เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 20 (50%)
ตุบ!“น้ำ?!”
หวงเจี่ยหลุนหัวเราะหึในลำคอแขนแกร่งเหนี่ยวรั้งเอวคอดเล็กของหลานชายเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ยิ่งเห็นความอ่อนแอที่ฝั่งเพื่อนชายคนสำคัญของหลานชายแสดงออกมาให้เห็น หนุ่มใหญ่ยิ่งนึกสมเพชเวทนา
อ่อนแอ
ปวกเปียก
แล้วยังอ่อนไหวง่ายอีก
คนแบบนี้เขาไม่เห็นว่าจะคู่ควรกับหวงยี่เลยสักนิด
ต่างระดับกันจนเกินไป
“สำออย”
“ลุงใหญ่ ปล่อย”ตาคมปราดมองหยามร่างบอบบางที่นั่งกองตัวสั่นระริกอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมแขน หวงยี่ของเขาไม่ได้ดิ้นรนโวยวายให้เขาปล่อยหากแต่คนน้อยอายุกว่ากลับทำเพียงเอ่ยเสียงเรียบด้วยใบหน้าดุดันเท่านั้น
สำหรับเขาไม่ว่าหลานชายคนนี้จะแสดงออกในรูปแบบไหนยังไงเสียเด็กก็ยังคงเป็นแค่เด็กอยู่วันยันค่ำ
ไม่ต่างกับ.....
แขนแกร่งคลายออกจากเอวเล็กพร้อมกับที่ร่างเล็กๆของหลานชายจะผละออกจากกายสูงใหญ่ของผู้เป็นลุง ก้าวตรงไปหาร่างบางที่พยายามจะยันกายลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตาที่นองหน้า มือที่จับกุมข้อมือของตัวเองอยู่นั้นสั่นระริกชวนให้นึกสงสารไม่น้อย ....ใช่ หวงเจี่ยหลุนอาจจะนึกสมเพชมากกว่าเดิมหากไม่เพราะเขาได้เห็นอะไรบางอย่างจากเด็กคนนั้นเข้าเสียก่อน
หนุ่มใหญ่มองร่างเล็กของหลานชายที่ประคับประคองคนที่สูงโปร่งกว่าหากแต่ตัวบางพอกันอย่างร้อนรนหากแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความทะนุถนอม ใบหน้าสวยจัดฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อดวงตากลมเหลือบมองไปเห็นหยาดเลือดสีแดงข้นที่ข้อมือของอีกฝ่ายเข้า
เด็กคนนั้นคงจะถูกหินประดับที่เจ้าตัวบังเอิญปัดตกพื้นตอนล้มลงบาดเข้า
และดูเหมือนหวงยี่จะเชื่อไปในแบบนั้น
“อเล็กซ์!”
“ถ้าหมายถึงเด็กเนรคุณสกุลไป๋นั่น ตอนนี้ไม่อยู่ที่นี่หรอก”
หวงเจี่ยหลุนกระตุกยิ้มมุมปากบางเบาเมื่อตากลมสีเดียวกันกับผู้เป็นบิดาทั้งยังแกะแววตาแข็งกระด้างด้วยความไม่พอใจราวกับลอกออกมาจากพิมพ์เดียวกันยามจ้องมองมายังเขาก็ให้นึกอยากหัวเราะ
เชื้อไม่ทิ้งแถวเลยจริงๆ
กับคนพ่อเขาไม่ใคร่ชอบใจยามที่ได้เห็นนัก แต่หากเป็นคนลูกเขากลับนึกเอ็นดู
“เราไม่รู้เรื่องหมางใจกันของพวกผู้ใหญ่และก็ไม่คิดที่จะอยากรู้ด้วยเพราะถึงยังไงก็ไม่ใช่กงการอะไรของเด็กอย่างเราที่จะเข้าไปข้องเกี่ยว แต่....”
“...”
“อย่าพูดถึงคนในครอบครัวของเราแบบนั้นอีก”
ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าคมเข้มไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาหากแต่มีหรือที่คนอย่างหวงเจี่ยหลุนจะไม่เข้าใจและอ่านแววตาแน่วแน่เอาจริงเอาจังแบบนั้นของหลานชายจอมอวดดีไม่ออก
“น้ำกดแผลเอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเรามา”
เด็กช่างสำออยพยักหน้ารับทั้งใบหน้าซีดเซียว ดวงตากลมไหวระริกคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ได้แต่เอ่อคลอหากกลับไม่ไหลออกมาราวกับสั่งได้คล้ายเจ้าตัวพยายามที่จะสกัดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
ร่างเล็กเหลือบมองมาทางร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งเป็นเสาหินเล็กน้อยก่อนที่จะสาวเท้าเดินออกจากบริเวณห้องนั่งเล่นไป ตอนนี้ภายในบริเวณนี้จึงเหลือเพียงแค่ผู้สูงวัยกับผู้เยาว์วัยที่ต่างก็ไม่พูดไม่จากันเท่านั้น
บรรยากาศกดต่ำชวนให้รู้สึกอึดอัด
หากแต่ความกดดันกลับไม่ได้ออกมาจากคนสูงวัยกว่าเพียงคนเดียวดังเช่นก่อนหน้านี้…
“เพิ่งรู้ว่าผู้ชายไทยก็ถนัดเรื่องใช้มารยาไม่ต่างไปจากผู้หญิง”
เสียงเข้มจากผู้สูงวัยกว่าเอ่ยขึ้นมาก่อน เรียกให้คนอ่อนวัยกว่าที่กำลังกดผ้าเช็ดหน้าซับห้ามเลือดบนข้อมือของต้องเงยหน้าขึ้นมอง
แววตานิ่งสงบไม่สั่นไหวอย่างที่เห็นในตอนแรกไม่ได้ทำให้หวงเจี่ยหลุนนึกแปลกใจ
เห็นทีเขาคงประเมินเด็กคนนี้จากภายนอกที่เห็นมากไปหน่อย ...นับเป็นเรื่องผิดพลาดที่ไม่น่าจะผิดพลาดได้
“ซ้ำยัง ‘เลือก’ ใช้ได้ดีเสียด้วย ต้องขอชมเชย.....”
ใช่ว่าโตยธารจะดูไม่ออกว่านั่นไม่ใช่คำชมเชยอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวจริงๆ แม้คนมากวัยวุฒิกว่าจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ก็ตาม ...แต่คนร่างบางกลับเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่า
คนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
เขาทำเป็นเล่นด้วยไม่ได้ แต่ก็อ่อนข้อให้ด้วยไม่ใช่เช่นกัน
โตยธารไม่ใช่คนงี่เง่าที่จะคิดอะไรเองไม่เป็น
อันดับแรกเพราะเขาเชื่อใจในตัวคนรักและไม่คิดที่จะหักหลังคนรักด้วยการคิดเองเออเองไปคนเดียวกับภาพฉากบาดตาที่เห็นเมื่อครู่ เพราตาไม่ใช่คนแบบนั้นและไม่มีวันจะเป็นคนแบบนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งโตยธารเองก็ใจเย็นพอที่จะหยุดและคิดถึงความขัดแย้งกันจากสิ่งที่ได้เห็น และทุกอย่างก็ลงล็อคกันตรงคำสรรพนามที่เพราตาใช้เรียกอีกฝ่าย เป็นเครื่องยืนยันสถานะที่แท้จริงของคนทั้งสองได้อย่างชัดเจน
หากแต่ที่โตยธารไม่เข้าใจนั้นก็คือ.... ผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะทำอะไรกันแน่
จงใจให้เขาเข้าใจเพราตาผิดเพื่อทดสอบเขาอย่างนั้นหรือ?
ถ้าใช่
ผู้ชายคนนี้ก็เป็นผู้ใหญ่ที่นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ
“คุณเชื่อไหมครับ?”
น้ำเสียงหวานแหบเครือ ตากลมมองรอยบาดเล็กๆแต่เลือดกลับไหลไม่ยอมหยุดบนข้อมือเรียวของตัวเองก่อนที่จะเงยขึ้นสบเข้ากับตาคมกริบที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้วของอีกฝ่ายอย่างไม่คิดที่จะหลบสายตา แม้แต่ความสั่นไหวที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอปวกเปียกก็ไม่มีให้ได้เห็น
แตกต่างราวกับเป็นคนละคน
“ต่อให้ผมไม่ต้องใช้มัน สิ่งที่คุณเรียกว่ามารยา ....คนที่วิวเลือกที่จะอยู่เคียงข้างในตอนนั้น....... ก็ยังคงเป็นผมอยู่ดี”
“หึ”
ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าใกล้ร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งหลังตรงอยู่บนโซฟาก่อนที่มือหนาจะเชยปลายคางเรียวขึ้น ดวงตาคมกวาดมองใบหน้าจืดชืดที่ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจเลยแม้แต่น้อยด้วยแววตาเรียบเฉย
แววตาว่างเปล่า
สัมผัสเยือกเย็น
และความกดดันอันหนักอึ้งที่ราวกับร่างกายถูกกดทับเอาไว้ด้วยคลื่นบางอย่างที่มองไม่เห็นซึ่งแผ่ออกมาจากผู้มากวัยกว่านั้นทำให้โตยธารเริ่มหายใจไม่ออกทั้งที่อีกฝ่ายทำเพียงแค่จับปลายคางและจ้องมองเท่านั้น....
น่ากลัว
ผู้ชายคนนี้ ......น่ากลัว
“เธอไม่เหมาะสมกับหลานชายของฉัน”
“....”
โตยธารขบเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อข้อมือที่มีบาดแผลอยู่โดนจับทับด้วยมือหนาราวคีมเหล็ก ถึงจะเจ็บแต่กลับไม่มีเสียงร้องโอดครวญดังลอดออกจากกลีบปากบางสักแอะ
“เธอแตกต่างกับหวงยี่มากเกินไป และอีกไม่นานความแตกต่างนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งเธอทั้งหวงยี่ต้องเจ็บปวด”
“แล้วอีกไม่นานของคุณมันเมื่อไหร่ล่ะครับ?”
คนที่เผลอนึกถึงเรื่องของตัวเองชะงักไป ตาคู่คมมองแววตามั่นคงไม่สั่นเกรงของร่างข้างใต้พลางเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย....
“มีใครบ้างในโลกนี้ที่จะเหมือนกันจนมองไม่เห็นถึงความแตกต่างล่ะครับ ผมไม่สนหรอกความรู้สึกของหวงยี่อะไรนั่นของคุณน่ะ”
“....”
“เพราะคนที่ผมแคร์มีแค่เพราตาคนที่ผมรู้จักเท่านั้น”
“หึ เด็กอวดดี”
“ครับ หากการที่ผมเลือกที่จะอยู่ข้างคนรักแล้วมันทำให้ผมกลายเป็นคนอวดดีผมก็ยอม แต่ผมจะไม่ยอมให้คุณหรือใครมาคิดแทนผมกับวิวในเรื่องที่เป็นเรื่องของเราแค่สองคนหรอกครับ ตราบใดที่เรายังรักกันและเขายังต้องการผมอยู่ ผมก็จะไม่ไปไหนจากเขาทั้งนั้น”
“ถึงแม้จะต้องเจ็บปวดน่ะหรือ?”
“แม้ว่าวันข้างหน้าจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดในรูปแบบไหนก็ตามครับ”
.
.
“รู้ไหม เธอคือคนประเภทที่ฉันเกลียดที่สุด”
“...”
“แล้วเธอยังจะคิดว่าฉันจะปล่อยให้หลานของฉันต้องอยู่ร่วมกับคนประเภทที่ฉันเกลียดลงอย่างนั้นหรือ?...”
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ชอบๆๆๆๆ ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]