Hyourinmaru14 โพสต์ 2020-6-4 08:56:34

ช่วยด้วย! ผมได้แฟน ไอ้เด็กช่างยนต์ ตอนที่ 40 Thank you(ลงใหม่)

ไม่เเน่ใจว่ามันเป็นอะไรทุกคนถึงไม่เห็นโพสเอา้ป็นว่าเดี๋ยวลองลงใหม่ดูครับ ช่วยเม้นด้วยนะครับ
26/08/2553
บ่นนำ
ในที่สุดมรสุมการสอบก็ผ่านพ้นไปไม่อยากนึกย้อนกลับไปเลย ขนลุก T_T
อันนั้นยังไม่บ่น ประเด็นบ่นอยู่ตรงนี้ …
วันนี้เป็นวันที่ผมเบื่อหน่ายที่สุดวันนึง(แสดงว่าเคยมีหลายวัน) เรื่องตัวงานไม่เท่าไหร่ เรื่องเรียนก็พอไปได้ สิ่งที่น่าเบื่อออออคือเรื่องหมานุษย์ (รู้งี้กูเรียนสัตวแพทย์ ทำงานกะหมู หมา กาไก่ดีกว่า) อยากเล่าให้ฟังเพราะไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง การเล่าก็เหมือนเป็นยาระบายอ่อนๆ (อ้าวๆไอ้ที ปากวอนหาเรื่อง…ให้อภัยไอ้ทีเถอะมันปากชักโครกแบบนี้ล่ะ) คือเหตุการณ์วันนี้มันชวนให้เป็นโรคจิต(งุดเงี้ยว)
ผมได้เชิญให้เป็นผู้เข้าร่วมฟังการบรรยายวิจัยระดับชาติ ที่โรงแรมแห่งนึง (พูดซะดูดี จริงๆคือ เค้าให้อาจารย์ไป อาจารย์ไม่ว่างส่งต่อมาให้ผม) เพราะความรู้ไอ้ทียังน้อยนิดอยู่ อาจารย์เลยมีความเมตตาอยากให้ได้ความรู้    เรื่องนี้มีหนังสือส่งหาผมตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ผมก็เตรียมตัวซะดี อ่านวิจัยที่เกี่ยวข้องเท่าที่หาอ่านได้ยืมหนังสือหอสมุดมาอ่าน(จริงๆไม่ได้อ่านหรอก ทำให้ผ่านตาเฉยๆ) ในที่สุดวันจริงก็มาถึง ผมแต่งตัวอย่างหล่อ(จริงๆน๊า) มุ่งไปโรงแรมแต่เช้า (แต่ก็สายจนได้รถติด) พอไปถึงเค้าก็เริ่มเกริ่นๆแนะนำคนนั้นคนนี้ ผมยืนอยู่โต๊ะลงทะเบียนหน้าห้อง มองหาชื่อตัวเอง มองไปมองมา(เจอแล้วนี่ไง) มองไปข้างหลังชื่อดร. ……(แทน)   (อ้าวเห้ยยยยยยไรกันใครมาแทน) ผมยื่นหนังสือที่เค้าส่งร่วมประชุมให้เจ้าหน้าที่ดูเจ้าหน้าที่ทำหน้างง ก่อนที่จะค้นของ ด๊อกเตอร์คนนั้น สักพัก คนต้นเหตุโผล่หน้ามาแล้วพูดว่า “อ้าวที มาทำไม” ผมทำหน้า เอ๋อแดก “ก็ในหนังสือส่งให้ผมมาครับ”ผมตอบ“ไหนเอามาดูสิ” ด๊อก(เตอร์)คนนั้นหยิบกระดาษเทียบกันกับของแก “ของทีสำเนาของอาจารย์ตัวจริงปัดไม่ได้บอกทีเหรอ” พูดเสร็จยิ้มเยาะก่อนที่จะเดินเข้าไป(ทำไมไม่โทรบอกกูตรงๆ…ปัดลูกมือแกนิสัยเหมือนกันเด๊ะ)ผมฉุนมากๆ เป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องมารังแกเด็กด้วยวะตัวเองก็มีความรู้ท่วมหัวจนจะไม่มีที่ยัดอยู่แล้วณ ตอนนั้นหน้าผมเหลือสองนิ้ว โกรธและอายยยย แต่ทำไรไม่ได้ ก้มหน้ามองพื้นเดินกลับสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะอาจารย์คนนี้ไม่ชอบผม ด้วยหลายๆอย่างผมไม่รู้จะแสดงความรู้สึกยังไงวันนี้ผมไม่คุยกะใครทั้งวัน บางวันผมเหนื่อยนะที่ต้องมาต่อสู้กับคน ผมเตรียมตัวอย่างดีและคิดว่าต้องได้อะไรจุในสมองบ้าง แต่แล้วก็ว่างเปล่า พูดเหมือนผมหมดกำลังใจใช่ม๊าแต่จริงๆยิ่งจะทำให้ผมรู้ทุกวันนี้ก็คงจะสู้กันด้วยความรู้เท่านั้นผมจะต้องรู้ในสิ่งที่ด๊อกเตอร์คนนั้นไม่รู้ และผมจะทำให้ได้พอกันทีกับค่านิยมไทยๆ เด็กไม่มีปากมีเสียง พูดไปไม่มีใครได้ยิน   เรื่องนี้จะไม่เกิดกับไอ้ที (555 จะทำได้รึป่าววววว) กูจะเป็นนายกให้ได้(อ้าวๆไปกันใหญ่)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่40 …Thank you

วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนทั้งวัน   ก็ดีนะไม่ร้อนดี หลังจากเลิกงานผมรีบใส่เกียร์หมามุ่งหน้าไปเอกมัยจะกลับบ้าน
“ป๊อก แป๊กๆๆ” เสียงฝนเม็ดเป้งกะทบไหล่ผมแทบหัก (เม็ดฝนรึอุกกาบาตวะนั้น)
“บ้าเอ้ยครึ้มทั้งวี่ทั้งวันไม่ตกมาตกก็ไอ้ตอนที่คนเค้าเลิกงานกัน”สายฝนไม่เป็นอุปสรรคของผม ผมฝ่าไฟแดง เอ้ย! ฝ่าสายฝนตรงไปป้ายรถเมย์ เปียกนิดหน่อยไม่เท่าไหร่ ต่อด้วยบีทีเอส และลงเอกมัยนั่งรถทัวร์นั่งไปได้สักพักออกจากกรุงเทพได้สักระยะ รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการผิดปกติ หนาวๆร้อนๆ (เปื่อยแน่กรู) ผมล้วงหน้ากากอนามัย(ไม่ใช่ผ้าอนามัยนะโว้ย) มาปิดปากตัวเองทันที ป้องกันการได้รับเชื้อเพิ่ม(เห็นแก่ตัวไหมล่ะ) ป้องกันคนอื่นได้รับเชื้อด้วย
ผมนั่งทนหนาว ตัวสั่น Kหด จนมาถึงชลบุรี ฝนที่นี่ก็ปรอยๆเหมือนกัน สงสัยวิ่งตามรถมา555 ในกรุงเทพตกหนัก แต่ชลเริ่มตกอีกไม่นานคงตกหนักเหมือนกัน
ผมลงจากรถเห็นไอ้ปอมาพร้อมร่มสีน้ำเงินคันใหญ่2 ชั้น (คงเคยเห็นกันนะ)
“ปอมันเล็กไปไหมไม่เอาร่มแม้ค้ามาเลยล่ะ” ผมพูดยิ้มๆ
“ยืมไม่ทันวะ เดี๋ยววันหลัง…ป่ะกลับบ้าน”ไอ้ปอเดินมากอดคอผม ครั้งนี้มีความคิดหน่อย มันมารถสองแถวไม่มามอไซต์ไม่งั้นมีหวังได้นั่งรถตากฝนอีก “มึงไม่สบายเหรอทำไมตัวมึงร้อน” แขนมันสัมผัสโดนตกคอผม
“ใช่มั้ง ตากฝนมาแล้วตากแอร์บนรถ หนาวๆยังไงไม่รู้” ผมตอบเสียงเบาๆ
“เอากระเป๋ามากูสะพายเอง” (อย่ามาเล่นเป็นพระเอกหนังเกาหลีกูมีแรงเตะมึงได้แล้วกัน ไม่ได้เป็นลูคีเมีย เหมือนนางเอกเกาหลีที่ชอบเป็นกัน) ไอ้ปอดึงกระเป๋าเป้ออกจากหลังผม ในนั้นไม่หนักหรอกเป้ใบใหญ่เฉยๆ มีโน๊ตบุ๊คตัวเดียว
“เห้ย ไม่เป็นไร สะพายได้ไม่หนัก”
“อย่ามาทำปากดี เอามา”ไอ้ปอดึงหลุดออกจากบ่าผมทั้งสองข้าง
“อืมมม thank you” ผมพูดยิ้มๆ
“เป็นฝรั่งเหรอ” (เอาอีกกูกูก็เห็นเค้าพูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง)
“ไม่ได้เป็นเป็นคนไทยโดยกำเนิด” (กูไม่ได้เป็นฝรั่งหรอก แต่กูอยากมีแฟนเป็นฝรั่ง มีไรป่ะ)
“เป็นคนไทยมึงก็ต้องพูดไทยสิวะ” มันหันมายิ้มเยาะ
“เออ ขอโทษๆอะไรวะ กูพูด thank you คำเดียว ทำยังกะกูไปด่าแม่ใคร…ว่าแต่มือน่ะไม่คิดจะล้างเลยรึไง”ผมสังเหตุเห็นมือมันเลอะๆ น่าจะเลอะน้ำมันเครื่องมั้ง ดำขนาดนั้น ขอบคุณที่เอามือดำๆมาสัมผัสกระเป๋ากู)
“ล้างแล้ว มันไม่ออก มันต้องล้างให้ดีๆ กูรีบมาไง”
“โธ่ปอออออกูไม่ว่ามึงหรอกถ้ามึงจะเอาเวลาสัก5นาทีไปล้างให้ดีๆ”
“แล้วจะทำไม กูขึ้นสองแถวมา ไม่เห็นมีใครว่ากูเลย”
“เค้าไม่บ้าเหมือนมึงน่ะสิที่จะทักคนแปลกหน้าเค้าคงคิดว่าไอ้คนนี้บ้าชัวร์555”
“ไรว่ะ มาบอกว่าคนหล่อเป็นบ้าได้ไงเดี๋ยวจับปล้ำซะนี่” ไอ้ปอฉีกยิ้มเห็นฟัน28ซี่ อีก4 เป็นฟันคุดยังไม่ขึ้น 555
“นี่ ทีนึง” ผมเบริดกระโหลกมัน
“ทำหน้าตาคิดลึก โทษฐานจินตนาการอนาจารกูในที่สาธารณะ”
“55 ไปดิ ไปแจ้งตำรวจกูก็จะบอกตำรวจว่ากูคิดอะไรมั้ง”
“สมองคนเรามีสองซีก ซีกซ้ายและขวา กูว่าซีกครึ่งของมึงคิดเรื่องลามก อีกครึ่งซีกคิดเรื่องรถ ไม่ถูกกูให้เตะ” ผมพูดอย่างท้าทายเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองไอ้ปอมันคิดจะทำอะไร เดาค่อนข้างถูก(แต่ก็มีชนิดที่ไม่คาดคิดบ่อยเหมือนกันนี่หว่า)
“ผิด” มันก็ตอบอย่างมั่นใจ
“ผิดยังไง”
“สมองทั้งสองซีก แถมกระดูกสันหลังไปอีกนึง กูคิดเรื่องลามกหมดเลย อ๊ากกก” (เออ กูพลาด กูกะน้อยไปและไม่คิดว่าจะประชดกูได้ลึกขนาดนี้)
ระหว่างที่เดินไปคุยไป ฝนเจ้ากรรมก็ตกห่าใหญ่ลง ผมกับไอ้ปอก็เลยวิ่งเข้าหลบเฉลิมไทย(ห้างเก่าแก่กลางเมืองชลเชียวนะเว้ย)
“ฝนจะตกอีกนานไหมเนี้ย” ผมบ่นเบาๆ อยากกลับบ้านอาบน้ำ นอน รู้สึกเพลียๆ ปวดเมื่อยตัว
“ดูหนังรอฝนหยุดป่าว” ไอ้ปอแสดงความคิดเห็น ก่อนที่ความคิดเห็นนั้นจะเป็นหมัน
“ไม่เอาเดินเล่นดีกว่า จะได้ออกกำลังกายไปด้วย ดีกว่าจะนั่งเฉยๆ(เสียเงินด้วย)” ผมค้าน
ผมกับไอ้ปอก็เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป จนเดินเข้าร้านอุดมเอก
“ปอมาดูรองเท้าคู่นี้ดิมึงว่าOKไหม” ผมถาม ไม่ซื้อหรอกดูป้ายแล้วแพงฉิบ
“ทำไมไม่พูดภาษาไทย” (อ้าว ไอ้บ้าหนิ ครูลิลลี่เข้าสิงมึงรึไง)
…ปล. ด้วยความเคารพครูลิลลี่ผมห้ามความคิดตัวเองไม่ทันขอโทษคร๊าบบบบบบบบ (อ้าวกูเขียนผิดหลักภาษาไทยอีก)
“ปอ (ผมทำเสียงเข้ม) มาดูคู่นี้สิมึงว่ามันตกลงไหม” ผมพูดเรียบๆ
“กร๊ากกกกก” ไอ้ปอหัวเราะดังลั่น
“มึงจะหัวเราะทำไมมึงบอกให้กูพูดภาษาไทย”
“555 มึงแปลได้ตรงตัวไม่มีผิดเพี้ยนเลยว่ะ”
“แน่นอนกูไม่ชอบใส่ใข่ในการแปลประโยคสนทนา”
“555ก็ตกลงว่ะ สวยดี” มันก็พูดซะไทยจ๋า ประชดผมเลย
“รองเท้าตกลง แต่ราคาไม่ตกลง ไปออกจากร้านเค้าด่วน” ผมรีบเดินออกจากร้านก่อนที่เจ้าของร้านจะเอารองเท้าปาหัว เพราะดูตั้งนานแต่ไม่ซื้อ
“ปอปวดเยี่ยว เข้าห้องน้ำแป๊บ เข้าไหม”
“หึ กูยืนรอข้างนอกแล้วกัน”
“ไปล้างมือมึงเส่” ผมพยายามชักชวน
“ล้างน้ำป่าวมันไม่ออก เดี๋ยวกลับไปล้างที่บ้าน”
“แล้วกลับบ้านใช้ไรล้าง”
“น้ำมันเบนซิน”
“เห้ย ไม่ได้ๆ น้ำมันเบนซินเป็นสารมิวโคนิก ซึมผ่านผิวหนังได้ ระเหยสูดดมได้ง่าย สารก่อมะเร็งเลยนะมึง”
“กูว่าแล้ว เมียกูแปลงร่างเป็นอัลสไตน์อีกแล้ว รู้ทุกเรื่อง” ไอ้ปอเอามือดำๆมาจับแก้มผม    “โทษนะที มึงจะให้กูขัดด้วยขมิ้นชัน ล้างด้วยน้ำมะพร้าวสดไหมมันถึงจะไม่มีโทษ”
“เออ ไม่เชื่อกูกูไม่ไปนอนเฝ้ามึงที่ศูนย์มะเร็งนะเว้ย”
ผมพละตัวออกเข้าห้องน้ำ ในห้องน้ำมีคนยืนฉี่เต็มจำนวนโถ (แม่งเอ้ย มาปวดอะไรพร้อมกูว่ะ…มันน่าจะเป็นว่าทำไมกูปวดพร้อมเค้ามากกว่ามั้ง) ผมยืนรอตรงกระจกล้างหน้า (สำรวจความหล่อ เอิ๊กๆ…ไม่มีเลย) รอจนกระเพาะปัสสาวะบีบตัวจนจะไม่ไหวแล้ว (เคยใช่ไหมถ้าอยู่ข้างนอกดีๆก็ทนได้แต่พอเข้ามาในห้องน้ำยิ่งใกล้ยิ่งทนไม่ได้…ไอ้คนเยี่ยวก็เหลือเกิน มึงเยี่ยวรึชักว่าววะ โคตรนาน) ผมทนไม่ไหวเลยเข้าไปเยี่ยวในห้องน้ำ ทันทีที่น้ำปัสสาวะออกมาข้างนอก โคตรจะโล่ง ผมมองไปรอบๆให้ตายสิ ศิลาจารึกสมัยพ่อขุนรามมาอยู่ที่นี้เอง มีทั้งภาพวาดระบายสี ศิลาจารึกที่เป็นข้อความตามฝาผนัง …พ่อมึงสิบอกให้อ่าน …(อ้าวซวยเลย กูกำลังอ่านเพลิน พ่อกูไม่ได้บอกโว้ย กูอ่านเอง) มีทั้งไอ้นั้นเป็นพ่อไอ้นี่ ไอ้นี่ใหญ่ไอ้นั้นเล็ก ถ้าอยากโทรมามีเบอร์โทรด้วยนะ ฯลฯ อืมมมม
“ไอ้ที ตกส้วมตายยังวะ” เสียงคุ้นๆ ไอ้ปอ จ๊ากกก กูเยี่ยวเสร็จตั้งนานแล้วแต่อ่านเพลินไปหน่อย ผมได้ยินเสียงไอ้ปอเดินไปที่โถฉี่ ผมรีบออกจากห้องน้ำแล้วมารอข้างนอก
“ไปไหนมาวะ ไหนบอกจะไม่เข้า” ผมแกล้งว่ามารอตั้งนาน
“อ้าวเห้ย มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กูเข้าไปยังไม่เห็นมึงเลย”
“ตลกล่ะไอ้ปอ กูมารอมึง ไม่ใช่มึงรอกู ”
ผมเดินเล่นต่อ 3รอบจนจะเวียนเทียนได้อยู่แล้วฝนก็ยังไม่หยุด ผมเลยชวนไอ้ปอกลับนั่งกระป๋องกลับจะได้ไม่เปียก(รถเมย์แหละแต่บ้านผมเรียกรถกระป๋อง)
   ลงรถได้ต้องเดินเข้าซอยไปบ้านอีก ระหว่างเดินก็มีรถเก๋งคันงาม วิ่งด้วยความเร็วเหยียบน้ำในแอ่งถนน น้ำกระฉูดมาถึงหน้าผมกับไอ้ปอ
   “แม่งเอ้ย ไอ้เหี้ย มึงรีบไปตายที่ไหนวะ ฯลฯ” อีกสารพัดคำด่า ก็รู้ๆอยู่ไอ้ปอมันปากหมา พูดโผงผาง มีไรมันก็พูดตามอารมณ์มัน (ถึงมีเรื่องบ่อยไง)
   “ปอ ถือซะว่าเมียเค้าจะคลอดลูก เค้ารีบ ไม่ต้องด่าเค้าหรอก” (ก็จะถึงบ้านอยู่แล้ว เข้าบ้านอาบน้ำจะเป็นไรวะ)
   “มึงก็คิดแต่อย่างงี้อย่ายอมให้ใครเอาเปรียบสิวะ”
   “มึงโวยวายไปแล้วมึงได้อะไรเค้าจะรับรู้กับมึงไหมรึมันทำให้มึงรู้สึกดีขึ้น”
   “มันรู้รึไม่รู้ก็ช่างมัน ทำตัวเหี้ยๆ ไอ้พวกนี้โดนตีนกูเข้าไปมันถึงจะสำนึก”
   “นักเลงใหญ่โตแล้วนะเราน่ะ” ผมชักสีหน้าไม่พอใจ
   “โอเคๆ กูไม่ว่ามันล่ะคิดเสียว่ามันรีบไปงานศพแม่มัน” (โอ้โห้ ขนาดไม่ว่านะเนี้ย มึงยังแช่งให้แม่มันตาย)
   “เมื่อกี้ยังบอกกูยิกๆ ไม่ให้พูดไทยคำอังกฤษคำ” ผมพูดยิ้มๆ มันจะได้ลดความเครียด
   “อื้ม ตกลงสิ กูไม่ว่ามันล่ะ” ไอ้ปอหันมาพูดยิ้มๆ
   กลับถึงบ้านผมตรงดิ่งอาบน้ำ ลงมากินข้าว กินยา แล้วนั่งอ่านหนังสือเล่นห่มผ้าอย่างหนา
   “ไม่สบายเค้าไม่ให้อ่านหนังสือ รู้ไหม นอนซะ” ไอ้ปอเดินมาหยิบหนังสือที่มือผมออกไป
   “ไม่ได้อ่านจริงจังปออ่านผ่านตาเฉยๆ”
   “ผ่านตาก็ไม่ได้สมองมันไม่ได้พักผ่อน” ไอ้ปอเดินมาที่เตียงกอดผ้าห่มที่คลุมตัวผม
   “ครับ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปอ”
   “ไม่เอา กูไม่อยากเป็น ให้เมียเป็นดีกว่า ศาสตราจารย์ นางแพทย์ ที”
   “ไอ้เหี้ยปอ ยศนี้มีแต่มึงแหละแต่งตั้งนางแพทย์”
…………………………………………

   “ปอหิวน้ำ …ปออยากดูทีวี …ปอเมื่อยขาเดินมาทั้งวัน(และอีกหลายๆปอ)” เวลาผมไม่สบายไอ้ปอมันดีเว้ยมันจะไม่เถียงผม ทำตามทุกอย่าง (ดีมากไอ้น้อง)แต่พอหายป่วยเมื่อไหร่ มึงเอ้ยไม่ครบ12ยกเป็นไม่ยอมกัน ไม่มีแพ้น๊อกด้วยนะ
   ระหว่างที่ทาสปอกำลังนวดขาให้เจ้าคุณทีอยู่นั้น สายตาก็ไปสะดุดทรงผมเกาหลี(อีกแล้ว)
   “กวนมึนโวยผมยาวแล้วมั้ง” ฉายาเกาหลีไอ้ปอครับ เพราะมันเป็นคนกวนตีน ชอบทำหน้ามึน และจอมโวยวาย
   “ไรทีมายุ่งไรก็ผมกู” มันพูดแบบเคืองๆด้วยนะ
   “ให้โอกาสพูดใหม่”
   “อย่ามายุ่งกับผม ผมเลยคร๊าบบบบ”
   “ไม่ได้ยุ่งแค่เสือก55แล้วแต่ไม่ได้ว่ากัน แค่บอกว่าตอนผมสั้นมันดูดีกว่าผมยาว”
   “ไรวะ สั้นดีกว่ายาวมีที่ไหนทั้งใหญ่ทั้งยาวน่ะสิดีเอิ๊กๆ”
   “พูดได้ดีอย่าเผลอนะมึงเดี๋ยวกูจะจับเฉือนให้หมดเลย”
   “จะอึ๋ย”
   “เห้ยๆๆ กูลืมเอาข้าวให้หมากิน กูบอกแม่จะเอาให้กินเอง” ผมลุกออกจาเตียงเดินลงไปข้างล่าง ให้กินเสร็จก็ขึ้นมานอนบนเตียง
   “ที มุมปากเป็นอะไร” ไอ้ปอทัก
   “ไหน เอากระจกมาดูดิ”
   “มันเป็นสิว มากูบีบให้” มันเขยิบตัวมาติดผม
   “ไม่ใช่มั้ง หน้ากูไม่มีสิว” ผมขมวดคิ้วน่าสงสัยยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับหน้าตัวเอง
   “เออน่า มึงจะมองเห็นอะไรล่ะ มานี่กูบีบให้” ไอ้ปอไม่รอให้ผมยื่นอุทรณ์ มันจับปากผมแล้วบีบอย่างเอาเป็นเอาตาย
   “อ๊ากกกกก” ผมร้อง คงเคยใช่ไหม โดนมดกัดที่ปาดนิดเดียวยังเจ็บไปทั้งวันรึเป็นแผลในปาก เจ็บแป๊บ เพราะเส้นประสาทรับรู้ความเจ็บปวดมันเยอะผมพูดไม่ได้ได้แต่กำมือกับที่นอน
   “ยังไม่ออกวะ” ไอ้ปอพูดพร้อมเร่งบีบหนักขึ้น
   “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก” ผมร้องมือขยุ้มหลังไอ้ปอ น้ำตาพลางไหลออกมาอัตโนมัติ
   “เออออๆ พอก็พอ มันไม่ออกนะ” ไอ้ปอพูด น้ำตาผมมันยังไหลอยู่เลย ห้ามก็ไม่ได้
   “ไรวะแค่นี้ก็ร้องไห้”
   “ให้กูบีบปากมึงดูไหมล่ะ” ผมเดินไปส่องกระจก เหงื่อแตกซิกเลย
   “555” ไอ้ปอหัวเราะ เพราะน้ำตาผมมันยังไหลอยู่เลย
   “ไอ้ปอ ไอ้เหี้ย มันไม่ใช่สิวมันเป็นตุ่มแดงยุงกัดกู” ผมพูดอย่างเคือง
   “อ้าวเหรอ กูนึกว่าสิว”
   “มึงไม่ต้องเลย แทนที่พรุ่งนี้มันจะยุบ กลับต้องมาช้ำมัวหมองเพราะมึงขืนใจมัน”
   “โห้ที เว่อร์ไปป่าว พูดซะหาว่ากูข่มขืนเลยเหรอวะ”
   “ไม่ข่มขืนได้ไง กูอนุญาติให้มึงบีบรึไงอยู่ๆก็ล่วงละเมิดทางปากกู”
   “555 กูนึกว่ามึงยินยอม”
   “ยินยอมไร ก็ดิ้นขนาดนั้น…” ผมเดินไปนอนที่เตียง
   “โกรธกูเหรอทีปอขอโทษนะครับบบบ”ไอ้ปอทำเสียงอ้อน มาโอบกอดผม
   “โกรธยุงตัวนั้นต่างหากมันเป็นต้นเรื่อง”
   “ไหนดูสิ”ไอ้ปอจับปากผมเชิดขึ้น
   “แดงเลย เจ็บไหม” มันพูดผมไม่ทันจะตอบ มันก็จูบปากผม

ปิดไฟก่อนเดี๋ยวคนอ่านเห็น 55555เดี๋ยวมาต่อตอนหน้านะครับบบบบ
ปล. มาต่อแต่ไม่รู้ว่าจะต่อสถานการณ์เดิมรึป่าวนะ เอิ๊กๆๆๆเดี๋ยวเสียเด็กหมด (พูดไปไอ้ทีให้คนอื่นคิด จริงๆไม่มีไรหรอก ปิดไฟแล้วนอน ป่วยอยู่นะเว้ยยยย)

kangped โพสต์ 2020-6-5 13:36:48

ขอบคุณครับ

Bankcare10 โพสต์ 2020-6-5 14:07:21

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2020-6-5 15:21:02

ขอบคุณครับ

Homealone โพสต์ 2020-6-5 21:01:41

ขอบคุณมากคับ

napapadon1 โพสต์ 2020-6-5 21:48:11


ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ช่วยด้วย! ผมได้แฟน ไอ้เด็กช่างยนต์ ตอนที่ 40 Thank you(ลงใหม่)