SFdrink2731 โพสต์ 2019-12-16 21:42:00

ประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปีในครอบครัวชาวฝรั่งเศส (EP.2)

"ท็อป นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ที่ครูจะยอมปล่อยไม่ทำเรื่อง" ครูนัทวัฒน์เอ่ย ใช่ครับ ผมโดดจับได้ในขณะที่ไอ้กรกับไอ้ศิวัฒน์รอดตัวไปได้
"ครับ" ผมตอบรับหน้าตาเฉย
"เห้ย พูดกับครูดีๆหน่อย" ครูนัทวัฒน์ยังคงทำเสียงเข้มดุใส่ผม "เธอก็รู้ว่าการสูบบุหรี่ในบริเวณโรงเรียนเนี่ยมันเรื่องใหญ่ขนาดไหน เธอสามารถโดนพักการเรียนได้นานๆหรือถึงขั้นโดนไล่ออกได้เลยนะท้อป"
"ครับ ครูก็ทำซิครับ" ผมท้าเพราะไม่ต้องการจะฟังประโยคเทศนาซ้ำๆจากครูนัทวัฒน์อีกแล้ว
"ท็อป อย่าคิดนะว่าครูไม่กล้าทำ" ครูนัทวัฒน์ชี้หน้าผม
"ผมไปได้ยังครับ"
"ยัง" ครูนัทวัฒน์ตอบพร้อมกับก้มลงไปเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะและเก็บเอกสารทั้งหมดที่เป็นคดีของผมไว้ในนั้น
"โหยไรอีกว้ะครู จะตรวจฉี่ผมออ"
"ป่าว" ครูนัทวัฒน์นั่งลงที่โต๊ะทำงาน "เมื่อเช้าแม่ของเธอโทรมาหาครู แม่บอกว่าอยากให้ครูช่วยแนะแนวให้เกี่ยวกับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน"
"ครูครับ"
"ครูคิดว่ามันเป็นโอกาสดีมากๆที่เธอควรไปสอบเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน มันคือโอกาสไม่กี่ครั้งในชีวิตที่สามารถทำได้"
"ครูครับ"
"และพ่อแม่เธอก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่อยู่แล้ว"
"โอ้ยครู ผมไม่ไปสอบ เลิกยุ่งกับผมซะที" ผมฉุนขาด และเดินออกจากห้องปกครองไป

เย็นวันนั้น บรรยากาศในครอบครัวเคร่งขรึมมากกว่าจากปกติที่เคร่งขรึมอยู่แล้ว
"ท็อป วันนี้ไปทำอะไรมาที่โรงเรียน" แม่เริ่มต้นพูดเพื่อกลบความเงียบนั้น พ่อยกแก้วน้ำขึ้นจิบและส่งสายตาตรงมาที่ผม "ครูนัทวัฒน์โทรมาบอกแม่ว่าเค้าจับลูกกำลังสูบบุหรี่อยู่หลังอาคารเรียน"
"แม่" ผมเถียง
"ท็อป ทำไมท้อปทำแบบนี้อ่ะ" แม่ตะโกนขึ้น "แม่ส่งลูกไปเรียนหนังสือ พยายามหาเงินมาเพื่อให้ลูกได้เรียนโรงเรียนที่ดี เจอสังคมที่ดี วางแผนชีวิตลูกให้แล้วทุกอย่าง ทำไมถึงทำแบบนี้อ่ะ"
"แม่"
"มีอีก" แม่ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินตรงเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วหยิบกล่องบางอย่าง "วันนี้มีพัสดุส่งมาถึงบ้าน" แม่ฉีกซองพัสดุนั้นสุดแรงทำให้ของข้างในหลุ่นลงมาตกลงและกลิ้งไปบนโต๊ะ "ทำไมท็อปถึงส่งของแบบนี้มาอ่ะ ท็อปชอบอะไรแบบนี้หรอ" ผมอึ้ง เถียงอะไรไม่ออก แต่ก็ยังจำสิ่งนั้นได้ดี สิ่งที่ตกลงมาจากกล่องพัสดุคือซิลิโคนดิลโด้ที่ผมแอบสั่งซื้อมาจากเน็ตพร้อมกับน้ำยาหล่อลื่น
"ท็อป" พ่อพูด ผมเองก็ไม่กล้าหันไปมองหน้าพ่อเลยแม้หางตา "มึงเป็นเกย์หรออ"
"พี่ท็อป" ทิมเอ่ย พยายามจะพูดบางอย่าง "ท็อป" แต่ก็โดนแม่สวนไว้
"ท็อป แม่ไม่คิดเลยนะว่าลูกจะเป็นแบบนั้น ไอ้เวรเอ้ย" แม่ตะโกนเสียงดังแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนแล้วหยิบดิลโด้นั้นปาใส่ที่หัวผม ผมสะดุ้งและพยายามหลบมัน "มึงเป็นเกย์หรอ มึงชอบผู้ชายหรอ มึงชอบหรอของแบบนี้อ่ะ มึงอยากจะใช้นักหรอ"
น้ำตาผมกำลังไหลมารวมกันที่ริมขอบตาแต่ต้องพยายามกั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา
"มึงมัน" พ่อพูดด้วยเสียงสั่น "เสียชาติเกิด เสียแรงที่กูเลี้ยงมึงมาให้โตมาเป็นผู้ชาย ให้เป็นหลักในครอบครัว สุดท้ายมึงมันก็เป็นแค่ไอ้ตุ้ด"
"เออ" ผมยืนขึ้น แตะเก้าอี้ออก และก้มหยิบดิลโด้นั้นมาปาใส่หน้าพ่อ "กูมันตุ้ด กูมันเหี้ย"
"พี่ท็อป" ทิมเอ่ย
"กูมันเป็นลูกเวร แต่จำไว้นะ พวกมึงอ่ะ...มันก็เป็นพ่อแม่เวรเหมือนกันแหละไอ้สัส" ผมวิ่งอออกไปจากโต๊ะอาหาร เปิดประตูบ้านออก ข้างนอกฝนตกแรงแต่ก็หยุดผมไม่ได้
"เออ ไปเลย ออกไปเลย" พ่อลุกขึ้นตามมา "แต่กูบอกไว้เลยนะ ว่ามึงจะไม่ได้เห็นหน้าพวกกูอีกตอนมึงกลับมา มึงก้าวออกจากประตูรั้วไปเมื่อไหร่ มึงไม่ใช่ลูกกู"
ผมหันหลังไปมอง เห็นหน้าพ่อที่แดงราวกับปีศาจในร่างมนุษย์ตะคอกเสียงดังใส่ผม แม่ที่นั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะอาหารไม่แม้แต่จะหันมามองผม และน้องทิมที่พยายามวิ่งตามผมมาแต่ก็โดนพ่อดึงแขนไว้ นี่หรือคืออิสรภาพ นี่หรือคือสิ่งที่ครอบครัวคาดหวังให้ผม นี่หรือคือบทลงโทษของการไม่ทำตามแผนที่ถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบของพ่อกับแม่ ผมก็เป็นคนๆนึงที่มีความรู้สึกและจะไม่ยอม ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขีดชตากรรมชีวิตของผมอีก
"พี่ท็อป อย่าไปนะ ขอร้อง" ทิม กูขอโทษ พ่อแม่คงรักมึงมากกว่ากู กูแม่งเป็นพี่ที่แย่ให้มึงจริงๆ
ผมเปิดประตูรั้วของบ้านออกและวิ่งตากสายฝนออกไปในเสียงตะโกนของพ่อและเสียงฝนที่กระทบลงบนพื้น ทุกคนร้องไห้ ผมร้องไห้ พ่อ แม่ น้องทิม และท้องฟ้า ใช่ซิ ที่นี่มันคงไม่ใช่ที่ของผม ที่ไหนคือที่ที่ผมจะได้มีอิสระแสดงออกในการเป็นตัวของตัวเองทุกอย่าง ผมเองก็ไม่รู้ว่าที่นั่นคือที่ไหนและมันคงเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องแสวงหาสถานที่นั้นด้วยตัวของผมเอง

ทันทีวิ่งหนีมาพ้นบริเวณหมู่บ้านที่ผมอยู่ ผมใช้โทรศัพท์โทรหากรแต่กรไม่รับสายผม ผมเลยต้องโทรหาศิวัฒน์แทน
"ฮัลโหลว" ศิวัฒน์รับสาย ทำให้ใจผมชื้นขึ้นเท่าตัว
"ฮัลโหลวมึง วันนี้กูไปนอนคอนโดมึงได้ป่าวว้ะ"
"ไอ้ท็อป" ศิวัฒน์เอ่ย "มึงเป็นไรป่าวว้ะ"
"เออ กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันว่ะ แต่ว่ากูขอไปนอนคอนโดมึงนะ ครั้งนี้จำเป็นจริงๆ" ผมขอร้อง พยายามพูดเสียงดังเพื่อสู้กับเสียงฝนที่ตกหนักขึ้นๆ
"เออ..." เสียงศิวัฒน์ลังเล "มาดิว้ะ"
"ขอบใจ" หลังจากที่วางสาย ผมที่รีบไปที่คอนโดศิวัฒน์ทันที โชคดีที่คอนโดศิวัฒน์กับบ้านของผมอยู่ไม่ไกลกันนักทำให้ผมไปถึงได้ในเวลาที่รวดเร็ว

ศิวัฒน์รีบลงมารับผมขึ้นไปบนห้องจากชั้นล่างคอนโด ตัวของผมเปียกโชกเพราะวิ่งตากฝนที่ตกหนักมาจากบ้าน
"เชี่ยท็อป ตัวมึงเปียกไปหมดเลย เป็นไรรึป่าว" ศิวัฒน์ทัก ผมไม่รู้จะตอบอะไรเพราะในหัวผมนั้นปวดตุ้บๆ สับสนทุกอย่างไปหมด ได้แต่ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ผมพุ่งเข้าไปกอดศิวัฒน์ทันทีที่เห็นหน้ามัน "โอ้วๆ... ท็อป ใจเย็นๆนะเว้ย เดี๋ยวขึ้นไปบนห้องกูก่อนนะ" ผมเดินตามศิวัฒน์ขึ้นลิฟท์ไปบนห้องคอนโดของมันแต่ตอนนั้นใจผมเหมือนอ่อนแรงและไม่มีความคิดใดๆทำให้ศิวัฒน์ต้องเป็นคนอุ้มประคองผมขึ้นไปบนห้องของมัน

ห้องคอนโดของศิวัฒน์ไม่ได้ใหญ่มาก มีแค่เตียง โต๊ะทำงาน กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนิดหน่อย นอกจากนั้นอีกฝั่งหนึ่งของห้องก็กั้นเป็นห้องน้ำ ศิวัฒน์ค่อยๆประคองผมให้นั่งลงบนเตียง แต่แทนที่มันจะพยายามถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม มันกลับบอกผมว่า "ใจเย็นๆนะมึง ไม่ว่ามึงจะผ่านอะไรมา เดี๋ยวทุกอย่างจะต้องโอเคนะ" และนั่นคือคำพูดที่อ่อนโยนที่สุดในวันนี้ที่ผมได้ยิน มันทำให้ผมมีสติขึ้นมาอีกครั้ง "แต่มึงคิดเหี้ยอะไรอยู่เนี่ย วิ่งฝ่าฝนมาแบบนี้เนี่ย เปียกหมดแล้วไอ้สัส" ศิวัฒน์ยืนตรงหน้าผมและเอาผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกโชกของผม มันค่อยๆปลดกระดมเสื้อนักเรียนที่เปียกโชกจนแนบติดเนื้อออกทีละเม็ด พอเสร็จหมดก็ดึงเสื้อนักเรียนไปบิดน้ำออกแล้วทิ้งไว้ในกะละมังที่มันลากมาใกล้ๆ ศิวัฒน์หยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่ใหญ่กว่าเดิมมาคลุมตัวผมให้อุ่นและเช็ดตัวผมให้หายเปียก "มึงนี่แม่งภาระของเพื่อนๆดีนี่เอง" ศิวัฒน์เองก็บ่นพรึมพรำขณะปลดเข็มขัดนักเรียนออกและดึงกางเกงนักเรียนออกจากตัวผม "มึงเขยิบก้นขึ้นหน่อยดิ กูจะถอดยังไงล่ะ" มันเอ่ย แต่ผมก็ยังนั่งนิ่งเหมือนคนไร้สติ "เอ้าไอ้สัส เป็นเอ๋อไปแล้วเพื่อนกู" ศิวัฒน์ก็พยายามจนดึงกางเกงนักเรียนออกไปจนได้ ตอนนี้ผมก็เหลือแต่กางเกงในบ๊อกเซอร์ที่สุดท้ายแล้วมันก็ถอดออกจนผมเปลือยเปล่า ศิวัฒน์ใช้ผ้าขนหนูเช็ดทำความสะอาดร่างกายของผมจนแห้งสนิทก่อนที่จะเอาบ๊อกเซอร์ตัวใหม่ของมันมาใส่ให้ผม มันประคองผมลงนอนแล้วห่มผ้าให้เหมือนกันเด็กๆ
"มึงไม่รังเกียจกูหรอว้ะ" ผมเอ่ย
"โถ่ท็อป จู๋มึงอ่ะกูเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ยังไงของกูก็ใหญ่กว่าอยู่ดี555" ศิวัฒน์ตอบ

ท่ามกลางความมืดของห้องคอนโด ผมที่นอนแทบไม่ได้สติอยู่บนเตียงเหลือบมองไปเห็นเสื้อผ้าของศิวัฒน์ที่เปียกเหมือนกันเพราะผมเข้าไปกอด หลังจากที่มันห่มผ้าให้ผมด้วย มันก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าฝั่งตรงข้ามเตียงแล้วถอดเสื้อผ้าที่ชื้นออก เหลือแค่กางเกงในที่รัดแน่นเห็นสรีระของมัน มันทิ้งเสื้อผ้าของมันกองไว้รวมกันในกะละมังที่ใส่เสื้อนักเรียนเปียกๆของผมแล้วยกเอากะละมังเสื้อผ้านั้นไปวางไว้ในห้องน้ำ ศิวัฒน์ปิดไฟห้องน้ำทำให้ตอนนี้ทั้งห้องคอนโดของมันมืดสนิท เหลือเพียงแค่เสียงจากท้องฟ้าข้างนอกที่ลอดผ่านหน้าต่างมาและเสียงฟ้าร้องกับเสียงฝนที่ตกของมากระทบหน้าตาห้อง ศิวัฒน์ก้าวเข้ามานอนข้างๆผมบนเตียงเพราะห้องมันเล็กและมีเตียงเพียงแค่เตียงเดียว และการที่ผมมาแบบไม่ได้บอกก่อนทำให้มันไม่ได้เตรียมที่นอนสำรองไว้ให้ผม
"มึงไม่รังเกียจกูหรอว้ะ" ผมถาม พร้อมกับหันไปจ้องหน้ามันที่นอนเปลือยอกอยู่ข้างๆ
"ไม่ดิว้ะ ถามอีกล่ะ" ศิวัฒน์หยิบผมห่มผมขึ้นแล้วซุกตัวลงไปที่ใต้ผ้าห่มนี้เหมือนกัน ทำให้ขามันมาสัมผัสกับขาของผมที่ใต้ผ้าห่ม ขนหน้าแข้งชื้นของมันกับของผมที่สัมผัสเสียดสีกันไปมา "มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆนี่หว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะเว้ย กูก็จะอยู่ข้างๆมึงเสมอแหละ" ศิวัฒน์ถอนหายใจ "กูรู้ว่าหลายๆอย่างที่เราทำด้วยกันมั้ยเหี้ยนะเว้ยท็อป แต่ว่าสุดท้ายแล้วมึงก็จะมีกูอยู่ในความเหี้ยนั้นด้วย" ศิวัฒน์พลิกตัวมานอนจ้องหน้าผมเช่นกัน "กูถามได้ป่าวว้ะ ทำไมมึงถึงหนีครอบครัวมึงหาว้ะ เพราะแค่เรื่องสอบแลกเปลี่ยนนั่นอีกหรอ"
ผมตอบไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้สะอื้นออกมาอีก
"พ่อแม่กูรู้แล้วว่ะ" ผมพูด พยายามฝืนตัวเองไม่ได้สะอื้น
"รู้อะไรว้ะ" ศิวัฒน์ถาม
"ศิวัฒน์" ผมเอ่ย "ถ้ากูบอกมึง มึงไม่รังเกียจกูใช่มั้ยว้ะ"
"เห้ย" ศิวัฒน์ชักสีหน้า "กูบอกมึงแล้วไง ไม่ว่ายังไงกูก็จะไม่รังเกียจมึง"
"กู..." ผมพยายามรวบรวมความกล้า และสูดลมหายใจกลั้นน้ำตาเอาไว้ "กูเป็นเกย์ว่ะ" แต่น้ำตากลับไหลออกมามากกว่าเดิม "กูชอบผู้ชายว่ะ" ศิวัฒน์เงียบ ไร้ซึ่งคำตอบหรือคำแสดงความรู้สึกใดๆ ผมเองก็แอบตกใจไม่คิดว่าผมต้องมาพูดสิ่งนี้เพื่อคาดหวังให้คนฟังยอมรับในคำพูดนั้นซ้ำถึงสองรอบภายในวันเดียว และทั้งห้องคอนโดก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างกายของผมเหมือนไม่ทำงาน ไม่ได้ยินเสียงฝนที่กระทบหน้าต่างอยู่ตอนนี้อีกต่อไป ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของศิวัฒน์ แต่ท่ามกลางความเงียบนั้นศิวัฒน์เอื้อมมือมาจับตัวผมไว้ ยกตัวขึ้นมาและจูบลงที่ริมฝีปากผมครั้งหนึ่ง ศิวัฒน์ใช้ริมฝีปากที่นุ่มชื้นดูดริมฝีปากผมไว้ทำให้ผมไม่กล้าชักหน้าหนี มันค่อยล้วงลิ้นของมันเข้ามาเกี่ยวกับลิ้นของผม รสสัมผัสของริมฝีปากของมันช่างนุ่มละมุน ถึงจะลื่นเพราะน้ำลายของมันที่กำลังไหลลงมาในช่องปากของผมแต่น้ำลายของมันนั้นก็ลื่นราวกับว่าผมกำลังดื่มน้ำที่ใสสะอาดมากๆ มันค่อยๆปล่อยริมฝีปากออกแต่ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ มันใช้ฟันบนและล่างกัดที่ริมฝีปากล่างๆของผมไว้แรงมากจนผมเจ็บก่อนจะค่อยๆปล่อยให้ริมฝีปากผมได้ครูดกับฟันของมันอย่างช้าๆ

ผมลืมตาขึ้น ศิวัฒน์กำลังขยับตัวซุกเข้ามาใกล้และใช้ขาขึ้นหนึ่งขึ้นคร่อมบนตัวผมไว้ ผมมองเข้าไปในสายตาของมัน สายตาที่ผมเห็นมันมาตั้งแต่ตอนผมยังเป็นเด็ก สายตาที่คอยมอบความห่วงใยและมิตรภาพนี้ให้ผมมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมยกมือออกจากใต้ผ้าห่มแล้วกุมแก้มทั้ง 2 ข้างบนใบหน้าศิวัฒน์ไว้ก่อนจะยกปากของผมไปจูบริมฝีปากของมันเช่นเดิม

ผมรู้สึกตัวได้อีกทีก็เมื่อรู็สึกถึงแสงอาทิตย์ที่สาดบนตัวผม ผมยังคงอยู่บนเตียงที่คอนโดของศิวัฒน์ ร่างกายเปลือยเปล่า ที่ปลายเตียงมีกางเกงในบ๊อกเซอร์ของผมกับกางเกงในของศิวัฒน์พาดไว้อยู่แบบลวกๆเหมือนโยนไป ผมแทบจำรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้แต่ก็ยังคงจำภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ดี ความรู้สึกที่ผมได้เอาของผมเข้าไปในรูทวารของศิวัฒน์มันเป็นความรู้สึกที่หล่อหลอมด้วยความผูกพันธ์ ผมเอื้อมมือไปแตะตัวศิวัฒน์ที่นอนอยู่ข้างๆที่เดิมบนเตียง ร่างกายของมันเหนียวเหนอะหนะเพราะน้ำอสุจิของเราทั้ง 2 คนที่ปล่อยรดตัวมันเมื่อคืน
"มึง... เป็นไงบ้างว้ะ"​ ผมเอ่ย ศิวัฒน์ไม่ตอบอะไร มันเพียงแต่ถอนหายใจ ยกผ้าห่มขึ้นและลุกออกจากเตียงไป ผมบอกลงไปที่ผ้าปูที่นอน เหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทิ้งคราบเลือดจากการเปิดโลกทวารของศิวัฒน์ไว้เป็นวงกว้าง ศิวัฒน์เองก็เดินไปที่ห้องน้ำอย่างเจ็บปวดเหมือนกับคนพิการ ผมมองตามมันเดินไปอย่างอาวรณ์ ขณะเดียวกันคราบน้ำสีขาวข้นก็กำลังไหลลงมาเป็นทางจากรูทวารของมัน ผมรีบผลักผ้าห่มออกและเดินตามมันเข้าไปในห้องน้ำ ศิวัฒน์นั่งลงที่ชักโครกและใช้สายชำระฉีดล้างที่รูทวารของมัน ศิวัฒน์ร้องโอดครวนเพราะความเจ็บปวดด้วยแผลที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังคงสดใหม่อยู่

"เจ็บมั้ยว้ะ กูขอโทษนะเว้ย" ผมเอ่ยพร้อมกับเดินไปลูบหัวมันทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ทำให้น้องชายของผมตอนนี้อยู่พอดีกับปากมันพอดี
"ไอ้สัส" ศิวัฒน์สะบดพร้อมกับต่อยเข้าที่น้องชายผมอย่างจัง ทำให้ผมล้มลงกับพื้นอย่างแรง มือกุมที่น้องชาย ศิวัฒน์ปล่อยสายชำระลงและลุกขึ้นสู้หน้าผม "มึงรีบออกไปจากห้องกูเลยนะ"
"เห้ย เดี๋ยวก่อนดิ" ผมพยายามพูดในขณะที่ยังเจ็บอยู่ "แล้ว... เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้อ่ะ"
"กู..." ศิวัฒน์เดินหน้าผมออกจากห้องน้ำไป "กูขอโทษว่ะท็อป กูแค่มีอารมณ์"
"ศิวัฒน์ มันไม่ใช่อย่างงั้นดิว้ะ"​ ผมวิ่งไปคว้าแขนศิวัฒน์ไว้ "มึงเป็นที่พึ่งเดียวของกูเลยนะเว้ย"
ศิวัฒน์สะบัดมือของผมทิ้งและหันมามองผมด้วยสายตาอาฆาตร "กูไม่ได้เป็นเหมือนมึง กูไม่อยากเป็นเหมือนมึง กูขอโทษนะท็อป... แต่กูขออยู๋คนเดียว มึงรีบออกไปได้แล้ว"
จิตใจของผมดิ่งต่ำลงอีกครั้ง ในหัวผมคิดคำด่าศิวัฒน์เอาไว้ต่างๆนานาแต่ปากของผมกลับไม่พูดออกมาเลยซักคำ ความเจ็บที่โดนต่อยน้องชายหายไปฉับพลัน ผมไม่รู้ว่าจะต้องแสดงออกถึงคำพูดนี้ว่าอย่างไร ชีวิตของผมผ่านอะไรมากับศิวัฒน์เยอะจนผมเองก็ตายใจกับคำพูดที่มันยืนยันจะอยู่ข้างๆผมเสมอไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน ตอนนี้ทุกอย่างได้พิสูจน์ว่ามันเป็นเพียงคำโกหก ผมรีบเดินไปหยิบชุดนักเรียนที่แห้งแล้วมาจากกะละมังแล้วเดินออกจากห้องของศิวัฒน์ไปทั้งที่ยังใส่ไม่เสร็จดี กดลิฟท์กลับลงไปที่ชั้น G ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน ที่เดียวที่ผมจะไปได้ก็คงจะเป็นบ้าน

ผมเดินกลับบ้านอย่างไม่กลัวอะไรอีกต่อไป ในเวลานี้ พ่อกับแม่ก็คงไปทำงานและน้องทิมก็คงอยู๋ที่โรงเรียนแล้ว และก็เป็นดังที่คาดไว้ เมื่อผมมาถึงบ้าน ไม่มีใครอยู่เลย ผมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอนตัวเอง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วจึงเอากระเป๋าเดินทางออกมาเก็บเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมดไป ถ้าหากสังคมที่ผมอยู่ไม่สามารถให้ความสุขและอิสรภาพกับผมได้ ผมเองนี่ก็จะกำหนดอิสรภาพของตัวเอง เพื่อนที่ผมเคยคิดว่าจะเป็นทุกอย่างให้กับผมตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงความเข้าใจผิดของผมเอง ผมต้องการหนี หนีออกจากที่แห่งนี้ ที่ที่มีแต่ความคาดหวัง การกำหนดความถูกต้องและบรรทัดฐานที่เอาความพอใจของผู้อาวุโสเป็นหลัก ผมทนไม่ไหว ไม่ว่าอนาคตผมต้องเจออะไร ผมจะสู้ ขอให้ผมได้หนีจากที่แห่งนี้ หนีไปให้ไกลที่สุด

ผมนึกถึงอาอเล็กขึ้นมา อาไม่ใช่พี่น้องของพ่อแต่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เคยสนิทกับพ่อมากๆแต่ทะเลาะกันแรงด้วยเรื่องธุรกิจ ตอนนี้อาย้ายไปอยู่ยุโรปและสร้างครอบครัวใหม่อยู่ที่นั่น อาคือความหวังเดียวของผมในตอนนี้แล้ว ผมตั้งใจเดินทางไปหาอาคนเดียว หลังจากโทรจองตั๋วเครื่องบินผ่านทางบริษัทของพ่อเรียบร้อย ผมตัดสินใจเรียกแท๊กซี่ตรงดิ่งไปที่สนามบินโดยทิ้งเอาความรู้สึกเลวร้ายที่มีต่อครอบครัวนี้ไว้ข้างหลัง และพร้อมจะเริ่มต้นการแสวงหาอิสรภาพในสังคมใหม่ต่อไป

Joechin โพสต์ 2019-12-16 22:00:37

ขอบคุณครับ

sex_hi_hi โพสต์ 2019-12-16 22:11:33

สนุกมากครับ

Pakchinki โพสต์ 2019-12-16 22:39:15

รอครับ

shanetc โพสต์ 2019-12-16 22:42:35

ขอบคุณครับ

minone โพสต์ 2019-12-16 23:09:09

ขอบคุณ​มาก​นะ​ครับ​รอ​ลุ้น​ตอน​ต่อไป​นะ​ครับ​{:5_130:}

thanadkit41 โพสต์ 2019-12-16 23:38:13


ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2019-12-17 02:58:44

ขอบคุณครับ

Homealone โพสต์ 2019-12-17 04:52:42

ขอขอบคุณ

topto โพสต์ 2019-12-17 05:14:45

สนุกมากตามต่อ

Mite โพสต์ 2019-12-17 07:43:11

ขอบคุณครับ จะคอยติดตามนะครับ

sengjit โพสต์ 2019-12-17 09:21:31


ขอบคุณครับ

jatuAAA โพสต์ 2019-12-17 10:32:07

ขอบคุณครับ

thai_boys โพสต์ 2019-12-17 17:25:46

ขอบคุณมากๆนะครับ{:5_135:}{:5_135:}{:5_135:} สนุก เศร้าและน่าติดตามครับ

OakyDogie โพสต์ 2019-12-17 19:03:39

ติดตามอ่านครับขอบคุณครับ

KNNM โพสต์ 2019-12-17 21:31:00

โอ้ยย ปวดตับ

testuser886 โพสต์ 2019-12-17 22:39:55

สนุกมากเลยคับ ติดตามๆ

myles โพสต์ 2019-12-17 22:59:47

ขอบคุณมากครับ น่าติดตามมากครับ

69c0f4d6cc5579e โพสต์ 2019-12-18 06:16:23

tarper โพสต์ 2019-12-18 17:37:59

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2 3 4
ดูในรูปแบบกติ: ประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปีในครอบครัวชาวฝรั่งเศส (EP.2)