอกถึงพิษสงของเจ้าตัวมากกว่า
พยัคฆ์ที่ไม่สมกับเป็นพยัคฆ์ ผ่าเหล่าสุดในบรรดาพี่น้องก็เห็นจะมีแต่หมอนี่
อ้อ อาจจะรวมถึงใครอีกคนที่ป๊าทิ้งเอาไว้ที่ไทยด้วย.....
นึกถึงแล้วก็อดคิดถึงไม่ได้ ป่านนี้จะเป็นยังไงนะ? .....โดนป๊า‘อัด’ไปซะขนาดนั้น ไข้จะขึ้นหรือเปล่า?
อ่า ...เป็นห่วงชะมัด
“ทำหน้าทำตาพิลึก แล้วนึกยังไงถึงถ่อมาหาฉันถึงที่นี่ได้ อาฉ่า?”
“สมองไม่ได้พัฒนาการขึ้นเลยหรือยังไงกันหย่งหมิง”
ป๊าหงุดหงิด ไม่รู้ว่าหมอนี่มันตีความชื่อป๊าจากปิญชาน์ไปเป็นฉ่าได้ยังไง เคยบอกไปแล้วแท้ๆว่า ‘ชาน์’ ที่อยู่ข้างหลังของชื่อไม่ได้หมายถึง ‘ชา’ ในภาษาจีนที่มันเข้าใจ เรียกแบบนั้นป๊านึกถึงผัดฉ่าบ้านเราทุกทีเลยให้ตาย
สอนไม่รู้จักจำไม่น่ารักเหมือนคนเป็นน้องเลยสักนิด
“ฮ่าๆ มันเรียกง่ายกว่าชื่อจริงของนายนี่ หึ...แล้วว่ายังไงล่ะ หนีหวงหลงมาหาไป๋หู่แบบนี้ มีอะไรที่ไม่พอใจในหวงหลงแล้วอยากจะให้ไป๋หู่ช่วยอย่างนั้นหรือ?”
ก็มีแต่ความแสนรู้ล่ะนะที่มีไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
“ก็ไม่เชิงว่าไม่พอใจอะไร...” ป๊าขยับนั่งหลังตรง มองสบกับดวงตาอสรพิษไม่หลบหลีก “แค่ต้องการหลักประกันสักเล็กน้อยเท่านั้น”
“หือ?”
“อีกไม่กี่วันจะมีการเจรจาครั้งสำคัญระหว่างราชบุตรเขยกับฮ่องเต้เฒ่า”
ผู้ชายที่นั่งไขว้ห้างอยู่ตรงหน้าป๊าชะงักไป เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมไม่นานเรียวปากหยักก็ยักยิ้มขึ้นน้อยๆราวกับเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ป๊าต้องการบอก “เรื่องไท่จื้อน้อยน่ะสินะ”
“ลูกชายของฉันไม่ใช่ไท่จื้อน้อยบ้าบออะไรนั่น ความจริงแล้วเราสองพ่อลูกไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนั้นแล้วด้วยซ้ำเพราะสัญญาที่ทำร่วมกันก่อนที่ฉันจะพาน้องวิวไปอยู่ที่ไทยถาวร”
“แล้วมันจะเป็นปัญหาอะไรในเมื่อ... หรือว่า?”
“ตาเฒ่านั้นเล่นแง่ในสัญญา”
ตาเรียวเบิกกว้างในขณะที่คิ้วเข้มได้รูปขมวดผูกปมเล็กน้อย “กัดไม่ปล่อยสินะ ..แล้วหนานไหของนายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
ป๊านึกถึงใบหน้าน่ารักไร้เดียงสาของลูกชายสุดที่รักก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ไม่รู้สินะ”
“เรื่องนี้มันยุ่งยากซับซ้อนเกินไป น้องวิวยังเด็ก”
“แล้วอยากให้ฉันช่วยเรื่องอะไร?”น้ำเสียงจริงจังกับสีหน้าที่บ่งบอกให้รู้ว่าถึงยังไงก็ต้องช่วยแน่ๆทำให้ป๊ารู้สึกตื้นตันอย่างอดไม่ได้
สมกับเป็นพี่เมี.... ไม่สิ เพื่อนรักเพื่อนตายของป๊าจริงๆ
“ตอนนี้แค่เป็นหลักประกันให้ก่อนก็พอ ที่เหลือ ....ฉันจัดการเอง”
ตาเรียวส่อประกายวิววับ คงจะเริ่มเนื้อเต้นเพราะได้เจอเข้ากับเรื่องน่าสนุกเข้าแล้วอย่างนั้นสินะ ไอ้งูพิษเอ๋ย....
"ว่าแต่ เราสองคนเพื่อนรักไม่ได้เจอกันตั้งนาน มาดื่มระลึกความหลังกันหน่อยไหม อาฉ่า?"
ป๊าหยุดคิดเล็กน้อยก่อนที่จะแย้มยิ้มอารมณ์ดีออกมา "เอาสิ วันนี้ชนะพนันเยอะซะด้วย" คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลิกคิ้วหรี่ตามองเล็กน้อย ป๊าก็หัวเราะออกมา ....อย่างสะใจ
"ฉันขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงนายก็แล้วกัน"
.
.
แถมเล็กน้อย
นายครับ เฉาจิ่งล้าไปหมดแล้ว ...
“อืม อย่างนั้น”
เรือนกายกำยำพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ เสียงคำรามอย่างพึงพอใจดังในลำคอไม่ขาดสาย ยิ่งเฉาจิ่งกด'ลึก'เท่าไหร่อีกฝ่ายยิ่งส่งเสียงครางฮึ่มดังขึ้นเท่านั้น......
“อะ ...ผมไม่... ไม่ไหวแล้ว”
“ห้ามหยุด ขยับต่อไปจนกว่านายของนายจะมา”
ร่างโปร่งน้ำตาคลอ เรือนกายที่บางกว่าอีกฝ่ายสั่นระริก กัดฟัดขยับต่อทั้งที่ร่างกายร้าวจนแทบจะทานทนต่อไปไม่ไหว
....
อยากจะบ้าตายนี่เขา 'นวด' ให้คุณชายใหญ่หวงมาจะเข้าชั่วโมงที่ 4 แล้วนะ ตั้ง 4 ชั่วโมงนี่กะจะฆ่าเขาทางอ้อมใช่ไหม?!
“ค คุณชายครับ ...แขนผมล้าไปหมดแล้วนะ”
“หุบปาก ฉันรำคาญ”
นึกอยากจะยกมือกำหมัดซัดให้หลังกว้างนี่หักออกเป็นสองท่อนเลย ให้ตายสิ!
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ชอบอาเฉาจัง55555{:5_119:}
หน้า:
[1]