เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 19 (50%)
XIX ( 50% )เกือบสองสัปดาห์เต็มแล้วที่วิวไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลยหลังจากวันที่จู่ๆเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ผมได้รับการติดต่อจากเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นทางโทรศัพท์มือถือ ตอนนั้นเราไม่ได้คุยกันนานไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ วิวเพียงแต่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขาอยู่กับญาติที่ไม่ค่อยสนิทสักเท่าไหร่ที่ประเทศจีนอีกไม่นานก็กลับ และจะกลับมาพร้อมกับคุณปิญชาน์คุณพ่อของเขา จากนั้นสายก็ตัดไปทั้งที่ผมกำลังจะอ้าปากถามต่อพอโทรกลับก็ติดต่อไม่ได้แล้ว
พอเล่าให้คุณอเล็กซ์ที่อยู่ด้วยกันในตอนนั้นฟัง ผมค่อนข้างจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อเขาดูจะผ่อนคลายขึ้น เขายิ้มอ่อนโยนให้ผมพร้อมทั้งพูดคำเดียวกับวิวเป๊ะว่าไม่ต้องห่วง ที่เพิ่มมาคือหากว่าตอนนี้วิวอยู่กับคุณปิญชาห์จริงก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะกลับมาเป็นปกติหากแต่แววตาคู่คมกลับฉายความกังวลออกมาให้ได้เห็น แล้วก็จางหายไปเพียงเสี้ยววินาที
ส่วนผมถึงจะห่วงมากขนาดไหนแต่จะทำอะไรได้ล่ะครับ เอาเข้าจริงๆตัวผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวิวเลยสักอย่าง พอได้นั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างผมกับเขาถึงได้รู้สึกว่าเพราตาที่ผมรู้จักนั้นแท้จริงแล้วที่ผมคิดว่ารู้จักมันเหมือนว่าจะเป็นแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งในตัวตนของเขาเท่านั้น
แม้จะแอบชอบแอบมองคนตัวเล็กมานานขนาดไหนจนได้เขามาครอบครองในที่สุดก็ตาม
.....ผมกลับไม่ได้เข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของเพราตาเลยสักนิด
“น้ำ!”
ผมหันไปตามเสียงเรียกก็ให้เห็นร่างสูงหน้าฝรั่งจ๋าเดินยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงตัวสวยมาแต่ไกล ผมยิ้มกลับให้เขาน้อยๆก่อนที่รอยยิ้มของผมจะหายไปทันทีเมื่อเห็นกลุ่มคนที่เดินตามหลังเขามา
“เหอะ เหม็นสาบหมาหัวเน่าจริงโว้ย!”
“ไอ้พี!”
หากคุณจะยังคงจำเพื่อนงี่เง่าในก๊วนของเจเจอร์ได้ ผมจะช่วยขยายความให้อีกสักนิดนะครับว่า เมื่อก่อนตอนที่ผมยังไปไหนมาไหนกับเจเจอร์จนถูกคนรอบข้างเข้าใจผิดไปต่างๆนาๆ หมอนี่เป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ตั้งท่าเป็นปรปักษ์กับผมอย่างชัดเจน นอกนั้นอย่างมาดแมนจะค่อนข้างเฉยๆกับผม ทักได้คุยได้แต่ไม่ได้สนิทขนาดนับว่าเป็นเพื่อนกันส่วนกายนั้นถึงจะไม่ค่อยชอบหน้าผม(อันที่จริงเขาไม่ชอบพวกผิดเพศทุกคนนั่นล่ะ)แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจออกมาจนดูเป็นอันธพาลมากอย่างพี
ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าที่เขาเกลียดขี้หน้าผมแบบสุดๆจนพาลพาโวยปากหมาใส่ผมไปเสียทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันนั้นเป็นเพราะอะไร ที่ผมทำตลอดมาก็คือการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ นิ่งเงียบและไม่นำพาหากเขาปากหมาชวนหาเรื่อง จะโดนด่าว่ารุนแรงขนาดไหนผมก็ไม่สนใจ
แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ที่อารมณ์ของผมยังค่อนข้างจะแปรปรวนสืบเนื่องจากเรื่องของวิว
ผมจึงไม่คิดที่จะนิ่งอย่างที่เคยทำมาตลอด
“ที่โรงยิมของคณะพละมีห้องอาบน้ำอยู่ ถ้าเหม็นตัวเองขนาดนั้นจะไปใช้ที่นั่นก็ได้นะ”
ผมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางเหยียดยิ้มมุมปาก มาดแมนที่หันไปมองสาวหันกลับมาผิวปากให้ผมทันที แอบได้ยินแว่วๆว่า ‘ร้ายกาจ’ หลังเสียงผิวปาก ในขณะที่กายทำหน้าเหม็นเบื่อเมินไปอีกทาง ส่วนอดัมส์เอาตัวที่สูงกว่ามาขวางทางเพื่อนที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผมเอาไว้จับแขนล็อคไว้อีกทีกันหมอนั่นหลุดมากระชากหัวผมตบได้
“ไอ้ดัมส์ ปล่อยกู! กูจะประเคนตีนใส่ปากสั่งสอนมัน!”
“คนที่ควรถูกสั่งสอนคือมึงต่างหาก ไอ้พี”
“นี่ ...นี่มึงเข้าข้างมันอีกแล้วหรือวะ!”ดูท่าว่ายิ่งอดัมส์พูดเหมือนจะเข้าข้างผมเท่าไหร่พียิ่งตระเกียดตระกายเหมือนหมาขี้เรื้อนตกมันเข้าไปทุกทีจนอดัมส์ที่ว่าตัวหนากว่าที่แค่รั้งข้อแขนเอาไว้แทบจะเอาไม่อยู่
“กูไม่ได้เข้าข้างใคร แม่ง! ไอ้แมนไอ้กาย ช่วยจับมันไว้หน่อยสิวะ!”
คล้ายว่าคำสบถของอดัมส์จะไม่นำพาต่อเจ้าของชื่อที่ถูกเรียก กายเดินหนีขึ้นตึกเรียนไปก่อนแล้วส่วนมาดแมนวิ่งไปหลีสาวที่นั่งกันเป็นกลุ่มไมได้หันมาสนใจเพื่อนที่กำลังบ้ากับเพื่อนที่กำลังจะเอาคนบ้าไม่อยู่เลยสักนิด
ผมกลอกตาเมื่อนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาเริ่มให้ความสนใจ เสียงซุบซิบนินทราที่ไม่ได้เบานักและแน่นอนเรื่องที่พูดกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีลอยเข้าหูให้ได้ยิน เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานข่าวลือบ้าๆคงได้แพร่กระจายออกมาอีกแน่นอนเพราะผมเองก็ไม่ได้เป็นที่รักของคนที่นี่สักเท่าไหร่
“ผมขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อนน้ำ!”
ผมไม่อยู่รอให้อดัมส์อนุญาตหรือฟังคำสรรเสริญบ้าบอจากพีอีก เดินเลี่ยงออกจากลานคณะหน้าตึกเรียนทันที ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายกว่าๆแต่ผมไม่มีเรียนต่อแล้ว จึงไม่ค่อยห่วงเรื่องต้องทนฟังเสียงนินทาระยะเผาขนในห้องเรียน
อันที่จริงผมว่าผมชินกับมันแล้วล่ะ ถึงจะถูกใครนินทาว่าร้ายขนาดไหนผมก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติของตัวเองได้
ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร มีใครบ้างล่ะที่โดนนินทาแล้วจะไม่รู้สึกอะไรเลย ยิ่งเรื่องที่ถูกเอามานินทาเป็นเรื่องไม่ใคร่จะดีนักด้วยล่ะก็นะ
ตอนที่มีวิวอยู่ข้างกายคำนินทาไม่เคยมีมาให้ได้ยินอีกก็จริง แต่ตอนนี้ที่วิวไม่อยู่ก็เริ่มมีมาให้ได้ยินบ้างแล้ว อย่างผมถูกเขี่ยทิ้งแล้วบ้างล่ะ เป็นหมาหัวเน่าแล้วอย่างที่พีว่าบ้างล่ะ หนักหน่อยก็พวกที่เอาเรื่องคบกันระหว่างผมกับวิวไปพนันกันในกลุ่มเพื่อนฝูง
บางทีนะผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสมองของคนพวกนี้คิดได้แต่เรื่องของชาวบ้านหรือยังไง?
บางทีต่อมจิตสำนึกและความเคารพในสิทธิของบุคคลของพวกเขาอาจจะมีปัญหา
จะว่าไปข่าวลือไม่ดีของผมเริ่มแพร่กระจายตั้งแต่ตอนที่คบอยู่กับเจเจอร์แล้วล่ะครับ ยิ่งมีเรื่องรักสามเศร้าระหว่างผมกับวิวและไอ้ตัวสร้างปัญหาอย่างเจเจอร์ผมยิ่งดัง(ในแง่ลบ)เข้าไปใหญ่
ก็ตลกดีเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาได้ไกลขนาดนี้ เหอะ
ใช่ว่าภายในมหาวิทยาลัยนี้จะไม่มีคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น หรือพวกที่เป็นห่วงความรู้สึกของผม ไม่คิดว่าร้ายหรือหลงเชื่อไปกับข่าวลือเลยนะ คือมันก็มีอยู่นะครับ ถึงผมจะไม่มีเพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้จริงๆที่นี่แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีเพื่อนคบเลยทีเดียว
อย่างน้อยก็มีอดัมส์คนหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้วางผมเอาไว้แค่สถานะเพื่อนก็ตาม
“สวัสดีครับคุณอเล็กซ์”
อ้อ ลืมบอกไปอย่าง หลังจากวันที่วิวหายไปผมก็ไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่หอพัก อีกทั้งยังได้สารถีจำเป็นอย่างคุณอเล็กซ์มาคอยรับคอยส่งที่มหา’ลัยทุกวันที่มีเรียนอีกด้วย เนื่องจากคุณอเล็กซ์คิดว่ารวมกันเราอยู่น่าจะเวิร์คกับสถานการณ์ในตอนนี้มากกว่า ก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าคำหมายแฝงในคำพูดของเขานั้นคืออะไร ถึงจะเกรงใจที่ต้องให้เขามาคอยรับส่งแถมยังไปอาศัยเขาอยู่อยู่บ้าง แต่แค่เขาบอกว่าเผื่อมีการติดต่อมาจากคนที่อยู่ประเทศจีนในตอนนี้เขาจะได้ไม่เสียทั้งเงินในโทรศัพท์กับเวลาในการโทรมาบอกผม
อืม ความจริงผมก็รู้แหละว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างที่เกี่ยวพันกับอะไรบางอย่างที่ผมยังไม่รู้ ผมเลยเออออไปกับเขาเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลังเท่านั้น
“วันนี้ทานอะไรกันดี?”คุณอเล็กซ์เกริ่นนำหลังจากที่เราวนรถออกจากมหา’ลัยแล้วเรียบร้อย ผมที่หลุดอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองสะดุ้งน้อยๆก่อนที่จะหันกลับไปถามเขาอีกครั้งว่าเมื่อกี้เขาถามผมว่าอะไร ร่างสูงหัวเราะก่อนที่จะวางมือฝ่ามือลงบนหัวของผมแล้วยีเบาๆ
“พี่ถามว่าวันนี้เราจะทานอะไรกันดี”ถึงตอนนี้ผมจะเริ่มคุ้นปากกับสรรพนามเรียกที่เปลี่ยนไปจาก ผม กับ คุณ เป็น พี่ กับ น้องน้ำ บ้างแล้วก็ตาม แต่ยังไงให้ตายก็ไม่ชินเลยสักที
คุณอเล็กซ์เคยบอกผมในวันหนึ่งว่าพอได้อยู่กับผมแล้วบรรยากาศรอบตัวจะผ่อนคลายเหมือนตอนที่อยู่กับพี่ชายของเขาที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่พอผมถามว่าทำไมถึงไม่กลับไปหาให้หายคิดถึงล่ะ เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกนอกจากยิ้มบางๆแต่แววตากับสีหน้ากลับเศร้าสร้อยเสียจนผมเองยังรู้สึกเศร้าตาม สงสัยเพราะความอินกับบรรยากาศหงอยเหงาของเขามากเกินไปผมเลยเผลอโพล่งออกไปว่า ถ้าไม่รังเกียจจะนึกว่าผมเป็นน้องชายของเขาอีกคนก็ได้ พอคุณอเล็กซ์ได้ยินอย่างนั้นก็เบิกตากว้างก่อนที่จะ.....
‘ฮ่าๆ ถึงว่าทำไมคุณหนูของบ่าวถึงได้ทั้งรักทั้งหลงนัก ...หึหึ เป็นแบบนี้นี่เอง แบบนี้นี่เอง ฮ่าๆ’
โอเคว่าผมไม่เข้าใจว่าคำพูดของผมมันไปกระตุ้นต่อมฮาของเขาตรงไหนเข้าถึงได้หัวเราะไม่หยุดจนน้ำหูน้ำตาไหล แล้วหลังจากนั้นสรรพนามที่เขาเคยใช้เรียกผมและใช้แทนตัวก็เปลี่ยนไป
ถึงผมจะเป็นคนบอกให้เขานึกว่าผมเป็นน้องชายของเขาคนหนึ่งเองก็ตามแต่ตอนแรกไม่ชินยังไงตอนนี้ก็ยังคงไม่ชินอย่างนั้นกับการประคบประงมและการถูกดูแลจากใครคนอื่นนอกจากแม่(ส่วนพ่อกับไอ้น้องชายงี่เง่านั่นตัดออกไปได้เลย)อยู่ดี
ผมตอบเขากลับไปเหมือนกับทุกครั้งที่เขาถามคืออะไรก็ได้ คุณอเล็กซ์ถอนหายใจหนักๆออกมาครั้งหนึ่งก่อนที่จะเอามือที่วางอยู่บนหัวของผมออกไปจับพวงมาลัยรถเหมือนเดิมแล้วพาผมไปกินข้าวแถวเยาวราช อ่า..ไม่ใช่แค่ข้าวแต่แทบจะเป็นทุกอย่างที่เราเดินผ่านแล้วเขาเห็นว่ามันน่ากินเขาก็จะซื้อติดมือมาให้ผมช่วยกิน แล้วผมก็จะส่งกลับไปให้เขาหลังจากที่เล็มไปได้เพียงนิดเดียว
ไม่ใช่ว่าผมอยากจะปฏิเสธความหวังดีของเขานะครับ เพียงแต่ว่าผมไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่ในช่วงนี้ น้ำหนักของผมลดฮวบในขณะที่ขอบตาล่างคล้ำขึ้น ผิวผมที่ค่อนข้างซีดอยู่แล้วทำให้เห็นชัดเจนเหมือนกับราวผมเอาสีดำมาแต้มไว้ที่ใต้ตาอย่างไรอย่างนั้น
บางทีผมก็เคยคิดเหมือนกันว่าผมนี่เป็นเอามากจริงๆ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อผมรู้สึกไม่อยากกินแม้ว่าร่างกายจะเริ่มประท้วงด้วยการเริ่มปวดท้องเป็นพักๆขนาดไหนก็ตาม บางครั้งถึงอยากหลับแต่ก็หลับไม่ลงจนถึงขั้นต้องใช้ยานอนหลับเข้าช่วย แต่พอถูกคุณอเล็กซ์ดุในวันหนึ่งหลังจากที่เขาเห็นผมกรอกยานอนหลับเข้าปากนั่นล่ะ ช่วงหลังๆผมถึงไม่ค่อยได้พึ่งยานอนหลับเหมือนอย่างเคย อาจจะนอนได้น้อยหน่อยแต่ผมก็รู้ตัวดีว่านอนน้อยยังดีกว่านอนนานแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยเพราะกินยานอนหลับจนเกินขนาน
หลังจากเดินเล่นแถวเยาวราชกันสักพักเขาก็พาผมกลับเรือนเล็ก ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันเข้าห้องเขามักจะเอ่ยกับผมในประโยคเดิมๆเสมอ แต่เพราะประโยคนั้นของเขาทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งผมและไม่คิดที่จะเบื่อหน่ายเลยสักหน
“ถ้านอนไม่หลับหรือฝันร้ายก็มาหาพี่ที่ห้องได้นะ ไม่ต้องเกรงใจเพราะตอนนี้เราก็ถือได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ขออย่างเดียวอย่ากินยานอนหลับอีกก็พอ”
“ขอบคุณนะครับ....”
....
หลังจากอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็ปิดไฟล้มตัวลงนอนทันที ผมเลือกที่จะไม่นอนหนุนหมอนแต่กลับเอามันมานอนกอดแทน กลิ่นอายของเจ้าของห้องตัวจริงยังคงติดอยู่จางๆ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อรับกลิ่นหอมอ่อนๆนั้นเอาไว้ให้เต็มอก ร่างกายอ่อนล้าเหมือนกับหุ่นยนต์ที่แบตใกล้จะหมดเต็มที..
“โตยธารเป็นห่วงเพราตามาก”
ผมปรือตาปิดลงพร้อมกับภาพใบหน้าหวานของคนที่อยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลาจะค่อยๆปรากฏขึ้น
“โตยธารคิดถึงเพราตาที่สุด”
กระชับหมอนในอ้อมกอดแน่นขึ้นพลางจิตนาการว่าที่ผมกำลังนอนกอดอยู่นี้คือใครคนนั้น
“ฮึก.... อยากเจอ .... อยากเจอจนแทบบ้า .......”
สุดท้ายผมก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ผมร้องไห้ทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น ไม่ได้อยากร้องไม่ได้อยากทำตัวอ่อนแอ อยากจะเข้มแข็งเหมือนกับที่แสดงออกให้คุณอเล็กซ์หรือทุกคนที่มหา’ลัยเห็น แต่พอได้อยู่คนเดียวเงียบๆผมจะอ่อนไหวง่ายทุกที
ผมไม่รู้
ไม่รู้อะไรสักอย่าง ได้แต่รอคอยต่อไปทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าการรอคอยครั้งนี้มันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
เหมือนคนโง่
คนโง่ที่ความเข้มแข็งและความมั่นคงที่เคยมีนับวันจะค่อยๆสั่นคลอนและถูกกัดกร่อนลงไปเรื่อยๆ
นี่ผม ..... กำลังรอคอยอะไรอยู่กัน?
....
ไม่รู้ว่าผมจมอยู่ในความคิดนานแค่ไหน และเคลิ้มหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ...ที่รู้ว่าเคลิ้มหลับไปแล้วเป็นเพราะอ้อมแขนเล็กๆกับร่างอุ่นๆของใครคนหนึ่งโอบกอดผมเอาไว้ หมอนที่กอดไปก่อนหลับหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ใช่....มันแทนที่ด้วยกายเนื้อแทน
กลิ่นหอมอ่อนๆที่ผมชอบสูดดมอยู่ใกล้มากเสียจนต้องเขยิบเบียดชิดกายเข้าหา
พร้อมกับเสียงกระซิบจากน้ำเสียงหวานหูอันคุ้นเคยที่กระซิบแผ่วเบาข้างใบหู....
“เพราตาก็คิดถึงโตยธาร...”
หากนี่จะเป็นเพียงแค่ความฝันผมก็ขอที่จะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีก .......น้ำตาอุ่นๆไหลลงจากตากลมทั้งสองข้าง .....ผมไม่อยากอ่อนแออย่างนี้ แต่เพราะผมรู้ดี ...รู้ดีว่าไม่ว่ายังไงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ก็ไม่มีทางเป็นความจริง
สองกายเนื้อแนบชิดสนิทให้ได้รับรู้ซึ่งความอบอุ่นระหว่างกันและกัน เสื้อผ้าที่ไม่รู้ว่าหลุดออกจากร่างกายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ผมเองก็ไม่คิดที่จะสนใจ เพราะว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน ....แค่ฝันเท่านั้น
เสียงครางหวานเคล้าคลอไปกับเสียงหอบกระชันเมื่อรู้สึกถึงว่าช่วงล่างของผมกำลังถูกเติมเต็มด้วยความร้อนรุ่มอันแข็งขืน ไม่มีรีรังรั้งรอใดๆอีกเราทั้งสองคนโหมกายใส่กันแทบจะทันทีที่เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว
กลิ่นอาย ความรู้สึกเคยคุ้นที่มีทำให้ผมยากที่จะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้
ร้องไห้ทั้งที่ยังหลับตา
ร้องสะอื้นพร้อมทั้งครางอย่างสุขสม
ขยับช่วงล่างตอบสนองต่อแรงโหมกระทั้นจากร่างบนกายอย่างเร่าร้อน โหยหา อยากเขาเข้ามาให้ลึกมากกว่านี้ ...แค่นี้ไม่พอ ยังไม่พอ.......
ผมกำลังฝัน
และในความฝันผมจะอ่อนแอแค่ไหน จะเห็นแก่ตัวยังไงก็ได้ เพราะฉะนั้น.....
“อย่าหยุด ..ฮึก ...อ๊า....... เข้ามาให้ลึกกว่านี้สิ ฮึก .......”
แว่วเสียงหัวเราะใสๆที่มักจะทำให้หัวใจของผมเต้นแรงได้เสมอ อยากลืมตาขึ้นมอง ...อยากเห็นใบหน้าหวานๆที่แสนจะคิดถึง แต่ถ้าลืมตา ...ความฝันนี้ก็จะสิ้นสุดลง ....ไม่เอา แบบนั้นไม่เอา
“อยู่กับน้ำ ..อ้าา ...ฮืออ ......อยู่กับน้ำนะวิว ..อื้อ อยู่ ...ด้วยกัน ....ในตัวน้ำแบบนี้ตลอดไป.......”
ในฝันผมกอดร่างเล็กๆของคนที่คิดถึงสุดหัวใจเอาไว้แน่นด้วยสองแขนเท่าที่แรงทั้งหมดจะเอื้ออำนวย
“เพราตาจะอยู่กับโตยธารตลอดไป ...ด้วยกันตลอดไป”
ผมยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนที่จะจอมจมลงไปในห้วงเปลวเพลิงแห่งราคะที่ยากจะดับและไม่รับรู้ซึ่งอะไรอีกนอกจากความสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่าที่ได้รับจากคนในฝันตลอดทั้งคืน
แม้จะเป็นได้แค่ฝัน ...แต่แค่ในฝันนี้มีเขาอยู่กับผมตรงนี้ ไม่ไปไหนอีก......ผมขอแค่นี้
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขอบคุนครับ {:5_149:}{:5_149:}{:5_149:}{:5_149:}{:5_149:}
หน้า:
[1]