ลางบอกเหตุตามความเชื่อ
>> เรื่องทั่วๆไปในทางไม่ดี>ห้ามใส่ชุดดำเยี่ยมคนป่วย
> ชุดสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือนักถือหนาว่า เป็นสีแห่งความทุกข์โศก
>ใช้ใส่เฉพาะงานศพเท่านั้น หรือหากจะใช้แต่งกายสีดำ ก็ไม่ควรเป็นสีดำทั้งชุด
>ควรเป็นครึ่งท่องใส่ผสมกับสีอื่นๆ
> ชุดสีดำ จึงไม่นิยมใส่เข้าไปในงานมงคลต่างๆ เช่นงานวันเกิด งาน
>แต่งงาน หรือแม้กระทั่งไป เยี่ยมผู้ป่วยก็เหมือนกัน เท่ากับว่า เป็นการแช่งหรือ
>เดาเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ผู้ป่วยนั้นตายเร็วขึ้น ทำให้จิตใจผู้ป่วยหดหู่และหมด
>กำลีงใจ เกิดอาการทรุดลงได้ง่ายจึงไม่ให้ใช้สีดำ ควรเป็นสีที่สดใสและแสดง
>ใบหน้าที่สดชื่นอีกด้วย
>
>
>
>
>จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน
> จิ้งจกในปัจจุบันหาพบได้ง่ายกว่าตุ๊กแก มักจะเกาะอยู่ตามฝาผนัง
>ของบ้าน โดยปกติทั่วๆ ไป เรามักจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมากนัก จะ
>เป็นเพราะมีจำนวนน้อย หรือบางบ้านไม่มีให้เห็นเสียแล้ว หรือไม่ค่อยมีเวลาอยู่
>บ้านมากนัก จึงไม่ได้ยินเสียงของมัน
> ตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้อทัก จะกี่ครั้งก็ตาม
>ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศรีษะของคุณ ให้พยายามเลื่อนการเดินทาง
>เป็นเวลาอืน อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะอาจทำให้
>คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือซ้าย
>มือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชค
>ลาภ หรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ
>
>
>
>
>ตุ๊กแกร้องกลางวัน มีเหตุร้าย
> ตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ในบ้าน มักจะร้องตอนกลางคืน แต่
>ถ้าวันดีคืนดีเกิดร้องลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตาม ให้ถือว่า เป็นการ
>บอกเหตุร้ายว่า กำลังจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือภายในบ้าน ซึ่งโดย
>ปกติแล้วตุ๊กแกจะไม่ค่อยร้องในช่วยกลางวันอยู่แล้ว ( กลางวันในที่นี้หมายถึง
>ตั้งแต่เวลาเริ่มสว่างจนถึงมืดลง )
> คนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ ร่างที่วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไป
>แล้วมาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองเพื่อให้สัญญาณบอกเหตุแก่ลูกหลาน และ
>จะไม่เคยเห็นตุ๊กแกทำร้ายใครเลย
>
>
>
>
>
>นกแซกเกาะหลังคาบ้าน เกิดลางร้าย
> นกแซกเป็นนกที่ถือว่า ให้ความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง ไม่แต่เฉพาะ
>คนไทยเท่านั้นที่ถือในเรื่องนี้ฝรั่งเองก็ถือเคล็ดนี้เช่นกัน ก็เพราะโดยธรรมชาติ
>ของนกแซกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคนให้เห็นนัก
> หากเมื่อใดมีนกแซกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้ว ก็มักจะมีอะไรไม่ดี
>แก่บ้านนั้น เช่น คนป่วยเอยคนเจ็บอยู่ก็อาจเสียชีวิตก็ได้ จึงมักจะมีคนนิยมแก้
>เคล็ดให้ร้ายกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน สุรา บอกเล่าก็เพียง
>พอแล้ว คนโบราณบางท่านที่เคร่งมากๆ ก็อาจเพิ่มด้วย ข้าวสาร ข้าวตอก
>ผ้าแดง ผ้าขาวและเงินทอง
>
>
>
>
>นกถ่ายรดศรีษะ จะมีโชคคร้ายยย
> ปกติแล้วนกนี่มันก็บินไปทั่ว ถ้าไม่ใช่นกเลี้ยง จะชอบมาบินเกาะบน
>ท้องฟ้า ไม่ชอบมาอยู่กะคนเท่าไหร่และเมื่อใดที่คุณกำลังจะออกเดินทางแล้วจู่ๆ
>นกก็ถ่ายรดที่ศรีษะ คนโบราณว่าไว้ ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนด
>ออกไปวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้น อาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุได้
> ในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในบริเวณบ้าน นกบินมาถ่ายรดศีรษะซึ่ง
>โอกาสจะมีน้อยมาก แต่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ให้เตรียมตัวรับเหตุการณ์ได้เลย
>เพราะจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนใจ หรือเกิดเหตุร้ายกะตัวเองแน่นอน
> ระวังเด้อ....
>
>
>
>
>
>เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน
> บ้านใดที่มีต้นไม้มากๆนั้น จะมีที่ที่ตัวเงินตัวทองมักจะปรากฎให้เห็น
>ตามที่ดังกล่าว มักจะไม่คลานในที่โล่งแจ้ง และก็หาแหล่งที่มาไม่พบอีกด้วยว่ามา
>จากที่ใด เพราะในหมู่บ้านกลางเมืองก็ยังมีปรากฎให้เห็นบ้าง
> ลักษณะตัวเงินตัวทอง บางคนว่าคล้ายจระเข้ แต่มีหางยาวมาก มี
>ขนาดตั้งแต่ตัวเล็กๆ เท่าจิ้งเหลนจนไปถึงตัวโดมากๆเท่ากับลูกจระเข้เลยทีเดียว
> ปกติตัวเงินตัวทองนี้จะไม่ทำร้ายใคร แต่คนโบราณท่านว่าเป็นตัว
>อัปมงคลอยู่ดี จึงมีชื่อเรียกเสียเพราะแก้เคล็ด หากบ้านใดมีเข้ามาให้เห็น ท่านว่า
>ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่ บางท่านก็ให้หาดอกไม้ธูปเทียนจุดบอกเล่า
>ให้กลายเป็นการนำเอาสิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน
>
>
>
>
>กลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ
> สำหรับบ้านในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน
>ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดฟงปิดไฟกันเลย คนโบราณจึงว่าว่า หากปิดบง
>ปิดบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวง
>วิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้
> แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านใน
>ยามวิกาลก็เป็นได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียก
>แล้วยังขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามาหรือเข้ามาในบ้านได้
>
>
>
>
>
>เลขนั้นสำคัญฉะไหน
> เลขต่างๆ ตั้งแต่ 1 - 10 หรือแม้กระทั่งเลขเกิน 10 ก็ตามมีความเชื่อ
>ไปต่างๆกัน บ้างก็เหมือนกันแล้วแต่ความถูกโฉลกของแต่ละบุคคล นั่นเป็นความ
>เชื่อ เช่น บางคนไม่ชอบเลข 13 เพราะถือเป็นเลขของความโชคร้ายของฝรั่ง ซึ่ง
>จะสังเกตว่าตามตึกใหญ่สูงๆ ภายในลิฟต์จะไม่มีชั้น 13 เนื่องจากคนก่อสร้างหรือ
>สถาปนิกเป็นฝรั่งจ้า เค้าว่ากันว่าทะเบียนเลขรถเนี้ยะ
>
>
>
>
>ผมหยิก หน้าก้อ คอต่อ คิ้วสั้น คบไม่ได้เด้อ
> คำกล่าวนี้ได้ยินมาน๊านนน นาน... .ซึ่งหากดูให้ครบลักษณะที่กล่าวมาก
>คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นๆ หักๆ คอหาแทบไม่เจอ จะด้วยเพราะอ้วนหรือ
>เหตุใดก็ตาม ประกอบกับมีคิ้วก็สั้นๆ รวมดูแล้ว ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่
> แต่อย่างไรก็ตามอย่าดูแค่รูปกายภายนอก ให้ศึกษานิสัยใจคอด้วยจ๊ะ
>
>
>
>
>
>ไทยเล็ก เจ็กดำ คบบ่ได้ จิงหรือ?
> โบราณท่านว่าไว้ว่า คนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้คบยากเหลือเกิน หากเป็น
>คนไทยก็ต้องตัวไม่เล็กแคระแกรน เนื่องจากคนไทยในสมัยโบราณตัวใหญ่ทั้งผู้
>หญิงและผู้ชาย หาคนตัวเล็กมีน้อยมาก และถ้าเป็นคนจีนก็ต้องตัวไม่ดำ
> "ไทยเล็ก เจ็กดำ" จึงติดปากมาจนทุกวันนี้ แต่หากจะพิจารณากันให้
>ถ่องแท้ คงจะต้องดูที่นิสัยรวมไปด้วย นั่นเป็นเพียงแต่การสันนิษฐานเบื้องต้นให้
>ได้ยินเท่านั้น ก็ลองใช้ดุลพินิจดูว่า จะเป็นจริงตามที่ท่านกล่าวมาไว้หรือไม่ ทั้งนี้
>คำกล่าวที่ว่า ไม่ได้รวมหมายถึง การงานของเขาเหล่านั้น ท่านหมายแต่เพียงว่า มัก
>จะมีนิสัยออกไปทางคนโกงเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอาเปรียบประมาณนั้น
>
>
>
>
>คนหลายเสียงคบไม่ได้
> คนทั่วไปตามปกติแล้ว หากไม่มีเสียงธรรมดาแล้ว ก็อาจจะมีเสียง
>แหลมเล็ก หรือทุ้มใหญ่ไปเลย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากคนใดมีหลายเสียงในขณะ
>ที่พูดคุยตามปกตินั้น เป็นคนคบยาก เพราะเท่ากับว่า หาความแน่นอนอะไรไม่ได้
>แม้แต่เสียงของตัวเองยังบังคับให้อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้เลย ขณะพูดคุย
>เดี๋ยวทำเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงใหญ่ เสียงเล็กไปเรื่อย
> แต่คนในลักษณะนี้หายาก และในเมื่อหายาก ก็ดูจะยิ่งเพิ่มความขลังให้
>ความเชื่อนี้แม่นยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเจอก็ให้ห่างๆ ไว้เป็นดี
>
>
>
>
>
>คนหัวล้านมักเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์
> คำกล่าวนี้ได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดีนั่นเอง ขุนช้างเป็นคน
>เจ้าชู้ ชอบหญิงสาวที่มีรูปงาม จุดเด่นของเรื่องในวรรณคดี มีการแย่งหญิงสาวอัน
>เป็นคนรักของขุนแผน โดนขุนช้างใช้เล่ห์ทุกวิถีทาง เพื่อหลอกให้คนรักของขุนแผน
>มาอยู่กับตน
> จึงถูกมองว่า ผู้ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับขุนช้างคือ หัวล้าน มีรูปร่างอ้วน
>ท้วม ขาวนั้น จะต้องมีนิสัยเช่นเดียวกับขุนช้างเสมอไปแต่ขุนช้างก็เป็นคนร่ำรวยมาก
>ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่แปลกว่า คนหัวล้านก็มักจะรวยเสียทุกคนเหมือนขุนช้างอีกด้วยซิ
>
>
>
>
>ชมีปาน แสดงว่าเคยเกิดมาแล้ว
> เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปานหรือเรียกว่า มีตำหนิ ในส่วนใดส่วน
>หนึ่งของร่างกาย คนโบราณถือว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง และถูกป้ายด้วยของ ทำ
>เป็นตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดงและหากเป็นปานดำ
>ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยถ่านเพราะถ้าหากมีบุญจริง อาจจะพบกันชาติหน้าและจำกันได้
>โดยให้สังเกตจากตำหนิ
> แต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว การเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม เป็นเพราะ
>ผิวหนังผิดปกตินั่นเอง
>
>
>
>
>ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูก
> เชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัด เป็นของสูงและสมควรอยู่
>ในวัดเท่านั้น ไม่ควรนำมาปลูกที่บ้าน จะทำให้บ้านนั้นตกอับ ไม่เจริญ เท่ากับเอาของสูง
>มาวางไม่ถูกที่ หากเกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้นำมาปลูก ก็ให้ถอนออกเสีย หากจะให้ดี ก็ให้
>นำไปไว้ที่วัดเสีย
> ต้นไม้ดังกล่าวอันได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นหวาย ต้นโมกข์ ต้นไทร ต้นนนทรีย์ ต้น
>ตะเคียน เป็นต้น
> แต่ทั้งนี้จะรวมถึงต้นไม้ที่ไม่เป็นสิริมงคลดวย เช่นต้นโศก ต้นระกำ ต้นยาง
>ที่มักนำมาทำโรงศพ ต้นสำโรงที่ดอกมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเหล่านี้ดูไม่เป็นสิริมงคล จึงไม่นิยม
>นำมาปลูกในบริเวณบ้านกัน
>
>
>
>
>ห้ามตัดผมวันพุธ
> วันพุธห้ามตัดผม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามกันนักห้ามกันหนาเชื่อกันว่า ตัดผม
>วันพุทธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิตทีเดียว จะเห็นได้ว่า ร้านตัดผมมักจะปิดร้านในวัน
>พุธกัน บ้างก็อ้างว่า ตัดผมในวันพุธหัวกุดท้ายเน่า
> ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรเชื่อเสียบ้าง ตัดในวันรุ่งขึ้นก็คงไม่นานเกินรอไป
>ได้ และก็ยังไม่ได้ยินเช่นกันว่า นิยมตัดผมกันในวันพุธ
>
>
>
>
>
>ตาเขม่น
> ฮิต ฮิต ฮิต เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของ
>ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออก
>เป็น 3 ช่วงคือ
> หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชค
>ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย
>ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกัน
>เกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป
> ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ในช่วงเวลาเย็นถือว่ามีโชคมีลาภ
>จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา
> แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน การเขม่นตาขวาจะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิด
>ขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าหากเขม่นตาซ้ายจะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า
>ขวาร้าย-ซ้ายดี
> การเขม่นตานี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิด
>เหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน
>
>
>
>
>เมื่อสัตว์ป่านเข้าบ้าน
> เรื่องของสัตว์ป่านั้น ตามธรรมชาติแล้วสัตว์ป่าก็ควรที่จะอยู่ตามป่าตามเขาจึง
>จะถูกต้อง แต่หากเมื่อใดสัตว์เหล่านี้เป็นต้นว่า งูต่างๆ ชนิด หรือแม้กระทั่งเต่า คำโบราณ
>ถือนักว่า ผิดธรรมชาติและหากจะให้สัตว์จำพวกนี้อยู่ในบ้านก็คงอยู่ไม่ได้ ถือว่านำความ
>อัปมงคลมาสู่ครัวเรือน ท่านให้แก้เคล็ดด้วยการ จุดธูปเทียน ดอกไม้บอกเล่าและเชิญให้
>ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้
> สัตว์ป่าที่เข้าบ้านนี้ ตามคำโบราณยังถือรายละเอียดอีกมากมายเกี่ยวกับว่า มา
>ทิศใดจะนำอะไรมาให้ ยกเว้น หากเป็นทางทิศตะวันตกและทิศเหนือจะได้รับโชคลาภ แต่ก็
>นั่นแหละตอนที่สัตว์ป่าเหล่านี้คลานมาคงไม่มีใครรู้ มาทางใดมารู้อีกทีก็อยู่ในบ้านเสียแล้ว
>ดังนั้นทางที่ดีก็อย่ามาเลยดีก่าเนอะ
>
>
>
>
>
>ห้ามเผาศพวันศุกร์
> คนโบราณถือว่า "เผาศพในวันศุกร์ให้ทุกข์กับคนเป็น" และโดยปกติทั่วไปจะ
>สังเกตว่า ไม่มีผู้ใดเผาศพในวันศุกร์ให้เห็นเลย เพราะเชื่อกันว่า วันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ
>วันแห่งความร่มเย็นเป็นสุข เหมาะที่จะมีงานมงคลมากกว่างานเผาศพน๊ะ
>
>
>
>
>หวีหัก โชคไม่ดี
> คนโบราณเชื่อกันว่า ในขณะที่กำลังสางหรือหวีผมนั้น ไม่ว่าจะใช้หวีไม้หรือหวี
>พลาสติกก็ตามแต่ แล้วหวีเกิดหักคาผมในขณะที่ยังหวีอยู่นั้น ท่านให้เชื่อได้เลยว่า จะเกิด
>เรื่องไม่ตีตามมาอย่างแน่นอน เป็นต้นว่า อาจมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น สูญเสียของรัก
>หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจให้หงุดหงิดได้
> การแก้เคล็ดด้วยการนำหวีนั้นทิ้งไปเลย ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่
>และจุดธูปบอกเล่าให้สิ่งร้ายกลายเป็นดีเรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบาเสีย
> แต่ความเชื่อของคนโบราณเรื่องหวีหักนี้ อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่รุนแรงนักก็ได้
>แล้วแต่โชคชะตาและดวงในตอนนั้นด้วย
>
>
>
>
>
>มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ
> ในยามวิกาลเสียงเงียบสงัด เมื่อใดได้กลิ่นธูปลอยมา โดยที่ไม่มีใครจุดธูปใน
>บริเวณนั้นๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา
>จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ท่านให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1
>ดอก ลอกเล่าให้ไปที่สงบๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลยบางคนอาจ
>ขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย
> แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณ
>พเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกันบอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ
>และนิยมใส่บาตรแผ่ส่วนกุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย
>
>
>
>
>ผึ้งทำรังในบ้าน มีโชค
> โดยธรรมชาติแล้ว ผึ้งมักนิยมทำรังตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาแน่น และอยู่ในที่
>สงบไม่พลุกพล่าน แต่เมื่อใดที่ผึ้งมาทำรังในบ้านจะเป็นชายคาบ้าน ใต้หลังคาบ้าน บางบ้าน
>มีผึ้งมาทำรังถึงห้องน้ำก็มี
> ท่านว่าไว้ว่า อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาด จะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับครอบ
>ครัวเรือนนั้น เพราะผึ้งเป็นสัตว์นำโชค ให้ปล่อยผึ้งทำรังต่อไป เชื่อกันว่า ยิ่งรังใหญ่มาก
>เท่าใด ก็จะมีโชคลาภมากขึ้นเท่านั้น และควรจุดธูปเทียนบูชา รวมทั้งดอกไม้ เพื่อความเป็น
>สิริมงคลด้วย
>
>
>
>
>
>ดูดวงจากต้นว่าน
> คนที่ทำอาชีพค้าขาย หรือนักธุรกิจติดต่อกับผู้คน เพื่อการค้าต่างๆ คนโบราณ
>โดยเฉพาะในสมัยก่อน นิยมปลูกต้นว่านต่างๆชนิดแล้วแต่ และดูดวงชะตาตัวเองจากการ
>เจริญเติบโตของต้นว่าน นั้นๆว่า เติบโตงอกงามขึ้นหรือไม่ ชีวิตกำลังรุ่งเรืองและยิ่งต้น
>ว่านนั้นออกดอกออกผล ก็จะยิ่งทำให้ดวงชะตาพุ่งสูงมาก ท่านรีบจุดธูปขอพรให้ดวง
>ชะตาคงอยู่เช่นนั้น แต่หากต้นว่านที่ปลูก อยู่ๆเกิดหักงอ หรือเหี่ยวแห้งลงทุกวันๆ หรือ
>ปลูกมานานแล้วก็ไม่เกิดดอกออกผลเสียที ท่านให้เชื่อว่า ดวงกำลังตก การค้าขายก็กำลังแย่
>ให้รีบทำบุญทำทาน หรือหาทางแก้ไขปรับปรุงการค้า หรือธุรกิจนั้นเสีย พร้อมกับบำรุงดูแล
>ต้นว่านนั้นด้วย
>
>
>
>
>เลือกก้าวเท้าก่อนออกจากบ้าน
> ก่อนออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุรกิจหรือพบปะผู้คน โบราณท่านว่าไว้ ให้ดูฤกษ์ยาม
>ก่อนออกจากบ้านเสียก่อน เพราะนอกจากเวลาเที่ยงแล้ว ควรดูด้วยว่าจะไปทำการใดจึงจะมี
>ความสำเร็จได้ เช่น
>
>
>
>
>
>มือชนกันขณะกินข้าว จะมีแขกมาเยือน
> ในสมัยโบราณ ไม่มีการติดต่อสื่อสารที่สะดวกเหมือนปัจจุบันการโทรศัพท์ก็ยังไม่
>มีใครรู้จักนัก เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดหมายกับใครรู้จักนัก เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดหมายกับใคร
>สักคนก็เป็นไปได้ยาก จะต้องพบกันแล้วนัดหมายในครั้งต่ไปกันเลย
> แต่คนโบราณใช้วิธีการสังเกตความเป็นไปได้ว่า ในขณะที่นั่งล้อมวงรับประทาน
>อาหารกันนั้น หากมี 2 คนในวงเอื้อมมือไปหยิบอาหารพร้อมกัน และชนกันที่กลางสำรับอาหาร
>เชื่อว่าจะต้องมีแขกมาเยือนกันถึงเรือนชานอย่างแน่นอน ไม่วันนี้ก็เป็นพรุ่งนี้ ก็จะมีการเตรียม
>ข้าวปลาอาหารรอต้อนรับ และก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป ขอบคุนมากมายคราบ ขอบคุณครับ เรื่องตาเขม่นนิ เชื่อ 100%
หน้า:
[1]