แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orama เมื่อ 2024-6-13 20:22
, c3 }) D5 d+ x7 D1 z4 p ]" j1 P4 r2 ^5 K1 G
บทหนึ่งของชีวิต ตอนเมืองทะเลภูเขา 1 โดย Orama ผมมีโอกาสได้กลับมาเมืองเลยอีกครั้ง มาครั้งนี้มาบ้านไอ้ดล หรือนพดลที่เมืองเลย เป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ขอนแก่นจะว่ามาเที่ยวก็ไม่เชิง มางานบวชมันน่าจะดูดีกว่า มันวางแผนจะแต่งงาน แต่พ่อกับแม่มันให้บวชก่อนถึงจะยอมให้แต่ง ผมเลยลาพักร้อน 5 วัน ขับรถมาเอง โดยเดินทางจากกรุงเทพมาทางเพชรบูรณ์ไต่เขามาเรื่อย ๆ แวะกินโน่นกินนี่เรื่อยเปื่อย เพราะผมกะมาล่วงหน้าก่อนวันงาน 2 วัน บ้านมันเป็นบ้านริมแม่น้ำเลย บรรยากาศตอนเช้ากับตอนเย็นสบายสุด ๆ แต่ตอนเที่ยงจะร้อนสุด ๆ บ้านเพื่อนอยู่กันหลายคนเป็นครอบครัวใหญ่ มีพ่อ แม่ พี่ชายมัน พี่สาวมัน ตัวมัน และก็น้องชาย ผมมาถึงบ้านมันบ่ายแก่ ๆ ตอนแรกว่าจะไปนอนโรงแรม แต่ไอ้ดลมันบังคับให้นอนที่บ้านมัน ผมเลยต้องจำยอม แต่นอนได้แค่คืนเดียว เพราะบ่ายวันรุ่งขึ้นคนไม่รู้มาจากไหนเต็มบ้านไปหมด ผมเลยขอตัวไปเปิดโรงแรมนอนดีกว่า “พี่ต๊ะจะไปนอนโรงแรมหรอครับ” น้องต้น น้องชายไอ้ดลมาถามด้วยความสงสัย “ใช่” “ทำไมไม่นอนที่นี่ละครับ” “เออ......คงไม่สะดวกนะครับ” “ทำไมล่ะครับ” “คือ....ส่วนใหญ่ที่มาค้างบ้านต้นมีแต่ผู้หญิง พี่เป็นผู้ชายคงไม่สะดวกเท่าไหร่นะครับ” “อ๋อ.....มีแต่เพื่อนแฟนพี่ดลทั้งนั้นเลยครับที่มานอนที่นี่” “ใช่ไง...พี่เลยไปนอนโรงแรมดีกว่า” “งั้นผมไปนอนกับพี่ได้ปะ” “ได้ซิ...ว่าแต่พ่อกับแม่ไม่ว่าหรอ” “โอ้ย.....ใครจะไปว่าอะไร ยิ่งตอนนี้หน้าบานเป็นถาด เพราะได้บวชลูกชายคนแรก” “อ้าว...พี่เราคนโตไม่ได้บวชหรอ” “บวชพี่...แต่บวชหลังจากที่มีเมียแล้ว แม่เขาบอกว่าเมียเอาบุญไปหมดแล้ว” “555555555555 มีงี้ด้วยหรอ” น้องต้น เรียนเทคนิค ปวช. ปี 2 แผนกช่างยนต์ อยู่ในช่วงของวัยคะนอง วัยกำลังอยากรู้อยากเห็น วัยกำลังตื่นหมอยเลย ผมบอกไอ้ดลเสร็จก็แบกกระเป๋าขึ้นรถไปหาโรงแรมนอน ผมได้รีสอร์ทแถวทางเข้าตัวเมืองเลย ห่างจากบ้านไอ้ดลประมาณ 2-3 กิโลเมตรได้ เป็นรีสอร์ทที่ปลูกบ้านเป็นหลัง ๆ ยกพื้นสูงจากดินประมาณ 1 เมตร แต่ละหลังปลูกห่างกันประมาณ 10 เมตร โดยระยะห่างระหว่างบ้านเป็นที่จอดรถยนต์ เท่าที่สังเกตมีประมาณสิบกว่าหลัง คืนละ 350 บาท ไม่มีอาหารเช้า ตอนแรกกะว่าจะพักโรงแรมภูหลวงในตัวเมือง แต่เขาบอกว่าห้องเต็ม เลยขับรถออกมาเรื่อย ๆ พอผมเช็กอินวางกระเป๋าได้ มือถือ Nokia 3000 ที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่เดือนของผมดังขึ้น ตูด...ตูด.... ผมก้มดูเบอร์ มันเป็นเบอร์ขึ้นต้นด้วย 042 ซึ่งเป็นเบอร์ของพื้นที่เมืองเลย “หวัดดีครับ” “พี่ต๊ะทำไมไม่รอผม” “อ้าว....ต้นหรอ...พี่นึกว่าเราพูดเล่น” “พูดเล่นที่ไหนพี่ ผมขึ้นไปเอาเสื้อผ้าแปบเดียวพี่ต๊ะหายไปเลย” “งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับ” “โอ้ยไม่ต้องพี่ แค่บอกมาว่าอยู่ที่ไหนเดี๋ยวผมให้ไอ้เงาะไปส่ง” “ใคร...เงาะ” “เพื่อนผมเองพี่ ว่าแต่พี่พักที่ไหน ในเมืองปะ” ผมบอกชื่อรีสอร็ทและสถานที่เสร็จ “รู้จักพี่....พี่รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวไปหา....เออ...ผมพาเพื่อนไปได้ปะ” “เอาซิ....ตามสบาย” “เดี๋ยวเจอกันพี่” ผมเข้าไปล้างหน้า ล้างตา ดูนาฬิกาเพิ่งจะ 5 โมงเย็น กำลังดูว่าจะไปหากินข้าวเย็นที่ไหน เพราะขี้เกียดขับรถไปในเมือง อีกอย่างในเมืองนอกจากถนนนกแก้วแล้ว นอกนั้นเหมือนเมืองล้างเลย ไม่ถึง 30 นาทีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์วิ่งเข้ามาในรีสอร์ท ผมออกไปดูเห็นไอ้น้องต้นพาเพื่อนมา 6 คน มอเตอร์ไซต์ 2 คัน “เฮ้ย....นี่พี่ชายกู” “หวัดดีครับ” ไอ้น้องต้นแนะนำว่าผมเป็นพี่ชายเบ็ดเสร็จ พร้อมกับเดินถือถุงหิ้วนำหน้าเพื่อนเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว “พี่ต๊ะกินข้าวหรือยัง” “ยัง....กำลังว่าจะชวนเราอออกไปหาอะไรกิน” “ไม่ต้องเลยพี่....นี่ไง ทั้งยอดข้าว ทั้งกับแกล้มเพรียบ” “เฮ้ย...ทำไมเอามาเยอะขนาดนั้น เอาเงินที่ไหนซื้อ” “ซื้อที่ไหนล่ะพี่...พอบอกว่าจะมานอนกับพี่ต๊ะ พี่ดลหยิบใส่ถุงให้เลย” “กินไงหมด” “ผมกลัวไม่หมดไงพี่ เลยพาเพื่อนมากินด้วย...พี่ไม่ว่านะ” “มาถึงขั้นนี้แล้ว...เอาให้เต็มที่เลย” เพื่อน ๆ น้องต้นพอผมอนุญาตเต็มที่พากันเฮเสียงดัง “แต่....มีข้อแม้นะ” “ข้อแม้อะไรพี่” “ห้ามส่งเสียดังรบกวนห้องข้าง ๆ” “ครับ ครับ” ทุกคนรับเป็นเสียงเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าตอนเหล้าเข้าปากมันจะเงียบกันมั้ย “เงาะ เงาะ มึงเอาแก้วไปล้างเลย” ผมมองไปคนชื่อเงาะตามที่น้องต้นเรียก ตอนแรกผมเดาว่าคงจะผิวดำ ๆ หัวหยิกฟู เหมือนเจ้าเงาะ เพราะใครมีสภาพแบบนี้จะโดนเพื่อนตั้งชื่อให้ว่าเจ้าเงาะ หรือไอ้เงาะ แต่เงาะคนนี้ผิวขาว ดูจะป็นลูกครึ่งจีนปนลาวมากกว่า เวลายิ้มหวานมองจนเพลิน ผมนั่งบนเตียงดูเด็กจัดของกิน หยิบโน่นหยิบนี่ แล้วนั่งล้อมวงชนแก้วกันทันที “มา ๆ พี่ต๊ะ” “เฮ้ย.......เริ่มเลยหรอ...ยังหัววันอยู่เลยนะ” “วันที่ไหนล่ะพี่...ตะวันจะตกดินแล้ว กินได้ไม่ผิดศีล” ผมงงกับได้เด็กพวกนี้ ไปเอามาจากไหนว่ากินเหล้าหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้วไม่ผิดศีล “ใครบอกว่าไม่ผิดศีล” “แหมพี่....ก็คิดเสียว่ากินน้ำปานะซิครับ....นี่เห็นมั้ยสีเหลืองเหมือนน้ำเก็กฮวยเลย” “เออ.................” ผมถึงกับอึ้งกับความคิดเด็ก ๆ พวกนี้ “มันแซวเล่นนะพี่ต๊ะ” ผมเพิ่งได้ยินเสียงเจ้าเงาะเป็นครั้งแรก เสียงออกห้าว ๆ เหมือนเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม ผมนั่งล้อมวงกับเด็ก ๆ กินเหล้าแม่โขงผสมโซดา เจอเข้าไปแก้วที่ 3 เล่นเอาหน้ามึนตึบ เพราะเด็ก ๆ มันชงเหล้ามือหนักมาก พอเหล้าเข้าปากไม่รู้สรรหาเรื่องมาจากที่ไหนคุย คนโน้นโยน คนนี้ปู คนนั้นตบ สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า “พี่ต๊ะกรุงเทพเป็นไงบ้าง มีที่เที่ยวเยอะมั้ย” น้องเงาะที่นั่งห่างผมไปอีกนิดนึงถามขึ้นมา “เออใช่พี่....ผมยังไม่เคยไปกรุงเทพเลย” “แล้วมีใครเคยไปกรุงเทพบ้าง” ทุกคนส่ายหน้าแทบจะพร้อมกัน “เออ......เคยขอแม่หลายครั้งแล้ว แต่แม่ไม่ให้ไป” เจ้าเงาะพูดเสียงอ่อย ๆ “กรุงเทพมีที่เที่ยวมั้ย ก็ต้องถามก่อนว่าอยากเที่ยวอะไร” “ผมอยากไปสยามพี่” เจ้าเงาะคนเดิมพูดขึ้นมาเสียงดัง “ทำไมถึงอยากไปสยามล่ะ” “ผมเห็นวันรุ่นในกรุงเทพชอบเดินสยามกัน ในหนังก็มี” “มันก็เป็นห้างสรรพสินค้านั่นแหละ” “ก็ที่นี่มันไม่มีไงพี่” ไอ้ต้นพูดขึ้นมาทันที “เอาไว้มีโอกาสไปกรุงเทพก็ไปหาพี่ เดี๋ยวพาไปเดินสยาม” “จริงปะพี่” เจ้าเงาะตาแววเป็นประกาย “ฝันไปเถอะมึงไอ้เงาะ....ขนาดมานี่มึงยังบอกแม่ว่าไปนอนบ้านกู ถ้ารู้ว่ามึงมานอนที่นี่กูว่ามึงโดนแม่มึงเตะยอดหน้าแน่” “เฮ่ย....ขนาดนั้นเลยหรอ” “พ่อมัน พี่ชายมัน โดนมากันถ้วนหน้าแล้ว” “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” “จริงครับ...คือแม่ไม่ชอบคนโกหก แต่พอขอตรง ๆ ก็ไม่ให้ พ่อเคยโกหกแม่ว่าจะไปตลาดแล้วแอบไปกินเหล้ากับเพื่อน แม่ตามถึงบ้านเพื่อนเดินไปกลางวงเตะยอดหน้าพ่อมันกลางวงเหล้าเลย” “555555555555555” “พวกมึงหัวเราะทำเหี้ยอะไร” “แล้วพ่อเป็นไงบ้าง” “จะเป็นไงล่ะพี่...วิ่งแบบไม่คิดชีวิตกลับบ้าน ลืมแม้กระทั่งมอไซต์” “ถึงบ้านแล้วโดนอีกมั้ย” “ไม่เลยพี่....แม่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิดกับพ่อ จะกินก็ระแวง จะนอนก็ระแวง เล่นเอาประสาทแดกไปหลายวัน” “นักเลงจริง จบเป็นจบ” “แล้วพี่ชายเราล่ะ” ผมถามต่อ “พี่ชายผมหนีเรียนไปกินเหล้าบ้านเพื่อน แม่รู้ข่าวลากคอมาหน้าเสาธง ให้ก้มหน้าสำนึกผิด พอพี่ชายผมกำลังย่อเข่าลงแม่เตะสวนขึ้นมาพี่ชายผมหงายหลังตึงชักตาตั้ง ครูที่มายืนดูทั้งขำทั้งตกใจ รีบวิ่งมาดึงพี่ชายผมออกให้พ้นรัศมีตีนแม่” “แสดงว่าแม่เราไม่ชอบคนกินเหล้าหรือเปล่า” “ไม่นะพี่...เพราะแม่ผมก็กินเหล้า แต่เราจะกินกันตอนมีงาน กินในบ้าน หรือไปกินนอกบ้านได้ถ้าแม่อนุญาต” “มันต้องมีสาเหตุ ไม่งั้นแม่คงไม่ทำแบบนี้หรอก” “ก็.........ไม่รู้เหมือนกันพี่........” “เออ.....แล้ววันนี้แม่จะมาถึงนี่มั้ย” “พี่อย่าพูดดิ...ยิ่งเสียว ๆ อยู่ด้วย” “เฮ้ย....เป็นไงบ้าง พอกินกันมั้ย กูเอามาเผื่ออีก” ไอ้ดลโผล่มาตอนไหนไม่รู้ คนที่ตกใจมากที่สุดคือเจ้าเงาะ ถึงกับผวา “5555555555555 มึงไม่ต้องตกใจโอเวอร์ขนาดนั้นก็ได้ไอ้เงาะ” ไอ้ดลพูดเหมือนรู้ใจเจ้าเงาะ “ก็พี่ดลมาแบบเงียบ ๆ ....เออ.....ผมนึกว่า....เออ....” “นึกว่าแม่มึงล่ะซิ 5555555555 กูโทรไปบอกแม่มึงแล้วว่า บ้านกูคนเยอะ มีแต่ผู้หญิง กูเลยขอให้มึงกับไอ้ต้นมานอนเป็นเพื่อนไอ้ต๊ะที่รีสอร์ทนี้” “แล้วแม่ว่าไง” “จะว่าไง.....ก็อนุญาตนะซิ” “เฮ..............................” เด็ก ๆ พร้อมในกันเฮเสียงดัง การมาของไอ้ดลทำให้บรรยากาศที่เกร็ง ๆ หมดไป เด็ก ๆ กินกันอย่างเต็มที่ “เฮ้ยเดี๋ยวกูกลับก่อนนะ มีอะไรขาดเหลือก็บอกไอ้ต้นมัน ออกมานานเดี๋ยวแม่กูเป็นห่วง แกว่าคนใกล้จะบวชไม่ให้ออกจากบ้าน” “เออ....ไปเถอะ กูเข้าใจ....ทางนี้มึงไม่ต้องเป็นห่วงเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้สาย ๆ กูเข้าไป” “เออ......ฝากดูไอ้เหี้ยพวกนี้ด้วยนะ เวลาเหล้าเข้าปากแม่งยังกะหมา” “พี่ดล....ใครหมา...พูดดี ๆ นะ” ไอ้เงาะเสียงดังสวนขึ้นมา “งั้นเดี๋ยวกูกลับใจบอกแม่มึงว่ามึงแอบมานี่.......ดีมั้ย” “โอ้ย....พี่ดล...ผมล้อเล่น” เจ้าเงาะรีบยกมือไหว้ทันที ผมนั่งดื่มเหล้าไปดูเด็ก ๆ ไป หน้าตาก็ไม่มีอะไรโดดเด่น มีแต่ไอ้ต้นที่ผิวขาวกว่าเพื่อน รองลงมาก็เจ้าเงาะ นอกนั้นก็ขาวเหลือง ผ่านไป 2-3 ชั่วโมงแม่โขงหมดไปขวดครึ่ง ทุกคนหน้าแดง ตัวแดง โดยเฉพาะไอ้ต้นกับไอ้เงาะ เพราะเป็นคนผิวขาวเลยเห็นชัดเจนกว่าเพื่อน บางคนเริ่มปดกระดุมเสื้อออกเพราะเกิดความร้อนจากแอลกอฮอลที่กินเข้าไป ทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำก็แทบไม่ช่วยอะไรเลย พอเหล้ากรมที่ 2 หมดพากันน็อคหลับกลางอากาศหงายตึงกลางห้องไป 2 คน ไปนอนอ๊วกในห้องน้ำ 1 คน นั่งก้มหน้าหลับตากินไปบ่นๆไป 1 คน ส่วนไอ้เงาะกับไอ้ต้น นั่งกอดคอกันแล้วพูดแต่ตำจอก ๆ เหล้ากระเด็นหกเต็มพื้นไปหมด ผมนั่งดูไปขำไป เพราะนึกถึงตอนที่ตัวเองเรียนเทคนิค สภาพก็ไม่ต่างกันกับเด็กพวกนี้ “พอได้แล้วเราสองคน เหล้าหกหมดแล้ว” ผมดึงแก้วเหล้าออก ดีที่เป็นแก้วพลาสติก ไม่งั้นคงได้แตกกระจายไปแล้ว ไอ้เงาะกับไอ้ต้นยอมให้ผมดึงแก้วออก แล้วพร้อมใจกันหงายหลังตึงลงไปนอนกลางพื้นห้องนิ่ง “เฮ่อ......นึกว่าจะแน่” ผมลากเด็ก ๆ มานอนกลางห้องทีละคน ที่หนักสุดคือไอ้ตัวที่นอนทับอ็วกตัวเองในห้องน้ำ ทั้งเปียกทั้งเหม็น ผมถอดเสื้อออกแล้วใช้ที่ล้างตูดฉีดน้ำล้างตัวให้ เช็ดให้แห้งแล้วลากมานอนกลางห้อง อากาศยามค่ำคืนของเมืองเลยเย็นลงเรื่อย ๆ ผมเลยไปปิดแอร์ เพราะเด็กไม่มีผ้าห่มกลัวไม่สบาย
% F* t* q6 C8 Q9 n8 P9 L* Z
|