ขายตัวเพราะจำเป็น 2 - บทเรียนแรกของเด็กขาย [ CP ]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย P.Thee เมื่อ 2019-10-17 12:09บทเรียนแรกของเด็กขาย
หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็น“ข้ออ้าง”ของคนที่ไม่คิดจะสู้ชีวิต งานดีๆมีให้ทำมากมายทำไมจะต้องไปเลือกงาน“ต่ำๆ”แบบนั้นทำด้วย บ้างก็ว่าไม่มีศักดิ์ศรีขายตัวเองแลกเงิน
แต่อยากให้ทำความเข้าใจอย่างหนึ่งนะครับ คนทุกคนมี“ต้นทุนชีวิต”ไม่เท่ากัน อย่ามองว่าคนที่ทำงานทางด้านนี้เค้าจะไม่ขวนขวายหรือดิ้นรนเพื่อชีวิตเลย แต่เค้าแค่ไม่เคยได้รับโอกาส หากเค้าได้โอกาสสักนิดเค้าคงไม่เลือกทำงานแบบนี้ให้คนมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ให้คนมาพูดจาดูถูกว่า“ต่ำ”หรือ“ไม่มีหัวคิด”หรอกครับ
ในกรณีของผมเป็นอีกกรณีหนึ่งที่เห็นได้ง่ายๆ(เพราะผมเล่าจากความรู้สึกของตัวเองในช่วงอารมณ์ตอนนั้น อารมณ์ที่เล่าออกมาในบางฉากบางตอนมันก็ไร้การปรุงแต่ง)
ส่วนหนึ่งที่ตอบตกลงจะทำงานนี้ไปก็ด้วยเพราะช่วงอายุที่ยังน้อย(ตอนนั้นผมแค่18-19เอง) และอีกอย่างคือผมต้องการเงิน ใช่ว่าผมไม่อยากทำงานที่มันไม่ต้องเอาตัวเองไปขายนะแต่ก็อย่างที่น่าจะรู้กันว่าผมเป็นเด็กบ้านนอกจบแค่ม.3 แถมยังไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีก ไปสมัครงานที่ไหนก็โดนไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมา แน่นอนว่าผมโกรธ ผมโมโห คิดน้อยใจไปต่างๆนาๆ ท้อแท้มากแต่มีอย่างหนึ่งที่ผมยึดมั่นไว้เสมอคือ“ผมจะไม่ยอมแพ้” ไม่ว่าจะงานแบบไหนหากผมได้ถูกหยิบยื่นโอกาสให้ทำแล้วถ้ามันไม่หนักหนาจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตผมก็พร้อมที่จะทำ
1.ผมเป็นผู้ชายผมไม่เสียหายอะไร ไม่ได้มีหน้ามีตาทางสังคมให้ต้องพะวงถึง
2.ผมท้องไม่ได้ ก็เพราะผมเป็นผู้ชายไงจะกลัวทำไม
3.ผมต้องการเงิน
4.ผมอยากลอง
บอกกันตามตรงว่าผมในช่วงวัยรุ่น(ตอนนี้ผมก็ยังไม่แก่มากหนา ฮึฮึ) ก็เหมือนวัยรุ่นธรรมดาๆทั่วไปนั่นแหละ อยากรู้ว่าคนที่ทำงานในด้านนี้มันเป็นยังไง เค้ามีเหตุผลมีความรู้สึกแบบไหนกันถึงได้มาทำงานที่สังคมตราไว้ว่า“ต่ำ”และ“ไร้ศักดิ์ศรี” สำคัญที่สุดของที่สุดเลยคือผมอยาก“ลอง”
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีอารมณ์ทางเพศสูงมาก่อนจนเมื่อได้เจอกับไอ้เหี้ยในวันนั้น มันสอนให้ผมรู้ว่าการมี“เซ็กส์”มันเป็นอะไรที่“ไร้พรมแดน”จริงๆหวะ
หลังจากที่ตอบตกลงไอ้เหี้ยไป(ใช้เวลาคิดแค่ไม่นาน มานั่งนึกย้อนแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมกูแม่งง่ายจังวะ)มันก็เอาผมต่ออีกสองยกครับ ต่ออีกหนึ่งยกที่ห้องเช่าของผมเอง(ไม่รู้แม่งจะเหงี่อะไรนักหนา)
สามยกที่ตึกร้างเสร็จขางี้สั่นจนยืนไม่อยู่ก็ได้มันนี่ล่ะอุ้มผมไปถึงห้องเช่า ถามว่าอายคนอื่นมั๊ยผมน่ะไม่อายหรอกยังไงก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันเป็นการส่วนตัวกับพวกป้าๆลุงๆที่ห้องเช่าอยู่แล้ว มีบ้างที่นินทาให้ได้ยินกันจะๆเลยแต่ผมก็ไม่แคร์(จะว่าไม่สนเลยก็ไม่ใช่แต่ผมแค่ไม่ชอบเก็บขี้ปากใครมาสุ่มในสมองให้หนักหัวมากกว่า)
คนพวกนี้ก็ได้แต่นินทาเท่านั้นแหละครับ เรื่องไหนจริงไม่จริงเรารู้อยู่แก่อกดิ้นไปร้อนไปให้สาแก่ใจเขาทำไมล่ะจริงมั๊ย?
อีกอย่างที่พวกลุงๆป้าๆเขานินทามันก็เรื่องจริงทั้งนั้นด้วยหละ555(เค้าบอกว่าผมมาอยู่ไม่นานก็ได้ผัวซะแล้ว บ้างก็บอกไปหางานหรือหาผัว บ้างก็ว่าเด็กสมัยนี้นี่ยังไงวิปริตวิปลาสกันไปหมด สงสารพ่อแม่สงสารครอบครัวสงสารไปยันวงศ์ตระกูลโคตรเหง้าศักราชบลาบลาก็ว่ากันไป)
ไอ้เหี้ยที่เพิ่งแนะนำชื่อให้ผมได้รู้จักหลังจากเย่อกูเบ็ดเสร็จไป 4 น้ำ(ของมันส่วนผมนี่นับไม่ถ้วน)
มันชื่อ"พัน"ครับ แต่ผมเรียกมันว่า"ไอ้พี่พันยักษ์" ยักษ์ทั้งตัวทั้ง Kมันนั่นล่ะ 555555
มันบอกว่าให้ผมพักสัก 3-4 วันก่อนแล้ววันศุกร์มันจะพาผมไปที่ร้านอันเป็นที่ทำงานของเด็กขายในสังกัดมันทุกคน มันบอกว่าเป็นร้านอาหารขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ไม่สะดุดตาอะไรแต่คนวงในจะรู้กันดีว่าร้านของมันไม่ได้ขายแต่ของกินอย่างเดียว(ซึ่งตอนนั้นบอกตามตรงว่าผมได้แต่นั่งหน้าโง่ฟังมันพูด ไม่เข้าใจหรอกครับวงนงวงในห่าเหวอะไรนั่นน่ะ รู้แค่ว่าที่ทำงานที่แรกในกทม.ของผมเป็นร้านอาหารเท่านั้นเอง)
ระหว่างพัก(รูสวาทที่ถูกมันทะลวงจนเจ็บหยอกไปหมด แต่ไม่ยักจะมีเลือดนองอย่างที่เคยได้ฟังได้อ่านมาหวะ มีเป็นลิ่มๆน้ำๆตามง่ามขาแต่ก็ไม่มากจนน่าสยองอะครับ)มันก็สอนอะไรผมหลายอย่าง
ทำแบบไหนลูกค้าถึงจะติดใจ เช่น เอายังไงให้มันส์ อมยังไงให้น้ำแตกแม้ไม่ต้องเสียบ จุดเสียวจุดตาย“แสดง"ยังไงให้ลูกค้าติดใจ มันใช้คำว่า“แสดง"จริงๆครับ อย่างที่บอกว่าผมไม่เข้าใจในบางคำที่มันพูดสักเท่าไหร่ เพิ่งจะมาเข้าใจก็ตอนได้“ทำงาน"จริงๆแล้วนั่นแหละ (เดี๋ยวมีเล่าถึงระหว่างนั้นเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นเยอะแยะครับ)
2-3 วันมานี้มันทำตัวเหมือนครูจริงๆครับแค่บางครั้งระหว่างสอนเท่านั้นที่มันจะหลุดหื่นหลุดกระหายออกมาบ้าง อย่างเช่นตอนที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนี้....
"อืมม ดี"
เสียงมันครางพร่าหน้าแดงพอกับน้องชายมันที่ถูกผมถอกอยู่ตอนนี้ ผมมองท่อนลำขนาดเขื่องที่อยู่ในมือกลืนน้ำลายลงคอ(ถึงได้อมได้รูดได้ขย่มเองบ้างแล้วก็เถอะยังไงมันก็ไม่ชินที่จะมองKคนอื่นอยู่ดี)
ผมทำปากจู๋ก่อนจะดูดเนื้อแดงๆในมือเป็นจุดๆ ไล่ดูดจากโคนขึ้นตามความยาวแท่งมาจนถึงส่วนหัวบาน ตวัดปลายลิ้นเลียน้ำเหงี่ที่ปริ่มออกมาก่อนจะห่อปากดูดเบาๆ แต่แค่ดูดไม่พอทำให้มันก้นลอยพื้นครางซี๊ดซ๊าดเสียงดังได้หรอกครับ
“ชั้นเชิง”ที่มันสอนผมมาไม่ได้มีแค่นั้น
ผมตวัดลิ้นกดร่องฉี่ไปด้วยมือถอกรูดผนังหุ้ม ไปด้วย ปรือตาช้อนมองไอ้พี่พันยักษ์ก็เห็นมันหน้าเบ้หน้าเบี้ยวร้อง
"อูยย เสียวครับเมีย ซี๊ดสสส ดูด เก่งอะไรอย่างนี้"
ก็มึงไงที่สอนกู
ผมเปลี่ยนจากอมเข้าปากเป็นลากลิ้นเลียรอบลำแทน เลียสลับดูดจนเยิ้มไปทั้งลำเห็นแล้วก็เริ่มมีอารมณ์เหมือนกัน แค่กลิ่นคาวๆจากน้องชายมันก็ทำให้ผมแข็งได้แล้ว
ผมเลียปากขยับตัวนั่งทับบนหน้าท้องแกร่งที่เต็มไปด้วยลูกลอนแข็งเป้งของมัน คุกเข่าขึ้นเอื้อมมือรูดน้องชายมันไปด้วยขยับสะโพกถูร่องสวาทกับหัวบานๆที่เยิ้มไปด้วยน้ำของมันไปด้วย
มันเองก็ไม่ได้นอนอยู่เฉยๆ เด้งเอวสวนจนหัวของน้องชายมันถูไถไปตามร่องก้น บางครั้งก็เกือบเข้ารู คืออารมณ์นั้นแม่งเสียวจริงๆครับ หน้าแม่งโคตรเอ็กเซ็กส์สุดๆอะ
แต่ยังหรอก บทเรียนที่มันสอนผมมาไม่ได้มีแค่นี้ ตอนมันสอนผมผมงี้เสียวแทบขาดใจตายห่าคาปากมัน มาถึงตากูเอาคืนให้มันรู้ฤทธิ์ลูกศิษย์มันซะบ้าง มันไม่คลั่งตายผมไม่หยุดอะ(ความคิดชั่วร้ายมาก5555)
ผมจับมือหยาบของมันที่กำลังบีบบี้หัวนมผมอย่างเมามันส์ไว้ก่อนจะแลบลิ้นเลียไล่ตั้งแต่นิ้วชี้ไปจนถึงนิ้วนาง ตาก็ปรือมองสบสายตาหื่นๆที่จ้องมองการกระทำของผมไม่วางตา เมื่อผมอมนิ้วกลางของมันเข้าปากแล้วรูดเข้ารูดออกเท่านั้นล่ะผมก็ได้ยินเสียงครางฮึมในลำคอของมันทันที
ระหว่างอมดูดนิ้วจิตนาการว่ากำลังกินไอติมที่ทั้งชีวิตนี้เคยได้ลิ้มรสแค่ครั้งสองครั้งผมก็ยังไม่หยุดรูดน้องชายมันที่ผงกสั่นงกๆเอวก็ขยับถูร่องกับลำตอปิโดของมันไปด้วย
จนกระทั่ง
"ซี๊ดดสสส ไม่ไหวแล้วเหี้ย วันนี้ขอกูเอามึงเถอะเจร่านยั่วกูเหลือเกิน"
ไม่พูดพร่ำให้มากเรื่องจับยึดสะโพกที่กำลังหมุนของผมเอาไว้แล้วกระทุ้ง พรวดเดียวเข้ารูผมเกือบมิดลำ ผมร้องโอ๊ยออกมาทันที จุกฉิบหายไอ้เหี้ยกระแทกเข้ามาได้(ไอ้พี่พันยักษ์แม่งซาดิมส์ครับ มันเป็นพวกเซ็กส์จัดอันนี้ผมก็มารู้ทีหลัง คือนึกอยากเอาแม่งก็เสียบเลยไม่คิดเตรียมรูให้อย่างที่สอนหรอก มันบอกว่าสะใจดีเพราะรูผมมันจะตอดตุบๆ)
"อูยยเจ เมียกู รูตอดดีฉิบหาย ซี๊ดดสส รับรองแขกติดรูมึงกันระนาว โอ้วว โยกหน่อย ขย่มหน่อยเมียจ๋า"
"ว่ากู อื้มม ร่านKมึง.......อ๊าสส มึงก็ร่านรูกูเหมือนกันนั่นแหละ ซี๊ดสส อ๊ะ พี่พัน.... มันลึกไป อิ๊สส"
ผมครางแทบไม่เป็นภาษา ขย่มสะโพกกับตอปิโดของไอ้พี่พันที่สวนกระแทกขึ้นมาอย่างเมามันส์
ยอมรับตามตรงว่าผมติดใจน้องชายตอปิโดของมันไม่น้อย แถมแม่งยังเย่อเก่งเย่ออึดอีก โดนมันเอาแต่ละทีตื่นมาอีกวันนี่แทบคลานเลยครับ
ผมโยกขย่มเองสักพักมันก็พลิกตัวกลับทั้งที่ยังคารูอยู่อย่างนั้น พอนึกออกมั๊ยครับพอมันพลิกหมุนทีนี่คือน้องตอปิของมันในรูของผมแม่งก็หมุนตาม เสียวท้องเกร็งจนแทบแตก
มันพับขาสองข้างของผมจนเข่าชิดอกก่อนที่จะกระหน่ำซอยเอวถี่ยิบ เสียงน้ำผสมเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังป้าบป้าบรุนแรงแต่สะใจฉิบหาย
" อ๊าสส อูยย.....เบาๆหน่อย แหกหมดแล้ว เดี๋ยวอย่าเพิ่ง.......ซี๊สส โอ๊ะ"ผมรู้เสียงผมเข้าไม่ถึงหูมันหรอก เหงี่จนกระเด้าถี่ขนาดนี้นี่มันคงอดทนมานานแล้วจริงๆ(ซึ่งก็จริงมันมาบอกผมทีหลังครับ)
2-3วันมานี้มันสอนเรื่องเซ็กส์กับผู้ชายให้ผมแทบทุกขั้นตอนครับ เว้นขั้นตอนสุดท้ายคือการเย่อกันจริงๆ
มันบอกต้องถนอมรูผมหน่อย เพราะถ้าลองมันได้เอาผมแล้วมันไม่ได้หยุดแค่ครั้งสองครั้งแน่(ผมก็เข้าใจเพราะพิสูจน์มาแล้วกับตัวในวันแรกที่เจอมัน)
และแต่ละครั้งแม่งก็จัดหนักซะจนรูผมระบมไปหมด ตอนเอากันก็มันส์สะใจดีอยู่หรอกแต่กรรมมันมาตกที่ผมในเช้าวันถัดมานี่สิ
"อู้ยยเจ เอามันส์เหลือเกิน ดูซิ .....โอ้วว ขมิบตอดจนผัวจะแตกอยู่แล้ว ซี๊ดดสสส"มันก้มลงมองน้องตอปิของมันที่ผลุบเข้าผลุบออกรูผมไม่หยุดเลียปากสีหน้าหื่นกระหาย จนผมอดก้มลงมองตามไม่ได้
น้องตอปิคล้ำลำใหญ่ปูดแดงที่กำลังผลุบเข้าผลุบออกก้นผมอยู่ เห็นแล้วอารมณ์พุ่งจนน้ำแตก........... ยิ่งผมกระตุกพ่นน้ำสวรรค์ออกมาไอ้พี่พันยิ่งครางเสียงดัง(มันบอกว่าตอนผมถึงจุดสุดยอดรูผมขมิบมันยิบๆเลยแต่ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวหรอก รู้แค่ว่ากูโล่งแล้ว ฮ่าๆ)
เผี๊ยะ แม่งตีน้องชายมะเขือของผมที่สั่นงกๆตามแรกกระแทกของมันซะอย่างนั้นอะ ไม่พอยังใช้นิ้วโป้งกดบี้ร่องหยักหนักๆอีก ผมงี้ครางซี๊ดหน้าเบี้ยวเลย
เพราะมือมันไม่นานลูกชายผมก็โกธาผงาดชี้หน้าไอ้คนมือบอนอีกครั้ง
วันนั้นผมเสร็จไปเกือบๆ 3 ครั้งเห็นจะได้ ในขณะที่ไอ้พี่พันผัวจอมหื่นเสร็จไปแค่ 2 ครั้ง(แต่ก็กินเวลาจนเกือบเช้า)
แน่นอนตื่นมาผมระบมช่วงล่างไปหมดปวดยอกสะโพกจนต้องให้ไอ้ผัวจอมหื่นมันมาคอยพยาบาล สรุปวันที่เหลือก่อนถึงวันศุกร์ที่มันจะพาผมไปร้านผมก็ต้องพักอย่างจริงๆจังๆ บทรงบทเรียนถูกมันโยนไปให้แขกซะอย่างนั้น
มันบอกแค่นี้ผมก็เรียนรู้เร็วจนน่ากลัวแล้ว นี่แค่เรียนกับมันคนเดียวนะผมยังขนาดนี้(ขนาดไหนวะ?) ถ้าได้ไปทำงานจริงๆผมคงเชี่ยววิชาจนทำให้มันขึ้นสวรรค์ได้นับครั้งไม่ถ้วน
เออ สุดท้ายถึงจะไปกับแขกคนไหนผมก็ต้องกลับมาให้มัน“สำรวจสินค้า”อยู่ดี มันบอกมันจำเป็นต้องรู้วิวัฒนาการของเมีย ผมหมั่นไส้ก็ถามมันไปนะว่าเมียคนที่เท่าไหร่ของมึงล่ะ มันก็ยิ้มกริ่มบอกให้ผมเดาซะอีก(olo กูไม่ใช่อับดุลนะสัส)
ผมก็ไม่คิดจะเค้นคออะไรจากมันต่อนะเพราะยังไงผมก็เฉยๆอยู่แล้ว จะเมียคนที่เท่าไหร่ก็ช่างแม่งเถอะเพราะยังไงมันก็ไม่สำคัญอยู่ดีหละ
"ตอนนั้น"ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมากไปกว่า"เจ้านาย"ที่ให้เงินเดือนกับ"ผัวคนแรก"ที่สอนให้ผมมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน(แล้วผมแม่งเสือกติดใจด้วยไง)ก็เท่านั้น
ยังไงผมก็ยังไม่ลืมจุดประสงค์ของการมากรุงเทพครั้งนี้ของตัวเองหรอกครับ
ผมจะเก็บเงินเยอะๆ ตักตวงให้ได้มากที่สุดจากอาชีพนี้ พอตั้งตัวได้ผมก็จะเลิกแล้วกลับไปเรียนต่อ เรียนให้สูงเท่าที่ตัวเองจะไปไหว
ผมคิดแค่นั้นจริงๆ และตอนนั้นผมแม่งไม่ได้รู้ตัวเลยว่าบางทีโลกใบนี้มันก็“โหดร้าย”เกินไป อะไรที่ได้"หลวมตัว"ลงไปแล้วบางทีมันก็ยากที่จะฉุดตัวเองขึ้นมาใหม่ได้
"ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ"ถ้ายังมีสิ่งที่เรียกว่า"อุปสรรค์"อยู่ทางเดินของผมก็คงไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังได้ง่ายๆหรอก....
ไม่ว่าจะสังคมสมัยไหนหากคิดบวกเกินไปโลกสวยมากไปมันก็อยู่ยากนะครับคุณ
////
{:5_136:}ขอบคุณครับ{:5_119:} ขอบคุนครับ ได้เวลาสนุกแล้วสิ ขอบคุณนะครับ รอติดตามครับ ขอบคุณครับ สนุกมากคับ สำโรงป่ะเนี่ย ชอบมากครับ สนุกดีนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ เห็นด้วย
ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณคับ สนุกดี ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2