เปิดซิงน้ำแรกเด็ก 13 ม.1 (24) น้องเฟรม ประวัดิศาสตร์ซ้ำรอย 2
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-6-18 22:09สายของวันรุ่งขึ้น (31 ธ.ค.) ผมตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำแล้วก็ ยังง่วง..อยากจะนอนต่อ เพราะช่วงหยุดยาวนี่ ผมนอนดึก ตี 3 ตี 4 ทุกคืน เลยกลับเข้าไปนอน ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะท้องร้องจ๊อก ๆ จึงโทรไปสั่งอาหารร้านเจ้ไล ระหว่างนั่งรอ ก็ลุ้นไปด้วยว่า น้องปอนด์จะมาส่งเองหรือป่าว ถ้าน้องมา ผมจะทำยังไงดี จะไล่น้องกลับด้วยวิธีไหน คิดไปเพลิน ๆ เสียงรถมอเตอรไซด์ก็เข้ามาถึงหน้าบ้านแล้ว เดินออกไปดู เห็นน้องปอนด์กำลังใช้เท้าเขี่ยขาตั้งรถ เสร็จแล้ว น้องก็เดินถืออาหาร ยิ้มแป้นเข้ามาหา ผมทำสีหน้าหน้าเฉย ๆ ไม่ทักทายอะไร น้องปอนด์พูดด้วยเสียงร่าเริงว่า “หวัดดีครับพี่...เอาอาหารมาส่งครับ”แล้วก็ยิ้ม ๆ ทำหน้าล้อเลียน ผมก็ยังทำหน้าเฉย ๆ นิ่ง ไม่พูดสักพักผมถามน้องปอนด์ด้วยสีหน้านิ่ง ๆ น้ำเสียงเรียบๆ ว่า เท่าไร น้องบอกราคาผมแล้ว มองหน้าผมด้วยความสงสัย เอ่ยถามผมว่า “พี่เป็นอะไรรึป่าวครับ”ผมเลยตอบไปว่า “ไม่ค่อยสบาย ปวดหัว” “เหรอครับ กินยายังอ่ะ”“ยัง” ผมตอบแล้วนิ่งเงียบ“พี่ก็กินข้าว กินยาแล้วนอนพักเหอะครับ”ผมไม่ตอบอะไร แล้วส่งเงินให้น้องปอนด์ น้องรับเงินและไหว้ขอบคุณ มองหน้าผมเห็นผมยังนิ่ง ๆ เลยพูดว่า “งั้นผมไม่กวนพี่ล่ะ.... ผมกลับล่ะครับ” “อืมม”ผมตอบไปสั้น ๆพอน้องกลับไปแล้ว ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่าวิธีนี้ได้ผลดีแฮะ กินข้าวเสร็จก็มานั่งพิมพ์ถ่ายทอดเรื่องราวของผมไปเรื่อยๆ จนปวดตา ก็นอนพัก ตื่นมาอีกที ก็ 5 โมงเย็น โทรสั่งอาหารคนที่มาส่งคือ หนุ่มใจ น้องปอนด์ไม่ได้มา ผมก็นึกในใจว่า ดีแล้ว...น้องปอนด์ไม่มาก็ดีแล้ว จะได้จบ ๆกันไป ผมจะได้ไม่ต้องระแวง ว่าน้องเฟรมจะรู้ กินข้าวเสร็จก็มานั่งเล่นเกมจนถึง4 ทุ่ม ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์มาจอดหน้าบ้าน นึกในใจว่า เอ๊ะ....ผมไม่ได้สั่งอาหารแล้วนี่หว่า แล้วใครมา แต่เสียงรถคุ้น ๆ พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเรียก นั่งเงี่ยหูฟังให้ชัด ๆ มันเป็นเสียงน้องปอนด์ แล้วมาทำไมวะ ผมปล่อยให้น้องปอนด์เรียกอยู่นาน เพราะคิดว่า ผมไม่ขานรับ เดี๋ยวก็คงกลับ แต่น้องก็ยังไม่หยุดเรียก กลับส่งเสียงดังเพิ่มขึ้นอีก ผมกลัวว่าบ้านอื่นจะได้ยินและรำคาญ จึงจำใจเดินไปเปิดประตูให้น้อง พอเห็นน้องปอนด์ก็ต้องแปลกใจ น้องแต่งตัวมาอย่างหล่อ ใส่เสื้อคอกลมสีขาวสวมแจ๊กเก็ตทับข้างนอก นุ่งยีนส์มาอย่างเท่ห์ ดูเหมือนหนุ่ม ๆ อายุ 16 – 17 เลยเมื่อเห็นหน้าผมปุ๊ป น้องปอนด์ก็พูดออกมาทันที “ป่ะพี่ ไปเที่ยวงานปีใหม่..ไปเค้าท์ดาวน์กัน” ผมขมวดคิ้วสงสัยว่า น้องมาเที่ยวได้ยังไง ทำไมมาคนเดียว น้องปอนด์น่าจะเดาใจผมออกจึงพูดขึ้นว่า“ผมขอพ่อกับแม่ว่า จะไปเที่ยวปีใหม่กับพี่ เค้าก็ให้มา” (อ้อ...เอาผมไปอ้างนี่เอง)“นะพี่....ไปเค้าท์ดาวน์กับผมนะ” ผมก็นึกไปอีกว่า น้องคิดอะไรยังไงกับผมหรือป่าว ถึงมาชวนผมไปเค้าท์ดาวน์ ธรรมดาเค้ามีแต่คนที่เป็นแฟนกัน ชวนกันไปเค้าท์ดาวน์ คิดแล้วก็แอบดีใจเล็ก ๆ แต่ผมก็ยังสงวนท่าทีไม่พูดตอบอะไรน้องปอนด์เห็นผมไม่พูด ก็เอามือมาแตะหน้าผากผม และพูดว่า“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ หายป่วยแล้วแหละ ไปเที่ยวกับผมนะคร้าบบ”ผมก็ยังทำนิ่งอยู่น้องคงเริ่มสงสัย หน้าตาและแววตาร่าเริงเมื่อกี้ ดูสลดลงไปนิดนึง แล้วถามผมว่า “พี่โกรธไรผมป่าวครับ ผมทำไรให้พี่โกรธป่าวครับ”พอได้ยินน้องปอนด์พูดแบบนี้ ผมก็คิดว่าผมทำเกินไปหรือป่าว ที่จริงน้องไม่ได้ผิดอะไรเลย ผมต่างหากที่ผิด เพราะเมื่อวาน ผมเป็นฝ่ายเริ่ม พูดหลอกล่อลวนลามน้อง ทั้ง ๆ ที่ทีแรกน้องก็ปฏิเสธ คิดได้ดังนั้นแล้ว ผมจึงตอบน้องไปว่า “ป่าว...ปอนด์ไม่ได้ทำอะไรให้พี่โกรธ แต่พี่ยังมึน ๆหัวอยู่นิดหน่อย” น้องปอนด์ฟังแล้วกลับมายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม “งั้น...พี่ไปนอนพักอีกหน่อยก็ได้ครับ..เด๋วเราค่อยไปตอน 5 ทุ่ม ผมจะนั่งเล่นเกมรอ” น้องพูดจบก็จับมือผมจูงเดินเข้าห้องนอน พาไปที่เตียงให้ผมนอน ผมก็ต้องฟอร์มนอนไปตามเกม ทำเนียน ๆ เป็นนอนหลับ แต่ในใจครุ่นคิดว่า น้องปอนด์ไม่ผิดอะไรเลย ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยซ้ำ ผมคิด..ผมรู้อยู่คนเดียว คิดกลับมาที่ตัวผม ผมก็เคยโดนเพื่อนที่ทำงาน ทำอาการแบบนี้ใส่เหมือนกัน จึงเข้าใจหัวอกน้องปอนด์ กิริยาท่าทางน้องอาจจะดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ในใจอาจจะคิดแบบที่ผมคิดตอนนั้นก็ได้ นอนคิดอะไรไปเรื่อยเกือบครึ่งชั่วโมง จึงตัดสินใจลุกขึ้น จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปเที่ยวกับน้อง ซึ่งผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไปกับน้องเฟรม ไปเที่ยวกับน้องปอนด์ก็ยังดีเพราะทุกปีที่ผ่านมา ผมก็ต้องเค้าท์ดาวน์คนเดียวอยู่แล้วพอน้องปอนด์เห็นผมลุกขึ้น ก็ถามว่า “อ้าว..พี่นอนพอแล้วเหรอครับ”“ครับ” ผมตอบแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เสร็จแล้วก็เดินมาหาน้องและบอกน้องว่าไปกันได้แล้ว ดูน้องกระดี้กระด้ามีความสุขมาก ผมให้น้องปอนด์จอดรถมอเตอร์ไซด์ไว้ที่บ้านผม ผมจะเอารถยนต์ไป ทีแรกน้องจะไม่ยอม คงอยากขี่รถไปเที่ยวเท่ห์ ๆ มั้ง แต่ผมยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่ไปรถยนต์ผมก็ไม่ไป น้องจึงยอม ระหว่างนั่งรถไป น้องปอนด์บอกว่า ถ้าพ่อแม่น้องถาม ให้ผมบอกว่า ผมเป็นคนชวน เพราะน้องบอกพ่อกับแม่ว่า ผมชวนไปเที่ยวปีใหม่ (มิน่าละ...พ่อแม่น้องคงเกรงใจผม เลยให้ลูกชายมาเที่ยว) ผมจึงดุน้องปอนด์ว่านิสัยไม่ดี โกหกพ่อแม่น้องก็ทำหน้าสลดลงนิดนึง......เมื่อถึงสวนสาธารณะที่จัดงาน เอารถไปจอดฝากเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินเข้าไปพร้อมน้องปอนด์ น้องชวนผมไปยิงปืน ปาลูกโป่ง แต่ก็มีอาการเหลียวซ้ายแลขวา เหมือนมองหาใคร พักหนึ่ง น้องปอนด์ก็โบกไม้โบกมือและตะโกนเสียงดัง“เฮ้ยๆ...ไอ้ไก่..ไอ้ทิม..ทางนี้” ผมหันหน้ามองตามไปที่เด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่น้องปอนด์ตะโกนเรียก ซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ผมคิดในใจว่า อ้าว...น้องปอนด์หลอกผมมานี่หว่า แอบนัดเพื่อนมาเที่ยว โกหกพ่อแม่ว่าผมชวน แล้วยังหลอกให้ผมมาด้วยเพื่อให้สมจริง ผมเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมานิด ๆแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เมื่อน้องปอนด์แนะนำเพื่อน ๆ ให้มาไหว้ผมผมรับไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มนิด ๆน้องปอนด์ชวนผม ให้เดินเที่ยวด้วยกันแต่ผมปฏิเสธ เพราะเด็กมากันเป็นกลุ่ม มีเราคนเดียวที่อายุมาก คนละวัยกับน้อง ๆไปด้วยกันจะสนุกได้ยังไง น้อง ๆ ก็ต้องพูดคุยกันอย่างเกร็งๆ เที่ยวไม่สนุกแน่ ๆ ผมเองก็คงไม่สนุกด้วยเหมือนกันผมจึงบอกน้องว่า ผมจะไปรอที่ซุ้มเบียร์สดข้างนอกผมเดินเข้าไปสั่งเบียร์เหยือกนึง นั่งกินไปจนหมด....ใกล้เวลาเที่ยงคืน ผมจึงเดินกลับเข้าไปยังสถานที่ที่จะจุดพลุเดินไปจนเห็นหลังน้องปอนด์และเพื่อน ๆ เห็นน้องปอนด์เดินจูงมือกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คุยกันกระหนุงกระหนิง ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที คิดว่า น้องปอนด์นี่โกหกตลอด ทีแรกผมเข้าใจว่าโกหกพ่อแม่ โกหกผมเพื่อมาเที่ยวกับเพื่อน ๆ แต่นี่ไม่ใช่แล้ว นัดแฟนมาเที่ยวนี่เองผมจึงเดินไปที่ร้านค้าแถวนั้นแล้วซื้อเบียร์มา 2 กระป๋อง เดินกลับไปนั่งกินเบียร์ที่รถ...รอน้องปอนด์ด้วยความหงุดหงิด เวลาผ่านไปจนเที่ยงคืนครึ่งแล้ว น้องปอนด์ก็ยังไม่กลับมา (ธรรมดาทุกปีที่ผมมาเที่ยว ป่านนี้ผมกลับถึงบ้านแล้ว) ผมคิดในใจด้วยความโกรธว่า น้องปอนด์คงกำลังเอากับเด็กคนผู้หญิงคนนั้นอยู่แน่ ๆจนเกือบจะตีหนึ่งน้องปอนด์และเพื่อนผู้ชายก็เดินกันมา ได้ยินเสียงน้องปอนด์พูดว่า “นู้นไง...พี่เค้านั่งรอในรถ”แล้วน้องปอนด์ก็อำลาเพื่อน พูดอวยพรโชคดีปีใหม่กันน้องเดินยิ้มร่ามาที่รถและเปิดประตูเข้ามานั่ง “โห...พี่ผมเดินตามหาพี่แทบแย่ ไปที่ซุ้มเบียร์ก็ไม่มี ไปที่ร้านลูกโป่งก็ไม่มี ตามร้านค้าไหน ๆ ก็ไม่มี คิดว่าหนีกลับไปแล้วซะอีก” น้องพูดด้วยเสียงสนุกสนาน แต่ผมกำลังโมโหจึงตวาดกลับไปด้วยเสียงอันดัง “หนีอะไรวะ....นั่งรอเป็นชั่วโมง กินเบียร์หมดไปกี่กระป๋องแล่วรู้มั้ย งานเลิกตั้งนาน...เพิ่งมา มัวทำไรอยู่ เอากับอีเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือไง เห็นเดินจับมือกันกระหนุงกระหนิงนี่” น้องปอนเห็นผมตวาดก็ตกใจจนหน้าเสีย หน้าตาสลดลง ทำหน้าจ๋อย ๆ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อยๆว่า “พี่...พี่เห็นเหรอครับ”ผมก็ตวาดกลับไปอีกว่า “ก็เห็นดิ่ไม่เห็นจะพูดถูกได้งัย” น้องก้มหน้านิ่ง “ถ้ารู้ว่าเป็นเด็กนิสัยอย่างนี้ไม่มาด้วยหรอก โกหกทั้งพ่อแม่ โกหกทั้งพี่ หลอกให้เราดีใจ ชวนเรามาเที่ยว ที่ไหนได้นัดแฟนมาเอากันต้อนรับปีใหม่นี่เอง”น้องปอนด์หันหน้ามามองด้วยสีหน้ารู้สึกผิดและเสียใจ “ขอโทษครับ แต่ผมยังไม่ได้ทำไรกับเค้า”“เออ..ทีหลังไม่ต้องมาหาแล้วนะ ไม่ชอบเด็กโกหก”แล้วผมก็ขับรถกลับออกไปจากงาน ผมต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับ โดยต้องอ้อมไปทางถนนในซอย แล้วเลาะออกไปตามถนนคลองชลประทาน เพราะรู้ว่า มีตำรวจตั้งด่านตรวจจับแอลกอฮอล์ที่ถนนสายหลักอยู่ ขี้เกียจเสียเวลาคุย ระหว่างขับรถมา เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ด้วยความเมาเบียร์ ทำให้ผมขับรถเซไปมาบ้าง น้องปอนด์หันมามอง เหมือนจะเอ่ยปากเตือน แต่พอเห็นผมทำหน้าเหมือนตูดเลยไม่กล้าพูด จนขับกลับมาถึงบ้าน จอดรถในโรงรถแล้ว ผมเปิดประตูออกมาก่อน โดยไม่ได้พูดอะไร เดินตรงไปที่ประตูจะไขกุญแจเข้าบ้าน ได้ยินเสียงน้องปอนด์เดินตามมาจนใกล้ จึงหันไปพูดกระชากเสียงว่า “ทำไมไม่กลับบ้านจะเดินตามมาทำไม”น้องปอนด์ทำหน้าเศร้าตาละห้อย (ถ้าวินาที...นั้นผมไม่ได้โกรธน้อง ผมคงเข้าโอบกอดปลอบน้องแล้วแหละ) พูดขึ้นมาว่า “พ่อแม่...บอกว่า ถ้าดึกแล้ว ให้ขอนอนที่บ้านพี่” ผมได้ยิน ก็นึกได้ว่า..เออจริงดิ่ น้องโกหกพ่อกับแม่ว่า ผมชวนน้องมาเที่ยว ถ้าน้องปอนด์กลับไปดึก ๆแบบนี้ แล้วไปเกิดอุบัติเหตุหรือถูกดักจี้เอารถ หากลูกเค้าเป็นอะไรไป เค้าต้องโทษผมเต็มประตู ผมจึงพูดเสียงเรียบๆ หน้านิ่ง ๆ ว่า “เออ...งั้นก็ไปนอน”แล้วผมก็เดินเข้าบ้านไปที่ห้องนอน น้องปอนด์ก็เดินตามเข้ามาผมหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัว และต้องการจะหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับน้องปอนด์ กำลังอาบน้ำอยู่ดี ๆ ดันปวดท้อง สงสัยข้าวผัดพริกแกงทำผิด (ผมเป็นคนธาตุเบาท้องเสียง่ายและเป็นโรคลำไส้แปรปรวนนะครับ) จึงต้องนั่งส้วมก่อน เสร็จแล้วก็ล้างทำความสะอาด ด้วยการฉีดน้ำเข้าไปล้างอีก2 – 3 ครั้ง (เวลาผมถ่ายเสร็จ ผมจะล้างแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วนะครับ) เสร็จแล้วก็กลับมาใส่เสื้อยึดกางเกงขาสั้นเตรียมตัวจะนอน น้องปอนด์เห็นผมเข้ามาในห้อง ก็ถามผมด้วยสีหน้าเกร็ง ๆ เศร้า ๆ ว่า “พี่จะให้ผมนอนไหนครับ”ผมจึงชี้ไปที่เตียงพร้อมกับพูดเสียงห้วน ๆ ว่า “นู้น” แล้วผมก็เดินไปที่โซฟาหน้าทีวีในห้องนอนมันตรงโซฟานี่แหละ เอนตัวลงนอนและหลับตา (ผมเองก็ไม่ได้หันไปดูว่าน้องปอนด์ไปนอนที่เตียงหรือยัง)...บรรยากาศในห้องเงียบงันผ่านไปประมาณ 10 นาที เสียงฝีเท้าของน้องปอนด์เดินมาที่ผม ผมนอนฟังนิ่งแต่ไม่ลืมตา ได้ยินเสียงเหมือนน้องนั่งลงที่พื้นหน้าโซฟาเงียบ ๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง ผมได้ยินเสียงสะอื้น จึงลืมตาขึ้นดู เห็นหน้าน้องปอนด์เต็มไปด้วยน้ำตา ที่ไหลอาบสองแก้ม พอน้องเห็นผมลืมตาขึ้นมาก็ก้มลงกราบ และพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “พี่ครับ....ผมขอโทษครับ....ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ” ผมเห็นน้องเป็นแบบนั้นก็ตกใจ ไม่คิดว่า..น้องจะเสียใจขนาดนี้ จึงลุกขึ้นนั่งแล้วก้มตัวไปโอบกอดน้อง ลูบหน้าลูบหลัง แล้วบอกน้องว่า “ไม่เป็นไร ๆ พี่ไม่โกรธแล้ว”น้องปอนด์ก็ปล่อยโฮออกมาทันที
{:5_122:} ขอบคุณ ปอนด์ก็น่ารักดีครับ ใส่ใจคนอื่นดี ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ คนแก่ขี้งอนแถมหึงน้องปอนด์ด้วยแฮะ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุนคับ เราก้นะ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ