The Past moment 2 (สานสัมพันธ์)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Elenai เมื่อ 2020-8-2 17:07เนื้อหาในตอนที่ 1 ตามลิงค์ http://www.g4guys.com/forum.php? ... 4937&fromuid=155129
คำว่าโอกาสและความบังเอิญนั้นมันมีเส้นบางๆที่น้อยคนจะมองเห็นกั้นไว้อยู่ โดยทั้งสองสิ่งนี้มันก็มักจะผ่านเข้ามาในชีวิตของเราทุกคนเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไขว่คว้ามันได้ทันหรือป่าวในบางครั้งหากว่าเราดันไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาแล้วล่ะก็มันก็อาจทำให้เราได้พบเจอกับจุดเปลี่ยนของวิถีชีวิตไปเลยทันที “ไรของมึงนิพี่ลีฟ ตกลงเป็นไร?”“กูไม่รู้ว่ะมึง แต่ตอนนี้กูแค่ขอนั่งคิดอะไรคนเดียวก่อนว่ะไงมึงออกไปก่อนปะ”โอลาฟยืนมองลีฟด้วยสีหน้างุนงงไปชั่วขณะ “ก็…ก็ได้เอาที่มึงสบายใจล่ะกัน” โอลาฟหันหลังและเดินไปยังประตูห้องและก่อนที่มันจะเดินออกจากห้องไปมันยังคงหันกลับมามองลีฟที่ยังคงนั่งอยู่ที่ขอบเตียงพร้อมทั้งใช้มือซ้ายกุมขมับและส่ายหัวไปมา ทำเอาโอลาฟที่เห็นเช่นนั้นถึงกับใจคอไม่ดีแต่กระนั้นมันก็ได้แต่ยิ้มให้กับลีฟก่อนทีมันจะเดินกลับห้องไป ซึ่งคืนนั้นทั้งคืนโอลาฟมันได้แต่นอนครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป “ตอนนี้พี่ลีฟจะเป็นไงบ้างนะ แล้วพรุ่งนี้พี่ลีฟกับเรา….จะยังไงดี”จนกระทั่งแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ที่ส่องเล็ดลอดตามรอยต่อม่านตรงหน้าต่างมากระทบกับใบหน้าของโอลาฟพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นเหมือนเช่นเคยทำเอาโอลาฟที่กำลังนอนสบายๆอยู่ตกใจตื่นขึ้น ขยี้ตาทั้งสองด้วยความงัวเงีย “หืมมมนี่มันเช้าแล้วเหรอ หืมมม”มันลุกขึ้นบิดตัวไปมาเหมือนทุกครั้งก่อนที่มันจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตประจำวันในทุกๆเช้า เวลา 7.16 น.โอลาฟสวมชุดพละสีเขียวมิ้นและเสื้อกันหนาวสีเทาทับอีกชั้นพร้อมทั้งสะพายกระเป๋าสีดำวิ่งลงบันไดมายังโต๊ะกินข้าว และเมื่อมาถึงมันเห็นลีฟนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับก้มกดโทรศัพท์ไปมา“พี่ลีฟ มัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่นั่นแหละเดี๋ยวไปไปวิทยาลัยสายหรอก” ลีฟมันยังคงนิ่งเงียบและก้มหน้ากดโทรศัพท์อยู่เช่นเดิมโอลาฟมันรีบดึงเก้าอี้และนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามลีฟพร้อมกับหันมองไปมา “พี่ลีฟแม่ไปไหนอะพี่ลีฟ ได้ยินที่พูดไหมอะแม่อยู่ไหน” ลีฟที่ยังคงก้มหน้ามันถอนหายใจยาวๆก่อนจะตอบโอลาฟไปด้วยน้ำเสียงเข้มๆ “แม่ไปโรงเรียนแล้ว เห็นบอกว่าต้องรีบไปเคลียร์งานที่ทำค้างไว้เมื่อวานให้เสร็จ” น้ำเสียงดังกล่าวทำเอาโอลาฟหน้าเหวาด้วยความตกใจ “นี่ผมพูดกับพี่ดีๆนะ ทำไมพี่ต้องทำเสียงน่ากลัวๆแบบนั้นใส่ผมด้วยล่ะ” ลีฟมันยังคงเงียบและก้มหน้ากดโทรศัพท์เช่นเดิม “พี่ลีฟเมื่อคืนหลับสบายไหม แล้วนี่พี่กินไรยัง” ลีฟค่อยๆเงยขึ้นพร้อมทำตาขวางใส่โอลาฟ “ถามทำไมวะ!!”โอลาฟที่เห็นเช่นนั้นมันถึงชักสีหน้างุนงงด้วยความประหลาดใจ “พี่ลีฟ!! เป็นไรน่ะพี่ถามจริง”“จะเป็นไรหรือไม่เป็นไร ใช่เรื่องที่กูต้องบอกมึงด้วยเหรอ”“อ๊าวก็ดูทำหน้าทำตาเข้าให้ดิ แบบนี้จะไม่ให้ผมถามได้ไงล่ะพี่ลีฟ หรือเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน….” ลีฟวางโทรศัพท์ที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง “ปั๊ก” พร้อมทั้งชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจมันรีบลุกขึ้นพูดพร้อมตะคอกเสียง และชี้หน้าโอลาฟทันใด “เฮ้ย!! มึง….”ทั้งสองจ้องมองกันอยู่พักใหญ่ด้วยความตึงเครียดจนทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ลีฟมันจะหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาพร้อมทั้งเป้สีน้ำตาลขึ้นสะพายหลังข้างเดียวและเดินออกจากบ้านไป ทิ้งให้โอลาฟที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมมองตามหลังไปด้วยความตกใจและตื่นกลัว ไม่นานนักเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น และเมื่อตั้งสติได้โอลาฟรีบล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “เอิ่มมฮัลโหล ว่าไงแคท”“โอลาฟวันนี้อย่าลืมเอาเสื้อซับเหงื่อกับขวดน้ำแบบพกไปด้วยนะแก”“เสื้อซับกับขวดน้ำพก เดี๋ยวนะแคท คาบพละวันนี้ครูสั่งให้เอาไปเหรอ”“ป่าวๆ ก็วันนี้เรากับอีดิวว่าไปหาเรื่องลดหุ่นกันหน่อยที่สวนสุขภาพในเมืองตอนหลังเลิกเรียนน่ะ”“ออๆ เข้าใจล่ะที่คุยกันตอนนั้นใช่ปะก็นึกว่ามึงกับดิวแค่พูดกันเล่นๆนะนิแล้วนี่บอกเจมส์ยังวะ”“เออๆเราบอกมันก่อนหน้าที่จะโทรหาแกล่ะ อย่าลืมนะโอลาฟ หลังเลิกเรียนรวมตัวกันที่เดิม และก็อย่ามัวไปติวไอ้เจมส์จนลืมนัดเหมือนเมื่อวานอีกล่ะ เข้าใจนะที่เราพูดโอลาฟ”“เอ่อๆ วันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษทั้งนั้นแหละยังไงก็ไม่ลืมหรอก”“โอเคอีกเดี๋ยวเจอกันที่โรงเรียนนะแก บายย” เวลา 16.45 น.“อีแคท อีเจมส์ อีโอลาฟหยุดก่อนพวกมึง แฮ่กๆๆๆ พักกันตรงนี้ก่อนดีไหม แฮ่กๆ”“โอ่ยอีดิวมึง นี่ยังไม่ถึงรอบเลยนะไหนว่าฟิตกำลังมาเต็มที่แล้วไม่ใช่เหรอแก”“แฮ่กๆ อีแคท ลองมาเป็นกูไหมล่ะแล้วมึงจะเข้าใจว่าเป็นยังไง แฮ่กๆ” “ไงล่ะ ชอบแดกแป้งกับของทอดดีนักนะแก นี่ถ้ามึงเชื่อเราแต่แรกนะป่านนี้มึงคงไม่ต้องมาเหงื่อโชกท่วมตัวหอบหายใจแฮ่กๆเหมือนหมาแบบนี้หรอกอีดิว” “คร้า คุณแม่ว่าแต่ใครล่ะคร้าที่ชอบชวนกูไปแดกของหวานเกือบทุกเย็น” เจมส์กับโอลาฟที่ยืนฟังอยู่ถึงกับหัวเราะขึ้นพร้อมกันเบาๆ “หัวเราะอะไรกันคร้าอีเจมส์ อีโอลาฟพวกมึงสองตัวมานี่เลย พวกมีน้ำในกระบอกเหลือแดกไหมอีโอลาฟ อีเจมส์ พอดีกูแดกขอกูหมดแล้วน่ะ”“มีแต่รอบนี้กูขอไม่ให้นะอีดิว เพราะตอนนั้นมึงเล่นแดกน้ำในกระบอกของกูซะเกลี้ยงจนกูต้องเดินไปกดเองตั้งไกลแหน่”“คร้า ขอโทษล่ะกันน ชิชะมึงงโอลาฟความหวังสุดท้ายยยย”โอลาฟมันทำหน้าลังเลด้วยความไม่เต็มใจไปชั่วครู่ก่อนที่มันจะยื่นกระบอกน้ำสีเหลืองลายการ์ตูนให้กับดิว“เอ้ยๆ ดิวๆอย่าแดกจนหมดล่ะ เหลือให้กูบ้างนะมึง” โอลาฟพูดยังไม่ทันจบดิวมันกระดกยกดื่มจนหมดขวดไปอย่างรวดเร็ว“โห่ยยอีดิวนี่มึงได้ฟังที่กูพูดบ้างไหมเนี่ยยย” แคทกับเจมส์ที่ยืนอยู่หลังดิวมันขยิบตาใส่โอลาฟและแอบขำพร้อมกัน“ขอบใจคร้าสำหรับน้ำดื่มและขอโทษที่ไม่ทันได้ฟังคร้า” ดิวพูดพร้อมกับยื่นกระบอกน้ำที่เบาหวิวคืนให้กับโอลาฟ“โห่ยดิวมึงนี่นะกูยังไม่ทันได้แดกเลยนะนิ เห้ออที่กดน้ำก็อยู่ไกลด้วย”ทันใดนั้นมีกลุ่มนักฟุตบอล 6 คนวิ่งผ่านกลุ่มของโอลาฟที่ยืนคุยกันอยู่ไปทันใดทำเอาดิวที่ยืนเอาผ้าซับๆเหงื่อบนใบหน้าไปมา และทันทีที่มันได้เห็นกลุ่มนักฟุตบอลที่เพิ่งวิ่งผ่านไปทำเอามันยืนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะหันมาพูดกับแคท เจมส์และโอลาฟที่ยังคงยืนทำหน้าเซ็งๆพร้อมกับกระบอกน้ำเปล่าในมือ “แคท เจมส์ โอลาฟ ปะๆพวกมึงไปต่อกันเหอะคือตอนนี้กูหายเหนื่อยละ ปะเร็วๆๆๆ” แคทที่เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของดิวถึงกับรีบเอ่ยปากแซว “แหมๆอีดิว ท่าทีมึงเมื่อกี้กับตอนนี้ยังกะหนังคนละม้วนเลยนะ”“พูดอะไรน่ะอีแคทกูไม่ได้เป็นอย่างที่ว่าสักหน่อย ปะเร็วดิพวกมึง ชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการพอดี”“ฮื้มมมไม่ทันการฮ่าๆ อีดิวเอ้ยฟังที่ตัวเองพูดดิฮ่าๆ” “ปากมากนะอีแคทมึงตามกูมานี่เลย” ดิวที่ยืนบิดตัวไปมาด้วยความดีใจอยู่นั้นจู่ๆมันเอามือเข้ามาคว้าแขนแคทให้วิ่งตามมันไป “เห้ยๆอีดิวๆ อย่าดึงดิ เดี๋ยวเราล้มเห้ย เจมส์ โอลาฟ รีบตามมาดิ รอไร”“มึงกับอีดิวล่วงหน้าไปก่อนเลยเดี๋ยวกูกับโอลาฟตามไปเว้ยไงโอลาฟทำหน้าเคร่งเครียดอะไร อย่าบอกนะว่านี่มึงอนอีดิวเรื่องเมื่อกี้”“เอ้ยป่าวๆเว้ยมึงถ้าเรื่องนั้นกูไม่ถือสามันหรอกกูแค่นึกคิดไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะเวลามาอยู่ที่แบบนี้”“มันก็นะ…แต่กูว่าวันนี้โชคดีนะมึงที่มาแล้วคนไม่เยอะเหมือนครั้งก่อนๆ แบบนี้จะได้เดินรับลมรับแดดยามเย็นแบบชิลๆหน่อย…โอลาฟถามไรหน่อยดิ เวลาที่อยู่กับพวกกูมึงอึดอัดไหมวะ”โอลาฟถึงกับหันมามองเจมส์ด้วยสีหน้างุนงง “เดี๋ยวนะเจมส์ อึดอัดเหรอ?? อะไรถึงทำให้มึงคิดแบบนั้นล่ะ”“ป่าวกูก็แค่เห็นมึงทำหน้าเซ็งๆเกือบทุกครั้งเวลาอยู่กับพวกกูน่ะ ที่ผ่านมากูจะถามมึงหลายทีล่ะแต่ไม่มีโอกาส”“คิดไปเองป่าววะเจมส์ กูก็เป็นของกูอย่างนี้อยู่ป่าววะ มึงจะให้กูยิ้มตลอดเลยรึไง เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่ากูบ้ากันพอดีดิ” “ก็ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไปคือพวกกูสามคนแค่เป็นห่วงมึงเฉยๆ แต่ถ้ามึงมีอะไรไม่สบายใจยังไง มึงก็บอกพวกกูได้นะโอลาฟ อย่าเก็บไว้คนเดียว”“เออน่าไม่ต้องห่วงกูหรอกกูสบายดี ไงก็ขอบใจพวกมึงมาก ว่าแต่มึงเหอะเจมส์สรุปมึงกับพี่เจนนี่ไม่ถูกชะตากันรึยังไง” เจมส์ถึงกับถอนหายใจ “เฮ้ออกูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่กูพูดดีด้วยก็แล้ว หรือทำตามที่พี่เจนบอกทุกอย่าง แต่พี่เจนก็ยังทำยังกับว่ากูไม่ใช่น้องอย่างงั้นแหละ และบางทีเวลาออกมาข้างนอกนะบ่อยครั้งกูก็ไม่อยากจะกลับบ้านเลย เพราะกลับไปเมื่อไหร่พอเจออย่างงั้นแม่งโครตอึดอัด”“แล้วมึงกับพี่เจนเป็นแบบนี้มานานล่ะยัง”“ก็ตั้งแต่กูอยู่ป.1 จนถึงเดี๋ยวนี้อะ”“โห แล้วนี่พ่อกับแม่มึงไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอ ถึงได้ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาแบบนี้เนี่ย”“พ่อกับแม่กูก็ต่อว่าพี่เจนอยู่นะ แต่ก็อย่างว่าแหละโอลาฟ พี่เจนดีได้แค่วันสองวันก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีก สรุปคือกูทำอะไรแม่งก็ผิดไปหมดในสายตาพี่เจนบางทีกูเองก็ต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้างและทำให้กูอุ่นใจขึ้นบ้าง”“เพราะแบบนี้สินะมึงถึงได้คบกับพี่โฟร”“อืม แต่กับพี่โฟรกูก็ยังคงหวั่นๆอยู่เหมือนกันเพราะทางพ่อกับแม่ของพี่เค้าดูเหมือนจะไม่ชอบเรื่องเพศที่สามเอามากๆ แต่ถึงจะยังไงใจของกูก็รักพี่โฟรจริงๆนะเว้ย”“ได้ฟังที่มึงพูดแบบนี้ก็อดเห็นใจมึงไม่ได้เนาะเจมส์ แต่เรื่องพี่เจนน่ะถ้ามองในมุมของกูนะ พี่เจนน่ะเป็นผู้หญิงที่มีความห้าวดุดันและชอบเอาชนะ บางทีความรักและความห่วงใยที่พี่เจนแสดงให้กับมึงมันอาจจะไม่ใช่ในแบบที่มึงถูกใจก็ได้”“อื้มมมเหมือนจะเข้าใจนะแต่ก็ไม่เข้าใจในความหมายอยู่ดี”“ก็บ่อยครั้งที่พี่เจนต่อว่าหรือขู่มึงต่างๆนาๆ กูสังเกตนะว่าสายตาของพี่เจนเวลาที่มองมึงน่ะ มันไม่ได้มีความโกรธหรือความเกลียดอยู่เลย”“จริงเหรอโอลาฟ กูไม่ยักจะสังเกตเห็นนะ” “กูเข้าใจนะว่าบางทีเวลาที่เรารู้สึกแย่กับใครสักคนมากๆ มันอาจทำให้เราเห็นแต่ด้านลบของคนๆนั้นอยู่ตลอดแต่กูอยากให้มึงลองหัดมองด้านบวกของพี่เจนดูบ้างดิ แล้วมึงจะรู้ว่าที่กูพูดไปมันจริงหรือป่าว”“อืมๆ ไว้กูจะลองทำตามที่มึงบอกล่ะกัน ขอบใจนะโอลาฟ” “ปะเจมส์ รีบตามดิวกับแคทไปดีกว่า ไม่รู้พากันไปถึงไหนแล้วน่ะ” ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังวิ่งไปตามถนนเลียบสระบัวอยู่นั่นเอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเจมส์ได้ดังขึ้น “เดี๋ยวๆโอลาฟหยุดวิ่งแปปหนึ่ง โทรศัพท์ว่ะ”“ใครโทรมาล่ะนั่น” เจมส์หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะหันหน้าจอไปยังโอลาฟ “โอลาฟๆ สายนี้ไม่รับไม่ได้นะเนี่ย”“แหมๆ เหมือนมึงกับพี่โฟรจะมีอะไรสื่อถึงกันได้เนาะ พูดถึงไปเมื่อกี้ปุ๊บก็โทรมาตอนนี้ปั๊บ”“ก็นะคนเราถ้าใจตรงกันอะไรๆก็ตรงไปทั้งหมดนั่นแหละเดี๋ยวขอรับสายพี่โฟรก่อนนะเว้ย ไงมึงล่วงหน้าไปก่อนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอ”“อ่าๆ อย่าคุยกันเพลินจนมดขึ้นซะล่ะ ฮ่าๆ”โอลาฟเดินผละจากเจมส์และค่อยๆวิ่งไปตามถนนจนมันไปเจอกับศาลา 6 เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ริมสระบัวพร้อมกับสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้รอบๆบริเวณ มันเลยวิ่งตรงเข้าไปที่ศาลาดังกล่าวก่อนที่จะไปจับขอบเหล็กในศาลาและมองดูคลื่นผิวน้ำที่ถูกลมอ่อนๆพัดผ่านพร้อมด้วยผู้คนที่วิ่งอยู่อีกฝั่งของสระบัว ซึ่งบรรยากาศโดยรอบทำให้โออาฟรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งหูของมันได้ยินเสียง แปลกๆดังขึ้นมาจากฝั่งขวา แชะ แชะ แชะ เสียงประหลาดดังกล่าวทำเอาโอลาฟถึงกับตกใจจนต้องรีบหันไปมองยังต้นเสียง“ใครน่ะ!! ทำอะไรน่ะ”ไม่นานนักชายตัวสูง 178ซม. ผมรองทรงสูงผิวขาวเหลือง สวมเสื้อยืดสีเขียวอ่อน กางเกงยีนส์พร้อมกล้อง Nikon D5300 ในมือ เดินออกมาจากหลังต้นสนแผง “พี่ทำไรน่ะ แอบถ่ายรูปผมเหรอ”ชายดังกล่าวยิ้มให้กับโอลาฟก่อนจะเดินเข้ามาในศาลา “พี่ขอโทษนะน้อง คือตอนแรกพี่กะว่าจะถ่ายบรรยากาศตรงศาลามุมที่น้องยืนอยู่น่ะ แต่พอน้องเดินเข้ามามันดันประจวบเหมาะกับแสงและมุมที่พอดีกับตัวน้องเลย พี่เลยเห็นว่าท่าจะเป็นภาพที่ออกมาดีและสวย พี่เลยลองถ่ายน้องจากมุมที่พี่อยู่ตะกี้น่ะ ไงพี่ก็ต้องขอโทษน้องด้วยที่ถือวิสาสะแอบถ่ายและทำให้ตกใจ”“พี่เป็นช่างภาพเหรอ”“ก็ไม่เชิงว่าเป็นช่างภาพเต็มตัวนะน้อง พี่ยังต้องพัฒนาฝีมืออีกเยอะ”โอลาฟที่ได้ยินเช่นนั้นมันเคยเดินตรงเข้ามาหาชายดังกล่าว “ถ้าพี่ไม่ว่าอะไรผมขอดูรูปที่พี่ถ่ายเมื่อกี้ได้ไหมครับ”“ทำไม!! น้องกลัวพี่ถ่ายออกไม่ดีเหรอ”“ป่าวครับผมแค่อยากเห็นภาพที่พี่ถ่ายผมน่ะแต่จริงๆผมก็กลัวพี่จะถ่ายผมออกมาไม่ดีนั่นแหละฮ่าๆ”“อ่าๆ ได้ๆ ถือกล้องระวังๆหน่อยๆล่ะ”โอลาฟรับกล้องจากชายคนดังกล่าวก่อนที่จะนั่งกดดูรูปจากในตัวกล้อง “ไงน้องโอเคไหม หรือมีความคิดเห็นยังไง”“มันก็เอ่อ มันก็ดี ดีอะครับพี่ถ่ายได้มุมและแสงสวยดีครับ”“แล้วน้องชอบหรือป่าวล่ะ” โอลาฟนิ่งมองรูปตัวเองจากกล้องอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับชายดังกล่าว “ชอบดิพี่ ก็นี่มันรูปตัวผมเองนิน่า แล้วนี่พี่จะถ่ายไปทำไมอะครับ”“คือพี่กับเพื่อนๆทำเพจแอบรักภาพแอบหลงใหลน่ะ แล้วพอดีเดือนหน้านี้มันจะมีกิจกรรมภาพโดนใจมวลชนจัดขึ้น โดยเค้าจะให้เพจต่างๆทำการคัดและส่งรูปเข้าร่วมกิจกรรมหากรูปจากเพจไหนที่ถูกคัดไปแล้วมียอดไลค์ยอดแชร์มากกว่าเพจนั้นก็จะได้รับการดันและโปรโมทแถมยังมีเงินรางวัลมอบให้กับเจ้าของเพจด้วยน่ะ พี่กับเพื่อนๆก็เลยกระจายกันเริ่มเก็บรูปสวยๆจากที่ต่างๆเพื่อที่จะส่งร่วมกิจกรรมที่ว่า”“งั้นผมขอไรอย่างได้ไหมพี่ พี่อย่าเอารูปที่ถ่ายผมเมื่อกี้ส่งเข้าประกวดเชียวนะ”“ทำไมอะน้องพี่ว่ารูปเมื่อกี้มันก็ดีอยู่นะ”“ไม่เอาอะพี่ ผมอายคนอื่นเค้า นะพี่ผมขอล่ะ”“อ่าๆได้ๆ ว่าแต่น้องชื่อไรอะ คุยกันมาตั้งนาน พี่ก็ลืมถาม”“ผมชื่อโอลาฟครับแล้วพี่ล่ะชื่ออะไรครับ”“พี่ชื่อยูโรนะน้อง”“ยูโร? ชื่อของพี่นี่ก็แปลกดีเนาะครับ”“ว่าแต่คนอื่นชื่อของน้องเองก็แปลกพอๆกันนั่นแหละ”“ฮ่าๆ ถึงจะแปลกแต่ชื่อผมก็มีที่มาที่ไปนะพี่ยูโร”“จริงเหรอ พูดเอาซะพี่อยากจะรู้เชียว” ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น จู่ๆเจมส์ที่ยืนอยู่อีกฝากของถนนได้ตะโกนเรียก “โอลาฟ ทำไรอยู่น่ะ มาเร็ว”โอลาฟกับยูโรทั้งคู่ถึงกับตกใจและหันไปมองยังต้นเสียง “เอ่อๆ กูอยู่นี่เว้ย”“มาเร็วโอลาฟ กะตี้อีดิวไลน์มาบอกกูว่าตอนนี้มันกับยัยแคทรอเราสองคนอยู่ที่สนามบอลเล่ห์น่ะ ให้พวกเรารีบตามไป”“เออๆมึงรอกูแปป เอ่อพี่ยูโรครับ เพื่อนผมมาเรียกล่ะ นี่กล้องพี่ครับไงผมไปก่อนนะพี่ยูโรยินดีที่ได้รู้จักและก็สวัสดีครับพี่”“อ่าๆเช่นกันนะน้องโอลาฟ โชคดีครับ”โอลาฟยกมือไหว้ยูโรก่อนจะเดินไปหาเจมส์ที่ยังคงยืนรอมันอยู่เวลา 18.20 น. โอลาฟจอดรถมอเตอร์ไซด์และกำลังจะเดินขึ้นบ้านแต่ทันใดนั้นสายตาของมันก็ได้ไปสะดุดกับรองเท้าผ้าใบสีชมพูที่ถูกถอดไว้ตรงบันไดขึ้นบ้าน โอลาฟที่ได้เห็นถึงกับฉุดคิดขึ้นในใจ “นี่มันไม่ใช่รองเท้าของแม่หรือรองเท้าเรานิน่านี่อย่าบอกนะว่าพี่ลีฟแอบพาแฟนมาที่บ้านอีกแล้วน่ะ” โอลาฟมันเลยเดินขึ้นไปบนบ้านแต่มันก็ไม่พบใครนอกจากความเงียบไม่นานนักหูของมันได้ยินเสียงคุยกันที่ดังลงมาจากชั้นบน โอลาฟมันไม่รอช้ามันค่อยๆย่างเท้าก้าวขึ้นบันใดไปช้าๆและไปหยุดยืนตรงหน้าห้องของพี่ชายมันก่อนที่มันจะนึกขึ้นในใจ “นี่กูทำอะไรอยู่เนี่ย ปกติพี่ลีฟมันก็แอบพาแฟนมาบ้านตอนแม่ไม่อยู่แบบนี้เกือบทุกครั้งนะแล้วนี่กูทำไมถึงรู้สึกร้อนใจแบบนี้จังวะ แล้วทำไมกูถึงต้องมาทำอะไรลับๆล่อๆแบบนี้ด้วยนะ” ในระหว่างที่มันกำลังง่วนคิดอยู่นั่นจู่ๆเสียงคุยกันที่ฟังไม่เป็นภาษาดังเล็ดลอดจากในห้องออกมา ทำให้โอลาฟที่ได้เกิดความอยากรู้มันเลยหันข้างพร้อมกับเอาใบหูไปแนบกับบานประตู “พี่ก็…จะให้หนูทำอยู่อีกเหรอ ตะกี้นี้หนูดูดให้พี่ไปรอบหนึ่งจนแตกแล้วนะ”“ไม่เอาน่ะเอิน พี่ยังเงี่ยนอยู่เลย อมให้พี่อีกรอบนะเอิน”“แต่หนูเมื่อปากน่ะพี่ เอางี้เดี๋ยวหนูชักให้พี่มะ”“ไม่เอาเอิน แบบนั้นพี่ทำบ่อยแล้ว งั้นเอางี้ เดี๋ยวตาพี่มั้ง เอินขยับขึ้นไปหน่อย”“พี่…ค่อยๆทำนะ…อย่ารุนแรง…..อ่าหหหพี่เดี๋ยวอาหหพี่..พี่..” “อืมมอ่าหหหอย่าดิ้นแรงสิเอินอ่าหหหอ่าหหหหอืมมม”เสียงดังกล่าวทำให้โอลาฟที่ยืนแอบฟังอยู่หน้าห้องถึงกับรู้สึกเคืองใจขึ้นมาทันที มันเลยเดินผละจากตรงนั้นและตรงไปยังห้องของมันอย่างรวดเร็วโอลาฟมันโยนกระเป๋าเป้ของมันไปที่เตียงก่อนที่มันจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องพร้อมกับเอาแผ่นหลังพิงกับขอบเตียง “นี่กูเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมกูถึงต้องเคืองไอ้พี่ลีฟนั่นด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนมันจะทำอะไรกับใครกูก็ไม่ได้สนใจอะไรมันด้วยซ้ำ” โอลาฟถึงกับน้ำตาคลอเบ้า มันหันไปมองรูปที่มันกับพี่ชายถ่ายคู่กันตอนสมัยประถมที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงพร้อมกับใช้มือบาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “ไอ้พี่ลีฟมึงเป็นคนที่ทำลายความรู้สึกดีที่กูเพิ่งมีให้กับมึงลงไปเองนะ และจากนี้ไปมันจะไม่มีความรู้สึกแบบนี้หวนกลับขึ้นมาได้อีก มึงจำไว้เลย”จู่ๆเสียงครางเบาๆของลีฟกับแฟนสาวพร้อมกับเสียงเตียงไม้ที่สั่นไปมาจนเกิดเสียง เอี๊ยดๆ จากห้องลีฟค่อยๆดังถี่ขึ้น โอลาฟมันเลยเดินไปหยิบหูฟังที่โต๊ะคอมมาต่อเข้ากับโทรศัพท์และนอนเพลงฟังเพื่อเบนความสนใจไปทั้งอย่างนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 12.16 น. ช่วงพักกลางวัน “โอลาฟๆเดี๋ยวแกไปหาที่นั่งและจองที่ให้พวกเราก่อนเลยนะเว้ย” “อ่าว ปกติเป็นหน้าที่ของดิวไม่ใช่เหรอแคทวันนี้มันไม่มาทานข้าวกับพวกเรารึยังไง” “ป่าวเว้ยมึง แต่วันนี้อีดิวมันไปช่วยครูกิติย้ายห้องทำงานน่ะ เดี๋ยวสักพักมันก็มาล่ะ ไป่มึงรีบเลย ชักช้าเดี๋ยวโต๊ะเต็มนะ เอ่อแล้วก็อย่าลืมตักน้ำใส่แก้วไว้ให้พวกเราด้วย”หลังจากที่โอลาฟ เจมส์ แคท และดิวมานั่งทานข้าวกลางวันพร้อมหน้ากันที่โต๊ะ โอลาฟมันได้สังเกตเห็นรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างจากโต๊ะของมันไป 150 เมตร ที่ซื้อข้าวเสร็จและกำลังเดินหาโต๊ะนั่ง ก่อนที่มันจะหันไปสะกิดเจมสืที่นั่งอยู่ข้างมัน “เจมส์ มึงดูโน่นดิ ทำไมรุ่นพี่กลุ่มนั้นเวลาเดินไปไหนพวกรุ่นน้องถึงพากันเดินหลบล่ะ บ้างก็ยกมือไหว้ด้วยท่าทางเกร็งๆกันพวกรุ่นพี่กลุ่มเค้าเป็นอะไรกันเหรอ”คำถามดังกล่าวทำให้เจมส์รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันทีพร้อมกับแคทและดิวที่หันไปมองตามๆกัน “นั่นมันพวกของพี่นกแก้วนิ ใช่ไหมวะแคท ดิว”“เออๆ ใช่แล้วล่ะ โหวันนี้พวกพี่เขามานั่งทานข้าวกันครบทีมเลยนะอีดิว มึงเห็นอย่างที่กูเห็นปะ”“อื้ม เป็นภาพที่หาดูได้ยากนะเนี่ย ปกติพวกพี่เค้าจะแยกกันนี่น่า” โอลาฟสังเกตเห็นท่าทีของทั้งสามดูครึมๆไปทันใด “ทำไมพวกมึงสามคนดูครึมๆอึ้งๆกันล่ะพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้นเค้ามีอะไรพิเศษเหรอวะ”เจมส์ถึงกับหันมาพูดกับโอลาฟทันใด “มึงเป็นเด็กใหม่นินะเลยไม่รู้กิติศัพท์ของพวกพี่นกแก้ว” คำพูดดังกล่าวถึงกับทำโอลาฟชักสีหน้าด้วยความงุนงงยิ่งกว่าเก่า “กิติศัพท์อะไรน่ะ พวกพี่เค้าเป็นคนไม่ดีงั้นเหรอ”“โอ่ยยอีโอลาฟมึงอย่าพูดเสียงดังดิ เดี๋ยวก็ได้พากันซวยหมดหรอก อีดอกมึงฟังกูนะอีโอลาฟ ถ้ามึงคิดจะมีเรื่องหรือมีปัญหากับใครในโรงเรียนนี้มึงเต็มที่ได้ แต่ยกเว้นกับกลุ่มของพี่นกแก้ว ที่ห้ามไปมีเรื่องด้วยเด็ดขาด” “ทำไมล่ะดิวพวกพี่เค้าร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” “ก็ไม่เชิงว่าร้ายหรือดีนะอีโอลาฟ แต่พวกรุ่นพี่ม.6 กลุ่มนี้ พวกพี่เค้ามีอิทธิพลและชื่อเสียงในหมู่ของวัยรุ่นทั้งกลุ่มดีและไม่ดี อย่างพี่นกแก้วน่ะ เป็นเลสเบี้ยนดุ พี่เค้าเก่งเรื่องศิลปะป้องกันตัวทุกชนิด ขนาดนักมวยตัวท๊อปของโรงเรียนยังกลัวพี่นกแก้วเลย แถมมีพ่อเป็นทหารยศสูงด้วย และกูเคยได้ยินมาด้วยว่าพี่ชายของพี่นกแก้วเป็นหัวหน้าแก๊งค์เด็กแว้นในแถบนี้อีกต่างห่างส่วนคนที่ฝั่งซ้ายคือพี่จิมมี่ พี่เค้าก็ชอบมีเรื่องจนเข้าสถานพินิจมาตั้งแต่ ม.1 และมาเริ่มตั้งใจเรียนตอนม.4 และกูรู้มาด้วยว่าพี่จิมมี่เคยเอารุ่นน้องที่เป็นเกย์หรือกะเทยไปเย็ดจนเกือบตาย ขนาดกูผู้ที่ปราถนาอยากถูกเย็ดนะ ยังกลัวพี่จิมมี่เลยส่วนที่นั่งอยู่ฝั่งขวาพี่นกแก้ว พี่เค้าชื่อ พี่นวล ว่ากันว่าพี่นวลเป็นคู่จิ้นของพี่นกแก้ว แถมพี่เค้ายังเรียนเก่งเวอร์และเป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนด้วย ส่วนที่นั่งข้างอยู่พี่จิมมี่ คือพี่ครอส ฉายานักสืบของโรงเรียน พี่คนนี้นิสัยดีแถมยังเป็นหัวหน้าชมรมข่าวสารพาเพลินของโรงเรียนด้วย ถ้ามึงอยากรู้เรื่องอะไรนะโอลาฟ ขอแค่มีเงินเท่านั้น มึงก็ไปจ้างพี่เค้าให้ช่วยสืบและหาความจริงได้ไม่เกิน 1 อาทิตย์แน่นอน อันนี้ขอการันตีได้เลยเพราะกูไปใช้บริการมาแล้ว และคนที่นั่งถัดจากพี่ครอส คือพี่เข็ม เป็นหัวหน้าสารวัตรนักเรียน หรือมีอีกชื่อคือมือขวาของครูธีรชาติฝ่ายปกครอง พี่เข็มนี่ก็มีรุ่นน้องที่เป็นเบ๊ให้พี่เค้าเยอะอยู่เหมือนกัน เวลาอยากจะทำอะไรไม่ดีมึงก็ต้องระวังไว้ด้วย”“โหฟังที่มึงพูดมาแต่ละคนนี่ แม่งอย่างกะทีม Avenger เนาะดิว”เจมส์ถึงกับรีบพูดเสริมขึ้นอีกขึ้น “ มันยิ่งกว่าทีม Avenger อีกนะมึง ขนาดพี่เจนที่ดูห้าวๆน่ะ เวลาเจอพวกพี่นกแก้วเข้านะ ท่าทีแม่งยังก็เด็กประถมไปเลยแหละ”“ถ้างั้นขอถามไรหน่อยดิ พี่เจนของมึงที่ชอบพูดเสียงดังทำตัวห่ามๆแบบนั้นน่ะ เวลาที่พวกพี่นกแก้วเห็นพวกพี่เค้าไม่เคืองตาพี่เจนบ้างรึไง”“ไม่เคืองหรอกโอลาฟ เพราะพี่เคนที่อยู่ในก๊กของพี่เจนแถมยังเป็นแฟนกับพี่เจนด้วย พี่เคนกับพี่ครอส เค้าเป็นพี่น้องกันน่ะ และพี่ครอสก็เป็นเพื่อนพี่นกแก้วอยู่แล้ว พวกพี่นกแก้วเลยเว้นๆพี่เจนไปอะดิ”“มิน่าล่ะถึงว่าทำไมพี่เจนทำตัวแบบนั้นได้ ที่แท้ก็มีแบล๊คดีคุ้มหัวอยู่นี่เอง ถ้างั้นแบบนี้ทำไมมึงไม่เอาอย่างพี่เจนบ้างล่ะเจมส์”“ไม่อะโอลาฟ กูไม่ชอบความรุนแรงและกูก็ไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกพี่นกแก้วด้วยแล้วก็อีกอย่างนะ กูกลัวพี่จิมมี่ด้วยน่ะ”“ที่พวกเราพูดให้แกฟังเนี่ยไม่ใช่ว่าให้แกไปอคติกับพวกพี่เค้าน่ะ แต่อยากให้ระวังตัวไว้เพราะแกเป็นเด็กที่เพิ่งเข้าย้ายมาใหม่ เวลาทำอะไรก็พยายามอย่าให้ไปกระทบกับพวกพี่นกแก้วเค้าล่ะ เพราะปีที่แล้ว ก็มีครูคนหนึ่งถูกย้ายออกเพราะดันไปมีปัญหากับพวกพี่นกแก้ว และปีก่อนหน้านั้นก็มีกลุ่มรุ่นน้อง ม.3 ถูกซ้อมปางตายก็เพราะไปท้าทายใส่พี่จิมมี่ สรุปคือห่างได้ห่าง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง เข้าใจนะโอลาฟ”“แค่กูฟังที่มึงพูดนะแคท กูก็ไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้พวกพี่เค้าแล้วล่ะ ไงก็ขอบใจพวกมึงมาก คราวหลังกูจะได้ระวังๆตัวไว้” ดิวมันถอนหายใจและรีบพูดแทรกขึ้น “ปะพอๆๆๆเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าพวกมึง เดี๋ยวเสียอรรถรสตอนกินข้าวกันพอดีเออเกือบลืมไปแหน่ วันนี้คาบ 6 มีเลือกชมรมไม่ใช่เหรอ ปีนี้พวกมึงเลือกๆกันไว้รึยังว่าจะอยู่ชมรมไหน”“เอ่อจริงสิอีดิว เราลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าวันนี้มีการเลือกชมรมใหม่ พวกมึงสองคนล่ะเจมส์ โอลาฟ คิดว่าปีนี้จะอยู่ชมรมไหนกัน” เจมส์กับโอลาฟถึงกับหันมองหน้ากัน“อืม เรายังไม่รู้อะแคท ไว้รอดูรายละเอียดจากใบเลือกชมรมที่เค้าแจกก่อนน่ะ”“แล้วแกล่ะเจมส์ จะเลือกชมรมไร”“ปีนี้เราว่าจะลงชมรมคหกรรมเหมือนที่ปีแล้วนั่นแหละแคท”“เห่ยยคหกรรมอีกแล้วเหรอ แกไม่เบื่อบ้างรึไงวะเจมส์”“ก็ไม่นะแคท สนุกดีออกได้ทั้งทำอาหารกับขนมแถมยังได้ของกินกลับบ้านด้วยนะแล้วมึงกับอีดิวล่ะจะลงชมรมไร”“เราว่าจะไปลงชมรมเทควันโด้ส่วนอีดิวก็คงจะดนตรีไทยเหมือนเดิมแหละมั้ง”“นี่อีโอลาฟถ้ามึงไม่รู้จะลงชมรมอะไร มึงก็มาลงดนตรีไทยกับกูได้นะ”“อืมขอบใจดิว แต่ไว้กูดูรายละเอียดก่อนนะว่ามีชมรมไรน่าสนใจบ้าง”เวลา 14.50 น. “ประกาศจากฝ่ายกิจกรรมนักเรียนในตอนนี้ขอให้นักเรียนทุกคนลงมารวมตัวกันที่หอประชุมด้วยค่ะ เนื่องจากจะมีการเลือกชมรมของนักเรียนใหม่ในปีการศึกษานี้ และขอให้หัวหน้าห้องทุกห้องนำใบแจ้งชื่อชมรมที่ได้รับจากครูหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมดำเนินการแจกให้กับสมาชิกในห้องของตนเองให้เรียบร้อยด้วยค่ะ” “โอลาฟทางนี้ๆมึงไปไหนมาน่ะ กูเดินหาซะตั้งนาน”“โทษทีเจมส์กูก็เดินหามึงอยู่เหมือนกันนั่นแหละ แต่โอ้โหคนแม่งโคตรเยอะว่ะ”“มันก็แน่สิโอลาฟโรงเรียนเรามีนักเรียนตั้ง 2 พันกว่าคนนะ แล้วสรุปมึงเลือกได้หรือยังว่าจะลงชมรมไร”“กูว่าจะลงชมรมทัศนศิลป์น่ะเจมส์”“ชมรมทัศนศิลป์?? แต่มึงวาดภาพไม่เก่งนะ มึงแน่ใจเหรอว่าจะลงจริงๆน่ะ”โอลาฟมันยิ้มและหันไปมองเฟิร์สที่ยืนบนเก้าอี้พร้อมกำลังพูดใส่โทรโข่งประกาศเชิญชวนให้รุ่นน้องไปเข้าชมรมเดียวกับเฟิร์ส“ก็แน่อะดิเจมส์ เพราะกูตัดสินใจไปแล้วนิ ถึงกูจะวาดไม่เก่ง แต่…ก็..พัฒนาฝีมือตัวเองได้น่ะ”“เฮ้อออโอลาฟ มึงอย่าเสแร้ง กูรู้นะว่าที่มึงตัดสินใจเลือกชมรมทัศนศิลป์น่ะเพราะมึงมีจุดประสงค์บางอย่าง”โอลาฟถึงกับทำหน้าเหวอ “ อะไรอะเจมส์มั่วล่ะจุดประสงค์อะไรก็เราอยากลงจริงๆนิน่า”“โอลาฟ จำที่มึงเคยบอกกูได้ป่ะ ว่าวิชาที่มึงเกลียดจนเข้าไส้คือวิชาศิลปะกับวิชาประวัติศาสตร์ และโดยธรรมชาติของคนเรานะการที่ต้องฝืนไปทำในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบน่ะ มันก็มีอยู่ 2 อย่าง คือ ถูกบังคับ หรือไม่ก็ มีเป้าหมายอะไรบางอย่างที่ต้องการซึ่งในกรณีมึงนี่ดูออกเลยว่าน่าจะเป็นอย่างสองแน่นอน สรุปมึงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่โอลาฟ”โอลาฟทำหน้าตื่นตระหนกยิ่งกว่าเก่า “มึงนี่ก็คิดไรเป็นตุเป็นตะไปเรื่อยนะเจมส์ ก็กูพูดไปแล้วว่า….”“โอลาฟมึงชอบพี่เฟิร์สใช่ไหมล่ะ” โอลาฟถึงกับอึ้งสตั้นไปชั่วขณะ“ที่มึงอยากเข้าชมรมทัศนศิลป์เนี่ยก็เพราะว่ามึงชอบพี่เฟิร์สใช่ไหม ว่าไง” “บ้า ไม่ใช่เว้ย กะกูกะ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย…” สายตาของโอลาฟลอกแลกไปมา “หื้มมมถ้าไม่ใช่งั้นทำไมถึงต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ล่ะ ปกติเวลามึงคุยกับกูนี่สายตามึงไม่ลอกแลกแบบนี้นะเว้ยยอมรับมาเหอะโอลาฟ ชอบก็บอกว่าชอบดิ รึจะให้กูเอาเรื่องนี้ไปปรึกษายัยแคทกับอีดิว”“เห้ย อย่านะเจมส์ชะใช่มึงพูดถูกแล้ว กูชอบพี่เฟิร์สที่กูเข้าอยากชมรมทัศนศิลป์น่ะ ก็เพราะว่ากูอยากรู้จักกับพี่เค้าเพราะมันเป็นทางเดียวที่กูจะเข้าหาพี่เค้าได้”“นั่นไงกูว่าล่ะ จริงอย่างที่กูคิดไว้เลย”“เดี๋ยวนะเจมส์มึงรู้ได้ไงว่ากูชอบพี่เฟิร์ส เรื่องนี้กูไม่เคยบอกให้ใครรู้เลยนะ”“เฮ้อโอลาฟ กูเริ่มสงสัยมึงตั้งแต่เรื่องไปเข้าห้องน้ำคราวนั้นล่ะ ที่จู่ๆมึงก็หนีไปเข้าห้องน้ำที่อาคาร 6 แทน และก่อนหน้านั้นกูเห็นมึงชอบส่องเฟสและไอจีของพี่เฟิร์สอยู่ตลอด แถมเวลาว่างๆมึงก็ชอบแอบขึ้นไปนั่งเล่นที่ห้องคลีนิคภาษา ซึ่งกูก็เพิ่งมารู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องที่พี่เฟิร์สกับเพื่อนๆชอบขึ้นไปนั่งจับกลุ่มคุยกันในยามว่างกูก็เลยลองจับต้นชนปลายและเก็บเอามาถามมึงดู”เจมส์เห็นโอลาฟได้แต่ยืนอ้ำอึ้งด้วยสีหน้าเขินอาย มันเลยเดินจับแขนโอลาฟไว้มั่น “โอลาฟ กูเข้าใจความรู้สึกนี้ของมึงนะเพราะกูเองก็เคยผ่านมันมาล่ะ แต่กับพี่เฟิร์สนี่มึงต้องอดทนและทำใจเผื่อไว้หน่อยนะมึง เพราะพี่เค้าเป็นถึงเดือนของโรงเรียนที่ใครๆต่างก็หมายปองและแถมยังเป็นประธานนักเรียนอีกด้วยพูดง่ายๆก็คือมึงอะเล็งของสูงไปหน่อย ไงถ้ามึงต้องการให้กูช่วยอะไรก็บอกกูได้นะโอลาฟ”“เจมส์ขอไรอย่าง เรื่องนี้มึงอย่าพึ่งไปบอกให้แคทกับดิวรู้นะ คือกูยังไม่พร้อมให้ใครรู้เรื่องนี้อะ”“แต่ถึงยังไงยัยแคทกับอีดิวมันก็ต้องรู้เข้าสักวันปะขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นแหละ” “เอ่อๆกูเข้าใจ แต่ไว้ถึงเวลากูจะเป็นคนบอกพวกมันสองคนด้วยตัวของกูเอง”“ก็ตามนั้นล่ะกัน ปะปะแยกย้ายกันหวังว่ากูคงจะได้เห็นมึงกับพี่เฟิร์สคบกันเหมือนอย่างกูกับพี่โฟรนะ” โอลาฟมันยิ้มด้วยความเขินอายก่อนที่มันจะเดินแยกจากเจมส์และตรงดิ่งไปทางที่เฟิร์สยืนอยู่โอลาฟเดินไปหยุดยืนมองเฟิร์สที่ยังคงยืนป่าวประกาศเชิญชวนเสียงดังจาวๆมันยืนมองเฟิร์สด้วยความหลงใหลและตื้นตันใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันได้ยืนมองใบหน้าหล่อๆของเฟิร์สในระยะ 1 เมตร ทำเอาหัวใจของมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ โอลาฟรีบพูดขึ้นในใจ “พี่เฟิร์ส เวลามองพี่ใกล้ๆแบบนี้ทำไมผมถึงมีความสุขที่สุดจะบรรยายแบบนี้นะ ยิ่งอยู่ใกล้พี่แบบนี้มันทำให้ใจของผมละลายจะระเหยเป็นไอไปหมดแล้ว ทำไมพี่ถึงขาว หล่อ หุ่นดีบาดใจผมแบบนี้จังเลยครับ พี่เฟิร์สสส” ระหว่างที่โอลาฟกำลังยืนมองเฟิร์สด้วยสีหน้าเคลิ้มๆอยู่นั้นเอง เฟิร์สหันไปเห็นถึงกับรีบเอ่ยปากทัก “อะอะ น้องคนที่ยืนมองหน้าพี่อยู่ตรงนั้นน่ะ สนใจจะมาอยู่ชมรมทัศนศิลป์ด้วยกันไหมน้อง” โอลาฟถึงกับสะดุ้งโย่งก่อนที่จะพูดตอบด้วยน้ำเสียงตะกุตะกัก “เอิ่มมคะคะครับ อยากได้ เอ้ย อยากครับ ผมอยากเข้าชมรมของพี่ครับ”“โห่ตื่นเต้นขนาดนั้นเชียว ไอ้เจตๆ เอาใบสมัครชมรมไปให้น้องคนนั้นหน่อย”โอลาฟรับใบสมัครจากเจตด้วยความดีใจและแยกตัวไปนั่งเขียนข้อมูลต่างๆลงในใบสมัครก่อนที่มันจะไปยืนต่อคิวยังโต๊ะส่งใบสมัคร ระหว่างที่ยืนรอมันถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับนึกในใจไปพลาง “ตะกี้พี่เฟิร์สพูดกับเราด้วยแหละ โอ๊ย สุดยอดอะ สายตาของพี่เค้าที่มองมาทำไมมันช่างมีเสน่ห์แบบนี้” ไม่นานนักแถวของโอลาฟค่อยขยับไปขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั้งถึงคิวของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่อยู่หน้าโอลาฟ จู่ๆรุ่นพี่ที่นั่งกรอกข้อมูลพร้อมกับรับใบสมัครได้ลุกขึ้นยืน “ขอโทษค่ะพวกน้องๆทุกคน ตอนนี้ชมรมทัศนศิลป์เต็มแล้วค่ะยังไงพี่ต้องขอโทษพวกน้องๆทุกคนด้วยนะคะ”พวกนักเรียนที่ยืนรอคิว 10 กว่าคนรวมถึงโอลาฟถึงกับเอ่ยปากต่อว่าขึ้นทันที “โห่ พี่อะ รับเพิ่มอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอเนี่ยเหลืออีกแค่ 12 คนเอง…ใช่อะพี่อีกแค่ 12 คนเอง รับเหอะนะพี่รับเหอะ พวกผมขอล่ะ” “พวกน้องๆคะใจเย็นและฟังพี่ก่อน จริงๆจำนวนเต็มของคนมาสมัครอยู่ที่ 50 คนนะคะ แต่นี่พี่รับเกินมาแล้วตั้ง 5 คน ขืนพี่ยังรับเพิ่มอีก พวกพี่ๆกลัวจะมีปัญหากับครูนิดาเค้าน่ะน้อง พวกน้องๆก็รู้ใช่ไหมว่าครูนิดาเค้าเข้มงวดแค่ไหนขอให้เข้าใจพวกพี่ๆด้วย ไงปีนี้พี่ว่าพวกน้องๆลองไปหาชมรมอื่นดูก่อนนะ พี่เชื่อว่าพวกน้องๆต้องมีชมรมลำดับที่สองอยู่ในใจแน่นอน”พวกนักเรียนทั้ง 12 ยังคงบ่นและชักสีหน้าเซ็งกันยกใหญ่ก่อนจะพากันแยกย้ายกระจายไปยังจุดอื่นๆ โอลาฟมันทั้งรู้สึกเสียใจและผิดหวัง มันบีบใบสมัครในมือไว้แน่นพร้อมกับหันไปมองเฟิร์สกับเจตที่ยืนคุยกันอยู่แต่ไกลด้วยสีหน้าเศร้าๆ ก่อนมันจะเดินจากไปโอลาฟทำหน้าบูดเดินฝ่าผู้คนไปอย่างไร้จุดหมาย และทันใดนั้นก็มันมือมาจับเข้าที่ไหล่จากด้านหลัง“น้องโอลาฟใช่ปะ” โอลาฟมันสะดุ้งตกใจจนรีบหันไปมองหลังอย่างรวดเร็ว “พี่ยูโร!!” โอลาฟมองยูโรด้วยใบหน้าตื่นตกใจใหญ่“ไงน้อง ใจเย็นๆ สรุปน้องเองก็เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ด้วย”“จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงล่ะพี่ ผมก็นึกว่าพี่เรียนจบทำงานแล้วนะเนี่ย”“โอ้โห่น้อง นี่จะบอกว่าพี่แก่แล้วว่างั้น”“ไม่ได้บอกนะพี่แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ” “หืมมมแบบนี้พี่ไม่น่าเดินเข้ามาทักน้องเลยเนาะ”“ฮ่าๆพี่ ขำๆน่ะครับ แล้วพี่เรียนอยู่ชั้นไรอะ ทำไม่ผมไม่เคยเห็นหน้าหรือเจอพี่ในโรงเรียนเลย”“พี่เรียนอยู่ม.5/5 ครับน้องส่วนใหญ่เวลาว่างๆพี่จะไปช่วยครู สราวุธทำงานอยู่ที่ห้องโสตตลอดน่ะ และช่วงพักกลางวันพี่ก็จะทานข้าวกับพวกครูสราวุธที่ห้องโสตซะส่วนมาก พี่ก็เลยดูเหมือนไม่ค่อยมีตัวตนในโรงเรียนสักเท่าไหร่น่ะว่าแต่น้องโอลาฟก็เหมือนกันพี่ก็เรียนที่นี่มาตั้งแต่ม.1 นะทำไมพี่ถึงไม่เคยเห็นหน้าน้องสักครั้งเลยล่ะ”“จะเห็นได้ไงล่ะพี่ยูโรก็ผมเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ตอนม.2 เอง และเวลาว่างส่วนใหญ่ผมเองก็จะไปสิงสู่แถวๆลานพฤกษากับพวกเพื่อนๆน่ะพี่ สรุปก็คือพี่กับผมเหมือนอยู่โลกใครโลกมันซะมากกว่า”“หืมมพูดได้ดีนะน้องแต่ฟังไปฟังมาเหมือนกับพี่โดนน้องแอบด่ายังไงก็ไม่รู้ฮ่าๆ เออแล้วนี่น้องลงชมรมไรอะ”“ผมว่าจะไปลงทัศนศิลป์อะแต่มันดันเต็มซะก่อน ผมก็เลย…แห้วกินหัวอยู่เนี่ย”“อ่าวแล้วนี่น้องไม่มีชมรมที่ชอบเป็นลำดับที่สองเหรอ”“จะว่ามีมันก็มีนะพี่ แต่ถ้าจะให้ไปลงดนตรีไทยผมก็เบื่ออะ เพราะตอนประถมผมก็เรียนดนตรีไทยมาเยอะแล้ว” “งั้นน้องสนใจชมรมคนรักภาพถ่ายไหมล่ะ สนุกดีนะน้องแถมยังไม่เครียดด้วย” โอลาฟถึงกับนิ่งครุ่นคิดไปชั่วขณะ “เอิ่มมมันก็น่าสนอยู่นะพี่ แต่ป่านนี้คนคงเต็มละมั้ง เพราะผมได้ยินคนอื่นๆคุยกันว่าชมรมนี้คนไปสมัครเยอะจนยอดคนไปสมัครเต็มก่อนชมรมอื่นๆทุกปี ยิ่งปีนี้เห็นในใบแจ้งชื่อชมรมว่าจำกัดจำนวนแค่ 30 คนด้วย”ยูโรถึงกับปรบมือให้กับโอลาฟ “สุดยอด รู้ข้อมูลได้ละเอียดยิบ ซึ่งจริงๆตอนนี้มันก็เต็มไปแล้วล่ะนะแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ซะทีเดียว เอางี้ไหมน้องเดี๋ยวพี่จะบอกให้พี่ที่ลงข้อมูลสมาชิกชมรมคนรักภาพถ่ายเพิ่มชื่อน้องให้เป็นกรณีพิเศษ”“ไม่เอาอะพี่ยูโรเดี๋ยวผมกลัวจะมีปัญหากับพี่รุ่นพี่เค้าอีก”“เอาน่าน้องพวกนั้นมันไม่กล้าเถียงพี่กันหรอก”“ทำไมอะพี่ยูโร…พี่ดุเหรอ..เค้าเลยถึงไม่กล้าเถียงอะ” “หน้าแบบพี่นี้คงจะดุมั้งน้อง ฮ่าๆ ก็พี่เป็นประธานชมรมคนรักภาพถ่ายนะครับ เพราะนอกจากครูผู้รับผิดชอบแล้วยังไงอำนาจการตัดสินใจต่างๆอีกครึ่งหนึ่งก็อยู่ที่พี่ด้วย”“แล้วทำไมพี่ถึงช่วยผมอะ เอาจริงๆผมกับพี่ก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันมาก่อนนะครับ” “เอ๊า!!คนเราถ้าจะช่วยเหลือกันมันต้องมีเหตุผลอะไรที่ซับซ้อนด้วยเหรอ อีกอย่างนะน้องก็เป็นคนพูดเองว่าสนใจชมรมพี่ด้วยตกลงจะมากับพี่ไหมล่ะ มีโอกาสครั้งเดียวนะน้องโอลาฟ” “อืมมมมมก็ได้ครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมทำพี่เสียน้ำใจอีก” “แห่มทำไมบุคลิกของน้องกับหน้าตานี่ทำไมมันช่างสวนทางกันจริงๆนะ” เวลา 17.03 น.ในขณะที่โอลาฟกำลังจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์กลับบ้านอยู่นั้นจู่เจมส์ได้วิ่งตรงเข้ามาหาทันควัน “โอลาฟเดี๋ยวๆอย่าเพิ่งไป!!” “อะไรน่ะเจมส์ เล่นเอาซะอกตกใจหมด มีไร?” “มึงจำที่กูพูดเมื่อวันจันทร์ได้ไหมเรื่องที่จะไปทะเลกับกูน่ะ ตกลงมึงคุยกับรึแม่ยังว่าไปได้ไหม เพราะอีกเดี๋ยวพี่โฟรจะโทรจองที่พักล่วงหน้าแล้ว”“อ๋อ ถ้าเรื่องนั้นกูคุยกับแม่เรียบร้อยล่ะ แม่กูอนุญาตให้ไปได้”เจมส์ถึงกับยิ้มกว้างดีความดีใจ “เอ้ยจริงดิ เอ่อดีๆๆๆดีเลย งั้นๆ เดี๋ยวกูจะบอกพี่โฟรนะว่ามึงไปด้วยอีกคน”“แล้วสรุปจะไปกันวันไหนล่ะ กูจะได้เตรียมตัวทัน” “พี่โฟรบอกกูว่า วันที่ 1 กรกฏาคมน่ะ ล้อหมุนตอน 7.00 น. ดังนั้นคืนวันที่ 30 มิถุนายน นี้ มึงกับกูต้องไปนอนค้างที่บ้านพี่โฟรเลยเพราะจะได้ไม่ต้องให้พี่เค้ามารับกูกับมึงที่บ้านด้วย โอเคไหมมึง”“เอ่อๆ ก็ตามนั้นล่ะกัน” วันเสาร์ที่ 1 กรกฏาคม เวลา 7.13 น. “พี่โฟรมีอะไรให้ผมกับโอลาฟช่วยไหมครับ” “อ้อไม่มีแล้วล่ะเจมส์ พวกสัมภาระส่วนใหญ่ของพี่กับคนอื่นๆรวมถึงของเจมส์และโอลาฟ พี่กับเพื่อนๆช่วยขนขึ้นกระบะหลังกันหมดล่ะ ที่เจมส์กำลังเห็นอยู่นี่คือพี่แค่จัดให้มันเป็นระเบียบแค่นั้นเอง” “ครับแต่ถ้าพี่มีไรอยากให้ช่วยเรียกผมกับโอลาฟได้นะครับ”“อ่าได้ๆ แต่เจมส์กับโอลาฟตามพี่มานี่ก่อนมะเดี๋ยวจะแนะนำพวกเพื่อนๆพี่ให้ได้รู้จักกันไว้อะทั้งสองคนเห็นพี่ใส่หมวกแก๊ปเขียวที่กำลังนั่งซดกาแฟตรงโต๊ะนั่นไหม คนนั้นชื่อพี่กร ส่วนสองคนที่ยืนคุยกันอยู่หน้าบ้าน คนเสื้อเชิ้ตแดงนั่นชื่อพี่บิ๊ก ส่วนคนเสื้อยืดเทาหุ่นเหมือนนักกีฬาที่คุยกับพี่บิ๊กนั่นชื่อพี่โอมส่วนคนใส่แว่นที่เพ่งลงมาจากรถเก๋งสีขาวนั่นชื่อพี่โปเต้”“โหพี่โฟรเพื่อนๆของพี่ทั้งหมดนี่เรียนที่เดียวกับพี่และพวกผมหมดเลยเหรอครับ”“ไม่ทั้งหมดหรอกเจมส์ ที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ เจมส์และโอลาฟ ก็มีแค่พี่กรนั่นแหละ อยู่ห้องม. 6/8 ส่วนพี่บิ๊กกับพี่โอมเรียนที่อัสสัมชัญบางรัก และพี่โปเต้นี่เรียนอยู่สวนกุหลาบน่ะ” “เพื่อนพี่โฟรแต่ละคนนี่ทำไมดูอินเตอร์จังเลยครับ เรียนที่ดีๆกันซะด้วย แล้วพี่โฟรไปรู้จักกับพวกพี่ๆเค้าได้ไงนิครับ”“ก็เมื่อก่อนพี่กับพวกเพื่อนๆ 4 คนนี้จบป.6 มาด้วยกันนั่นแหละ เพียงแต่พอขึ้นม.1 พี่บิ๊ก พี่โปเต้และพี่โอม ย้ายตามพ่อแม่ไปเรียนที่กทม. ก็เลยเหลือพี่กับพี่กรที่ยังคงอยู่และเรียนด้วยกันที่นี่ต่อจนถึงตอนนี้”“ครับแบบนี้นี้เองพี่โฟรผมเข้าใจล่ะ ที่แท้ก็เป็นการรวมก๊กเพื่อนรุ่นเก๋ากึกนี่เอง” “แหมเจมส์ ไม่ต้องพูดขนาดนั้นก็ได้พวกพี่ยังไม่ถึงขั้นเก๋ากึกอย่างที่ว่าหรอกนะ”ในระหว่างที่ทั้งสามยืนคุยกันอยู่นั้น จู่ๆโปเต้มันเดินเข้ามาทักทาย “ไงไอ้โฟรวันนี้เดินทางไกลมึงเอารถที่จะไป เช็คอะไรมาดีแล้วใช่ป่าว” “อื้ม กูกับพ่อเอารถไปเช็คที่ศูนย์มาเมื่อวานล่ะ รับรองปลอดภัยตลอดเส้นทางว่ะ”โปเต้หันมองเจมส์กับโอลาฟด้วยท่าทางสงสัย “แล้วสองนี่ใครวะมึง ไม่เคยเห็นหน้า” “อ๋อเป็นรุ่นน้องของกูเองน่ะพอดีสองคนนี้อยากไปออกทริปกับพวกเราด้วยคนหน้าหวานๆนี่ชื่อ เจมส์ ส่วนอีกคนที่หน้าเหมือนคนญี่ปุ่นนั่นชื่อโอลาฟอะทั้งสองคน นี่พี่โปเต้ครับ”เจมส์กับโอลาฟรีบยกมือไหว้พร้อมกัน “สวัสดีครับพี่โปเต้”“หวัดดีๆ แล้วมึงพาน้องเค้ามาแบบนี้พ่อกับแม่เค้าจะไม่ว่าอะไรรึไง นี่เราไปนอนค้างกันด้วยนะเว้ย”“ถ้าเรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วงหรอกโปเต้ เพราะก่อนที่น้องเค้าจะไปกับพวกเรานี่กูให้พวกน้องเค้าเคลียร์กับทางบ้านไว้แล้ว”“งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไป่กูว่าพวกเราน่าจะรีบล้อหมุนกันได้แล้วนะไอ้โฟร ขืนชักช้าเดี๋ยวสายๆเส้นกรุงเทพรถติดนะมึง” รถกระบะวีโก้ของบิ๊กที่บรรทุกสัมภาระทุกคนกับรถตู้ฮุนไดของโฟรที่บรรทุกผู้โดยสาร ได้ออกเดินทางจากปทุมธานีมุ่งสู่พัทยาจังหวัดชลบุรีโดยในระหว่างการเดินทางก็มีการแวะเที่ยว ถ่ายรูปและพักผ่อนตามจุดต่างๆ ซึ่งนั่นได้สร้างความตื่นเต้นและสนุกสนานให้กับเจมส์และโอลาฟอย่างถึงที่สุด จนกระทั้งรถของโฟรและเพื่อนๆเดินทางมาถึงเมืองพัทยาก่อนที่ทั้ง 7 คนจะพากันเดินเที่ยวและซื้อของกินต่างๆในตัวเมืองพัทยา และตบท้ายด้วยการนั่งเรือขนสัมภาระไปค้างคืนกันที่รีสอร์ทบนเกาะล้านเวลา 17.02 น.ดวงอาทิตย์สีส้มทอแสงกระทบผิวน้ำเป็นระยิบระยับและลมทะเลพัดหอบเอาไอเย็นและกลิ่นน้ำทะเลจากเกลียวคลื่นที่พุ่งม้วนตัวมากระทบซัดชายฝั่งจนแตกเป็นฟองเล็กๆ โอลาฟที่เดินเหยียบทรายและลุยน้ำเล่นอยู่ริมหาดตาแหวน มันทอดสายตามองไปยังท้องทะเลที่ตัดกับขอบฟ้าสีส้มและผู้คนที่ยังคงสนุกสนานกับการเล่นน้ำและทรายโดยรอบซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่ทำให้โอลาฟสัมผัสถึงความผ่อนคลายและสบายใจอย่างที่มันไม่เคยได้พานพบ “ถ้าเรากับพี่เฟิร์สได้มาเที่ยวด้วยกันในบรรยากาศแบบนี้คงจะดีไม่น้อยเลยเห้ออมันจะมีวันนั้นจริงไหมนะอยากให้พี่เฟิร์สได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้เหมือนเราจัง”โอลาฟฟินกับบรรยากาศได้ไม่นานมันก็ต้องตกใจกับเสียงเรียกของเจมส์ “โอลาฟมายืนทำ MV อะไรคนเดียวอยู่ที่นี่ล่ะ ไม่ไปสนุกกับพวกพี่โฟรกับเพื่อนๆ เนี่ยพวกพี่ๆเค้ากำลังเล่นฟุตบอลชายหาดกันตรงโน่นน่ะมึงกับกูไปเล่นบอลเล่ห์ชายหาดกันหน่อยไหม จะได้เหงื่อออกกันก่อนมื้อค่ำ”“ก็น่าสนอยู่นะเจมส์แต่ขอกูดื่มด่ำบรรยากาศที่นี้คนเดียวอีกสักแปปล่ะกันเดี๋ยวตามไปมึงสนใจจะมาดื่มด่ำบรรยากาศกับกูไหมล่ะ”“ไม่อะโอลาฟมายืนอยู่คนเดียวในบรรยากาสแบบนี้กูรู้สึกเหงาๆไงไม่รู้ว่ะแปปนะมึงโทรศัพท์….ครับพี่โฟร…ผมอยู่กับโอลาฟที่หาดตาแหวนนี้อะครับตรงจุดที่มีให้เล่นบานาน่าโบ๊ทอะครับ ครับพี่ ครับพี่โฟรได้ครับ เดี๋ยวผมไป…โอลาฟพี่โฟรโทรมาเรียกเราสองคนไปสนุกกับพวกพี่เค้าน่ะไงก็รีบๆตามมานะ”“เอ้อ ไปก่อนเลยเจมส์” หลังเจมส์เดินแยกตัวไปโอลาฟมันเลยเดินทอดน่องเลาะไปตามริมน้ำและหาดทรายพร้อมกับคิดอะไรไปเพลินๆ จนกระทั่งมันเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนถ่ายรูปนักท่องเที่ยวคู่สามีภรรยาที่กำลังเดินรับลมอยู่ริมหาด ห่างจากโอลาฟไปเกือบ 200 เมตร “พวกพี่สองคนครับ รบกวนขยับใกล้กันอีกนิดครับ”ซึ่งเสียงพูดและลักษณะรูปภัณฑ์สัณฐานของชายคนดังกล่าวที่อยู่แต่ไกลทำให้โอลาฟที่ได้ยินและเห็นรู้สึกคุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างมาก มันเลย เดินตรงเข้าไปหาชายคนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ส่วนชายคนดังกล่าวที่กำลังยืนก้มหน้ากดดูรูปที่เพิ่งถ่ายไปจากตัวกล่องอยู่นั้นทันทีที่ได้ยินเสียงโอลาฟเดินเข้ามาใกล้ ชายคนดังกล่าวถึงกับรีบเงยหน้าขึ้นและหันมามอง “เอ๊า!!! พี่!! พี่ยูโร!!”“น้องโอลาฟ!!” “เดี๋ยวนะนี่พี่…พี่มาทำไรที่นี่อะ” “พี่นั่นแหละที่ต้องถามน้อง น้องมาทำอะไรที่นี่ครับ แล้วนี่มายังไงกับใครเนี่ย?”หลังจากทั้งคู่ไถ่ถามข้อสงสัยจนได้คำตอบที่กระจ่างกันแล้ว ยูโรเลยพาโอลาฟไปเดินเล่นริมชายหาดด้วยกัน “โอลาฟพี่ถามไรหน่อย เพื่อนที่ให้มาส่งเนี่ย เวลาโอลาฟเห็นเค้าอยู่ด้วยกันกับแฟน โอลาฟไม่รู้สึกอิจฉาบ้างเหรอ”“แล้วทำไมผมต้องอิจฉาเจมส์ด้วยล่ะพี่ พี่โฟรกับผมไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” “ฮ่าๆ นั่นสินะ พี่ก็ถามไปงั้นแหละ เผื่อว่าน้องจะอิจฉาเพื่อนจริงๆไง” “โห่พี่ยูโรนี่เห็นผมเป็นตัวร้ายตัวอิจฉาคนรึไงครับผมน่ะออกจะเป็นคนดี้ดี”ยูโรถึงกับทำสำลักขึ้นทันใด “ฮะแฮ่มมม”“เป็นไรอะพี่” “ป๊าวววแค่สำลักเด็กชอบยอตัวเอง”“หืมมมมม เดี๋ยวตักน้ำทะเลให้ดื่มแก้สำลักเลยดีไหม”“ฮ่าๆ เกรงใจครับน้อง ตามสบายเลย”“ว่าแต่พี่นี่ก็ลงทุนเหมือนกันเนาะ เดินทางไกลไปหลายต่อหลายที่ เสียเงินไปก็เยอะ เพียงเพื่อไปถ่ายรูปที่ไม่มีแม้แต่รูปของตัวเองเลยสักใบ พี่ว่าทำแบบนี้มันคุ้มค่าเหรอ”“คุณค่าของความสุข มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีมันออกมาในรูปแบบไหนนะน้องบางสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขและไม่เดือนร้อนตัวเองและคนอื่น ต่อให้มันต้องเสียเงิน เสียงแรงและเสียเวลามากแค่ไหน ถ้ามันคุ้มค่าที่จะต้องเสียพี่ก็ยอมครับ จำไว้นะน้องว่าความสวยงามที่แท้จริงของโลกมันไม่ได้อยู่ในหนังสือหรืออยู่ในโทรศัพท์แต่มันอยู่ตรงหน้าของคนที่รู้จักไขว่คว้า”“โหหห สุดยอด คำพูดเฉียบอะพี่ผมว่าแบบพี่น่าจะลองไปทำเพจท่องเที่ยวรอบโลกดีกว่านะ ผมว่าท่าจะไปได้ไกลเลย”“อันนี้ชมพี่หรือประชดพี่กันแน่เนี่ย”“ชมครับ ผมชมพี่จริงๆ”“แปปนะน้องโทรศัพท์ฮัลโหล ไงวะมึงไอ้เฟิร์ส เอ่อใช่ แต่ตอนนี้กูอยู่เกาะล้านนะ ขอเป็นวันอังคารได้ป่าววะอื้ม ไงกูจะรีบจัดการให้ โอเคๆ เจอกันเว้ยมึง” โอลาฟที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ มันถึงกับยืนมองยูโรอย่างมีหวัง “พี่ยูโรรู้จักกับพี่เฟิร์สด้วยเหรอ”“อื้ม รู้จักสิ พี่เป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่อยู่ ม.1 ล่ะน้องโอลาฟก็รู้จักกับมันด้วยเหรอ”“รู้จักสิพี่ก็พี่เฟิร์สเค้าออกจะดังในโรงเรียน ผมว่าดีไม่ดีคงทั้งโรงเรียนเลยแหละมั้ง”“มันก็….นะแต่ถ้าน้องได้รู้จักนิสัยของมันจริงๆ บอกได้เลยว่า กวนโอ๊ยแบบสุดๆ”“ไม่มั้งพี่ยูโรผมเห็นพี่เฟิร์สเค้าออกจะเรียบร้อย ถึงจะห่ามๆบ้างในแบบผู้ชายแต่พี่เค้าก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นจนดูไม่ดี”“ฮ่าๆ ไว้ลองสนิทกับมันจริงๆพี่รับรองได้เลยว่าที่น้องคิดอยู่ในตอนนี้อาจแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดฝัน”“โห่พูดยังกะว่าผมจะได้มีโอกาสสนิทกับพี่เฟิร์สงั้นแหละพี่ยูโร”“มีแน่นอนน้อง เพราะชมรมเราเป็นชมรมตัวกลางของสองชมรมนะรู้ป่าว” “ยังไงเหรอพี่?”“ก็ชมรมทัศนศิลป์กับชมรมข่าวสารพาเพลินต่างก็ต้องใช้รูปและคนในชมรมเราไปร่วมทำงานทุกครั้งหากโรงเรียนมีโปรเจ็คใหญ่จัดขึ้น ถึงแม้จะไม่ใช่โปรเจ็คใหญ่พวกสองชมรมนั้นก็ต้องมาพึ่งเราเกือบทุกวันในเรื่องของรูปภาพและการตัดแต่งตัดต่อก่อนจะเอาไปลงสื่อดังนั้นถ้าน้องโอลาฟมีฝีมือเด่นในด้านการถ่ายภาพ สร้างสื่อ หรือตัดต่อเก่ง น้องอาจได้ร่วมงานกับพวกไอ้เฟิร์สที่เป็นทีมสภานักเรียนหรือแม้แต่พวกของพี่ครอสที่เป็นหัวหน้าชมรมข่าวสารพาเพลินด้วยพี่ต้องบอกตรงนี้เลยว่าอยู่ชมรมพี่แล้วต้องขยันพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดนะ ถ้าอยากมีบทบาทเด่นๆ ว่าแต่น้องเองจะไหวรึป่าวเถอะ” โอลาฟมันยิ้มด้วยความปลื้มปิติ ทั้งที่ในใจมันกลับรู้สึกดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้นไปมา“ต้องไหวสิครับ ต้องไหวอยู่แล้วพี่ไหนๆผมก็เป็นเด็กเส้นของพี่ตอนเข้าชมรมแล้วนินะ”“เห้ยน้องอย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินเชียวนะระวังจะมีปัญหาตามมา”“ครับ แฮ่ๆ แต่มันก็มีคนได้ยินแล้วนะตอนนี้ที่ผมเพิ่งพูดไปอะ”“ใครอะ อย่าบอกนะว่ามีเพื่อนน้องอยู่แถวนี้ด้วย”“แฮ่ๆ จะใครอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่ยืนตรงหน้าผมเนี่ยอะ”“นอกจากขี้เล่นแล้วยังขี้หยอกให้ตกใจอีกนะเนี่ยเฟี้ยวจริงๆ น้องโอลาฟที่พักของน้องอยู่ไกลจากที่นี่รึป่าว”“ก็ไม่ไกลนะครับ ห่างกันแค่ 300 เมตรเอง เอาจักรยานของรีสอร์ทปั่นมายังได้เลย พี่ถามทำไมอะพี่จะมานอนกับผมเหรอ”“ป่าวน้องก็เห็นความตั้งใจของน้อง พี่เลยอยากให้ลองเริ่มต้นฝึกฝีมือก่อนเข้าเรียนคาบชมรมในอาทิตย์หน้าน่ะ”“ฝึกฝีมือ?? พี่จะให้ผมทำอะไรหรอ”“ถ้าอยากรู้ 20.00 มาเจอกันที่นี้เลยน้องแต่ถ้าน้องใจป๊อด และเลือกที่จะไม่มาพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ”“ถ้าท้ากันซึ่งๆหน้าขนาดนี้ ก็จัดไปดิครับพี่ยูโร พี่จะได้รู้ว่า ผมอะคนจริงนะ” เวลา 20.05 น. โอลาฟปั่นจักรยานมาถึงหาดตามนัดหมาย มันจอดจักรยานก่อนจะลงเดินพร้อมส่องไฟฉายสาดไปมาโดยรอบบริเวณ “พี่ยูโรพี่ยูโร อยู่ไหนอะ”“ทางนี้ครับน้อง ทางนี้ มามา สุดยอด นึกว่าจะป๊อดจนไม่กล้ามาซะแล้ว”“เห็นไหมล่ะ ว่าผมน่ะคนจริงนะพี่ว่าแต่พี่ยูโรทำไรอยู่อะ”โอลาฟมันเดินตรงเข้าไปหายูโรที่กำลังตั้งกล้องถ่ายบางอย่างจากท้องฟ้า “โอลาฟปิดไฟฉายก่อน แสงมันเข้าเฟรมกล้องน่ะ” “โทษครับพี่ถ่ายไรอะ…UFO เหรอ”“ก็อยากให้มันติดสักรูปนะ เวลาขายคงจะได้หลายตัง….เดี๋ยวก่อนน้องอย่าเพิ่งถามแปปหนึ่ง” ยูโรกลั้นหายใจและย่อตัวลงช้าๆ พร้อมกับค่อยๆยกมือไปขึ้นไปกดปุ่มชัดเตอร์ด้วยความเบามือ ก่อนที่มันจะหันมาคุยกับโอลาฟต่อ “อ่าคุยได้ล่ะ เมื่อกี้น้องจะถามอะไรพี่นะ”“ผมถามพี่ว่ากำลังถ่ายไรอยู่อะ แถมมาอยู่สุ่มมืดๆคนเดียวแบบนี้ซะด้วย แถมจริงพี่ไม่กลัวผีเหรอครับ”“ก็ตอนนี้คนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วนิครับจะกลัวได้ไงล่ะฮ่าๆๆก็อย่างที่น้องเห็นแหละนะ พี่กำลังถ่ายรูปหมู่ดาวน่ะ จริงๆช่วงเดือนนี้ถ่ายได้ยากนะเพราะเป็นช่วงมรสุม แต่วันนี้โชคดีหน่อยที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง พี่เลยไม่อยากพลาดโอกาสงามๆนี้ไป ไม่เชื่อน้องลองเงยหน้าขึ้นมองดูดิ ดาวสวยไหมล่ะ”“ก็สวยอะครับ แต่ที่นี้ดาวเยอะมากหากเป็นแถวๆที่บ้านผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นแบบนี้อะพี่ ว่าแต่พอได้มาเห็นแบบนี้แล้วทำให้สบายใจยังไงก็ไม่รู้เนาะพี่”“ฮั่นแหน่มีมุมโรแมนซ์ ด้วยเหรอเนี่ยยยเด็ดๆๆ”“หืมม ทำเป็นแซว พูดยังกับว่าพี่จะไม่มีบ้างงั้นแหละ…ก็ช่วยไม่ได้อะนะที่วันนี้ท้องฟ้าเปิดดาวสวยแบบนี้ พี่ต้องขอบคุณผมนะ”“ขอบคุณ? ทำไมพี่ต้องขอบคุณด้วยล่ะ”“ก็เพราะว่าผมมาที่นี้ไงท้องฟ้าถึงได้เป็นใจเปิดโล่งให้เห็นดาวสวยๆมากมายแบบนี้อะ เห็นปะพี่บอกแล้วว่าผมน่ะออกจะเป็นเด็กดี้ดี”“คร๊าบบบบ คุณน้องแสนดี้ดีมานี่เลย”ยูโรพูดพร้อมกับดึงแขนโอลาฟมาที่กล้อง “เดี๋ยวๆ นี่พี่จะให้ผมทำไรอะ” “บทเรียนแรกนอกชั้นเรียนในคืนนี้คือ ภาพถ่ายดวงดารา คืนนี้พี่จะสอนเทคนิคการถ่ายภาพในแบบไร้แสงและการถ่ายดวงดาวด้วยอุปกรณ์ที่พี่เตรียมมานี่และถ้าน้องสามารถถ่ายจนได้ภาพที่พี่บอกว่าผ่านเมื่อไหร่ เท่ากับว่าน้องได้จบบทเรียนแรกสำหรับค่ำคืนนี้”“โห่ ถ่ายจนกว่าพี่จะบอกว่าผ่านเลยเหรอแบบนี้ถ้าเกิดผมถ่ายออกมาดีแต่พี่แกล้งผมให้ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน แบบนั้นผมก็แย่ดิครับ”ยูโรถึงกับขำขึ้นมา “ฮ่าๆ ถ้าไม่อยากให้เป็นงั้นน้องก็อย่ากวนตีนนนใส่พี่บ่อยๆซิ” ในขณะเดียวกันไปยังฝั่งของเจมส์เจมส์มันเดินแยกจากกลุ่มรุ่นพี่เข้ามานั่งยังขอบเตียงในห้องพัก ก่อนที่มันจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมานั่งกดเล่นเกมส์คุกกี้รันด้วยความสบายใจ เจมส์นั่งก้มหน้าเล่นเกมส์ได้ไม่นานจู่ๆมีคนเปิดประตูพร้อมกับเดินออกมาจากห้องน้ำ เจมส์ถึงกับตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ในมือหล่นพื้นก่อนมันจะรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว“อ้าวว!! พี่โฟร!!” โฟรนุ่งผ้าขนหนู่สีขาวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผมบนหัวที่เปียกน้ำจนเห็นเป็นกลีบเส้นๆซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เจมส์ถึงกับมองตาไม่กระพริบ “เจมส์เองเหรอ ก็ว่าเสียงเพลงจากโทรศัพท์ของใครดังในห้อง”“เอ่อ พี่โฟร ผมขอโทษครับ คือผมไม่รู้ว่าพี่อยู่ในห้องน้ำ ก็ตอนแรกผมเห็นพี่ออกไปซื้อของกินกับพี่กร ก็นึกว่าพี่ยังไม่กลับมา”โฟรยิ้มให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า “ขอโทษพี่ทำไมล่ะ เจมส์ไม่ได้ทำไรผิดนิน่าพี่กับพี่กรก็ไปด้วยกันอย่างที่เจมส์เห็นนั่นแหละ แต่พอเห็นร้านมันอยู่ใกล้นิดเดียวพี่กรเค้าเลยบอกว่าอยากไปซื้อคนเดียวและไล่ให้พี่กลับมาอีกอย่างวันนี้ตากแดดมาเกือบทั้งวันแถมตอนเย็นก็เล่นบอลจนเหงื่อโชกเหนอะหนะไปทั้งตัว พี่ก็เลยแยกตัวมาอาบน้ำอย่างที่เจมส์เห็นนี่แหละ”เจมส์มันยังคงนั่งจ้องมองสรีระท่อนบนของโฟรที่แน่นไปด้วยกล้ามและผิวสีขาวอันเกลี้ยงเกลาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำกระจายไปทั่วแผ่นหลัง ทำเอาเจมส์ที่ได้เห็นถึงกับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก “เจมส์แยกตัวมานั่งคนเดียวในห้องแบบนี้แล้วโอลาฟล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ”“โอลาฟเหรออ๋อ เมื่อเห็นบอกผมว่าจะเอาจักรยานของรีสอร์ทไปปั่นเล่นชมบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทน่ะครับ”“หืมมไปคนเดียว ตอนสองทุ่มเนี่ยนะ เจมส์ไม่กลัวเพื่อนเป็นไรเหรอน่ะ”“ผมบอกมันแล้วแต่มันก็ยังดั้นด้นที่จะไปจนได้ แต่คงไม่เป็นไรหรอกครับพี่โฟร โอลาฟเห็นอย่างงั้นแต่จริงๆมันเก่งและก็สตรองยิ่งกว่าผมอีกนะพี่” “แล้วเมื่อไหร่เจมส์จะสตรองเหมือนเพื่อนบ้างล่ะ ทุกวันนี้ยังชอบทำให้พี่ห่วงอยู่ตลอดนะเรา”“นั่นสิพี่โฟร ทุกวันนี้ผมก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่สตรองเหมือนคนอื่นๆ” “สรุปที่มาเที่ยวกับพวกพี่เนี่ยเจมส์กับทางบ้านเคลียร์กันลงตัวแล้วจริงๆนะ” “แรกๆก็ค้านๆกันอยู่นะพี่ โดยเฉพาะพี่เจนที่อ้างเหตุผลร้อยแปดที่จะไม่ให้ผมไป” “เจนน่ะเหรอ แล้วทำไมพี่สาวยอมให้เรามาล่ะงั้น”“ผมก็ตื้อพ่อกับแม่อะครับ ตื้อจนทั้งสองใจอ่อนยอมให้ผมมาจนได้ แต่กับพี่เจนนี่ก็ตามสภาพที่ผมบอกไปน่ะครับ”“พี่ก็พอรู้ๆมาบ้างนะว่าเจมส์น่ะถูกพี่สาวทำอะไรไว้บ้างให้พี่ลองไปคุยกับเจนหน่อยไหมล่ะ”“อย่าเลยพี่โฟร แค่เรื่องที่เรียนกับเรื่องพ่อแม่ของพี่ ก็ทำให้พี่เครียดพอตัวอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าพี่ไปคุยกับพี่เจนและพี่เจนมารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะผม ผมกลัวว่าเรื่องมันจะหนักยิ่งกว่าเก่าอีกน่ะพี่ผมโอเคครับพี่โฟร ผมโดนพี่เจนทำแบบนั้นมาตั้งแต่ประถมจนชินชาไปซะล่ะ”โฟรที่ยังคงยืนส่งกระจกเช็ดผมตรงตู้เสื้อผ้า มันหันมามองเจมส์ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับเอามือไปจับและลูบหัวไปมา “การอ่อนน้อมเป็นสิ่งที่ดีนะเจมส์ แต่ควรมีให้มันพอดี เพราะหากมากเกินไปมันจะกลายเป็นกว่าเรายอมคนไปหมดซะทุกเรื่อง และนั่นมันจะทำให้เราดูอ่อนแอและไม่กล้าที่จะตอบโต้คน ซึ่งคนประเภทนี้แหละที่มักจะโดนผู้อื่นเอาเปรียบได้ง่ายๆเจมส์ต้องหัดให้มีความกล้าด้วยตัวเองซะบ้างนะรู้ป่าว” เจมส์ยิ้มและพยักหน้าด้วยความดีใจ “ครับพี่โฟร”สายตาของเจมส์มันยังคงจ้องมองหน้าอก ซิกแพคและหัวนมสีน้ำตาลอ่อน ด้วยความหลงใหลจนโฟรถึงต้องรีบเอ่ยปากแซว “แหมๆ ไม่เคยเห็นพี่ตอนถอดเสื้อล่ะสิถึงกับมองจนจะกลืนพี่ไปทั้งร่างเนี่ย”“ผมขอโทษนะพี่แต่ผมเห็นแล้วมันตื่นเต้นจนอดที่จะมองไม่ได้อะครับ นี่เป็นครั้งแรกด้วยนะที่มีคนเปลือยท่อนบนมานั่งอยู่ข้างๆผมแบบนี้อะ และยิ่งมาอยู่ด้วยในห้อง 2 ต่อ 2 แบบนี้” เจมส์มันเขินจนหน้าแดง “ไหวป่าวเนี่ยเจมส์หน้าแดงจนจะเป็นตูดลิงแล้วน่ะพี่ว่างั้นพี่หาชุดไรมาใส่ให้เรียบร้อยดีกว่าครับ” เจมส์ถึงกับรีบคว้าแขนของโฟรที่กำลังจะลุกขึ้นไว้มั่น “เดี๋ยวดิพี่โฟร ผมโอเคครับ นั่งก่อนพี่”“แต่พี่หายไปนานแล้วนะแถมยังพี่งไม่ได้บอกพวกมันด้วยว่าไปไหน เกิดพี่กรกลับมาถึงเดี๋ยวเพื่อนก็ได้ออกตามหาพี่กันให้วุ่น”“ถ้าพี่ไม่ว่าไรผมขอจับตัวพี่ตอนถอดเสื้อได้ไหมอะ ผมอยากจะสัมผัสคนที่มีเรือนร่างเฟิร์มๆแบบนี้สักครั้ง”“แหมมันก็เหมือนเวลาจับมือจับแขนนั่นแหละไม่ต่างกันหรอกนะ”“งั้นขอให้ผมจับดูก่อนนะ จะต่างหรือไม่ต่างยังไงขอให้ผมเป็นคนตัดสินใจเอง”ทันทีที่พูดจบเจมส์เอื้อมมือทั้งสองไปจับกล้ามหน้าท้องของโฟรโดยที่โฟรยังไม่ทันได้ตอบตกลง ถึงกระนั้นโฟรมันก็ยังคงนิ่งปล่อยให้เจมส์ได้สัมผัสจนสมใจอยากเจมส์มันทั้งใช้มือจิ้มตรงกล้ามหน้าท้องพร้อมทั้งบีบนวดและลูบไปมาตามตัวขึ้นไปยังหน้าอกและเอานิ้วมาเขี่ยๆที่หัวนม จนโฟรต้องรีบเอ่ยปากปราม “เอ้ยๆ เจมส์อย่าไปเขี่ยตรงนั้นดิพี่จักจี้…อืมมมพอใจเจมส์ล่ะยัง พี่หนาวน่ะ อยากใส่เสื้อล่ะ”เจมส์ช้อนสายขึ้นมองโฟรก่อนจะยิ้มและพุ่งตัวเข้าไปโอบกอดโฟรไว้มั่นโฟรถึงกับอึ้งจนทำไรไม่ถูก “เจมส์ จะทำไรน่ะ”“ก็พี่โฟรบ่นว่าหนาวไม่ใช่เหรอ ผมก็เลยกำลังจะทำให้พี่โฟรตัวอุ่นอยู่นี่ไง” “หืมมทำไมตัวร้อนจังเลยเจมส์ ไม่สบายรึป่าวครับ”เจมส์ปล่อยมือทั้งสองออกพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมองโฟรอีกครั้ง “พี่โฟร ผมขอถามไรพี่อีกครั้งได้ไหม พี่โฟรรักผมไหมครับ”โฟรยกมือทั้งสองขึ้นไปจับไหล่เจมส์ไว้มั่น “ก็ที่คอยห่วง คอยถามสารทุกข์สุขดิบทุกวันเนี่ย พี่ว่าเจมส์น่ะจะรู้คำตอบอยู่แล้วนะครับ ว่าคืออะไร” “ถ้างั้นขอให้ผมได้ตอบแทนพี่โฟรบ้างนะครับ”เจมส์มันโน้มตัวเข้าไปกอดโฟรอีกครั้งก่อนที่จะเอาริมฝีมือสีชมพูอันอวบอิ่มไปดูหน้าอกและหัวนมฝั่งซ้ายของโฟร “เอ้ยเจมส์ อย่าทำแบบนั้น มันจั๊กจี้อะ ไม่เอ้า มันจัก๊กะจี้”เจมส์มันยังคงตั้งหน้าดูดพร้อมสลับกับใช้ลิ้นเลียหัวนมไปมา “เจมส์ จะ จะ เจมส์ครับ อย่าทำซิ อย่า..” น้ำเสียงของโฟรค่อยๆกระเส่าขึ้นมาทีละนิดๆ จนเหลือเพียงแต่เสียงลมหายใจถี่ๆของทั้งสอง เจมส์ที่ไซร้อยู่ตามหน้าอกและลำคอมันค่อยๆขยับลงไปยังหน้าท้องที่มีซิกแพกเป็นลูกๆ จนมันเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง ตรงหว่างขาและมันก็กำลังนูนเด่นขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เจมส์ใช้มือทั้งสองขึ้นมันจับปมผ้าขนหนูสีขาวที่ยังคงปกปิดท่อนล่างของโฟรไว้มั่น พร้อมกับออกแรงดึง โฟรที่สัมผัสได้ถึงแรงดึงดังกล่าวมันถึงกับรีบใช้มือขวามาคว้าจับไว้ได้ทันควัน “อะ อืม จะ เจมส์ มันยังเร็วไปไหมที่เจมส์จะทำแบบนี้น่ะ” โฟรก้มไปมองเจมส์ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขา พร้อมใบหน้าขาวๆที่เปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพู “ผมพร้อมแล้วครับพี่โฟร พี่ปล่อยให้ผมได้ทำหน้าที่ที่ผมควรทำนะครับ ที่ผ่านมาพี่ก็ช่วยผมให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆมาได้ทุกครั้ง ถึงวันนี้ขอให้ผมได้ช่วยพี่บ้างครับ” ทันทีที่มันพูดจบเจมส์ดึงปมผ้าขนหนูจนหลุดออกพร้อมกับจับชายผ้าขนหนูและเปิดมันออก ซึ่งภาพที่ทำให้เจมส์ถึงกับตะลึงคือท่อนลำสีเนื้อ ยาวเกือบ 6 นิ้วครึ่ง หัวเปิดเล็กน้อย ตั้งผงาด อยู่ตรงหน้า “มันทำไมใหญ่จังเลยครับพี่โฟร” โฟรมันยิ้มด้วยความภูมิใจก่อนจะเอ่ยปากถาม “มันก็ต้องใหญ่ซิครับ เจมส์ชอบมันไหนล่ะ” เจมส์มันยิ้มและพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่โฟรจะใช้มือจับที่ท้ายท้ายของเจมส์พร้อมกับโน้มลงไปที่ท่อนลำ "ถ้าเจมส์พร้อม งั้นช่วยพี่หน่อยนะเจมส์ พี่เองก็เงี่ยนมาหลายวันละ” เมื่อท่อนลำใหญ่ๆของโฟรที่มันเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกมาจรดอยู่ตรงหน้า เจมส์สูดดมเอากลิ่นอันน่าเย้ายวนเข้าสู่รูจมูกเบาๆ ก่อนจะใช้มือจับและดึงร่นหนังให้พ้นจากหัวเห็ดสีชมพูเรื่อๆ เจมส์ค่อยๆก้มพร้อมกับอ้าปากอมและกดหัวของมันให้ลงลึกที่สุดเท่าที่มันจะลงถึงได้ จนหัวเห็ดของโฟรไปชนเข้ากับลิ้นไก่ ทำเอาเจมส์ที่ก้มลงอมได้เพียงแค่ครึ่งลำถึงกับต้องรีบขยับปากขึ้นมาสู่ตำแหน่งเดิมก่อนที่มันจะกดหัวกลับลงไปอีกครั้ง พร้อมกับแรงดูดและกระพุ้งแก้มที่บีบรับท่อนลำตามแรงดูด เจมส์ค่อยๆขยับหัวขึ้นลงๆเป็นจังหวะ โฟรถึงกับอุทานครางกระเส่าออกมา “อูยยย อูยยย อ่าหห อ่าหหห เจมส์ครับอย่าโดนฟัน พี่เจ็บ อ่าหหห อืมมมมม ค่อยๆทำครับ อืมมม ค่อยๆ ซีดดด อ่าหหห อืมมม จะจะใจเย็นนะเจมส์อ่าหหห” โฟรมันถึงกับกัดฟัน หลับตา เกร็งใบหน้าและลำตัวจนมองเห็นกล้ามขึ้นเป็ดมัดๆด้วยความเสียวซ่านที่เจมส์กำลังปรนนิบัติให้ด้วยปากท่อนลำมันพองขยายจนเต็มปากเจมส์ ซึ่งทำให้เจมส์ที่กำลังออกแรงดูดดุ้นด้วยปากเข้าใจถึงความรู้สึกของคำว่าเต็มปากเต็มคำอย่างถ่องแท้ “ทำไมเจมส์ดูดเสียวจังเลยครับ อ่าหหห อูยยยอ่าหหห ถ้านี่เป็นครั้งแรกของเจมส์และเจมส์ทำได้เสียวแบบนี้ก็ถือว่าเก่งใช้ได้เลยนะ อ่าหหหห”เจมส์ไม่ตอบ แต่กลับเร่งเร้าฝีปากและเพิ่มฝีลิ้นรัวลงใส่รอยผ่ากลางหัวเห็ดและคอยักซึ่งทำให้โฟรที่ตัวใหญ่ถึงกับดิ้นไปด้วยความทรมานปนสุขอย่างไม่เป็นท่า ถึงกระนั้นมันก็ยังคงไม่ดิ้นแรงจนเผลอทำท่อนลำหลุดจากอุ้งปากที่กำลังสร้างความเสียวซ่านให้กับมันแต่อย่างใด ยิ่งเวลาผ่านไปแรงดูดหัวจากอุ้งปากของเจมส์มันค่อยๆเพิ่มขึ้น จนเกิดเสียงดังจ๊วบๆดังแข่งกับเสียงครางของโฟร เจมส์พยายามกระชับพอดีให้กับหัวเห็ดบานและคอยระแวดระวังฟันที่จะไปขูดโดนเนื้ออ่อนของโฟรไปพร้อมๆกันและยิ่งดูดนานไปเจมส์มันสัมผัสได้ถึงน้ำลื่นๆหวานที่ปนกับน้ำลายของมันกระจายไปทั่วปาก มันเลยเข้าใจได้ทันทีว่าโฟรกำลังจะถึงจุดสุดยอดแล้ว มันเลยเร่งจังหวะการผงกหัวและทักษะการใช้ลิ้นและกระพุ้งแก้มเข้าสะกดเร่งเร้าให้อยู่มัดในรวดเดียว แต่ทันใดนั้นเอง โฟรที่ยังคงนั่งเกร็งตัวเสียวอยู่นั้น จุ่ๆมันรีบใช้มือจับหัวของเจมส์ไว้พร้อมกับออกแรงงัดออก “จนเจมส์ถอนปากออกมาด้วยความงุนงงและอาลัย “หยุดไมอะพี่ ผมกำลังฟินอยู่เลย”ใบหน้าของโฟรที่จ้องมองมาที่มันชุ่มไปด้วยเหงื่อและแววตาแห่งความใคร่แบบสุดๆ ก่อนที่มันจะยิ้มพร้อมกับใช้มือจับที่ปลายคางของเจมส์ “แฮ่กๆๆ พี่ก็ไม่อยากให้เจมส์หยุดทำหรอกนะแต่ให้พี่เสียวอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่แฟร์นะไหนๆก็ไหนๆแล้วพี่ว่าเจมส์กับพี่เรามาสนุกด้วยกันดีกว่า”“สนุกด้วยกันเหรอ?? อย่าบอกนะว่าพี่จะ…”“เจมส์รู้เหรอว่าพี่จะทำไร”เจมส์ถึงกับชักสีหน้าขึ้นมาด้วยความลังเลนิดๆ “พี่จะทำเหมือนที่ผู้ชายกับผู้หญิงเค้าทำกันใช่ไหมล่ะ”โฟรค่อยๆยืนหน้าไปข้างๆหูเจมส์ “แล้วเจมส์พร้อมที่จะยอมให้พี่ไหมล่ะ” เจมส์ชักสีหน้าด้วยความลังเลอีกครั้งด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆไปพร้อมกัน ทำให้โฟรที่เห็นสีหน้าเจมส์ดังกล่าว “ถ้าเจมส์ยังไม่พร้อมพี่ก็จะไม่บังคับเจมส์นะ…”“ก็ได้ครับพี่โฟร ผมยอมครับ ไหนๆผมก็ช่วยพี่โฟรแล้ว ผมก็ต้องไปให้สุดปลายทางแล้วต้องเริ่มยังไงก่อนอะครับเพราะผมไม่เคย”โฟรมันยิ้มพร้อมเอามือทั้งสองไปจับแก้มเจมส์ด้วยความเอ็นดู “งั้นถอดกางเกงลงก่อนนะและนอนคว่ำหน้าลงไปที่เตียงเลยครับ”โฟรลุกเดินไปหยิบเอาวาสลีนในกระเป๋าเป้พร้อมกับเดินไปกดล็อกประตู และหมุนปรับหรี่แสงไฟในห้องให้สลัวก่อนที่มันจะเดินย้อนกลับมายังเตียงที่มีเจมส์นั่งรอพร้อมกำลังถอดกางเกงขาสั้นลง โฟรให้เจมส์นอนคว่ำหน้าพร้อมกับจัดให้ตำแหน่งของก้นอันขาวเนียนของเจมส์ให้มาพาดยังขอบเตียงจากนั้นโฟรเอาหมอนมารองที่พื้นห้องพร้อมคุกเข่าและเอาท่อนลำใหญ่ที่ชุ่มไปด้วยวาสลีนจนเป็นมันวาว มาจ่อยังรูปากประตูที่ขมิบตัวอัตโนมัติเป็นช่วงๆ โฟรเอามือทั้งสองไปจับยังสะโพกเจมส์ “พี่จะค่อยๆทำเบาๆนะ ถ้าเจมส์เจ็บ ขอให้บอกนะ พี่จะรีบหยุดทันทีเลย”เจมส์ไม่ตอบได้แต่พยักหัวงึกๆด้วยความตื่นเต้นและตื่นกลัว ก่อนที่มันจะรู้สึกถึงท่อนลำแข็งๆใหญ่ค่อยๆยัดพุ่งสวนย้อนเข้ามาภายในจนกล้ามเนื้อรอบทวารตึงแน่นจนมันต้องกัดฟันโฟรมันถึงกับซีดดครางเบาๆ “ซีดดด อ่าหหเจมส์มันบีบตัวตอดรัดแน่นจริงๆเลย” ในระหว่างที่พูดท่อนลำค่อยๆถูกดันตัวจมลึกไปเรื่อยๆ จนมิดลำและแช่ค้างไว้ “อ่าหหเจมส์พี่เอาเข้าสุดแล้วนะ” เจมส์ไม่ตอบเพราะมันได้แต่กัดฟันแน่น” โฟรขยับดึงท่อนลำออกมาได้แค่ลำจู่ๆรู้แคบๆน้อยๆก็ขมิบขยุ้มหุบๆบานๆหยุบๆรัดท่อนลำขึ้นมาทันใด โฟรถึงกับรีบดันสวนย้อนเอาท่อนลำใหญ่กลับไปอีกครั้งก่อนที่มันจะเริ่มขยับซอยเป็นจังหวะจนเกิดเสียงกระทบกันระหว่างท้องน้อยกับแก้มก้นดัง ปั๊กๆๆๆ ช้าๆพร้อมกับมือทั้งสองที่จับยึดสะโพกไว้แน่น ทำเอาเจมส์ถึงกับเอ่ยปากร้อง “อ่าหหหอ๊ากกพะพี่โฟร พี่โฟร หยุดก่อนพี่ ยะหยุดก่อนนะ อ่าหห” ด้วยความเงี่ยนบวกกับเสียวที่เกิดจากการเสียดสีกันของหัวเห็ดบานๆกับกล้ามเนื้อภายใน ทำให้เสียงดังกล่าวเปรียบเสมือนตัวกระตุ้นอารมณ์ให้ยิ่งพุ่งพล่านขึ้นกว่าเก่า แต่มันกับเร่งจังหวะการซอยให้ถี่และเร็วขึ้น “อ่า...เจมส์ ดีจัง...มันส์จริงอ่าหหหอ่าหหห” เจมส์มันเริ่มดิ้นไปมาและพยายามเอาแขนดันตัวลุกจากที่นอนแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเจมส์ไม่อาจที่จะสู้แรงของโฟรที่ยังคงจับสะโพกและกดไว้แนบกับเตียงแต่อย่างใด “อ่าหหห พี่โฟร ไหนบอกว่าจะหยุดไงครับ พี่โฟรรรร พี่”โฟรยังคงซอยย้ำๆ ปั๊ปๆๆๆๆ “อ่าหหหอย่าเพิ่งสิเจมส์ พี่กำลัง อ่าหหหห มี อ่าหหห ความสุข ซีดดดอืมมม เลย”เจมส์มันถึงกับจับและบีบกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นด้วยความเจ็บและตึงแน่นบริเวณส่วนล่างไม่นานนักความรู้สึกอันแสนทรมานดังกล่าวค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีและเสียวขึ้นมาทีละนิด ทำให้เจมส์ที่พยายามดิ้นไปมาค่อยๆสงบลงพร้อมเสียงครางในลำคอ “อืออออ อืมมมมอืออออืมมม”อ่า...ดีไหมเจมส์….เร้าใจจริงๆเลยรูน้อยๆของเจมสืมันทำพี่เสียวหัวเห็ดบานๆไปหมดแล้วอืมมมซีดดดด อ่าหหห”“คะครับ ผมก็เสียวครับพี่ อืมมมมพี่โฟรอ่าหหหพี่..” ซึ่งในขณะที่ช่วงล่างของมันโดนกระเด้าซอยเข้าออกอย่างไม่ยั้งเจมส์ถึงกับโก่งก้นขึ้นเล็กน้อยเหมือนเป็นการตอบสนองต้านการทะลวงของท่อนลำใหญ่แข็งๆที่พุ่งสวนเข้าออกอย่างต่อเนื่อง เสียงกระทบกันของผิวกายและเสียวซีดปากด้วยความเสียวซ่านดังปะปนระงมไปทั่วห้องนอนจนท้ายที่สุดกล้ามเนื้อทั่วร่างของโฟรเกร็งตัวเต็มที่จนมองเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆพร้อมด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปนอย่างชัดเจนเจมส์ที่รู้ถึงแรงบีบจากมือที่จับสะโพกด้วยอาการเกร็ง มันรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดต่อไปไม่นานนักโฟวที่ซอยๆเข้าด้วยความเมามัน มันรีบกดดันให้ท่อนลำจมมิดจนสุดโคนก่อนจะพ่นของเหลวอุ่นๆเข้าสู่ภายในเรืองร่างของเจมส์ พร้อมกับเสียงอ่าหหหหหหหอ่าหหหห ที่ลากยาวๆซ้ำประมาณ 8 ครั้งเจมส์ที่นอนคว่ำหน้าอยู่มันสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นจากภายในที่ไหลทะลักออกมาภายนอก มันไหลตามร่องหว่างขาไปยังขาอ่อนโฟรกดค้างแช่อยู่แบบนั้นอยู่นานพอตัว มันหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าราวกับเพิ่งออกกำลังกาย ก่อนที่มันจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเจมส์ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง “สุดยอดเลยเจมส์ เจมส์ได้ช่วยพี่สำเร็จแล้วนะ วันนี้พี่มีความสุขที่เลยครับ” เมื่อพูดเสร็จโฟรถอยตัวออกมาและลงไปนั่งพื้นหลังพิงขอบเตียงในสภาพเปลือยเปล่าทั้งร่างเจมส์มันค่อยๆยืนตัวลุกขึ้นพร้อมกับหยิบเอากางเกงเช็ดมาน้ำเชื้อที่ไหลเปรอะตามขาและร่องก้นไปมา ก่อนจะสวมกางเกงกลับเข้าที่เดิมเจมส์หันไปมองโฟรที่ยังคงนั่งพักเหนื่อยหลังพิงเตียงขอบ พร้อมทั้งควยที่ยังคงชี้โด่ล่อตาไปมา “พี่ขอโทษนะที่ไม่ฟังที่เจมส์พูด พี่ยอมรับว่าเจมส์น่ะทำให้พี่เงี่ยนได้สุดๆเลยย” “เจมส์ มันได้แต่ยิ้มๆและใช้มือปาดป้ายน้ำตาบนใบหน้าของมันไปมาก่อนจะลงไปนั่งข้างโฟรพร้อมกับใช้มือจับท่อนลำชักที่โชกไปด้วยน้ำลื่นๆขึ้นลงเบาๆ “อย่าคิดมากเลยครับเพราะผมเต็มใจที่จะให้พี่ทำต่ออยู่แล้วผมรักพี่โฟรนะครับ”เจมส์ใช้นิ้วชี้ที่เต็มไปด้วยเมือกใสๆถูวนๆหัวเห็ดไปมา จนท่อนลำของโฟรเริ่มผงาดขึ้นอีกครั้ง “อ่าหหห เจมส์อย่าเล่นแบบนั้นสิ เดี๋ยวได้มียกสองต่อนะ”“ถ้าจะมียกสองผมยังไหวนะครับแต่ขอให้ผมพักรูก้นสักนิดนะพี่ตอนนี้ข้างในมันคงเต็มไปด้วยลูกๆของพี่ยั้วเยี้ยแน่เลย แล้วแบบนี้ผมจะท้องไหมเนี่ย”โฟรถึงรีบยิ้มหัวเราะก่อนจะเอามือซ้ายไปจับหัวและเขย่าเบาๆ “ฮ่าๆ แรงคึกดีนะเนี้ย”
ไว้มาต่อครับ
เนื้อหาในตอนที่ 3 ตามลิงค์ http://www.g4guys.com/forum.php? ... 8073&fromuid=155129
รอลุ้นตอนต่อไปนะครับ{:5_130:} พาร์ทนี้ก็สนุก แต่ก็ยังคิดถึงเติร์กม๊ากมาย อยากให้อัพพาร์ทนี้กับพาร์ทเติร์กไปด้วยกันทุกๆเดือนจังเลยครับ หรือเดือนละสองตอนก็ยิ่งดี 555 ขอบคุณมากนะครับที่มาต่อตอนใหม่ทุกเดือนเรื่องสนุกมากครับ ขอบคุณครับ {:5_119:}{:5_129:}
ขอบคุณมากครับ สุดยอดเสียวครับบ อิอิ ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ เสียวมากเลยอะครับ ขอบคุณครับ น้องเจมส์มีผัวเป็นตัวเป็นตนแน้ววว เย้ ขอบคุณมากเลยครับ ขอบคุณมาก ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ. ขอบคุณครับ{:5_119:} ต่อๆชอบมาก ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ