เรื่องเล่าจากงานขาว-ดำ EP.1 ไอ้ตาคนบ้า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย depaper เมื่อ 2021-1-12 20:27เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง80% สถานที่และชื่อบุคคลล้วนสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิง
คัดลอกได้แต่กรุณาให้เครดิตผู้เขียน
.................
เรื่องเล่าจากงานขาว-ดำ EP.1 ไอ้ตาคนบ้า
ฺBy depaper
แม้จะปราศจากไฟฟ้า แต่แสงจันทร์ก็สว่างพอจะเผยให้เห็นเงาวูบไหวในป่าลิ้นจี่
เงาหนึ่งผอมสูงเก้งก้าง เงาหนึ่งอ้อนแอ้นดูบอบบาง สองเงากระหวัดรัดแน่น
มองไกล ๆ คล้ายงูใหญ่สองตนกำลังเสพสม หากคุณผ่านไปเห็นภาพนี้ ขอจงเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ อย่าได้คิดสงสัยกับเงามืดที่ไม่คุ้นเคยเลย...
.................
งานศพนี้เงียบกว่าที่คิด คนตายเป็นเพียงหญิงชาวนาแก่ ๆ จน ๆ ที่ไม่มีหน้าตาทางสังคม
แม้ช่วงค่ำจะมีนักการเมืองท้องถิ่นมาเคารพศพ แต่ก็เป็นไปตามหน้าที่
เพียงแค่ทักทายเจ้าภาพ กราบศพ มอบหรีด มอบเงินช่วยเหลือ ไม่เกินสิบนาทีก็เพียงพอแล้วกับการเรียกคะแนนเสียงในสมัยหน้า
หลังพระสวด ความเงียบก็เริ่มปกคลุมงานขาว-ดำ ลูกชายคนเดียวของยายแก่เมาหลับอยู่ข้างโลงศพแม่หน้าศาลาหมู่บ้านที่ตั้งศพ มีวงไพ่เล็กๆ นั่งเล่นกันเงียบๆ ส่วนโรงครัวด้านหลังศาลา มีเพียงผมที่นั่งแยกกระดูกออกจากเศษอาหารที่เริ่มส่งกลิ่น
"โครม !" เสียงจานสังกะสีกระทบอ่างปูนทำลายความเงียบในโรงครัว ตามด้วยเสียงเปิดน้ำล้างจานตึงตัง
เสียงฝีเท้าหนักๆ นั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของสัปเหร่อร่างใหญ่ หากไม่กร่างพอคงไม่มีใครเดินลงส้นเท้าแบบนี้
"อย่าให้เลอะเทอะนะ เสร็จแล้วก็ไปซะ" แม้จะไม่ปรายตามามองผม แต่เสียงทุ้มนั่นออกคำสั่งอย่างชัดเจน
"อื่อ" ผมส่งเสียงตอบรับเบา ๆ รู้ว่าเขาคงไม่สนใจจะได้ยิน
ยิ่งดึกยิ่งเงียบ แม้แต่แมลงกลางคืนก็ไม่ส่งเสียงเหมือนปรกติ ผมเดินถือถุงใส่เศษอาหารจากโรงครัว ยืนมองโลงไม้ของยายแก่จากไกล ๆ
ไม่รู้ว่าแกจะรู้สึกอย่างไรกับความตายที่เงียบเหงาเช่นนี้ เมื่อนึกย้อนเปรียบเทียบกับตัวเอง ผมก็ได้รู้ว่าชีวิตของผมนั้นเดียวดายไม่ต่างอะไรกับยายแก่ในโลง
ดวงตาผมเริ่มร้อนผ่าว น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบหน้า ในความพร่ามัว เหมือนกับว่าผมเห็นยายแก่นั่งลูบหัวลูกชายขี้เมาของแกช้า ๆ ทอดสายตามองมาทางผม!
ผมปาดน้ำตาเดินหันหลังออกมาอย่างไม่นึกกลัว คนที่หากินกับงานศพอย่างผมการเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นดูจะเป็นเรื่องธรรมดา
"นะ นะ น้อง... น้อง..." เสียงติต ๆ ขัด ๆ นั่นไม่ได้ทำให้ผมตกใจ แต่แปลกใจว่าเหตุใด ไอ้ตาเจ้าของเสียงจึงมองเห็นผมที่เดินอยู่ในมุมมืดเช่นนี้
"ไอ้ตาคนบ้า" คืนชื่อที่ชาวบ้านมอบให้เขา แต่ผมว่าไอ้ตาห่างไกลจากความเป็นบ้าอยู่มาก มันอาจจะคิดช้า ดูเหม่อลอย พูดจาติดอ่าง แต่มันก็ดูแลตัวเองได้สะอาดสะอ้าน และประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตัว
ผมเห็นไอ้ตามานาน อาชีพของมันคือรับจ้างนวดในงานศพ ฝีมือมันมีไม่มากพอจะนวดแก้อาการ แต่ก็เพียงพอจะทำคลายเมื่อยบ่าเมื่อยคอให้นักพนันได้บ้าง ไอ้ตาคนบ้าจึงมีสถานะคนหากินในงานศพไม่ต่างจากผม
"กะ กะ กลับแล้วเหรอ" ไอ้ตาถามผม
"อื่อ" ผมตอบสั้น ๆ
"ปะ ปะไปด้วยดิ"
"ไปไหน" ผมถามกลับ
"ปะ ปะ ไปส่งไง มะ มะ มันมืด"
ผมหัวเราะเบาๆ"ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจ วันนี้ทำไมถึงทัก"
"ก็พะ พะ เพิ่งเห็นไง" ไอ้ตาตอบพาซื่อ
.....
ในค่ำคืนอันเงียบงัน ผมและไอ้ตาเดินเคียงข้างกันท่ามกลางความมืดจนมาถึงทางสามแพร่งเบื้องหลังเป็นทางจากวัด เลี้ยวซ้ายเป็นทางเข้าหมูบ้าน เลี้ยวขวาไปป่าช้า
"บ้าน หยู่ หยู่ อยู่ไหน" ไอ้ตาเอ่ยทำลายความเงียบ
"อ้าวไม่รู้แล้วเดินตามมาทำไม"
"กะ กะ ก็ไม่รู้ อยากมะ มา ส่งเฉย ๆ" ไอ้ตายิ้มซื่อ
"อยู่หลังป่าช้านู้น"
ได้ฟังคำตอบไอ้ตานิ่งไป ชาวบ้านเขาว่าป่าช้าหน้าบ้านผมผีดุนัก ขนาดคนบ้านอย่างไอ้ตายังสะดุด
"มะ มะไม่กลัว ถะ ถ้า ถ้า กลัวจะมาด้วยเหรอ ห้า ๆ" ไอ้ตาตอบกลั้วหัวเราะ
"ยะ อยู่ อยู่บ้านกับใคร"
"อยู่คนเดียว"
"มะ มะ ไม่เหงาเหรอ"
"ก็เหงานะ... แต่ทำไงได้ล่ะ" ลมหนาวโชยมาจนผมต้องยกมือขึ้นกอดอก
"นะ นวดไหม พะ พี่ นวดให้"
"นวดแล้วจะหายเหงาได้ไง"
"ดะ ดะ ได้สิ" ไอ้ตาหยุดเดิน อ้อมมายืนประจันหน้ากับผม
แสงจันทร์นวลระบายลงบนใบหน้าของไอตา แม้จะผอม แต่โหนกแก้มชัดสันกรามคมสมชายชาตรี ใต้คิ้วเข้มนั้นคือดวงตาดำขลับดูดุดันแต่ใสซื่อ แม้จะยืนห่างกันอยู่ศอก แต่ผมก็ได้กลิ่นเหงือจากเสื้อฟุตบอลจนใจเต้น
"ดะ ดะเดี๋ยวจะเอา อันนี้นวดให้" ไอ้ตาชื้มือไปที่เป้ากางเกง
"ขะ ของพี่ อันเท่านี้ " มันเอานิ้วชี้สองนิ้วมาต่อกันให้ผมดูอวดอ้างสรรพคุณ จนผมอดขำกับท่าทางของไอ้ตาไม่ได้
ผมเดินเข้าป่าลิ้นจี่ข้างทาง ก่อนจะหันมายิ้มให้ไอ้ตา "มาสิ..."
.......
แสงจันทร์ลอดลงระหว่างใบลิ้นจี่ ฉายลงบนพื้นเป็นดอกดวงสีเงินยวง พอลมหนาวพัดใบลิ้นจี่ไหวดอกไม้บนดินวูบวาบตาม ผมยกมือขึ้นเล่นกับดอกแสงจันทร์ที่วูบไหวปล่อยให้แสงนั่นเต้นเร่าอยู่บนหลังมือ ก่อนที่จะถูกไอ้ตาคว้าไปประทับจูบ
ที่ร่องสวนผมนอนทอดกายให้ไอ้ตาใช้มือบีบนวดไปทั่วร่าง มันไล่มือจากปลายเท้า นวดเฟ้นขึ้นมาที่เรียวขา มันแทรกตัวเข้ามาที่หว่างขาผม ยกขาทั้งสองพาดบ่า แล้วโน้มตัวลงมา แน่นอนว่าดุ้นเนื้อในกางเกงฟุตบอลของมันกำลังนวดร่องรูผมจนอุ่นวาบ
ยิ่งดึก อากาศยิ่งหนาว เสียงน้ำค้างกระทบใบลิ้นจี่ดังเปาะแปะ เปาะแปะ
มือไม้ของผมกับไอ้ตาแปะปายเหมือนจะหาความอบอุ่นจากกันและกัน
ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ เมื่อปากของเราใกล้กัน
ดวงดำดำใสไร้เดียงสานั่น ทำผมชั่งใจอยู่สักพัก ว่าจะปล่อยใจตามแรงปรารถนาหรือจะพอแค่นี้ จนเมื่อริมฝีปากของไอ้ตาใกล้เกือบสัมผัสริมฝีปากบางของผม ผมจึงหักใจหันหน้าหนีจูบนั้นแม้จะเสียดายเพียงใด
ก่อนที่ไอ้ตาจะคิดอะไร ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมไอ้ตา จมูกปากตะบมซุกไซ้ที่ซอกคอของไอ้ตา กลิ่นเหงื่อของคนหนุ่มเย้ายวนจนผมอดใจไม่ไหว ถลกเสื้อฟุตบอลไอ้ตาออก แล้วยกแขนของมันขึ้น ก่อนจะฝังหน้าลงไปในกลุ่มขนรักแร้ดกดำ สูดหายใจกำซาบกลิ่นสาบลึกนั้นจนพอใจ
ไอ้ตาในเวลานี้นอนเปลืยท่อนบนตัวสั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหนาวหรือเพราะถูกผมโลมเลียหัวนมทั้งสองข้าง แสงจันทร์ที่ลอดใบลิ้นจี่เต้นเร่าอยู่บนหน้าท้องแบนราบ ผมนึกสนุกไล่งับดอกแสงจันทร์บนหน้าท้องนั่นจนมันหัวเราะคิดคักผมเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มไร้เดียงสานั่นอยู่นาน เหมือนจะบันทึกภาพไว้ให้คิดถึงในวันข้างหน้า
แล้วผมก็ซุกหน้าลงที่เป้ากางเกง กลิ่นที่ปรารถนาโชยออกมาจนผมต้องสูดหายใจลึกมันเป็นกลิ่นหมักของเหงื่อ เยี่ยว และกลิ่นคาวของน้ำเงี่ยน ผมอดใจไม่ไหว ร่นกางเกงฟุตบอลมันลงตรงหัวเข่า จมูกปากคลุกอยู่ที่เป้าหางเกงในสีเขียวหม่นที่ฉ่ำไปด้วยน้ำควยกลิ่นคาวพอสูดดมจนพอใจผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังท่อนลำเหยียดตรง โผล่หัวออกมาจากขอบกางเกงใน แม้จะเล็กกว่าที่โม้ไว้ก็ถือว่าสมชายทีเดียว
ท่อนเนื้อของไอ้ตาลำยาวตรง หัวบานแต่มีหนังหุ้มปลายปิด ผมใช้ปากเม้มลิ้มรสน้ำใสหวานที่หนังยู่หุ้มปลาย ก่อนจะใช้ปากและลิ้นรูดหนังหุ้มปลายจนถึงคอหยัก กลิ่นหมักที่หัวบานโชยยั่วน้ำลายจนผมต้องรีบอมและดูดกินอย่างหิวกระหาย
"ซี๊ดดด" ไอ้ตาครางยาว ตัวเกร็งตั้งแต่หัวจดปลายเท้า มันใช้มือรูดกางกางในออกไปกองรวมกับกางเกงฟุตบอลที่หัวเข่า ให้ผมปฏิบัติโอษฐ์กามได้สะดวกปาก
"สะ เสียว โอ๊ย... เสียว..." ไอ้ตาครางยาว
จนเมื่อพอใจ ผมเลื่อนไปจูบพวงไข่ที่หดเกร็งของไอ้ตา น่าเสียดายที่พวงไข่ทั้งสองตอนนี้หดเกร็งด้วยความเสียว ผมจึงทำได้แค่จูบเลีย แล้วไล้ลิ้นลงไปยังฝีเย็บใต้พวงไข่เพื่อไปยังปากประตูของไอ้ตา
ต่อให้บ้าใบ้แค่ไหนมันก็คงรู้ว่าความเสียวต่อไปที่ผมจะมอบให้คืออะไร ไอ้ตาขยับใช้มือรูดกางเกงที่คาตรงหัวเข่าออก แล้วยกขาสูงเผยให้เห็นร่องก้นที่ปกคลุมไปด้วยขนดกดำ เหมือนจะยั่วให้ผมลงไปดูดกินในทันทีทันใด
ไม่ต้องรอให้มันเอ่ยขอผมเอาจมูกซูกเข้าไปสูดดมกลิ่นจากร่องรูอย่างเต็มปอด มันเป็นกลิ่นสาบหมอย กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นเฉพาะของช่องทวาร ผมใช้ลิ้นแหวกแนวขนไปทักทายกับหูรูดที่ปิดแน่น ทุกครั้งที่ใช้ลิ้นแตะ ไอ้ตาก็จะครวญครางพร้อมกับขมิบตูดป้องกันการรุกล้ำของผม แต่เมื่อโดยลิ้นผมเลียจนปากประตูฉ่ำชื้น มันกลับใช้สองมือแหวกแก้มก้น เหมือนเปิดประตูตอนรับให้ลิ้นผมชอนไช เห็นดังนั้นผมรีบห่อลิ้นแล้วเจาะผ่านช่องประตูของไอ้ตา เพื่อจะพบกับน้ำเมือกฉ่ำหวานอันโปรดปราน แม้ใครทั่วไปจะรังเกียจ แต่สำหรับผมรูตูดคือของหวานอันโอชะที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ
"สะ สะ เสียว ๆ อู๊ย... เสีย..." ไอ้ตาครวญครางตลอดเวลาที่ผมดูดกินเมือกหวานจากช่องทวารของมัน
จู่ ๆไอ้ตาก็หยุด ผลุดลุกขึ้นนั่งแล้วดึงกางเกงผมลง มันกดหลังผมลงให้อยู่ในท่าคลานเข่า ส่วนมันก็อ้อมไปนั่งท่าเดียวกันข้างหลังผม ก่อนจะลงลิ้นไปที่ร่องรูของผม เหมือนหมาสองตัวที่เลียก้นกันอย่างนั้น
"อืมมม" ผมครางออกมาอย่างพึงใจ
"สะ สะ เสียวเหรอ" มันถาม
"เสียว ตาเลียอีก เลียลึก ๆ เข้าไปในรูด้วย"
ไอ้ตาคนซื่อ พอได้ยินคำชม มันก็ตะบมลิ้นเลียรูของผมจนฉ่ำแฉะ มันไม่หยุดแค่นั้นไล่ลิ้นลงไปที่พวกไข่ทั้งเลียทั้งอม จนผมครางไม่ได้ศัพท์
"อู๊ย... ตา... เสียวรูจังเลย อ๊า... ซี๊ส..."
เหมือนไอ้ตาจะได้ใจ มันพลิกตัวผมนอนลงกับท้องร่อง ก่อนจะใช้ปากครอบไปยังท่อนลำของผม แม้ไอ้ตาจะใช้ปากได้ไม่เก่ง แต่ก็ทำเอาผมเสียวจนทนไม่ไหว
"อู๊ย... เสียว ตา เสียว น้ำจะแตกแล้ว..." ผมตัวสั่นเป็นลูกนก ก่อนที่จะพ่นน้ำเข้าปากไอ้ตามากมาย
"อู๊ย... แตกแล้ว..."
ไอ้ตาอมน้ำผมไว้แก้มตุ้ย ในตอนแรกผมคิดว่ามันจะกลืนลงไป แต่มันกลับยกสองขาผมโย้มาข้างหน้า แล้วคายน้ำรักที่อมไว้ลงตรงร่องรูของผม
"ขะ ขะ ขอ นะ" ไอ้ตาขออนุญาต
"อือ..." ผมให้คำตอบเสียงเบา แต่ในใจร่ำร้องดุ้นควยของไอ้ตาคนบ้า
ดุ้นเนื้อของไอ้ตาชำแรกเข้าไปในร่างกายผมช้า ๆ สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ผ่านเข้ารูทวารทีละนิ้ว ทีละนิ้ว
เมื่อท่อนลำของมันเข้าไปอยู่ในร่างกายของผมจะมิดด้าม ผมก็ส่งสัญญาณให้มันด้วยการกระแทกก้นเข้าหามันก่อน
ไอ้ตาคงรับรู้ได้ถึงความร่าน มันจึงเริ่มกระแทกท่อนเนื้ออย่างช้า ๆ แต่หนักหน่วง
"ตับ ตับ ตับ ตับ" เสียงกระแทกดังลั่นป่าลิ้นจี่
"โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย" ผมครางรับเสียงกระแทกนั้น
"ชะ ชะ ชอบไหม" ไอ้ตาถาม
"ชอบ ชอบ เย็ดแรง ๆ เย็ดแรง ๆ"
ไอ้ตาประคองผมลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล น่าแปลกที่ท่อนเนื้อของมันไม่หลุดออกจากตัวผม
เมื่อสองร่างยืนได้มั่นคง มันก็จับสองแขนของผมเกาะกิ่งลิ้นจี่ ก่อนจะชักดุ้นเนื้อออกแล้วนั่งยอง ๆ เลียรูของผมอย่างตั้งอกตั้งใจ
"ชอบเหรอตา"
"วะ วะ หวาน" ไอ้ตาผละออกจากก้นผม แค่ครู่เดียวก่อนจะเลียต่อ
ตอนนี้ผมเริ่มจะแปลกใจแล้วว่ามันหรือผมชอบกินของคาว ๆ มากกว่ากัน
เมื่อเลียจนพอใจไอ้ตาก็ยกขาข้างหนึ่งของผมพาดกิ่งไม้ใหญ่ ทำให้ผมอยู่ในท่ายืนขาเดียว โดยมีมันประคองไว้ด้านหลัง เมื่อยืนได้มั่นคงมันก็ค่อย ๆ ชำแรกท่อนเนื้อเข้ามาในร่างกายผมอีกครั้ง
"อู้ย... ตา เสียว..."
"ชะ ชะ ชอบ ไหม อะ อะเอากันอีกนะ"
"..." ผมไม่ตอบ ใครจะไปรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
"ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ" แม้จะไม่ได้คำตอบแต่เอวไอ้ตายังทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง มือข้างหนึ่งประคองตัวผม มืออีกข้างของมันเอื้อมมารูดท่อนเนื้อของผม
"ซี๊ด... ตา ตาจ๋า เย็ดแรง ๆจะเสร็จแล้ว" ผมร้องขอความกรุณา
ไอ้ตาขบฟันกรอด เอวกระแทกถี่ มือเร่งชักจนท่อนลำผมร้อนผ่าว
"เสร็จแล้วตา อะ อ๊ะ อ่า..." น้ำรักของผมพุ่งออกมาเลอะมือไอ้ตา
"จะ แตะ แตก แล้ว ซี๊ด..." ตาร้องคราญ
"แตกเลยตา แตกเลย"
เมื่อได้ยินคำอนุญาต ไอ้ตาชักท่อนเนื้อออกจากร่างกายผม มันพลิกตัวผมมาประจันหน้า ก่อนจะกดไหล่ผมลงให้นั่งคุกเข่า แล้วยัดท่อนลำเข้ามาในปากผมทันที
"อา อา อ๊าก... อ่า... อา..." ไอ้ตาร้องลั่นพร้อมส่งน้ำรักมากมายเข้าปากผมให้ผมดื่มกิน
พระจันทร์เต็มดวงคล้อยต่ำ ฉายฉาบสองร่างให้เกิดเงาทอดลงบนพื้นดิน เงาร่างหนึ่งนั้นนั่งคุกเข่ากับร่องสวนอีกร่างเงายืนเกาะกิ่งไม้หอบหายใจตัวโยน
...แว็บหนึ่งที่มองไป ผมไม่เห็นเงาหัวไอ้ตา!
แต่ยังไม่ทันคิดอะไร ไอ้ตาก็รั้งตัวผมขึ้นก่อนไปไซ้ซอกคอ... แล้วบทรักของเราก็เริ่มต้นอีกครั้ง... และอีกครั้ง
จนเมื่อตีนฟ้าเปิด ความมืดถูกขับไล่ด้วยแสงทองบาง ๆ จนฟ้าสีเข้มเปลี่ยนเป็นสีเทา
พระจันทร์เต็มดวงตกลงตามกาละ ผมและไอ้ตาก็จำเป็นต้องหยุดบทรักของเราไว้ ก่อนจะลามันยืนยันจะไปส่งผมที่บ้าน แต่ผมปฏิเสธ และบอกให้มันกลับไปพักผ่อนเพราะวันนี้มันคงมีเรื่องอีกมากมายให้ทำ มันว่าง่ายแต่ก็อ้อยอิ่งจูบแก้มผมครั้งแล้วครั้งเล่า...
เราสองคนทำความสะอาดเนื้อตัวเท่าที่จะทำได้ ปัดเศษฝุ่นผงและใบไม้ที่ติดอยู่ตามขาแข้ง แล้วจูงมือกันเดินออกจากป่าลิ้นจี่เมื่อมาถึงทางสามแพร่ง ไอ้ตายิ้มซื่อ ๆให้ผม ก่อนจะโบกมือลา แล้วเลี้ยวซ้ายหายไปในสายหมอกยาวเช้า
แต่ผมรู้สึกว่าไม่ได้มีแค่ผมและไอ้ตาบนถนนเส้นนี้! เมื่อหันหลังไป ผมก็พบว่าสัปเหร่อร่างใหญ่ เดินตามผมมาในระยะไม่กี่ช่วงตัว มันยืนแอ่น อ้อมแขนกอดขวดเหล้าขาว จ้อมเขม็งมาทางผมอย่างเอาเรื่อง
ผมรีบหลบตา เดินไปแยกไปทางขวา มุ่งหน้าสู่ป่าช้าทางกลับบ้าน แม้จะห่างออกมาแต่ก็รู้สึกได้ว่าสัปเหร่อยังคงจ้องมองผมทุกก้าวเดิน
....................
งานศพนี้เงียบกว่างานศพไหน คนตายไม่มีญาติพี่น้อง อาศัยอยู่ในกระท่อมชายป่าอย่างเดียวดายว่ากันว่ามันนอนไหลตาย กว่าจะพบศพร่างก็แห้งเสียแล้ว
"ตอนงานศพยายคำ มึงให้เงินค่านวดมันหรือยังวะ" เสียงหนึ่งดังมาจากวงพนัน
"กูยังไม่ทันได้ให้เลย อยู่ ๆ มันก็เดินไปทางสามแยก" ชายอีกในวงพนันตอบคำถาม
"คืนนี้ระวังมันมาทวงนะมึง" ชายคนแรกเย้าเพื่อน
"ไอ้เหี้ย กูยิ่งกลัว ๆ อยู่... ไอ้ตาคืนนี้มึงไม่ต้องมานะ พรุ่งนี้ก็ทำบุญให้ สาธุ!"
เสียงโห่ฮาดังต่อเนื่องจากวงพนันเล็กๆ อยู่สักระยะ ก่อนที่เจ้ามือจะแจกไพ่
ผมยืนอยู่ในมุมเดิม มองไปยังโลงไม้ที่ตั้งอยู่ในศาลาไม่มีญาติ ไม่มีดอกไม้ฝาโลง ไม่มีหรีดนักการเมือง ไม่มีแม้แต่รูปถ่าย
แม้จะมีโอกาสได้รู้จักกันเพียงชั่วคืน แต่ก็อดหลั่งน้ำตาให้ผู้ตายที่นอนเดียวดายอยู่ตรงนั้นไม่ได้ เมื่อมองผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว เหมือนกับว่าผมเห็นร่างสูงเก้งก้างอยู่ข้างโลงไม้... ที่นั่น ไอ้ตายืนส่งยิ้มซื่อของมันมาทางผม!
"กลับไปได้แล้ว" เสียงทุ้มนั่นทำลายความเงียบ สัปเหร่อร่างใหญ่นั่นเองที่เดินมาคุยกับผม
"..." ผมไม่ตอบแต่เดินหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน
"คืนนี้จะออกหากินอีกไหม..." สัปเหร่อตะโกนถามไล่หลัง
ผมเช็ดน้ำตา ถูจมูกที่ร้อนผ่าว... ใครจะรู้คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น!
......................
กรุณาติดตามตอนต่อไป
* หมายเหตุ ชอบ-ไม่ชอบ แนะนำติดชมได้นะครับ
......................
ขอบคุณครับ น่ากลัวมากครับ รอตอนต่อไปครับ ขอบคุณนะครับ
สนุกนะครับ อ่านแล้วเพลินดีตอนจบเรื่องอย่าเศร้านะครับ ขอบคุณครับ cokebundit ตอบกลับเมื่อ 2021-1-12 19:45
ขอบคุณนะครับ
สนุกนะครับ อ่านแล้วเพลินดีตอนจบเรื่องอย่าเศร้านะครับ
♥️ ตายเลย คืนเดียวเอง ตายเลย คืนเดียวเอง สนุกมากครับ รอตอนต่อไปเลยคับ สนุกมากครับ แอบหลอนอยู่น่ะ ขอบคุณน่ะ ขอบคุณ สนุกปนหลอนๆดีครับ รอติดตามครับ I love this story very much because it is very fantastic please continue writing ขอบคุณมากครับ น่าติดตาม เศร้าจัง ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ