คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ by llมว_น้oe ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา
ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชาผมชื่อฌชาเป็นหมอที่คลินิกมารักษ์ประจำห้องตรวจที่๓. ผมหล่อ ผมรวย และแน่นอนว่า สาวๆคลั่งใคล้ผมสุดๆ ผมเชี่ยวชาญการรักษาโรคทางเพศซึ่งปัญหาของแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป ผมศึกษามาอย่างเต็มที่ทั้งในตำราและนอก......ตำรา ผมศึกษาจากทฤษฏีและปฏิบัติแต่ใครๆก็บอกว่าผมน่ะเก่งปฏิบัติเสียมากกว่า ข้อมูลนี้เชื่อถือได้นะครับคนไข้ผมรับรองเอง รูปร่างหน้าตาผมเป็นยังไงน่ะเหรอครับถ้าอยากรู้ผมจะบอกให้ ผมสูง176 น้ำหนักโดยประมาณ 55-60 กก. บนหน้าก็มีตามีจมูกมีปากเพียงแต่ปากผมจะบางกว่าคนอื่น เห็นไหมครับ บอกแล้วว่าผมหล่อ
“หมอฌาขา~เมื่อไหร่รินจะหายสักทีละคะเนี่ย”รินเป็นคนไข้ของผมซึ่งเธอไม่เคยทำตัวน่ารำคาญไม่จับจ้องที่จะกินผมเหมือนคนอื่นๆ รินป่วยมา6เดือนแล้ว เธอบอกผมว่าเวลานอนกับแฟนเธอไม่มีอารมณ์ใดๆเลยแม้ว่าแฟนเธอจะพยายามโอ้โลมเธอแค่ไหน เคสของเธอนับว่าแปลกเพราะโดยปกติไม่มีความผิดปกติทางกายก็ต้องมีผลกระทบทางใจ แต่รินเธอคือสาวสวยงามสะพรั่งอายุเพียง22ปีเธอกลับมีอาการอย่างนี้ได้
“รินลองทำที่หมอบอกหรือยัง หืม~” รินอมลมทำแก้มป่องใส่ผมแปลง่ายๆเลยว่ายัง ผมแนะนำให้รินลองสัมผัสตัวเองกับสิ่งเร้าอย่างอื่นดู เพราะเธอยังเด็กผมคงจะไป ทำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้
“ก็รินไม่ชอบนี่คะ!! รินเบื่ออ่ะ ถ้าเป็นแบบนี้แฟนรินต้องเลิกกับรินแน่เลยค่ะหมอ แง๊~~~ ไม่เอาน๊า!!”
“เดี๋ยวๆใจเย็นๆก่อน มันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงก็ได้นะรินลองคุยกับเขาหรือยังล่ะ ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมนอนกับเขา”รินหลบตามองมือที่วางอยู่บนตัก
“รินไม่กล้า รินกลัวเขาจะขอเลิกกับริน”ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้กลัวของเธอ แต่อย่างว่าล่ะครับ เป็นผมก็คงไม่พูดขืนพูดออกไปแฟนได้วิ่งโร่ไปหาใหม่พอดี คิดๆดูแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของรินขึ้นมาเลย
“โอเคครับ ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องบอกงั้นรินต้องลองทำที่หมอบอกนะ หมอจะได้สิเคราะห์ถูก” รินลังเลเธอคงไม่อยากจะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะตอนตรวจร่างกายเธอ ผมเพิ่งจะรู้ว่าเธอบริสุทธิ์หายากนะครับเด็กที่ถือครองพรหมจรรย์มาได้จนถึงตอนนี้
“ก็ได้ค่ะ รินจะลองทำดู” รินตอบรับเสียงอ่อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจซึ่งผมเองได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ถ้างั้น อีกสามวัน รินต้องเข้ามารายงานกับหมอนะครับ โอเคไหม” รินพยักหน้าทำปากขมุบขมิบบ่นแต่ผมไม่ได้ยินหรอกครับเด็กหนอเด็ก
“ไปครับ เดี๋ยวจะไปเรียนสาย”
“ค่า~~”
เด็กน้อยน่ารักของผมวิ่งออกประตูไปทันที เห็นแบบนี้ผมก็อดเอ็นดูเธอไม่ได้ ผมรู้สึกดีกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งอาการที่เธอเป็นอยู่ถ้าถามผมในฐานะหมอ ผมอยากให้เธอหาย แต่ถ้าในฐานะของพี่ชาย.....ผมอยากปล่อยให้เธอเป็นแบบนี้จะดีกว่าอย่างน้อยๆ เธอจะสามารถเลือกคนที่รักจริงๆและพร้อมจะมอบทุกอย่างให้เขาจริงๆ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ โลกของเราเดินมาไกลเกินกว่าจะสนใจในเรื่องความสำคัญของพรหมจรรย์แล้ว ซึ่งผมเองก็แปลกใจกับยุคสมัยนี้ที่ทุกคนพูดกันว่าความซิงไม่มีค่า ในความคิดผม ผมกลับอยากได้แม่ของลูกที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน เพราะมันเหมือนบอกให้ผมรู้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอเก็บรักษามันเอาไว้เพื่อผมในวันแต่งงาน แต่นานวันเข้ากลับกลายเป็นผู้หญิงเสียเองที่ลืมเลือนความสำคัญตรงนั้นไป มันกลายเป็นว่าเซ็กส์นั้นมีเอาไว้เพื่อพิสูจน์ในคำว่ารัก ทั้งๆที่ความรักมันไม่ควรจะวัดค่าได้ พอทำมันลงไปแล้วก็จะวลีคำพูดต่างๆนาๆขึ้นมาเพื่อเสริมให้สิ่งที่ทำดูถูกต้อง อย่างที่ได้ยินกันมา จะเก็บซิงไว้ชิงโชคหรือ? หึหึ ผมได้ยินทีไรก็อดขำไม่ได้ ทุกครั้งที่เดินผ่านกลุ่มเด็กสาวผมมักจะได้ยินคำพูดนี้จนชินหู ด้วยว่าผมที่เป็นผู้ชาย ถามว่าผมอยากใช้มือไปตลอดหรือ ก็ไม่!! เพียงแต่ผมว่ามันไม่ถูกต้องกับคำพูดเหล่านั้นเท่านั้น ผมจึงไม่อยากให้รินเป็นอย่างเด็กพวกนั้น ผมลุกขึ้นเปิดประตูห้องตรวจส่งยิ้มให้คนไข้ที่มานั่งรอคิวกันหน้าห้อง
“คิวต่อไปครับ....เอ่อ คุณสิรินาถ เชิญครับ”
“ค่ะหมอ” สาวสวยวัยสามสิบกลางๆเดินอวดหุ่นสะอางค์ที่เมื่อผมได้เห็นเป็นต้องกลินน้ำลายลงคอ แม่เจ้าโว้ย!! ผมเพิ่งเคยเจอหุ่นนาฬิกาทรายในตำนาน เอาเป็นว่า เมื่อกี้ที่ผมพร้ำเพ้อเรื่องพรหมจงพรหมจรรย์กับเรื่องที่ควรเก็บความซิงไว้ก็ลืมๆมันไปนะครับ เจอแบบนี้ผมสติกระเจิงหมดเลย
“ชะ เชิญข้างในเลยครับ” บ้าจริง ดันดึงสายตาขึ้นจากอกอวบนั่นไม่ได้เลยผมปิดประตู มองสะโพกผายที่ดูยั่วยวนชวนให้จับมาขยำขยี้ด้วยสายตาหื่นและเหมือนเธอจะรู้ว่าผมมองอยู่ แม่คุณก็เดินอวดสะโพกที่บิดไปบิดมาก่อนจะทิเฃก้นงอนๆลงนั่งที่เตียง
“คุณสิรินาถ มีชื่อเล่นไหมครับ”
“นีน่าค่ะ เรียกนีน่าก็ได้ แล้วหมอละคะ ให้น่าเรียกหมอฌชาเลยเหรอ”ปากแดงกัดปากจนผมอยากจะถลาไปจูบเสียให้เข็ด
“เรียกผมว่าหมอฌาก็ได้ครับ คุณนีน่า” บางสิ่งกำลังตื่นตัวอยู่ใต้กางเกงนั่นทำให้ผมต้องรีบเข้าประเดนให้เร็วที่สุด
“แล้วอาการของคุณนีน่านี่เป็นอะไรมาหรือครับ”
“ถ้านีน่าบอกว่า.......อยากมาหาหมอ หมอจะเชื่อไหมคะ” อดทนไว้ไอฌาอดทนไว้!! ฮึ่มมมม
“เชื่อสิครับ แต่ยังไงหมอก็ต้องรู้อาการก่อนนะครับว่าเป็นยังไง”
“อาการของนีน่า เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็หนาว บางทีข้างล่างมันก็สั่นระริก จนตอนนี้ มันก็ยังสั่นอยู่เลยหมอฌา...ลองจับดูสิคะ” ผมนั่งเงียบเก็บอาการเอาไว้ นี่ถ้าผมห้ามตัวเองไม่ทันผมคงยื่นมือออกไปจับดูอย่างที่เธอว่าแล้ว คนอะไรยั่วเก่งเหลือเกิน!!!
“เดี๋ยวยังไงหมอก็ต้องตรวจครับ แต่ตอนนี้หมอต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดของอาการก่อนนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ สองวันมานี้ น่ารู้สึกว่าตัวเองเปียกตลอดเวลาที่เห็นหน้าหมอแม้แต่รูปถ่ายหมอมันยังทำให้น่าเปียกแฉะสุดๆเลยค่ะ”
“......” ผมเลื่อนสายตาตามนิ้วมือเล็กๆที่ค่อยๆไต่ลงไปที่เบื้องล่างจนเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างกระหาย
“น่าอยากให้หมอ’ดู’มันให้น่าหน่อย นะคะมันเปียกจนแทบจะไหลลงมาตามขาน่าแล้ว” เธอขยับตัวขึ้นบนเตียงกางขาออกเป็นตัวเอ็มจนผมมองเห็นชั้นในสีชมพูบางๆที่มันกำลังเปียกอย่างที่เธอบอก ยิ่งมันเปียกผมก็ยิ่งมองเห็นกลีบดอกไม้ที่ไร้หนามปกคลุม ผมเคลื่อนตัวเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็วดึงรั้งสะโพกมนเข้ามาจนชิดตัว
“อืม~”
ผมประกบริมฝีปากเข้ากับเธอดูดดึงจนเธอเผยอปากร้องครางผมจึงสอดปลายลิ้นเข้าไปรุกไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆ เธอตอบรับจูบผมอย่างเร่าร้อนบดสะโพกอย่างเชิญชวนจนลูกชายผมดันเข้ากับกลีบสาวของเธอ
“อื้อ หมอขา อ๊า”
นีน่าบิดกายไปมาเมื่อมือของผมสัมผัสบีบเค้นเข้าที่อกอวบที่แสนนุ่มนิ่มของเธออย่างเมามัน เธอปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างชำนาญในขณะที่ผมยังคงซุกไซร้ลำคอก่อนจะไล่ลงไปยังเนินอกที่บดเบียดกันอยู่ใต้บราเซียลูกไม้สีดำ ผมดึงชุดเธอลงพร้อมกับปลดตะขอบราเซียจนอกอิ่มปรากฎออกมาตรงหน้าผม
“คุณนีน่าสวยมากเลยนะครับ หน้าอกของคุณก็น่าจูบ”
“ก็จูบสิคะ จะมากกว่าจูบน่าก็ไม่ว่าหรอกค่ะ ถ้าเป็นหมอ”
นีน่าแอ่นอกขึ้นยั่วยวนต่อสายตาของผมยอดสีชมพูส่ายไปมาจนผมทนไม่ได้ก้มลงไปดูดดึงมันเข้ามาในปาก นีน่าครางเสียงหวานเมื่อยอดเล็กๆถูกปลายลิ้นสากของผมตวัดเลียจนมันแข็งสู้ลิ้น มือก็ขยำอกอิ่มอีกจนมันทะลักออกมาตามซอกนิ้ว
“อ๊า หมอขา สอดเข้ามาลึกๆสิ น่าชอบลึกๆ”
นี่ยังไม่ลึกอีกเหรอ มิดนิ้วแล้วนะ ผมมองกลีบดอกไม้สีหวานที่ดูดกลืนนิ้วที่กำลังถูกดึงเข้าออกเพื่อสำรวจภายใน ผนังนุ่มบีบรัดนิ้วผมจนแทบคลั่งแต่ความเปียกลื่นที่มากผิดปกติทำให้ผมต้องดึงนิ้วออกมาดู
อสุจิ!!
“นี่น่า.....คุณเพิ่งมีอะไรกับแฟนมาหรือเปล่าครับ”
“อื้อ...ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ อ๊า น่าเจอพวกเขากำลังมองก้นน่า อ๊ะ!ก็เลยชวนเล่นสนุกกัน”
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงยั่วผมง่ายๆ อาการของเธอในตำราผมคงจะเรียกว่านิมโฟมาเนียผมไม่เคยเจอผู้ป่วยประเภทนี้ ในตำราบอกผมว่าพวกเธอจะมีความต้องการสูงจะชายตาและยั่วยวนผู้ชายทึกคนที่เธอพบหน้าโดยไม่เลือก เป็นอาการทางจิตที่ค่อนข้างรุนแรงในเรื่องเพศ โดยผู้ป่วยจะเรียกร้องด้วยท่าทางเชื้อเชิญให้คนที่ผู้ป่วยพบให้มามีสัมพันธ์ด้วย เอาล่ะ ในเมื่อรู้อาการแบบนี้แล้ว ผมก็คงต้องจบเรื่อง ผมสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปอีกครั้งโดยเพิ่มจำนวนจนคับแน่นช่องทางของเธอเพื่อเติมเต็มความต้องการแทนที่จะเป็นแก่นกายของผม นิ้วค่อยๆขยับช้าๆละเร็วขึ้นตามจนเธอโยกขยับสะโพกงอนตามจังหวะ
“อ๊า อ๊า หมอขา แรงอีกน่าใกล้แล้ว อ๊ะๆๆ”
ผมขยับนิ้วเร็วและแรงขึ้นจนเธอกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนชุ่มปลายนิ้วของผม นีน่านอนหอบหายใจมือบางเค้นอกของอิ่มตัวเองอย่างพอใจสะโพกยังไม่ยอมหยุดขยับทั้งที่ปลดปล่อยไปแล้วก็ตาม ผมถอยออกห่างจากร่างยั่วยวนบนเตียงไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเธอแต่เพราะเป็นหมอการมีอะไรกับเธอไม่ใช่การบำบัดรักษา(ถึงจะอยากก็ตาม) ผมติดกระดุมที่นีน่าปลดออกจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อย
“คุณนีน่าแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวผมจะสรุปอาการของคุณพร้อมกับแนะนำการรักษา”แม้เธอจะทำหน้าตาเสียดายแต่ก็ยอมแต่งตัวแต่โดยดี อย่าน้อยเธอก็ยอมทำตามผมรู้สึกเบาใจขึ้นหน่อย
“แล้ว....ตกลงน่าเป็นอะไรคะหมอฌา”
“นิมโฟมาเนีย.....” นีน่ามองผมแกว่งขาไปมาราวกับเด็กๆ ริมฝีปากสีชมพูถูกลิ้นเล็กเลียไปทั่วจนฉ่ำวาว ขนาดนั่งฟังการวินิจฉัยเธอก็ยังพยายามจะยั่วผมสินะ ผมได้แต่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเธอ
“มันคืออะไรคะ นีน่าไม่เคยได้ยิน”
“มันคือ...”
“สำคัญไหมคะหมอฌา ถ้าไม่สำคัญเรามาต่อกันไหมคะ เดี๋ยวนีน่าทำให้หมอสุข.....จนสำลักเลยล่ะค่ะ” นีน่าคลานมาด้วยท่าทางของแม่เสือสาวจนผมตาลุกวาว แต่ก็ต้องสบัดความคิดทิ้งเพราะเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“นีน่าๆ เดี๋ยวก่อนครับ เรื่องนี้สำคัญมากนะ!”
“โอเคค่ะ น่าฟังก่อนก็ได้” ผมลอยถอนหายใจเมื่อเธอทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม
“ครับ คือโรคนิมโฟมาเนียคือโรคที่เราเรียกกันว่าขาดเซ็กส์ไม่ได้ซึ่งจากหลายๆอย่างมันบ่งบอกว่าคุณนีน่ากำลังป่วยด้วยโรคนี้”
“คิกๆ นี่ถ้าน่าไม่รู้ คงคิดว่าหมอกำลังหลอกด่าน่าแน่เลย” ผมตาโตรีบส่ายหน้าทันที
“ไม่ใช่นะครับ!! คุณนีน่าอย่างเพิ่งเข้าใจผมผิด!!ผมเพียงวินิจฉัยโรคให้คุณเท่านั้น!!” นีน่าหัวเราะคิกคักกับความร้อนรนของผมรอยยิ้มบนหน้าใสกลับสวยจนน่าดู เสียดายจริงๆกับโรคที่กำลังทำลายเธอ
“แต่เซ็กส์มันสนุกดีออกนะคะ ไม่เห็นแย่ตรงไหนเลยนี่คะหมอฌา” ผมอ่อนใจรู้ว่าที่เธอพูดแบบนั้นเพราะความต้องการที่เรียกร้อง
“ถ้าเป็นแบบนี้ นีน่าจะหาคนที่รักจริงไม่เจอนะครับ เพราะงั้น....”ผมหยิบนามบัตออกมาส่งให้นีน่า
“นี่อะไรคะ?”
“นามบัตเพื่อนผมเองครับ เธอเป็นจิตแพทย์ฝีมือดีรับรองเลยว่าคุณนีน่าจะหายแน่นอน เดี๋ยวผมจะติดต่อบอกเธอไว้ก่อน คุณนีน่าก็แค่ไปพบเธอเท่านั้น” นีน่ายู่ปากอิดออดไม่อยากไปเมื่อรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงจริงๆเลย
“ไม่มีหมอผู้ชายเหรอคะ” แร....ไม่เลิก
“ไม่มีครับ!! ต้องกับเธอเท่านั้นเข้าใจไหมครับ!!” ผมทำหน้าเคร่งขรึมขู่นีน่าเธอได้แต่ทำหน้าจ๋อยพยักหน้ารับรู้เท่านั้นผมจึงยิ้มออกมาได้
“ถ้างั้น......นีน่ากลับไปก่อนนะครับเดี๋ยวหมอจะให้คุณสาวติดต่อไปอีกครั้ง”
“ก็ได้ค่า~” หึหึ น่ารักจริงๆ ผมแทบจะนับวันรอเธอหายจากอาการที่เป็นอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาแต่เมื่อเธอหายดีเธอจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากคนหนึ่ง ซึ่ฃผมเชื่อว่าใครๆก็ต้องหลงรักเธอ ถึงแม้ว่าตอนนี้การเดินออกไปจากห้องตรวจจะเป็นการส่ายสะโพกยั่วผมก็ตาม เอาเถอะครับ ปล่อยเธอไปก่อน ผมล่ะปวดหัวกับคนไข้แต่ละคนจริงๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ!!”
“หมอคะ มีคนไข้มาใหม่ค่ะ” อา.....คนไข้มาใหม่สินะ ผมจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยพยายามจะให้ดูดีในสายตาคนไข้ไว้ก่อน ภาพลักษณ์ที่ดีสิครับ เป็นเรื่องสำคัญ
“ไหนครับ คนไข้” ผมชะเง้อคอถามหาเมื่อมายืนหน้าประตูแต่กลับพบเพียงสาวสวยเพียงคนเดียวอย่างคุณสาวเท่านั้น
“เอ่อ นี่แหละค่ะปัญหา คือคนไข้ไม่ยอมเซ็นสัญญาค่ะบอกว่าจะรอพบหมอก่อน” อะไร?? ทำไมต้องรอเจอผมก่อนด้วย ผมขมวดคิ้วงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทัน
“อ่า งั้นเชิญเขาเข้ามาพบผมได้เลยครับ ผมว่างแล้ว”คุณยาวส่งยิ้มขอโทษให้ผม ซึ่งให้ผมเดาคงเรื่องที่เธอไม่สามารถจัดการกับลูกค้าคนนี้ได้ล่ะมั้ง เพราะงานของเธอคือต้องทำให้ลูกค้าเซ็นสัญญาก่อนจะเข้ารับการรักษา แต่เอาเถอะครับ รอบนี้ผมหยวนๆให้ก็แล้วกัน
ไม่นานคุณสาวเธอก็พาร่างของผู้ชายตัวโตสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้อง สิ่งที่สะดุดตาผมคงจะเป็นเสื้อเชิตสีดำกับผมที่ถูกเซ็ตเสยขึ้นไปและใบหน้าคมคายที่รับกับแว่นตาสีชาบนใบหน้านั้น ทุกอย่างในตัวเขามันช่างสมดุลมาก มันเข้ากันได้ดีจนเพอร์เฟคก็ได้ๆเอาเถอะ เขาหล่อ ผมยอมรับ!! (Shit!!)
“คุณสาวกลับไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ค่ะหมอฌา” แล้วก็เหลือกันสองคน
.......เงียบกริบ!...........
รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ผมนั่งรอให้เขาพูดส่วนเขาก็เอาแต่นั่งจ้องผม บางครั้งการถูกจ้องนานๆมันก็ทำให้ผมประหม่าได้เหมือนกันนะ โอ้ย!! อึดอัดโว้ย!!!!!
“คุณ....เอ่อ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามเขาขึ้นก่อน
“ไม่มี” เส้นเลือดในสมองผมแทบแตกเมื่อเจอสีหน้าและน้ำเสียงยียวนจากเขา
“ถ้างั้นก็กลับไปสิครับ นี่คลินิกนะครับ ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า” อีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
“ขอโทษที พอดีฉันป่วย เลยมารักษาที่นี่ไม่ได้อยากจะกวนอะไรนาย”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับเห็นคุณสาวบอกผมว่าคุณต้องการจะพบหมอก่อนจะเซ็นสัญญา มีอะไรหรือเปล่าครับ”แม้จะไม่พอใจอยู่ในตอนแรก แต่ด้วยคนตรงหน้าเป็นคนไข้อย่างไรเสียผมก็ต้องทำการรักษา เพราะฉะนั้น.....เป็นมิตรไว้อะไรๆมันคงสะดวกกว่า
“อา จะว่ามีมันก็มีจริงๆ”
“.....” เขาจ้องมองผมด้วยแววตาคมกริบที่ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า....ผมทำอะไรผิด
“ฉันอยากรู้ว่าต้องทำยังไง.......ฉันถึงไม่ต้องเซ็นสัญญา”“ไม่ได้หรอกครับมันเป็นกฎของคลินิก” ผมพยายามบอกเขาอย่างใจเย็นที่สุด
“กฎ? หึหึ ตลกดีนะ นายคิดจริงๆเหรอว่าจะมีใครเขามาคอยหึงหวงนาย” ผมตัวชาวาบเมื่อถูกมองด้วยแววตาดูแคลนใบหน้าหล่อแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัย
“ผะ ผมไม่ใช่คนออกกฎครับ แต่ยังไงกฎก็คือกฎคุณต้องเซอ๊ะ!!” จู่ๆเขาก็พุ่งเข้ามาหาผมแล้วบีบแขนซะแน่นจนผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขา ทำไมกันนะ ทุกครั้งที่มองหน้าเขาทีไรผมมักจะเห็นแต่ความเกรี้ยวกราดในแววตา
“นายมันปีศาจ” ผมไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด แต่ผมเป็นหมอ ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใครผมจึงสะบัดแขนออกจากการจับกุมแต่แรงผมสู้เขาไม่ได้เลย ยิ่งผมดิ้นเขาก็ยิ่งบีบแรงขึ้น
“เจ็บนะ!! ปล่อยผม!! ผมเป็นหมอนะคุณจะมาหาเรื่องผมแบบนี้ไม่ได้”เขายกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดผมราวกับว่ามันตลก
“หมอ? แน่ใจเหรอ!! ฉันนึกว่าเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านเขาซะ..”
เพี๊ยะ!!
ผมไม่ใช่คนที่อดทนกับอะไรนานๆยิ่งคำกล่าวหาดูถูกดูแคลนผมยิ่งยอมไม่ได้ เขาคิดว่าเขาเป็นใครกันถึงมาว่าผมแบบนี้ ผมไม่ได้เรียนหมอมาเพื่อให้ตัวเขาหรือใครๆมาใส่ความผม ผมเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ และแน่นอนว่าแม้ผมจะนอนกับคนไข้มาบ้างแต่ทุกคนที่ผมนอนด้วย พวกเขาจะต้องโสดไม่คบใครอยู่!
“อย่ามากล่าวหาผม!! ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณว่า!!!” ผมจ้องใบหน้าที่ถูกฝ่ามือผมสะบัดใส่จนเกิดรอยแดงด้วยความโมโห
“กล้าดีนี่!! กล้าตบฉันแบบนี้........คงไม่กลัวตายสินะ”
“ที่นี่คลินิกผม!! ไม่ใช่ที่ๆคุณจะมาข่มขู่ใครถ้าไม่รักษาก็เชิญ!! เชิญกลับไป!!”เขากัดฟันกรอดมองผมอย่างโมโหเช่นเดียวกับผมที่มองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วอยู่ๆใบหน้าหล่อเหลากลับแต้มรอยยิ้มไปทั่วหน้า รอยยิ้มชั่วร้ายที่ทำให้ผมผละหนี แย่แล้ว
“รักษาสิ ฉันมาที่นี่เพื่อรักษาอยู่แล้ว.......รักษานายไง!!”
“คุณสะ อุ๊บ!! อื้อ!!!!”
ผมพยายามจะส่งเสียงเรียกคุณสาวให้มาช่วยผม แต่เขาเขากลับบดจูบลงกับริมฝีปากผมอย่างแรงบดขยี้ราวกับจะลงโทษ ผมได้แต่ทุบตีอกกว้าง ทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ไร้ผลเมื่อเชายังคงดูดดึงริมปากผมเช่นเดิม
“ปิดประตู เดี๋ยวนี้!!!!”
ผมสะดุ้งแต่ไม่ยอมทำตามเสียงเหี้ยมที่สั่งการมา ถ้าผมไม่ทำตามเดี๋ยวเขาก็คงเลิกสนใจเองแต่มันไม่เหมือนที่ผมคิด เพราะการที่ผมปฏิเสธที่จะทำมันทำให้เขาเลื่อนมือลงไปสัมผัสกับตัวตนของผม
“จะ จะ จับอะไร!! ปล่อยผมนะ ผมไม่ใช่เกย์!!!”
“ปิดประตูสิ แล้วฉันจะปล่อยหรือจะให้ฉันเปิดประตูให้คนอื่นเขาเห็นเลยดีไหม!!” ผมตัวสั่นไม่รู้เพราะความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเขาหรือเพราะมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ลูกชายผมกันแน่!
“ยะ อือ”
“ว่าไงครับคุณหมอฌชา คนเขาคงชอบใจพิลึกที่คุณหมอของพวกเขาถูกผู้ชายทำให้ตัวสั่นแบบนี้”ผมได้แต่กัดปากตัวเองแน่นไม่อยากปล่อยเสียงร้องใดๆออกมา สายตาคู่นั้นเป็นต่อจริงๆเจายื่นข้อเสนอที่ผมเองก็รู้ว่ามีแต่ตายกับตาย แต่จะให้ตายแบบหน้าด้าน หมอฌาคนนี้ยังไม่พร้อม!!
“ผม อึก จะปิด....ประตู” แม้ต้องกัดฟันพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจแต่กลับเรียกรอยยิ้มพอใจจากคนตรงหน้าได้
ทันทีที่ผมปิดประตูชั้นที่สองพร้อมกับล็อคมัน เขาก็ผลักผมออกอย่างแรงทันทีจนผมเซถลาชนกับผนังห้อง เขาไม่สนใจใยดีว่าผมจะเจ็บหรือไม่เพราะแค่ผมหลุดจากเขา เขาก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงเหมือนเดิม
“คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากผม” ผมเอ่ยถามขณะที่ยังลูบแขนตัวเองปอยๆ
“ฉัน? ฉันน่ะเหรอ อา.....ลืมแนะนำตัวสินะ ฉันชื่อภูมิระพี” แล้วยังไงกันนะ ชื่อก็ไม่คุ้นหน้าก็ไม่คุ้นคนแบบนี้ผมมั่นใจว่าไม่เคยมรเรื่องกับเขาแน่นอน
“แล้วคุณมาที่นี่ต้องการอะไรจากผม ไม่สิทำแบบนี้ผมไปทำอะไรให้คุณกันแน่”
“กับฉันไม่......แต่นาย......นายนอนกับแฟนเพื่อนฉัน!!”
หะ??????
“ใคร....ใครคือผู้หญิงคนนั้น” ผมว่าผมเช็คดีทุกคนแล้วนะมั่นใจแล้วว่าสาวที่ผมนอนด้วยโสดทั้งหมด
“นรินทร์” นรินทร์ นรินทร์งั้นเหรอ!! รินเนี่ยนะ!! ผมเคยนอนกับเธอที่ไหนกัน
“คุณจะบ้าเหรอ!! รินเป็นคนไข้ของผมผมไม่เคยนอนกับเธอ!!” อีกฝ่ายกลับเลิกคิ้วขึ้นมองผมราวกับไม่เชื่อ นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผมจะนอนกับรินทำไม เธอเป็นเหมือนน้องสาวของผม
“นายจะพูดยังไงก็ได้ แต่ฉันไม่เชื่อเพราะงั้นฉันถึงมานี่.....เพื่อรักษานาย” เขาเนี่ยนะมารักษาผม ผมไม่ได้ป่วยอะไรเสียหน่อย
“รักษาผม? ผมไม่ได้ป่วย อีกอย่างผมเป็นหมอ คุณไม่จำเป็นต้องมาห่วงใยสุขภาพร่างกายหรือสุขภาพจิตของผมผมดูแลตัวเองได้” แต่เขากลับลุกขึ้นมาประชิดตัวผมแทบจะทันที
“ต้องรักษาสิ โรคชอบนอนกับแฟนชาวบ้าน มันต้องรักษา”
“รัก รักษายังไง” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจยิ่งเขาโน้มหน้าลงมาใกล้ๆจนรู้สึกถึงลมหายใจผมยิ่งทำตัวไม่ถูก
“ฉันทำให้ดูดีกว่า”
“..!!!” เวลานั้นผมรู้ตัวดีเลยว่าไม่รอดแน่ๆ ใจผมอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่ปากมันก็ไม่ขยับอีกอย่าง ลงล็อคประตูชั้นที่สองแบบนี้ต่อให้ร้องจนหมดเสียงก็ไม่มีใครได้ยิน ในขณะที่สมองผมกำลังคำนวนทางรอด ริมฝีปากร้อนของเขาก็บดบี้ลงมา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สติกระเจิดกระเจิงคิดอะไรไม่ออก ลมหายใจติดขัดกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ผมพยายามดันร่างที่สูงกว่าออกแต่เขาไม่ขยับเลยสักนิด ยิ่งผมดิ้นรนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูดดึงริมฝีปากผมแรงเท่านั้น
“อื้อ...อ่อย อ๊ะ”
เขาสอดแทรกลิ้นสากเข้ามาเมื่อผมพยายามจะส่งเสียงห้าม ผมอยากให้เขาปล่อยเพราะตอนนี้ผมกำลังจะขาดใจ รสจูบที่หวานล้ำกับชั้นเชิงของเขาทำให้ผมตัวสั่งและแน่นอน ตอนนี้ผมไม่มีแม้แต่แรงจะยืน
เขาใช้วงแขนกว้างกอดเอวผมเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมทรุดลงพื้น มืออีกข้างลูบไล้ยอดอกของผมผ่านผิวเสื้อ เขาทั้งบีบทั้งบี้มันจนมันชูชันดันเสื้อออกมาให้เห็น ผมรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกับปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองแม้ว่าจิตใจผมจะต่อต้านก็ตาม
“ไม่คิดว่าพวกชอบนอนกับแฟนชาวบ้าน ปากจะหวานขนาดนี้”
“แฮ่กๆ คุณมัน!!” ผมได้แต่ยืนหอบหายใจ อยากจะกร่นด่าแต่ก็ไม่มีแรง
“ทำไม หน้าอกนายออกจะรู้สึกดีแท้ๆ”
“อื้อ อย่าแตะนะไอบ้า!!”
“ดันเสื้อออกมาแบบนี้ อยากให้ฉันกินล่ะสิ”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสัมผัสยอดอกแม้จะผ่านผิวเสื้อก็ตามแต่ก็ทำให้ผมหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ตัวผมลอยขึ้นจากพื้นด้วยแขนของเขาที่ยกผมไปวางบนเตียงคนไข้ ผมคิดนะว่าถ้าเขาวางผมเมื่อไหร่ผมจะลุกหนีทันแต่ความจริงคือ พอเขาวางผมลงตัวเขาเองก็ทาบทับผมทันทีไม่มีช่องว่างให้ได้ลุกหนีเลยสักนิด ผมพยายามขยับหนีมือก็ดันร่างหนาออกแต่เขาก็ใช้แรงที่มีมากกว่ากดผมลงกับเตียง
“อย่าดิ้นน่า ไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ” เขาก้มลงมาพูดชิดริมฝีปากของผม
“ผมไม่อยากจะลองอะไรทั้งนั้น ผมไม่มีรสนิยมชมชอบผู้ชายเหมือนคุณ!!”
“ไม่นิยมชมชอบผู้ชาย? แต่ชอบนอนกับแฟนชาวบ้านว่างั้น?” ผมอยากจะต่อยปากหมอนี่สักครั้งจริงๆ
“ก็บอกว่าไม่ได้นอนกับรินไง!!” มันเหลืออดจนผมต้องตะคอกเสียงตอบกลับไป หมอนี่มันตั้งใจจะยั่วโมโหผมชัดๆไม่คิดจะฟังผมเลยด้วยซ้ำไป
“งั้นก็นอนกับฉันสิ! แล้วฉันจะเชื่อนาย” ไอคนเห็นแก่ตัวเขาพูดมันออกมาง่ายๆยกยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องสนุก
“ฝันไปเถอะ!!!”
“เอางั้นก็ได้......ถ้างั้น อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ”
ผมไม่มีสิทธิ์ได้พูดอะไรอีก เพราะเมื่อเขาพูดจบเขาก็บดเบียดริมฝีปากลงมามอบจูบจาบจ้วงที่เอาแต่ใจให้กับผม มือของเขาปลดเข็มขัดตัวเองออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำมันมามัดข้อมือของผมเอาไว้ทั้งสองข้าง
“อื้อ!! อ่า อ่อย” แม้จะพยายามหลบเลี่ยงริมฝีปากเท่าไหร่ก็หนีไม่รอดอยู่ดี ลิ้นถูกส่งเข้ามาสำรวจภายในปากผมจูบหวานล้ำมันกำลังเล่นงานผมอีกแล้ว อาการอ่อนแรงกับความขาวโพลนในหัวมันเริ่มกลับมาอีกครั้ง เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขามันลดลงจนอีกฝ่ายที่พยายามมัดข้อมือผมก็ทำมันได้ง่ายๆ
“แฮ่กๆ อื้อ”
เสื้อผมถูกปลดกระดุมออกจนหมดตอนไหนไม่รู้ รู้เพียงแค่ตอนนี้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศสัมผัสผิวของผมจนสะท้าน ลิ้นของเขาตวัดเลียยอดชูชันอย่างพอใจ ทั้งขบเม้มดูดดึงมันจนแดงช้ำ แผ่นอกผมยกขึ้นตามแรงดูด แม้อยากจะผลักเขาออกแต่แขนผมที่เขามัดตอนนี้ถูกกดไว้เหนือหัว ยิ่งเขาเพิ่มแรงขบเม้มเท่าไหร่เสียงครางของผมก็ดังขึ้นเช่นกัน
หูผมได้ยินเสียงรูดซิบจนต้องหันมองปรากฎว่าผมกำลังถูกถอดกางเกง ผมใช้ขาพยายามถีบเขาออกแต่อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยงมันอย่างง่ายดายผมเป็นหมอ ที่นี่คลินิกผม แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เกลียดตัวเองจริงๆที่แพ้ทางเขา กางเกงและกางเกงชั้นในของผมถูกดึงออกจากตัวเผยให้เห็นลูกชายขนาดพอดีที่นอนหลับไหลอยู่ เขาจ้องมองมันตาวาววับแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหาย ผมได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างกลัวๆร่างกายผมขยับถอยห่างจากเขาโดยอัตโนมัต เขาจับขาผมให้กางออกผมจึงได้นำมือที่ถูกมัดไว้มาปิดบังตัวตนแทน
“ปล่อยผมเถอะ ผมไม่เคยมีอะไรกับรินจริงๆ ผมเป็นหมอ อย่าทำกับผมแบบนี้”
“อา....สีชมพูสวยเชียวนะ ฉันไม่คิดจะปล่อยนายไปง่ายๆหรอก”ผมนอนสะอื้นอยู่บนเตียง เขาช่างไร้ความเมตตานัก ผมไม่มีความผิดแต่กลับต้องมาโดนอย่างนี้เหรอ
“อ๊ะ อย่า!!!”
ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปากร้อนกลืนกินเจ้าหนูน้อยของผมเข้าไป เสียงดูดดังก้องจนผมเขินอายไหนจะความเสียวซ่านที่เรียกร้องให้ผมขยับสวนสะโพกเข้าไปในปากให้ลึกกว่าเดิม ผมกำผ้าปูแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งนิ้วเรียวสอดเข้ามาทางรูเล็กๆด้านหลังผมร่างผมยิ่งเกร็งบีบรัดนิ้วจนแน่น
“แน่นขนาดนี้ ครั้งแรกสินะ”
“อื้อ!! เจ็บ!!”
มันแน่นจนเจ็บไปหมด ผมไม่กล้าหายใจแรงๆด้วยซ้ำแต่เขาไม่สนใจดึงนิ้วเข้าออกอยู่อย่างนั้น เขายิ้มพอใจเมื่อช่องทางด้านหลังนุ่มขึ้นมากจากตอนแรกที่คับแน่น ผมรู้สึกได้ถึงนิ้วที่ถูกถอดออกไปจนผมโล่ง ผมเผลอดีใจกับมันนึกว่าทุกอย่างจะจบแล้วแต่เปล่าเลย
“อะ อะไร อย่า!!!”
“ชู่!! เดี๋ยวก็มีความสุข เชื่อสิ”
บางสิ่งที่ใหญ่โตถูกแทนที่นิ้วเรียว เขาดันความแข็งแกร่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าสะบัดไปมามือก็พยายามดันร่างใหญ่โตออกให้พ้นตัว ขาผมทั้งสองข้างที่ถูกจับเกี่ยวเอวสอบไว้ระริก ความเจ็บปวดแล่นขึ้นไปจนถึงกระดูกสันหลัง น้ำตาผมไหลนองเสียงสะอื้นไห้ผมดังอยู่ตลอด
“ซี๊ด....รัดฉันดีจริงๆเลยนะ จะเลิกยุ่งกับรินไหม หืม”
“ผม อึก เป็นหมอ ผมเลิกยุ่ง ฮึก กับรินไม่ได้ อย่า!!!”
ถึงผมจะอยากแต่ด้วยหน้าที่ของหมอ ผมทำแบบนั้นไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำปฏิเสธของผมก็แกล้งดันร่างเข้ามาจนสุด ผมเจ็บแต่มันก็เสียวซ่านยิ่งมือใหญ่ทำหน้าที่กอบกุมตัวตนของผมชักพามันให้พองตัวด้วยแบบนี้ ผมก็แทบจะดิ้นพล่าน
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่มีทางเลือก” เขาถอนหายใจล้วงมือหยิบบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องดิ้นรนหนี
“จะทำอะไร อย่านะ!! อย่าถ่าย!!!”
“ฉันเตือนนายดีๆนายไม่ทำตามเอง ก็ช่วยไม่ได้วีดีโอนี่น่ะ ฉันจะถ่ายให้สวยๆเลย” เขากดบันทึกวีดีโอภาพของผมกับเขากำลังร่วมรักกัน จงใจถ่ายช่องทางของผมที่กำลังกลืนกินตัวตนของเขาผมไม่อยากถูกถ่ายแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ข้อมือถูกมัดหน้าท้องถูกอีกฝ่ายกดเอาไว้ด้วยฝ่ามือ ตอนนี้ผมได้แต่นอนดูตัวเองกำลังถูกกระแทกร่างพร้อมกับการถ่ายภาพเอาไว้
“ดูสิ มันดูดของฉันจนหมดเลย ซี๊ด มีเลือดติดด้วย เยี่ยมจริงๆ”
ผมส่ายหน้าไม่อยากฟังคำบรรยายที่เขาพูดพล่ามออกมา ผมได้กลิ่นคาวของเลือดผมรู้ดีว่าเลือดต้องออกมาอยู่แล้ว น้ำตาไม่ได้ช่วยให้คนใจร้ายหยุดการกระทำยิ่งผมต่อต้านร่างกายของผมก็ยิ่งถูกกระทำอย่างรุนแรง เขาไม่สนใจว่ามันจะทำให้ผมเจ็บแค่ไหน ก็ใช่น่ะสิ.....ในเมื่อตอนนี้มันเรียกว่าการข่มขืน อีกฝ่ายกระทำอย่างเอาแต่ใจมันก็คงไม่แปลก เขาขยับกายเร่งจังหวะรักจนผมแทบลอยขึ้นจากที่นอน เสียงครวญครางของเขาดังระงบอยู่ริมหูผม เขาใกล้จะถึงฝั่งฝันผมรู้ได้จากการเร่งกระแทกตัวเข้ามา
“อีกนิด อา ซี๊ด ฉันใกล้แล้ว”
ความอุ่นวาบถูกฉีดพุ่งเข้ามาในร่างผมจนร้อนภายในมือหนาขยับรูดรั้งแก่นกายผมจนปลดปล่อยหยาดรักสีขาวขุ่นออกมา เขาหอบหายใจก่อนจะกดหยุดการบันทึกบทรักของเราลง ผมได้แต่นอนปล่อยให้น้ำตาไหลรินรับรู้เพียงความใหญ่ตัวที่อ่อนตัวลงถูกดึงออกไป จบแล้วสินะ ความทรมานในครั้งนี้ ผมหลับตาลงไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว มือใหญ่คว้าแขนผมพร้อมปลดเข็มขัดออก รอบช้ำแดงและรอยถลอกปรากฏอยู่บนข้อมือ
“แต่งตัวซะ ฉันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว และถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับรินอีกฉันจะปล่อยคลิปออกไป”
ปัง!
ผมลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินออกไปจากห้องของเขา ก้มลงมองสภาพตัวเองที่มีคราบขาวขุ่นผสมสีเลือดไหลย้อยลงมาตามโคนขาด้านใน อยากกลับบ้านจัง คลิปการร่วมรักกันอย่างไม่เต็มใจของผมอยู่ที่เขา ผมจะต้องทำยังไงดี เขาขู่ไม่ให้ผมยุ่งกับรินแบบนี้ ผมควรจะทำยังไง ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดชั่ววูบของตัวเองออก ไม่ได้!! ผมเป็นหมอ ยังไงคนไข้ก็ต้องมาก่อน เรื่องแค่นี้หยุดผมไม่ได้หรอก
“แค่เซ็กส์ มันก็แค่เซ็กส์ ฮึก ฮือ ไม่เป็นไรหรอก ฮือๆ”หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอเขาอีกสามวันที่ผมป่วยนอนซมอยู่ที่ห้องก็ถูกทางคลินิกโทรตามตลอด ส่วนใหญ่ก็จะมาจากไอพวกเพื่อนๆผมที่อยู่ห้องตรวจอื่น ผมไม่สามารถบอกใครได้ว่าตัวเองเจออะไรมา ได้แต่เก็บมันเอาไว้คนเดียว ผมกลับมาทำงานตามปกติ ทุหคนดูเป็นห่วงผมกันมากคอยไถ่ถามว่าผมโอเคไหมเล่นเอาผมขำสุดๆเลย
“หมอคะ....” ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างสะอาดสะอ้านของสาวน้อยที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่หน้าประตู
“ริน! มานั่งสิ เป็นไงบ้าง ทำตามที่หมอบอกหรือยัง”เธอพยักหน้านั่งลงบนเตียงหลบสายตาผมจนผิดปกติ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะรินดูอิดโรยและตัวสั่น
“มีอะไรผิดพลาดเหรอ ผลที่หมอให้ทำเกิดความผิดปกติเหรอ” รินถอนหายใจยอมเงยหน้าขึ้นสบสายตาผม
“ไม่ค่ะ ทุกอย่างปกติ สิ่งที่หมอให้รินทดสอบ รินมีอารมณ์จริงๆค่ะ”ว่าแล้วเชียวถ้างั้นก็เป็นโรคของจิตใจสินะ
“แล้วทำไมนั่งหน้าเศร้าแบบนั้นละครับ หืม” สายตาที่รินมองผมมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความสงสารจนมันทำให้ผมนึกกลัว หรือเขาจะปล่อยคลิปนั้นออกไป ผมพยายามยืนยิ้มส่งให้รินทั้งๆที่มือที่จับปากกาอยู่มันสั่น
“หมอคะ รินขอ...”
ก๊อก ก๊อก!
“เชิญครับ” ผมอดแปลกใจไม่ได้ ปกติถ้ามีคนไข้คุณสาวจะไม่ค่อยมาเคาะประตูแบบนี้
“หมอฌาคะ มีผู้ชายสองคนมาพบค่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองใครกันนะ
“ครับ ที่ไหนครับคุณสาว”
“เอ่อ เขาต้องการจะ ว๊าย!!!” ร่างสูงของชายสองคนซึ่งคนหนึ่งนั้นผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีแทรกกายผ่านเข้ามาในห้องที่มีผมและรินอยู่ คุณสาวเซเล็กน้อยพอทรงตัวขึ้นได้ก็มองมาทางพงกผมอย่างไม่เข้าใจ
“คุณหมอฌาคะ ให้สาวเรียกคนมาช่วยไหมคะ”เธอถามออกมาด้วยอารามตกใจ ผมเกือบจะตอบตกลงไปแล้วหาก *‘เขา’* คนนั้นไม่หยิบบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน หมอนั่น! คิดจะขู่ผม!
“มะ ไม่เป็นไรครับ สองคนนี้ เอ่อ เป็นคนรู้จักของผมเอง” ผู้ชายคนหนึ่งจ้องหน้ารินอย่างเรื่องโดยที่รินเองก็จ้องกลับด้วยความไม่พอใจเช่นกัน คุณสาวพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูให้ผม ผมเลือกที่จะสนใจรินกับผู้ชายคนนั้นมากกว่า อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเห็นสายตาโลมเลียจากอีกคน
“รู้งานดีนี่!” ผมไม่สนใจเสียงจากเขาที่พูดจาแดกดันผม
“มาทำไมคะ รินบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเราเลิกกัน”เลิกกันเหรอ?นี่มันอะไรกัน ผมมองรินกับผู้ชายที่ผมไม่รู้จักชื่อจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เลิก? เลิกกับพี่.....แล้วไปคบกับไอหมอนี่นะเหรอ!!” อะไรไม่เกี่ยวกับผมสัยหน่อย แต่มันก็เรียกสายตาดุดันจากผู้ชายที่ชื่อภูมิระพีได้
“หมอฌาไม่เกี่ยว!!! พี่เต้เลิกดึงหมอฌามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียที!!!”เมื่อเห็นว่าการโต้เถียงเริ่มดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นเพื่อปิดล็อคประตูชั้นที่สอง โดยมีสายตาของเขาจ้องมองอยู่
“ จะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อหมอนี่เป็นคนทำให้ริน บอกเลิกกับพี่!!!”
“ไม่ใช่!!! ที่รินเลิกกับพี่เต้เพราะพี่เต้ให้เพื่อนมาข่มขืนหมอฌาต่างหาก!!!!”
“...!!!” ระ ริน รินรู้ ผมนิ่งอึ้งเหมือนทุกสายตาหันมามองที่ผม ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังและแน่นอนว่ารินด้วยแล้วผมไม่เคยคิดจะเล่า ผมรู้สึกจุกอกพูดอะไรไม่ออกร่างกายไม่มีแรงจะยืนเสียดื้อๆ
“ปากสว่างจริงนะ!” คำพูดของคุณเต้ไม่ได้เข้าหูผมเลยตอนนี้ทุกเสียงในห้องไม่ทีความหมายต่อผมสักนิด
“อย่ามาว่าหมอฌานะ!! หมอฌาไม่ใช่คนที่บอกริน!”ผมเริ่มได้สติ ตัวผมเองก็อยากจะรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ขอร้องเถอะ อย่าได้เป็นเพราะคลิปเลย
“ถ้าไม่ใช่มัน แล้วจะเป็นใคร!!” รินหลบตาราวกับไม่ต้องการมองหน้าอาชญากร
“ริน....ไปหาพี่เต้ที่บ้าน.......รินได้ยินที่พี่เต้และพี่ภูมิพูดกัน”คุณเต้หน้าเสียมองหน้ารินอย่างตกตะลึง
“...!!!”
“พี่ทำได้ยังไงพี่เต้ พี่ให้พี่ภูมิมาทำกับหมอฌาแบบนี้ได้ยังไง!!!”
“ก็เพราะรินนอนกับมันไง!! รินนอนกับมันแต่กลับบ่ายเบี่ยงพี่!!”
“นี่ที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะรินไม่ยอมนอนกับพี่แค่นั้นเหรอ” รินยิ้มเยาะตัวเองสายตามองเต้มีแต่ความว่างเปล่า คุณเต้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างมันดูไม่เหมือนที่คิดไว้
“ไม่ใช่ริน พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”น้ำเสียงของเต้ดูอ่อนลงแต่มันไม่ได้ทำให้รินอารมณ์เย็นลงเลยสักนิด น้ำตาไหลนองใบหน้าหวานริมฝีปากเล็กๆถูกกัดเอาไว้เพื่อระงับอาการสั่น
“รินจะบอกให้นะ ริน.....ไม่เคยนอนกับหมอ!! ไม่เคยนอนกับใครทั้งนั้น!!!”เต้แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟังคำพูดของริน
“ไม่จริงน่า.....”
“หึ!! จริงสิคะ รินไม่เคยนอนกับหมอเลยสักครั้งเดียว”
“ริน.....” คุณเต้เรียกรินด้วยน้ำเสียงอาลัยมันช่างเบาราวกับกระซิบ
“รินมารักษาที่นี่ เพราะรินอยากจะนอนกับพี่ แต่รินทำไม่ได้!!!หมอกำลังช่วยริน!! แต่พี่กลับทำร้ายเขา!!!”
ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่สัมผัสผิวแก้มจนต้องยกมือขึ้นมาจับมันดู อะไรกัน นี่ผมร้องไห้เหรอ ผมอยากจะหัวเราะ อยากจะบอกรินเหลือเกินว่าผมไม่เป็นไร แต่ผมพูดออกไปไม่ได้ลำคอผมมันรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุดอยู่แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำกับร่างกายที่สั่นสะท้าน น้ำตามันขมแบบนี้นี่เอง ราชาติมันเป็นแบบนี้นี่เองความเสียใจ
“หมอ....ผม” คุณเต้มองหน้าผมพยายามจะสื่อสารและบอกอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่อยากฟังไม่อยากได้ยินอะไรจากเขา คุณเต้แม้ไม่ได้ลงมือกระทำแต่เขาคือคนที่ส่งคุณภูมิมาทำร้ายผม ย่ำยีศักดิ์ศรีของผม ดูถูกความเป็นหมอของผมจนผมต้องยินยอมให้อีกฝ่ายทำร้าย ความโหดร้ายมันไม่เคยหายไป แค่หลับตามันก็วนเวียนกลับมาจนผมแทบจะอาเจียนออกมา
“ผม....ไม่อยาก....ฟัง”
“หมอคะ รินขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมดรินขอโทษจริงๆ” รินจับมือผมแน่นยกมันขึ้นแนบหน้าผากเล็กๆจนน้ำตาของเธอหยดใส่ ผมลูบหัวเธออย่างปลอบประโลมไม่อยากให้เด็กสาวใสซื่อต้องเสียน้ำตาแบบนี้เลย
"ผม.........ผมจะปิดเคสของรินวันนี้ อาการของรินที่เป็นอยู่คือความกลัวของจิตใจรินต้องถามตัวเองว่ากลัวอะไร กลัวเสียใจหรือว่ากลัวจะทำให้คนที่บ้านผิดหวัง ผมทำได้แค่วินิจฉัย ต่อจากนี้รินต้องคุยกับตัวเองตัดสินใจด้วยตัวเองนั่นคือสิ่งที่รินต้องทำ”
“ฮือ หมอฌาขา” ผมส่งยิ้มให้รินที่เอาแต่ร้องไห้อยู่กับมือของผมทั้งๆที่ใบหน้าผมก็เปื้อนคราบน้ำตาไม่ต่างกัน
“ผมไม่เคยโกรธรินสักครั้ง ทุกอย่างมันไม่ใช่ความผิดรินดูแลตัวเองดีๆนะ” ครั้งสุดท้ายนี้ผมดีใจที่น้องสาวของผมไม่มีโรคอะไรร้ายแรงเป็นเพียงความขัดแย้งของร่างกายกับจิตใจเท่านั้น รินปล่อยมือผมพร้อมกับเปิดประตูออกไป
“คุณหมอครับ ผมอยากขอโทษ ผมผิดเองที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนจะให้เพื่อนตัวเองทำแบบนั้น ผมหวังว่าสักวันหมอจะอภัยให้ผม ผมรักรินมากและหึงมาก หวังว่าหมอจะอภัยให้ผมนะครับ”
ผมไม่ตอบกลับใดๆและดูเหมือนเต้เองก็ไม่ได้อยากจะฟังคำตอบจากผม เขาวิ่งตามร่างของรินที่ออกไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงผมกับคุณภูมิ ผู้ชายที่ทำร้ายผมอย่างไม่น่าให้อภัย ผมอึดอัดรอให้เขาเดินออกไปแต่ไม่เลย เขาไม่คิดจะออกไปหนำซ้ำยังปิดประตูลงกลอนอีกครั้งจนผมต้องหันไปมองด้วยความตกใจ
“ต้องการอะไรอีก!!” ผมไม่อยากจะพูดกับเขาสักนิด แต่ผมทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่เริ่มมันก็จะไม่จบ
“......”
“อย่ากวนประสาทผมด้วยการเงียบ ผมมีงานต้องทำออกไปจากห้องของผมได้แล้วครับ คุณภูมิระพี” คุณภูมิเอาแต่ยืนเงียบมองหน้าผมนิ่งๆไม่พูดไม่จาอะไร
“.....”
“ออก ไป” ผมชี้นิ้วสั่นๆไปที่ประตูพยายามบังคับร่างกายไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็น
หมับ!!
ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างทั้งร่างถูกภูมิรวบไปกอดแน่นผมสะบัดตัวพยายามดันร่างของเขาออกแต่ยิ่ฃผมดิ้นรนเท่าไหร่อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งรัดผมแน่นขึ้นเท่านั้น
“ฉัน......ขอโทษ ฉันน่าจะฟังนาย” มาพูดตอนนี้แล้วมันได้อะไรกันผมได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
“มันสายไปแล้ว ปล่อยผม!!”
“นายอาจจะโกรธฉัน แต่ฉันอยากจะบอกให้รู้แค่เห็นหน้านายจากรูปที่ไอเต้ให้ฉันดูวันนั้น ฉันก็ตกหลุมรักนายไปแล้ว”รักผมงั้นเหรอตลกดีนะครับ เพราะการกระทำของเขามันห่างไกลคำว่ารักไปเยอะเลย
“ลบคลิปของผมซะ!! ถือว่าผมขอร้องล่ะครับ ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง”คุณภูมิถอนหายใจก่อนจะดันตัวออกมาสบตากับผม
“มันไม่มีคลิปหรอก ฉันลบมันตั้งแต่ออกจากห้องนายแล้ว” ก็ดีในเมื่อไม่มีคลิปแล้วผมก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก
ผัวะ!!
“นี่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำร้ายผม กลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก!!ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” เลือดสีแดงไหลจากมุมปากของคุณภูมิไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แววตาตัดพ้อที่เขาส่งมาต่างหากที่ทำให้ผมชาวาบ เขามีสิทธิ์อะไรมาตัดพ้อผมกันคนที่เจ็บมันผมต่างหาก
“ฉันจะกลับไป....วันนี้ แต่.....ฉันจะมาอีก จะมาทุกวัน ต่อจากนี้ไปฉันจะจีบนาย”
“ผมจะไม่ให้คุณเข้ามา!!” แม้ผมจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแค่ไหนอีกฝ่ายก็ทำเพียงส่งยิ้มมาให้ผม
“ไม่มีปัญหา ฉันมีวิธีเข้ามาหานายได้เสมอ” ตัวแทบล้มทั้งยืนเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
“ไหนคุณบอกว่าลบคลิปไปแล้ว!!”
“ไม่ใช่ ฉันลบไปแล้วจริงๆ แน่นอนว่าไม่ใช่วิธีนั้น” ผมกัดริมฝีปากแน่นในใจตะโกนร้องถามว่ายังไง แต่จะให้พูดออกไปหรือไม่มีทาง
“คุณไม่มีวันเข้ามาได้อีกแน่ กลับออกไปซะ!!ออกไปจากคลินิกผม!!” คุณภูมิสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเดินถอยหลังอย่างระแวงจนแผ่นหลังของผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของผนัง
“แล้วเราจะได้เห็นกัน ว่าฉันทำได้อย่างที่พูดไหม”
“...!!!” เขาโน้มตัวมาจูบผมและผละออกอย่างรวดเร็วจนผมนิ่งค้างอยู่เช่นเดิมทั้งๆที่เขาเดินออกไปแล้ว ผมยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว อาการแบบนี้คืออะไร อาลัยอาวรณ์เหรอ ไม่น่าจะใจ ทำไมกันนะ ในใจผมมันร่ำร้องราวกับว่า ต้องการมากขึ้นกว่านี้ เพียงแค่ความอบอุ่นจากริมฝีปากของเขามันไม่เพียงพอต่อใจงั้นเหรอไม่ๆ ผมสะบัดไล่ความคิดแปลกๆของตัวเอง แค่เขาพูดว่ารักไม่ได้ทำให้ใจผมหวั่นไหวหรอก ไม่เลย ไม่เลย...สักนิด
คลินิกมารักษ์ทีเคยเงียบสงบ แต่บัดนี้ เพียงแค่อาทิตย์เดียว อาทิตย์เดียวคุณภูมิระพีก็เข้ามาได้ถึงในตัวคลินิกแล้ว!!! ผมยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นเขายืนคุยกับคุณสาวอย่างถูกคอ บางวันแทบจะเข้าไปคุยเล่นกับไอสามด้วยซ้ำ ตกลงเราเปิดคลินิกหรือห้างกันแน่วะ ไอคนไม่เกี่ยวข้องถึงได้เข้าๆออกๆอย่าสบายใจแบบนี้ ผมเคยเดินเข้าไปถามไอสามว่ารู้จักเขาด้วยเหรอ มันตอบกลับมากวนตีนแค่ไหนรู้ไหมมันบอกว่า
‘อ้าว......ผัวเพื่อนทำไมเพื่อนจะไม่รู้จัก’
คำพูดมันนี่กระตุกตีนผมให้ไปแนบหน้ามันมาก แถมมันเองยังพาคุณภูมิไปรู้จักเพื่อนๆผมที่ห้องตรวจอื่นอีก เอาเป็นว่าตอนนี้เก้าห้องตรวจสนิทกับเขาหมด ส่วนผมน่ะเหรอ นั่งเป็นหมาหัวเน่าเฝ้าห้องตรวจต่อไปเถอะครับ แต่อย่างน้อยเขาก็แวะเวียนฝากของกินให้คุณสาวเอามาให้ผมบ้าง ผมก็ไม่ได้อยากจะกินหรอกครับ ก็แค่......หิวเท่านั้นล่ะ
“ไอฌา!!.......ผัวมึงไม่มาเหรอวะวันนี้” หนอย!!!
“ไม่รู้โว้ย!! ไม่มีผัว!!!”
พอได้ยินคำตอบของผมไอภพเพื่อนประจำห้องตรวจที่เก้าก็หัวเราะจนตัวงอ ไอบ้าเอ้ย!! กูจะแช่งให้มึงมีเมียเป็นผู้ชาย!! ผมหงุดหงิดจนต้องเดินออกมานอกคลินิกเพื่อกินลมชมวิวให้หายอารมณ์เสียสักหน่อย แต่ในหัวก็ไม่วายคิดถึงแต่เรื่องของเขา วันๆเขาทำอะไรบ้าง ไหนบอกว่าจะพิสูจน์ให้ผมเห็นแต่ที่เขาทำมันก็แค่มาหาเพื่อนคุยเสียมากกว่า
“ชิท!! ไอบ้าเอ้ย ไอคนหลอกลวง!”
ผมเตะก้อนหินข้างทางด้วยอารมณ์หงุดหงิดจนมันเด้งกระเด็นไปไกลลิบ ถ้าหมอนั่นเป็นก้อนหินเมื่อกี้ผมคงจะสะใจกว่านี้เยอะเลย ผมเดินไปเรื่อยจนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองวนกลับมาหน้าคลินิกเมื่อไหร่
“หือ นี่อะไรหว่า?” ผมก้มลงหยิบกระดาษสีฟ้าแผ่นเล็กที่พื้นขึ้นมาอ่าน
‘หากคุณเปิดอ่าน กรุณาเดินมาตามทางลูกศร’
ลูกศรเนี่ยนะ ผมกวาดสายตามองหาจนพบว่ามันเป็นเทปกาวที่ถูกแปะไว้บนพื้นเป็นรูปลูกศรสีแดง ผมลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามทางนั้น ลูกศรที่ยาวไปตามทางเดินมันดูไกลหรือเป็นผมเองที่จิตใจคิดมากกับเรื่องนี้ รอบข้างมันไม่มีอะไรเลย ตึกแถวส่วนใหญ่ผู้คนก็ออกไปทำงานจึงมีเพียงรถที่สวนไปมาเท่านั้นที่พอจะทำให้ดูไม่เงียบได้ เมื่อสุดลูกศรแดงก็พบกระดาษแบบเดิมแปะเอาไว้
‘หยุดปกปิดและหลบซ่อน ความจริงที่มีต่อกัน’
ข้างหลัง? ผมหันไปหากวาดสายตาเพื่อหาอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยสักนิด จนผมถอนหายใจ นี่อาจจะเป็นเกมส์บ้าๆของใครบางคนที่ชอบแกล้ง หรืออาจจะเป็นเพียงความบังเอิญก็เป็นได้แต่ไม่ทันที่ผมจะได้เดินกลับไป สายตาผมพลันไปเห็นบางอย่างจากด้านข้างผมตอนนี้
นั่นมัน.........ดอกกุหลาบ
ผมหยิบมันขึ้นมาดู กูหลาบสีขาวกับริบบิ้นและการ์ดที่ถูกแนบมาทำให้ผมสนใจหรือนี่จะเป็นอีกเหตุการณ์ที่บังเอิญเท่านั้น
‘ดอมดมกลิ่นหอม จะพบความข้อความสำคัญ’
แม้จะแปลกใจแต่มือของผมที่ถือดอกไม้อยู่กลับขยับเข้ามาใกล้จมูกจนได้กลิ่นหอมหวาน สายตาของผมกวาดไปทั่วทั้งดอกไม้เพื่อหาสิ่งที่อาจจะมีตัวอักษรหรือข้อความอะไรอยู่ในนั้น แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ความเปล่งประกายวาววับยามต้องแสงแดดมันดูสวยจนผมอดชื่นชมในใจไม่ได้ แหวนเงิน คือสิ่งที่ถูกใส่เอาไว้ในดอกกุหลาบ แต่!! มันมาได้ยังไงกัน
“ชอบไหม ฉันเลือกเองเลยนะ”
“..!!”
ผมรีบหันไปมองเมื่อมีเสียงกระซิบข้างหูจากทางด้านหลังก็พบว่าเป็นเขา คุณภูมิยกยิ้มมองแหวนในมือผมที่ยังตกตะลึงไม่หาย จะ จะ จำเป็นต้องหล่อขนาดนี้ไหมผมจ้องมองคุณภูมิที่อยู่ในชุดสบายๆอย่างลืมตัว หัวใจผมเต้นแรงเพียงเพราะแค่ได้เห็นหน้าเขาแค่ได้ยินเสียงเขา
“สั่งทำพิเศษเลยนะ สลักชื่อนายไว้ที่ตัวแหวนด้วย”
“.....”ผมเม้มปาก ตัดสินใจยื่นแหวนคืนคุณภูมิไป
“ไม่ชอบเหรอ หรือเธอยังโกรธฉันอยู่อ๋อ!! ฉันรู้แล้ว” ผมไม่ทันได้ตอบอะไรแต่ดูเหมือนคุณภูมิจะตัดสินใจเองเรียบร้อย ผมตกใจเมื่อเขาคุกเข่าลงกับพื้นดึงแหวนจากมือผมไปถือไว้ เขาจับมือซ้ายของผมเอาไว้ มองสบตาผมอย่างหว่นซึ้ง
“คุณ!! คุณทำอะไรน่ะ!!” ผมพยายามจะดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ
“ฌา.......แต่งงานกับฉันนะ”
“...!!!” ตัวผมชาวาบ ขนลุกตั้งแต่หัวยันปลายนิ้วเท้าเมื่อเห็นว่าเขากำลังขอผมแต่งงาน ในเต้นแรงด้วยความปิติแต่เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ก่อนหน้าที้ขาทำร้ายผมมันก็เวียนกลับเข้ามาในหัว ภาพเหตุการณ์นั้นไม่เคยเลือนหายไปสักวัน แล้วแบบนี้.....ผมจะฝากชีวิตไว้กับคนที่ทำร้ายผมได้เชียวหรือ
“ว่าไงครับ” ผมสบตาเจาด้วยแววตาเจ็บปวด ดึงมือออกจากกับจับกุมของเขาช้าๆ คุณภูมิดูงุนงงและไม้ข้าใจกับสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไป
“ขอโทษครับ ผมแต่งกับคุณไม่ได้”ผมหันหลังเดินหนีเขามาจากตรงนั้น แม้จะอยากรับแหวนมากเพียงใด แต่ใครจะบอกได้ล่ะครับว่าเขาจะไม่ทำร้ายผมเหมือนวันนั้นอีก
หมับ!!
“ทำไมถึงแต่งไม่ได้ นายมีคนที่รักแล้วหรือไง!!” คุณภูมิดูอารมณ์เสียกับคำปฏิเสธของผมเห็นได้ชัดจากแรงบีบที่แขน
“เปล่า......แต่ถึงจะมีไม่มี มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณเรื่องของเพื่อนคุณก็จบไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับผมอีก”
“ไม่เกี่ยวกับไอเต้!! ฉันมาที่นี่เพราะนายไม่เข้าใจหรือไง” สายตาเศร้าสร้อยของเขาทำให้ผมต้องเมินหน้าหนี ไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิดว่าผมใจสั่น
“ผม.....ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!”
ผมตัดสินใจวิ่งหนี้เขามา ไม่หันกลับไปมองแม้จะได้ยินเสียงเรียกไล่หลังมาก็ตาม ความกลัวที่อยู่ในจิตใจผมไม่ได้หายไปง่ายๆผมรู้ดี ผมเป็นหมอเจอเรื่องพวกที่จากคนไข้มามากมาย ความเจ็บปวดที่ถูกฝังลึกจะไม่มีทางห่ยไปได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ผมมันก็แค่เด็กชายฌชาที่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่แน่นอน ตัวผมที่ผ่านมาไม่เคยสักครั้งที่เดินไปตามทางเดินที่ไม่มั่นคงหากตัวผมไม่มั่นใจ ผมไม่มีวันย่างเท้าไปเด็ดขาด ใครๆอาจจะมองว่าผมเป็นคุณชายฌชาที่แสนจะเพอร์เฟค มีทั้งสาวและเงินทองมากองให้เลือก แต่ความจริงคือ....ผมมันขี้ขลาด ผมแค่ไม่กล้าตัดใจอะไรคนเดียว ไม่กล้าจะเลือกอะไรด้วยตัวเอง บ่อยครั้งที่เวลาผมและเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันถ้ามีสาวๆเข้ามา ผมมักจะให้เพื่อนเลือกก่อนเสมอ ส่วนที่เหลืออยู่ผมก็เก็บไว้เอง หึหึ แต่ยังดีนะครับ ที่สาวๆพวกนั้นไซส์เดียวกันหมดผมเลยไม่เฟลอะไรมากมาย
“อ้าว!! กลับมาแล้วเหรอวะ” ปากมันถามผมแต่สายตากวาดหาไปทางด้านหลังของผม
“มึงมองหาใครวะเสือ”
“หาผัวมึงไง ก็นึกว่ามึงจะกลับมาพร้อมกัน” ผมขมวดคิ้วดูพวกมันจะขยันเรียกคุณภูมิว่าผัวผมกันเหลือเกิน
“คุณภูมิ?”
“ใช่ดิ......หรือมึงมีผัวหลายคน”
ผลั๊วะ!!!
“โอ้ย!!! มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!!” ไอเสือร้องโอเครวญเมื่อถูกผมตบหัวเข้าอย่างจัง มันทำหน้าตาราวกับจะเป็นจะตายทั้งๆที่ผมใส่แรงไปแค่นิดเดียว โอเวอร์แอคติ้งได้อีกเพื่อนผม
“กูกับคุณภูมิไม่ใช่ผัวเมียกัน และเมื่อไม่ใช่ผัวเมียก็หมายความว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องกลับมาที่คลินิกพร้อมกัน” ผมพยายามพูดด้วยเหตุผลแต่ไอเสือกลับทำหน้าตาล้อเลียนจนผมตกขาขึ้นถีบมัน เสียดายที่มันไวหลบได้ซะงั้น
“เหรออออออออ กูเชื่อๆ” เชื่อแค่ปากมั้งนั้น หน้าตามึงไม่ได้ดูเชื่อกูเลย
“ก็ดี หัดเชื่อความจริงเสียบ้าง”
“กูเชื่อ.........ว่ามึงมีผัวเชื่อภูมิ!!”
“ไอเหี้ยเสือ!!!!!!!”
พอมันปล่อยระเบิดสุดท้ายให้ผมเจ็บๆคันๆเสร็จตัวมันก็วิ่งตัวปลิวหายเข้าไปในห้องตรวจ ทิ้งให้ผมยืนโมโหอยู่ที่เดิมคนเดียว ทำไมผมพูดอะไรไปถึงไม่มีใครเชื่อผมกันนะที่คุณภูมิพูดล่ะเชื่อกันดีจริงๆ ผมหรือคุณภูมิกันแน่ที่เป็นเพื่อนพวกมัน พอสงบสติอารมณ์ได้ผมก็เลือกที่จะเดินไปที่ห้องตรวจเพื่อจะดูแลคนไข้ต่อ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเดิน ผมก็ถูกจับไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของใครบางคน
“คุณภูมิ...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างไม่เชื่อสายตาก็ผมนึกว่าเขาจะถอดใจเลิกยุ่งกับผมไปแล้วนี่ แต่ทำไมเขายังมาที่นี่อีกล่ะ
“ฉันไม่ยอมหรอก คำตอบที่ฉันต้องการได้ยินคือตกลง เท่านั้น” ผมดึงแขนออกอย่างสุภาพแม้ว่าแรงที่เขาจับจะมากเพียงมดก็ตาม แต่การที่ผมปล่อยให้เขาทำแบบนี้ในที่ทำงานของผม มันดูจะไม่สมควร
“ผมบอกไปชัดแล้วนี่ครับ ว่าไม่ อ๊ะ!”จู่ๆแขนทั้งสองข้างของผมก็ถูกมือใหญ่จับเอาไว้อย่างแรงพร้อมดึงให้ผมเข้าไปใหล้ตัวเขาจนใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบเดียว
“ตกลงนายจะปฏิเสธให้ได้เลยใช่ไหม” น้ำเสียงกับสายตาดุตรงหน้าทำให้ร่างกายของผมสั่นเขาน่ากลัวเหลือเกิน
“ผ.....ผม....ผมพูดชัดแล้ว”
“ก็ดี!!” เขาปล่อยแขนผมออกยืดตัวขึ้นกวาดสายตาไปทางด้านหลังของผมแล้วยกยิ้มก่อนจะหันมาสบตาของผมอีกครั้ง
“....!!” ผมรู้สึกโหวงๆชบอกลเป็นคนปฏิเสธเขาแท้ๆ แต่กลับรู้สึกแปลกๆเมื่อเขายอมรับมันง่ายๆ อาการคับอกที่รับรู้ได้ว่าหัวใจเต้นแรงกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรนะ
“ในเมื่อนายไม่ยอมแต่งกับฉัน ถ้าอย่างนั้น.....อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ”ผมที่ยืนก้มหน้าได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจนไม่กล้ามองสายตาของอีกฝ่าย ทั้งๆที่ผมบอกให้เขาหยุดเองแท้ๆแต่เมื่อเขาหยุดอย่างที่ผมบอก ผมกลับกลัว กลัวที่จะเจอมัน
เขาไปแล้ว
คุณภูมิเดินออกไปจากคลินิกโดยไม่หันมามองอีก ผมรู้ว่าควรจะดีใจควรจะโล่งอกแต่ไม่รู้ทำไม มือผมถึงกำแน่นอยู่ข้างลำตัวบางอย่าจุกอยู่ที่บริเวณลำคอ ผมยืนอยู่ที่เดิมนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือของใครบางคนมาแตะบริเวณไหล่จนผมต้องหันไปมอง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ผมหันไปมองสอบตากับวายไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแลบไหนแต่เมื่อรู้สึกตัวผมก็หันไปยิ้มให้
“เฮ้ย....สบายมาก”
“อย่าฝืนเลย มึงแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว”วายมองผมอย่างสงสารแต่ตัวผมกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองน่าสงสารตรงไหน เพียงแค่เขาหายไป ผมไม่มีทางรู้สึกอะไรอยู่แล้ว
“ไม่หรอกน่า มึงก็พูดไปกูสบายดีจะตาย ดีเสียอีกไปได้สักที กูรำคาญ” ผมพยายามยิ้มแย้มตอบกลับให้มันสบายใจแต่ไอวายกลับไม่เชื่อผมซะงั้น
“เอาเถอะ......ถ้าไม่ไหวก็บอกกู กูอยู่ที่ห้องตรวจเหมือนเดิม”
“อืม.....ขอบใจมึงมาก”
แม้ปากจะตอบไอวายอย่างปกติแต่สายตาผมยังคงไม่ละจากประตูที่คุณภูมืเพิ่งจะเดินจากไป ความวูบโหวงในหัวใจทำให้ผมไม่อาจจะปฏิเสธความจริงข้อหนึ่งได้
ผมอาจจะรักคุณภูมิจริงๆวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วผมใช้เวลาทั้ฃหมดกับการรักษาคนไข้แต่แปลก......ปกติคนไข้สาวๆสวยๆจะต้องทำให้ผมหวั่นไหว แต่ช่วงหลังๆมานี้ผมเหม่อลอยจนเพื่อนๆทักผอมลงจากการทานข้าวน้อยลง ไม่รู้สิครับ อยู่ๆอะไรๆมันก็ไม่น่ากินเลย ผมมักเผลอถอนหายใจบ่อยๆขณะรักษาคนไข้อยู่จนถึงขั้นถูกถามด้วยความร้อนใจว่าป่วยหนักเหรอเดือดร้อนผมต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าตัวเองไม่ได้ป่วยหนักเพียงแต่หมออย่างผมกำลังกลุ้มใจเท่านั้นเองเมื่อความรู้สึกมันตีขึ้นมาจนถึงอก อัดแน่นจนผมหายใจไม่ออกผมจึงตัดสินใจหยิบมือถือออกมา
ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด
‘ฮัลโหล’
“นัด.......”
‘ว่าไงคะคุณหมอฌา วันนี้จะส่งคนไข้คนไหนมาให้ดิฉันอีกคะ’น้ำเสียงกระแหนะกระแหนจากปลายสายทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา
“นัดว่างไหม ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย”
‘หือ? ฌาเป็นอะไรเหรอน้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย’
“เรา......อยากรู้ว่า....” ผมกัดปากแม้จะสนิทกันยังไงแต่จะให้พูดออกไปมันก็ยากอยู่ดีสำหรับผม
‘......’
“เรา ถ้าเรากำลังคิดถึงคนๆนึง แล้วมีอาการแน่นหน้าอกเหมือนว่าจะหายใจไม่ออก มันเป็นเพราะอะไรเหรอ”
‘อืม......มันก็บอกยากนะ แล้วคนๆนี้เป็นอะไรกับฌาล่ะเพื่อนเหรอ หรือศัตรู’ นัดถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังถึงสถานะของคนๆนั้นจนทำให้ผมเผลอกำมือแน่น
“ป...เป็น...เอ่อ....เป็นคนที่ทำให้เราเจ็บปวด”
‘อ๋อ......แฟนเก่า’
“ไม่ใช่นะ!!” ผมตาโตรีบกระโกนตอบกลับไปจนปลายสานหัวเราะร่า
‘ร้อนรนจังเลยน๊า......อยากเห็นหน้าคนๆนี้จังทำให้หมอฌารักได้ขนาดนี้ งานดีแค่ไหนกันนะ’ ลมหายใจสะดุดเมื่อหูได้ยินคำว่าทำให้ผมรักจากนัดที่เป็นหมอด้านจิตเวชสรุปแล้ว ผมรักคุณภูมิจริงๆสินะ
“รัก........เลย เหรอ” ผมแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอแต่ปล่ยสายกลับเห็นเป็นเรื่องตลก
‘คิกๆ’ ได้ยินเสียงหวานหัวเราะมาแบบนั้นผมก็สะบัดหัวไล่ความคิดออกไป
“จริงสินัด คนไข้ที่ผมส่งไปวันก่อน คุณนีน่าน่ะ จำได้ไหม”
‘จำได้สิ ทำไมเหรอ’
“เธอเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นบ้างไหม” นัดถอนหายใจเมื่อผมถาม
‘จะว่ายังไงดี ปกติเขาอ่อยเขายั่วแต่ผู้ชายใช่หรือเปล่า’
“ใช่ ทำไมเหรอ”
‘ตอนนี้เธอพัฒนาขึ้นมากเลย’ ผมอุ่บวาบยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าอาการเธอดีขึ้น
“จริงเหรอ”
‘จริงสิ......พัฒนามายั่วผู้หญิงแทน’
หะ?? หา!!!!!!!!
“ห๊า!!!!!!!!” ผมร้องเสียงหลงจนลั่นห้องจะบ้าเหรอครับ ใครบ้างไม่ตกใจ จากยั่วยวนเพศตรงข้ามมายั่วแม้กระทั่งเพศเดียวกันแบบนี้มันเรียกว่าพัฒนาที่ไหนก๊านนนนนนนน
‘ไม่ต้องหาเลย นี่เราอยากจะด่าฌาเหลือเกิน ฌาส่งใครมารู้ไหมว่าความสงบสุขในชีวิตเรามันดิ่งลงเหวมากตอนนี้’
“เอ่อ คือ เรา” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างนากลำบาก
‘เกาะติดเป็นปลิง เผลอเป็นกอด เผลอเป็นจูบนี่เราแทบไม่ได้......หมอขา นีน่ามาหาหมอแล้วค่า // แค่นี้ก่อนนะ หายนะมาแล้ว’
ผมมองมือถือที่ถูกตัดสายไปอย่างงงๆ เสียงที่แทรกเข้ามาระหว่างคุยเป็นคุณนีน่าแน่นอนนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ตกลงผมส่งเธอไปรักษาใช่ไหมครับทำไมการพัฒนาของเธอไม่เหมือนคนอื่นเขากัน ไม่เอาล่ะ เลิกคิดดีกว่า ผมเดินออกจากห้องตรวจไปเพื่อจะไปหาคุณสาวคงต้องคุยกับเธอหน่อยเพราะผมกำลังมึนกับอาการของนีย่าอย่างมาก
“คุณสาวครับ...”
“คะหมอฌา ต้องการอะไรเหรอคะ” เธอเงยหน้ามองผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“คุณสาวเอ่อ ตอนส่งตัวคุณนี เอ่อ คุณสิรินาถ มี แบบว่ามีปัญหาอะไรไหมครับ” อยากจะถามเธอตรงๆว่านีน่ายั่วเธอไหมแต่ปากผมมันก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกไป
“ไม่นี่คะ เธอก็ดูปกติสาวยังคิดเลยว่าคนสวยๆแบบเธอป่วยเป็นโรคอะไร”
แสดงว่าตอนไปปกติ แล้วแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย!!!!ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ เรื่องที่ไม่เข้าก็มีเยอะ เรื่องที่คิดไม่ตกก็มีแยะ ชีวิตผมจะมีความสงบสุขบ้างไหม!!!!!!
หมับ!!
“เฮ้ย!!! อะไรวะ ปล่อยนะ!!!” ผมถูกคนแปลกหน้าสามคนจับแขนเอาไว้
“ขอโทษด้วยครับ คุณหมอฌา ผมได้รับคำสั่งให้มาพาคุณไป” ท่าทางพูดจานอบน้อม แต่แรงที่มึงบีบแขนกูกันอยู่มันไม่ได้นุ่มนวลเลยนะโว้ยยยผมสะบัดแขนออก มองคุณสาวอย่างต้องการความช่วยเหลือ
“ปล่อยผม!! คุณสาวช่วยผมด้วย!!” เธอส่งยิ้มให้พร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมา
“สาวเองก็ต้องไปกับคุณหมอฌานะคะ ช่วยหมอได้หรอกค่ะ” อะไรวะ ผมงงสิเจอแลบนี้ เผลอหยุดดิ้นด้วยความอึ้งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
“เราไม่ทำอะไรคุณหมอหรอกครับ เจ้านายผมแค่อยากให้คุณหมอไปกับเราดีๆ”บ้าหรือไง ผมมองทั้งสามตาขวาง ไม่สนใจแรงจับที่เพิ่มมากขึ้นเพราะผมสนใจแค่ว่าต้องหลุดไปจากคนพวกนี้ให้ได้
“เฮ้ยยยยย ไอวาย!! ไอสอง!! ไอภพ!!! ไอเพื่อนเหี้ย!!!!ช่วยกูด้วยยยยยย!!!!!!”
“ขออนุญาตครับคุณหมอ”
“ไม่อนุญาตโว้ย!!!” ผมแหวกละบแทบจะทันทีแต่ทั้งสามคนไม่มีใครสนใจฟังผมสักนิด เพราะแค่ขออนุญาตแต่ปากกันเสร็จก็เล่นหามผมออกไปขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ทันทีคุณสาวเองก็เดินตามมาขึ้นรถคันเดียวกับผมเช่นกัน แต่ดูเธอไม่เหมือนคนถูกบังคับให้มาเลยสักนิดแล้วไอพวกเพื่อนผมมันไปไหนกันหมด ผมแหกปากลั่นคลินิกแต่กลับไม่มีใครออกมาช่วยผมคนไข้ก็ไม่มี แล้วพวกมันทำอะไรกัน
“ว๊าย!! หมอหล่อ แต่หน้าหวานจัง!” ผมสะดุ้งหันไปมองผู้ชายร่างบอบบางหน้าสวยสองคนที่ท่าทางสะดีดสะดิ้งวี๊ดว๊ายเมื่อเห็นหน้าผม
“อ๊า!!! น่ากิน หมอขา!!!!” ผมถอยหนีอย่างตกใจเมื่อทั้งสองคนแทบจะกระโดดเข้ามาหาผม
“อย่าให้กูต้องโทรบอกนาย ว่ามึงจะแดกหมอ ไอต้อง ไอขาม”ได้ยินแบบนั้นทั้งสองคนก็หยุดชะงัก มองผมตาละห้อยจนรถออกตัวไปแต่.....เดี๋ยวนะ!!
“ปล่อยโว้ยยยย ไม่ป๊ายยยยยย กูจะลงงงงงง”
แหกปากไปเถอะครับ ไม่มีใครสนใจผมสักคนพอเสียงผมมันรบกวนหนักๆเข้า พวกสามคนหน้ารถก็เปิดเพลงดังลั่นจนหูผมอื้อไปหมดพอโวยวายมากๆผมก็เจ็บคอ เจ็บคอแล้วทำไง ก็เงียบสิครับ ทำยังไงได้ พอเห็นว่าผมเงียบพวกสองสาว(?)ก็จัดการจับผมลอกคราบแต่งชุดสูทสีขาว จับผมแต่งหน้าแต่งตาจนผมคิดว่าดูน่าตลกในที่สุดตัวรถก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ พอประตูถูกเปิดออกคุณสาวก็เดินลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจผมที่ยังไม่ยอมลงจากรถอีก
“ลงมาสิครับ นายผมรอคุณหมออยู่ด้านใน”
“ไม่ไปอ่ะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธขยับตัวเข้าไปข้างในรถมากขึ้น
“อย่าให้ผมต้องถึงขนาดลากหมอลงมาเลยครับ ผมไม่อยากโดนนายยิงทิ้ง”แววตาบ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจังจากคำพูดทำให้ผมไม่กล้าขัดขืนได้แต่เดินลงจากรถแต่โดยดีขนาดลูกน้องยังยิงทิ้งได้ นับประสาอะไรกับหมออย่างผม ประเทศยังขาดหมออีกมากเพราะงั้น.....ผมจะยอมทำตามแต่โดยดี เพื่อประเทศชาติ
ใครเบะปากมองบนผมขอให้เป็นหมัน!!!
“พามาแล้วครับนาย”
ผมถูกพาเข้ามาในห้องสวีทโรงแรมชั้นบนสุด ตอนลงรถและเดินตามพวกเขามาผมก็ช็อคแล้วนะทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าโรงแรมที่พวกเขาพาผมมามันเป็นโรงแรม5ดาวติดอันดับต้นๆของประเทศน่ะสิครับ ราคาก็ใช่ว่าจะน้อยๆ
“พาเข้ามา” เสียงอันคุ้นหูตอบกลับมาจากด้านในของห้องหนึ่งในสามคนที่พาผมมาจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วดันร่างผมเข้าไปด้านใน ผมก้าวไปอย่างกล้าๆกลัวๆห้องถูกโรยกลีบกุหลาบไปทั่วทั้งห้อง กลิ่นหอมกุหลาบเองก็ทำเอาผมเผลอสูดดมเข้าไปจนทั่วปอด
“พวกแกออกไปได้แล้ว”
ผู้ชายตัวสูงที่ยืนหันหลังให้ผมสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ทั้งสามคนที่พาผมมารีบโค้งให้พร้อมกับเดินออกไปตามคำสั่งผมยืนนิ่งพยายามนึกให้ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน เพราะแผ่นหลังกว้างช่างดูคุ้นตากับน้ำเสียงที่คุ้นหูมันเหมือนผมจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออก จนเมื่อเขาหันหน้ามา
“คุณ!!!!” คุณภูมิ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคือคุณภูมิ
“คิดถึงฉันไหมล่ะ ทำหน้าตาแบบนั้น ดีใจที่เจอฉันล่ะสิ”ผมยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเองกลัวจะเผลอยิ้มอย่างดีใจออกไป
“ค....ใคร ใครบอกคุณกัน!!” ให้ตายสิพอเห็นว่าผมร้อนรนอีกฝ่ายกลับยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
“แล้วนี่คุณให้พวกเขาพาผมมาทำไม”
“ดูไม่ออกเหรอ แต่งตัวขนาดนี้แล้วนะ” ผมกวาดสายตามองคนตรงหน้าที่แต่งตัวไม่ต่างจากผมเพียงแต่ของคุณภูมิเป็ยสูทสีดำผูกหูกระต่าย มันก็ดูดีจนผมเผลอจ้องนาน
“หึหึ มองแบบนั้นฉันก็เขินเป็นนะ”
“ผะ ผมเปล่า”
“ฉันให้พวกลูกน้องพานายมา.....เพื่อเข้าพิธีแต่งงาน”
“อะ อะไรนะ!!” ผมตกใจจนแทบช็อคก็ไหนตอนแรกเขาตัดใจเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมกัดริมฝีปากแน่นไม่เข้าใจความคิดเขาเลยสักนิด แต่ด้วยความไม่พอใจที่อยู่ลึกๆทำให้ผมหันหลังให้อีกฝ่าย
“ยินดีด้วยครับ แต่ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับผมผมคิดว่าผมคงกลับได้แล้ว”
หมับ!
“พิธีที่ขาดเจ้าสาว จะเรียกว่างานแต่งงานได้ยังไงล่ะ” ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะตะโกนร้องออกมาจนทำให้ขายขี้หน้าเขา
“ผมไม่รู้จักเจ้าสาว คงตามหาให้คุณไม่ได้แต่ผมยินดีจะอวยพรให้ ขอให้คุณทั้งสองคนมีความสุขมากๆครับ”
“เจ้าสาวของฉันไม่ต้องตามหา แค่นายยอมสวมแหวนวงนี้ก็พอ”เอวของผมถูกวงแขนของคุณภูมิรวบเข้าไปกอดไว้จากทางด้านหลัง ผมก้มลงมองแหวนวงเก่าที่เคยเห็นจากครั้งก่อนแฟวนที่ผมเคยปฏิเสธมัน แหวนที่ตอนนี้เจ้าของเอากลับมาให้ผมอีกครั้ง
“คุณบอกว่ากำลังจะแต่งงาน” วงแขนกว้างกระชับแน่นขึ้นจนตัวผมและเขาแนบชิดกัน
“ใช่”
“เจ้าสาวของคุณเป็นใครครับ” แม้ผมจะเห็นแหวนแม้เขาจะบอกให้ผมสวม แต่บางอย่างผมก็อยากจะได้ยินมันตรงๆ
“เจ้าสาวของฉัน ชื่อ......”
“........”
“น.พ ฌชา คือคนที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของฉัน”
“.......”
“คือคนที่ฉันคอยแต่คิดถึง อยากจะกอด อยากจะหอม”
“.......” เสียงทุ้มที่กระซิบริมใบหูนั้นทำให้ผมต้องก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านจากคำหวานของเขา
“คือคนที่กุมหัวใจดวงนี้เอาไว้หัวใจของฉันที่ไม่เคยมีใครได้มัน”
“.......” ผมมองตามมองที่ถูกกุมไว้ไปวางบนแผ่นอกข้างซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจจนรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นจากแผ่นอกนั้น
“แต่ฉันยกให้นาย”
“คุณ.......” ใบหน้าเห่อร้อนจนทำตัวไม่ถูกครั้นจะสบตาก็ไม่กล้าเพราะสายตาหวานหยาดเยิ้มที่ส่งมายิ่งทำให้ผมอาย
“ฌา แต่งงานกับฉันนะ”
“ครับ” ผมตอบรับเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิมนิ้วนางด้านซ้ายถูกเขาจับขึ้นมาบรรจงสวมแหวนสีเงินลงไปอย่างช้าๆ เพียงความเย็นของโลหะสัมผัสกับนิ้วความอบอุ่นก็กระจายตัวไปทั่วทั้งใจ ผมยกนิ้วที่มีอหวนเงินประดับอยู่ขึ้นมาดู อมยิ้มอย่างถูกใจและดีใจอยู่ในอ้อมแขนของคุณภูมิคุณภูมิกดริมฝีปากลงจูบบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา
“ลงไปกันเถอะ ป่านนี้ทุกคนคงรอเจอเจ้าบ่าวเจ้าสาวแย่แล้วบ่ะ”
“ครับ ไปกัน”
เราสองคนสบตากัน ความรักของเราทั้งสองคนส่งผ่านหากันจากแววตาจนมันกระจายออกมาทั่วทั้งห้องไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างผมจะมีวันนี้ วันที่ผมจะตกหลุมรักผู้ชายใจร้ายที่หวานจับใจ
TheEnd
ขอบคุณคับ ขอบคุณมากนะครับ{:5_130:} ขอบคุณครับ.
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ชอบมากซึ้ง Happy ending ไปอีกคู่ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับพี่ หมอตัวร้ายกับคุณชายเย็นชา ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ถึงร้ายก็รัก น่ารักมากๆ ขอบคุณครับ