ช่วยด้วย ! ผมได้แฟน ไอ้เด็กช่างยนต์ ตอนที่ 25 โดน(หลอก)อีกจนได้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Hyourinmaru14 เมื่อ 2020-6-2 08:30บ่นนำ
ทีน่าจะไปสมัครเป็นครูนะ ท่าทางจะสอนได้ดี แล้วก็เป็นนักเขียน (อาชีพเสริม)...ก็อย่างที่บอกเล่าเก้าสิบกันให้อ่านเมื่อตอนก่อน อาชีพครูเป็นอาชีพที่จะต้องวิ่งหนีเลยล่ะครับ(วิ่งเร็วจนจะชนรึป่าวไม่รู้...ยิ่งไม่ชอบก็ยิ่งเหมือนเข้าใกล้วงโคจรทุกที)90 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ที่รู้จักผมก็จะบอกทำนองนั้น ทั้งพ่อ แม่ พี่ เพื่อนๆ อาจารย์ แม้กระทั้งไอ้ปอที่ไม่ค่อยมีสมองมันยังมีความคิดให้ผมไปเป็นครู...เหมือนกำลังจะมีควันดำบอกเหตุแล้วล่ะสิเมื่อคณะติดต่อมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ว่าจะจ้างผมไปเป็นผู้ช่วยวิจัย ซึ่งอาจารย์ในคณะผมนั้นแหละเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย และอาจารย์คนนี้อีกแหละที่เป็นต้นคิดอยากให้ผมเรียนต่อแล้วมาเป็นอาจารย์ (พยายามบอกเป็นนัยๆผมรึป่าวอาจารย์)ยิ่งเกิดเรื่องไม่ค่อยจะราบรื่นของผมกะไอ้ปอ ผมยิ่งตัดสินใจง่ายว่าผมจะไป...ส่วนเรื่องเป็นนักเขียนไม่สิ เรียกว่าผู้อยากเขียนมากกว่า...ในชีวิตนี้(เพิ่งคิดได้)อยากเขียนหนังสือ2เล่ม(ถ้าไม่ฝันเกินไป) เล่มแรก...ผมก็เริ่มวางแผนปีนี้แล้วล่ะครับว่าผมจะเขียนเรื่องราวของผมตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนถึงตีนเท่าใบตาลเฉกเช่นปัจจุบัน ตอนนี้กำลังทำทิศทางที่จะเขียนอยู่ครับ ถ้าไม่ทำแบบนี้ คิดได้แล้วเขียนเลย คงไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่แท้หลักๆก็น่าจะเป็น (มีไรบ้างล่ะ) วัยเด็กที่แสนสั้น เข้าสู่วัยรุ่นวุ่นวาย การเรียนตามกระแส ความรักจอมปลอม ชีวิตที่โลดโผนบนถนนที่ขรุขระ ฯลฯ ก็จะมีทั้งหัวเราะ ร้องไห้ สมหวัง ผิดหวัง(เอาไว้แจกเป็นของที่ระลึกงานศพของตัวเอง55+)...และอีกเรื่องก็อยากจะเขียนตำราเรียนกะเค้าเหมือนกันนะ แอบๆร่างไว้แล้วเหมือนกัน ในสายที่เรียนมานี่แหละ แต่ด้วยคุณวุฒิที่ยังไม่น่าเชื่อถือเลยต้องเขียนแบบหลบๆซ่อนๆ เมื่อไหร่กาลเวลาเปลี่ยนไปหวังว่าความรู้ตัวเองจะเพิ่ม(จริงป่าวไม่รู้)ก็จะออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้(มั้ง)...
ตอน 25...โดน(หลอก)อีกจนได้
2 วันต่อมา (เว้นระยะห่างได้ดีมาก) 6โมงเย็นไอ้ปอโทรมา
“หวัดดีครับ”
“กูเอง” (กูก็รู้ว่ามึง)
“อืม...มีอะไร”
“แม่กูไม่สบายซื้อยามาให้หน่อย”(แล้วทำไมมึงไม่ออกไปซื้อเองล่ะ)
“กูไม่รู้จะซื้อยาอะไร” ไอ้ปอพล่ามต่อ (มึงโง่รึมึงขี้เกียจ ไปซื้อก็บอกอาการเค้าไปดิ)
“แล้วแม่เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่สบาย”(กูรู้แล้วไม่สบายยังไง...ไอ้นี่พูดไม่รู้เรื่อง)
“อาการยังไง” ผมเริ่มอารมณ์เสีย
“อาการป่วยอ่ะ ไม่สบาย มึงไม่รู้จักเหรอ” (กูพูดไม่รู้เรื่องรึมึงไม่รู้เรื่องกันแน่)
“เออๆ” ผมพยายามจะไม่ต่อล้อต่อเถียง
ผมวางสายรู้สึกว่ามันจะพยายามทำตัวขัดใจผมทั้งอาทิตย์ ผมไปร้านขายยาซื้อยาสามัญประจำบ้านทุกชนิด แก้ไข้ แก้ไอ แก้อักเสบ ปวดหัว ตัวร้อน ผื่นแดง ท้องอืด ท้องเสีย ชุดทำแผล ผมเตรียมไปหมดเลย มีอาการยังไง มียารักษาหมด ผมตรงดิ่งไปที่บ้านไอ้ปอ
“แม่อยู่ไหนแป้ง” ผมถามน้องสาวไอ้ปอ เมื่อเห็นอยู่หน้าบ้าน
“แม่ยังไม่กลับมาเลยพี่ที”
“แม่ไปหาหมอเหรอ” ผมถาม แป้งทำหน้างง
“แม่กับพ่อไปงานศพ ที่สัตหีบ”
“อ้าวแล้วไมไอ้ปอบอกพี่ว่าแม่ไม่สบาย”เริ่มอยากกระทืบไอ้คนพูด
“ก็มีดบาดมือเมื่อเช้าไง” ไอ้ปอพูดเดินออกมาก่อนที่แป้งจะตอบ
“แผลนิดเดียวเองนะพี่ปอหายแล้วมั้ง ไม่ต้องไปหาหมอขนาดนั้นหรอก”แป้งพูด (กูโดนหลอก)ผมยืนขมวดคิ้ว
“มานี่ทีกูนี่แหละไม่สบาย”ไอ้ปอเดินมาดึงมือผม
“แล้วมึงจะตายเมื่อไหร่ล่ะปอ” ว่าจะไม่แสดงความโกรธอยู่แล้วเชียว
“เฮ้ยตายตั้งแต่อายุยังไม่ถึง20เลยเหรอ เร็วไปมั้ง” ไอ้ปอพยายามพูดขำๆ แต่ผมสิขำไม่ออก(ดีล่ะพ่อแม่มึงมาจะได้มางานสวดศพมึงต่อ)
“มึงทำเพื่ออะไรปอ” ผมถามมันเมื่อมาอยู่ในห้อง
“..............” ไอ้ปอเงียบ
“ทำไมมึงเอาพ่อ-แม่มาแช่งแบบนี้”
“กูไม่ได้โกหกก็แม่กูไม่สบายจริงๆ แต่เป็นไม่มาก กูบอกมึงไม่หมด” (มึงยังจะพยายามไปแบบน้ำขุ่นๆอีก)
“พูดความจริงก่อนที่กูจะโกรธไปมากกว่านี้”
“กูอยากอยู่ใกล้มึงกูอยากเห็นหน้ามึง” ได้ยินแล้วก็รู้สึกอึ้งๆเหมือนกันนะ (มันตรงเกินไปว่ะ)
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนแล้วเราไปกินข้าวข้างนอกกัน...กูยังไม่อาบน้ำ ไม่คิดว่ามึงจะมาเร็วขนาดนี้”(กูจะทำยังไงกับมึงดี ทำไมการกระทำมึงมันไม่คงที่เลยตกลงตอนนี้มึงคิดยังไงกับกู)
“นะ กูอาบแป๊บเดียว”ไอ้ปอเข้ามากอดผมก่อนที่จะถอดเสื้อผ้านุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกไปอาบน้ำ
ผมนั่งลงบนเตียง สายตาก็มองไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งข้างหมอน มันเป็นเล่มที่แปลกตา เพราะปกติผมจะเป็นคนซื้อสมุดให้มัน ผมหยิบขึ้นมาอ่าน (บันทึกนี่หว่า) ผมเปิดอ่าน(อย่างไร้มารยาท)
14 ธันวาคม 52
เมื่อวานกูทำให้ไอ้ทีโกรธ มันโกรธกูมาก กูไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันโกรธกูได้ขนาดนี้กูยอมรับว่าผิด กูเมา กูควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ กูกินเหล้าทีไรทำไมกูต้องเกิดอารมณ์ด้วยกูเคยถามเพื่อนหลายคน เค้าก็บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ไอ้ทีมันน่าจะเข้าใจกู กูเลยสัญญากับมันว่าจะไม่เมาอีก กูต้องทำให้ได้ กูคิดอยู่ตลอดเวลาถ้ากูเลิกกับมัน กูจะเป็นยังไง วันนี้กูก็ไปหาไอ้ทีกูไม่กล้าขึ้นไป กูกลัวมันจะโกรธกูมากกว่าเดิม เอาไว้มึงใจเย็นก่อนแล้วกูจะไปให้มึงด่ากูง่วงนอนแต่กูนอนไม่หลับและกูก็ปวดมือด้วย
ผมอ่านบันทึกวันแรกของมันคำคอมเม้นของผม คือ...เขียนได้แย่-แย่มาก ไม่รู้ว่ามันเขียนบันทึก รึเขียนจดหมาย จะเขียนส่งหาผม รึเขียนให้ตัวเองอ่าน สับสน...จุดประสงค์ไม่ชัดเจน ลายมือช่วงแรกพอเดาได้หลังๆต้องใช้ verb ช่วย(verb to เดา)สงสัยมันปวดมือจริงๆ แต่อย่างน้อยลายมือที่เขียน ก็ทำให้รู้จักตัวตนมันมากขึ้น มากกว่าการแสดงออกของมัน และอีกอย่างมันยังจดบันทึกเหมือนที่ผมเคยบอก ได้คะแนนไป +10
ผมกลัวว่ามันจะรู้ว่าผมแอบอ่าน(มันยิ่งอาบน้ำเร็วอยู่ด้วย) ผมก็เลยเปิดดูคราวๆรู้ว่ามันเขียนทุกวันและวางไว้ที่เดิม และเดินไปเปิดประตูไว้ (มาคิดได้ทีหลัง ผมทำผิดก็ทำตัวเนียนเกินไปเหมือนกันจะเปิดประตูไว้ทำไมก็ไม่รู้..ช่วงนั้นอยากให้รู้ว่ากูไม่ได้แอบทำอะไรเลย เห็นไหมเปิดประตูโล่งโจ้งขนาดนั้น55+(ปัญญาอ่อนสิ้นดี))
แต่ไม่รู้ทำไม ผมก็นั่งรอมันนะ (สงสัยกำลังทำให้เนียนเวอร์โดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน...ถ้าไปตอนนี้มันจะคิดว่าเราหนีความผิด...เอ่อเนอะ ผมก็คิดไปได้เห็นไหมล่ะคิดปกปิดความผิดรอบทิศมากเกินไปถ้าโดนเข้าเครื่องจับเท็จของตำรวจคงไม่รอด...ผมเป็นโกหกมือสมัครเล่นอยู่)
ไอ้ปออาบน้ำเร็วกว่าที่ผมคิดไว้อีก(กูเกือบตายแล้วไหมล่ะ) รีบแต่งตัวโป๊ะแป้งเหมือนจะเข้านอน คือลูบไม่ทั่วหน้าส่วนใหญ่ก็ตกค้างที่แก้ม
“ไปกินข้าวกัน” มันชักชวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไปสภาพนี้นะ” ผมถามเบาๆ
“ถิ่นกู ใครจะกล้าว่าอะไร” ปกติมันอยู่ที่บ้านผมค่อนข้างจะเก็บหางไม่ให้โผล่ (ขยายความเก็บหาง...คือ เวลาจะออกไปไหนค่อนข้างที่จะวางมาดมากถึงมากที่สุด ประมาณว่าเก๊กหล่อให้สาวๆและไม่สาวๆกรีด จะแสดงออกทางสีหน้าที่ขรึมๆ ดุๆการแต่งตัวก็เสื้อยืดกางเกงยีนนี่แหละ ...แต่ถ้ามาแถวๆบ้านมัน ก็จะแต่งตัวสบายๆ เสื้อ กางเกงกีฬาที่เห็นใส่จนชินตา ไม่มีลุ๊คนั้นเลย)
“ลูบแป้งให้ทั่วหน้า” ผมออกคำสั่งเล็กน้อยไอ้ปอเดินไปที่กระจก ใช้ฝ่ามือบดขยี้หน้าตัวเองอย่างแรง(กูบอกให้มึงลูบหน้า ไม่ใช่ตบหน้า)
“พอยัง” พูดพร้อมหันหน้ามาถามผม (มาถามกูทำไม มึงก็ส่องกระจกดูตัวเองดิ)
“กินอะไรดี” มันถามผมต่อ
“กูไม่ค่อยหิว” ผมตอบไม่ตรงคำถาม)
“หิวดิ” (มึงเป็นกระเพาะกูรึไง)
“ไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน ของทีเอาบะหมี่แห้ง พิเศษลูกชิ้นให้เลยอ่ะ” ไอ้ปอพูดเมนูที่ผมชอบกินประจำ (มันพูดทำให้ผมรู้สึกอยากขึ้นมาทันที) ไอ้ปอเดินมาดึงมือผมออกไป
ณ ร้านก๋วยเตี๋ยว หน้าปากซอย
“เจ๊ เล็กหมูน้ำตกหนึ่ง บะหมี่แห้ง เพิ่มหมูเพิ่มลูกชิ้น ราคาเท่าเดิมอีกหนึ่ง” ไอ้ปอสั่งเมนูกับแม่ค้าที่คุ้นเคยก่อนที่จะเข้าไปนั่ง (ถ้าไม่รู้จักกันไปสั่งแบบนี้จะโดนสาดน้ำชุปก๋วยเตี๋ยวรึป่าววะ)
“แหมมมมปอ น้ำตกไม่ต้องใส่เลือดแล้วมั้งสงสัยต้องไปเอาที่ปลายทางคนสั่ง55+”เจ๊ตอบกลับ(เออ..พอๆกัน มิน่าอยู่หมู่บ้านเดียวกัน...เกี่ยวป่าววะ)
“เจ๊ พูดให้มันดีๆหน่อยกับลูกค้าน่ะ”
“เจ๊พูดดีที่สุดกับคุณปอแล้วนะเจ้าค่ะ”
“55+” ทั้งสองหัวเราะ ผมนั่งนิ่งแต่ขำอยู่ในใจ สักพักชามก๋ยวเตี๋ยวก็มาอยู่ตรงหน้า
“มาเดี๋ยวปอปรุงให้” หูกูฟังผิดรึป่าววะมึงให้แทนตัวเองว่าปอเหรอ ในภาวะที่กำลังนั่งช็อค(เวอร์ไป) ก็ไม่ได้ตอบอะไร ทำให้มันเอาชามผมไปปรุงส่วนเรื่องรสชาติผมไม่ค่อยซีเรียส เพราะผมกินได้หมดแต่ขอให้ได้ปรุง
“พรุ่งนี้ทีจะไปกรุงเทพเหรอ”(มึงเรียกกูว่าทีเหรอ) ผมกำลังคีบลูกชิ้นกิน (กูจะกินก่อนรึตอบก่อนดีว่ะ... มันรู้สึกเกร็ง วางตัวลำบากแล้วดิ ทำไมต้องมาเปลี่ยนสรรพนามกูด้วย) ผมก็เริ่มคิดได้ขึ้นมาแล้วว่า ครั้งที่ผมใช้คำว่าพี่และเรียกมันว่าปอมันก็คงจะรู้สึกเหมือนผมตอนนี้กระมัง ก็เรารู้จักกันและพูดกันมีแต่ภาษาพ่อขุน แต่ก่อนรับไม่ได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไม่ได้ซะแล้ว
“อืม กูจะเข้ากรุงเทพ” เน้นคำว่า “กู” เป็นพิเศษ(แล้วอย่ามาพูดที ปอ กะกูนะ มันเลี่ยน) พูดกับคนอื่นก็ว่าไปอย่าง
“ไปทำอะไร”
“ธุระ”
“ธุระอะไร”
“กูบอกว่าธุระ” (ไอ้ไม่มีมารยาท บอกว่าธุระยังจะถามอีก) ที่จริงก็ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก บอกได้แต่ไม่อยากบอก
“ไปด้วยได้ไหม”
“มึงจะไปให้เสียเงินทำไม”
“ก็กูอยากไป”(พูดเพราะได้สองคำ กลับมาเหมือนเดิม)
“แล้วแต่มึงกูไม่อยากห้ามใครอีก”(มึงเนี่ยนะจะเข้ากรุงเทพ) มันเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายในกรุงเท่าไหร่ครับ ผมก็เหมือนกันไม่อยากไปเลยถ้าไม่จำเป็น
“โกรธกูยังไม่หายแฮะเฮ้ย(ถอนหายใจ) จะทำยังไงดีล่ะกู” (ไอ้ปอบ่นกับตัวเอง)
“กูไม่ได้โกรธมึงนะปอถ้ากูโกรธกูคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก” คำปลอบเล็กๆน้อยๆจากปากผม(ทั้งที่เป็นจริงกูอภิมหาโกรธมึงเลยแหละ)
“ไม่เป็นไร ก็สมควรแล้วที่มึงโกรธ กูไม่ว่ามึงหรอก” (อ้าวก็ลองมาว่ากูดิ...กูไม่ผิด)
“ไปกี่โมง” มันถามต่อ
“เที่ยวแรก”
“ขึ้นรถที่ไหน”
“อีสเทอร์น”
“แล้ว...”มันพยายามจะถามเรื่องผมต่อ(มึงจะเสือกอยากรู้ทำไม)
“แม่จะกลับมากี่โมง” ผมตัดบทเรื่องของผม เบนประเด็นไปที่เรื่องของมันบ้าง
“ดึกๆมั้ง คงรอให้งานเสร็จหมดก่อน”
หลังจากนั้นก็จบบทสนทนาระหว่างการกิน ตั้งหน้าตั้งตาโซ้ยของใครของมัน( ลืมตัวบอกมันไม่หิว ไม่เหลือแม้กระทั้งรากถั่วงอก)
“ไปหาดไหม” ไอ้ปอถาม(มึงจะพากูไปตอกย้ำสถานการณ์เดิมทำไม)
“หึ” เสียงสั้นๆ ที่ได้ใจความเป็นการปฏิเสธของผม
“จะไปไหนดีล่ะ”
“กลับบ้าน”
“เดี๋ยวกูพาไปขี่รถเล่น”
“มึงเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเหรอ”
“ถ้าเป็นได้ก็ดีดิกูจะพามึงไปเที่ยวรอบโลกเลย”
ไอ้ปอเดินออกไปจ่ายตังค์ แล้วเดินไปที่รถ ผมเดินตามออกไป
“เท่าไหร่”
“กูเลี้ยง”
“เอาเงินกูไป ไว้ไปเลี้ยงคนอื่นเหอะ ไม่ต้องมาเลี้ยงกูหรอก” ผมยื่นแบงค์50บาทให้มัน
“เฮ้ยไม่เอา” ผมคิดแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ผมยัดเงินใส่กางเกงมันไอ้ปอทำหน้าไม่พอใจ
“กลับบ้านนะ ไม่ต้องไปไหนต่อ” ที่จริงเดินมาก็ได้ แต่มันขี่รถมาสงสัยคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาไปเที่ยวต่อ ไอ้ปอกลับรถเลี้ยวเข้าบ้าน หลังจากถึงบ้านดับเครื่องผมก็ควบรถมอ-ไซค์ผมทันที
“กลับแล้วนะ”ผมพูดทั่วไป
“เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่ต้อง”
ผมขี่รถออกมาเห็นไอ้ปอขี่รถตามหลัง(เรื่องของมึง) มันขี่รถตามผมถึงบ้านเลยแฮะ ผมเข้าบ้านมันจอดสักพักแล้วก็ขี่ออกไป
ในเช้ามืดวันเสาร์ ผมตื่นตี 4 อาบน้ำแต่งตัวเดินลงมาข้างล่างกินโอวัลติน กะขนมปังโฮสวีต 6 แผ่น (กินโคตรเยอะ) ก็นั่งเคี้ยวไปเรื่อยๆมันก็เยอะเอง ผมต้องรีบออกจากบ้านเพราะเหลือเวลา15 นาทีรถเที่ยงแรกก็จะออก ...รถออกตี5.....ผมซื้อตั๋วเดินขึ้นรถ ผมนั่งแถว 7 D ติดหน้าต่างด้านคนขับ ผมขึ้นไปนั่ง เอาหนังสือออกมาอ่านไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกเที่ยวนี้คนน้อยครับ (วันเสาร์ขาเข้ากรุงเทพคนจะน้อย แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์หรือจันทร์คนจะเยอะ) ผมก้มหน้าอ่านหนังสือ สักพักก็มีคนจากด้านหลังมานั่งข้างๆ ผมก็ไม่ได้สนใจก็มันรถโดยสารร่วมใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ผมก็อ่านหนังสือผมต่อไป รถออกไปถึงอมตะนคร ยังไม่ขึ้นทางด่วนเลย ไฟในรถก็ปิดหมด (อ้าว...)ผมพับหน้าหนังสือแล้ววางไว้หน้าตัก มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นบรรยากาศในตอนเช้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอก เมื่อรถขึ้นทางด่วน ก็จะมองไม่เห็นพื้นข้างล่าง(ผมก็คิดเตลิดว่าตัวเองอยู่บนยอดดอยอินทนนท์55+) ดูไปดูมาเริ่มง่วงหัวโยกเยก สะลืมสะลือ รู้สึกตัวนะแต่ตามันก็จะปิดให้ได้โยกเยกได้พักใหญ่ หัวผมก็ไปฟาดกับบ่าคนนั่งข้างๆอย่างจัง
“โอ้ย”ผมร้องเบาๆ เอามือลูบหัว ลืมตาขึ้น
“ขอโทษครับ” (กระดูกไหล่หักแล้วมั้ง) ผมโค้งหัวลงเล็กน้อย ยังไม่ได้มองหน้า
“ไม่เป็นไร” เสียงโคตรคุ้น ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้า
“นอนต่อเหอะ ถึงกรุงเทพแล้วกูจะบอก” (เห้ย ไอ้ปอ มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมหายง่วงเลยทันที)
“มาทำไม” ผมถาม
“ก็อยากมา”
“แล้วไม่ไปทำงาน”
“กูโทรลาตั้งแต่เมื่อคืน”
“แล้วมึงจะไปไหน”
“ไปกับมึง”
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจยาวๆ
“รับรองกูไม่เป็นภาระให้มึงหรอก” (มึงเป็นภาระของตากูน่ะดิ)
ไม่ถึงชั่วโมงรถก็ลงทางด่วนบางนามาถึงอ่อนนุชผมก็ลุกขึ้น
“มึงไม่ลงเอกมัยเหรอ”
“จะลงไหม ถ้าจะลงตามกูก็ไม่ต้องพูดมาก” (ไม่ลงเอกมัยเพราะเริ่มเห็นรถเริ่มเยอะขึ้น เดี๋ยวรถติด...ระยะทางสั้นๆแค่นั้นก็นานพอสมควร) ผมลงอ่อนนุชขึ้นบีทีเอส ไปอนุสาวรีย์ นั่งรถเมย์ต่อไปยังสถานที่เป้าหมาย(มึงก็ตามติดกูจริงๆเนอะ แทบจะเข้ามาสิงร่างกูอยู่แล้ว...เขยิบไปห่างๆหน่อย) ผมไม่ค่อยได้พูด แต่มันดิพูดกรอกหูผมตลอดการเดินทาง ยืนบนรถเมล์ก็ไม่เว้น
********************************************
ในวันนั้นเรื่องยุ่งๆวุ่นวายยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้นมันจะมีมากกว่านั้นอีกติดตามได้ในตอนหน้านะคร๊าบบบบ
********************************************
เอาล่ะฟังเรื่องราวของผมมานานแล้วถึงตาที่ทุกท่านที่เป็นแฟนคลับ(มีป่าวไม่รู้) ให้คะแนนกับผมบ้างดิ เอาเป็นเกรดก็ได้ ง่ายดี เต็ม4(เหมือนบารัคให้คะแนนตัวเอง)
A = 4.0
B+ = 3.5
B = 3
C+ = 2.5
C = 2
D+ = 1.5
D = 1.0
F = 0
ติผมก็ไม่ว่านะ มันเป็นส่วนนึงในการพัฒนาทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตของผม รึว่าเป็นการเขียนของผมก็ได้ เช่น
ให้ C เพราะยังมีคำเขียนผิดเยอะ
ให้ C+ ไว้ก่อน แต่ถ้าเพิ่มบทsex มากกว่านี้จะให้ A
แบบนี้ก็ได้ 55+ รึให้เกรดแล้วไม่บอกเหตุผลก็ได้
เพิ่งเริ่มอ่านเริ่มติด เอาB+ไปก่อน
แต่รถที่อีสเทิร์นมันเก่ามากนะหลับได้เหรอ
....เออ..เมื่อก่อนกูก็หลับ เอ ไปเบยครับ แฟนคลับนะนี่ ขอบคุณมากนะ{:5_130:} ชอบ ขอบคุณครับผม ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ผมให้ A เพราะชีวิต มันต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ปนกันไป
จะให้ชีวิต สวยหรูตลอดคงไม่ใช่ครับ ขอบคุณคับ ขอบคุณคับ ขอบคุณคับ ขอให้ B จ้า ขอบคุณครับ หยุดอ่านไม่ได้แล้วครับ ติดมาก หลายอารมณ์ดี เอา A ไปซะ ขอบคุณมากครับ c บางอันแพง ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2