hate โพสต์ 2018-5-19 01:39:34

เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 16 (100%)

XVI




            “ถึงอย่างไรก็อย่าได้เกลียดอย่าได้โกรธพ่อเขาเลย มันจะเป็นบาปติดตัว ...เข้าใจไหมสายน้ำลูกแม่?”


         ....


         ผมทำไม่ได้

         ยิ่งเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ความรู้สึกเกลียดไม่อยากอยู่ใกล้จนอยากจะหนีไปให้ไกลๆก็ผุดขึ้นมาในทุกอณูความรู้สึก ห้ามไม่ได้และยากเหลือเกินที่จะหยุดยั้งความชิงชังนี้เอาไว้


         แม่ตรอมใจเพราะผู้ชายเสเพลหลายใจคนนี้ไม่ใช่หรือ?

         ไม่เพราะเขาหรอกหรือแม่ถึงได้ตาย?

         แล้วจะห้ามไม่ให้ผมเกลียดเขาได้อย่างไรกัน?


         “นั่นลูกจะไปไหน?”ผมเดินผ่านหอพักที่ตัวเองอยู่ตรงไปยังร้านตามสั่งตึกข้างกันโดยที่ไม่คิดจะหยุดรอหรือหันกลับไปสนใจตอบคำถามนั้นของเขา

         ร้านตามสั่งเจ้าประจำมีสองส่วน ส่วนนอกร้านกับส่วนในร้านแบ่งเท่าๆกัน ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่และค่อนข้างเป็นที่นิยมของนักศึกษาเพราะนอกจากรสชาติจะอร่อยถูกปากแล้วยังมีอาหารของหลากหลายภาคทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ให้ได้เลือกกิน ส่วนมากนักศึกษาที่นี่ก็มาจากต่างจังหวัดด้วยกันทั้งนั้น

         ผมเดินนำเข้าไปในตัวร้านที่ส่วนมากนักศึกษาหรือแม้กระทั่งลูกค้าทั่วไปจะเลือกนั่งกันตรงนี้มากกว่าส่วนข้างนอกเพราะมันติดแอร์แถมเก้าอี้ก็นั่งสบายมีเพลงเบาๆจังหวะอคูสติกเปิดคลอตลอด

         ผมเคยชอบบรรยากาศผ่อนคลายดีๆแบบนี้ของร้าน แต่ตอนนี้กลับผิดจากที่เคยแค่เพราะมีผู้ชายคนนี้นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยกัน

         ผมยกยิ้มหยันออกมาน้อยๆ เมื่อเขาเองก็รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่สบอารมณ์ขนาดไหนที่เขามาที่นี่ ยังจะส่งยิ้มอ่อนโยนเสแสร้งว่ารักใคร่ เอ็นดูกันนักหนาแบบนั้นอยู่ได้ตลอดเวลา ถอนหายใจเสไปมองบรรยากาศภายในร้านส่วนที่นั่งอยู่ก็ให้เห็นว่าตอนนี้คนน้อยกว่าที่เคยเป็น

         ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเกรงใจใครให้มากนัก


         เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะปรายตามองชายวัยกลางคนที่คงจะดูแลตัวเองดีอยู่พอสมควร นอกจากริ้วรอยที่มีให้เห็นประปรายเพียงเล็กน้อยแล้วทุกสิ่งทุกอย่างของเขายังคงเหมือนเดิม ...เหมือนครั้งสุดท้ายที่เจอกันเมื่อหลายปีก่อนในงานศพของแม่


         “ตอนแรกพ่ออยากเห็นห้องของลูกมากกว่า แต่ร้านนี้บรรยากาศก็.....ไม่เลว”

         “มัวอมพะนำอยู่ทำไม มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาผมไม่ได้มีเวลามานั่งฟังคุณพร่ำเพ้อได้ทั้งวันหรอกนะ”

         “โธ่น้ำ พ่อก็แค่คิดถึงลูก พอคิดถึงก็อยากมาหาเฉยๆ”

         “ไม่ใช่เพราะว่ามีหมามันคาบข่าวเรื่องของผมไปบอกคุณอยู่บ่อยๆหรอกหรือ?”

         ผมเหยียดยิ้มส่วนเขาชะงักสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่แค่นี้ก็เป็นอันรู้กันแล้วว่าที่ผมพูดไปนั้นมีมูลความจริงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย


         เป็นอย่างที่คิด ไอ้เจร์มันคิดไม่ซื่อมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่มาทำดีใส่กันในตอนแรกเจอก็คงเพราะอยากซื้อใจและทำให้ผมไว้ใจจนยอมไปไหนมาไหนกับมัน รวมถึงเล่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่องให้มันได้รับรู้ ผมไม่ได้รู้ทันมันมาตั้งแต่แรกหรอก ..แต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่นึกสงสัยอะไรมันเลย

         ไม่คิดด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นลูกอีกคนกับผู้หญิงคนใหม่ที่เป็นชู้รัก ทั้งๆที่หน้าตาก็ออกจะโขลกมาจากพิมพ์เดียวกันแบบนี้.......

         ส่วนเรื่องที่พูดที่บอกมันไปก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร เห็นจะมีก็แต่เพียงเรื่องเดียวที่ผมตัดสินใจผิดถนัดที่หลุดปากบอกมันออกไป

         เรื่องของเพราตา


         “น้ำ...”

         “ผมคิดว่าเรื่องที่คุณได้รู้ไปมันก็มากพอแล้วสำหรับความเป็นพ่อที่คุณมี ที่จู่ๆก็เกิดนึกอยากรู้ความเป็นไปของลูกที่ตัวคุณเองทิ้งขวางไปนานแล้วอย่างผม.... ผมไม่ได้ร้องขอหรืออยากได้อะไรจากคุณทั้งนั้น โปรดเข้าใจในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นวันหลังอย่าคิดมาเจอผมอีก”

         “น นี่น้ำกะจะไม่ให้พ่อได้ทำหน้าที่พ่อเลยหรืออย่างไง?”

         ผมนั่งหลังตรงยกมือสองข้างขึ้นประสานกันบนโต๊ะ ยกยิ้มออกมาน้อยๆ ...หากแต่สายตาไร้แววขบขันใดๆ ไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่าที่ผมใช้มองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘พ่อ’


         “ยอมรับเถอะครับ ความเป็นพ่อของคุณมันบกพร่องมาตั้งนานแล้ว อาจจะตั้งแต่ตอนผมเกิดเลยด้วยซ้ำไป”

         ปัง!

         “ไอ้สายน้ำ!!”

         นั่นไง ดีได้ไม่ทันไรก็เกิดดีแตกขึ้นมาเสียแล้ว


         ผมส่งเสียเฮอะออกมาไม่เบานัก ละสายตาจากโต๊ะที่เขาใช้เป็นที่ระบายโทสะตวัดขึ้นมองสบตาคมที่เหมือนกับลูกอีกคนกับเมียคนใหม่ของเขาไม่ผิดเพี้ยน


         “ดีจังนะครับ เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก”ผมขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้ วางสองมือนาบลงบนพื้นโต๊ะโน้มตัวลงเล็กน้อยพลางจ้องมองเขาด้วยสายตาจริงจังพร้อมทั้งใช้น้ำเสียงที่ผมไม่เคยคิดที่จะให้เพราตามาได้ยินเป็นอันขาดพูดกับเขาอย่างไม่คิดไว้หน้า

         “ผมไม่ใช่ลูกของคุณ ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่ตอนที่คุณเลือกผู้หญิงคนนั้นแล้วไล่แม่กับผมออกจากบ้านแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อจากผมอีกเพราะผมไม่มีให้”

         “กะ ....แกมัน!”


         “สุดท้ายนะครับ อย่าคิดเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของผม อย่าคิดแตะต้องคนของผมเด็ดขาด เพราะไม่งั้นแล้ว.... ต่อให้คุณจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อก็ตาม ผมก็จะไม่คิดไว้หน้าอะไรคุณทั้งนั้น”


         ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะเดินออกจากร้านอาหารโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นอีก แต่ถึงจะอย่างนั้นคำก่นด่าของเขาก็ยังคงลอยมาให้ได้ระคายหูอยู่ดี

         แย่ชะมัด


         สงสัยคงต้องชวนเพราตาไปทำบุญด้วยกันอีกรอบซะแล้ว

         .

         .


         ถึงจะไม่ได้โกหกเจเจอร์เรื่องใบขับขี่ก็เถอะ


         เราถอนหายใจมองสีข้างของรถคันหรูที่ถลอกสีลอกดูแล้วก็ให้ความรู้สึกว่าน่ากลัวอยู่เหมือนกันสลับกับประตูรั้วบ้านที่บิ่นพร้อมกับสีขาวของมันที่ลอกเล็กน้อย ไม่ได้ตั้งใจขับชน.... เป็นอีกความจริงที่เราไม่ได้บอกเจเจอร์ออกไปว่าถึงจะสอบได้ใบขับขี่มาได้ด้วยตัวเองแต่การขับรถก็ไม่ใช่หนึ่งในเรื่องที่เราถนัดอยู่ดี

         ทิ้งรถเจเจอร์ไว้นอกรั้วแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านที่ไม่ได้ลงกลอนล็อคทำให้รู้ได้ว่าอเล็กซ์คงไม่ได้ออกไปเถลไถลที่ไหน

         ถ้าไม่ได้ออกไปไหนแล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์กัน?


         เพราะเสียเวลากับเจเจอร์รวมทั้งการจราจรบนท้องถนนของกรุงเทพมหานครไปนานพอดู เลยทำให้เวลาตอนนี้เย็นจนเกือบจะมืดคาดว่าไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงความมืดมิดคงจะเข้ามาแทนที่ แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาพอให้แสงสว่างแทนไฟที่ยังไม่ได้เปิดได้

         ในตัวบ้านเงียบเชียบจนคล้ายกับว่าไม่มีคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

         เราชะงักขาเมื่อมองไปเห็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เชื่อมไปยังสวนหลังเรือนเปิดอยู่ หันเดินตรงไปตรงนั้นไม่ได้เพื่อเลื่อนประตูปิดหากกลับก้าวขาออกไปข้างนอกแทน ไม่ต้องเสียเวลาหาเราก็เจอร่างคุ้นตาของพ่อบ้านประจำตัวที่อยู่ข้างกายเรามาตั้งแต่เด็กนอนแผ่อยู่บนเนินหญ้าตัดสั้นเตียน

         ล้อมรอบกายไปด้วยพุ่มกุหลาบที่เราเลือกแต่อเล็กซ์เป็นคนไปซื้อมาลงแล้วตัดแต่งดูแลกับพุ่มของดอกโบตั๋นที่เราไม่ได้เลือกแต่อเล็กซ์ชอบเลยไปหาซื้อมาปลูกสลับกัน ตอนแรกก็ว่าประหลาดดอกกุหลาบสีแดงสดกับดอกโบตั๋นสีแดงบ้างสมโอรสบ้างมาปลูกรวมกันแล้วไม่ได้ดูเข้ากันเลยสักนิด แต่พออยู่นานๆไปไม่รู้ว่าเพราะความชินตาหรือมันเริ่มโตขึ้นเป็นพุ่มสวยตามความเอาใจใส่ของคนดูแลหรือเปล่า เราถึงได้รู้สึกว่ามันก็สวยดีเหมือนกัน


         ก็ไม่รู้ว่าอเล็กซ์หลับอยู่หรือตายไปแล้ว?

         เรายืนค้ำศีรษะของเขานิ่งๆพลางมองสำรวจ มุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของอเล็กซ์ดูจะอิดโรยและโทรมลงเยอะทั้งที่ไม่ได้เจอกันแค่สองวัน

         สองวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกัน?

         เราย่อตัวลงนั่งยองๆ ถอนหายใจเมื่ออเล็กซ์ไม่แม้แต่จะขยับหรือรู้สึกตัวว่าเราอยู่ตรงนี้ สงสัยคงต้องทำให้รู้ตัวสักที...

         “งูมา”

         “แค่อสรพิษตัวน้อยๆน่ะ บ่าวไม่กลัวหรอกนะครับ”


         พูดออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับดวงตาคมที่ลืมขึ้นมองเรา หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกส่วนเราก็ยังคงนั่งท่าเดิมอยู่อย่างนั้น เราเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อจู่ๆอเล็กซ์ก็หัวเราะออกมา ไม่ได้สงสัยว่าหัวเราะบ้าอะไรแต่สงสัย ...ว่าทำไมทั้งที่หัวเราะแต่น้ำเสียงที่ได้ยินกลับฟังดู .....ขมขื่น?

         มือใหญ่ของอเล็กซ์แตะแก้มของเราเบาๆ “มีความรักกับใครเขาแล้วสินะครับ คุณหนูของบ่าวถึงได้ดูอิ่มเอิบขึ้นมากขนาดนี้”


         เรามองแววตาคมที่ไหวระริกทั้งที่พูดจากวนประสาทออกมาแต่สีหน้ากลับดูย่ำแย่ไม่สมกับเป็นอเล็กซ์แล้วก็ให้ถอนหายใจปัดมืออีกฝ่ายออกจากแก้มก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “อเล็กซ์คนโง่”

         อเล็กซ์หัวเราะส่วนเราไม่คิดสนใจอะไรคนบ้าที่ชอบทำเรื่องง่ายๆให้กลายเป็นเรื่องโง่ๆอีก แต่ก่อนเดินเข้าบ้าน ....


         “ถ้าเอาแต่ทำตามความต้องการของคนอื่น แล้วชีวิตนี้ยังจะเรียกได้ว่าเป็นของเราอยู่อีกงั้นหรือ?”


         ได้ยินเสียงหัวเราะพร้อมคำพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเหมือนอย่างเคยดังไล่หลัง

         “โตแล้ว โตแล้วจริงๆคุณหนูของบ่าว ฮ่าๆ”


         คนที่ไม่โตขึ้นเลยคือนายต่างหากล่ะ อเล็กซ์


         ....


         “ทิ้งให้บ่าวอยู่ที่เรือนเล็กคนเดียว คุณหนูของบ่าวไม่ห่วงว่าบ่าวจะเหงาบ้างหรือยังไงกันครับ”

         เราเอี้ยวตัวเพื่อหยิบกระเป๋าเป้ที่เบาะหลังหันกลับมาอีกทีหน้าอเล็กซ์ก็ยื่นเข้าใกล้เสียจนเราต้องกางมือยันไว้แล้วดันออก ใบหน้ากวนประสาทส่งยิ้มทะเล้นมาให้ในขณะที่เราทำหน้าเหม็นเบื่อ

         “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็กลับ อย่าให้มันโอเว่อร์นักจะได้ไหม”

         “โธ่ ก็คุณหนูเคยห่างจากอกบ่าวข้ามวันแบบนี้เสียที่ไหน... ฮ่ะๆ โอเคๆ แล้วรถปอร์เช่ 911 Carrera S คันงามแต่สีข้างถลอกไปเป็นแถบคันนี้ล่ะครับ?”อเล็กซ์ว่าพลางเคาะพวงมาลัยรถเบาๆ


         เรายิ้มตบบ่าอเล็กซ์ปุปุ “ก็ฝากเอาไปคืนเจ้าของ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่”

         “ความผิดตัวเองแต่โยนมาเป็นภาระให้คนอื่นแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะครับคุณหนู”

         “บอกเจเจอร์ตามที่เราบอกให้บอกก็พอ เรารู้นายเอาตัวรอดได้สบายๆอยู่แล้วล่ะ”เรายิ้มหวานก่อนที่จะเปิดประตูแล้วลงจากรถ ไม่รอฟังคำบ่นจุกจิกของอเล็กซ์อีกเดินตรงไปหาโตยธารที่ยืนรออยู่ใต้หอ


         ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าเขาคงแคลงใจไม่น้อยที่เห็นว่าเราลงมาจากรถของเจเจอร์

         เรายิ้มให้คนตัวบางก่อนที่จะสอดมือจับประสานกับฝ่ามือเรียว ไม่ใช่คนที่ชอบอธิบายอะไรให้มันมากเรื่องแต่ก็ไม่อยากเห็นสีหน้าไม่สู้ดีแบบนั้นของเขาเราเลยเลือกที่จะพูดมากกว่าที่จะเงียบและปล่อยให้เขาคิดไปเอง


         “รถเจเจอร์แต่คนขับมาส่งเราคืออเล็กซ์นะ”

         “น้ำไม่ได้อยากรู้ซะหน่อย”บ่นอุบอิบพลางคว้าเป้ของเราไปสะพายเสียเอง มือเรียวบีบกำชับฝ่ามือเล็กของเราแน่นขึ้น เรายิ้มแตะแนบแก้มกับแขนของอีกฝ่ายแล้วช้อนตาขึ้นมอง

         “แต่เราอยากบอก ไม่อยากให้น้ำเข้าใจผิด”ร่างบางชะงักขาหยุดเดินพลอยให้เราหยุดตามไปด้วย เอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ

         จุ๊บ


         “น้ำเชื่อใจวิวนะครับ”


         เรานิ่งงันไปกระพริบตาปริบๆมองใบหน้าขาวที่อมยิ้มน้อยๆ เดินตามแรงจูงจากอีกฝ่ายไปยกมืออีกข้างขึ้นลูบแก้มข้างที่ถูกหอมไปพลาง รู้สึกพองฟูในอกชอบกล ในท้องก็ม้วนแปลกๆ ยิ่งนึกถึงรอยยิ้มที่ยิ้มจนตาปิดของอีกฝ่ายเมื่อครู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจชักจะเต้นแรงเกินกว่าที่ควรจะเป็น


         อาการแบบนี้น่ะ....

         .

         .


         ทำไมไอ้เจ้าของบ้านถึงไม่โผล่หัวออกมาสักทีนะ!


         อเล็กซ์ยืนพิงรถหรูคันงามที่สีข้างถลอกไปแถบหนึ่งด้วยฝีมือของคุณหนูของบ่าว นิ้วเรียวยาวเคาะหลังคารถไม่เป็นจังหวะตาหรี่มองประตูรั้วเขม็ง บ้านเดี่ยวขนาดกลางหลังนี้เป็นที่สิงสู่ของอดีตคู่ควงของคุณหนูของบ่าวที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้านัก

         จากที่เคยสืบมาได้เหมือนว่าจะเป็นบ้านหลังเก่าของคุณแม่ของทางนั้น ซึ่งหลังจากตกลงปลงใจกับสามีใหม่ได้ก็ย้ายสำมโนครัวไปอยู่ที่บ้าน อืม ..ไม่สิ คงต้องเรียกว่าคฤหาสน์ของฝ่ายสามีแทน บ้านหลังนี้เลยถูกทิ้งว่างมานานหลายปีจนมาไม่ว่างก็เมื่อตอนที่คุณอดีตคู่ควงของคุณหนูของบ่าวขึ้นมหาลัยนั่นหละ


         หากหมอนั่นนิสัยดีทำตัวน่าเอ็นดูสักนิด เขาคงจะมองว่าเป็นพรหมลิขิตบันดาลชักพาไปแล้ว พล็อตสตอรี่คล้ายกับคุณหนูของบ่าวเพียงแต่คุณหนูวิวไม่ได้ผิดใจกับทาง ....คุณปิ่น เธอแค่อยากแยกออกมาปักหลักตั้งฐานคนเดียวด้วยเพราะโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ความจริงแล้วรำคาญผู้เป็นปะป๊าที่ชอบมาเกาะแกะเป็นพ่อหมูติดลูกหมูมากกว่า

         แต่ทางนี้จะว่าขาดความอบอุ่นก็คงไม่ผิดนัก ไม่สิ....มันใช่เลยล่ะ

         แม่ไม่ใส่ใจอีกทั้งพ่อยังสนใจลูกชายคนโตมากกว่า ตัวลูกคนเล็กเองก็ถูกเลี้ยงมาด้วยเงิน อยากได้อะไรก็ใช้เงินฟาดซื้อเอามาเป็นของตัวตั้งแต่เด็กยันโตไม่เคยมีอะไรที่อยากได้แล้วจะไม่ได้ พล็อตเรื่องที่มักจะเห็นได้ทั่วไปในสังคมคนรวยที่ปั้นเงินเก่งแต่เลี้ยงลูกไม่เป็น

         มาเจอคุณหนูของบ่าวที่เคี้ยวยากกลืนลำบากคงจะพอทำให้คิดอะไรได้บ้าง ..ล่ะนะ?


         ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ๆๆๆๆๆ

         พอป่องที่สามไม่เกิดอะไรขึ้นอเล็กซ์เลยรัวนิ้วกดออดหน้าบ้านรัว ไม่สนใจแม้จะได้ยินเสียงก่นด่าจากข้างบ้านหรือเสียงหมาพากันเห่าหอนระงม ชายหนุ่มหงุดหงิดจนไม่คิดจะทน เนื้อตัวก็ยังปวดไม่หาย ยิ่งสะโพกกับ....ตรงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง อเล็กซ์ให้เวลามันอีก 1 นาที ถ้ามันยังไม่ออกมาเคลียร์ให้จบเรื่องราวเขาก็จะโยนกุญแจรถผ่านรั้วบ้านไปให้มัน ส่วนเรื่องจะตกตรงไหนยังไงก็ช่างหัวมันก็แล้วกัน

         ปิ๊ง...


         “กดหาพ่อมึงอะไรนักหนาวะ!”

         ไอ้เด็กปากหมาเอ๊ย! อเล็กซ์สบถด่ามันในใจ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้เรื่องมันยิ่งยืดยาวกินเวลาไปนานกว่านี้เพราะต้องมานั่งทะเลาะกันแทนจะได้เคลียร์เรื่องรถให้รู้เรื่อง ได้กลิ่นตุตุจากร่างที่สูงพอกันของเด็กนี่เมื่อมันเดินมายืนตรงหน้า


         “ผมเอารถมาส่งคืนครับ คุณหนูวิวฝากบอกว่าจะเรียกค่าซ่อมเท่าไหร่ก็ให้เรียกมาเลย อ้อ แต่ถ้าตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าต้องเสียเงินซ่อมเท่าไหร่ไว้ส่งบิลมาเก็บได้ที่บ้านใหญ่ทีหลังนะ ...อะไร ...ครับ?”

         ความจริงแล้วอเล็กซ์จะพูดว่า ‘อะไรวะ?’ แต่เพราะคอร์สอบรมพ่อบ้านไม่ได้เรียนจบมาอย่างง่ายดาย ฉะนั้นเขาจึงต้องไม่ให้การร่ำเรียนอันตรากตรำด้วยความลำบากต้องเสียชื่อเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อจู่ๆไอ้เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ยื่นหน้ามาเสียใกล้จนได้กลิ่นตุตุชัดแจ้งในจมูก

         มันจะดื่มแสงโสมหรือเตกีล่ามาอเล็กซ์ไม่ใคร่สนใจเท่ากับใบหน้าอ่อนวัยที่ยกยิ้มเหยียดหยันออกมาให้เห็น

         ช่างล่อหมัดเหลือเกิน......


         “คุณหนูเหรอ? เฮอะ! เป็นแค่คนรับใช้แต่กลับคิดจะงาบนายของตัวเอง สมเพชว่ะ!”

         “เมาแล้วก็ไปนอน อย่าทำตัวระรานเหมือนหมาข้างถนนสิครับคุณเจเจอร์ ไอ้ที่คุณกำลังทำเนี้ยะมันน่าสมเพชซะยิ่งกว่าอีกนะ”

         “เอ๊ะๆ หรือว่าได้งาบไปแล้ว? ฮ่าๆ วิวนี่คงจะง่ายกับทุกคนเลยสินะ”

         พลั่ก!

         “เหี้ยอะไรวะ!!”


         อเล็กซ์จัดปัดขากางเกงของตัวเองก่อนที่จะหรี่ตามองร่างที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นที่แม้แต่จะลุกยังพยุงตัวเองขึ้นมาไม่ไหวอย่างเหยียดหยัน แค่ถีบนี่ว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ แต่เขาถือคติอย่าถือคนบ้าอย่าลงมือกับคนเมา เหมือนกับการรังแกคนไม่มีทางสู้ซึ่งไม่ใช่แนวทางของเขาสักเท่าไหร่

         ลองให้มันหายเมาแล้วมาพูดจาหมาๆผสุวาทคุณหนูวิวให้ฟังอีกสิ


         พ่อจะกระทืบให้ลงไปนอนในโลงซะให้เข็ด!

         หมับ


         “จะไปไหน คิดว่าทำกูเจ็บแล้ว เอิ้ก.. จะหนีไปง่ายๆเหรอ”

         อเล็กซ์ก้มมองมือหนาที่จับดึงข้อขาของเขาเอาไว้แน่น ถอนหายใจด้วยความระอาในขณะที่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะค่อยๆใช้ตัวเขาในการไต่ขึ้นยืน ถึงจะยืนขึ้นได้แล้วแต่คนเมาก็คือคนเมา ทรงตัวไม่อยู่แล้วยังจะทำซ่ามากระชากคอเสื้อเขาอีก

         เตรียมเสยหมัดกลับเรียบร้อยแล้วหากมันเริ่มก่อน หากแต่อีกฝ่ายกลับทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายด้วยการรวบกอดรอบเอวของเขาแน่น ใบหน้าหล่อเหลาแต่เหม็นกลิ่นน้ำเมาสุดๆซุกซบอยู่บนลาดไหล่กว้างพร้อมน้ำเสียงสะอื้นฮึกที่แว่วเข้าหู

         “วิว ..ฮึก ....วิว เจร์รักวิว ..รักจริงๆ”

         “....”

         “นะ ...อึก .....กลับมานะเจร์นะ”

         พ่อบ้านหนุ่มอึ้งไปไม่นานก็ทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงกำลังจะผลักอีกฝ่ายออกจากกายแต่กลับต้องชะงัก

         “ทำไมไม่เป็นเจร์ล่ะวิว ....ทำไม ...เป็นเจร์ไม่ได้ล่ะ...”

         ...
         ‘ทำไมเป็นผมไม่ได้ ..ฮึก พี่ปิ่น...ทำไมกัน.......’
         ...

         กว่าจะรู้ตัวมือของเขาก็วางลงบนหัวทุยของคนเมาเสียแล้ว อเล็กซ์ลูบศีรษะที่ยังคงซบอยู่บนไหล่เบาๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีเพียงแสงของดาวแต่ไร้ซึ่งแสงจากดวงจันทร์ .........ถอนหายใจออกมาพร้อมกับคำพูดที่เหมือนราวกับว่ากำลังตอกย้ำความจริงให้ทั้งคนเมาทั้งตัวเองได้ตาสว่างเสียที


         “ก็เพราะ ‘ยังไงก็เป็นนายไม่ได้’ ... ก็เท่านั้น”

         .

         .


         เราคิดว่าตัวเราตอนนี้มัน... ประหลาด

         รู้สึก ...ว่าปากจะแย้มยิ้มออกมามากกว่าที่เคยเป็นแค่ได้มองโตยธารทำโน่นทำนี่

         ..ไร้สาระ..

         หัวใจ ....ก็เต้นแรงแปลกๆแค่เห็นโตยธารนุ้งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ

         ..ไร้สาระ..


         “ว. ...วิว?”เราสะดุ้งเล็กน้อยเผลอขยับถอยเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ โตยธารหัวเราะจนตาปิดมือบางจับลูบแก้มนุ่มของเราอย่างเบามือ ตากลมโตที่ทอดมองมาดูอ่อนโยนและแสดงถึงความรักใคร่ชัดเจนจนเราใจกระตุกไปหลายจังหวะ

         “ไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวจะได้ลงไปหาอะไรทานกัน หืม ทำไมขมวดคิ้วยุ่งอย่างนั้นล่ะ?”

         เราคว้ามือเรียวที่กำลังจะผละออกเอาไว้พลางยืนเข่าใช้มืออีกข้างโน้มต้นคออีกคนลงมาใกล้กว่าเดิม ดวงตากลมสวยฉายแววตระหนกให้ได้เห็น เรียวปากบางเม้มแน่นเมื่อเราแตะจูบลงบนกลีบปากอุ่นเบาๆ ไม่ได้สอดลิ้นเข้าไปต้อนชิมลิ้มรสความหวานในโพลงอย่างดูดดื่มเหมือนอย่างเคย เราทำเพียงแค่ ‘แตะ’ ปากบดคลึงเฉยๆเท่านั้น

         หลับตาลง เลือกใช้ความรู้สึกที่มีตัดสินทุกอย่าง

         ....


         ตึกตัก ตึกตัก

         เราค่อยๆผละริมฝีปากออกช้าๆพลางยกมือขึ้นวางบนอกข้างซ้ายของตัวเอง มองดวงหน้าขาวใสที่กำลังหลับตาพริ้ม มองพวงแก้มเนียนแต้มสีระเรื่อของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ผิดแผกไปจากเดิม


         มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกใคร่เพียงเท่านั้นเหมือนในตอนแรกที่ได้สัมผัสโตยธาร

         ค่อนข้างแน่ใจว่าความรู้สึกที่มีของเราตอนนี้เกินคำว่าชอบไปมากมายเพียงไร


         เราหัวเราะออกมาเบาๆและนั่นทำให้คนที่หลับตาพริ้มอยู่ในคราแรกลืมตาโพลงขึ้นมา ปากบางเม้มแน่นดวงตาคู่กลมที่เห็นนั้นก็ไหวระริกเต็มไปด้วยความสับสน เราเมินสิ่งที่โตยธารถามว่า ขำอะไร ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะขาดความมั่นใจไปเยอะพอดู แล้วทวงถึงคำตอบในคำถามที่เราเคยถามกับเขาไปเมื่อนานมาแล้วแทน

         “น้ำยังไม่ตอบคำถามที่เราเคยถามไปเลยว่าจะคบกับเราหรือเปล่า?”

         “ละ แล้วตอนนี้ยังไม่ใช่แฟนกันอีกหรือยังไง เกินกว่านั้นไปมากแล้วด้วยยังจะมาถามอีก....”โตยธารหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เราหลุดขำออกมาอีกครั้ง

         “ไม่ใช่ในฐานะแฟนสิ แต่เป็นในฐานะคนรัก”

         “.....”

         “คนรักที่จะอยู่ข้างกายเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเราจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย ...น้ำจะเป็นคนนั้นของเราได้หรือเปล่า?”


         เพราะไม่เคยเชื่อคำว่าตลอดไปฉะนั้นเราถึงได้ใช้คำว่า‘วันสุดท้าย’ทดแทนคำนั้นอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาอยากอยู่ข้างเราหรืออาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เราไม่ต้องการเขาอีกต่อไป ไม่ก็..... วันสุดท้ายของชีวิตเรากับเขา ไม่ว่าจะเป็นวันสุดท้ายในแบบไหนก็ช่าง

         เราสนแค่ช่วงเวลาที่เรายังมีเขาอยู่เคียงข้างอย่างในตอนนี้เท่านั้น



         แต่


         ไม่รู้ว่าเราพูดอะไรผิดไปตรงไหน..... เขาถึงได้เบะปากน้ำตาร่วงเผาะสะอึกสะอื้นออกมาแบบนั้น?


         "ยัง ...ฮึก ....ยังจะมาถามอีก"


         "คำตอบล่ะ?"ไม่ได้เร่งรัดแค่อยากได้ยินคำตอบเร็วๆ อืม...ก็อาจจะเรียกได้ว่าเร่งรัดก็ได้ล่ะมั้งนะ ตากลมที่มีน้ำตาคลอหน่วยอยู่ค้อนใส่เราเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาสะอึก ....พร้อมกับคำตอบที่ทำเอาเรายิ้มกว้างออกมา


         "ถ้าคิดจะจับมือน้ำแล้ว ก็...จับให้แน่นๆนะ"

         "เราไม่จับหรอกแต่จะกอดให้ทั้งตัวทั้งใจของน้ำจอมจมอยู่ในอกของเราจนหนีไปไหนไม่ได้เลยล่ะ"

         "อกเล็กแค่นั้นจะกอดใครจนจมไปได้กันเล่า"เราหัวเราะก่อนที่จะถอดเสื้อออกพร้อมทั้งอ้าแขนกว้าง แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ที่อีกฝ่ายเห็นปุ๊บก็หน้าแดงยิ่งกว่าเดิมปั๊บ


         "ลองดูไหมล่ะ?"


         สุดท้ายแล้วกว่าจะ'ทดลองกอดจนจมอก'กันเสร็จ ร้านข้าวที่โตยธารตั้งใจจะพาเราไปลิ้มรสก็ปิดไปแล้ว เลยต้องไปลงเอยกันที่อาหารกล่องร้านสะดวกซื้อข้างหอที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ....


         อืม มันก็ไม่ได้แย่อะไรมากมายหรอกนะ

pp-bkk โพสต์ 2018-5-19 04:05:49

ขอบคุณมาก

topto โพสต์ 2018-5-19 09:52:01

ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน

Gooddy โพสต์ 2018-5-19 16:49:45

ขอบคุนครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 16 (100%)