บิ้ก บอส 28 CP
แดดยามบ่ายของกรุงเทพฯ นับวันจะยิ่งร้อนจ้าขึ้นเรื่อย ๆ แม้อยู่ในห้องปรับอากาศยังสัมผัสได้ถึงความร้อนของมันภายในห้องประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองหนึ่งภาณุพล นักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นั่งหารืออยู่กับกลุ่มผู้บริหารสมาชิกพรรคคนสำคัญอย่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บ่อยครั้งที่ห้วงคำนึงของตนจะล่องลอยไปถึงหญิงสาวผู้ซึ่งตนมีโอกาสได้เจออีกครั้งในคืนงานวันเกิดเมื่อเดือนก่อน
นับแต่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเจอเธอเมื่อครั้งได้รับเชิญเป็นแขกกิตติมศักดิ์ไปร่วมงานแต่งของเธอกับภูริเชษฐ์เมื่อหลายปีแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ดูเหมือนว่าความงามของหญิงสาวไม่ได้ลดลงบ้างเลย
เสร็จจากการประชุมมีการแจกแจงงาน การติดตามผลงานในกระทรวงส่วนที่ตนเองได้รับมอบหมายให้ดูแลกล่าวทักทายร่ำลาพรรคพวก จึงขอตัวเดินกลับเข้าห้องทำงานของตนทันทีโดยไม่สนใจพรรคพวกที่ชวนไปออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน บางคนที่สนิทกันหน่อยก็มีการพูดแหย่กันเล่น ๆ
“ฉลองงานวันเกิดหนักไปหรือเปล่าครับท่าน...ดูท่าเหม่อๆ อย่างไรชอบกล”
อย่างไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ จะมีอิทธิพลกับความรู้สึก ความคิดของตนจนทำให้ไม่มีสมาธิกับการทำงานเลยตั้งแต่ได้พบหน้าและเจรจาพาทีด้วยในวันนั้นทั้งที่ตลอดชีวิตได้ผ่านประสบกามมามากมาย ทุกรูปแบบ ทุกกระบวนการไม่เคยมีหญิงสาวหรือหญิงแก่แม่หม้ายคนไหนสร้างความกระวนกระวายใจใคร่อยากได้มาครอบครองถึงเพียงนี้
ระหว่างอยู่ในห้องทำงานคนเดียวเงียบๆ ภาณุพลอดหวนนึกถึงใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวผู้มีรูปร่างสูงโปร่งบอบบางราวกับต้นอ้ออยู่ในชุดราตรียาวเฟื้อยสีขาวรับกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมใส่มาร่วมงานวันเกิดของตนพร้อมกับสามีหนุ่มนักธุรกิจของเธอกิริยาท่าทางเต็มไปด้วยความร่าเริง สดใส เปิดเผย บุคลิกการวางตัวที่เพียบพร้อมเรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งนึกก็ยิ่งอิจฉาภูริเชษฐ์สามีจอมเจ้าชู้ของเธอ
ในงานวันเกิดคืนนั้นเขาจำได้ว่าภูริเชษฐ์ผู้เป็นสามีพาเธอเข้ามาทำความเคารพและอวยพรวันเกิดตามธรรมเนียมตนเองยกมือรับไหว้ พร้อมกับสำรวจตรวจตราหญิงสาววัยสามสิบต้น ๆผู้ที่ยังคงความงามสะพรั่งราวกับกุหลาบแรกแย้ม เหมือนวันที่ได้เจอเธอในงานฉลองมงคลสมรสเมื่อหลายปีความสวยสดงดงามของเธอในวันนั้น เบียดเอาสาววัยรุ่นตกขอบไปเลยทีเดียวเสียงชื่นชมจากแขกที่มาร่วมงานส่วนมาก ยังพากันกล่าวแซ่ช้องถึงความเหมาะสมของชายหนุ่มหญิงสาวราวกับกิ่งทองใบหยก
ภูริเชษฐ์สามีเธอเป็นคนที่เขาเคยเห็นตั้งแต่ยังเป็นเด็กเพราะสุรเชษฐ์พ่อของชายหนุ่มกับตนเป็นพวกแซ่เดียวกัน คือแซ่หลีและแซ่ล่อพอ ๆ กัน ถึงแม้ชายหนุ่มเองก็สืบทอดพันธุกามจากพ่อมามากพอสมควร จากข่าวคราวที่พอทราบมาว่าเขาเป็นคนค่อนข้างเจ้าชู้มากๆ คนหนึ่ง แต่ไม่คิดผูกพันกับใคร นอกจากภรรยาแสนสวย
ตั้งแต่ภรรยาของตนได้เสียไปเมื่อหลายปีก่อนภาณุพลก็เปล่าเปลี่ยวใจมาโดยตลอด ความที่เป็นคนมีหน้าตาทางสังคมทำให้เขาไม่กล้าไปเที่ยวใช้บริการตามแหล่งพักผ่อนหย่อนอารมณ์ จึงต้องให้บอริการ์ดส่วนตัวหาพวกนักศึกษาสาวสวยหรือแม้กระทั่งเด็กนักเรียนมาไว้คอยบริการอยู่เป็นประจำหากใครปรนนิบัติถูกใจหน่อย ก็อุปการะเลี้ยงดูเอาไว้
แต่ความสวยสดงดงามของหญิงสาวหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตนเมื่อเทียบกับความงดงามไปทั้งตัวของรจนาภรรยาของภูริเชษฐ์แล้ว เทียบกันไม่ได้เลยยิ่งนึกคิด ความเร่าร้อนแห่งไฟราคะตัณหาทะยานอยากของตนกลับยิ่งปั่นป่วน ลุกโซนโชติช่วงทวีคูณขึ้นทุกวัน
หากจะเปรียบความงามของรจนาแล้วเธอเปรียบเหมือนแสงจันทร์ที่เปล่งประกายคืนเดือนเพ็ญ ส่วนบรรดาสาว ๆที่เขาเคยได้ผ่านมาเปรียบได้แค่หิ่งห้อยเท่านั้นนั้นเอง
รำพึงกับตนเองอย่างนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะอดกลั้นอำนาจราคะของตนไว้ได้ ต้องสั่งให้การ์ดคนสนิทเตรียมรถออกเพื่อไปหาหญิงสาวที่ตนได้อุปการะไว้เป็นการแก้ขัดไปก่อน
ระว่างนั่งอยู่ด้านหลังพาหนะประจำตำแหน่งเขาลอบถอนหายใจยาวออกมาคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง จนการ์ดคนสนิทที่เป็นคนขับรถให้ด้วยหันกลับมามองอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน อย่างอดเป็นห่วงไม่ได้จึงถามขึ้น
“ท่านเป็นอะไรเปล่าครับตั้งแต่หลังงานวันเกิดมาแล้ว ผมเห็นท่านดูเครียด ๆคุณหนูไปก่อเรื่องอีกแล้วเหรอครับ”
ภาณุพลยกมือขึ้นลูบหน้าของตนช้าๆ จ้องมองการ์ดคนสนิทที่ทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโตอย่างทุกวันนี้ ซึ่งเขาทราบถึงความจงรักภักดีของการ์ดผู้เป็นทั้งลูกน้องและเพื่อนคนนี้ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดหากเขากล่าวออกไปแล้ว จะไม่มีวันล่วงไปถึงหูของคนที่สามแน่นอน
“ไอ้ก้อน...!มึงจำงานวันเกิดกูเมื่อเดือนที่แล้วได้เปล่า” “จำได้สิครับท่านพึ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง” “แล้วจำสองคนผัวเมียที่ทุกคนต่างพากันชื่นชมได้เปล่า” “จำได้สิครับ คู่นั้นใคร ๆ ก็ต่างพากันชื่นชม โดยเฉพาะภรรยาของเขา แม้จะอายุผ่านเลขสามแล้วแต่เธอก็ยังดูสวยงดงาม สมเป็นกุลสตรี พูดจาก็ไพเราะขนาดผมเธอยังยิ้มให้อย่างอ่อนหวานเลยครับ”
“กูก็คิดอย่างเดียวกับมึงนั่นแหละแต่ว่าก็ว่าเถอะ กูเห็นเธอแล้ว ชอบเธอมาก ๆ เลยว่ะ” “ท่านชื่นชอบแบบไหนล่ะครับแบบที่ผมเคยจัดหามาให้ประจำหรือเปล่า?” “กูก็ยังงงกับตนเองอยู่วันนี้ทั้งวันกูแทบทำงานไม่รู้เรื่องเลย เมื่อนึกถึงหน้าเธอขึ้นมาทีไรมันกระวนกระวาย เสียวไปถึงใต้สะดือเลยทีเดียว รู้แต่ว่าเธอทำให้กูเงี่ยนเหลือเกิน” “แต่เธอมีสามีแล้วนะครับท่านแถมสามียังเป็นหนุ่มหล่อ มากความสามารถเต็มไปด้วยไหวพริบ ปฏิภาณเป็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจตอนนี้”
“กูก็คิดอย่างมึงนั่นแหละแต่ทำไงได้ว่ะ ก็เธอทำให้กูเงี่ยนนี่หว่า” เป็นปกติหากอยู่ในสังคมภาณุพลจะเป็นคนที่เรียบร้อย กิริยามารยาทน่าเชื่อถือการเจรจาพาทีสุภาพสุขุมเยือกเย็น แต่ถ้าเป็นการอยู่ส่วนตัวกับการ์ดคนสนิทเขาจะพูดแบบเป็นกันเอง
“แล้วท่านมีแผนอะไรหรือยังครับ” “ยังไม่มีหรอก...พึ่งเห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งเองนายภูนั่นก็เหลือเกิน มันเก็บซ่อนเมียมันไว้อย่างดี แทบไม่ควงออกงานร่วมกันเลยหากข้าไม่เจาะจงต้องพาภรรยามาร่วมงานด้วย มันก็คงไม่พามา”
“มีเมียสวยมันก็ต้องถนอมเป็นธรรมดานะครับท่าน” “มึงไม่ต้องพูดดีช่วยกูคิดหาวิธีหน่อย แบบฉุดกระชากเถื่อน ๆ อย่างที่มึงเคยทำมา กูไม่เอาด้วยนะโว้ยเพราะนายภูมันก็แน่ ตลอดเส้นสายผู้หลัก ผู้ใหญ่ในวงการเมืองข้าราชการผู้ใหญ่มันก็สนิทเกือบทุกคน”
“ผมว่าท่านเลิกคิดไม่ดีกว่าเหรอครับจะได้ไม่ต้องมากระวนกระวายถอนหายใจเฮือก ๆ แบบนี้อีกอย่างตอนนี้คุณหนูทั้งสองก็กลับจากต่างประเทศกันหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น” “กูรู้โว้ย..ไม่ต้องแส่มาสอนเลยมึง” แม้ปากจะดุด่าแต่น้ำเสียงไม่ได้มีทีท่าจริงจังอะไร
“สองคนนั้นดูท่าจะรักกันมากๆ ด้วยสิครับ ขนาดคุณภูริเชษฐ์นั่นโคตรเจ้าชู้ประตูลิงเลยไม่เห็นมีข่าวว่าสองคนทะเลาะกันหรือภรรยาตามหึงหวงสามีเลย” “อะไรประตูลิงของมึง”
“ก็เจ้าชู้มาก ๆสิครับ แถมยังคล่องแคล่ว ว่องไว หนักหน่วงรุนแรง ได้ข่าวว่า สาวน้อย สาวใหญ่สาวแก่แม่หม้ายใครได้ลิ้มลองรสวาทจากเขาแล้ว เป็นติดกันหักปักหัวปำเลยล่ะแต่ก็ไม่เห็นเขาคิดจริงใจอะไรด้วย ไม่มีการเก็บไว้เลี้ยงดูเล่นเหมือนท่านอีกนอกจากความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว ที่สำคัญคุณหนูคนสวยของท่านก็แม่พระเหลือเกินไม่เห็นมีข่าวว่าแสดงอาการหึงหวงสามีเลย”
“มันต้องมีทางสิวะผู้หญิงต่อให้หนักแน่นขนาดไหน มันก็สามารถอ่อนได้ง่าย ๆ เหมือนกันเพราะอย่างนี้ไงกูถึงชื่นชอบเธอ เห็นแล้วทำให้อดถึงเมียที่ตายจากไม่ได้”
“ท่านจะให้ผมทำอะไร?”
“มึงไม่ต้องทำอะไรมากหรอกแค่ติดตามข่าวของนายภูและรายงานกูตลอดแล้วกัน กูไม่เชื่อว่าหนูรจจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ตลอดหรอกเกี่ยวกับเรื่องสามีเจ้าชู้ของเธอมันต้องมีสักวันที่เธอจะทนไม่ได้ หากได้รับการโหมไฟเข้าไปบ่อย ๆ” ภาณุพลยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
“เย็นนี้ท่านนัดคู่สามีภรรยามาทานอาหารที่บ้านอีกครั้งไม่ใช่หรือครับ” “ใช่...และกูคิดว่านายภูไม่กล้าพาเมียมาแน่” “ทำไมท่านถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ”
“วิสัยชาติเสือมันดมกลิ่นสาบสางของกันออกโว้ย...ไม่เชื่อมึงก็คอยดูเย็นนี้แล้วกันนายภูมันต้องมาเพียงคนเดียวแน่ ๆ ถ้าผิด กูจ่ายโบนัสให้มึงสี่เท่าเลย”
ก้อนมองหน้าเจ้านายอย่างไม่ทราบความนัยว่าท่านกำลังคิดจะทำอะไรอยู่แต่ไม่ว่าท่านจะทำอย่างไรตนในฐานะลูกน้องคนสนิท ก็พร้อมจะทำตามทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง หากคนไหนที่ท่านเบื่อแล้วเขามักได้รับการแบ่งปันจากท่านเป็นประจำ....
ด้านภูริเชษฐ์นั่งทำงานในออฟฟิศด้วยสีหน้าแววตาเคร่งเครียดอารมณ์และความคิดของเขาไม่ค่อยจะมั่นคงมากนักในระยะหลัง ๆภายหลังจากได้ไปร่วมงานวันเกิดของฯพณะฯ ท่านรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลมาเมื่อเดือนก่อนมีหลาย ๆ อย่างทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เพราะนับจากวันนั้นท่านดูเหมือนจะเข้ามาผูกสัมพันธ์กับเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมแทบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
จะมีการนัดชวนไปทานอาหารบ้านท่านบ้าง ไปออกรอบตีกอล์ฟบ้างดูเหมือนว่าคำพูดของอากรจะใกล้เคียงเข้าไปทุกขณะ เมื่อนึกถึงสายตาของนักการเมืองใหญ่ที่มองภรรยาของตนทุกครั้งที่ไปรับประทานอาหารบ้านท่านและเย็นนี้เขาก็ได้รับเชิญอีกครั้ง
พักหลังๆ นี้ อากรก็วุ่นกับงานเหลือเกิน ต้องคอยตามแก้ไขงานที่ลูกชายหัวแข็งหัวรั้นของแกได้ทำลงไปเพราะความอวดเก่งไม่เข้าเรื่อง ทำให้ไม่มีเวลาไปเที่ยวสนุกด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน
เขาอยากนัดพบกับแกไม่ใช่ต้องการให้แกพาไปสนุกสนาน เพราะนั่นเป็นเรื่องเล็กทว่าตอนนี้เขาต้องการพบด้วยเรื่องที่สำคัญกว่า บางทีคงต้องอาศัยแกให้ช่วยวางแผนรับมือกับนักการเมืองเจ้าเล่ห์กระทั่งใกล้ถึงเวลาเลิกงาน นฤมลก็แจ้งเรียนสายเข้ามา
“คุณภูคะคุณนรากรมาพบค่ะ” “เชิญเข้ามาได้เลย” เพียงแค่เปิดประตูเข้ามาชายสูงวัยที่เขากำลังคิดถึงก็กล่าวขึ้นตามสไตล์แก “ไปสนุกด้วยกันอีกไหมวันนี้...” นรากรแกล้งพูดแหย่ชายหนุ่มเล่นๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียด
“แหม...! ทุกวันนี้แทบไม่มีเวลามาเยี่ยมกันบ้างเลยนะอาตั้งแต่ได้คู่ขาเป็นดาราหนุ่มสองคน” “โทษที...ช่วงนี้งานมันวุ่นไปหมดไอ้ลูกชายตัวดีนะสิ ทำอะไรเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ ถ้ามันได้สักครึ่งของภู อาจะสบายใจกว่านี้เยอะ” “ช่างมันเถอะเขายังหนุ่มอยู่” “มันบ้าแต่ทฤษฎีที่ต่างชาติยัดใส่สมองมันไม่คำนึงถึงความเป็นจริงเลย” เห็นแกหัวเสียเรื่อลูกชายเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เพื่อดึงเข้าจุดหมายของตน
“วันนี้อาไปไหนหรือเปล่า?” “ไม่ได้ไปไหน...นัดทานข้าวลูกเมียว่ะทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีหน่อย” แต่ไม่วายส่งสายตายิ้มกวนยักคิ้วเล็กน้อย ย้อนถามกลับคืนมา “มีอะไรพิเศษพบเหยื่อไหมเหรอ”
“เหยื่อใหม่บ้าบออะไรกำลังจะกลายเป็นเหยื่อเขาอยู่นี่” “เป็นไงบ้าง...หนูรจนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะออกงานกับภูครั้งแรกในรอบหลายปี คนกล่าวถึงทั่วบ้านทั่วเมืองเลยโดยเฉพาะเจ้าของงาน” นรากรยังกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามลักษณะเดิมของตน
“ดูท่ามันจะเป็นอย่างอาว่านะสิ...ฯพณะท่านฯของอาเริ่มรุกแล้ว คนบ้าอะไร ผู้หญิงมีสามีโต้ง ๆยังกล้าทำท่าระริกระรี้ใส่เมียเราต่อหน้าต่อตา ชนิดไม่เกรงใจกันบ้างเลย” “พูดยังกับตนเองไม่เคยทำงั้นแหละ” “ผมยืนยันได้ว่าไม่เคย...ส่วนเมียมันจะมาทำท่าระริกใส่ผมก็ว่าไปอย่าง” “แล้วที่บอกว่าแสดงอาการรุกนะเขาทำอย่างไร?”
“ก็แวะมาที่บ้านผมบ้างเชิญไปทานอาหารที่บ้านตนบ้าง บางครั้งก็ชวนไปออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน และทุกครั้งหากเมียผมไปด้วยแกจะทำหน้ายิ้มแย้มระริกระรี้ร่าเริงมาก ๆ เลย ลอบส่งสายตาเยิ้มให้เมียผมตลอดและนี่ก็ทำท่า เจรจาชวนผมเข้าไปร่วมหุ้นธุรกิจด้วย” “อย่าได้คิดเข้าไปผูกพันกับเขาเป็นอันขาดนะภู...พวกนักการเมืองนี้เล่นด้วยยาก หากถูกคอชอบใจก็ดีกันไป หากผิดใจเมื่อไหร่หรือผลประโยชน์ขัดกันเขามีวิธีการกำจัดศัตรูจากเส้นทางชนิดเราคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
นรากรเตือนชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงต่ำลึกจริงจังไร้แววสนุกสนานเหมือนทุกครั้ง
“ระวังดี ๆแล้วกันเวลาอยู่กับเขาตามลำพัง คบกับพวกนักการเมืองมันเหมือนเล่นกับไฟหรืออสรพิษดีๆ นี่เอง หากเรารู้ไม่เท่าทัน อาจนำภัยมาสู่เราเมื่อไหร่ก็ได้ ภูก็รู้ดีอยู่แล้วว่านักการเมืองคนนั้นพิษสงรอบตัวแค่ไหน นักธุรกิจดัง ๆ หลายรายยังต้องส่งเครื่องบรรณาการให้เขาเลยไม่รวมพวกข้าราชการ ลูกน้องเขาอีก การมีเมียสวยก็อย่างนี้แหละ พยายามบอกปัดไปเถอะ”
“แต่...อาผมยังงงว่าแกมาชื่นชอบเมียผมได้อย่างไร? ทั้งที่วัน ๆนอกจากบ้านกับโรงเรียนลูกแล้ว รจแทบไม่ได้ไปไหนเลยนะ” “อาจเป็นเพราะหนูรจลักษณะคล้ายเมียเขาที่ตายเมื่อหลายปีก่อนก็ได้” นรากรลากเสียงหนักๆ อยู่ในลำคอ
“ได้ฟังอาเล่าทีแรกผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคนระดับนี้จะหลงชอบผู้หญิงง่ายขนาดนี้” “อย่าเอาตนเองเป็นศูนย์กลางสินับประสาอะไรกับท่านภาณุพล ขนาดในสมัยพุทธกาลพระเจ้าปเสนทิโกศลหนึ่งในพระมหากษัตริย์ผู้ทรงอำนาจในสมัยนั้นยังหลงผู้หญิงชนิดหัวปักหัวปำเลย”
“พูดจริงหรือพูดเล่นนี่” “อีโธ่...ถึงจะสัปดนอาก็เป็นคนอ่านหนังสือธรรมะเหมือนกันนะ” “เลือกขุมนรกให้ตนเองเหรอ” เขากล่าวยิ้มๆ
“ไปด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละไม่ต้องมาทำพูดดีเลย” “เล่าให้ฟังบ้างสิเรื่องเป็นอย่างไร?”
“มีเช้าวันหนึ่งพระองค์นอนตื่นสายหน่อย เปิดหน้าต่างออกมองความเป็นอยู่ของชาวเมือง จากบนประสาทราชวังชั้นเจ็ดของตนเช่นทุกๆ เช้า บังเอิญวันนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งทำงานบ้าน คงกำลังซักผ้าอยู่ละมั้งภูก็รู้สมัยก่อนเขานุ่งแค่กระโจมอก แป๊บเดียวเท่านั้นที่พระองค์เห็นความกระสันรัญจวนเกิดขึ้นเลยทันที ทันใด จนสุดที่จะหักห้ามใจตนเองเอาไว้ได้”
“แค่เห็นแค่นั้นเหรอ...” “เห็นแค่นั้นแหละแถมระยะการมองเห็นก็ไกลแสนไกลเสียด้วย ทั้งๆที่มีอัครมเหสีสวยสดงดงามคนหนึ่งในสมัยนั้นคือพระนางมัลลิกาแต่พระองค์ก็ไม่อาจระงับอำนาจไฟราคะที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนของตนไว้ได้” “แล้วทำอย่างไร?”
“ส่งทหารคนสนิทไปสืบข่าวว่ายังโสดหรือแต่งงานแล้ว” “แล้วไง” เขายังคงถามต่อไปด้วยความสนใจ
“พอรู้ว่านางมีผัวอยู่แล้วแทนที่จะระงับอำนาจกิเลสตัณหาของตนได้ กลับเป็นตรงข้ามอำนาจไฟราคะหากมันเผาผลาญใครแล้ว ยากที่จะดับให้มอดสนิทลงได้ง่าย ๆเกิดความคิดอยากได้หญิงสาวคนนั้นมาเป็นนางสนมอีกคนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่ากินไม่ได้ นอนไม่หลับเลยทีเดียว” “แล้วพระองค์ทำอย่างไร?” “คงคิดเหมือนท่านภาณุพลกำลังคิดกับเมียภูตอนนี้ละมั้ง” “คิดอย่างไร?”
“ก็คิดจะครอบครองนางให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม...พระองค์ไม่สามารถข่มความทะยานอยากด้วยอำนาจแห่งไฟราคะของตนไว้ได้ถึงกับออกแผนอุบายเพื่อกำจัดสามีของนางเลยทีเดียว เพื่อจะได้ครอบครองนางโดยชอบธรรมไม่มีใครติฉินนินทาได้”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ? เหมือนอาเลย” “บ้าเหรอ...!มาว่ากันเอง”
“ก็ไม่จริงเพราะความเงี่ยนของอาไม่ใช่เหรอทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้” เขากล่าวยิ้มๆ อย่างไม่คิดจริงจังอะไร
“ถ้าย้อนเวลากลับไปในวันนั้นได้อาก็จะทำเหมือนที่อาทำ” นรากรกล่าวยิ้มๆ ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ชายหนุ่ม
“แต่ผมจะเลือกฆ่าอาแทนที่จะจับเย็ดลงโทษ” “ว่าแต่จะมามัวกล่าวเรื่องราวเก่าๆ ทำไมล่ะนี่ จะฟังต่อหรือเปล่า” “ฟังสิครับกำลังสนุกเลย”
“ที่อานำเรื่องนี้มาเล่าสูฟังกันฟังเพื่อเป็นปทัฏฐานให้เห็นว่าคนเราถ้าถูกอำนาจไฟราคะแผดเผาแล้วยากที่ดับให้มอดสนิทได้ง่าย ท่านภาณุพลอะไรนั่น หากเขาชื่นชอบเมียภูจริง ๆก็คงกำลังคิดกำจัดภูด้วยวิธีการใด วิธีการหนึ่งเหมือนพระเจ้าปเสนทิโกศลแน่ ๆ”
“เล่าเรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศลต่อเถอะพระองค์วางแผนกำจัดผัวของนางอย่างไร?”
“รับสั่งให้ทหารไปตามมาเข้าเฝ้าแล้วออกอุบายสั่งบังคับให้ไปหาดินเหนียวจากวังพญานาคราชมาให้ตนเองโดยอ้างว่าเป็นโอสถพิเศษที่ต้องนำมาผสมกับน้ำสำหรับอาบ จะทำให้มีพลามัยสมบูรณ์มีอายุยืนนาน และต้องนำมาให้ทันก่อนตะวันตกดินเย็นนี้ หากทำไม่ได้จะต้องถูกประหารชีวิตยึดบ้าน ยึดเมีย เป็นของหลวง”
“แผนแยบยลเหลือเกิน”
“แยบยลมาก ๆชาวเมืองก็เอาผิดไม่ได้ด้วย เมื่อชายผู้โชคร้ายคนนั้นออกจากประตูวังไปแล้วพระองค์ก็นั่งรอให้เวลาเย็นเร็ว ๆจะได้ประหารพ่อหนุ่มคนนั้นแล้วยึดเมียมันมาครอบครองเสียที รู้สึกว่ากาลเวลาวันนั้นสำหรับท้าวเธอช่างยาวนานเหลือเกินแต่สำหรับชายหนุ่มคนนั้น กาลเวลามันช่างสั้นและน้อยนิดเหลือเกิน”
“ตกลงว่าผัวของนางทำได้ตามรับสั่งหรือเปล่า”
“ได้สิ...แต่ก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้เพราะพระองค์รับสั่งให้ทหารเฝ้าประตูเมืองปิดประตูก่อนเวลาปกติถึงหนึ่งชั่วยามโดยอ้างว่าจะมีเหตุอันตรายต่อบ้านเมืองพร้อมกับรับสั่งให้เอากุญแจหรือลูกดาลสมัยนั้นไปเก็บไว้กับพระองค์ส่วนเจ้าหนุ่มคนนั้นได้มาถึงประตูเมืองเวลาที่ทหารปิดประตูสนิทพอดี ไม่ว่าจะร้องสั่งหรืออ้อนวอนอย่างไรก็ไม่มีใครบังอาจกล้าเปิดประตูให้”
“เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ?” ภูริเชษฐ์ถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่
“ส่วนพระราชาตั้งแต่สั่งปิดประตูเมือง ก็เกิดอาการกระสับกระส่าย กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากให้พรุ่งนี้เช้าเร็วๆ จะได้สั่งประหารชายคนนั้นแล้วยึดเอาเมียของมันมาเป็นเมียตนเองนอนคิดฝันหวานถึงหน้าหญิงสาวจนไม่เป็นอันหลับ อันนอนเลยทีเดียว กระทั่งเผลอหลับไปกลายเป็นว่าฝันร้ายทั้งคืน ตื่นเช้ามา เรียกโหรหลวงมาทำนายความฝันโหรหลวงก็หาสาเหตุไม่เจอ ด้วยเกรงว่าตนเองจะถูกลงโทษ จึงทำนายสุ่มสี่สุ่มห้าไปว่าจะเป็นโทษต่อพระราชบัลลังก์และต่อพระองค์พร้อมพระอัครมเหสีพร้อมกราบทูลวิธีสะเดาห์เคราะห์ครั้งนี้ด้วยการบูชายัญ”
“แล้วเขาเอาอะไรมาบูชา” “ไอ้โหรหลวงเจ้าเล่ห์คิดว่าหากเกณฑ์เอาแต่สัตว์มาบูชา ชาวเมืองก็จะกล่าวหาได้ว่าเลือกแต่สัตว์ที่ตนเองอยากกินมาบูชาจึงกะเกณฑ์ให้มีการบูชายัญด้วยคนและสัตว์อย่างละร้อย เช่น เด็กหญิงร้อยคนเด็กชายร้อยคน ม้าร้อยตัว เป็นต้น”
“จากแค่อยากได้ผู้หญิงคนเดียวมาเป็นนางบำเรอกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็ใช่นะสิ..โชคดีของเท้าเธอที่มีพระนางมัลลิกาเป็นพระอัครมเหสีพระนางทรงเป็นพระโสดาบัน และเฉลียวฉลาดจึงสามารถระงับเหตุการณ์อุบาทว์นั้นไว้ได้ด้วยการพาพระราชาไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทูลขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรมให้ฟังแลระงับเหตุนั้นทั้งคนและสัตว์จึงรอดตายกันถ้วนหน้า รวมทั้งไอ้หนุ่มโชคร้ายคนนั้นด้วยความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศลในคืนนั้น พระพุทธองค์ได้ทำนายไว้ว่าจะเกิดในเหตุการณ์ข้างหน้าไม่ใช่เกิดในสมัยของเท้าเธอ ซึ่งปรากฏอยู่ในตำราทำนายฝันหลาย ๆเล่มของหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการทำนายฝันของบ้านเราทุกวันนี้” นรากรกล่าวจบก็ยิ้มให้ชายหนุ่ม
“อาเพียงเล่าเรื่องราวที่คล้ายกันให้ภูได้รับทราบเฉย ๆ บางทีท่านภาณุพลอาจเพียงแค่ชื่นชมในความงามของหนูรจเฉย ๆก็ได้ เพราะหนูรจ รูปร่างหน้าตา ตลอดกิริยามารยาทหลาย ๆ อย่างคล้ายกับภรรยาของท่านอย่าวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ เดี๋ยวจะกลายเป็นเข้าทางฝ่ายโน้นเสียก่อนหากเขาคิดจริงจัง คอยดูเหตุการณ์ไปเฉย ๆ นั่นแหละดีที่สุด”
ตามรูปการณ์เท่าที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้เปรียบเทียบกับเรื่องราวที่อากรเล่าให้ฟัง ความรู้สึกแท้จริงของภูริเชษฐ์ได้โน้มเอียงไปกับคำเตือนของนรากรอย่างเต็มที่ เมื่อนึกถึงกรณีแวดล้อม พฤติกรรมส่วนตัวของนักการเมืองใหญ่คนนั้นจากการได้รับทราบข้อมูลบางอย่างจากผู้เป็นพ่อตลอดการใช้ชีวิตของท่านซึ่งมีวาระซ่อนเร้นและแอบแฝงสายตาประชาชนอยู่ไม่น่าจะเป็นนักการเมืองที่บริสุทธิ์นัก
เป็นต้นว่ามีบ้านพักตากอากาศอยู่หลายแห่งบางแห่งยังเป็นเขตป่าสงวนอีก บ้านเดี่ยวอยู่หลายแห่งสำหรับเป็นที่พักอาศัยของสาว ๆซึ่งได้อุปการะเลี้ยงดูไว้เป็นจำนวนมาก มีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทใหญ่หลาย ๆ บริษัท
เขาพูดคุยกับอากรอยู่ประมาณเกือบชั่วโมงเต็มเหลือบมองดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดทานอาหารเย็นที่บ้านรัฐมนตรีจะกลับไปรับภรรยาก็เกรงว่าจะไปถึงช้า อีกอย่างเขาไม่ต้องการพาภรรยาไปบ้านนั้นด้วยจึงหันมาชวนคู่สนทนา
“อากรไปกับผมไหม?” “ก็บอกแล้วว่าวันนี้ไม่ว่างและไม่อยากไปด้วยเขาชวนหนูรจไปด้วยไม่ใช่หรือ” “ครับ..แต่ผมจะไปคนเดียว” “ระวังการกินการดื่มด้วยล่ะ อย่าประมาท เพราะถ้าพลาดมีสิทธิ์เสียทั้งชื่อและเสียทั้งเมียได้” “ครับอา..” เขารับคำแกด้วยน้ำเสียงแจ่มชัดหนักแน่นนรากรยิ้มเปรมปรีดิ์อย่างให้กำลังใจ
“อย่าคิดอะไรมากอย่าวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ...แต่อาว่า ภูน่าจะพาหนูรจไปด้วย ไปเดี่ยว ๆ แบบนี้มันทำให้เขารู้ตัวว่าเรารู้ทัน จะเป็นการเร่งให้อีกฝ่ายรีบลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อทำลายชื่อเสียงภูหากเขาคิดจริงจังกับเมียภูจริง ๆ”
“ไม่ทันแล้วอากว่าจะขับรถย้อนกลับไปบ้าน แล้วยังต้องขับรถไปบ้านท่านอีกคงเลยเวลาอาหารเย็นกันพอดี”
ขณะที่เดินไปส่งนรากรเขาได้โทร.ไปบอกภรรยาว่า ไม่ต้องเตรียมตัว เขาจะไปบ้านท่านเพียงคนเดียวเพราะไปรับไม่ทัน แม้ภรรยาจะเตือนมาด้วยความเป็นห่วงว่า
“จะดีหรือพี่...ระวังท่านจะไม่พอใจหาว่าเราไม่ให้เกียรตินะ”
แต่เขาก็ไม่สนใจพูดให้เธอสบายใจ เพราะตนเองได้ตัดสินใจจะไปเพียงคนเดียว โดยหารู้ไม่ว่าความระแวงเกินกว่าเหตุของตน กำลังทำให้เขานำตัวเองเข้าไปสู่ภาวะเสี่ยงอย่างช่วยไม่ได้เพราะมันเข้าทางแผนการของอีกฝ่ายอย่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน....
ขอบคุณครับ ขอบคุนครับผม ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ สนุกมากมาย ขอบคุณครับ ชอบมากครับ ขอบคุณครับ เจออย่างนี้ คงเจอปัญหาหนักเลยละ แนะนำให้จับ รมต เย็ดไปเลย ขอบคุณครับ Happy ขอบคุณ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2