Kinky Opera >>Season One1<< Episode 13: Good Bye! – End of Season (Rising of SM) [COPY]
Season One1 : Episode 13: Good Bye! – End of SeasonKinky Opera
>>Season One1<<
....ความดำมืดในใจก่อกำเนิด จิตเตลิดเกินห้ามปราบปรามไหว
ก่อกำหนัดพลาดพลั้งไปเมื่อใด ความจัญไรอาจย้อนจรสู่ตัว....
Episode 13: Good Bye! – End of Season
“แป๊น! แป๊นนน!!............”
.
.
“บรื้นๆๆ.........ปี๊นนนนนน........”
.
.
ทั้งเสียงแตรรถยนต์และแตรรถมอร์เตอร์ไซต์ดังก้องอยู่ในหูของต่อตลอดเวลา ทำให้ต่อรำคาญมากๆ.........
ต่อรู้สึกตัวเบาๆ เหมือนตัวเองจะบินได้ แต่ก็รู้สึกมึนงงอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ต่อรู้สึกง่วงมากๆ ....หมดแรง......ต่อนึกไม่ออกว่ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ที่นี่คือที่ไหน พื้นถนนกำลังเอียงอยู่...........เปล่า!! ตัวเราต่างหากที่นอนอยู่!!!
“น้องคะ! น้องคะ!.......น้องเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เขาคือใคร? ผู้หญิงคนนี้ใส่ชุดนักเรียนที่ดูคุ้นเคยดี! โดยเฉพาะทรงผมเปีย 2 ข้างที่ดูเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนนี้ ไม่สิ! มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น.......เรื่องอะไรน้า?.........ทำไมถึงนึกไม่ออก.....
.
.
.
.......................................................................................................................................
เอกกำลังเดินอยู่ในห้างแถวสยาม เพื่อมาพบปะกับเพื่อนฝูงที่หลังจากจบการศึกษากันแล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เพิ่งมีโอกาสได้นัดทานข้าวกันก็วันนี้นี่เอง
“เธอจะมีใจรึเปล่า......เธอจะมองมาที่ฉันรึเปล่า......ที่เราเป็นอยู่นั้น....คืออะไร.....”
เสียงมือถือของเอกดังขึ้น! ในขณะที่เอกและกลุ่มเพื่อนกำลังจะเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นในห้าง
เอกหยิบมือถือขึ้นมาดูสายเรียกเข้าก็แอบดีใจเล็กน้อยที่เบอร์นั้นเป็นของต่อนั่นเอง! เอกรีบกดรับทันที
“ว่าไงครับ ทำข้อสอบได้มั้ยวันนี้?”
“ฮัลโหลๆ ได้ยินมั้ยคะ...”
เสียงจากปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหูเอกเลย เอกมองที่หน้าจอโทรศัพท์อีกที เบอร์ก็ไม่ผิดนี่นา....
“ขอโทษค่ะ ฟังหนูก่อนนะคะ คือน้องคนนี้เค้าเป็นลมน่ะค่ะ” เอกตั้งใจฟังเพราะมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีสิ่งผิดปรกติ
“พอดีเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่น้องเค้าโทรออกล่าสุดน่ะค่ะ คุณพอจะมาที่นี่หรือติดต่อผู้ปกครองให้ได้มั้ยคะ?”
“เดี๋ยวผมไปเด๋ยวนี้เลยครับ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนครับ?” เอกถามด้วยความตกใจ
“หนูอยู่ข้างๆ น้องเค้าน่ะค่ะ ที่หน้าโรงเรียน XXX ค่ะ น้องเค้าพูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
“งั้นผมรบกวนคุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนน้องเค้าก่อนนะครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!!”
ว่าแล้วเอกก็วางหูโทรศัพท์แล้วหันไปบอกกับเพื่อนๆ ว่าติดธุระด่วนมาก และขอตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆ ของเอกต่างงงเป็นอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้น?
..........................................................................................................................
เอกวิ่งออกมาจากห้างอย่างรวดเร็ว รถบนถนนติดอย่างหนักเนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ต้นเดือนด้วย
........ทำไงดีวะ .....ทำไงดีวะ....ใช่แล้ว! ..มอร์เตอร์ไซค์.......
เอกคิดในใจ พลางมองหามอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง เมื่อเอกโบกได้ 1 คันจึงรีบกระโดดขึ้นทันที!!
“โรงเรียน XXX ครับ! เหยียบมิดเลยนะครับ!” เอกบอกจุดหมาย
“ได้เลยเพ่...” แล้วมอไซค์ก็บิดเร่งความเร็วออกไปได้ทันใจ
.....................................................................................................................................
เอกมาถึงหน้าโรงเรียนของต่อได้ในเวลาไม่นาน เอกจ่ายเงินมอไซค์ไปเกินจำนวนแบบไม่ต้องทอน เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญคือเอกอยากจะรู้ว่าต่อเป็นอย่างไรบ้าง?
เอกมองหาอยู่ซักครู่ก็เห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งประคองหัวของต่ออยู่บนตัก และมีคนมุงอยู่อีกประมาณสามคน เอกรีบวิ่งไปที่คนกลุ่มนั้นทันที!!
“ต่อ!ๆ เกิดอะไรขึ้นครับน้อง?” เอกถามด้วยความเป็นกังวลขณะนั่งลงข้างๆ
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เห็นน้องเค้านอนสะลึมสะลืออยู่ตรงนี้อ่ะค่ะ”
“พี่ช่วยดูน้องเค้าแทนหน่อยนะคะ เดี๋ยวหนูโทรเรียกรถพยาบาลให้...”
“ได้ครับๆ” แล้วเอกก็ประคองตัวของต่อมาไว้ที่ตัวเอง มีคนใจดีคนหนึ่งยื่นกระดาษมาให้เอกใช้เป็นพัด
เอกพัดให้ลมโดนหน้าของต่อ จะได้รู้สึกดีขึ้น....
“ฮัลโหล ค่ะ ช่วยส่งรถพยาบาลมาหน่อยได้มั้ยคะ ที่หน้าโรงเรียน XXX ค่ะ”
“ค่ะ...มีเด็กผู้ชายคนนึงนอนเป็นลมอยู่ค่ะ ยังไม่ได้สติเลยค่ะ”
“ค่ะๆ เร็วๆนะคะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นวางสายไปแล้วหันมาดูด้วยความเป็นห่วง
“ต่อ! ต่อ! ได้ยินพี่หรือเปล่า?” เอกเรียกต่อให้ได้สติ พลางตบที่แก้มของต่อเบาๆ
“โธ่โว้ย!....เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เอกสบถเบาๆ
“พี่......เอก.......” ดูเหมือนต่อเริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว
“โอกกกก อ้วววก” ต่ออาเจียรเลอะเต็มเสื้อของเอก
“ต่อ! ต่อ! ทำใจดีๆ ไว้”
เอกทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้ ได้แต่ลูบหลังของต่อแล้วกอดต่อไว้ในอ้อมแขน
เอกได้ยินเสียงรถพยาบาลใกล้เข้ามาทุกทีๆ
.......ต่ออย่าเป็นอะไรนะ.........
เอกคิดในใจ
......................................................................................................................................
5 ชั่วโมงก่อนหน้านี้....
“เฮ้อ.....สอบเสร็จซะทีว่ะ” เจมส์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เฮ้ยไอ้โย....เมิงเครียดไปป่าววะ?” เม้งเห็นโยเดินออกมาสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ป่าว.....”
จริงๆ แล้วโยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องสอบเลยซักนิด เป็นเรื่องภาพของต่อที่มาร์คเก็บไว้ต่างหากที่รบกวนจิตใจของโยมาตลอด แต่ดีที่ไม่ถึงกับรบกวนจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
“แล้วมึงทำได้มั้ยวะไอ้ต่อ?” เม้งถามต่อบ้าง
“ก็ดีขึ้นว่ะ.....แต่กูก็ยังกังวลอยู่ดี” ต่อบอกเม้ง
“เอาน่า.....ถึงไม่ได้ 4 ได้ 3ก็ยังดีวะ” เจมส์ปลอบใจเรื่องเกรด
“แล้วปิดเทอมพวกมึงจะทำไรมั่งวะ” เจมส์ถามเพื่อนๆ
“ไม่รู้ดิ เด๋วกูอาจจะโทรนัดพวกเมิงออกมาเที่ยวนะ ไอ้โยก็ว่างแล้วนิ” เม้งบอก
“เออๆ วันนี้มึงไปชดใช้กรรมวันสุดท้ายแล้วนี่หว่า” ต่อเสริมขึ้นมาทันที
“อืมมมม” แต่โยยังคงตอบแบบเซ็งๆ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ได้สังเกตอะไร เพราะคิดว่าโยคงอ่านหนังสือดึกและอยากกลับไปพักผ่อนเต็มที
..................................................................................................................................
ต่อแยกย้ายกับเพื่อนๆ ตอนบ่าย 3 โมง แล้วเดินออกจากซอยเพียงคนเดียว ต่อเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลงจากไอโฟนประจำตัวอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รู้ว่ามีรถตู้ติดฟิล์มสีดำขับตามหลังช้าๆ มาอย่างเงียบๆ
ในขณะที่ต่อเดินหลบป้ายหาเสียง จนต้องเบี่ยงออกมาชิดขอบถนน รถตู้คันนั้นก็รีบขับมาเทียบทันที!!
“ครืด....” เสียงประตูรถตู้เปิดออก
มีแขนสองข้างโผล่มาจากด้านหลังมาล็อกตัวของต่อไว้ แล้วลากขึ้นไปบนรถตู้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ไม่ถึง 5 วินาที ต่อตั้งตัวไม่ติดเมื่อมีมืออีกมือหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้า 1ผืน แล้วเอื้อมมาปิดที่จมูกและปากของต่อทันที!!
“อุ๊ฟ อ้วยอ้วย!!” (ช่วยด้วย!!) ต่อทั้งดิ้นทั้งถีบ แต่คนร่างใหญ่ใส่ชุดดำปิดหน้าปิดตา 3 คน ก็มาช่วยกันจับต่อเอาไว้ โดยที่อีกคนยังกดผ้าเช็ดหน้าที่จมูกของต่อไว้แน่น ตอนนี้สติของต่อเริ่มเลือนลางลงทุกที....ทุกที.......
.
.
.
........................................................................................................................................................
........วิ้ง.....วิ้ง......วิ้ง..........
ต่อลืมตาขึ้นในที่แห่งหนึ่งด้วยความมึนงง ต่อกำลังนอนอยู่บนอะไรซักอย่างที่นุ่ม ข้างบนหัวของต่อมีหลอดไฟสาดส่องลงมาราวกับผู้ร้ายในหนังที่กำลังโดนตำรวจสอบสวนอยู่
ต่อเริ่มสำรวจร่างกายของตัวเองพบว่ายังคงอยู่ในชุดนักเรียน กระเป๋าอยู่ไหนก็ไม่รู้ ต่อรู้สึกตึงๆ ที่ปาก แท้จริงแล้วต่อโดนผ้ามัดปิดปากไว้นี่เอง! แถมยังขยับแขนและขาไม่ได้ด้วยเพราะโดนมัดไว้กับเก้าอี้เช่นกัน!!
ต่อพยายามปรับสายตาของตัวเองแล้วเพ่งมองออกไปในความมืด ต่อเห็นกลุ่มคนประมาณ 9 คน นั่งเรียงรายอยู่เป็นแถวหน้ากระดาน ทั้งหมดอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าแต่สวมหน้ากากคาดตาเอาไว้ แต่เมื่อดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นคนสูงอายุ เพราะบางคนอ้วนพุงพลุ้ย บางคนก็ผิวหนังเริ่มเหี่ยวหย่อนยาน บางคนกำลังชงเหล้าและบางคนก็สูบซิการ์อยู่ มีเสียงคนเหล่านั้นคุยกันดึงพึมพำอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้มีผู้ชายใส่หน้ากากตัวตลกเดินมาอยู่ข้างๆต่อ แล้วก้มลงทำอะไรซักอย่างกับเก้าอี้ เก้าอี้ตัวนี้คล้ายกับเก้าอี้ของหมอฟัน พอผู้ชายคนนั้นกดปุ่ม พนักเก้าอี้ก็เอนไปด้านหลังทันที ทำให้ต่อต้องเอนไปข้างหลังเช่นกันจนเกือบจะเป็นนอนราบ
“ฮื่อ ฮื่อๆๆ”
ต่อดิ้นรนอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ผู้ชายที่ใส่หน้ากากตัวตลกหยิบขวดสีชาเล็กๆ มาไว้ในมือ เปิดจุกออก แล้วยื่นมาจ่อที่จมูกของต่อ
ต่อสูดหายใจเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ ทันทีที่สูดเข้าไปร่างกายของต่อก็ร้อนผ่าวไปทีละส่วน เริ่มตั้งแต่ใบหน้า หน้าอก และลามไปถึงส่วนล่าง ไม่เพียงแต่ความรู้สึกร้อนผ่าวเท่านั้น ยังรวมถึงความรู้สึก “เงี่ยน” อีกด้วย
“เอาล่ะครับ บัดนี้ได้เวลาสำหรับผู้มีเกียรติทุกท่านแล้วครับ”
ชายที่สวมหน้ากากก้าวขึ้นบนโพเดียมแล้วทำหน้าที่เหมือนพิธีกร
“เราจะเริ่มการประมูล ณ บัดนี้ เริ่มที่ “การได้สูดกลิ่นกายของวัยรุ่นก่อนครับ”
“เริ่มที่ 1,000 บาท ครับ เพิ่มระดับการประมูลครั้งละ 1,000 บาท”
“เริ่มครับ!”
“2,000 บาท.....เบอร์ 2 ครับ”
“3,000 บาท....เบอร์ 6 ครับ”
ดูเหมือนแต่ละคนจะมีป้ายระบุหมายเลขประจำตัว และแต่ละคนจะยกป้ายของตัวเองขึ้นมาเมื่อต้องการประมูลที่จำนวนเท่านั้น ระดับการประมูลยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“9,000 บาท ที่เบอร์ 8 ครับ....มีใครสู้มั้ยครับ!”
“9,000 บาทครั้งที่ 1”
“9,000 บาทครั้งที่ 2”
“9,000 บาทครั้งที่ 3....ปิดการประมูลครับ!!” มีเสียงปรบมือขึ้นดังกึกก้อง
“เบอร์ 8 ครับ คุณมีเวลา 10 นาทีครับเชิญครับ”
ลุงแก่พุงพลุ้ยเบอร์ 8 รีบก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ลุงคนนั้นก้มหน้ามาซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอของต่ออย่างหื่นกระหาย! แถมยังใช้มือแกะกระดุมเสื้อนักเรียนแล้วแผ่ออก หลังจากนั้นจึงซุกหน้าลงไปเลียและสูดดมที่รักแร้ของต่ออย่างกระหายโดยไม่รังเกียจ ต่อรู้สึกจั๊กจี้แต่ก็ปนความรู้สึกเสียวไปด้วย ลุงคนนนั้นทั้งสูดทั้งเลียรักแร้ของต่อทั้ง 2 ข้างโดยไม่ให้เสียเวลาแม้แต่น้อย
“กริ๊งงงงง” เสียงสัญญาณดังขึ้น
“หมดเวลาครับ!” ชายหน้ากากตัวตลกพูดขึ้นมา
“เอาล่ะครับ ต่อไปจะเป็นการประมูลกางเกงในของหนุ่มน้อยคนนี้กันนะครับ”
“เจ้าหน้าที่แกะห่อเลยครับ!”
มีเจ้าหน้าที่อีก 2 คนเดินออกมาสมทบและถอดกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินของต่อลงมากองที่ข้อท้า
.......ยะ.....อย่า!!........
ต่อได้แต่คิดในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะถูกมัดแขนขาอยู่!! เจ้าหน้าที่ปลดโซ่ที่มัดขาเป็นการชั่วคราวเพื่อดึงกางเกงนักเรียนและกางเกงในออกมา แล้วก็กลับไปล็อกโซ่กับขาเก้าอี้ไว้ใหม่อีกครั้ง
“โอ้....สมกับเป็นนักเรียนจากโรงเรียนไฮโซครับ”
“กางเกงใน Calvin Klein ครับ”
มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง บางคนถึงกับทนไม่ไหวเริ่มใช้มือช่วยตัวเองไปซะแล้ว
.......บ้า!....นี่มันบ้ากันไปหมดแล้ว!!!.........
ต่อคิดในใจ
“เอาล่ะครับ เริ่มการประมูลที่ 5,000 บาท เพิ่มระดับการประมูลครั้งละ 5,000 บาท ครับ!!”
“10,000 บาท........ที่เบอร์ 5 ครับ”
การประมูลเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปจบที่ 80,000 บาท ลุงแก่ ท้วมๆ ผมหงอกเป็นคนได้ไป เมื่อลุงได้กางเกงในไปแล้วก็สูดดมราวกับเจอของวิเศษแล้วเริ่มช่วยตัวเองไปทันที! โดยไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย
ตอนนี้ต่อนอนเปลือยเปล่าอยู่หน้ากลุ่มคนเหล่านี้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเหมือนฝันร้าย แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นได้ซะที หรือว่านี่จะเป็นความจริง? ต่อไม่อยากจะนึกเลยว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น!
“เอาล่ะครับ ในที่สุดก็มาถึงช่วงสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย.....”
.
.
“การประมูลเพื่อเปิดบริสุทธิ์ข้างหน้าของหนุ่มน้อยคนนี้ครับ!!!”
คราวนี้ทุกคนในห้องไม่เพียงแค่ปรบมือเท่านั้น แต่ยังโห่ร้อง เป่าปาก ด้วยความถูกใจ ยกเว้นตาลุงที่ได้กางเกงในของต่อไป เพราะแกมีโลกส่วนตัวของแกไปซะแล้ว ตอนนี้ต่อรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเครื่องสังเวยสำหรับพิธีกรรมอุบาทว์
“การประมูลเริ่มต้นที่ 10,000 บาท เพิ่มระดับการประมูลครั้งละ 10,000 บาท ครับ!”
“20,000 บาท” (ทุกคนยกป้าย)
“30,000 บาท” (ทุกคนยกป้าย)
.
.
.
.
“90,000 บาท” (เหลือเบอร์ 1,3,4,9)
“100,000 บาท” (เหลือเบอร์ 1,3,9)
“เราจะขอยกระดับการประมูลขึ้นเป็นครั้งละ 50,000 บาท นะครับ”
“150,000 บาท”
“200,000 บาท”
“250,000 บาท” (เหลือเบอร์ 1 กับ 9)
“300,000 บาท”
“350,000 บาท ครับ เหลือแต่เบอร์ 1 แล้วครับ เบอร์ 9 สู้มั้ยครับ?”
“อ้า! เบอร์ 9 สู้ครับ 400,000 บาท....”
“600,000 บาทครับ!!!” เบอร์ 1 โพล่งออกมาทันที!
“สุดยอดครับ!! เบอร์ 1 ทุ่มที่ 600,000 บาทแล้วครับมีใครสู้มั้ยครับ?”
เบอร์ 9 กัดฟันกรอด......
“600,000 บาท ครั้งที่ 1”
“600,000 บาท ครั้งที่ 2”
“600,000 บาท ครั้งที่ 3”
“เบอร์ 1 คุณได้ไปเลยคร้าบบบ”
ลุงเบอร์ 1 ลุกขึ้นโค้งคำนับให้ทุกๆ คนที่ปรบมือ ส่งเสียงเชียร์เกรียวกราว!
แล้วก็เดินก้าวอาดๆ มาที่ข้างหน้าของต่อ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ 2 คนช่วยกันแหกขาของต่อและจับไว้คนละข้าง ลุงเบอร์ 1 นั่งคุกเข่าก้มตัวลงมาข้างหน้าใกล้ๆ กับควยของต่อพอดี ต่อรู้ทันทีว่าตนเองกำลังจะเจอกับอะไร!!!
“อื้อ อื้อ อื้อ.....”
ต่อร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล เพราะโดนมัดและโดนจับไว้อย่างแน่นหนา แถมยังโดนมัดปิดปากไว้อีกด้วย
ลุงเบอร์ 1 เอื้อมมือมาชักที่ควยของต่อ เจ้าหน้าที่อีกคนรู้หน้าที่ดีจึงหยิบขวดสีชาเล็กๆ มาเปิดแล้วให้ต่อดม กลิ่นของมันฉุนแบบแปลกๆ ต่อเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างกายอีกครั้ง และยังรู้สึกเงี่ยนเพิ่มเป็นทวีคูณ ตอนนี้ต่อรู้สึกตัวเบาหวิวและหมดเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน
หลังจากที่ควยของต่อแข็งเต็มที่แล้ว ลุงคนนั้นก็เริ่มถอกควยของต่อทันที!! ต่อเริ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายหนังหุ้มควย
“อื้อ!.....” ต่อร้องคราง
ลุงรู้สึกว่าตัวเองจะทำแรงเกินไปจึงหยุดมือก่อนแล้วกลับมาชักควยให้ต่อ ตอนนี้ลุงคนอื่นๆ จ้องกิจกรรมตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ แถมทุกคนยังชักควยของตัวเองไปด้วย
คราวนี้ลุงเบอร์ 1 ถอกควยของต่อเป็นครั้งที่ 2 หนังหุ้มปลายร่นลงมาเยอะกว่าเดิมมากจนเกือบพ้นแล้ว
“เอาล่ะครับ เอาใจช่วยน้องเค้าด้วยนะครับ”
คนที่ใส่หน้ากากยังคงส่งเสียงพากย์ตลอดเวลา
คราวนี้ลุงถอกควยของต่อลงมาเป็นครั้งที่ 3 ในที่สุดหัวควยของต่อก็หลุดพ้นออกมาจากหนังหุ้ม เผยให้เห็นหัวควยที่บานแดงก่ำและมีขี้เปียกติดอยู่รอบๆหัวเงี่ยง กลิ่นขี้เปียกเหม็นโชยออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลุงคนนั้นรู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย แถมลุงยังจ้องตาเป็นมัน ทุกคนในห้องต่างโห่ร้องด้วยความยินดี
“อื้อ....”
ต่อรู้สึกแสบที่ปลายหนังหุ้มมาก แต่ก็มีความรู้สึกใหม่เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกที่หนังหุ้มได้ถูกปลิ้นออกมาเรียบร้อยแล้ว และความรู้สึกที่หัวควยของตัวเองได้เป็นอิสระ และตอนนี้ต่อก็รู้สึกเงี่ยนมากๆ จนไม่สนแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นความจริงหรือความฝัน! ขอแค่ใครก็ได้ที่จะมาช่วยปลดปล่อยความเงี่ยนของต่อในตอนนี้ก็พอ
ลุงเบอร์ 1 ค่อยๆ ก้มลงแล้วค่อยๆ ใช้ลิ้นละเลียดลงที่ปลายควยของต่อ ที่น้ำเงี่ยนใสไหลเป็นทางอยู่ที่ปลายหัวควย แล้วค่อยๆ บรรจงครอบปากลงที่ควยของต่อ แล้วใช้ลิ้นกวาด กลืน กินขี้เปียกของต่อลงลำคอไปอย่างไม่รังเกียจ
ความรู้สึกอุ่นๆ จากปากของลุงแทรกผ่านทุกอณูของหัวควยและลำควย เนื่องจากหัวควยของต่อเพิ่งเปิด จึงทำให้ทุกครั้งที่ลุงกวาดลิ้นมาโดนที่หัวควย ต่อจึงเสียวมากๆ ขนาดดิ้นพล่านอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนคนชักกระตุกเลยทีเดียว!
ลุงเริ่มขยับหัวเข้าออก โดยปากยังคงดูดครอบควยของต่อไว้แน่น สลับกับใช้ลิ้นดุนที่หัวควยของต่อเป็นระยะๆ และต่อเองก็ชักกระตุกด้วยความเสียวเป็นระยะๆ เช่นกัน
ใช้เวลาเพียงไม่นานต่อก็ใกล้ถึงจุดสุดยอดเต็มที คราวนี้เสียวกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเพราะต่อโดนใช้ปากเป็นครั้งแรก
“อ่ะ อ่ะ อ่ะ.......” ต่อทั้งดิ้น ทั้งเสียวจนเกือบทนไม่ได้แล้ว ตอนนี้ต่อแหงนหน้าแล้วสูดอากาศให้มากที่สุดเพื่ออดทนต่อความเสียว สังเกตได้จากกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งเกร็ง และขยับขึ้นลงด้วยจังหวะที่เร็วจากการสูดหายใจถี่ๆ
“อ๊า..........ห์”
ต่อเกร็งฉีดน้ำรักเข้าปากของลุงเบอร์ 1 ไปเต็มๆ ลุงก็กลืนลงคอไปแถมยังเลียเก็บส่วนที่ไหลย้อยลงมาตามลำควยจนหมดทุกหยาดหยดราวกับเป็นน้ำอมฤทธิ์ที่จะชะลอความแก่ของแกได้
“แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆ”
ตอนนี้ต่อนอนหอบอยู่บนเก้าอี้ ลุงเบอร์ 1 ถอนปากของตัวเองออกไปเรียบร้อยแล้ว
ต่อรู้สึกเสียวแบบสุดยอดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆที่เสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ควยของต่อก็ยังคงแข็งอยู่อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงง่ายๆ
ลุงทุกคนเมื่อได้เห็นภาพเสียวกระสันขนาดนั้นก็ได้ช่วยตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้วรวมทั้งลุงเบอร์ 1 เองด้วย
“เอาล่ะครับ เรียบร้อยกันหมดทุกคนแล้วนะครับ”
“ขอขอบพระคุณทุกท่านมากครับ สำหรับค่ำคืนนี้.....ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ลุงทุกคนต่างเดินแยกย้ายออกไปจากห้องมืดแห่งนี้ ต่อถูกย้ายออกมาอีกห้องหนึ่งที่มีกระจกบานใหญ่รอบด้าน ชายใส่หน้ากากที่ทำหน้าที่พิธีกรถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงสแลค กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ ทางด้านหลังของต่อซึ่งต่อมองเห็นจากเงาสะท้อนในกระจก ชายใส่หน้ากากเอื้อมมือที่ถือผ้าเช็ดหน้ามาปิดที่จมูกของต่อ
ต่อดิ้นขัดขืนแต่ก็สูดกลิ่นบางอย่างจากผ้าเช็ดหน้าเข้าไป ก่อนที่จะสลบต่อเพ่งมองที่คนร้ายจากเงาสะท้อนในกระจก แต่ไม่เห็นใบหน้าเพราะสวมหน้ากากอยู่ จำได้เพียงแค่รอยสักตัวหนังสือภาษาอังกฤษบางอย่าง......กับเลข 3 หลังจากนั้นต่อก็สลบไป.............
.......................................................................................................................................
3 ทุ่ม, ปัจจุบัน....
เอกเดินไปเดินมาด้วยความกังวลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เอกโทรบอกคุณพลกับคุณศรีไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งสองคนกำลังอยู่ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล เอกกำชับว่าต่อถึงมือหมอแล้ว ให้ทั้ง 2 คนตั้งสติดีๆ แล้วให้รีบมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวลุมพินี
ระหว่างที่เอกกำลังเดินไปเดินมาอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางห้องฉุกเฉิน เอกมองไปทางต้นเสียงก็พบคุณพลและคุณศรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเอกในทันที!!
“น้องเอก น้องต่อเป็นไงบ้าง??” คุณศรีรีบถามเอกทั้งน้ำตานองหน้า คุณพลเองที่หน้าเสียอยู่ก็อยากรู้เช่นกันกัน
“มีคนไปเจอน้องต่อนอนสลบอยู่หน้าโรงเรียนครับ! ตอนนั้นอาการไม่ดีเลย โชคดีมีพลเมืองดีไปเจอเข้า ตอนนี้ผมขอที่อยู่ติดต่อไว้แล้วครับ เผื่อจะให้เค้ามาเป็นพยานให้” เอกอธิบาย
ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าอีกกลุ่มหนึ่งเดินมาทางเอก เป็นเพื่อนๆ ของต่อนั่นเอง ทุกคนยังคงใส่ชุดนักเรียนแต่ใส่รองเท้าแตะ ดูก็รู้ว่าพอทราบข่าวของต่อทุกคนก็รุดหน้ามาที่โรงพยาบาลกันทุกคน โดยเจมส์มากับเม้ง ส่วนโยทิ้งข้าวของไว้ที่คอนโดและมากับมาร์ค
ทั้ง 4 คน อัพเดทเรื่องราวทั้งหมดจากเอก ได้แต่ภาวนาให้ต่อปลอดภัย
“โถ่...ลูกแม่! ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย” คุณศรีร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรนะคุณ เจ้าต่อถึงมือหมอแล้ว หมอต้องช่วยสุดความสามารถแน่ๆ” คุณพลปลอบคุณศรี
เอกเองก็ช่วยปลออบด้วยอีกคน และตอนนี้ไฟหน้าห้องฉุกเฉินก็ดับลง พร้อมกับคุณหมอวัยกลางคนที่กำลังเดินออกมาจากห้อง
“ลูกดิฉันเป็นไงมั่งคะคุณหมอ??” คุณศรีและคุณพลรีบปรี่เข้าไปถามทันที!!
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ!” หมอตอบ
คุณศรีกับคุณพลโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย
“แต่ตอนนี้คนไข้ยังมีอาการมึนงงอยู่ครับ ทางเรายังคงให้อยู่ดูอาการในห้องฉุกเฉินไปก่อน 1 คืน หลังจากนั้นเราจะย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องพิเศษครับ” หมออธิบาย
“แล้วสาเหตุเกิดจากอะไรครับ?” เอกรีบถามทันที
“ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ครับ ต้องรอผลตรวจเลือดวันพรุ่งนี้ก่อน แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะโดนวางยาบางอย่างที่พวกมิจฉาชีพมักจะใช้กัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพรุ่งนี้ผมดูผลตรวจเลือดแล้วจึงจะสรุปได้ครับ”
“ช่วยหน่อยนะคะคุณหมอ” คุณศรีย้ำ
“แน่นอนครับ! ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
แล้วหมอก็เดินจากไป คุณศรียังคงมีสีหน้ากังวลตามประสาแม่ที่ห่วงลูก ทั้งเจมส์ เม้ง และโยต่างอาสาจะมาช่วยดูแลต่อให้ เพราะเข้าใจดีว่าวันธรรมดาคุณพลและคุณศรีต้องทำงาน และทั้งสามคนก็ปิดเทอมแล้วด้วย มีเวลาว่างทั้งวัน
“แม่ขอบใจลูกๆ มากนะจ๊ะ รวมถึงน้องเอกด้วยนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้น้องเอกพวกพี่ต้องแย่แน่ๆ เลย”
คุณพลและคุณศรีขอบอกขอบใจเอกเป็นการใหญ่ พวกเด็กๆ แอบสังเกตหน้าตาของเอกเพราะเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก คุณศรีดูสบายใจกว่าตอนแรกขึ้นมาก แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง
..........................................................................................................................
โยกับมาร์คกลับมาถึงคอนโดเกือบ 4 ทุ่มครึ่ง โยทิ้งของทุกอย่างไว้ที่นี่จึงต้องกลับมาเก็บของก่อน ตอนนี้คุณลุงจอดรถรออยู่ข้างล่าง
“เฮ้อ.......หมดเรื่องซะที”
มาร์คถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางนั่งลงบนโซฟา โยยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่
“เอ้อ มึงจะไปเฝ้าไอ้ต่อวันไหนอ่ะ ให้กูไปด้วยนะ” มาร์คถาม
“..................” ไม่มีคำตอบจากโย
“เฮ้ยโย เมิงเป็นไรวะ? กูเห็นเมิงซึมๆ มาหลายอาทิตย์แล้วนะ”
“......................”
“ทำมะ?? อยู่กับกูทำให้มึงไม่มีความสุขเหรอ??” มาร์คประชดเมื่อเห็นโยไม่ยอมพูดซักที
“มึงถามตัวเองดีกว่าว่ามึงอยู่กับใครแล้วมีความสุข?” โยเป็นฝ่ายพูดบ้าง แต่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เฮ้ย....เมิงพูดรายวะ กูไม่เห็นเข้าใจ?” มาร์คงง
คราวนี้โยเดินถือกระเป๋ามายืนตรงหน้าของมาร์ค
“มึงชอบไอ้ต่อแล้วมาทำดีกับกูทำไม!” โยเริ่มตาแดงๆ กำมือแน่น ในที่สุดโยก็ตัดสินใจถามออกไป จะได้เคลียร์กันไปซะที!
“มึงเป็นเหี้ยไรวะ! กูก็แค่เป็นห่วงมันเท่านั้นเอง!” มาร์คตอบกลับ
“มึงโกหก! ไม่งั้นมึงจะมีรูปไอ้ต่อเยอะแยะมากมายขนาดนั้นได้ไง??” โยบอก
“นี่มึงแอบค้นของๆ กูเหรอ??” มาร์คถามโย โยไม่ตอบคำถามแต่กลับถามมาร์คแทน
“กูถามมึงจริงๆ เหอะ มึงเคยชอบกูบ้างมั้ย?” โยน้ำตาคลอและรอคำตอบของมาร์คอย่างใจจดใจจ่อ
“กู.........”
.
.
“กูไม่รู้”
มาร์คตอบหน้าเจื่อนๆ อยู่ดีๆ เจอคำถามแบบนี้มาร์คจึงตั้งตัวไม่ติด
“เออ! ขอโทษที่กูเสือกคิดไปเอง กูชดใช้ให้มึงหมดแล้ว ต่อไปนี้ทางใครทางมัน!! นี่เบอร์ของไอ้ต่อ เอาไป!!”
โยวางกระดาษโพสต์อิทที่เขียนเบอร์ของต่อลงบนโต๊ะรับแขก แล้วรีบเดินออกไปจากห้องของมาร์คทันที!
ปล่อยให้มาร์คยืนหน้าเจื่อนอยู่คนเดียวภายในห้องนั้น.........
...................................................................................................................
“ลุง! กลับบ้านด่วนเลยครับ!!”
ลุงคนขับรีบบึ่งรถออกมาจากคอนโดของมาร์คทันที! ขณะอยู่ในรถโยพยายามฝืนกลั้นตัวเองไม่ให้ร้องไห้ เพราะเดี๋ยวลุงจะคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่
ใช้เวลาไม่นานรถของโยก็กลับมาถึงบ้านแถวถนนสุขุมวิท เมื่อรถจอดโยก็รีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งขึ้นบ้านไปทันที!
โยกดล็อกประตู ความรู้สึกที่อัดอั้นมานานถูกปล่อยออกมาหมดในรูปของน้ำตาเป็นสาย โยเปิดวิทยุไว้เพื่อกลบเสียงร้องไห้ของตน เสียงเปียโนของเพลงดังขึ้น ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเพลงอกหักของวงดนตรีเก่าวงหนึ่ง
.
.
“I can see the pain living in your eyes ……..
And I know how hard you try ……..
You deserve to have much more ……….
I can feel your heart and I sympathize ……
And I'll never criticize all you've ever meant to my life ……”
“I don't want to let you down
I don't want to lead you on
i don't want to hold you back
From where you might belong”
“You!…….would never ask me why…..
My heart is so disguised
I just can't live a lie …………. Anymore………….……”
.
.
ตอนนี้โยคิดถึงเรื่องในอดีตอันแสนไกล........เรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว........
“พวกเราๆ มาดูนักเรียนใหม่เร็วๆ ดูดิ ดูดิ หน้าเหมือนลูกครึ่งเลย....”
เพื่อนในห้องต่างลุกกรูไปออกันที่หน้าต่างหน้าห้องพลางชี้มือชี้ไม้
“ไหนๆๆ ขอดูด้วย!!” เสียงของเด็กชายโยดังขึ้น น้ำเสียงตื่นเต้นกว่าคนอื่นๆ เด็กชายโยยืดตัวขึ้นเพื่อที่จะมองได้ถนัดๆ พอเห็นเด็กใหม่ที่ยืนกอดแม่แน่น เด็กชายโยก็โพล่งออกมาทันที!!
“โห!!.....น่ารักจัง.....เหมือนตุ๊กตาเล้ยยย!”
“ไปชวนเค้ามาเล่นด้วยกันสิ!” เด็กคนหนึ่งบอกกับเด็กชายโย
“เอางั้นหลอ??” เด็กชายโยพูดยิ้มๆ
“นายๆ เราชื่อต่อนะ นายชื่ออะไรอ่ะ”
เสียงเด็กคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาข้างๆ หูมาร์ค ต่อมายืนข้างๆ มาร์คตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่โยกำลังจะไปชวนมาร์คมาเล่นอยู่แล้ว!
“เรา......ชื่อ.....มาร์ค....” มาร์คตอบอายๆ
“นายมาอยู่กับเราสิ........มีของเล่นเยอะแยะเลยนะ คุณครูให้เล่นได้ทั้งวันเลย....” ต่อชวนมาร์ค
“จิงหลอ......ให้เราเล่นได้ด้วยหลอ....” ตอนนี้เด็กชายมาร์คตาลุกวาว
“จิงจิ๊ง.....มาสิ”
.....................................................................................................................................
“นักเรียนคะ เดี๋ยวให้จับคู่กันนะคะ แล้วใช้กระดาษใบนี้วาดรูประบายสีนะคะ ครูอยากได้รูปธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ป่า ภูเขา หรือทะเล ได้หมดค่ะ” ครูอนุบาลอธิบายให้นักเรียยนทั้งห้องฟัง
โยรีบเดินไปสะกิดมาร์คทันที!
“เอ่อ นายคู่กับเราสิ เรามีดินสอสีเยอะแยะเลยนะ” เด็กชายโยพูดด้วยความยิ้มแย้ม
“อ๋อ ขอโทษด้วยนะ เราคู่กับต่อแล้วแหละ” เด็กชายมาร์คตอบ
....................................................................................................................................
ตอนนี้โยได้แต่ร้องไห้ปล่อยโฮออกมาจนหมด โยคิดทบทวนมาตลอดจึงรู้ตัวเองว่าชอบมาร์คมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่อยากยอมรับความจริง จนเมื่อกระทั่งได้รู้ว่ามาร์คเก็บรูปของต่อไว้อย่างดี โยจึงเริ่มเข้าใจจิตใจของตัวเอง แต่ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ตอนนี้โยเจ็บที่กลางอกอย่างมาก.........มันเจ็บปวดที่สุดไม่สามารถหาคำบรรยายได้......ทำไมเราถึงชอบทำร้ายตัวเองให้เจ็บปวด........ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว.........ไม่ว่าจะแต่ก่อน ตอนนี้ หรือตอนไหน....... เราก็ไม่เคยสมหวังเลยสักครั้ง...............
.
.
.
“I would rather hurt myself
Than to ever make you cry
There's nothing left to try…….
.
.
Though it's gonna hurt us both
.
.
There's no other way
.
Than to say …….
.
Goodbye
.
.
.
Good Bye!..........
..................................................................................................................................
จบ Season One1
Kink Team เขียน
ขอบคุณครับ สงสารต่อ อะ โยก็ด้วย ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ เสียวทุกที ขอบคุณครับ น่าเห็นใจกันทั้งคู่เลยฟ {:5_124:} ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ โอ้ว เป็น Romantic drama จริงๆด้วย ขอบคุณครับ {:5_146:} สนุกดี ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]