Kinky Opera >>Season Two2<< Episode 1: Rebirth! (Rising of SM) [COPY]
Season Two2 (Rising of SM) : Episode 1: RebirthKinky Opera
>>Season Two2 (Rising of SM)<<
.....ความรัก ความแค้น ความหวัง.......พลัง กำเนิด สรรค์สร้าง
....สมหวัง เจ็บปวด เลือนราง........เส้นทาง ความทุกข์ ระทม
Episode 1: >>Rebirth<<
“จิ๊บๆ จิ๊บๆ....”
“ติ๊ด... ติ๊ด..... ติ๊ด.....”
.
.
เสียงนกน้อยๆ สลับกับเสียงของอุปกรณ์ดิจิตอลบางอย่างดังเข้ามาในหูของต่อ ต่อยังคงรู้สึกเพลียจนไม่อยากจะลืมตาเลย แต่ก็ต้องพยายามฝืนลืมตาขึ้นมา เพราะยังคงมีความรู้สึกกังวลค้างอยู่ในหัว ว่าต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำอะไรซักอย่างหนึ่ง.......
.........เช้าแล้วเหรอ??...........
ต่อมองเห็นบนเพดานห้องเป็นอันดับแรก มองเห็นดวงไฟบนเพดานที่แปลกไป ไม่เหมือนในห้องนอนที่บ้านเลย ต่อใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้นในการกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง
.........ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?? ไม่ใช่ห้องนอนของเรา......
ต่อคิดในใจ
.........คอแห้งจัง....อยากดื่มน้ำ........
........นั่นแม่นี่นา.......ทำไมไปนอนอยู่บนโซฟาอย่างนั้น?........
ต่อรู้สึกเจ็บที่แขนด้านซ้ายของตัวเอง จึงเลื่อนสายตามาดูที่แขน
.......มีปลอกสวมอยู่ที่นิ้ว?? และที่แขนซ้ายก็มีสายน้ำเกลือต่อออกมาระโยงระยาง......
.......นี่เราโดนให้น้ำเกลืออยู่เหรอ....ทำไมล่ะ....เกิดอะไรขึ้น???........
“แม่.....” ต่อพยายามเปล่งเสียง แต่ก็ได้แค่ระดับเบา
“แม่...............”
คราวนี้คุณศรีรู้สึกตัว! อาจเป็นเพราะกังวลว่าต่อจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ได้.... เพราะตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่อง ต่อก็ยังคงสลบต่อเนื่องมาอีก 1 วันเต็มๆ
“ต่อ! ต่อฟื้นแล้วเหรอลูก!”
คุณศรีรีบกระโจนขึ้นมาจากโซฟาแล้วมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เตียงอย่างรวดเร็ว
“ต่อเป็นยังไงบ้างลูก???” คุณศรีจับที่มือขวาของต่อไว้ แล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉิน
.
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงพยาบาลดังขึ้นในลำโพงอินเตอร์คอม
“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ!” คุณศรีรีบบอกพยาบาลคนนั้น
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเรียกคุณหมอให้ค่ะ” พยาบาลตอบแล้ววางสายไป
เป็นเวลาเดียวกับที่คุณพลเปิดประตูเข้ามาในห้อง 912 ซึ่งเป็นห้องพิเศษของตึกผู้ป่วยใน คุณพลเพิ่งกลับมาจากการลงไปซื้ออาหารเช้าขึ้นมากิน โดยให้คุณศรีเฝ้าดูอาการของต่อไว้
“คุณคะ! ต่อฟื้นแล้วค่ะ”
“จริงเหรอคุณ!! ต่อเป็นยังไงบ้าง”
คุณพลรีบเดินมาสมทบที่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย
“เป็นยังไงบ้างลูก ไหนเล่าให้แม่ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น!” คุณศรีถามต่อ
ภาพของสถานที่แห่งนั้นรวมถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ผุดขึ้นมาในหัวของต่ออย่างต่อเนื่อง ราวกับภาพยนต์ที่กรอไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้นก็วิปริตพิสดารมากเสียจนต่อเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ในที่สุดต่อก็ตัดสินใจไม่พูดออกมาจะดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปแล้วคนอื่นจะรับได้หรือไม่ หรือหนักกว่านั้น คนอื่นอาจจะไม่เชื่อและหาว่าตนเองสติไม่สมประกอบไปแล้ว
“ต่อ......ต่อจำไม่ได้........” ต่อพูดแล้วหลบสายตาของคุณศรี
“เป็นไปได้ยังไง? ต่อลองนึกดีๆ ซิ ว่าเมื่อวานนี้ตอนเย็นเกิดอะไรขึ้น” คุณศรียังไม่ละความพยายาม
“คุณอย่าเพิ่งไปเซ้าซี้ลูกเลยน่า ให้เจ้าต่อมันได้พักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวหมอคงมีคำอธิบายน่า!”
เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ต่อเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณพล คุณศรีพยักหน้าแล้วถอนหายใจ
“ก๊อกๆ”
คุณหมอเปิดประตูเข้ามาในห้อง และทักทายคุณพลกับคุณศรีพอเป็นพิธี หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือตรวจอาการของต่อทันที!
คุณหมอหยิบเอกสารที่ปลายเตียงมาดู และเดินมาที่อีกข้าง จับชีพจรที่ข้อมือของต่อ และตรวจที่หน้าอกด้วยสเตทโตสโคป แล้วจดบันทึกลงในเอกสาร คุณพลและคุณศรีเฝ้าดูด้วยใจจดใจจ่อ
“ครับ ตอนนี้อาการปกติแล้วครับ แต่คนไข้ยังมีไข้และอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง อาจจะให้น้ำเกลือและยาลดไข้ ดูอาการต่อไปอีกซัก 2 วัน ก็น่าจะกลับบ้านได้ครับ”
คุณพลและคุณศรีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แล้วผลตรวจล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง?” คุณพลถามหมอ
“ผลตรวจเลือดทางห้องแลบเพิ่งส่งมาครับ พบสารผิดปกติในกระแสเลือดของน้อง คือสาร Halothane ซึ่งสารนี้เป็นสารที่ใช้เป็นยาสลบ รวมถึงสาร Midazolam หรือที่เรารู้จักในชื่อ Dormicum ที่พวกมิจฉาชีพนิยมใช้กันน่ะครับ”
คุณศรีและคุณพลอ้าปากค้าง
“ส่วนผลข้างเคียงก็อน่างที่เห็นแหละครับ ผู้ป่วยจะมีอาการมึนงง ความจำเสื่อมชั่วคราว และมีอาการคลื่นไส้อาเจียนครับ”
หมออธิบายมาถึงตอนนี้ต่อเริ่มท้องไส้ปั่นป่วนอีกครั้งหนึ่ง
หมออธิบายผลทั้งหมดจนคุณพลและคุณศรีเข้าใจ ทำให้ทั้งสองมุ่งประเด็นไปที่การลักทรัพย์ เพราะกระเป๋าสตางค์ของต่อหายไป แต่ก็แปลกอีกเช่นกันที่มือถือไม่โดนขโมยไปด้วย!!
เมื่อหมดธุระแล้วคุณหมอก็ขอตัวเพื่อไปตรวจห้องอื่นต่อไป หลังจากที่หมอเดินออกจากห้องไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูห้องขึ้นอีก
“ก็อกๆๆ”
โย เจมส์ และเม้งนั่นเอง! ทั้งสามสวัสดีคุณพลและคุณศรี และเดินมาที่ข้างๆ เตียง
“เป็นไงมั่งวะไอ้ต่อ” ทั้งสามคนถามอาการ
“โอเคแล้วว่ะ” ต่อตอบยิ้มๆ
“โหย......กูตกใจชิบหายตอนรู้ข่าวมึงอ่ะ” โยพูด
ขณะที่โยพูด ต่อก็แอบสังเกตเห็นว่าตาทั้ง 2 ข้างของโยดูบวมๆ กว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เอ่อ ลูกๆ จ้ะ” คุณศรีขัดจังหวะการสนทนาขึ้นมา
“เดี๋ยวแม่ฝากลูกๆ ช่วยดูแลน้องต่อหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปให้การที่สถานีตำรวจน่ะจ้ะ”
“ได้เลยคับแม่ เดี๋ยวพวกเราจะดูแลต่ออย่างดีเลยคับ” เจมส์กล่าวกับคุณศรี
“จ้า ฝากด้วยนะจ๊ะ” แล้วคุณพลกับคุณศรีก็เดินออกจากห้องไป
.
.
“ไอ้ต่อ มึงไปโดนอะไรมาวะ มึงเล่าให้พวกกูฟังหน่อยซิ?” เม้งรีบถามต่อทันทีขณะที่ประตูห้องปิดลง
“เอ่อ....กูก็จำไม่ได้ว่ะ...หมอบอกว่ากูโดนป้ายยา” ต่อตอบ
“เออ ว่ะ เห็นออกข่าวบ่อยๆ ไม่นึกว่าเรื่องจะมาเกิดกับมึง” เจมส์เสริม
“แล้ว.......??”
ต่อพูดพลางมองผ่านกลุ่มของเพื่อนไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเอก ต่อจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าก่อนจะสลบไปได้ยินเสียงของพี่เอกก้องอยู่ในหู
“พี่เอกของมึงอ่ะเหรอ??” โยถามหน้าทะเล้น
“ทำไมต้อง “พี่เอกของกู” ด้วยวะ” ต่อทำฟอร์มขึงขังแต่ในใจก็อายนิดๆ
“เช้านี้ พี่เอกของมึงไปให้ปากคำกับตำรวจอยู่ว่ะ” โยตอบ
“เค้าเป็นคนที่ไปช่วยมึงเลยนะเว่ย......แถมมึงยังไปอ๊วกใส่เค้าอีก” เจมส์เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ต่อฟัง
“จิงเหรอมึง??? กูเนี่ยนะ??”
“เออ เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงคนนึงไปเจอมึงเข้าอ่ะ ก็เลยเอามือถือของมึงโทรเบอร์ล่าสุด ปรากฏไปเจอพี่เอก ที่อยู่แถวสยามพอดี” เม้งอธิบายซะยืดยาว
“มึงอ่ะ เป็นหนี้บุญคุณเค้านะเว่ย” โยเสริม
“เออ น่า! กูรู้แล้ว....” ต่อบอกอย่างรำคาญ แต่ในใจก็แอบปลื้มกับความเป็นฮีโร่ของพี่เอก
“ไหน?....แล้วของๆ มึงยังอยู่ครบป่ะเนี่ย??”
โยเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วคว้าหมับไปที่ควยของต่อ ต่อรีบปัดมือของโยออกไป!
“ไอ้แสรดด มึงนี่อุบาทว์ไม่เลิกนะ!” ต่อด่าโย
“ฮ่าๆๆ มึงด่ากูได้ กูก็มั่นใจแล้วว่ะว่ามึงหายดีแล้ว” โยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ทั้งสี่คนต่างหัวเราะกับความคิดของโย โยเจมส์และเม้งจึงแยกย้ายกันไปนั่งตามโซฟาแล้วเก้าอี้สำหรับญาติผู้ป่วย แล้วอ่านหนังสือการ์ตูนหรือเล่นเกมส์กันไป
แต่ต่อยังคงสงสัยความรู้สึกของตัวเองตอนโดนไอ้โยจับควยเมื่อกี้นี้.....มันไม่เหมือนเดิม
ต่อรอจังหวะให้ทุกคนเผลอแล้วแอบเลิกผ้าห่มขึ้นเพื่อมองสำรวจน้องชายของตัวเอง.....แล้วต่อก็ต้องตกใจ!! เพราะน้องชายของตัวเองหัวเปิดแล้ว!!
..........ซวยแล้ว!! เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราป็นเรื่องจริง!!!..........
..........................................................................................................................................
เอก คุณพล และคุณศรี นั่งอยู่เบื้องหน้าตำรวจใน สน. ในเวลาเกือบเที่ยง คุณศรียื่นเอกสารผลการตรวจร่างกายของต่อที่ได้มาจากโรงพยาบาลให้คุณตำรวจ ส่วนเอกได้ให้ปากคำกับตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว
“จากของกลางทั้งหมดที่มี เราไม่พบร่องรอยหรือหลักฐานของคนร้ายเลยแม้แต่นิดเดียวครับ”
คุณตำรวจพูดพลางยื่นโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าจาคอบของต่อคืนให้แก่คุณศรี
“เป็นไปได้ยังไงคะ? แล้วลายนิ้วมือ.....” คุณศรีถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ทางเราตรวจสอบละเอียดถี่ถ้วนแล้วครับ คาดว่าคนร้ายน่าจะกระทำการมาอย่างต่อเนื่องและชำนาญเป็นอย่างดี”
ตอนนี้ทั้งคุณพลและคุณศรีส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง
“แต่ยังไงทางเราจะรับเรื่องแล้วลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน และจะรีบตรวจสอบกับฐานข้อมูลของ สน. อื่น ว่ามีกรณีที่คล้ายกันมั้ย ถ้าคืบหน้าอย่างไร ทางเราจะรีบแจ้งไปทันทีเลยครับ”
คุณพล คุณศรีและเอกเดินคุยกันลงมาจาก สน. เมื่อใกล้จะแยกย้ายกันเอกจึงเสนอขึ้นมา
“งั้นคืนนี้ผมเฝ้าน้องต่อเองครับ พี่พลพี่ศรีจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนบ้าง” เอกเสนอขึ้นมา
“เกรงใจน้องเอกจังเลยครับ....น้องเอกก็ช่วยพวกพี่มาเยอะแล้ว” คุณพลตอบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี อีกอย่างตั้งแต่วันนั้น พวกพี่ก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย...”
ในที่สุดคุณพลและคุณศรีก็ต้องยอมรับข้อเสนอของเอกและกลับบ้านไป ส่วนเอกก็นั่งแทกซี่มาเก็บเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นที่ห้องพัก แล้วก็ออกมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลทันที.....
...................................................................................................................................................
เอกมาทันอาหารมื้อเย็นพอดี เอกเดินเข้าห้องมาก็เจอต่อที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงทานอาหารคนไข้ แล้วดูข่าวในทีวีไปด้วย ส่วนเพื่อนๆ ของต่อทั้ง 3 คน นั่งล้อมวงอยู่บนพื้นและกำลังทานอาหารที่สั่งจากร้านข้างล่างขึ้นมา
รอบๆ วงนั้นกระจัดกระจายไปด้วยหนังสือการ์ตูน และเกมส์แบบพกพา ตามประสาเด็กผู้ชายทั่วๆ ไปที่มักจะวางของไม่เป็นระเบียบ.......จนไม่เหลือแม้แต่ทางเดิน! เอกมองสบตาไปที่เจ้าตัวดีที่นั่งอยู่บนเตียงแบบขำๆ
“พี่เอกหวาดดีค้าบบ....” ทั้ง 3 ยกมือไหว้พี่เอก เอกรับไหว้แล้วยื่นอาหารที่ซื้อขึ้นมาเผื่อให้ทั้ง 3 เปิดกินเผื่อไม่อิ่ม
ต่อเห็นเอกแล้วบอกไม่ถูก เหมือนในกายมันร้อนผ่าวขึ้นมาจนถึงใบหน้า เอกเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เหยียบของที่กระจัดกระจายอยู่ มานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงของต่อ ตอนนี้ข่าวในทีวีกำลังสัมภาษณ์สาวออฟฟิสคนหนึ่งซึ่งโชคดี รอดจากการถูกข่มขืนโดยแทกซี่หนุ่มคนหนึ่งมาอย่างหวุดหวิด ในขณะที่คนร้ายหายตัวไปซะก่อนอย่างไร้ร่องรอย...............
แต่ตอนนี้ต่อสนใจคนที่มานั่งอยู่ข้างๆ มากกว่า พี่เอกผู้มีพระคุณที่ช่วยต่อไว้นี่เอง.....
“เป็นไงมั่ง ฮึ!” เอกพูดไปพลางยิ้มไป เอกดูเป็นกันเองกับต่อขึ้นมาก
“ไม่เป็นไรแล้วครับ” ต่อก้มหน้าอายๆ ไม่อยากสบตาเอกโดยตรง
“เอ่อ....ขอขัดจังหวะซักครู่นะครับ.....คือพวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาใหม่ครับ”
เจมส์พูดแทรกขึ้นมา ในขณะที่เม้งและโยยืนอยู่ข้างๆ
“เออๆ ขอบใจพวกเมิงมากว่ะที่มาช่วยดูแลกู....”
“แต่ทำไมต้องรีบกลับวะ? อยู่ต่อก็ด้าย”
ต่องงกับพฤติกรรมของเพื่อนๆ ปกติพวกมันจะสบายๆ ไม่เกรงอกเกรงใจกันขนาดนี้
“พวกกูไม่อยากอยู่เป็นก้า......” โยพูดยังไม่ทันจบเม้งก็รับเอามือมาปิดปากโยไว้
“ไม่มีอะไรครับ แฮ่ะๆ” แล้วเม้งกับเจมส์ก็ลากตัวไอ้โยออกจากห้องไป
“พูดมากนะมึงอ่ะ!” เจมส์ตบหัวโยและกระซิบเบาๆ
.
.
“เพื่อนน้องต่อนี่ตลกดีนะครับ” เอกพูดขึ้นมาหลังจากทั้ง 3 คนออกไปแล้ว
“มันบ้าๆ บอๆ อย่างนี้แหละครับ” ต่อยิ้ม
“พี่เอกทานข้าวมารึยังครับ? ทานข้าวก่อนดีกว่ามั้ย?”
“เออ นั่นสิ ลืมไปเลย....”
ว่าแล้วเอกก็ไปเอาข้าวที่ซื้อขึ้นมา มานั่งทานกับต่อและดูข่าวในทีวีไปด้วยกัน อย่างสบายอารมณ์
.....................................................................................................................................
ณ ชั้นใต้ดินของสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ๆ อับชื้น ตัดขาดจากโลกภายนอก เสียงน้ำที่รั่วออกมาจากท่อ หยดเป็นจังหวะดังอยู่ตลอด ชั้นใต้ดินนี้มีทางเดินยาว โดยบนเพดานของทางเดินยังคงติดหลอดไฟทังเสตนแบบเก่าที่ไม่ค่อยสว่างมากนัก ทำให้บรรยากาศดูสลัวๆ และมีแสงสว่างเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ที่ปลายสุดของทางเดินทอดไปสู่ห้องๆ หนึ่ง ประตูไม้แบบโบราณ ที่หน้าประตูมีลายสลักรูปหน้าคนที่ดูแปลกตาไป แต่ก็ปนความสยองนิดๆ ข้างบนรูปหน้านั้นมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสลักไว้เป็นคำว่า “Joker”
“ไหนว่ามาซิ!!! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
ชายสวมชุดสูท ใส่หน้ากากตัวตลก กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าชายอีกกลุ่มหนึ่ง ทว่าชายที่สวมหน้ากากตัวตลกนั่งอยู่บนเก้าอี้แบบที่ผู้บริหารส่วนใหญ่นิยม เบื้องหน้ามีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้โอ๊คอย่างดี นำเข้าจากอิตาลี ส่วนชายใส่เสื้อคลุมและแว่นกันแดดสีดำ 3 คน ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะไม้นั้น กำลังนั่งห่อตัว ก้มหน้า บ่งบอกถึงภาวะเข้าตาจนบางอย่าง.....
“คือ.....มันคล้ายกันมากน่ะครับ พวกเราก็เลยจับผิดตัว”
“ผิดตัวได้ยังไง?? ...พวกคุณทำงานกันได้แค่นี้เรอะ!!!”
“แต่ลูกค้าก็ชอบกันไม่ใช่เหรอครับโจ๊กเกอร์?” ชายแว่นดำที่นั่งอยู่ตรงกลางแย้งขึ้นมา
“ใช่! ผมไม่เถียง! แต่ประเด็นมันอยู่ที่ เรา-ห้าม-ผิด-พลาด!”
ชายใส่หน้ากากตัวตลกที่ดูเหมือนจะใช้ชื่อแฝงว่า “โจ๊กเกอร์” เอ็ดใส่ลูกน้อง
“ไม่อย่างนั้นผมจะผลักดันแผนนี้ให้เกิดขึ้นมาทำไม!!”
“..............” ไม่มีคำตอบจากลูกน้องทั้ง 3 คน
โจ๊กเกอร์หยิบกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งขึ้นมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน พลางตรวจดูกระเป๋าสตางค์ใบนั้น จริงๆ แล้วมันคือกระเป๋าสตางค์ของต่อนั่นเอง!! โจ๊กเกอร์เจอรูปใบหนึ่งในกระเป๋าสตางค์ของต่อ จึงหยิบรูปใบนั้นออกมาพิจารณาดู
หลังจากพิจารณาดูแล้ว โจ๊กเกอร์จึงหยิบปากกาเมจิกบนโต๊ะขึ้นมาเขียนขยุกขยิกบนรูปใบนั้น เมื่อเสร็จแล้วจึงยื่นให้ชายแว่นดำที่นั่งตรงกลางเอาไปดู
“เอาล่ะ แต่เมื่อมันผ่านมาแล้วก็คงต้องจำเป็นบทเรียน แล้วคราวหน้าหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“ครับ!” ลูกน้องทั้ง 3 คนรับคำ แล้วก็แยกย้ายกันออกจากห้องไป
โจ๊กเกอร์นั่งถอนหายใจแล้วพิงพนักเก้าอี้อยู่พักหนึ่ง จึงลุกขึ้นและเข้าไปทางประตูลับที่อยู่ด้านหลังม่าน ข้างหลังโต๊ะทำงาน เบื้องหลังประตูนั้นเป็นทางวกวนที่นำไปสู่ประตูห้องอีกหลายๆ ห้อง มีเสียงเหมือนคนกำลังโดนทรมานดังแว่วมาเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่โจ๊กเกอร์เดินผ่านประตูแต่ละบาน และแล้วโจ๊กเกอร์ก็เปิดประตูเข้ามาสู่ห้องๆ หนึ่ง
ห้องนั้นก็ยังคงมืดสลัวๆ เหมือนทางเดินและอีกหลายๆ ห้อง ภายในห้อง มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเปลือยกายและถูกแขวนตรึงห้อยลงมาจากเพดานในแนวขนานกับพื้น โดยสายสลิงที่แข็งแรงเป็นพิเศษ 4 เส้นที่แขวนจากเพดานตรึงกับร่างกาย 4 จุด คือที่สายหนังรัดข้อมือ 2 ข้าง และสายหนังรัดข้อเท้า 2 ข้าง ทำให้สภาพร่างกายของชายหนุ่มขณะนี้ อยู่ในท่ากางแขนกางขาลอยขนานกับพื้น
ข้างๆชายหนุ่มที่ถูกมัดอยู่นี้ มีชายอีกผู้หนึ่งยืนอยู่.... ชายผู้นี้ร่างกายกำยำเหมือนนักเพาะกาย ใส่กางเกงขาสั้นรัดรูป ทำจากหนังสีดำฟิตเปรี๊ยะและรองเท้าหนังสีดำ แต่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าทำให้เห็นลักษณะกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน ชายผู้นี้ถือเอกสารบางอย่างอยู่ในมือและกล่าวรายงานกับโจ๊กเกอร์.......
“สวัสดีครับ โจ๊กเกอร์”
“ยังสลบอยู่เลยครับ อาชีพขับแทกซี่และค้ายาบ้า....”
“มีคดีข่มขืนแล้วฆ่าอยู่ 2 คดี.....”
“เจอตัวก่อนจะลงมือครั้งที่ 3 พอดีครับ!”
เมื่อชายล่ำคนนี้รายงานเสร็จก็เดินออกจากห้องไปอย่างรู้หน้าที่ ปล่อยให้โจ๊กเกอร์อยู่ในห้องกับชายหนุ่มนิรนามที่ถูกแขวนอยู่ตามลำพัง
โจ๊กเกอร์เดินไปข้างห้องเพื่อกดสวิทช์บางอย่าง ทำให้สลิงที่โยงอยู่กับข้อมือทั้ง 2 ข้างของชายหนุ่มผู้นั้นม้วนสั้นลง ส่งผลให้ส่วนหน้าของร่างกายเริ่มเชิ่ดแหงนขึ้นจนทำมุมอยู่ที่ 45 องศากับพื้น ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นอยู่ตรงกับใบหน้าของโจ๊กเกอร์พอดี! โจ๊กเกอร์มองเห็นใบหน้าของคนขับแท็กซี่หนุ่มแล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นคนนึงที่หน้าตาดีเลยทีเดียว!
“อืมมม....” ชายหนุ่มผู้นั้นเริ่มรู้สึกตัว
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่าที่ไม่สบายเท่าไหร่ แถมเบื้องหน้ายังมีใครก็ไม่รู้ยืนอยู่ แถมใส่หน้ากากตัวตลกที่ไม่เข้ากับชุดสูทเลย
“เฮ้ย! มึงเป็นใครวะ!!” ชายหนุ่มเริ่มโวยวายเสียงดังพร้อมกับขยับตัว แต่ก็เพิ่งมารู้สึกตัวว่าขยับไม่ได้เพราะถูกมัดแขวนไว้กับสลิง
“ปล่อยกูนะโว้ย!! ไอ้เหี้ย! มึงเป็นใครวะ!!”
“ผมชื่อโจ๊กเกอร์ครับ ผมจะมาช่วยปลดปล่อยคุณ...”
โจ๊กเกอร์พูดพลางยื่นมือที่สวมถุงมือหนังสีดำและชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่น ไปจับที่ควยของชายหนุ่มผู้นั้นที่ลอยอยู่กลางอากาศในสภาพกางแขนกางขา
“ปลดปล่อยเหี้ยไร!!! เอามือของมึงออกไป อีตุ๊ด!!! ถุย!!”
ชายหนุ่มผู้นั้นไม่พูดเปล่า ยังถุยน้ำลายใส่ที่หน้าของโจ๊กเกอร์ด้วย.......แต่โจ๊กเกอร์ก็ยังคงใจเย็น.....เย็นอย่างประหลาด โจ๊กเกอร์หันหลังให้แล้วเดินไปหยิบตะกร้าเล็กๆ ใบหนึ่ง
“มึงจะไปไหนอีตุ๊ด! ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้!! แล้วกูจะไม่เอาเรื่องมึง!”
ชายหนุ่มผู้นี้ท่าทางจะยังไม่ทราบชะตากรรมของตัวเอง
โจ๊กเกอร์เดินกลับมายังเบื้องหน้าของชายหนุ่มพร้อมกับตะกร้าที่มีที่หนีบผ้าเต็มไปหมด แล้วก็ลงมือกับชายหนุ่มผู้นั้นทันที!
โจ๊กเกอร์ค่อยๆ บรรจงใช้ไม้หนีบผ้าหนีบลงไปที่หัวนมทั้งทั้ง 2 ข้างของชายหนุ่มผู้นั้นก่อนเป็นอันดับแรก
“โอ๊ย! ไอ้เหี้ย!! มึงจะทำอะไรกู!! ปล่อยกู!!” ชายหนุ่มผู้นั้นสั่งแต่ไม่เป็นผล
โจ๊กเกอร์เริ่มใช้ไม้หนีบผ้าหนีบลงไปตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย โดยหนีบไล่เรียงกันไปเรื่อยๆ
“อ๊ากกก!!...”
ชายหนุ่มผู้นั้นเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บ ความเจ็บยิ่งทวีคูณมากขึ้นทุกครั้งที่จำนวนไม้หนีบตามร่างกายเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มดิ้นอย่างแรงโดยหวังว่าสิ่งที่พันธนาการอยู่จะขาดลงมาด้วยแรงดิ้น แต่ก็ไม่เป็นผลเลยเพราะลวดสลิงแข็งแรงมาก ชายหนุ่มแค่ทำให้เส้นลวดไหวไปมาอย่างเบาๆ เท่านั้นเอง
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
เสียงแส้ฟาดลงมาที่ก้นของชายหนุ่มผู้นั้นอย่างแรงจนแสบไปหมด
“อย่าดื้อสิครับ ถ้ายังดื้ออยู่ก็จะเจ็บตัวแบบนี้แหละครับ”
โจ๊กเกอร์พูดขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาหนีบไม้หนีบต่อไป
“ไอ้เหี้ย!!! ถ้ากูออกไปได้!! กูจะฆ่ามึง!! กูจะฆ่ามึง!!! อีตุ๊ด!!!”
ตอนนี้ชายหนุ่มสติแตกไปแล้วและรู้สึกเสื่อมเสียเกียรติยศลูกผู้ชายอย่างสุดแสนจะทนได้ ทุกคำด่าถูกขุดออกมาจากจิตใต้สำนึก แต่ก็ไม่ได้ทำให้โจ๊กเกอร์หยุดมือแม้แต่น้อย
“เหรอครับ?....แต่ชาตินี้ “ทั้งชาติ” คุณคงไม่ได้ออกไปจากที่นี่แล้วล่ะครับ หึหึ” โจ๊กเกอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความเจ็บเริ่มเข้ามาแทนที่จนชายหนุ่มผู้นี้ต้องหยุดด่า แล้วหันมาหายใจสูดอากาศอย่างรุนแรง พร้อมทั้งหลับตาปี๋สลับกับกัดฟันกรอด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทางร่างกาย ตอนนี้เหงื่อกาฬของชายหนุ่มผุดขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย จนหยดติ๋งลงพื้นห้อง
ในที่สุดผลงานของโจ๊กเกอร์ก็สำเร็จลง โจ๊กเกอร์มองดูผลงานของตัวเองอย่างภูมิใจ โดยใช้ไม้หนีบไปถึง 200 อัน ไล่หนีบเป็นแผงตั้งแต่ที่หน้าอกของชายหนุ่ม ตามแขนและสีข้างทั้ง 2 ด้าน ลงมาถึงขาหนีบและต้นขาอ่อนด้านใน รวมถึงแผงเล็กๆ ที่หนีบอยู่ตรงพวงไข่ของชายหนุ่มผู้นี้ด้วย
“ฮือ..... ฮือ...... ฮือ.......”
ชายหนุ่มสูดอากาศเข้าปอดเสียงดังราวกับม้าหนุ่มกลัดมัน โดยหวังว่าจะลดความเจ็บปวดลง แต่ในความเจ็บปวดนั้นกลับสร้างสรรค์ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ควยของชายหนุ่มแข็งขึ้นมาและน้ำเงี่ยนใสไหลหยดเป็นสาย
โจ๊กเกอร์ใช้มือทั้ง 2 ข้างไล้ไปเรื่อยๆ ตามแถบของไม้หนีบ ราวกับกำลังบรรเลงเปียโนก็ไม่ปาน สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายของชายหนุ่มอย่างมหาศาล
“อ๊ากกกก!!........” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ แต่โจ๊กเกอร์ก็ยังไม่หยุดมือ
“กูยอมแล้ว! แฮ่ก แฮ่ก กูยอมแล้ว!.......แฮ่ก มึงจะให้กูทำอะไรกูก็ยอม!.......” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ
“ง่ายนิดเดียวครับ ผมจะช่วยคุณปลดปล่อยความเงี่ยน แล้วค่อยปล่อยตัวคุณไป” โจ๊กเกอร์บอก
“ส่วนคุณก็ตะโกนว่า “กูอยากเย็ดตุ๊ด” ไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด ไม่งั้นผมจะหยุดมือทันที!”
“ก็ได้!” ชายหนุ่มรับข้อเสนอ เพราะเงี่ยนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
โจ๊กเกอร์เริ่มลงมือใช้เจลหล่อลื่นชักที่ควยของชายหนุ่มทันที!
“กูอยากเย็ดตุ๊ด ๆ ๆ ๆ”
ชายหนุ่มตะโกนไปเรื่อยๆ ความเสียวซ่านที่ควยเริ่มมากขึ้นจนน้ำเงี่ยนหยดเป็นสายยาวจนเกือบแตะพื้น
“โอย กูอยากเย็ดตุ๊ด ๆ ๆ ๆ”
ชายหนุ่มตะโกนพลางหลับตา สูดอากาศ ความเจ็บปวดยังคงมีอยู่ทั่วร่างกาย แต่ความเสียวแบบใหม่ก็เกิดขึ้นที่ส่วนกลางของร่างกายด้วย
“อูย..... กูอยากเย็ดตุ๊ด ๆ อูย...ตูดแน่นๆ กูอยากเย็ดตุ๊ด ๆ ๆ ๆ”
โจ๊กเกอร์อยากจะขำแต่ก็ต้องกลั้นไว้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มโดนบังคับให้พูดหรือพูดออกมาจากส่วนลึกข้างในกันแน่ ตอนนี้ควยของชายหนุ่มแข็งราวกับท่อนไม้ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้แตกเต็มทีแล้ว! แถมยังกะเด้าเอวไปตามจังหวะการชักของโจ๊กเกอร์ด้วย
“โอ้วว กูอยากเย็ดตุ๊ด!ๆๆๆ...อูย ตูดแน่นๆ กูอยากเย็ดตุ๊ด!ๆๆๆ...แม่งเอ๊ย! กูอยากเย็ดตูดตุ๊ด!ๆๆๆ อ่ะห์ อ่ะห์ อ่ะห์ อ่ะห์........”
“ปื้ด...ปื้ด....ปื้ด...ปื้ดปื้ด ปื้ด....”
ในที่สุดชายหนุ่มก็น้ำแตกคามือของโจ๊กเกอร์ แถมน้ำขาวขุ่นยังพุ่งต่อเนื่องไปไกลเกือบ 1 เมตร ตอนนี้ชายหนุ่มหมดแรงจนห้อยต่องแต่งอยู่บนสลิง
หลังจากนั้นโจ๊กเกอร์ก็ค่อยๆ ถอดไม้หนีบออกจากร่างกายของชายหนุ่มทีละอันๆ
“ฮื่อออ....”
เสียงโล่งใจของชายหนุ่มดังขึ้นที่ไม้หนีบอันสุดท้ายถูกถอดออกไป ชายหนุ่มคิดในใจว่าในที่สุดก็จบเสียที! แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่!!!
“ใครบอกคุณเหรอครับ?? ว่ามันจะจบแค่นี้...มันเพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก ฮ่าๆๆ” โจ๊กเกอร์กลับคำ
แถมเดินไปหยิบของเทียมสีดำ ขนาด 7 นิ้วมาไว้ในมือ โจ๊กเกอร์ใช้มือข้างหนึ่งใส่เจลและเริ่มแยงนิ้วไปที่รูตูดของชายหนุ่มจนชายหนุ่มสะดุ้งโหยง!
“อยากเย็ดตูด? ก็ต้องรู้ก่อนนะครับว่าคนโดนเย็ดรู้สึกยังไง ฮ่าๆๆ” โจ๊กเกอร์หัวเราะอย่างสะใจ
“ยะ....อย่านะโว้ย!! ไอ้เหี้ย!! อย่า!! อย่า.......................”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของเทียมแท่งนั้นจะโดนยัดไปที่ส่วนไหนของร่างกาย........
....................................................................................................................................................
ชายแว่นดำทั้ง 3 คนต่างปรึกษากันอยู่ในห้องประชุมลับแห่งหนึ่ง.......
“เอายังไงดี? ลูกพี่” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา
คนที่ดูเหมือนจะเป็น “ลูกพี่ของกลุ่ม” ก็พูดขึ้นมาทันที
“งั้นเรามาวางแผนกัน ว่าจะทำยังไง”
“คราวนี้ต้องไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก”
“ไอ้ห่าโจ๊กเกอร์ เห็นมันพูดเพราะๆ อย่างงั้น ตัวจริงแม่งโหดชิบหาย!!” ลูกพี่อธิบาย
จากนั้นลูกพี่จึงยื่นรูปที่โจ๊กเกอร์หยิบออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของต่อ ให้ลูกน้องทั้ง 2 คนดู
“เอ้า! ขั้นแรก....จำหน้ามันไว้ให้ดีๆ”
ทั้งหมดต่างผลัดกันดูรูปที่ต่อพกไว้ในกระเป๋า ซึ่งเป็นรูปของต่อ โย เจมส์ และเม้ง 4 คนที่ถ่ายด้วยกันเมื่อเร็วๆ นี้เอง! บนรูปยังคงมีรอยปากกาเมจิกที่โจ๊กเกอร์ได้เขียนไว้.........โดยมีรอยวงกลมรอบใบหน้าของ 1 ใน 4 คนนั้น
.
.
.
และมีลายมือของโจ๊กเกอร์เขียนว่า
.........J…A…M…E…S.........
........................................................................................................................................
จบตอน
Kink Team เขียน
ขอบคุณครับ เปิดเรื่องน่าติดตามมากเลย ชอบๆ ขอบคุณครับ ขอบคุนมากนะครับ เจมสมันนังไงวะเนี่ย เจมส์จะโดนทำอะไร ขอบคุณครับ {:5_119:} ้หก้ๅด่ภ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ น่าสนุก เสียวทุกที ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ {:5_149:} อ้าวไอเจมส์
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2