Hyourinmaru14 โพสต์ 2020-6-8 16:47:01

ช่วยด้วย! ผมได้แฟน ไอ้เด็กช่างยนต์ ตอนที่ 62 ปอ ปาล์ม

04-09-2560
ทักทาย สวัสดีในช่วงกลางปีค่อนไปทางปลายปีครับ (จะเจอกันปีละครั้งจริงหรืออออ) เป็นไปได้อยากจะอัพทุกวัน (เฟ้อเจ้อล่ะไอ้ที) แต่ชีวิตไม่สิ้นต้องดิ้นต่อไป (เกี่ยวมั้ย 555) ภาระเรียนรุมเร้า อีกด่านที่ทดสอบกำลังกายใจ สังคม และจิตวิญญาณ (มาเป็นองค์รวมเลย) ทีเดียว ช่วงนี้ผ่านมาได้ก็ทุ่มให้กับงาน ตามกำลังความรู้ที่เค้าอุส่าส่งเสียให้เรียน... เล่ามากไปก็จะดราม่าเป็นวงจรชีวิตวิถีทางโลก ....
   ขอบคุณคอมเม้นต์ต่างๆ นานา ผมอ่านหมดนะครับ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้สุ่มมาตอบเหมือนทุกครั้ง (ด้วยเวลาจำกัด) มีทั้งให้กำลังใจ และให้คำแนะนำรับไว้หมด และขอให้กำลังใจทุกๆท่าน ผู้อ่านอันเป็นที่รักเช่นกัน....สู้กันต่อไปทุกท่าน 555สำหรับชีวิตชีวาเรื่องความรักไม่มี (เลยไม่รู้จะเล่าอะไรเลยทีนี้) ดวงงานรุมเร้า ดวงความรักอับโชค (หมอทีทำนายเอง) เป็นอย่างงั้นจริง ๆ ชีวิตจึงดำเนินอย่างราบเรียบ ถ้าจะอัพเดทเจ้าปอก็มีบ้างเล็กน้อย ได้ว่า….
   เจ้าทีน้อย (ลูกไอ้ปอ) ก็กำลังน่าฟัดจริงๆ ตอนนี้เข้าเนอสเซอรี่ ไอ้ปอเลยมาปรึกษาว่าพ่อ แม่จะขอให้เป็นลูกบุญธรรม โดยยกเจ้าทีน้อยเป็นลูกพ่อกับแม่ แล้วให้เรียกไอ้ปอว่าพี่
   “มึงว่าไงที พ่อแม่กูบอกยังงี้” ไอ้ปอถามผม
   “เค้าคงเห็นศักยภาพมึงจะเลี้ยงลูกไม่รอด และคิดถึงอนาคตมึงหากมีครอบครัวใหม่ ทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับเค้า ขึ้นอยู่กับมึงล้วนๆ ถ้ามึงเปลี่ยนตัวเองให้เป็นพ่อคน มีความรับผิดชอบกูสนับสนุนให้มึงเป็นชื่อพ่อ แต่ถ้ามึงทำตัวแบบนี้อยู่ ยกให้พ่อแม่ไป นั่นจะดีกว่า” ผมตอบ
   อ้อๆ เล่าเลยสถานการณ์ระหว่างพ่อแม่วัยรุ่นคู่นี้คือ ไอ้ปอกับเมียมันเลิกกันแล้ว และพ่อแม่ไอ้ปอรับหลานมาเลี้ยง โดยดูฝ่ายหญิงแล้วไม่น่าจะเลี้ยงได้ซึ่งก็เป็นไปตามฝ่ายหญิงอยู่แล้วที่จะไม่รับเด็ก ที่บ้านไอ้ปอเลยให้ตังค์ไป แต่ผมไม่ได้ถามรายละเอียดเท่าไหร่ ซึ่งก็เลิกกันมาปีกว่า ๆ แล้ว หลังจากนั้นเลยมาคุยกัน ว่าจะให้ทีน้อยเป็นลูกใคร
   ผมบอกไอ้ปอต่อว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรมีลูกควรเลี้ยงเอง มันจะผูกพัน ถึงแม้ว่ารอบข้างมึงจะเป็นหลักที่ดีให้ได้ แต่เค้าควรเป็นฝ่ายสนับสนุนไม่ใช่หลัก บทบาทของคนเป็นพ่อถึงแม้จะเลี้ยงคนเดียว มึงต้องเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ อยู่ด้วยและใกล้ชิดให้มากที่สุด สำหรับพ่อแม่มึงก็ให้เป็นปู่ ย่าตามสิ่งที่จะเป็น นี่คือคำแนะนำของกู แต่มึงต้องปรับตัวเองเป็นพ่อคนก่อน”
    ผมก็แอบติดตามมันอยู่เรื่อยๆว่าจะเปลี่ยนแปลงไหม (แอบถามป่านบ้าง เป็นหนุ่มหล่อสูงชะลูดละ ถามแป้งบ้าง บางทีกลับชลแอบไปดูที่เนอสเซอรี่บ้าง ครั้งหนึ่งเห็นไอ้ปอไปรับลูก มันผิดไปจากเดิมมาก มันอุ้มลูกออกจากห้องเด็กเล็ก (สงสัยเพิ่งตื่น ทีน้อยขี้เกียจเดิน หน้างอปะแป้งเต็มเลย 555) พร้อมหอบหิ้วกระเป๋า ขวดน้ำของทีน้อยแต่ที่ไม่เปลี่ยนก็ยังพาแว้นเหมือนเดิม ผมรู้สึกอิ่มใจ น้ำตาซึมๆ เหมือนกันนะ (มึงก็พยายามทำหน้าที่เต็มที่สินะ..คงได้ประสบการณ์จากเลี้ยงป่านมาบ้าง)
   “ปอ ลูกมึงกำลังเรียนใช้ตังค์ จะเอาเอทีเอ็มไปให้นะ” ผมไลน์บอก (จำได้ไหมท่านผู้อ่าน ตั้งแต่สมัยไหนมันฝากผมไว้ ผมว่าน่าจะหลายแสนล่ะ ฝากตลอดไม่เคยมาเอาไปถอน ให้ไปหลายครั้งก็ไม่เอาคืน)
   “เอาไว้นั่นแหระ เรียนมหาลัยกูจะส่งไปอยู่กับมึง มึงเอาไว้เลี้ยงมันต่อ” ไอ้ปอตอบกลับ
   “มันนานไป มึงต้องใช้จ่าย เอาไปใช้ก่อน เงินมึง” ผมตอบกลับ ไอ้ปอก็ส่งสติกเกอร์มาให้ ประมาณตัวกวนๆ ตีน …สุดท้ายมันก็ยังไม่รับคืน
   ผมกลับบ้านเดือนละครั้ง ก็จะไปบ้านไอ้ปอบ้าง เอาของเล่นไปให้เด็กทั้งทีน้อย ทั้งป่าน ป่านก็จะติดผมเช่นเดิม แต่อยู่ไม่ค่อยติดบ้านล่ะ หนุ่มน้อยเริ่มติดเพื่อน ชอบไปทางดนตรี เล่นกีต้าร์ แต่งเพลงตัวเอง อะไรไปทางนั้น แต่ถ้าได้ยินว่าผมจะมา ป่านก็จะอยู่เสมอ (น้าคงอาบน้ำให้ อุ้มห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวไม่ได้อีกแล้วสินะ 555) ตัวโตเป็นหนุ่มน้อยแต่นิสัยยังเด็กอยู่เลย
   ไอ้ปอก็นิสัยโตขึ้น ไม่ดื้อมึนมากเหมือนเมื่อก่อน..แต่ก็ยังคงไม่ฟังใครเท่าไหร่ถ้ามีคนมาบอกให้ทำนั้นนี่ มันจะไม่ทำ มันต้องทำเองเมื่ออยากทำ ..ไอ้ปอจะไลน์มาหาผมทุกวัน (นอกจากมันเมา) เดาได้เลยเพราะมันมักจะเป็นเย็นๆก่อนวันหยุด ประมาณว่าโทรมาและคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง (เมาแล้วมีความกล้า ท้าทายอำนาจมืดกูนะมึง)
   ความรู้สึกต่อไอ้ปอ มันมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน แต่ไม่ใช่กิ๊กนะ ก็เข้าใจและรู้ทุกประเด็นแม้มันจะไม่พูดก็ตาม เรียกว่าไรดี ไม่รู้ 5555 มันก็ยังคงชอบชวนผมไปเที่ยวเสมอ มีครั้งหนึ่งเมื่อผมมีความเครียด (เครียดเป็นนะ แต่ไม่แสดงออก 555) มันเคยแว้นมอไซต์พาผมขี่ไปเรื่อยๆ ไปจนถึงสระแก้ว (แม่เจ้า!!!) จะออกชายแดนอยู่ละ ไปค้างคืนอุทยาน ..คือไปแบบไม่ได้เตรียมตัวค้างคืนแต่ถ้ากลับมาคงถึงดึก
   “ชีวิตไม่ต้องวางแผนทุกเรื่องที ปล่อยให้มันไปตามธรรมชาติที่มันจะเกิด มึงจะรู้สึกตื่นเต้นไปเอง” ไอ้ปอมันบอกผมไว้ ...ก็อาจจะจริง ถ้าเราวางแผนไว้ เสมือนเรารู้ล้วงหน้าสิ่งที่จะเกิด เมื่อเกิดแบบนั้นขึ้นจริงก็คงไม่ตื่นเต้น เพราะเราจินตนาการการเกิดนั้นไปแล้ว (ล้ำลึกๆ ปรมาจารย์ปอ)
   มันพาผมไปซื้อเสื้อผ้าโรงเกลือ (เออแปลกตาดี เสื้อกีฬาสวยๆ ราคาถูกทั้งนั้น ได้มาคนละสองชุด (ว่าแต่มึงจะเลือกชุดและสีเหมือนกูทำไม จะไปเล่นกีฬาชายคู่รึไง)
   บรรยากาศเงียบมากกกกก ได้ยินเสียงลมพัดใบไม้เลยทีเดียว อากาศดีสุดๆ เช้าๆ เดินเล่นรอบๆจนเย็นๆ จมูก อากาศชื้นสดชื่นมาก มีผีเสื้อ สัตว์ป่าหากิน ชีวิตโคตรฟิน(เอ่อ ต้องเล่ามั้ยผ่านกลางคืนมาได้ไง 5555)
    เล่าย้อน หลายคนอาจติดใจ เมื่อคืนนอนกันท่าไหน ไม่มีไรนะ ห้องนั้นมันมีสองเตียงก็นอนคนละเตียง ด้วยความเพลียแดดช่วงกลางวันก็หลับไปอย่างง่าย (ไม่ได้แอบหลับเพื่อให้คนมาลักหลับนะ..ไอ้คนจะลักหลับ สลบก่อนผมอีก มันคงเพลีย)
   “กูหลับเป็นตายเลยทีเมื่อคืน” ไอ้ปอบอกผมตอนเช้า
   “ไม่บอกล่วงหน้า กูจะได้ติดต่อวัดแถวนี้ไว้” ผมบอกมัน
   “ปากดีนะมึง กูทิ้งมึงไว้นี้ดูสิจะกลับไง รถประจำทางไม่มีนะเว้ย”
   “หน้าตากูเป็นมิตร โบกรถคนอื่นกลับก็ได้”
   “ใครจะทิ้งได้ละเมียจ๋า” มันพูด ยื่นปากมาใกล้ๆ
   “เดี๋ยวๆ มึงจะโดนถีบ”ผมค้อนมัน
   ที่นี้ไม่มีอาหารเช้าให้ สายๆจึงต้องเก็บสัมภาระและโบกมือลาอุทยาน (ไปเที่ยวได้นะ สระแก้วเมืองสงบ)
   มุ่งหน้าไปเรื่อยไม่มีแผนการ เจอร้านอาหารข้างทางจอดแวะกิน เน้นอาหารพื้นบ้าน อาหารป่าทั้งนั้น 555 กินสิครับรออะไร ไปแบบนี้ต้องถอดสละตัวตนออก ไม่ใช่ไปเรียกร้องหาอาหารเมือง ไม่งั้นจะพลาดโอกาสงามเราไปตามป้ายเที่ยวในละแวกนั้น มีปราสาท (เอาเหอะจำชื่อไม่ได้จริงๆ ภาษาไปทางเพื่อนบ้านหมด เที่ยวละลุ น้ำตก (ร่างกายกูไม่ป่วยหนิ ก็เก่งมากแล้วล่ะ) เดินละลุอย่างร้อน มาเล่นน้ำตกอย่างเย็น ดีนะได้ชุดจากโรงเกลือมาเปลี่ยน ...คนน้อยมาก เป็นโอกาสดีในการเที่ยวธรรมชาติ ...หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ ขับมาเรื่อยๆ เพราะผมตั้งเงื่อนไขตั้งแต่ต้น ถ้าขี่มอไซต์จะต้องขับไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 555 สรุปใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนท้องถนน
   เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่เคยทำ ก็สนุกดี เป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ ทริปนี้ไม่ค่อยได้คุยกัน (แน่นอนอยู่บนท้องถนน ใส่หมวกกันน๊อคตลอด 555) แต่มันก็รู้สึกจูนความรู้สึกกันได้ดีขึ้น อาจจะด้วยโตๆแล้ว ไม่ง่องแง่งเหมือนก่อน
   นอกกรอบไปสักพักก็ต้องกลับเข้ากรุงตามวิถีตามเดิม...

...ในวันหนึ่งเพื่อนทำงานที่ขอนแก่นโทรมาจะมาธุระและเที่ยวในกทม. และตรงกับวันเกิดเพื่อนพอดี เลยต้องฉลองกันเล็กน้อย ที่เกิดมาแล้วทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน (นินทามันได้เพราะมันไม่รู้ 555)
    “มึงมากรุงเทพ กูจะพามึงไปเลี้ยงรึมึงพากูไปวะ” ผมพูดขึ้นหลังจากฟังมันสาธยายที่มันอยากจะไป เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนเรียนสมัยมัธยมที่ชลด้วยกัน พอเข้ามหาวิทยาลัยผมเข้ามาเรียนกรุงเทพ เพื่อนไปเรียนอีกม.ที่ตจว. แต่มันเจนจัดในกรุงเทพยิ่งนัก เพราะมัธยมปลายมันมาติวในกรุงเทพเป็นว่าเล่น ผมก็แถวๆ ตึกน้ำที่ชล .... สถานที่มันจะพาผมไปคือ ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ชักชวนเพื่อนๆ กันไปหลายคน
   ตั้งแต่จำความได้ไอ้ทีเคยมานับครั้งได้ ไม่ค่อยชอบเสียงดัง แต่อย่างว่าจะเอาเราเป็นเกณฑ์ตั้งก็ไม่ได้ ไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล สิ่งที่เราไม่ชอบใช่ว่ามันจะไม่ดี นานๆทีมาไอ้ทีก็จัดตามนั้น ..มาผับนุ่งขาวห่มขาวก็ไม่ควร 555+
    ถึงวันเวลานัดหมายไอ้ทีก็ไปรับเพื่อนโรงแรมตรงข้ามสนามบิน (กูพลขับมึงรึไง) คือแบบมันกะเมานอนโรงแรม ตื่นมาอีกวันหอบเสื้อผ้าเดินขึ้นเครื่องทั้งชุดนั้นได้เลย 5555
    แต่ก็นะ แหล่งท่องเที่ยวที่มันจะมาคือ ย่านใจกลางเมือง (มึงไม่นั่งรถมาฟะ กูเหมือนขับย้อนไปย้อนมา) แต่เอาใจมันหน่อยจะหาว่าเป็นเจ้าบ้านที่ไม่ดี (กูไปขอนแก่นมึงเอาพรหมแดงมาปูให้กูเดินเลยนะ)
    ถึงผับก็สนุกดีนะ ผมไม่ดื่มเท่าไหร่กลัวโดนด่านแอลกอฮอล์ ซึ่งมีอยู่แล้วกลับดึกๆ ที่จะไปส่งเพื่อน ในผับไอ้ทีก็ออกสเตปเบาๆ แบบเมาน้ำเปล่า อิจฉาไอ้พวกเพื่อน 3 คน กินเหล้ากินเบียร์กัน ซึ่งนานๆที ไอ้ทีก็อยากมีโมเม้นต์นั้นนะ กรึมๆจะทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน
    “คลึ๊ดดดดดดๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ผมสั่น เอาออกมาดู (ห๊า แม่ครับ ทำไมโทรมายามนี้ มันเป็นสถานที่ไม่ค่อยจะดีน๊า) ผมเดินออกไปหลบโทร นอกอาคาร จริงๆแล้วแม่ผมให้อิสระการกระทำหมดแหระ ก็ไม่ได้ว่าไรหรอก แต่ก็เกรงใจ
    “มาเลี้ยงเพื่อนครับ เพื่อนมาจากตจว. เสียงดังหน่อยนะแม่” ผมโทรบอกแม่
    “ลูกเพิ่งเป็นวัยรุ่นเหรอ” แม่ผมตอบมาขำๆ
    “555 ในรอบสิบปีที่น่าจะจำความได้ครับ” ผมโทรคุยกับแม่ตามปกติ ไม่มีอะไรมาก คุยเป๊ปเดียวแม่ผมเกรงใจเพื่อนด้วยนะ บอกให้รีบไปสนุกกับเพื่อนเดี๋ยวจะคุยนาน
    ผมวางสาย เพิ่งจะรู้ตัวว่ามานั่งคุยในซุ้มศาลาด้านนอกอาคาร ยิ่งไปกว่านั้นมีคนนึงอยู่ข้างศาลายื่นติดกับเสา (ศาลาไม้ที่เค้าทำเป็นที่นั่งสูบบุหรี่น่ะ...มิน่าละได้กลิ่นบุหรี่) สายตามองพลางไปเห็นป้ายเขียนที่สูบบุหรี่ (ตายละกรูมานั่งทับที่เค้า) ผมพลางยิ้ม (แบบเขินๆ) ก้มหน้าพยักให้ (เชิงขอโทษทีคร๊าบบบบบ)
    “ชื่อไรครับ” เจ้าของเงาตะคุ่มๆ ถามผม (จะตอบชื่อรึฉายาวะกรู)
   “ทีครับ” ผมตอบ
   “ดูเป็นคนดีมากนะครับ ผมปาล์ม” เจ้าของเสียงขยี้บุหรี่ลงถาดเก็บ แล้วเดินอ้อมมาบนศาลา
   “ดูยังไงครับว่าดี 555” (ก็กรูสงสัย)
   “ดูหน้า ดูการพูดจา เพิ่งเคยมาเหรอครับ” ปาล์มถาม
    “ไม่ค่อยว่างครับ เพื่อนมาจากตจว.เลยมาเลี้ยง” (จำเป็นไหมที่ต้องบอกความจริงขนาดนี้ ...ทีมึงอย่าเปิดเผยอะไรมากสิ ในสถานที่แบบนี้คนมีหลากหลาย)
    มองหน้า รูปร่างด้วยแสงมากขึ้น หลังจากต้นเสียงออกมาจากเสาตะคุ่มๆ รู้ได้ว่าน่าจะอายุอานามรุ่นน้อง รูปร่างพอๆกับผม หน้าตาออกคมเข้มผิวแทน เหมือนคนทางใต้ (มึงมองขนาดนั้นเป็นชั่วโมงเลยมั้ย...ป่าวนะมองแวปเดียว มาพรรณนามเอา เป็นคนมองไว 555)
    “โทษนะนายเป็นรุ่นเพื่อนรึพี่ผม” ไอ้ปาล์มถาม (เห้ยยย กูแก่แล้วนะเฟ้ย)
   “ผม 30 ละ” ผมตอบ (30 ยังแจ๋วนะเฟ้ยยยย หุ่นเปี๊ยะกว่าเดิม เพิ่มเติมคือกล้ามหน้าอก (เล็กๆ) 55)
   “ห่ะ จริงดิ เป็นพี่ผม 7 ปีเลยนะ” (7ปีเลยเหรอ เล่นใหญ่ซะกูแก่มากเลย)
   “555” ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเดินออกจากศาลาไป
    “พี่ พี่นั่งโต๊ะไหนผมไปคุยด้วย” เสียงร้องตามหลังมา (เอ๊ะ ยังไง) ผมหยุดแล้วมองกลับมา
   “ทำไมเหรอครับ พี่มากับเพื่อนหลายคน” ด้วยความสงสัยบวกกับป้องกันตัว (กูมาหลายคน มรึงจะหาเรื่องเหรอ)
   “ไปคุยด้วยเฉยๆพี่ ผมเห็นว่าพี่เฟรนรี่ คุยดี” ปาล์มตอบกลับมา
   “ไม่สะดวกมั้งครับ 555 ถ้ายังไม่ชินพี่ก็ไม่รู้จะคุยอะไร” (มันเป็นข้ออ้าง คือแบบว่าไปนั่งแล้วไม่รู้จะแนะนำกะเพื่อนยังไง ไม่รู้จักกันมาก่อน)
   “ไม่เป็นไรครับ” ปาล์มพูด จากนั้นผมก็เดินเข้าไปในอาคารเลย
   ผมก็สนุกกับเพื่อนตามปกติต่อไป (เมาน้ำเปล่าเช่นเคย) ขณะออกสเตรปโยกเบาๆ หน้าเวทีในเพลงร๊อค (แกไม่เบาเลยนะไอ้ที...นิดๆหน่อยๆ สิบปีครั้งน๊า 555) ก็พอจะรู้สึกว่ามีคนข้างๆ มาเต้นเบียดเกินไปนะ
   “สนุกด้วยคนครับ” หือออไอ้ปาล์มคนเดิม พร้อมถือแก้วเบียร์ส่งมาให้ผม
   “ไม่ดื่มครับ ผมขับรถ” ผมตอบ
   “ไม่เป็นไร” มันซดคนเดียวเลยคร๊าบบบบ
   ระหว่างที่เต้นปาล์มถามผมว่า “พี่ชอบดูหนังไหม” (ห๊า จะมาชวนไปดูตอนนี้เหรอ บ้าไปแล้ว)
   “อืมมม ก็ดูบางเรื่อง แต่ไม่ใช่คอหนังติดตามอะไรเป็นพิเศษ” ผมตอบ
   “ผมอยู่ใกล้ๆ พี่ได้กลิ่นบุหรี่ผมป่าว พี่เหม็นมั้ย” ปาล์มพูดผมก็เพิ่งได้มองหน้าชัดๆ (ไอ้ปาล์มดัดฟันด้วยแหะ...ก็เป็นคนดูดีนะ (กูเมาป่าววะ) แต่เสียตรงสูบบุหรี่นี่แหระ)
   “ได้กลิ่นนะ” ผมตอบ (ตรงไปไหม 555) เออ ไม่ทราบว่าจะมาเต้นรึมาคุยกัน
   เพลงจบลงผมก็เดินกลับโต๊ะ แต่ปาล์มยังคงเต้นต่อไป ผมก็เกร็งๆไม่กล้าลงไปล่ะ ไม่รู้ว่ามาคุยด้วยเหตุผลอะไร เลยเลี่ยงที่จะลงไปร่วม ได้แต่นั่งโยกตัวเบาๆอยู่กับโต๊ะ
   เชิงพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบไปเรื่อยกับเพื่อน สักพักเริ่มปวดฉี่ ผมเดินเข้าห้องน้ำ ระหว่างเดินเข้าห้องน้ำ ผมก็เดินแบบก้มหน้าหน่อยๆ ไม่ได้มองใครเท่าไหร่ แต่ผมรู้ถึงแรงกระแทกที่ไหล่
   “ขอโทษๆครับ” ผมรีบขอโทษก่อน เพราะไม่รู้ผมไปชนไหล่ใคร รึใครมาชนกันแน่ แต่ไม่อยากเป็นเรื่อง
   “พี่ๆ ผมขอโทษผมไม่ได้มอง” เสียงคุ้นๆ (อ่า!!! บังเอิญรึว่าตั้งใจ)
   “เดี๋ยวรอแป๊ปนะ เข้าห้องน้ำก่อน” (ฉี่ก่อนแล้วค่อยมาเคลียร์) หลังจากที่ผมฉี่เสร็จ เดินออกมาหน้าห้องน้ำ (เอ่อมึงก็เชื่อกูเนอะ) เห็นไอ้ปาล์มยังรออยู่หน้าห้องน้ำ
“พี่มีไร ให้ผมรอ รึกลัว 555” มันขำๆ
   “(กูจะเริ่มพูดยังไง อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ทำไปต้องการอะไร) เอ่อ ไปคุยกันศาลาได้นะ” ผมตอบ (ขอเวลาคิดคำพูดก่อน)
   “ดีเหมือนกัน ผมอยากดูดบุหรี่” ไอ้ปาล์มตอบ
   หลังจากที่มาถึงศาลาคนเศร้า 555 “พี่ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่พี่ว่าเหตุการณ์ที่เราเจอกันมันไม่ค่อยปกติ ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่า” โหมดจริงจัง
   “ก็ไม่ไรนิพี่ ก็ปกตินะ” มันพูดพลางเอาบุหรี่มาจุดสูบ ผมมองเล็กน้อย “พี่เหม็นมั้ย” ปาล์มถามต่อ
   “เหม็น” ผมก็ตอบตรงๆ หลังจากที่พูดจบไอ้ปาล์มจากที่จะสูบบุหรี่เลยเอาหมากฝรั่งมาเคี้ยว“อ้อครับ พี่คิดว่าปาล์มจะมาหาเรื่องพี่ซะอีก 555” ผมพูดต่อหลังจากเห็นสีหน้าปาล์มดูยิ้มแย้ม พูดเหมือนเราเป็นเพื่อนกัน (กะว่าจะมาถามซะหน่อย มีสาเหตุป่าวที่จะหาเรื่อง)
   “ผมขอไลน์พี่หน่อย ไว้คุยกันได้ เผื่อชวนกันไปเที่ยว” ปาล์มบอกผม
   “ผมไม่ค่อยเที่ยวนะ นานๆมาทีมาก” ผมตอบ (ใช้ทั้งผมและพี่สลับไปมา มันไม่ชิน 555)
   “ไม่เป็นไร กินข้าว ดูหนังได้ ชอบดูป่าว” ปาล์มถาม
   “นานๆทีอีกแหระ” ผมตอบ
   “เออ พี่แปลกดี” (ชมกรูวะ) ปาล์มยื่นโทรศัพท์ให้ผมใส่ไอดี (ให้ก็ได้ ก็ไม่น่าเสียหาย ก็คงไม่ได้มาแบบนี้อีกหรอก) ผมกดให้ จากนั้นก็กลับมาหาเพื่อน
   เมื่อผับปิด (ไม่ปิดไม่เลิก) ตามสเตปที่ได้ตั้งไว้ เพื่อนแต่ละคนหมดสภาพ ผมหนิต้องลากมันกลับ ไปส่งแต่ละคน ซึ่งพี่ตำรวจก็ห่วงในประชาชนดีเหลือเกิน เจอ 3 ด่าน (ตามคาดหมาย) มีด่านนึงให้ผมเป่าแอลกอฮอล์ด้วย (ขึ้นก็ผีหลอกล่ะ) แต่ผมหนิต้องลงรถไปเป่าเลย ตำรวจคงงง ไม่ลงได้ไง เปิดกระจกเป่ามีหวังกลิ่นไอ้พวกนี้เข้าเครื่องเป่าหมด เปิดมาฟุ้งเลยทีเดียว
   สิ้นสุดการพาบรรดาเพื่อนๆ เที่ยว ไม่รู้ใครพาใครเที่ยว 555 กลับถึงห้องอาบน้ำ สลบครับ
   หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ได้..........
   “พี่ว่างไหม ไปดูหนังกัน” ไลน์ผมเด้งขึ้นมา (ไอ้ปาล์ม)
   “ไม่ว่างเลยครับ” ผมตอบกลับ
   “กินข้าวก็ได้พี่ อย่าบอกนะไม่กินข้าว” ไอ้ปาล์มถาม (ไม่กินครับ พี่แดกเอา ..เพราะรีบยัดแล้วรีบเสร็จ)
   “พี่ไม่ค่อยว่าง พี่กินแถวที่ทำงาน” ผมตอบกลับ ไอ้ปาล์มส่งสติกเกอร์เศร้ามา
   “ผมเบื่ออยู่ห้อง ไปกินข้าวแถวที่ทำงานพี่ได้มั้ย” (อ่ะ มีมาต่อ) (เอาไงๆดี)
   “วันอื่นได้มั้ย สะดวกค่อยนัดกัน”
   “ได้พี่ ผมแค่อยากหาเพื่อนคุย เพิ่งเลิกกับแฟน ไม่เป็นไรครับ” มาแนวดราม่า (แล้วกรูจะช่วยอะไรได้ ...อ่านแต่ยังไม่ตอบ คิดอยู่นานจนลืม ใกล้เลิกคิดขึ้นมาได้อีกที 555 ...เออๆ รับฟังอย่างเดียวก็ได้วะ...วันนี้อารมณ์ดี (พี่ไม่มีโมเม้นรักๆ เลิกๆกับแฟนมาหลายปีแล้วน้องเอ้ยยย))
   ในที่สุดก็นัดกัน แถวๆที่ทำงานผมแต่ไม่ใกล้มาก ยังไม่อยากให้รู้พิกัดที่แน่ชัด 555 กินข้าวเสร็จก็เดินเล่น (เอ่อ เลือกที่ดีมากสวนสาธารณะ) ส่วนผมก็ฟังๆ (ที่เล่ามาแกอกหักตอนไหนวะเนี้ย กูเริ่มงง) จะเล่าให้ฟังคราวๆ รายละเอียดมีดังนี้ (ทางการไปมั้ย)
    “หัวใจผมเต้นแรง ไม่ค่อยชิน ไม่ได้นัดเหมือนเพื่อนนัดกัน”ไอ้ปาล์มมันพูด (อ้าววว แล้วลิงที่ไหนละนัดกรูเอง)
   “อ้าวล่ะนัดทำไมล่ะครับ” ผมถาม
   “ผมก็.... อยากรู้ความรู้สึก เลยนัดดู นัดครั้งแรกของผมเลย.. ผมจะพูดมากหน่อยนะพี่ ผมเขิน” ปาล์มพูด จากนั้นผมก็ทำหน้าที่พยักหน้า รับฟังเรื่องราว
   ปาล์มอายุ 23 ปี บ้านเกิดจริงๆอยู่สงขลา (อ่ะ ทำไมซื้อหวยไม่ถูก (ก็ไม่เคยซื้อไง) ดูแล้วเหมือนทางใต้) แต่ครอบครัวมาอยู่นนท์ ตั้งแต่ปาล์มอายุได้ 9 ปี พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู เรียนในกรุงเทพตลอด เรียนมหาวิทยาลัยปี2 เกเร หยุดเรียนไปปีนึง ดังนั้นอายุ 23 แล้วยังไม่จบ ตอนนี้ก็เรียนอยู่
    อายุ 18-19 มาเรียนมหาลัย ในกรุงเทพมาเช่าหออยู่คนเดียว ไม่ได้ไป-กลับนนท์ ช่วงนั้นเกเรมาก เที่ยวทุกคืน แต่เที่ยวกินเหล้าเบียร์ สูบบุหรี่ ไม่ได้เที่ยวผู้หญิง
   มีแฟนมา 4 คน มีตั้งแต่ 16 ปี จนเข้ามหาลัย แต่คบแต่ละคน 2-3 เดือนก็เลิก เลยไม่อยากคบ มีคบคนหนึ่งสวย บ้านรวย เลยทุ่มให้ทำงานนอกเวลาแต่ไม่พอ ต้องพาไปกินข้าวที่ดีๆทุกวัน ใช้จ่ายเดือน 2-3 หมื่น ถ้าเดือนละหมื่นยังไหว (เห้ยยย สายเปย์นี่หว่า) แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด เลิกกันไป
   ตอนนี้มีเกย์มาชอบ ไปเที่ยวแล้วมาขอไลน์ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เลยให้ไลน์ไปนึกว่าจะชวนกันไปเที่ยวจะได้เพื่อนกลุ่มใหม่ แต่เกย์ทั้งกลุ่ม เค้าเสนอมาเยอะ แต่ไม่เคยตอบกลับ มีคนนึงไลน์มานาน ไลน์มาเรื่อยๆให้เดือนละ 2 หมื่น จะมัดจำด้วย หากได้กันครั้งแรกจะซื้อทองให้ แต่ก็ไม่ไปมันน่ากลัวเกินไป (สรุปเล่ามามีไรเกี่ยวกะกรูมั้ยนี่)
    “พี่ผมร้อน ผมตื่นเต้น จริงๆนะหัวใจเต้นแรงมาก” ปาล์มบอกผม (กรูไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย)
   “จะช๊อคเหรอ บอกก่อนได้นะ” ผมพูดขำๆ
   “จริงๆ นะพี่ ผมมือเย็นหมดล่ะ” พูดพลางเอามือมาจับมือผม (เห้ยยยย หลอกแต๊ะอั้งกูป่ะ)
   “เป็นไรหนิ มีโรคประจำตัวป่าว” ผมถามเริ่มกังวลนิดๆ เห็นสีหน้าปาล์มจริงจัง อาการก็แสดงจริงจัง มันกระดกกินน้ำบ่อยมาก ปาล์มเอามือออกจากผม
   “ป่าวๆ ผมตื่นเต้นเฉยๆ ผมไม่เคยนัดใคร ผมอาจจะพูดมากหน่อยนะพี่ ผมทำตัวไม่ค่อยถูก” (เออกูรู้ละมึงพูดมาก ...มาเนี้ยมึงพูดอย่างเดียว กูได้แค่ฟัง) จากนั้นปาล์มก็เล่าต่อ
   “ผมบอกกับพี่แบบแมนๆเลยนะ ผมเคยไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน กลุ่มผู้ชายทั้งหมด ไปค้างคืน ...เย็นๆตั้งวงกินเหล้าตั้งแต่เย็นถึงดึก เมามากอ่ะพี่ ...และถ้าผมเมาผมจะมีอารมณ์ตลอดเลย ผมเผลอไปจูบปากกับเพื่อนผู้ชาย มันคงเหมือนกัน ก็เมาได้ที่ แต่จูบเฉยๆ เป๊ปเดียวนะ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกดี แต่ก็ไม่มั่นใจผมเป็นเกย์ป่าว ผมเข้าไปอ่านในเวป เหมือนจะไม่ใช่ ถ้าให้ผมเอากับผู้ชายผมก็ไม่กล้า ผมชอบผู้หญิงนะพี่ แต่ครั้งนั้นผมจูบกับเพื่อนผมก็รู้สึกดี ผมเลยงงๆกับตัวเอง” เล่ามายาววนไปวนมา
   “ก็เป็นผู้ชายนั่นแหระ แค่อยากลอง ไม่ผิดหรอก ทุกวันนี้มีเยอะแยะ” ผมพยายามให้ผู้ชายกลับสู่เมือง ชะนีกลับสู่ป่า 555 เป็นในสิ่งที่ควรจะเป็นดีแล้ว ผมเป็นเกย์ก็ไม่ได้อยากให้ใครเป็นหรอก ถ้ามีความลังเลแบบนี้ก็ควรผลักดันให้เป็นตามเพศปกติ
   “ผมก็ว่าผมเป็นผู้ชายนะพี่ ก็ชอบผู้หญิงอยู่” ปาล์มพูด
   “ใช่ๆ นายเป็นผู้ชาย ...แล้วทำไมมาเปิดเผยให้พี่ฟัง” (เออ สงสัยแล้วมาเล่าให้กูฟังทำไม)
   “ผมว่าพี่เป็นคนดีนะ ใจดี” ปาล์มบอก
   “รู้ได้ไง” ผมถาม
   “ผมได้ยินพี่คุยโทรศัพท์กับที่บ้าน พี่ดูอบอุ่นดีนะ พูดน่ารัก สังเกตพี่อยู่กับเพื่อนเห็นพี่ใส่ใจเพื่อน ดูพี่เต้นด้วย เต้นพอดีๆ คงไม่ใช่คนแรง ผมเลยกล้าที่จะบอกและถามพี่” (เก็บทุกเม็ดไอ้นี่)
   “มันเป็นด้านเดียวที่เห็น ทุกคนมีหลายด้าน แต่จะแสดงด้านไหนออกให้ใครเห็นแค่นั้น พี่ไม่ใช่คนดีนักหรอก ทั่วไป” ผมพูด
   “ไม่นะ ผมก็พอมองคนออก เจอคนมาเยอะ ยิ่งในผับ มองตาแทบไม่ต้องพูด รู้เลยว่าต้องการไง”
   “เก่งแบบนี้ ไปเป็นหมอดูได้นะ 555”
   “ขำๆ ผมยิ่งตื่นเต้นอยู่ ผมนัดกับผู้ชายครั้งแรกไงเลยรู้สึกตื่นเต้น ไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมเลยอยากลองทำดูว่าจะรู้สึกยังไง”
   “แล้วรู้สึกยังไงล่ะ” ผมถาม
   “มีความสุขดีนะพี่ บอกไม่ถูก ผมตื่นเต้น” (ทำไมกูเฉยๆวะ รึกูกร้านโลกนี่ซะแล้ว)
   “เรื่องปกติที่ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำจะตื่นเต้นแต่ถ้าทำจนชินจะไม่มีอาการนั้น เป็นเรื่องธรรมดานะ” ผมบอก
   “พี่เป็นเกย์รึป่าว” ไอ้ปาล์มถาม ผมหนิอึ้งเลย (ตรงชิบหาย) จะบอกดีมั้ย...อื้มแต่บอกยังไงไปก็คงไม่มีผล เพราะเราไม่รู้จักกัน ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว
    ไอ้ปาล์มคงเห็นผมเงียบสักพักเลยพูดขึ้น “ผมถามดูเฉยๆนะพี่ เผื่อผมอยากรู้เกี่ยวกับเกย์จะได้ถาม ..ผมดูไม่ค่อยออกพี่เป็นผู้ชายรักครอบครัว คุณหนู ผู้ชายเรียบร้อย รึพี่เป็นเกย์ มันจะคล้ายๆกันแต่เกย์แบบจัดชุดใหญ่อันนั้นผมรู้ มาแบบเกย์กล้ามปู เกย์แต่งตัว”
   “ใช่ พี่เป็น” ผมตอบ แต่มีความรู้สึกหน้าชาๆ เล็กๆ เป็นการบอกครั้งแรกต่อหน้าคนอื่น แต่ผมก็คิดว่าถ้าไม่มีผลกับเราและยอมรับมันก็น่าจะดีกว่าที่จะไม่มีช่องทางที่จะระบายออก ไม่จำเป็นต้องปิดทุกคนแต่ก็ควรจะรู้ว่า ณ ตรงนี้ที่เราอยู่เรากำลังแสดงสถานะยังไงกับคนที่อยู่ต่อหน้า ฉะนั้นผมจึงยอมรับมันไป ขณะผมพูดผมก็ไม่ได้มองหน้าปาล์ม หาจุดโฟกัสเบลอๆ มองไปที่อื่น แต่ก็สังเกตเห็นปาล์มจิบน้ำอีกครั้ง
   “ผมตื่นเต้นมากกว่าเดิมอีกพี่...เหมือนเกย์ตามผมเยอะ แต่ผมไม่เล่นด้วย แต่ผมก็มาตามพี่ พี่จะปฏิเสธผมก็ได้นะ” (กำกวม พูดให้มันเข้าใจง่ายหน่อยสิ)
   “ปฏิเสธเรื่องไร ถ้าเรื่องคุยกัน พี่คุยได้หมดกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ขึ้นกับความสะดวกมากกว่า” ผมตอบ
   “ผมอยากจะลองคุยกับพี่สักพัก ผมอยากจะรู้ความรู้สึกตัวเอง”
   “ดีมากกกกก (ประชด) ที่เลือกพี่เป็นหนูทดลอง” ผมพูด
   “ไม่ใช่พี่ ผมว่าพี่เป็นคนโอเค ผมเลยอยากรู้จักกับพี่ด้วย”
   “พี่ไม่ปฏิเสธ แต่ก็จะไม่ค่อยว่าง นานๆทีเล่าพัฒนาการให้พี่ฟังได้นะ”
   “เดี๋ยวผมคุยไลน์นะ ถ้าพี่ว่างค่อยนัดเจอกัน” ปาล์มพูด ผมไม่ได้ตอบ ยิ้มให้เฉยๆ
   หลังจากนั้นก็กลับบ้านใครบ้านมัน ... กลับถึงห้องไอ้ปาล์มไลน์มาบอกว่า “เป็นวันที่มีความสุข” “ไหล่ผมชนไหล่พี่มันรู้สึกดีนะ”(เดินรอบสวนสาธารณะมีบางช่วงไหล่มันเบียดกันมั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ...รายละเอียดแกแน่นมาก)
   ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความแปลกๆ จึงได้มาเล่าเพื่อเป็นไดอารี่ไว้ ไม่ได้คิดไรมากกับเรื่องแบบนี้แล้ว (วัยทองล่ะมั้ง) ไม่พยายามที่จะค้นหาความรักที่มันอาจจะซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของโลก 555 มันอาจจะเพราะชินชาไปแล้ว จึงไม่มีความตื่นเต้นทางนี้ อยากทำเฉพาะส่วนของตัวเอง เป็นไปได้อยากจะกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามโรงพยาบาลเล็กๆ ทำให้ชาวบ้าน คนรากหญ้ามาโรงพยาบาลอย่างมีความสุข ไปไหนมาไหนรู้จักทักทายกัน เสมือนญาติทั้งชุมชน ประสบการณ์เหล่านี้เคยพบเจอเมื่อกาลครั้งหนึ่งเมื่อขึ้นฝึกนานมาแล้ว สงสัยเราจะแก่ไปแล้วจริงๆ 5555
   ตอนนี้ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้เนอะเจอกันตอนหน้านะครับ อาจจะมีอะไรอัพเดทที่แปลกๆ อีกก็เป็นไปได้... เออ มีความเบื่อป.ปลา ทำไมเจอแต่คนชื่อป.ปลาตากลม.....สวีดัด สวัสดี..........

69rinny โพสต์ 2020-6-8 17:39:38

ขอบคุณมากคับ

nuangnut1996 โพสต์ 2020-6-8 19:08:47

ขอบคุณครับ

lekthai โพสต์ 2020-6-8 22:11:36

ขอบคุณ

klans_821 โพสต์ 2020-6-8 23:00:56

ขอบคุณครับ

kangped โพสต์ 2020-6-9 22:00:41

ขอบคุณครับ

eg1 โพสต์ 2020-6-10 02:58:22


ขอบคุณครับ

Yud6565 โพสต์ 2020-8-28 12:19:10

ขอบคุณครับ

sshheeeepp โพสต์ 2020-12-21 16:03:55

เยี่ยม

Phatthara โพสต์ 2021-4-28 17:24:44

ขอบคุณครับ

Homealone โพสต์ 2021-4-28 20:57:51

ขอบคุณมากคับ

wiput โพสต์ 2021-9-24 01:43:11

ขอบคุณครับ

Homealone โพสต์ 2022-11-11 09:41:25

ขอบคุณครับ

Mooauan52 โพสต์ 2023-2-11 02:01:17

ความรักครั้งใหม่

tonsaa โพสต์ 2023-8-24 16:55:04

ชอบคุณครับ

wats โพสต์ 2023-8-26 23:19:31

ขอบคุณ

เด็กดี โพสต์ 2024-11-14 00:34:57

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ช่วยด้วย! ผมได้แฟน ไอ้เด็กช่างยนต์ ตอนที่ 62 ปอ ปาล์ม