hate โพสต์ 2018-5-19 01:48:54

เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 17 (100%)

“อย่าห่วงไปเลยครับ ไว้คุยธุระเสร็จแล้วผมจะคืนให้ท่านอย่างแน่นอน”

         “....”

         “แต่ตอนนี้เพื่อกันคนนอกเข้ามายุ่งย่ามและทำให้ท่านต้องเสียสมาธิ ผมจำเป็นต้องเก็บมือถือของท่านเอาไว้กับตัวก่อน หวังว่าท่านคงจะเมตตาเข้าใจผมนะครับ ท่านหวงยี่”


         ถึงจะไม่ได้ใช้ภาษาจีนมานานแต่เราก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าพูดว่าอะไร ทั้งความหมายตรงๆและความหมายโดยนัย เด็กที่เป็นคนพาเรามาที่นี่ขยับตัวเบียดชิดกับตัวเรา มือเล็กๆที่เราจับอยู่สั่นระริกจนสัมผัสได้ถึงความหวั่นกลัวที่มี

         สำหรับเราคนตรงหน้าถึงจะยังยิ้มอยู่แต่ก็พอจะดูออกว่าเป็นรอยยิ้มที่เคลือบแฝงไปด้วยอันตรายไม่แปลกหากเด็กเล็กๆคนนี้จะรู้สึกกลัว และบางทีอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นที่ทำให้เขากลัวชายคนนี้... แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดกับเราด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมกับแสดงท่าทีนอบน้อมออกมาให้เห็นมากมายขนาดไหนก็ตาม มันก็ยากเกินกว่าที่เราจะวางใจในตัวของเขาได้


         “ต้องการอะไร?”เราถามกลับเป็นภาษาไทย ฝ่ายนั้นชะงักไป เรายกยิ้มในใจในขณะที่สีหน้ายังไงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง


         เอาสิ ถ้าอยากจะคุยกับเรานักก็ต้องพูดภาษาไทยเท่านั้น เพราะตอนนี้เราอยู่แผ่นดินไทยไม่ใช่แผ่นดินจีน!


         “หึหึ...เอาล่ะ ถ้ามันเป็นความประสงค์ของท่านผมเองก็มิบังอาจขัดความประสงค์นั้นหรอก”ร่างสูงโปร่งโค้งกายให้เรา ไม่เห็นถึงความประชดประชันที่มีซึ่งเราเองก็คาดว่าเขาคงไม่ได้ทำไปเพราะอยากประชดประชันหรอก“หม่าเจิ่ง มาพาอาเฟิ่งออกไป”


         ชายที่ชื่อหม่าเจิ่งอยู่ในสูทสีดำเรียบกริบไม่ต่างจากชายผู้ออกคำสั่ง เด็กที่เราเพิ่งรู้ชื่อถูกชายกำยำดึงลากไปอีกทาง ทำให้ตอนนี้เหลือแค่เรากับเขาและ ..คนในชุดสูทอีก 4 คนที่คาดว่าน่าจะเป็นการ์ดฝีมือดี ที่มั่นใจว่าต้องฝีมือดีก็เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้นคงจะเอาเราไม่อยู่


         “เอาล่ะ สบายดีนะครับท่านหวงยี่?”ภาษาไทยที่ไม่ผิดไปจากคนถิ่นไม่ได้ทำให้เราแปลกใจ บางทีภาษาไทยอาจจะเป็นหนึ่งในหลายๆภาษาที่เขาสามารถสื่อสารได้ราวกับเป็นคนชาตินั้นๆ

         “ยังจำอาอวิ๋นคนนี้ได้หรือเปล่าครับ?”

         เราถอนหายใจจ้องตาคมสีเข้มกลับอย่างนึกรำคาญ “จะพูดอะไรก็รีบพูดมา อันอวิ๋น”


         ใบหน้าคร้ามคมแต่ไม่เข้มฉายแววปรีติขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ “แหมๆ ท่านนี่ช่างใจร้อนเหมือนตอนเด็กๆไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”

         “เราเปลี่ยนไปมากกว่าที่คุณจะคาดถึงเสียอีก”

         “ฮ่าๆ นั่งก่อนดีไหมครับ ยืนคุยแบบนี้ท่านจะเมื่อยเอานา?”เราเหลือบมองเก้าอี้ไม้อย่างดีสลักลวดลายมังกรที่ถูกจัดเอาไว้คู่กันกับโต๊ะกลมที่มีจานอาหารหลากหลายอย่างละลานตา เราเบนหน้าเมินมันอย่างสิ้นเชิง


         ที่ที่เราอยู่ตอนนี้เป็นห้องทานอาหารส่วนตัวของภัตตาคารอาหารจีนที่อยู่เหนือขึ้นจากชั้นโรงหนังมา 3 ชั้น เด็กที่ชื่อเฟิ่งหยวนคงจะถูกหมอนี่ใช้มาอีกที เราคงไม่มาตามคำเชิญที่ผ่านปากเด็กบริสุทธิ์ๆง่ายๆหรอกหากไม่เพราะมีคนในชุดสูทยืนแฝงปะปนกับคนอื่นๆอยู่เต็มไปหมด เราไม่ได้ห่วงตัวเองแต่ที่ห่วงน่ะคือโตยธารต่างหาก

         นึกถึงเขาก็พาลให้เราห่วงหนักยิ่งกว่าเดิม อันอวิ๋นนับว่ารู้จักเรามากพอสมควรนอกจากพวกการ์ดที่น่าจะมีฝีมือระดับสูงแล้วเขายังยึดมือถือของเราไปทันทีที่เราก้าวออกจากลิฟต์ ไม่รู้ว่าทำได้ยังไงอาจจะตั้งแต่ก่อนเราขึ้นลิฟต์ด้วยซ้ำ ...ด้วยฝีมือของเด็กที่แซ่เฟิ่งนั่น


         หึ ก็คงจะเรียกได้ว่าฝึกกันได้ดีล่ะมัง


         “เฮ้อ ท่านช่างดื้อรั้นจริงเลยเชียว เหมือนท่านพ่อของท่านไม่ผิดเพี้ยน”

         เราถอนหายใจแล้วหันกลับไปมองคนพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “เลิกโยกโย้แล้วเข้าเรื่องสักที”

         อันอวิ๋นยิ้มออกมาจางๆก่อนที่ใบหน้าคมจะเข้มขรึมขึ้นกว่าเดิม


         “ทางเราต้องการให้ท่านหวงยี่เดินทางไปประเทศจีนภายในวันนี้ครับ ท่านปิญชาน์เองก็รอท่านอยู่ที่นั่น ...มาได้สักพักแล้ว”

         “....”

         “ทุกอย่างพร้อมหมดแล้วทั้งตั๋ว วีซ่า พาสปอร์ต เหลือก็แต่เพียงตัวท่านเท่านั้น”


         เราก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ..แค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้นพวกบอร์ดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตามมุมห้องกลับขยับตัวหันมาทางเราพร้อมกันในทันที ใบหน้าของอันอวิ๋นมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้กลับดูเยือกเย็น คล้ายกับใครบางคนที่เราจำได้ฝังใจ

         “คุณชายใหญ่เองก็รอพบท่านหวงยี่อยู่เหมือนกันนะครับ หวังว่าท่านจะไม่ทำให้คุณชายใหญ่ต้องผิดหวัง”

         ราวกับเสียงหัวใจเต้นขาดหายไปหนึ่งจังหวะเมื่อได้ยินคำๆนั้นจากชายตรงหน้า

         เรากำหมัดแน่น พยายามบังคับตัวเองไม่ได้สั่นจนน่าสมเพช หากแต่อันอวิ๋นกลับไม่สนใจอาการนี้ของเราแม้แต่น้อย เขารับโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งมาจากหนึ่งใน 4 บอร์ดี้การ์ด ก่อนจะเปิดฝาพับขึ้นแล้วหันหน้าจอมาทางเรา


         “อ้อ ผมมีอะไรจะให้ท่านชมด้วยนะครับ”

         สิ่งที่ได้เห็นผ่านหน้าจอโน้ตบุ๊คทำให้เราแทบจะพุ่งเข้าไปถีบคนถือทันทีหากแต่เพราะบอร์ดี้การ์ดคนที่ส่งโน้ตบุ๊คให้กับอันอวิ๋นกลับก้าวมาขวางทางเอาไว้


         “ฮ่าๆ อเล็กซ์นี่เป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์ดีนะครับ ทั้งที่ก็อยู่คนละตระกูลแท้ๆแถมทั้งสองตระกูลยังชอบทับเส้นกันอยู่บ่อยๆซะด้วยสิ.... เอ๋ ส่วนท่านผู้นี้รู้สึกจะมีชื่อว่าโตยธารสินะครับ? หน้าตาหมดจดท่าทางสะอาดสะอ้านแถมคนสนิทของผมยังคอนเฟิร์มมาอีกว่าทั้งสุภาพทั้งน่ารัก อ้อ แต่สำหรับผมท่านหวงยี่คือที่สุดนะครับ ทั้งชาติตระกูลก็สูงส่งกว่ามาก เรียกได้ว่าคนละระดับชั้นกันเลยก็คงจะไม่ผิดนัก”


         “หุบปาก ...ก่อนที่เราจะหมดความอดทน”

         “อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับ เพียงแต่ผมได้รับคำสั่งมาจากคุณชายใหญ่ว่าถ้าใครทำให้ท่านหวงยี่เกิดความลังเลใจที่จะกลับประเทศจีนกับผม ให้ผม‘จัดการ’ได้ตามที่เห็นว่า‘สมควร’ ....แต่ผมจะได้‘จัดการ’หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านล่ะนะครับ”


         “ถ้าเรายอมไปกับคุณ คุณจะทำอย่างไรกับพวกเขา?”


         อันอวิ๋นทำเป็นครุ่นคิดสักพักก็ตีสีหน้ายุ่งยากใจขึ้นมา “ก็คงต้องปล่อยพวกเขาออกจากการเป็นเป้านิ่งของวิถีกระสุนปืนอย่างในตอนนี้...... และให้คนตามดูแลอย่างใกล้ชิดครับ”

         เรานิ่งเงียบไปหลังจากตีความคำพูดประโยคนั้นของอันอวิ๋นได้ ให้คนตามดูแลอย่างใกล้ชิด? ก็ไม่ต่างไปจากการที่อเล็กซ์ถูกจับตามองตั้งแต่ย่างก้าวออกจากประเทศจีนอย่างนั้นสินะ เราไม่รู้เรื่องของปะป๊ากับอเล็กซ์มากนัก ส่วนที่รู้ก็เป็นเพียงส่วนน้อยทั้งเรื่องความรู้สึกที่ตรงกันของสองคนนั้นแต่กลับวางท่าราวกับไม่ความรู้สึกอะไรต่อกันนอกจากความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง กับเรื่องที่อเล็กซ์ถูกคนกลุ่มหนึ่งคอยตามดูอยู่ห่างๆมาตลอดเป็นสิบปีที่ผ่านมา

         เราไม่ใช่คนความรู้สึกช้าและเรื่องนี้เราเองก็รู้ตัวมาได้สักพักใหญ่ๆตั้งแต่เริ่มรู้ความแล้ว


         เรามองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ยังคงแสดงภาพร่างสองร่างที่คุ้นตาดี คนสองคนที่กำลังตามหาเราไปทั่วตัวห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ...โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้านิ่ง

         เมื่อครู่อันอวิ๋นบอกว่าปะป๊าเองก็อยู่ที่นั่นแล้วอย่างนั้นสินะ .....ก็ดี


         “เรายอมไปกับคุณก็ได้”


         อันอวิ๋นยกยิ้มพึงพอใจในขณะที่เรามองเขาด้วยความเฉยชาพูดประโยคต่อมาเปลี่ยนใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของเขาให้กลายเป็นใบหน้าที่เรียบตึงแทน


         “แต่ต้องสั่งให้คนของคุณละมือถอยห่างจากสองคนนั้น รวมทั้งคนกลุ่มที่คอยตามอเล็กซ์อยู่ก่อนหน้านี้ด้วย และหลังจากนี้ห้ามทั้งคุณและคนของคุณเข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรที่ประเทศไทยอีก ว่ายังไง?”


         เรากับเขายืนจ้องกันกันสักพัก บรรยากาศที่เงียบ ความกดดันที่ถาโถมอยู่ในทุกอณูอากาศอาจจะทำให้ใครรู้สึกหนักอึ้งนึกอยากไปให้พ้นๆจากห้องนี้ หากแต่ไม่ใช่กับเรา แล้วก็คงไม่ใช่กับเขาด้วย


         อันอวิ๋นแย้มยิ้มอ่อนโยนออกมาอีกครั้ง


         “ตกลงครับ..... แต่ต้องหลังจากท่านเดินทางไปถึงประเทศจีนแล้วนะครับ”


         เราไม่สนใจที่จะเสวนาอะไรกับเขาต่อ ไม่ได้คิดด้วยว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่ผิด เรามั่นใจว่าหากมีปะป๊าอยู่ด้วยทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย และบางทีการหวนกลับในครั้งนี้อาจจะทำให้เรื่องที่คาราคาซังมานานถึงจุดจบของมันสักที

topto โพสต์ 2018-5-19 10:02:44

ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน

Gooddy โพสต์ 2018-5-19 17:35:57

ขอบคุนครับ

thum โพสต์ 2022-3-16 02:50:47

{:5_136:}{:5_136:}{:5_136:}{:5_136:}{:5_136:}
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 17 (100%)