tor_8915 โพสต์ 2020-5-19 16:23:14

คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย tor_8915 เมื่อ 2020-5-19 16:24



กฎของคลินิกมารักษ์

1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย
2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหาไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ
3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!!

            คุณกำลังป่วยอยู่หรือเปล่า?อยากมารักษากับพวกเราไหม เราสัญญา เราจะ'รัก'ษาพวกคุณอย่างดี มาเป็นไข้ของพวกเราเถอะ พวกเราจะรอคุณอยู่ที่ห้องตรวจ



      .....เชิญทุกท่านเลือกห้องตรวจที่สนใจได้เลยครับ.....ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ
   คลินิกมารักษ์ คือสถานที่รักษาผู้คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆแต่ผู้ป่วยจะสามารถเลือกห้องตรวจได้เองตามที่ต้องการคลินิกอื่นอาจจะรักษาโรคทั่วไป แต่คลินิกของเราจะเน้นรักษาโรคทางเพศและแน่นอนว่าเรารับประกันว่าคุณจะหายหากใครต้องการรักษากับคลินิกมารักษ์ คุณจะต้องรักษากฎของเรา 3 ข้อ
1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย

2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหาไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ

3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!!

ถ้าหากเซ็นสัญญาข้อตกลงของทางคลินิกแล้วล่ะก็ ทางคลินิกจะโทรไปเพื่อยืนยันวันและเวลาเพื่อเข้าพบรักษาภายใน24 ชั่วโมง แต่กฎก็เหมือนข้อห้าม และเมื่อยิ่งห้าม!!มันก็เหมือนยิ่งยุ!!

       ผู้คนมักจะเดินเข้าไปในคลินิกตรงหน้าผมนี้ผมไม่รู้ว่ามีอะไรดีนักหนา แร่ละคนก็ใช่ว่าจะป่วยอะไรขนาดนั้น เพราะแต่ละคนที่เดินเข้าไปต่างก็แต่งหน้าแต่งตามาเสียสวยหยดนุ่งสั้นจนผมเห็นแล้วหวาดเสียแทน มันมีอะไรดีกันนะคลินิกนี้ คนแถวๆบ้านผมล่ำลือกันว่าคลินิกมารักษ์เป็นคลินิกที่มีบุคลากร(หมอ)หล่อจนแทบดิ้นตายผมไม่เคยเห็นหรอกครับและคงไม่คิดจะมาดักรอเพื่อจะเจอด้วย มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นในชีวิตผมนี่ครับใช่!! ผมคิดแบบนั้น จนเมื่อวันก่อน......

“หัน หันไปหาหมอเถอะนะ เชื่อผิงสิ” ผมที่นั่งกุมขมับหันไปมองผิงที่ร้องไห้ขอร้องผมมันคงจะดีกว่านี้นะ ถ้าผิงไม่ได้ทิ้งผมไป

“มันไม่มีประโยชน์หรอกผิงก็รู้ อาการของเรามันเป็นตั้งแต่วันที่ผิงทิ้งเราไป”ผมไม่ได้อยากตอกย้ำเธอ เราตกลงกันแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่วันนั้นผมดีใจที่เธอเจอคนที่ใช่ ดีใจที่เธอได้พบคนดีๆ แต่....อาการของผมตอนนี้สิครับจะว่าร้ายแรงก็ร้ายแรง จะว่าเรื่องปกติก็ใช่ ก็ของผมน่ะสิไอลูกชายผมมันดันไม่ยอมขึ้น ขนาดผมไปยืนอยู่หน้าสาวสวยที่โชว์นมโชว์.......ให้ผมดูผมยังไม่มีความรู้สึกเลย มันเหมือนกับว่าผมตายด้านยังไงอย่างนั้น

“ผิงขอโทษ ฮื่อ ผิงไม่รู้ว่าหันจะเป็นแบบนี้”

“ไม่หรอก....เราแค่อธิบายให้ฟัง เราไม่ได้โทษผิง” ผมเช็ดน้ำตาที่หน้าเธอเบาๆ ผิงยังคงสวยงามเสมอสำหรับผม แม้ว่าผมจะไม่มีสิทธิ์ชื่นชมมันแล้วก็ตาม

“อย่างร้องสิครับ มันไม่ดีต่อลูกในท้องนะ”

“ผิงทำผิด ผิงทำให้หันเป็นแบบนี้!! ฮึก ฮื่อ” ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากให้เธอโทษตัวเองเลยสักนิด ยิ่งเธอกำลังท้องกำลังใส้อยู่แบบนี้ด้วยแล้ว

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดผิงหรอก อย่าโทษตัวเองเลยผิงทำแบบนี้หันรู้สึกไม่ดีนะ” ผมตีหน้าเศร้าให้เธอเห็นว่าทำให้ผมไม่สบายใจได้ผล เธอเช็ดน้ำตาเงียบกริบก่อนจะมองหน้าผมราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ หวังว่าคงจะเป็นเรื่องดี

“จริงด้วย!!!”

“อะ อะไรเหรอ” ผมแทบจะกระโดดหนีกับท่าทางของเธอก็แม่เจ้าประคุณเล่นแหกปากเสียดังลั่นบ้านแบบนี้ผมจะไม่ตกใจได้ยังไง

“ผิงได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังเรื่องคลินิกมารักษ์เห็นเขาบอกว่ารับรักษาโรคทางเพศ” หะ!! มีคลินิกแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ

“มันมีด้วยเหรอผิง ไม่ใช่ว่าพื่อนผิงโกหกผิงเหรอครับ” ผมบอกไปด้วยความไม่มั่นใจ

“จริงๆนะ!! เพื่อนผิงเองก็ไปรักษาที่นั่น หายจริงๆ!!” ครับ เอาเถอะ ถ้ามันทำให้คนสวยตาโตตรงหน้าผมสบายใจ ผมจะยอมเชื่อก็ได้

“ครับๆ หันเชื่อ”

“งั้นหันไปกับผิงนะ ผิงจะออกค่ารักษาหันเอง” รอยยิ้มบริสุทธิ์ของผิงทำให้ผมยิ้มตามได้เสมอ แต่ไหนแต่ไรมาผมก็มักจะแพ้รอยยิ้มของเธอนี่ล่ะครับ

“ครับๆ”

   ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางเด็กๆของเธอผิงมักจะทำท่าทางราวกับเด็กได้สิ่งที่ถูกใจเสมอๆ ตอนที่คบกัน

อา.......เผลอคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว

   ผมมักจะลืมตัวบ่อยๆว่าหมดสิทธิ์ไปนานแล้วตอนนี้ผิงมีคนดูแลแล้ว และเขาก็ดูแลเธอได้ดีกว่าที่ผมทำซะด้วย ปัจจัยสำคัญของมนุษย์น่ะมันก็มีแค่เงินเท่านั้นผมมันจนทำให้ผิงต้องมากัดก้อนเกลือกินกับผมมาตั้งนาน จนวันที่เธอมาบอกผมว่าเธอพบคนที่รักเธอและเธอเองก็รักเขามันทำให้ผมรู้ซึ้งว่าที่ผ่านมาผิงต้องอดทนขนาดไหน ดีแล้วล่ะ ผมคิดแบบนั้นจริงๆวันแต่งงานของผิงผมเองก็ไป ผมไปเพื่อร่วมยินดีกับเธอ แต่แค่ห่างๆเท่านั้นครับการแต่งตัวของผมมันไม่เหมาะสมกับงานของเธอ แต่เธอก็ยังเชิญผมเข้าไป แน่นอนว่าผมไม่เข้าไปอยู่แล้วบ่ะครับไม่อยากทำให้เธอขายหน้าที่พาคนอย่างผมเข้าไปผมจึงทำได้แค่บอกคำยินดีกับเธอด้านนอกเท่านั้น

ยินดีด้วยนะ.......หัวใจของผม

   ผิงลากผมมายืนอยู่หน้าคลินิกมันตลกนะครับสำหรับคนอย่างผมที่จะต้องมาให้ใครก็ไม่รู้รักษาอาการไม่สู้ของลูกชายที่มันจะหายหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่จะขัดใจผิงก็ไม่ได้เดี๋ยวจะร้องไห้เอาอีกพูดแล้วก็ตลกดีนะครับ ทั้งๆที่ม่ำด้เป็นอะไรกันแล้วนอกจากเพื่อนแต่ผมก็ยังแพ้น้ำตาเธอเหมือนเดิมหรือเพราะใจของผมมันยังไม่ยอมเลิกรักเธอกันแน่นะ
ผมและผิงเดินเข้าไปในคลินิก ที่นี่ก็เหมือนที่อื่นๆถึงแม้ว่ามันอาจจะใหญ่และกว้างจนแบจะเรียกว่าโรงพยาบาลได้ก็เถอะหลักๆก็มีห้องตรวจ ห้องตรวจ ห้องตรวจ ห้องตรวจ!! อะไรครับเนี่ย ทำไมมันมีแต่ห้องตรวจวะครับกี่ห้องกันวะเนี่ย หนึ่ง สอง สาม สี่......เก้า เก้าห้อง!! ให้ตายนี่รักษากันแบบไหนครับถึงมีห้องตรวจตั้งเก้าห้องแบบนี้ ผมมองไปรอบๆไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกเหมือนว่าทุกคนที่มานั่งรอหน้าห้องตรวจไม่ได้ป่วยสักนิด ลักษณะมาหาหมอล้วนๆ คลินิกมารักษ์ใหญ่ขนาดนี้หมอคงรวยน่าดู

"หันๆ มานี่สิ ไปยืนตรงนั้นทำไม” อ้าวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเดินตรงไปที่โต๊ะของ เอ่อ พนักงานละมั้งก็ไม่เห็นเธอจะใส่ชุดพยาบาลนี่ครับ อาจจะเป็นพนักงานต้อนรับก็ได้ (หนักเข้าไปอีก)

“เอ้า.....ลงชื่อตรงนี้นะ ผิงจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว” รอยยิ้มของคนสวยอย่างผิงทำเอาผมเกือบจะเซ็นโดยไม่ได้อ่านแล้วไหมล่ะ ดีที่ยั้งตัวเองเอาไว้ทันว่าแต่ นี่มันกฎบ้าอะไรวะ

“1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย....”ผมเงยหน้าขึ้นมองสาวชุดสีฟ้าที่ยืนส่งยิ้มที่ดูแล้วโคตรจะจริงใจ(?)มาให้พวกเรา

“ใช่แล้วค่ะ ถ้าไม่งั้นจะถูกปรับเป็นเงินสิบล้านบาทเลยนะคะ”สะ สะ สิบล้าน ใครมันจะไปกล้าทำวะ ปรับซะขนาดนั้น

“2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหาไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ...” หมอสวยเหรอผมเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ก็ยังยิ้มเหมือนเดิม เมื่อยหน้าแทนอ่ะ ผมบอกเลย

“ถูกต้องค่ะ ที่นี่หมอของเรามีสิทธิ์ขาดในตัวเองนะคะ ห้ามเก็บไว้ส่วนตัวเด็ดขาดหมอคือของสาธารณะค่ะ” สรุปเหมือนหมอไม่ใช่คน

“3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!!ถ้าหากเซ็นสัญญาข้อตกลงของทางคลินิกแล้วล่ะก็ ทางคลินิกจะโทรไปเพื่อยืนยันวันและเวลาเพื่อเข้าพบรักษาภายใน24 ชั่วโมง...” หลวรักหมอเนี่ยนะหรือหมอจะสวยจริงๆ

“ใช่แล้วล่ะค่า หมอของเราขึ้นชื่อเรื่องหนังหน้า เอ้ยหน้าตามากๆเลยนะคะ พูดง่ายๆเลยว่า ทุกคนที่มารักษากับเรานั้นล้วนถูกดูดมาจากหน้าตาหมอทั้งสิ้นเลยค่ะ” ผมเริ่มไม่อยากรักษาแล้วอ่ะรู้สึกเหมือนผิงจะเสียเงินฟรียังไงไม่รู้ สรุปแล้วหมอไม่ได้เก่งกาจอะไรคนไข้มาเพราะหล่อ โลกแม่งน่าจะถึงกาลอวสานแล้วล่ะ ดูจากคนไข้แต่ละคนที่มานี่อื้อหือ ไปคิดต่อเอาเอง

“หัน.....อยู่นี่นะ ผิงต้องไปแล้วละ นัดหมอสูติเอาไว้”ผมพยักหน้ายิ้มให้เธอน้อยๆ

“โอเค.....แล้วหันจะโทรหานะ”

“จ้า เชื่อฟังหมอด้วยล่ะ รู้ไหม” ผมยิ้มขำกับท่าทางขึงขังที่ผิงทำมันไม่ได้น่ากลัวเลยกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียอีก ผิงเดินออกไปจากคลินิกแล้วเหลือแต่ผมกับพี่เมื่อยหน้าสองคน สงสารพี่เขานะครับยิ้มจนแป้งบนหน้าแตกแล้วสงสัยจะยังไม่ได้พักเลย

“คุณสาว เดี๋ยวคุณช่วยโทร....นัด....” หืออะไรหว่า ผมหันไปมองข้างๆเพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางผม ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่กับเสื้อคลุมสีขาว หมอสินะ พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ก้มศีรษะน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มทักทายและดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจมารยาทเพราะเขาเองก็ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนกัน

“หมอทายคะ หมอทาย” หมอนิ่งไปแล้วครับไม่รู้เป็นอะไรตัวค้างเชียว

“อะ ครับๆ”

“เอ่อ เมื่อกี้หมอจะให้สาวโทรหาใครคะ” หมอทายยืนนึกอยู่สักครู่ก่อนจะตบหน้าผากตัวเอง

“ใช่ๆ เดี๋ยวคุณสาวโทรนัดคุณมาลินีให้มาตรวจพรุ่งนี้ตอนสิบโมงนะครับ”พี่เมื่อยหน้ายิ้มรับน้อยๆก่อนจะไม่สนใจหมออีกส่วนผมก็ดูเอกสารตัวเองต่อไป

“มีอะไรให้ผมช่วยไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองหมออีกครั้งช่วยเหรอ

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะเซ็นข้อตกลงเท่านั้นเองครับ”

“แสดงว่ายังไม่ได้เลือกห้องตรวจสินะครับเนี่ย” อาว ต้องเลือกด้วยเหรอเนี่ย

“ถ้ายังไงให้ผมเป็นหมอให้ดีไหมครับ รับรองเลยว่าคุณจะหายแน่นอน”ผมลังเลนิดหน่อยแต่เหมือนเขาจะไม่ให้เวลาผมคิดเลยสักนิดเดียว เพราะคุณหมอคนนี้ดึงข้อตกลงผมคืนแล้วส่งให้สาวชุดฟ้าที่ผมเพิ่งรู้ว่าชื่อสาวไป

“คุณสาวครับ เดี๋ยวคนนี้ผมดูแลเองนะครับ”

“อะ อ๋อ ค่าพี่เข้าใจแล้ว” อย่ายิ้มแบบเข้าใจกันอยู่แค่สองคนสิผมไม่เข้าใจด้วยนะเนี่ย คุณหมอผายมือให้ผมเดินไปข้างๆเขา เขาพาผมมายังห้องหนึ่งซึ่งมีป้ายเขียนติดไว้ที่หน้าห้อง

**_ห้องตรวจที่๑ น.พ สิบทิศ_**

   “เอาล่ะครับเชิญนั่งก่อนเลย” นั่งเหรอตรงไหนละ ว่าแต่.....ทำไมห้องตรวจถึงมีเตียงกับหมอนได้ล่ะครับ ถ้าบอกผมว่าเป็นโรงแรมผมจะเชื่อมากกว่าอีก

“เอ่อ นั่งตรงไหนครับ” ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นเก้าอี้สักตัว

“หึหึ.....บนเตียงก็ได้ครับ” ครับ หา???บนเตียงเนี่ยนะ แต่เอาเถอะ ก็มันไม่มีเก้าอี้ที่ไหนแล้วนี่ ผมเลยตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอือหือ......เตียงต้องแพงแน่ๆ นุ่มตูดผมดีจริงๆ ยกกลับบ้านได้ไหมเนี่ย

“งั้นเริ่มเลยนะครับอย่างแรกช่วยบอกข้อมูลของคุณให้ผมทราบหน่อยครับ”

“เอ่อ ผมมีปัญหาเกี่ยวกับ เอ่อ..” ยังไงดีวะแต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ คุณหมอสิบทิศก็ยกมือขึ้นห้ามผมเอาไว้ไม่ให้พูดต่อผมก็งงสิครับ

“หึหึ...ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ๆ”

“เอ๊ะ??”

“ผมหมายถึงข้อมูลส่วนตัว อย่างเช่น ชื่อนามสกุลอะไรพวกนี้น่ะครับ” อ้าว..... พอได้ยินแลบนั้นผมก็อายเลยครับก็เล่นปล่อยไก่ตัวใหญ่เลย หน้าผมนี้แดงแน่ๆดูจากความร้อนที่ผมรู้สึกได้บนใบหน้า

“อ๊ะ อ๋อ ผมชื่อชวัตร เพื่อนๆเรียกผมว่าหัน ผมอายุ26ปี อาชีพผมก็ค้าขายครับ แล้วหมอสิบทิศอยากรู้อะไรเพิ่มไหมครับ” ผมถามเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีกดี

“ถ้างั้น.....ตอนนี้คุณมีแฟนไหมครับ” หือเกี่ยวกับการรักษาเหรอ เอ.....อาจตะใช่ล่ะมั้ง

“ไม่มีครับ”

“โสดมานานหรือยังครับ” ผมคำนวณอยู่สักพักจะว่าไปผมเลิกกับผิงมาก็......

“1ปี 11เดือนครับ” หมอเลิกคิ้วขึ้นมองผม ว่าแต่หมอไม่ต้องจดเหรอ

“จำแม่นจังนะครับ ท่าทางจะฝังใจน่าดู” จึก!!!รู้สึกเหมือนใครเอามีดมาแทง อย่างว่าแหละครับ เมื่อมีคนรู้ทันคนเราก็ต้องกลบเกลื่อนด้วยอารมณ์โกรธ

“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องของหมอนะครับ คุณหมอสิบทิศ!!” ผมจ้องตาไม่กระพริบแต่อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียมากกว่า

“ขอโทษด้วยครับแต่ผมต้องรู้ไว้เพราะมันอาจจะช่วยให้ผมรู้สาเหตุของปัญหาของคุณ”

“ถ้างั้นก็ได้ครับ.....”

“งั้นคำถามต่อไปนะครับ โดยปกติแล้วคุณมักจะมีเซ็กส์กี่ครั้งต่อสัปดาห์ การช่วยตัวเองก็นับนะครับ” คะ คำถามนี้มัน ผมกัดปากหลบสายตาที่จ้องมองมาไม่หยุดรู้อยู่เต็มอกว่าหมอแค่พยายามช่วย แต่มันก็ยากนะครับที่เราจะต้องมานั่งบรรยายว่าอาทิตย์หนึ่งผมมีอารมณ์กี่ครั้งถ้าไม่ติดว่าผิงพามานี่ผมเดินกลับบ้านไปแล้ว

“ว่าไงครับคุณชวัตร”

“ผะ ผม เอ่อ ประมาณ 4-5 ครั้งต่ออาทิตย์ครับ”พูดไปก็อายปากจริงๆคำถามบ้าๆแบบนี้มันน่า.....

“งั้นขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ แล้วทำไมคุณชื่อหันละครับ หมูหันหรือแค่หันครับ”

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมชื่อกังหันครับหมอสิบทิศ” หมอยิ้มก่อนจะส่ายหน้าให้ผม

“ไม่เอาสิครับ ขั้นแรกเราต้องทำความคุ้นเคยกันก่อนเรื่องจากชื่อครับ ผมจะเรียกคุณว่า กังหัน ส่วนคุณเรียกผมว่า พี่ทายดีไหมครับ” ไม่ดีได้ไหมอ่ะ ทำไมหมอชิบยิ้มแบบนั้นทุกทีผมรู้สึกอย่างกับว่าข้างหลังหมอมีใครฉายสปอตไลท์อย่างงั้นแหละ

“เอ่อ ขอเป็นหมอทายแทนได้ไหมครับ” หมอไม่ตอบแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้น ผมจะบ้า

“หมอทายครับ คือ...”

“(. .)”

“หมอทายครับ คือผม....”

“(. .)” นี่หมอมันกวนตีนผมใช่ไหมครับ

“พี่ทายครับ”

“ครับกังหัน มีอะไรเอ่ย” () ผมควรกระโดดถีบหมอก่อนดีไหมครับกวนตีนขนาดนี้

“ผมต้องรีบกลับแล้วครับ ต้องขายของต่อ”

“อ๋อ โอเคครับ ยังไงพี่รบกวนขอเบอร์ติดต่อเราด้วยนะ” ชินปากซะเหลือเกินนะ

“เดี๋ยวผมไปเขียนให้พี่สาวคนนั้นก็ได้ครับ”

      พรึบ!!

“(‘ ‘)” ไอหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กับมือถือที่ถูกยื่นมาคืออะไร(วะ)ครับ

“อะ อะไรครับ”

“เบอร์กังหันไง ไม่ต้องไปเขียนข้างหน้า กังหันจะได้กลับบ้านเลย”เออ ก็จริง ผมเลยตัดสินใจกดเบอร์ให้หมอทายไปก่อนจะยื่นมือถือคืนเจ้าของไป

“ขอบคุณครับ แล้วพี่จะโทรหา อ่า.....พี่หมายถึงแล้วพี่จะโทรนัดเวลามาตรวจนะครับ” ผมพยักหน้ารับทราบเอาเถอะครับ หมอทายแกคงไม่ค่อยจะเต็มล่ะมั่ง

“งั้น......ผมกลับได้เลยใช่ไหมครับ”

“กลับได้เลยครับ” หมอทายส่งยิ้มให้ผมและผมก็ยิ้มตอบไปมันเป็นมารยาทที่ถูกสอนเอาไว้ หมอทายดึงดันจะเดินไปส่งแต่ผมปฏิเสธไปเขาจึงยอมให้ผมกลับด้วยตัวเองแม้ว่าท่าทางจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตามแต่ที่ผมสงสัยคือสายตาของพี่สาวชุดฟ้าที่มองผมด้วยแววตาแปลกๆ แม้มันจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่ผมก็ขนลุกซู่อยู่ดีเมื่อสบตากับเธออะไรกันนะคลินิกนี่ นอกจากการจัดห้องจะแปลกๆแล้วผู้คนที่นี่ก็แปลกเช่นกัน หรือผมไม่ควรมาที่นี่กันแน่นะ

       ผมเปิดร้านตามปกติ อ๋อ...ใช่ผมเป็นพ่อค้าขายขนมหวานซึ่งเป็นสูตรที่แม่ของผมทิ้งเอาไว้ให้ก่อนท่านจะเสียไปเมื่อตอนผมอยู่มัธยมหลังจากที่เสียแม่ไปผมก็เหลือตัวคนเดียวจนต้องออกจากโรงเรียนมาขายของหาเงินเลี้ยงตัวเองยังดีที่ผมพอจะไปสอบเทียบจนสามารถจบม.6ได้แต่จะให้ทิ้งร้านที่เปิดมา 10ปีมันก็ใช่เรื่องลูกค้าเองก็ใช่จะน้อยๆขนาดผมปิดร้านไปวันก่อนจะโดนลูกค้าบ่นกันยกใหญ่ ถามว่าผมดีใจไหม แน่นอนครับก็รายได้หลักของผมมันมาจากการขายขนมพวกนี้นี่นา
“ครับ ทองหยิบสิบบาท บัวลอย1ถุงกับกล้วยบวชชีสินะครับได้ครับ”

“แหม....หัน ขยันจังเลยนะพ่อคุณ” ผมยิ้มให้พี่สาที่พูดประชดแดกดันผมเพราะผมไม่ยอมปิดร้านพักผ่อนอย่างไม่คิดอะไร

“ไม่ได้หรอกครับพี่ เดี๋ยวลูกค้านอกใจผมไปซื้อร้านอื่นผมเสียใจแย่” ตีหน้าเศร้าแบบนี่เรืองถนัดของผมเลย

“ย่ะ! ร่างกายหันเถอะจะไหวหรือเปล่า บอกแล้วให้พี่มาช่วยเป็นหุ้นส่วนชีวิตก็มาเชื่อ”ผมหัวเราะออกมากับท่าทีที่พี่สาแสดงออกมาราวกับว่าจีบผม

“นี่ครับได้แล้ว ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ”

“พี่หัน ลอดช่อง2ถุงกับเต้าส่วน1ถุงค่ะพี่”

“จ้าหมวย เดี๋ยวพี่จัดให้” รอยยิ้มของผมจะมีให้ลูกค้าเสมอครับและนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าไม่ห่างหายไปไหน นอกจากความอร่อยน่ะนะครับ หึหึ

“หัน!!!” แย่ล่ะสิ งานเข้าแล้ว!

“อ้าว....ผิง วันนี้อยากกินขนมร้านหันเหรอครับเนี่ย” ท่าทางผิงจะเอาเรื่องนะครับ ยืนจังก้าเท้าสะเอวด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นผมตายแน่ๆ

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ทำไมไม่ปิดร้านวันนี้!!” อูย.....น่ากลัว

“แหะๆ ก็หันเป็นห่วงลูกค้า กลัวพวกเขาหิว” จึ๋ย....อย่างกับแม่ผิงตัวน้อยจะยิงเลเซอร์ใส่ผมอย่างนั้นล่ะ

“แต่หันต้องไปหาหมอ!!”

“พี่หันๆ พี่หันป่วยเหรอ” เวรกรรมลืมเลยว่าหมวยอยู่ด้วย ลูกค้าคนอื่นเริ่มหลบฉากปะทะสงครามของผมกับผิงแล้วครับ

“อะ เอ่อ ใช่ๆ” จะยังไงก็เถอะผมคงไม่บ้าประกาศออกไปหรอกว่าผมป่วยเรื่องเซ็กส์

“หึหึ หรือจะให้ผิงพูด บอกทุกคนเลยดีไหม” อ่ะ ลูกค้าก็ลูกค้าเถอะครับ พวกเขาก็คือมนุษย์ธรรมดาพอได้ยินแบบนั้นต่อมเผือกนี่ทำงานกันทันที หูหางกระดิกรอฟังกันเต็มที่เลย

“โอเค ปิดร้านแล้วคร๊าบบบบ”

    ผมรีบเก็บของเข้าบ้านไม่สนใจพวกลูกค้าข้างนอกที่ทำหน้าทำตารางกับว่าเสียดายเสียดายอะไรกันนะ ขนมหรือเรื่องของผม แต่ดูแล้วท่าทางจะเรื่องของผมมมากกว่าให้ตายเถอะ เรื่องคนอื่นนี่ชอบกันจริงๆ ผมพาผิงที่ยืนงอนอยู่ข้างนอกเข้าบ้าน เหลือขไปเห็นรถของแฟนผิงแล้วมันเจ็บใจจี๊ดๆแค่จี๊ดๆครับไม่เป็นอะไรมาก ดีหน่อยที่เขาเข้าใจถึงกล้าปล่อยเธอมาเจอผมได้ แต่ผมว่า....เขาคงเห็นง่าผิงท้องมากกว่าเลยไม่กล้าขัดใจเหมือนผมไง ตอนนี้แทบจะหาอะไรมาพัดให้อารมณ์ที่เดือดปุดๆของเธอให้มันปลิวไป แต่ทำได้แค่นั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอเท่านั้น นั่งรอรับชะตากรรม

    กึก กะ กึก กึก กะ กึก

“ผะ ผิง อย่าเคาะนิ้วสิ เดี๋ยวก็เจ็บมือหรอก” แต่เธอมองผมดุๆหน้าผมเลยจ๋อยไปตามระเบียบ

“ไม่ต้องมาห่วงผิงเลย!! ทำไมไม่ไปหาหมอ”

“ไปมาแล้ว ในสัญญาบอกว่าต้องให้ทางคลินิกโทรหาก่อน” นั่นล่ะครับผิงถึงทำสีหน้าอ่อนลงและผมเองก็ได้หายใจหายคอคล่องขึ้น

   ลา ล๊า ลา ลา ลัล ลัล ลา ~

“รับสิหัน รับเลยๆ” ผิงพยายามคะยั้ยคะยอให้ผมรับสายทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยครับว่าใครโทรมา

“ฮัลโหล”

‘สวัสดีครับ ขอสายกังหันครับ’ ผมขมวดคิ้วมองผิงที่ขมุบขมิบปากถามว่าใครโทรมาผมเลยส่ายหน้าไป

“เอ่อ กำลังพูดสายครับผม”

‘อ้าว หันเหรอ พี่เองนะ หมอทาย’ อ่าผมเหลือตามองผิงที่ทำหน้าอยากรู้เล็กน้อย

“ครับหมอ ว่าไงครับ”

‘อ๊ะ ไหนเราตกลงกันแล้วนี่ครับ ว่าเราจะเรียกกันแบบสนิทสนม’

“เอ่อ.....ครับพี่ทาย พี่ทายมีอะไรเหรอครับ”

‘พี่จะโทรมาถามว่าทำไมวันนี้กังหันไม่เข้ามาที่คลินิกครับ’

“อ่า คือว่าผม”

“ใครโทรมาอ่ะหัน” ผิงคงอดทนรอไม่ไหวถึงได้ส่งเสียงถามผมขึ้นมาแบบนั้น

‘.....’

“หมอทายน่ะ หมอทายโทรมาถามว่าทำไมหันไม่เข้าไปที่คลินิก”ผมพยายามอธิบายให้ผิงฟัง

‘กังหันครับ....’ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่เสียงปลายสายของหมอทายดูหงุดหงิดไม่น้อยเลย

“อ๊ะ ผมฟังอยู่ครับหมอ เอ่อ หมอถามว่าทำไมผมไม่ไปที่คลินิกใช่ไหมครับ”

‘.....ครับ’

“ก็คือ เอ่อ จากสัญญาที่ผมอ่านมาเขาบอกว่า เอ่อให้รอโทรศัพท์จากคลินิก ผมเลยไม่ได้เข้าไป”

‘อ๋อ จริงด้วยครับ! ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เข้ามาที่คลินิกนะครับเราจะเริ่มรักษากัน’

“โอเคครับหมอ เอ่อ หมายถึงครับพี่ทาย พรุ่งนี้พบกันครับ”

‘หึหึ ครับ พรุ่งนี้พบกัน’ ผมวางสายจากหมอทายไปก่อนจะหันมามองหน้าผิงที่อมยิ้มมองผมแปลกๆ

“มองหันแบบนั้นทำไมอ่ะ” ผิงไม่พูดแต่กลับเล่นหูเล่นตาใส่ผมจนน่าหมั่นใส้อะไรกันครับ ความรู้สึกของการทำตัวไม่ถูกาวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหก โอ้ย.....ผมทำอะไรผิดกันเนี่ยแล้วเมื่อไหร่ผิงจะเลิกมองหน้าผมแล้วอมยิ้มแปลกๆแบบนั้นเสียที ผมอาย!!!!    ในที่สุด! ในที่สุด!!! ผมก็มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้งข้างหน้าตึกคลินิกมารักษ์ วันนี้คนเยอะมากเลยครับผมมองเห็นด้านในที่มีคนมานั่งรอคิวกันเต็มไปหมด ทั้งหญิงและชายไม่ใช่ชายแท้ด้วย!! นั่นยิ่งทำให้ผมไม่อยากเดินเข้าไปใหญ่ ทำไมน่ะเหรอครับก็สายตาของพวกนั้นที่มองผมขนาดผมยืนอยู่ข้างนอกนี่สิ มันเรียกได้ว่าแทบจะฆ่าผมตายได้เลยเอาเถอะครับ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเข้าไปพบหมอทาย

“อ้าว น้องกังหันใช่ไหมคะ” พี่สาวคนเดิมทักทายผมทันทีที่ผมเปิดประตูคลินิกเข้าไป

“เอ่อ ครับพี่..... อ๋อพี่สาว” ผมนึกชื่อเธออยู่แป๊บนึงก่อนจะเอ่ยออกมา เธอส่งยิ้มหวานให้ผม ดีจัง วันก่อนเจอรอยยิ้มทางการค้าวันนี้เจอรอยยิ้มพิมพ์ใจตั้งแต่เดินเข้ามา ฤกษ์งามยามดีแท้ๆ

“ดีใจที่มานะคะวันนี้ ไม่งั้นคงมีคนหงุดหงิดแย่เลย”พี่สาวพูดติดตลกซึ่งผมเองก็หัวเราะไปกับเธอด้วยเธอเป็นคนสวยครับ เวลายิ้มอย่างจริงใจแบบนี้ยิ่งสวย

“ฮ่าๆ ไม่จริงหรอกครับ เอ๊ะ หรือว่าพี่สาวคิดถึงผม”

“หึหึ ไม่น่าจะใช่พี่มั้งคะ เอาเถอะค่ะยังไงก็ไปรอคิวพบหมอทายกันดีกว่า” ผมยิ้มพยักหน้าให้พี่สาวเดินนำหน้าผมไปยังห้องตรวจ แม้ว่าผมจะเคยมาแล้วก็ตามที

“เดี๋ยวน้องหันนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะวันนี้หมอทายมีคิวตรวจเยอะมากอาจจะใช้เวลานานหน่อย”

“ครับพี่ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ผมส่งยิ้มบางๆให้พี่สาวเพื่อให้เธอสบายใจ

“โอเคค่ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว เอ่อ น้องหันถ้าได้ยินเสียงแปลกๆก็ไม่ต้องตกใจนะคะ”

“อ๋อ โอเคครับ” ว่าแต่เสียงแปลกๆนี่แบบไหนกันนะ ผมนึกสงสัยกับคำพูดที่พี่สาวทิ้งท้ายเอาไว้ที่นี่คลินิก เสียงแปลกๆมีด้วยเหรอผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าพี่สาวหมายถึงอะไร แต่ก็เอาเถอะครับแค่นั่งรอคิวก็พอสินะ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนดูแล้วไม่น่าจะมาในที่แบบนี้เลย บางคนเป็นผู้ชายแต่กลับแต่งตัวได้หวาดเสียวยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ไม่เข้าใจเลยว่ากางเกงเอวต่ำๆขาสั้นๆกับเสื้อกล้ามมันเป็นที่นิยมของวัยรุ่นกันหรือ ทำไมผู้ชายที่มารักษาที่นี่ถึงชอบแต่งตัวแบบนี้กันนัก โดยเฉพาะหน้าห้องตรวจที่๑นี่ด้วย แทบจะทั้งหมดด้วยซ้ำ

“อ๊ะ อื้ม ซี๊ด”

   เอ๊ะ??? หรือผมจะหูฝาด

“อือ หมอ หมอทาย อ๊า!!” อะ เหอะๆมันไม่ใช่การฝาดแล้วล่ะผมว่า ชื่อหมอลอยมาขนาดนี้รักษาขั้นไหนกันครับเนี่ย นี่สินะครับเสียงแปลกๆที่พี่สาวหมายถึงผมนี่แทบกระโดดหนีกลับบ้านเลย คนทั่วไปได้ยินเสียงครางกระเส่าแบบนี้อาจจะมีอารมณ์ ผมก็คงมีถ้ามันเป็นเสียงผู้หญิง!! ใช่ครับ มันเป็นเสียงทุ่มที่ฟังดูแล้วสยิวกิ้วสุดๆทำเอาผมนี่ขนลุกขนพองเลยทีเดียว

“เอาล่ะ คิวต่อไป อ้าว!! กังหัน มารอนานแล้วเหรอ”

   ขวับ!!

   จากที่นั่งอยู่อย่างสงบสุข ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนขับๆรถไปแล้วข้างหน้าเป็นหน้าผาแต่ผมดันรู้ว่าเบรกแตก ง่ายๆสั้นๆก็คล้ายๆฉิบหายนั่นล่ะครับ ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มเจือนๆหดหัวหดคอทำตัวลีบๆเข้าไว้แทน

“หวัดดีครับหมอทาย”

“กังหันนี่ขี้ลืมจริงๆเลยนะเรา พี่บอกแล้วว่าให้เรียกพี่ทายไงครับ”

   ชิ้ง!!!!

หนักเลยครับ จากจะตกผาตอนี้เหมือนโดนจับมัดแล้วโยนลงในกระทะร้อนๆให้ตายเถอะ นี่หมอทายจะรู้ไหมว่าบรรดาคนไข้ของเขาแทบจะฆ่าผมอยู่แล้ว(สงสัยจะข้อหาสนิทกับหมอเกินหน้าเกินตา)

“อะ เอ่อ”

“หมอครับ คิวผมแล้วน๊า” สองมือกอดแขนแต่สองตานี่จิกผมจนจะพรุนแล้วครับนี่ผมทำอะไรผิด?

“อ๋อ โอเคครับจ้าว งั้น เดี๋ยวพี่ดูแลคนไข้ก่อนนะ แล้วพี่จะมาคุยด้วย”

“อะครับพี่” หมอจะไปไหนก็ไปเถอะครับ ผมจะตายก็เพราะมีหมออยู่นี่แหละ ผมมองทั้งสองคนจนหายลับเข้าไปในห้องถึงจะหายใจสะดวกขึ้นแต่ก็ไม่มากเลย เพราะผมรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่มุ่งตรงมาที่ผมเต็มๆต้นตอน่ะหรือครับ รอบๆข้างผมนี่แหละ!! ไม่ต้องหันไปมองก็รู้มองกูแน่ๆ โฮๆ ใครก็ได้ ฆ่าหันที!!!

   โชคดีที่พี่สาวเป็นห่วงเลยแวะมาหาผมบ่อยๆไม่ปล่อยให้ผมอยู่กับฝูงอีแร้งในคราบมนุษย์ ผมต้องเสมองไปที่ห้องตรวจบ้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง หรือไม่ก็เอาหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้ๆมาทำทีเป็นอ่าน ไม่อยากบอกเลยแต่ผมทำตัวลำบากมากจะเดินจะมองจะขยับทีก็เหมือนมีแต่คนมอง ขนาดจะตดผมยังไม่กล้าเลยผมต้องนั่งท่าเดิมจนเกร็ง รู้สึกเหมือนผมกำลังจะสตาฟตัวเองยังไงอย่างนั้นและผมไม่ชอบเลย มันเมื่อยจริงๆนะ
“€<|%$€%¥**” ผมได้ยินเสียงแปลกๆแต่ไม่ชัดพยายามใช้สมาธิจดจ่อฟังเพียงแค่สิ่งที่ต้องการได้ยิน

“หมอทำไม่ได้เหรอครับ แค่ครั้งเดียวก็ได้นะครับ” หืม?? ทำอะไรหว่าเอ่อ อันนี้ไม่ใช่นิสัยผมนะครับ ผมติดมาจากลูกค้า~

“ไม่ได้ครับ มันเป็นไปตามสัญญา”

“ถ้างั้นเดินออกไปส่งจ้าวนะครับ” ผมรู้ทันทีว่าสองคนนั้นกำลังจะออกมาและผมก็ต้องวางท่านิ่งๆราสกับว่าไม่ได้เสือกเรื่องของเขา หมอเปิดประตูโดยที่มีร่างบางๆของคนที่ชื่อจ้างเดินออกมา

“งั้นจ้าวไปนะครับหมอ”

“ครับ อุ๊บ!!” เป็นฉากจูบที่ร้อนแรงมาก แขนเล็กๆขอจ้าวคล้องคอดึงให้หมอก้มลงมารับจูบถนัดๆ โดยที่จ้าวเนี่ยหลับตาพริ้มอย่างเพ้อฝัน ส่วนหมอทาย ตาเหลือกพยายามแกะมือของจ้าวออกจากตัวเอง เอาเถอะครับ ปล้ำจูบหมอก็มีวุ้ยคนเรา ผมเห็คนอื่นๆตาค้างและส่งกระแสจิตจิกกัดให้จ้าวถอยออกมาจากหมอดีจัง ผมเลิกโดนเพ่งเล็งแล้ว

“ปากหมอหวานจัง วันหลังจ้าวขออย่างอื่นนะครับจุ้บ” ผมเลือกที่จะไม่มองภาพตรงหน้า บอกตรงๆกลัวหัวเราะหน้าหมอทายอ่ะเหวอจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี

“อะ เอ่อ อะแฮ่มๆ คิวต่อไปครับ”

“ครับผม” อ๊าก!! ผู้ชายเหรอครับนั่น!!! ถ้าไม่พูดครับนี่ผมนึกว่าผู้หญิง คนอะไร.....สวยจนผมไม่อาจจะละสายตาได้ แต่ดูเหมือนเขาเองก็ไม่ชอบขี้หน้าผมนะดูจากสายตาที่มองมาทางผมนี่ ไม่ใช่เล่นๆแล้วตกลงผมไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจกันแน่นะ

“นี่!! นายชื่อกังหันสินะ” ผมหันไปมองต้นเสียงอ๋อ....ผู้เปิดตำนานจูบอันเร่าร้อนในคลินิก

“ครับ”

“อย่าคิดนะว่าสนิทกับหมอแล้วจะได้หมอไปครอง!!มาทีหลังก็หัดรู้ตัวเองซะบ้าง” ผมย่นคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้อลการจะบอก

“เรื่องอะไรครับ? ผมไม่เข้าใจ”

“อย่ามาทำแกล้งโง่!!! แกคิดจะอ่อยหมอทายใช่ไหม!!” เอ่อ....เท่าที่ผมเห็นเขาไม่ใช่เหรอครับที่อ่อยหมอ

“เปล่านะครับ ผมไม่เคยคิดเลย ผมชอบผู้หญิง” เขามองผมเหยียดๆมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูแคลน

“หึ!! ใครจะรู้ เห็นหน้าตาซื่อๆแบบนี้ แอบแรดก็มีถมไป!”มือของเขาจับปลายคางของผมขึ้นก่อนจะสะบัดออกอย่างแรงจนหน้าของผมหันไปอีกทาง นี่ผม....มาคลินิกเพื่อให้ใครก็ไม่รู้มาหาเรื่องทะเลาะกับผมเรื่องแย่งผู้ชายเนี่ยนะ!! มันใช่ไหมเนี่ย!! ผมตัดสินใจยืนขึ้นเต็มความสูงมองตาเขาอย่างจริงจัง

“ผมมารับการรักษาครับ ไม่ได้มาหาผัว! ถ้าจะกรุณาพูดจามีมารยาทกับผมนิดหนึ่งก็คงดี”

“นี่แก...”

“อ๋อ! จริงสิครับ!แล้วก็อย่าเอานิสัยของตัวเองมาใช้ตัดสินคนอื่นอีกนะครับมันบ่งบอกถึงการอบรมสั่งสอน!!”

“กะ แก!! อย่านึกว่ามันจะจบแค่นี้นะ!!”

แล้วเขาก็เดินเชิดหน้าออกไป ผมไม่ใช่คนที่จะให้ใครมานั่งด่าอยู่เฉยๆ คนอย่างผมซึ่งเป็นพ่อค้าพบลูกค้ามาหลากหลายคงไม่เงีนบเป็นเป่าสากหรือนั่งก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมหรอก มันไม่ใช่นิสัยผม ตอนนี้...ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก ถ้าสังเกตจะเห็นว่าการด่าทอกันเมื่อครู่ของผมและจ้าวผมคือคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางฝูงอะไรสักอย่างที่พร้อมจะรุมทึ้งผม ทุกสายตาล้วนแต่เห็นด้วยไปกับคำพูดของจ้าว เหมือนว่าผมไม่อ่อยหมอทายจริงๆ ทั้งที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อรักษาอาการของผม ผมไม่รู้หรอกครับว่าคนอื่นๆเขามาที่นี่กันทำไมแต่ผม.....ถ้าไม่ป่วยจริง ไม่เคยคิดจะมาเหยียบที่นี่แม้แต่ครั้งเดียว!!!!

“โอเคครับ กังหัน เข้ามาได้แล้วครับ”

ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินเสียงของหมอทายเรียกชื่อผมเพื่อเข้าไปรับการรักษา เสียงซุบซิบดังไล่หลังมาจนน่ารำคาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกเหมือนเป็นคนที่ทุกคนรังเกียจ ผมรู้สึกเหมือนผมไม่ควรจะมาที่นี่ตั้งแต่แรก

“ไหนครับ วันนี้เราดูอาการของกังหันกันดีกว่าครับว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง ลองอธิบายมห้พี่ฟังหน่อยสิครับ” หมอก็ดูเป็นคนดีไม่มีพิษมีภัยอะไร เรื่องแบบนี้จะโทษหมอก็คงไม่ถูก

“กังหัน กังหันครับ!!!”

“อ๊ะ ครับๆ” ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดที่เหม่อลอยของตัวเองเอ๋.....แล้วเมื่อกี้หมอว่าไงนะ

“หึหึ ใจลอยอะไรครับ พี่บอกว่าให้เล่ารายละเอียดของอาการให้พี่ทราบหน่อย” ผมรู้สึกอายจนแทบจะมุดห้องหมอหนีเลย เมื่อรู้ว่าตัวเองนั่งเหม่อในขณะที่หมอวินิจฉัย

“เอ่อ คือตอนแรกเนี่ยผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าตัวเองเป็นอะไรแต่พอเลิกกับผิง เอ่อ ผมหมายถึงแฟนเก่าผมผมก็ไม่มีเวลาไปสนใจใครอีก จนวันก่อนนี้มีงานเลี้ยงของเพื่อนๆซึ่งพวกมันรู้ข่าวว่าผมเลิกกับแฟน มันเลยอ่า.....ซื้อผู้หญิงมาให้ผม แต่ตอนที่เราจะลงมือทำ มันกลายเป็นว่าลูกชายผมมันไม่ทำงานผมเลยทดลองดูหนัง หาสิ่งเร้าอารมณ์มาทดสอบผมกลับไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ” หมอทายมองหน้าผมตลอดเวลาที่ผมพูดไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่แม้ว่าใบหน้าของหมอจะเปื้อนรอยยิ้มแค่ในดวงตากลับดูดุดันจนผมต้องหลบตาหมอไป

“อืม....ผมว่าบางที มันอาจจะเป็นอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศครับ แต่....ถึงผมจะบอกแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกันอย่างถาวร โดยทั่วไปแล้วการเสื่อมสมรรถภาพมันเกิดขึ้นหลากหลายสาเหตุ”

หมอเคาะโต๊ะมองหน้าผมอย่างจริงจังราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะพูดนี้ร้ายแรงมาก ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอกับบรรยากาศกดดันที่ตลบอบอวลอยู่ภายในห้องนี้

“แต่ของกังหัน มันน่าจะมาจากจิตใจกังหันน่าจะรับไม่ได้ ตัดใจจากแฟนเก่าไม่ได้ เอาแต่โทษทุกสิ่งทุกอย่างและไม่ยอมเปิดใจรับใครหรืออะไรเข้ามาในชีวิต”

“..อึก...”

“ถ้าให้พี่ทาย แม้แต่ที่บ้านของหันเองก็มีแต่ของที่ทำให้นึกถึงเขาอย่างเช่นอะไรก็ตามที่เคยใช้ร่วมกัน”

“....” ใช่ ผมยังเก็บทุกอย่างเอาไว้ แม้แต่หมอนที่ใช้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม

“ในใจลึกๆ หันรู้สึกว่ายังไม่เลิกกันการที่จะไปมีอะไรกับใครคนอื่น มันจะหมายถึงหัน นอกใจแฟนเก่าของหันเองและมันอาจจะเกิดปัญหา ทำให้หันไม่สามารถรอเขาได้อีก สมองจึงสั่งการให้ร่างกายหยุดตอบสนองกับสิ่งโอ้โลมทั้งหลาย”

“ผม.....ควรทำยังไง” ผมหลุบตามองมือของตัวเอง ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งที่หมอทายพูดมามันไม่ผิดผมเองก็พอจะรู้ตัวว่า การที่ผมยังคอยพูดคุยกับผิงคอยดูแลเอาใจใส่ผิง มันคือความหวังลมๆแล้งๆที่ผมหวังว่าสักวันเธอจะกลับมา แม้ว่าเธอจะมีลูกกับใครไปแล้วก็ตาม

“เฮ้อ.....บอกตรงๆนะกังหัน ถ้ากังหันไม่คิดจะทำจริงๆ ก็หยุดเถอะมันจะเหนื่อยเปล่า”

“ผะ ผม ผมพร้อมจะทำครับ ผมอยากจะหาย!!” หายจากการที่ต้องจมปรักอยู่กับรักที่ไม่เป็นจริง

“ดีครับ งั้นเรามาทดสอบกันก่อนนะว่ากังหันพร้อมจริงๆหรือแค่พูดไปงั้น” ผมพยักหน้าให้กับหมอทายที่กลับมายิ้มทั้งใบหน้าอบะดวงตาอีกครั้ง

“ทำยังไงครับ”

“อย่างแรกเลย ผิงต้องถอดเสื้อผ้าออกก่อน”

   ห๊ะ????

“เอ่อ ผมต้องทำอะไรนะครับ” ผมเงยหน้าขึ้นถามหมอทายอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ

“กังหันจะต้องถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดครับ”



         50%“กังหันจะต้องถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดครับ”

“อะ เอ่อ ทะ ทำไมจะต้อง..”

“เพราะว่า นี่คือการทดสอบครับ พี่จะต้องตรวจเช็คร่างกายและปฏิกิริยาของกังหันที่ตอบสนองด้วยครับ”หา?เอ่อเอาวะ ก็เขาเป็นหมอนี่ ถึงจะน่าอาย แต่ก็คงต้องทำ ผมค่อยๆถอดออกทีละชิ้นไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองไล่มาบนร่างกายของผม

“เอ่อ....” ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ เพราะตอนนี้ผมโป๊อยู่ท่ามกลางสายตาของหมอทายที่ทำให้ผมเขิน

“อ๊ะ ใช่ครับ นอนลงบนเตียงเลยครับผม”

ผมค่อยๆเอนตัวลงนอนบนเตียง ผมมองเห็นหมอทายที่เดินมาทางผมใช้สายตากวาดมองไปทั่วร่างกายอย่างสำรวจ ผมพยายามใช้มือปกปิดไปตามร่างกายให้ได้มากที่สุดแต่ก็ถูกมือของหมอทายจับออกจากตัวอยู่ดีผมทำตัวไม่ถูกกับสภาพที่เป็นอยู่

“เอาล่ะครับ เดี๋ยวพี่ขอดูหน่อยนะ”

ผมเม้มปากแน่นเมื่อหมอทายใช้นิ้มมือสะกิดบริเวณยอดสีหวานที่ผมไม่เคยแม้สักครั้งที่จะไปยุ่งกับมัน หมอทายลอบมองหน้าผมเพื่อสังเกตปฏิกิริยาแต่นั่นยิ่งทำให้ผมอาย

“ขอโทษนะ แต่พี่คงต้องทำมากกว่าใช่มือ กังหันคงไม่ว่าพี่นะครับ”

“ยังไงครับ”

“เอาเป็นว่า......กังหันหลับตาไว้จะดีกว่า” ผมหันหน้าเข้ากำแพงหลับตาปี๋ตามที่หมอทายบอก ไม่นานความเปียกชื้นและบางอย่างที่สากสัมผัสเข้าที่ยอดอกของผม ผมเผลอกำผ้าปูที่นอนแน่นร่างทั้งร่างของผมสะดุ้งและเกร็งขึ้นทันที ผมหรี่ตาพยายามมองว่าสิ่งนั้นคืออะไร และผมก็เห็น! หมอทายกำลังใช้ลิ้นเลียไปมาบนยอดสีสวย แต่ดูเหมือนจะไม่พอ

จุ้บ จ๊วบ

หมอทายดูดดึงและขบเม้นจนเกิดเสียงดัง ตอนนี้ผมเข้าใจเลยว่าทำหมอทายถึงให้ผมหลับตาเขาคงกลัวว่าผมจะรับไม่ได้ ผมอยากจะขัดขืนแต่ร่างกายผมกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและปล่อยให้หมอยังคงดูดและเลียอยู่กับหน้าอกของผมต่อไป น้ำลายใสๆยืดจากอกผมและปากของหมอ ผมเกิดความสงสัย หมอทำแบบนี้บ่อยจนชินเลยไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำอยู่ มือของหมอยังคงบีบและไล้วนอยู่กับยอดอกอีกข้างทั้งๆที่ริมฝีปากหมอยังคงไม่ละไปไหน หน้าท้องผมหดเกร็งทุกครั้งที่หมอทายดูดยอดอกของผมเข้าปากราวกับว่ามันคือสิ่งที่อร่อยที่สุด

“หมะ หมอ” ผมตัดสินใจดันร่างของหมอออกแต่มันก็ยากมากเพราะดูเหมือนเขาจะสู้แรงผม

“ว่าไงครับกังหัน” ผมทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยกลับดูดดึงมากขึ้นหากแต่ใช้เพียงสายตามองมาที่หน้าของผมเท่านั้น

“วะ วันนี้เราหยุดก่อน อื้อ ได้ไหมครับ”

“หึหึ ไม่ได้ครับ” ผมเม้มปากไม่ยอมให้เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากปากของผมอีกเด็ดขาด ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมรู้สึกเข้าใกล้สิ่งที่ผมเคยมีอารมณ์ร่วม แต่สิ่งที่วิ่งเข้ามาในหัวผมทำให้อารมณ์ที่กำลังก่อตัวหดหายไป

“ผิง”

สิ่งที่ออกมาจากปากผมมันเป็นอาการที่เรียกว่าอะไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองละเมอ เรี่ยวแรงที่หายไปกลับมา ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ภาพของผิงดึงความรู้สึกของผมให้กลับมา ผมใช้แรงมากขึ้นเพื่อดันหมอทายออก ดูเหมือนหมอทายจะชะงักไปเหมือนกัน

“ขอโทษครับหมอ ผม....”

“เอาเถอะครับ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะหายกันในวันสองวันนี้” ผมมองเห็นความยุ่งยากและผมไม่อยากให้ผิงต้องมาเสียเงินมากไปกว่านี้

“หมอทาย เอ่อ พี่ทายครับ ถ้าผมจะหยุดการรักษา...” หมอทายส่ายหน้ามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าจนผมเผลอใจกระตุก

“มันคงไม่ได้ เพราะถ้าพี่ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าพี่ปล่อยให้คนไข้ออกไปโดยที่เขายังไม่หาย พี่เป็นหมอกังหันคงเข้าใจ” นั่นสินะ การจะให้หมอยกเลิกการรักษามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ผมลังเลเล็กน้อยและเหมือนว่าหมอทายเองก็จะเห็น

“พี่แนะนำให้รีบรักษานะ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปกังหันเองนั่นล่ะที่จะลำบาก” ผมหันไปมองหมอทายอย่างไม่เข้าใจ

“หมายความว่าไงครับ” หมอทายถอนหายใจก่อนจะหันมาสบตากับผม

“พี่ว่ากังหันเองก็รู้ตัวดี ว่ามีสิทธิ์จะหวังต่อไปไหมความหวังมีไว้มันก็ดี......ถ้ามันมีความเป็นไปได้!”

“..!!” ใช่.....ผมเองก็รู้ รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปหวัง รู้ดีว่ามันไม่มีทางจะเป็นไปได้ผมกับผิงเราต่างอยู่ในโลกที่ต่างกันแล้ว แต่ผม.....ก็ยังดึงดันจะหวังต่อไปผมควรจะเลิกหวังใช่ไหม

“ผมควรทำยังไงครับ” ความเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมากลั่นตัวเป็นน้ำตาที่ไหลรินผมเจ็บ แต่มันก็ควรจะจบ เพราะการยื้อความเจ็บเอาไว้ก็เหมือนแผลที่ไม่ยอมรักษา และสักวันผมอาจจะตายเพราะมันก็ได้

“เอาแบบนี้ พี่ว่ากังหันคงต้องใช้หลักสูตรเร่งรัดแล้วล่ะ”

หลักสูตรเร่งรัด?? มันคืออะไร

“ทำไมเราต้องเร่งรัดด้วยล่ะครับ” ผมถามหมอทายอย่างไม่เข้าใจ

“จากที่พี่เห็น การจะใช้ความค่อยเป็นค่อยไปมันคงไม่ได้ผลเพราะมันก็จะเป็นแบบเดิม แต่...”

“...”

“ถ้าเราใช้หลักสูตรเร่งรัด หันก็จะหนีไม่ได้ปฏิเสธไม่ได้ มันก็เหมือนการบีบบังคับให้ร่างกายยอมจำนน แค่สำเร็จสักครั้งมันก็เพียงพอแล้ว” ผมพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่หมอทายบอกแม้ว่าจริงๆแล้วผมจะกังวลมันก็ตาม

“เดี๋ยวพี่จะออกไปคุยกับคุณสาวสักแป๊บ กังหันรอพี่อยู่นี่นะครับ”

“อ่า ครับพี่ทาย”

หมอทายส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปผมมองไปรอบๆพยายามคิดว่าหลักสูตรเร่งรัดที่หมอบอกผมมันคืออะไรกันแน่

      ผมยังนั่งเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเช่นเดิมแต่ผมกวาดเอาเสื้อผ้ามากอดเอาไว้ปกปิดร่างกายตัวเอง บอกตรงๆผมไม่รู้ว่าจะมีใครเข้ามาตอนไหนถ้าเกิดเขาเข้ามาแล้วเห็นผมสภาพนี้ ผมคงอับอายจนไม่รู้ว่าต้องตายกี่ครั้งถึงจะดีขึ้น

   แกร็ก แอด...

“ไอทาย มึงมีเจลไหมวะ อะ อ้าว” นั่นไง ผมว่าแล้ว!!!

“เอ่อ หมอทายไปคุยกับพี่สาวครับ” ผมกอดเสื้อผ้าแน่นขึ้นเมื่อคนตรงหน้าใช้สายตาโลมเลียผมอย่างโจ่งแจ้งแบบไม่คิดจะปิดบัง ไหนจะร่างกายที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆผมอีกล่ะ เขาคิดจะทำอะไร

“ป่วยเหรอครับ ให้ผมรักษาให้ไหมผมน่ะ’เก่ง’มากเลยนะ” สายตาที่กวาดมองผมจนแทบจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ทำให้ผมผงะถอยหลังชนกับผนังห้องอย่างตกใจ

“เอ่อ คือผม”

“ไอสอง!!”

“อะอ้าวเพื่อนรัก มาแล้วเหรอกูว่าจะมายืมเจลมคงหน่อย แต่ดันมาเจอ......คนป่วย หึหึ น่าสนใจจังนะ”หมอทายกัดฟันกรอดก่อนจะตบหัวแล้วลากคอของอีกคนออกไปด้วยกัน

ปัง!!

ผมสะดุ้งงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็ว นี่เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ยแล้วเมื่อกี้ใครกัน อย่าบอกผมนะว่านั่นหมอ เถื่อนขนาดนั้นเป็นหมอได้ด้วยเหรอ!! ทำไมผมรู้สึกโชคดีที่ได้ห้องหมอทายกันนะ โฮ~ ไม่นานหมอทายก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ดีขึ้น

“ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยครับ ไอสองเป็นหมอที่นี่ เห็นแบบนั้นมันเป็นคนเก่งมากเลยนะ” ผมพยักหน้ารับรู้กับสิ่งที่หมอทายบอก

“ถ้างั้น.......เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

    คลิก!!

ผมหันไปมองหมอทายอีกครั้งเขายืนอยู่ที่หน้าประตูใช้มือกดล็อคเรียบร้อย ผมไม่เข้าใจ ทำไมจะต้องล็อคด้วย อีกอย่างทำไมห้องนี้ถึงมีประตูสองชั้นกัน!!

“หมะ หมอ เราต้องล็อคประตูด้วยเหรอครับ” พี่หทายหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ครับ เราจะใช้วิธีที่เร่งรัดเพราะแบบนั้นถึงให้ใครมารบกวนไม่ได้ ไม่ต้องห่วง ต่อให้เสียงดังแค่ไหนข้างนอกก็ไม่มีวันได้ยิน”ทำไมผมรู้สึกว่าควรกลับบ้านตอนนี้กันนะ อันตรายที่สัญชาตญาณของผมมันร้องเตือนคือะไรกัน หรือผมจะคิดมากไปเพราะคนตรงหน้าผมคือหมอและเขาคงไม่ทำอะไรผมแน่ๆ

“เอ่อ ครับ”

“ถ้าอย่างงั้น นอนลงเหมือนเดิมเลยครับ แต่คราวนี้ชันเข่าขึ้นด้วยนะครับ”

“เอ๊ะ! อ๊ะ ครับ”

ผมค่อยๆชันเข่าขึ้นตามที่หมอบอกแต่ด้วยความที่ผมยังมีความเขินอายอยู่ผมจึงใช้มือทั้งสองปิดบังลูกชายของผมเอาไว้

“เอามือออกเถอะครับ ไม่อย่างนั้นพี่จะรักษากังหันไม่ได้นะครับ”

ผมกล้าๆกลัวๆเอามือออกทั้งๆที่ยังสั่นอยู่ หมอทายดันร่างกายท่อนบนของผมให้เอนตัวลงนอน ผมไม่กล้าแม้แต่สบตาหมอทายได้แต่เสมอไปทางอื่น หมอทายหัวเราะเบาๆใช้มือของตัวเองลูบแก้มผมอย่างเอ็นดูนั่นทำให้ผมต้องหันหน้ามามองใบหน้าของหมอทายที่ผมพบว่าอยู่ห่างกับผมเพียงแค่กระดาษบางๆกั้นไว้ ผมและหมอทายเราต่างรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกันเราสองคนต่างจ้องตากันไม่มีใครหลบตาด้วยความที่หมอทายและผมอยู่ใกล้กันมากไป มือของผมที่อยู่ข้างตัวก็ยกขึ้นมาวางบนอกกว้างโดยอัตโนมัติ เสื้อสีขาวที่เก็บความเย็นจากแอร์ทำให้ผมชะงักคิดจะเบี่ยงหน้าหนีแต่มือของหมอทายก็จับใบหน้าของผมให้หันมาอีกครั้ง ริมฝีปากของหมอทายขยับเข้ามาใกล้จนแนบชิด ความหวานที่ถูกส่งมาทางริมฝีปากทำให้ผมมึนงง ในหัวขาวโผลนแต่ความกระหายในรสชาติมีมากกว่าทำให้ผมดูดดึงริมฝีปากของหมอทายกลับไป

“อืม”

หมอทายครางอย่างพอใจกับการตอบสนองของผม มือของเราสอดประสานกันอยู่ข้างตัวผม ผมอ้าปากรับลิ้นของหมอทายที่สอดเข้ามาภายในช่องปากของผม ลิ้นของผมก็ไม่น้อยหน้าเกี่ยวกระหวัดพันกลับไปกับลิ้นร้อนของหมอ ผมลูบไล้แผ่นอกไปมาอย่างยั่วเย้าโดยที่ผมไม่รู้ตัว หมอทายถอนริมฝีปากออกมาจ้องตากับผมเราสองคนหอบหายใจกับจูบที่กินพลังงาน มองตากันที่ต่างคนต่างสื่อออกมาถึงความร้อนแรง ความหวานที่ติดตรึงอยู่ในริมฝีปากทำให้ผมรู้สึกไม่พอจนต้องโน้มคอหมอทายมาจูบอีกครั้ง ครั้งนี้ผมสอดลิ้นเข้าไปทักทายหมอทายก่อน ฉกชิมความหอมหวานที่ผมติดใจอยากอดไม่ได้ หมอทายเอียงหน้ารับจูบผมอย่าไม่ขันขืน ผมรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆราวกับต้องการสำรวจ คงเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ ผมน่ะ.....ไม่ได้ทำแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ที่ผิงทิ้งผมไป การได้มารับรู้รสจูบที่ผมเคยชอบอีกครั้งมันทำให้ผมยั้งตัวเองไม่อยู่ ตอนงานเลี้ยงของผมที่เพื่อนจัดสาวสวยมาให้ ใช่ว่าผมจะไม่ได้จูบเธอ แต่มันไม่เหมือนกันกับจูบของหมอทาย มันหอมหวานจนผมแทบจะหลอมละลาย ความดุเดือดของจูบที่มัวเมาทำให้ผมลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมไปแม้กระทั่งว่าฝ่ามือร้อนพยายามชักนำให้น้องชายผมผงาดขึ้นมา

“หวานเหลือเกิน” หมอทายถอนริมฝีปากออกก่อนจะก้มลงพึมพำบริเวณซอกคอขาว

“อ๊ะ”

ผมสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากร้อนที่ดูดผิวเนื้อจนรู้สึกเจ็บจี๊ด ความร้อนของริมฝีปากพรมจูบไปทั่วอก ลิ้นร้อนตวัดเลีบไปมาบนยอดอก ดูดดึงเม็ดยอดเข้าปากอย่างหิวโหย ความเปียกและความร้อนจากภายในปากของหมอทายทำให้ผมต้องแอ่นตัวรับอย่างไม่อาจจะต้านทาน หมอทายขบเม้มยอดอกผมไม่ยอมหยุดดูดดึงจนมันเกิดเสียงจนเมื่อปล่อยปากออก ยอดอกผมก็ตั้งชันและแดงขึ้นจากการถูกดูดแต่ดูเหมือนมันจะไม่พอสำหรับหมอทาย

“อื้อ อย่า พอแล้ว”

ผมรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องดิ้นรนหนีจากริมฝีปากของหมอทาย แต่ก็ไม่รอด หมอทายยังคงดูดดึงมันต่อไป สายตาของเขาลอบมองหน้าผมที่แหงนหน้าขึ้น ฝ่ามือของผมสอดเข้าไปในกลุ่มผมของหมอทาย ออกแรงขยำเพื่อระบายอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาแอ่นอกยั่วเย้าริมฝีปากร้อนราวกับต้องการให้หมอทายดูดดึงมันมากกว่านี้

หมอทายผละออกจากอกผม มองผลงานที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำลายของตัวเองอย่างพอใจสายตาคู่นั้นกวาดมองผมทั้งร่างก่อนจะหยุดอยู่ที่ใจกลางของร่างทั้งร่างที่บัดนี้เริ่มแข็งตัวบ้างเล็กน้อยแล้ว

“พี่จะทำให้หัน คิดถึงผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อีก”ผมที่อยู่ในภวังค์ไม่ได้ยินเสียงที่หมอบอกเลยสักนิด ความหวานหอมของรสสวาททำให้ผมจดจ่อจิตใจอยู่กับมันมากกว่าสิ่งที่หมอทายเพิ่งพูดออกมา

“หันจะมองพี่ และเป็นของพี่คนเดียว”

“อื้อ อ๊า”

ความร้อนและความนุ่มลื่นของบางสิ่งที่สัมผัสกับกังหันน้อยทำใฟ้ผมสะดุ้งและหลุดออกจากภวังค์เพื่อมองดู สิ่งที่ผมเห็นทำให้มือทั้งสองข้างรีบผลักศีรษะของหมอทายออกทันทีด้วยความตกใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่การใช้แรงดันออกเล็กน้อยเท่านั้น เรี่ยวแรงที่มีถูกหมอทายดูดกลืนไปพร้อมๆกับสิ่งที่อยู่ในปากของหมอทาย ลิ้นสากค่อยๆเลียจากโคนจนสุดปลาย ผมรู้สึกราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อตจนต้องกัดปากระงับอารมณ์ที่ม่ำด้พานพบมานานเอาไว้ จะออกตอนนี้ไม่ได้

หมอทายเมื่อเห็นว่าผมพยายามฝืนไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามจึงได้ระรัวลิ้นบริเวณส่วนปลายอย่างหนัก จนผมต้องระบายมันลงกับผ้าปูที่นอนที่ตอนนี้แทบจะขาดติดมือผม เสียงหอบหายใจของผมดังไปทั่วแต่เมื่อผมรู้สึกเสียววาบจนต้องร้องครางผมจะกัดริมฝีปากห้ามมันเอาไว้ และแน่นอน หมอทายไม่มีทางยอมแพ้!!

“อ๊ะ ซี๊ด อ๊า”

ภายในปากทั้งร้อนและนุ่มจนผมแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งเมื่อเขาดูดส่วนปลายผมยิ่งดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานเพียงไม่นาน ตัวตนของผมก็ถูกครอบครองจนหมดหมอทายกลืนกินมันจนมิด เร่งเร้าจังหวะอย่างพอใจเมื่อผมยอมปชดปล่อยเสียงร้องออกมา

“อย่า จะทำอะไร” ปล่ยนิ้วเรียวถูกส่งเข้าไปสำรวจภายในช่องทางสีพีชทางด้านกลังของผมที่ผมไม่เคยให้ใครแตะต้องมาก่อน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็รู้สึกดี”

แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้นกับผม แต่ความอึดอันที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายทำให้ผมดิ้นรนหนีออกจากนิ้วมือของหมอทาย แต่กลับกลายเป็นว่าผมช่วยให้เขาขยับนิ้วเข้าออกได้ง่ายขึ้นเสียอย่างนั้น

“อา.....กังหัน ทำไมรัดขนาดนี้”

ผมส่ายหน้าไม่พูดอะไรกับคำพูดน่าอายที่หมอทายพูดออกมาสิ่งที่ผมต้องการคือไปให้พ้นจากความอึดอันที่ขยับเข้าออกอยู่ตอนนี้มากกว่า

“อื้อ อะ อะไรน่ะ อื้อ อ๊ะ”

“ตรงนี้เหรอ” จู่ๆจากความอึดอัดที่ผมรู้สึกก่อนหน้าก็กลายเป็นความเสียวซ่านที่แปลกใหม่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้

“อ๊า หมอ ไม่เอา อื้อ”

ผมไม่รู้ว่าหมายความอย่างที่พูดไปไหม แต่ร่างกายกับปากผมมันกลับขัดแย้งกัน ภายในช่องทางที่ตอดรัดกับนิ้วมือที่ถูกเพิ่มเข้ามามันเรียกร้องให้หมอทายกระทำให้มากกว่านี้ แต่จิตสำนึกของผมสั่งให้หยุดความน่าอัปยศนี่ซะ

“ไม่เอาไม่ได้หรอก มาถึงขั้นนี้แล้ว”

หมอทายก้มลงมาดูดกลืนยอดอกที่ชูชันยั่วยวนอยู่ตรงหน้าจนเกิดเสียงดัง ในขณะที่นิ้วทั้งสามยังคงทำหน้าที่กระตุ้นร่างกายผมให้ร้อนผ่าวด้วยการดึงเข้าออกที่ช่องทางด้านหลัง

“อ๊ะ อ๊า ซี๊ด มะ ไม่ไหว”

ความเสียวแปล๊บที่เล่นไปทั่วทั้งร่างกับบางอย่างที่มารวมอยู่ตรงส่วนปลายราวกับจะระเบิดความต้องการออกมาทำให้ผมหน้าแดงซ่านหอบหายใจหนักด้วยความร้องการ

“ต้องการอะไรครับ หืม”

“ผะ ผม ผมอยากปลดปล่อย ช่วยผม อื้อ”

หมอทายดึงนิ้วออกอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวแอ่นร่างขึ้นบิดเร้าอย่างทรมาน ผมมองหน้ามอทายที่ทิ้งผมไปอย่างไม่เข้าใจ มองตาคู่นั้นอย่างเว้าวอนบางสิ่งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“ใจเย็นๆครับ พี่ไม่หนีไปไหน”

เสื้อสีขาวของคนเป็นหมอถูกถอดออกจากร่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเข็มขัดและเสื้อผ้าชิ้นอื่นที่ถูกถอดออกมาเช่นกัน ตอนนี้แม้ว่าแอร์ภายในห้องจะทำงานแต่ความร้อนระอุจากร่างของเราทั้งสองกลับมีมากกว่าจนร่างกายขับเหงื่อออกมา หมอทายทาบทับร่างกายของผมด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าไม่ต่างกัน ผมรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ถูกจับมาจ่อตรงช่องทางด้านหลังมันทั้งแข็งและร้อน ยิ่งถูกสิ่งนั้นถูไถช่องทางของผมก็ยิ่งร้องเรียกหาแต่ราวกับหมอทายจะรู้และต้องการจะกลั่นแกล้งเพราะเขาเอาแต่ถูไถมันเท่านั้นไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเสียอีกที่ทนไม่ไหว พยายามขยับสะโพกรับมันเข้ามา

“อยะ อย่าทรมานผม อื้อ”

“ซี๊ด อา อยากได้เหรอกังหัน” ผมพยักหน้าแม้จะอายแต่ความทรมานที่กำลังพบเจอมันทำให้ผมมองข้ามมันหมอทายยกยิ้มถูกใจราวกับรอคอยมานาน

“พี่ไม่ใส่ถุง หันคงไม่ว่านะครับ”

ผมไม่มีโอกาสได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆเพราะเมื่อหมอทายพูดจบริมฝีปากของเขาก็ประจบจูบดูดดึงริมฝีปากของผมทันที อีกแล้ว จูบกับหมอทายทีไรผมคิดอะไรไม่ออกทุกที แต่เคลิ้มได้ไม่นานผมก็ต้องสะดุ้ง

“อื้อ!! อั้ย อื้อ!! อ๋มเอ็บ!!”

ความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากร่างก่ยทำให้ผมออกแรงดิ้นรนหนี มือทั้งสองข้างทุบตีแผ่นอกหนาที่อยู่เหนือร่างผมแต่หมอทายกลับไม่สะทกสะท้านซ้ำร้ายยังคว้ามือผมไปกดลงบนเตียงอีก ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อหมอทายถอนริมฝีปากออก

“ซี๊ด กังหัน อา รัดพี่แน่นเหลือเกิน”

“ฮือ ผมเจ็บ อะ เอาออกไปนะ”

ยิ่งผมดิ้นรนมากเท่าไหร่ หมอทายยิ่งครางมากเท่านั้นเสียงขบกรามดังเหนือร่างของผมจนผมต้องหันไปมอง หมอทายดูอดทนกับอะไรบางอย่าง สีหน้าที่แสดงออกถึงความทรมานทำให้ผมหยุดชะงักการดิ้นรนหนีไปครู่หนึ่ง

“พี่เข้าไปหมดแล้ว ฮึ่ม!!!พี่จะรอให้หัน ซี๊ด หายเจ็บ” มือของหมอทายกำข้อมือผมแน่นแม้ว่ามันจะเจ็บแต่ก็ไม่เท่าความเจ็บเบื้องล่าง ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแต่การอยู่ยิ่งๆแบบนี้มันก็ดี ไม่เจ็บเหมือนเมื่อกี้ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าหมอทายไม่ขยับก่ยไปมากกว่านี้ แค่ผมเองก็สบายใจได้ไม่นาน เมื่อหมอทายเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

“ซี๊ด หัน พี่ขอโทษ อา หัน”

“ยะ อ๊า ผม อ๊ะ ยังเจ็บ อื้อ”

แม้ผมจะห้ามยังไง หมอทายที่หมดความอดทนก็ไม่ฟังผมอยู่ดี หมอทายโหมกายเข้าหาผมอย่างรุนแรงจนความแข็งแกร่งที่สอดแทรกอยู่ภายในยิ่งขยายความใหญ่โตมากขึ้น

“หมอ อ๊า หมอทาย”

“ฮึ่ม ครับหัน อา อยากได้อะไรครับคนดี ซี๊ด”

ผมขยับสะโพกตอบรับความรุนแรงที่กระแทกกระทั่นเข้ามาจนสุดความยาว แขนของผมถูกจับไปคล้องคอหมอทายจนผมที่มีความเสียซ่านเข้ามาแทนความเจ็บปวดต้องจิกแผ่นหลังหมอทายเพื่อระบาย

“หมอ เร็ว อื้อ แรงๆ”

“ครับ อา แน่นดีจัง ตอดดีเหลือเกินกังหันของพี่”

ยิ่งหมอทายเร่งเร้ามากเท่าไหร่สะโพกของผมก็ยิ่งตอบรับแรงขึ้นเช่นกัน เสียงครางระงมดังไปทั่วทั้งห้องรวมทั้งเสียงของการกระแทกเข้าออกก็เช่นกัน หมอทายแหงนหน้าขึ้นซูดปากด้วยความเสียวซ่าน

“ซี๊ด เปลี่ยนท่ากันนะ”

“อ๊ะ!!”

ผมถูกจับพลิกขึ้นมาอยู่บนร่างของหมอทาย มันเลยกลายเป็นว่าผมกำลังคล่อมอยู่บนตัวของหมอทายแถมยังมีความใหญ่โตที่คับแน่นอยู่ภายในช่องทางอีก

“ขยับสิครับ ควบพี่สิครับกังหัน พี่เป็นม้าของกังหันนะ”

ผมใช้มือยันไว้กับอกของหมอทายรู้สึกอึดอัดภายในช่องทางกับไอสิ่งนี้แต่อะไรกันนะความรู้สึกที่ว่าอยากขยับเหลือเกิน ผมเลียริมฝีปากตัวเองที่แห้งผากแต่กลับเป็นการยั่วอารมณ์ของหมอทายซะงั้น

“อ๊า หมอ อย่าเพิ่ง!!”

“อา กังหันยั่วพี่นี่ ซี๊ด อูย”

ร่างของผมถูกมือใหญ่คว้าเอวเอาไว้เพื่อให้ขยับกายขึ้นลงบนตัวของเขา อารมณ์ของผมถูกความใหญ่โตที่กำลังเข้าออกที่ช่องทางด้านหลังทำให้พุ่งสูงขึ้น ผมยกสะโพกขึ้นสูงจนควาทหใญ่โตเกือบจะหลุดออกจากช่องทางก่อนจะทิ้งกายลงมาอีกครั้ง หมอทายร้องครางอย่างถูกใจและปล่อยให้ผมขยับกายควบไปบนตัวของเขา ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ขึ้นจากสะโพกสวยของผมไปจนถึงแผ่นอก

“อ๊า หมอ อย่าบีบ อื้อ”

หมอทายบีบยอดอกของผมอย่างแรงจนผมร้องลั่น แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเมื่อบีบจนสมใจอยากก็ดึงยอดอกเอาไว้จนตัวผมที่กำลังขย่มอยู่บนตัวเขาแทบจะกรีดร้อง หมอทายเลียปากช้าๆอย่างยั่วเย้าก่อนจะสวนสะโพกขึ้นมาอย่างแรงและเร็วขึ้น

“หมอ ผมไม่ไหว อ๊ะ แล้ว ซี๊ด ช่วยผมที อ๊ะๆๆ”

ผมเสียวจนร่างแทบจะระเบิดออก ปีนป่ายสวรรค์จนกือบจะถึงแต่มันก็ไม่ถึงเสียทีผมจึงร้องขอให้หมอทายช่วย หมออทายเองก็ไม่รอช้า จับสะโพกของผมเอาไว้พร้อมขยับอย่างหนักหน่วงและเร็วจนผมร้องครางไม่เป็นภาษา

“จะ อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว อื้อ หมอ หมอทาย”

“ครับ ฮึ่ม ซี๊ด พร้อมกันนะหัน”

หมอทายกระแทกกายสวนขึ้นพร้อมกับจับสะโพกผมให้รับแรงกระแทกที่รุนแรงอีกครั้ง หมอทายเร่งกายจนผมปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งหน้าท้องของหมอทาย ส่วนหมอทายก็กระแทกกายเน้นๆอีกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยความอุ่นร้อนเข้าสู่ในตัวผมจนหมด

“แฮกๆ”

“หัน กังหันของพี่”

ผมรู้สึกเบลอในตาพร่ามัวความรู้สึกหนักๆที่เปลือกตาทำให้ผมลืมตาไม่ขึ้น ตัวผมทิ้งกายลงบนอกกว้างของหมอทายทั้งๆที่ส่วนนั้นยังคงอยู่ในตัวผม เหนื่อยจังอยากจะพัก...เหลือ.....เกินผมลืมตาขึ้นแต่แสงไฟที่จ้าทำให้ผมต้องกระพริบตาถี่ๆหลายครั้งกว่าจะชินที่ไหนกันนะ เท่าที่จำได้คือ......ผมกะ กะ กับหมอทาย! ไม่จริงน่า!!! ผมก้มลงมองตัวเองที่ตอนนี้สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมกับผ้าห่มสีน้ำเงินที่ห่มอยู่บนตัวนั้นยังไม่เท่ากับห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือนี่ นี่ห้องใครกัน!!

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับกังหัน”

   ฟอด!!

ผมหันไปมองหมอทายที่หอมแก้มผมเต็มแรงผมยกมือขึ้นกุมแก้มมองหมออย่างไม่เข้าใจ อะไรกันเนี่ย!! ผมงงไปหมดแล้วนะ

“อะไรครับ มองพี่แบบนั้น” หมอทายเลิกคิ้วมองหน้าผมอย่างสงสัย

“หมะ หมอทำไมถึง......”

“อะไรกัน จำไม่ได้เหรอครับ ออกจะร้อนแรงนะ” ผมกัดปากหน้าแดงซ่านเมื่อหใอทายพูดถึงบทรักที่เพิ่งจะจบไป

“จะ จำได้ครับ แต่ว่า......มันก็แค่การรักษา......มะไม่ใช่เหรอครับ” ทำไมหมอทายมองผมแบบนั้นกันนะหรือผมพูดอะไรผิด

“คิดแบบนั้นเหรอกังหัน คิดจะฟันพี่แล้วทิ้งใช่ไหม!” อะ หะ??????

“เอ๊ะ?”

   หมับ!!

“พี่ไม่ยอมนะ กังหันเป็นเมียพี่แล้ว กังหันจะไปไหนไม่ได้”ผมถูกหมอทายกดลงบนเตียงอีกครั้งด้วยความที่กำลังช็อคผมจึงลืมหนีไปเลย

“เอ๊ะ อ๊ะ หมอ อย่านะ”

“ไม่ให้ไปหรอก กังหันเป็นเมียพี่ เป็นเมียพี่ทาย!!”

เสื้อผ้าผมค่อยๆหลุดออกทีละชิ้นๆจนหมดโดยที่ผมไม่ทันได้ห้ามปรามอะไรบ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปแล้ว เรื่องที่จะเกิดขึ้นผมรู้ดีและนั่นคือเหตุผลที่ผมกำลังดิ้นหนีจากหมอทาย

“อย่าดิ้นไปเลยนะ กังหันหนีพี่ไม่รอดหรอกถึงจะยังช้ำและอักเสบอยู่” รู้ก็ปล่อยผมสิ แต่หมอทายกลับส่งยิ้มที่ชวนเสียวสันหลังมาให้ผม

“แต่พี่เป็นหมอนี่นา เดี๋ยวพี่จะรักษาเองนะ

“อื้อ!!!!”

บทรักอันแสนร้อนแรงก็เริ่มอีกครั้งและอีกครั้งโดยที่ผมได้แต่ร้องครางเพียงอย่างเดียวหมอทายตะกละตะกลามกลืนกินผมราวกับว่าอดอยากมานานจนผมสลบคาอกไปไม่รู้กี่ครั้ง ตื่นมาทุกครั้งก็พบว่าหมอยังคงกระแทกความใหญ่โตเข้ามาไม่หยุดเสียงร้องที่ดังในชั่วโมงแรกตอนนี้หลงเหลือแต่เพียงเสียงหอบหายใจกับเสียงกระทบกันของผิวเนื้อเท่านั้นยาวนานเหลือเกินราวกับว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด

   

            หลังจากวันนั้นมา ผมก็ยังคงต้องไปที่คลินิกทุกวันแถมต้องอยู่จนกว่าคลินิกจะปิดด้วยข่าวดีคืออาการของกังหันน้อยหายขาดแล้วล่ะครับ แต่ข่าวร้ายคือตอนนี้ผมดันมีผัวเป็นหมอแทนแถมขี้หึงมากเสียด้วย วันก่อนสิครับผิงนัดผมไปหาแล้วบังเอิญผิงโทรมาตอนผมอยู่กับหมอทายพอดี หมอทายโมโหมากถึงขนาดจะขังผมเอาไว้ในห้องไม่ยอมให้ออกไปเจอจนผมต้องกล่อมแล้วกล่อมอีกสุดท้ายหมอทายก็ยอมให้ไปพบผิงโดยมีข้อแม้ว่าหมอทายจะต้องตามผมไปด้วยแล้วพอเห็นกับตาว่าผิงเขาท้องอยู่ถึงยิ้มออกมาได้แถมยังไปประกาศกับผิงอีกว่าเป็นสามีผมจนพอกลับถึงห้องเราก็ทะเลาะกันยกใหญ่สุดท้ายก็เหมือนเดิม......จบลงที่เตียง
“อ้าว......น้องหัน มาแล้วเหรอคะ” ผมส่งยิ้มให้พี่สาวที่ยังคงทักทายผมเหมือนเดิมทุ๊กกกกวัน

“ครับพี่สาว วันนี้เป็นไงบ้างครับพี่ คนไข้เยอะไหมครับ”

“อะ เอ่อ วันนี้ก็มีไม่กี่คนค่ะ แต่ว่า.....” ผมมองท่าทางอึกอักด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่า.....

ผมหันไปมองห้องตรวจประจำของหมอทายด้วยสายตาขุ่นเคือง ไอหมอกามมันจะต้องกำลังลวนลามคนไข้แน่ๆยิ่งมีแต่คนมาเสนอตัวให้บ่อยๆเสียด้วย ผมไม่รอช้าเดินตรงไปเปิดประตูโดยไม่เคาะหรือส่งเสียงใดๆ

“อะ เอ่อ กังหัน มะ มาเมื่อไหร่ครับ” หมอทายถามทั้งๆที่มือยังพยายามจะใส่เข็มขัดกางเกงให้เข้าที่ผมปรายตาไปมองร่างของอีกคนที่กำลังแต่งตัวอยู่บนเตียง หึ! คิดไว้แล้วเชียว ผมยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตัวเอง

“มาเมื่อกี้ครับ ขอโทษทีนะครับพอดีผมไม่รู้ว่าติดพัน(ธุ์)อยู่” ร่างของอีกคนในห้องยกยิ้มอย่างคนที่ชนะให้ผมโดยที่ผมได้แต่กำมือแน่น

“มะ มันไม่ใช่นะหัน ฟังพี่ก่อน”

“แหม....พี่ทายล่ะก็ บอกเขาไปสิครับว่าเราน่ะร้อนแรงกันแค่ไหนเอ๋~ หรือว่าต้องโชว์” หมอทายแกะมือที่คล้องแขนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของออกด้วยความร้อนรนจนผมอดขำไม่ได้

“เอฟ!! พูดอะไรน่ะ กังหัน มันไม่ใช่...”

“เอาเถอะครับ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมแค่แวะมาเยี่ยมเยียนหมอผู้มีพระคุณที่รักษาผมหายแค่นั้น”ผมเหยียดตามองคนทั้งคู่ ไม่สนใจว่าหมอทายอยากจะพูดอะไรเพราะผมถือว่าสำหรับผมมันจบแล้วผมชะงักเท้าที่กำลังจะหันกลับเมื่อนึกขึ้นได้

“อ๊ะ!! จริงด้วยสิ ถ้าผมมีอาการแบบเดิมขึ้นมาอีกก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคนต่อคิวดูแลรักษาผมเยอะ!!”

“กังหัน!!!” ผมเดินออกมาไม่สนใจหมอทายที่ตะโกนเรียกชื่อผมด้วยอารมณ์โกรธแต่ผมมีมากกว่า!!

   หมับ!!!

“จะไปไหน!! พี่ไม่ยอมให้กังหันเดินหนีพี่แบบนี้แน่!!” มือใหญ่ของหมอทาย มือที่แสนอบอุ่นที่เคยโอบกอดผม แต่วันนี้มันเป็นของคนข้างหลังไปแล้วมันไม่ใช่ของผมอีกแล้ว ผมมองมือใหญ่ที่จับแขนผมเอาไว้ก่อนจะดึงออกอย่างแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะใส่แรงมากขึ้นก็ตามเขาลืมไปหรือเปล่า ว่าผมเองก็เป็นผู้ชาย

“อ้าว.....มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย” ผมหันไปมองหมอสามที่เดินเข้ามาทักทายกลางวงที่ตีกันยุ่งเหยิง

“หมอสามครับ”

“ครับ อุ๊บ!!”

“กังหัน!!!”

ผมไม่รู้ว่าความคิดชั่ววูบที่คิดจะประชดหรือเป็นเพราะทนอยู่กับหมอทายไม่ได้กันแน่ถึงได้ตัดสินใจคว้าคอหมอสามมาจูบผมเพียงแค่ประกบปากเท่านั้นไม่ได้สอดลิ้นหรือดูดดึงริมฝีปากใดๆ ผมเพียงต้องการให้เขาไปให้พ้นๆให้เขาพาคนของเขากลับไปสักที!! ก่อนที่ความอ่อนแอของผมมันจะปรากฏตัวออกมา

“อ๊ะ!!”

   ผลั๊วะ!!!

“หมอสาม//คุณหมอสาม!!!” ผมกับพี่สาวเรียกหมอสามเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหมอทายกระชากผมออกก่อนจะปล่อยหมัดเข้าที่เบ้าตาซ้ายของหมอสาม

“อย่ามายุ่งกับเมียกู!!”

“หมอครับ ผมขอโทษ อ๊ะ!! ปล่อยผมนะหมอทาย!!!”

ผมถูกหมอทายกระชากให้เดินตามออกจากคลินิกไปยังตัวรถโดยที่ผมพยายามดึงแขนออกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนเมื่อเดินมาถึงตัวรถคันสวยหมอทายก็โยนร่างของผมเข้าไปก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งและขับออกไปด้วยความเร็ว

“จอดรถนะ ผมบอกให้จอดไงหมอทาย!!” ผมพยายามเปิดประตูออกแต่ก็ไม่ได้ผลหมอทายล็อคเอาไว้ ผมหันไปมองหน้าหมอทายด้วยแววตาโกรธเคือง แต่หมอทายกลับไม่สนใจเลยสักนิดยังคงมุ่งมั่นขับต่อไปไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

“คุณหมอสิบทิศ!!”

    เอี๊ยด!!!!!!

“เมื่อกี้.......เรียกพี่ว่าอะไรนะกังหัน” แม้ว่าน้ำเสียงของหมอจะทำให้ผมสั่นแต่มันก็ไม่เท่าหัวใจที่ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดีตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่ทำให้ผใกลัวอีกแล้ว!

“คุณหมอสิบทิศ” ผมยังคงเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวหมอทายยิ้มเหี้ยมให้ผมก่อนจะขับรถออกไปอีกครั้งด้วยความเร็วจนผมต้องจับอะไรเอาไว้ ทางนี้มันหรือว่า.....คอนโดหมอทาย!! ไม่นะ ผมไม่อยากไป!!

“จอดนะ จอด!! หมอจอดเดี๋ยวนี้!! ผมจะลง!!” ผมพยายามทุบตีพยายามเปิดประตูออกแต่ก็เปล่าประโยชน์หากเจาไม่ยินยอมให้ผมลง ผมคงไม่มีทางจะได้ลงไปแน่

“ลงมากังหัน พี่บอกให้ลงมา!!”

“ไม่!! อย่ามายุ่งกับผมนะ ผมจะกลับบ้าน” ผมพยายามปัดป้องไม่ให้หมอทายจับแขนผมได้ง่ายๆจนดูเหมือนว่าหมอทายจะโมโหมากขึ้นไปอีก

“จะไม่ลงใช่ไหม ดี!!”

    หมับ!!

“อ๊ะ!!” ผมถูกวงแขนแข็งแรงของหมอทายอุ้มขึ้นแนบอกก่อนที่หมอทายจะใช้เท้าปิดประตูรถแล้วกดล็อครถโดยไม่สนใจมันอีกผมดิ้นรนให้หลุดจากวงแขนและมันก็ได้ผล หมอทายปล่อยร่างผมลงพื้น ทันทีที่เท้าผมแตะพื้นผมก็เตรียมตัวจะวิ่งเต็มที่แต่ก็ได้แค่เพียงคิดเพราะฝ่ามือใหญ่ยึดแขนของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ปล่อย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้!! อ๊ะ!!”

    เพี๊ยะ!

“อย่าดิ้น! เดี๋ยวตก”

หมอทายตีก้นของผมที่ตอนนี้พาดอยู่บนบ่ากว้างของเขา ละเลือดลงหัว ผมทุบลงบนหลังของหมอทายอย่างแรงแต่ทำไมแรงของผมมันไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านใดๆเลยหมอทายเปิดประตูพร้อมกับพาร่างของผมบนบ่าตัวเองเข้าไปยังห้องนอน

   ตุบ

“เรียกพี่ว่าอะไรนะ กังหัน” รอยยิ้มสุดสยองถูกส่งมาให้ผมอีกครั้งพร้อมกับมือของหมอทายที่ปลดเสื้อผ้าตัวเองช้าๆ

“จะ จะ จะทำอะไร” ผมขยับตัวหนีด้วยความหวาดกลัวหมอทายไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมไม่รู้จักหมอทายคนนี้

“พี่ถามว่ากังหันเรียกพี่ว่าอะไร!!!!”

“คุณหมอสิบทิศ!! ทำไม!! ผมเรียกชื่อคุณผิดเหรอครับ คุณ หมอสิบ ทิศ!!” หมอทายปลดเข็มขัดออกดึงซิปกางเกงลงลวกๆจนผมมองเห็นชั้นในสีดำที่ถูกกางเกงเปิดออก

“กล้าเรียกผัวตัวเองแบบห่างเหินงั้นเหรอกังหัน!!” หมอทายที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าถาโถมร่างกายมาทาบทับตัวของผมเอาไว้จนแทบจะจมลงบนเตียงไม่เอาแล้ว ผมไม่เอาอีกแล้ว

“หมอครับ เราเลิกกันเถอะนะ หมอปล่อยกังหันคนนี้ไปเถอะ”ผมทนไม่ได้อีกแล้วที่จะเห็นอะไรแบบวันนี้ ผมทนไม่ได้ที่รู้ว่าคนของผมไปนอนกับคนอื่นแม้จะรู้ก็ตามว่างานของหมอทายคือรักษาคนไข้ แต่ผมเองที่อ่อนแอ เป็นผมเอง.....ที่รับมันไม่ได้ผมผิดเอง

“หมอคงไม่รู้ ฮือ ผมน่ะ เจ็บมากๆ”

น้ำตาของผมไหลรินลงบนหมอนดวงตาคมดุจ้องผมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆให้ผมได้รู้

“ผมอยากจะพอแล้วครับ หมอให้ผมไปได้ไหมครับ สงสารผมเถอะนะ ฮึก”ผมสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่น แต่ทำไมล่ะ ผมขอร้องขนาดนี้ทำไมหมอยังไม่ยอมปล่อยผมไปอีก ไม่สงสารผมบ้างเหรอครับ

“กังหัน”

“ฮึก”

“อย่าคิดว่าน้ำตาจะทำให้พี่ปล่อยเราไป มันไม่มีวันนั้นหรอกต่อให้ร้องไห้หนักแค่ไหน พี่ก็จะจับกังหันไว้” มืออุ่นปาดไล่น้ำตาให้ผม

“...ฮือ...”

“ต่อให้เรามีปีกบินหนีพี่ไปได้ พี่ก็จะจับกังหันแล้วหักปีกเราซะ”

“...หมอ ฮึก...”

“แม้ว่ากังหันจะทรมาน พี่ก็จะกักขังกังหันเอาไว้ในอ้อมแขนของพี่พี่จะไม่ปล่อยหัวใจพี่ไป ไม่ว่ากังหันจะว่ายังไงก็ตาม” ผมร้องไห้หนักมากขึ้นเมื่อได้ฟังการได้ยินคนที่เรารักพูดคำนี้มันดีใจนะครับ ถ้าหากผมไม่ได้เห็นภาพวันนี้ที่หมอทายและเขาคนนั้น.....

“ปล่อย ปล่อยผมนะ ฮือ กลับไปหาคนของคุณหมอสิครับ แค่ผมคนเดียวคุณหมอปล่อยไปไม่ได้เลยเหรอ” เมื่อเขามีคนอื่นอยู่แล้ว แค่ปล่อยผมมันไม่น่าจะยากอะไรเลย

“พี่บอกหันไปแล้ว พี่ไม่มีวันปล่อยหัวใจพี่ไป”

“ฮึก ฮือ” หมอทายจับมือผมมาแนบอกไว้ที่ตำแหน่งของหัวใจเสียงและจังหวะการเต้นมันดูเจ็บปวด เหมือนกับจังหวะของผม

“พี่จะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีหัวใจดวงนี้ พี่หมอทายคนนี้มีแค่กังหันคนเดียวเท่านั้น”

“โกหก!!! ปล่อยผม!!!” ผมดิ้นรนหลีกหนีคำโกหกที่เขาคิดจะหลอกผม

“พี่ไม่ได้โกหก!! พี่รักกังหันคนเดียวจริงๆ ฟังพี่บ้าง”น้ำเสียงอ้อนวอนกับแววตาที่สั่นระริกทำให้ผมหยุดดิ้นราวกับถูกสาป ใบหน้าของหมอทายดูทรมานดวงตาที่แดงก่ำฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำแม้มันจะไม่ได้ไหลออกมาเหมือนผม แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าหมอทายเองก็เจ็บปวด

“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเอฟ ไม่เคยเลยสักครั้ง” ผมเมินหน้าหนีไม่อยากได้ยินชื่อของคนๆนั้น

“....”

“เขามาให้พี่ตรวจ พยายามจะใช้ปากให้พี่เขาถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเพื่อยั่วยวนพี่ แต่พี่ไม่ได้ทำอะไรเขา”

“....ฮึก...”

“สิ่งที่หันเห็นคือพี่ผลักเขาออกตอนเขาถอดเข็มขัดของพี่พี่เป็นหมอต้องรักษาคนไข้”

“ฮือออ”

“แต่ทุกคนต้องเซ็นสัญญาของทางคลินิกทุกคน ยกเว้นแค่กังหันเท่านั้น”ผมชะงักเมื่อนึกๆย้อนดูแล้วผมไม่เคยได้เซ็นสัญญานั้นจริงๆ สัญญาพิลึกที่ตั้งกฎเอาไว้ว่าห้ามหึงหวงหมอ

“นึกออกแล้วใช่ไหม หืม” ผมพยักหน้าไม่กล้าสบตากับหมอทายผม......รู้สึกผิดเมื่อได้รู้ความจริงนี้

“ผมขอโทษ”

“ไม่เอา พูดใหม่สิครับ” หมอทายปัดผมที่ปรกหน้าผมไปทัดหูอย่างแผ่วเบา

“หันขอโทษครับพี่ทาย หันแค่...”

“หึง......หึหึ”

ผมทำได้แค่กัดปากพยักหน้ายอมรับอย่างเสียไม่ได้ แม้จะอยากคัดค้านแต่สิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีเหตุมาจากหมอทายทั้งสิ้นเหตุผลแค่เพียงเพราะผมหึงหมอทายกับผู้ชายคนนั้น แล้วทำไม.....มีแค่ผมกันนะที่ไม่ได้เซ็นสัญญา

“ที่พี่ไม่ให้กังหันเซ็น เพราะพี่ต้องการกังหันมากกว่าคนไข้บอกตรงๆครั้งแรกที่พี่เจอหัน มันทำให้พี่ที่เป็นหมอคิดชั่วๆและใช้ความเป็นหมอผูกมัดกังหันเอาไว้กับพี่” ผมหลบตาคมที่หวานฉ่ำสายตาของเขาทำให้ใบหน้าของผมแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

“พี่รักกังหันคนเดียวนะครับ อย่าบอกเลิกพี่อีกนะพี่ใจจะขาดเลยรู้ไหม”

“หันขอโทษก็หันเจ็บนี่ครับที่เห็นพี่กับคนไข้ของพี่แต่งตัวไม่เรียบร้อย” หมอทายก้มลงจุมพิตที่หน้าผากมนของผมอย่างแผ่วเบา

“มันจะไม่มีอีกแล้วครับ พี่จะระวังตัว” ผมส่งยิ้มให้หมอทายแต่ผมกลับรู้สึกหนาวยะเยือกจนเข้ากระดูก

“แต่เรื่องที่กังหันไปจูบไอสามนี่พี่ต้องลงโทษ”

“ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนครับ อื้ม!!”

    จากความผิดของผม ผมจึงถูกหมอทาย เอ้ย พี่ทายลงโทษอย่างหนักจนถึงขั้นต้องให้หมอทายเสริฟข้าวเสริฟน้ำเลยทีเดียวแม้ว่าผมจะอธิบายให้เขาฟังแต่เขาก็ดึงดันจะลงโทษผมอยู่ดี เฮ้ออออ~ เป็นเมียหมอก็แบบนี้แหละครับ แต่ผมก็ชอบนะ คิกๆ




The End

Goggag โพสต์ 2020-5-19 18:03:48

ชอบมากเลยครับ ขอบคุณคร้าฟฟฟ

view99 โพสต์ 2020-5-19 19:23:40

มันไหม

muumix โพสต์ 2020-5-19 19:33:26

น่ารักจนเกิดความอิจฉาที่หมอทาย​ทั้งกังหัน​ เลย

mm2013 โพสต์ 2020-5-19 20:00:07

ขอบคุณครับ

KPG โพสต์ 2020-5-19 20:02:56

ขอบคุณนะครับ

น่ารักดีครับ ชอบหมอทาย

nuangnut1996 โพสต์ 2020-5-19 20:06:10

สุดยอดเลยครับ

minone โพสต์ 2020-5-19 20:12:00

ขอบคุณ​มาก​นะ​ครับ​{:5_130:}

haruka โพสต์ 2020-5-19 21:17:46

ขอบคุณมากมาย

audiwoods โพสต์ 2020-5-19 21:19:44

อยากมีหมอส่วนตัวจัง

ton_gori โพสต์ 2020-5-19 21:39:58

โดน น.พ.สิบทิศรักษาจนหายขาดเลยแฮะ หมอเก่งจริงๆ

takeshi โพสต์ 2020-5-20 00:14:09

ขอบคุณครับ

Mite โพสต์ 2020-5-20 00:58:10

ขอบคุณครับ

testuser886 โพสต์ 2020-5-20 00:59:36

ดีมากเลยคับ ชอบมาก

aomniverse โพสต์ 2020-5-20 01:03:40

ขอบคุณครับ

อาระตะ โพสต์ 2020-5-20 01:08:42

ขอบคุณครับ

gaybin โพสต์ 2020-5-20 01:15:39

สนุกมากเลยครับ

arasi22 โพสต์ 2020-5-20 01:19:14

ขอบคุณครับ

myles โพสต์ 2020-5-20 05:10:34

ขอบคุณมากครับ น่ารักดี

namchiaw โพสต์ 2020-5-20 06:52:50

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9
ดูในรูปแบบกติ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ