“My life cycle” วัฏจักรชีวิตของผม... บทที่ 4 "โดดเรียน"
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย INPUT เมื่อ 2019-1-2 19:47บทที่ 4 “โดดเรียน”
[วันพุธที่ 6 มี.ค. 2555]
หลังจากวันนั้นตอนกลางคืนช่วงกินข้าวแม่เรียกผมมาสอนและให้เหตุผลผมก็เข้าใจแล้วทุกอย่างก็ปกติดีครับ เอาหละวันนี้ก็เป็นอีกวันที่แสนจะน่าเบื่อ
[โรงอาหารใหม่ เวลา 12.00 น.]
“วันนี้ใครจะเข้าเรียนบ้างว่ะ”บาสถามทุกคนขณะนั่งข้าว
“กูนี่ไง” ผมตอบ พร้อมกับกิ๊ฟ เล็กและเพื่อนส่วนใหญ่อีกหลาย ๆ คน
“โอ้ยโดดบ้างก็ได้มั้งช่วงเปิดเทอมไปไม่กี่สัปดาห์เอง” ตันพูด
“เออใช่อีกอย่างหนังสือเราก็ยังไม่ได้ด้วยนะ” บาสบ่น วันนี้พวกผมเรียนวิชาภาษาอังกฤษกันครับเป็นวิชาที่หน้าเบื่อมาก ๆ อีกวิชาหนึ่ง
“พวกมึงหัดขยันเหมือนพวกกลุ่ม 2บ้างได้ไหมเนี่ย เรียนสนุกลุกนั่งสบายกันจริงๆนะพวกมึงอะ” กิ๊ฟบ่น
“ช่างพวกมันดิ แต่ที่แน่ๆวันนี้กูโดดใครไม่โดดไม่เป็นไร” ตันพูด บาสก็เหมือนจะยินดีด้วย
“เอาไว้ขาดตอนหลังดีกว่ามั้งเผื่อเขาเช็คชื่อขึ้นมาจะขาดเอานะ” ผมเตือนตันอันที่จริงที่พวกมันกล้าโดดก็เป็นเพราะใบเช็คชื่อยังไม่พร้อมด้วยครับเห็นอาจารย์เขาบอกว่างานทะเบียนยังวุ่นๆเรื่องนักเรียนที่ย้ายออกด้วยอะไรต่อมิอะไรด้วยเลยออกใบรายชื่อไม่ทันพวกอาจารย์เขาจึงไม่ได้เช็คชื่อมาสักระยะแล้วครับตั้งแต่เปิดเทอม
“เออน่าถ้ามีเช็คชื่อก็บอกตันด้วยแล้วกันนะอินที่รัก” ตันพูดแล้วก็ยิ้มให้ผมพร้อมกับลุกเอาจานข้าวไปเก็บแล้วก็เดินจากไปกับบาสผมได้แต่ถอนหายใจนึกในใจทำไมตันไม่ค่อยสนใจเรียนเลย ผมเองในใจก็ยังชอบตันอยู่เป็นห่วงตันด้วย ถึงช่วงนี้ผมจะมีเพื่อนใหม่ที่แสนดีอย่างกรก็เถอะ
ช่วงบ่ายมานี้พวกผมก็เข้าเรียนปกติวันนี้เข้ามาถึงอาจารย์นาผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ อายุปาเข้าไป 50 กว่า ๆ แล้วครับแกเข้ามาพร้อมกับหนังสือเรียน แกวางไว้บนโต๊ะแล้วให้พวกผมมาหยิบขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปหยิบหนังสือ แกก็เดินออกไปเอาใบเช็คชื่อพร้อมกับบอกว่าวันนี้มีเช็คชื่อนะใครไม่มีก็ซวยไปผมได้ยินก็ไม่รู้จะทำไงดีนึกถึงตันเลย ถึงโทรไปตอนนี้ตันจะกลับมาไหมนะเอาเถอะยังไงก็ขอทำตามหัวใจ คิดได้ดังนั้นผมจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดส่ง SMSให้ตันประมาณว่า “วันนี้มีเช็คชื่อนะ” ผมก็รอตันส่ง SMS กลับว่าเขาจะส่งมาว่าอะไร แต่ก็เงียบหายไปเลย คาดว่าคงไม่มาแล้วละผมจึงเซงไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันผมหยิบหนังสือเรียนแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องเรียนไปเลย ผมเดินมาถึงหน้าเทคนิครถเมลล์คันเขียวก็มาถึงพอดีตอนนั้นผมก็ลังเลนะ คือปกติผมไม่โดดเรียนอะครับแต่มันก็เป็นความคิดเพียงแค่เสียววินาทีเอง ผมไม่สนอะไรละเดินขึ้นรถเมลล์ไปเลยขณะที่รถกำลังจะออกได้ยินเสียงกรตะโกนมาว่ารอด้วย ผมจึงชะโงกไปดูเป็นกรจริง ๆผมจึงรีบกดกริ่งให้รถจอด กรก็วิ่งขึ้นมานั่งกับผม
“อ่าว มึงโดดกับเขาด้วยหรอ” ผมถาม
“เออ นี่ก็ขี้เกียจเรียนเหมือนกันอะ”กรตอบแบบเหนื่อย ๆ เพราะมันรีบวิ่งมาขึ้นรถ
“แล้วทำไมอินถึงโดดละวันนี้”
“นี่เบื่อๆอะตันมันโดดเรียนนี่ก็เลยไม่อยากเรียน”
“บ้าปะเนี่ย 555+”
“เออ กูบ้า” ผมตอบแบบอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
“โถ่ ล้อเล่น ๆ วันนี้ไปดูหนังกันหนังลดนะ”
“โอ้ยไม่ดูจะกลับบ้าน”
“ดูเถอะเดี่ยวนี่เลี้ยงโอเคปะวันพุธหนังลดนะไปดูแค่ฟอรั่มเอง”
“เออออออออออออ เลี้ยงแน่นะ”
“เลี้ยงแน่นอนพูดแล้วไม่คืนคำ”
“โอเคตามนั้น”
สักพักผมกับกรก็หลับไปบนรถจนมาถึงในฟอรั่มผมกับกรก็เดินขึ้นไปชั้นโรงหนัง กรเดินไปดูรอบหนังเรื่อง “สโนว์ไวท์กับพรานป่า”รอบ 15.00 น. อีก 15 นาทีหนังจะเข้าแล้วครับ
“ดูเรื่องนี้นะ” กรพูด
“เออดูได้หมดแหละ”
“โอเค งั้นเดินไปซื้อตั๋วกันอินรอนี่ก็ได้เดี่ยวนี่ไปซื้อเอง”
“เฮ่ยเอาเงินไป” ผมจะเอาเงินให้กร
“ไม่เอา ๆ บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง”
“เฮ่ย กูเกรงใจจริง ๆ”
“งั้นอินก็เก็บเอาไว้เลี้ยงนี่คราวหน้าดีไหม”
“โอเค” พูดจบมันก็เดินไปซื้อตั๋วแล้วเราก็เดินเข้าโรงหนังกัน
เข้าไปในโรงหนังไม่มีคนเลยครับเงียบมากคงเป็นเพราะผมกับกรรีบเข้าด้วยมั้งครับคนเลยยังไม่มาที่นั่งของผมกับกรอยู่ตรงกลางแต่อยู่แถวบนสุดครับ
“ทำไมเงียบจังว่ะ” ผมถาม
“ไม่รู้เหมือนกันแต่ตอนซื้อตั๋วก็มีคนซื้อไว้ก่อนนี่ตั้ง 2 – 3 ที่นั่งเลยนะ เด่ยวก็มีคนมาแหละ”
เรานั่งดูโฆษณากันไปจนถึงช่วงเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นคนก็ยังไม่มี เพลงจบผมจึงถามกรอีกรอบ
“เฮ่ยมึง โรงนี้เราเหมาหรอว่ะ 555+”
“เออน่าจะใช่ พี่ครับอยู่ใครอยู่ไหมครับ”กรตอบผมพร้อมกับยื่นตัวออกไปถามคนข้างหน้าโรงหนังอย่างกวน ๆคือคนไม่มีมึงก็ยังจะเล่นอีกนะไอ่นี่
“เบาแอร์หน่อยครับหนาว” กรสั่ง 5555+พอไม่มีคนแม่งก็วางอำนาจเล่นใหญ่เลยครับคือใครที่รู้จักฟอรั่มก็คงจะรู้ดีอะครับว่ารอบหนังบางรอบก็ไม่มีคนครับคือเขาไปดูที่เซ็นทรัลกันเสียส่วนใหญ่
นั่งดูหนังกันไปบางช่วงกรก็พูดติดตลกเสียงดังๆ ในโรงหนังบางทีก็บ่นหนาวแล้วก็ตะโกนขอผ้าห่ม 555+ ผมก็ขำดีครับขำกรนะไม่ใช่หนังคือหนังไม่สนุกเลยครับบอกตรง ๆ 555+
หนังจบเราก็เดินออกกันมาเราเดินวิจารณ์หนังกันไปจนออกจากฟอรั่ม ข้างทางก็ไปเจอรถเข็นขายขนมจีบซาลาเปาจึงเดินเข้าไปซื้อมากินเพราะหิวมาก
“อินรู้เปล่าว่าบ้านของแม่นี่อยู่ตรงไหน”
“ไม่รู้เดี่ยวก่อนนะพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ”
“ใช่ ๆ พ่อแม่นี่แยกทางกันตั้งแต่นี่เด็กๆ แล้วละ” กรพูดไปยิ้มไปบางทีก็รู้ว่าเขาร่าเริงเกินอะครับไม่รู้ว่าแม่งบ้าหรือเปล่า
“น่าสงสารจัง แล้วทุกวันนี้อยู่กับใคร”
“นี่อยู่กับพ่อส่วนพี่ชายอีกสองคนอยู่กับแม่หนะ”
“อ๋อ แล้วไปหาแม่มั้งปะ”
“ไปประจำแหละช่วงหยุดวันเสาร์ วันอาทิตย์นี่ไง ๆ ซอยเข้าบ้านของแม่นี่อยู่ที่นี่แหละ”กรตอบพร้อมกับชี้ไปที่ซอยบ้านแม่มันที่อยู่ตรงข้ามกับที่ผมเดินอยู่ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่ากรโอคไหมที่เรามาคุยเรื่องนี้กัน แต่ดูสีหน้ากรก็ปกติดีแต่ไม่คุยเรื่องนี้ดีกว่าเปลี่ยนเรื่อง ๆ
“ขนมจีบอร่อยปะ”
“อร่อย ทำไมอะ ของอินไม่อร่อยหรอ”
“อร่อยดิ”
“อร่อยจริงเปล่า ไหนมาชิมดิ๊” กรพูด
“ไม่เอา”
“โถ่ มาแลกกัน”กรพูดพร้อมกับเอาขนมจีบยื่นจ่อปากผม ส่วนผมก็เช่นกันผมยื่นขนมจีบ 1ลูกจ่อที่ปากของกร
“มาแลกกันกิน” กรพูดจากนั้นเราก็ป้อนให้กันคนละ 1 ลูก
“วันนี้รีบกลับปะ” กรถาม
“รีบ ทำไมว่ะ”
“เปล่าแค่จะชวนไปนั่งคุยแถว ๆวิคตอเรียไง”
“ไว้คราวหน้าแล้วกัน”
“คราวนี้ไม่ได้หรอ แหมแค่แปบเดียวนี่ขอ30 นาที โอเคปะ” มึงนี่ชอบตื๊อจริง
“เอออออออออออออ” ผมตอบส่ง ๆ ไป
จากนั้นเราก็เดินไปที่ห้างวิคตอเรียกรพาผมเดินลงไปชั้นโรงจอดรถใต้ดิน แล้วเราก็ยืนคุยกันแถว ๆ นั้น เรายืนคุยเรื่องทั่วไปแบบไม่มีสาระเลยครับ
“ปกติอยู่บ้านตื่นกี่โมง” กรถาม
“6 โมง กูก็ตื่นละ เพราะต้องมาใส่บาตร”
“ตื่นเช้าว่ะ”อ่าว...แล้วมึงจะให้กูตื่นกี่โมงละ
“แล้วมึงอะ”
“นี่ก็ตื่นเช้าอยู่นะ 10 โมง 11 โมง อะ”เช้าบ้านมึงสิ...แถวบ้านกูเรียกสายละ
“อืม...ไม่ต้องทำมาหาแดกแล้วละมึงอะ”ผมพูดติดตลกกรก็ขำ
“แล้วอินชอบดูหนังแนวไหน”
“ก็พวกหนังจีนอะ มังกรหยกกระบี่เย้ยยุทธจักร อะไรประมาณนั้นอะ”
“อ๋อ” กูรู้ว่ามึงทำท่า อ๋อไปอย่างนั้นแหละ
“มึงอะ” ผมถามเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับมันเฮ้อ...นี่มึงเรียกกูมาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้อะนะเพื่อนกู
“นี่ชอบดูหนังแบบฆาตรกรรมอะแบบฆ่ากันเลืดสาด พวกหนังผี นี่ดูได้หมดอะ”
“ไอ่นี่เริ่มบ้าละ มึงบ้าปะเนี่ย”
“จริง ๆนี่เห็นเลือดทีไรขำตลอดไม่รู้เป็นอะไร” ก็มึงเป็นบ้าไง
“เออนั่นแหละบ้าละมึงอะเดี่ยวปิดเทอมกูพาไปบำบัด” ถ้าไปจริงกูขอค่าเดินทางด้วยนะ...
“5555+ จริง ๆ นะเนี่ย 5555+”
“ขำอีก...” มึงนี่บ้าจริงๆ
“เออ แล้วตอนนี้อินเป็นไงมั้ง”กรถามทำหน้าจริงจัง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีกยิ่งบ้า ๆ อยู่
“เป็นไงมั้ง?หมายถึงเรื่องอะไรไม่เข้าใจ”
“เรื่องตันไงหมายถึงตอนนี้อินยังคงรู้สึกเหมือนเดิมปะ...กับตันอะ”
“ก็...เหมือนเดิมแหละมึงแต่บางเวลาก็ลืมได้เพราะได้อยู่กับเพื่อน แต่พออยู่บ้านก็มีบางเวลาที่เพ้อ ๆ”
“อืม...”
“ถามทำไมอะ”
“ก็เปล่าหรอกเห็นช่วงนี้อินไม่ค่อยพูดถึงตันไงนี่เลยคิดว่าอินลืมตันไปหมดแล้ว”
“ยังไม่ลืมหรอก กูจมปัก”
“อิน”
“ว่า”
“อินไม่คิดจะมีใครใหม่บ้างหรอ”มาถึงตอนนี้กรพูดก้มหน้าไม่สบตาผม
“ไม่อะอยู่แบบนี้แหละวันนึงตันอาจจะเห็นค่าของกูก็ได้ กูยังรอมันอยู่เสมอแหละ”
“อ๋อ โอเค”
เงียบกันไปครู่หนึ่ง
“กลับกันเถอะ นี่ก็จะ 1 ทุ่มละ” ผมพูด
“โอเคๆเดี่ยวนี่เดินไปส่ง”
กรเดินไปส่งผมที่คิวรถสองแถวเหมือนทุกวันแล้วผมก็กลับบ้าน กรก็หันหลังแล้วเดินกลับเดินตัวเองเหมือนกัน......ช่วงที่กรเข้ามาทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้เพื่อนใหม่และเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผม มันเหมือนได้เพื่อนสนิทเพื่อนรู้ใจที่เราสามารถคุยกันได้ทุกๆ เรื่อง
แค่นี้ก่อนนะครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ดอกม่วง เมื่อ 2019-1-2 07:10
ถามจริงถ้าวันหนึ่ง ตันทำให้เสียใจมากๆ ถึงมากที่สุด จนไม่สามารถกลับไปรักตันได้อีกแล้ว อินจะขยับสถานะกรกรจากเพื่อน/เพื่อนสนิท เป็นสถานะอื่นป่ะ ถ้าอินยังคงยืนยันจะคงสถานะเดิมของกรไว้ อินก็ควรชัดเจนหรือบอกกับกรไปตรงๆเลย ทำไมกรไม่บอกไปเลยล่ะ สงสัยกลัวเสียเพื่อน ดอกม่วง ตอบกลับเมื่อ 2019-1-2 07:07
ถามจริงถ้าวันหนึ่ง ตันทำให้เสียใจมากๆ ถึงมากที่สุด...
ให้เวลาเป็นตัวชี้นำครับ สปอยเดี๋ยวไม่สนุกครับ 555+ ton_gori ตอบกลับเมื่อ 2019-1-2 17:44
ทำไมกรไม่บอกไปเลยล่ะ สงสัยกลัวเสียเพื่อน
รออ่านตอนต่อ ๆ ไปนะครับ ขอบคุณครับ อยากให้อินใจอ่อนกับกรจัง กำ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]