วิกฤตินกแต้วแร้วจ่อสูญพันธุ์ พบเพียง 13 ตัว!
http://img.kapook.com/image/pet/Gurneys_Pitta__516301a.jpgนกแต้วแล้วท้องดำ Gurney's Pitta (Pitta gurneyi)
วิกฤตินกแต้วแร้วสำรวจพบ13ตัว! (ไทยโพสต์)
เผย "นกแต้วแล้วท้องดำ" จ่อสูญพันธุ์ ล่าสุดพบเพียง 13 ตัวในพื้นที่ป่าที่ราบต่ำ จ.กระบี่ นักอนุรักษ์ชี้แนวโน้มประชากรนกลดลงขั้นวิกฤติ เหตุถิ่นอาศัยถูกบุกรุกทำสวนปาล์มและยางพารา กรมอุทยานแห่งชาติฯ เตรียมผนวกพื้นที่ป่าคุ้มครองนกให้มีอาณาเขตมากขึ้น พร้อมวางแผนเพาะเลี้ยงเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน มีการจัดเสวนาเรื่อง "25 ปีแห่งการค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำ...ฤาจะสูญพันธุ์จากเมืองไทย" โดย น.ส.มะลิวัลย์ โสภา ผู้อำนวยการสมาคมอนุรักษ์นกฯ กล่าวว่า นกแต้วแล้วท้องดำถือเป็นนกประจำถิ่นที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ และจัดเป็นนกที่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 โดยถูกจัดลำดับไว้ในขั้นสูงสุดของการคุ้มครองในฐานะสัตว์ป่าสงวนแห่งชาติ ในประเทศไทยมีนก 3 ชนิดที่อยู่ในบัญชีสัตว์ป่าสงวน คือ นกเจ้าฟ้าสิรินธร นกกระเรียนไทย และนกแต้วแล้วท้องดำ ซึ่งตัวเลขล่าสุดกรมอุทยานแห่งชาติฯ สำรวจพบนกแต้วแล้วท้องดำ 13 ตัวเท่านั้น อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าที่ราบต่ำ บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม หรือเขานอจู้จี้ จังหวัดกระบี่ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นบ้านหลังสุดท้ายในโลกของนกแต้วแล้วท้องดำ
น.ส.มะลิวัลย์กล่าวว่า การจัดเสวนาครั้งนี้ถือเป็นวันครบรอบ 25 ปีแห่งการค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำ ซึ่งไม่ใช่การค้นพบครั้งแรกในโลกหรือในประเทศไทย แต่เป็นการค้นพบครั้งใหม่หลังจากวงการนกได้สรุปว่า นกแต้วแล้วท้องดำสูญพันธุ์ไปแล้วจากโลก จากข้อมูลองค์กรนกในประเทศอังกฤษระบุการค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำครั้งแรกในโลกที่ประเทศพม่าเมื่อปี 2418 ก่อนจะพบในประเทศไทยในปี 2457 จากนั้นจึงสำรวจพบนกชนิดนี้แพร่กระจายตามพื้นที่ป่าดิบชื้นที่ราบต่ำทั่วภาคใต้ของไทย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการบุกรุกพื้นที่ป่าดิบที่ราบต่ำในภาคใต้เพื่อปลูกสวนปาล์มน้ำมันและยางพารา รวมทั้งที่อยู่อาศัยมนุษย์ ทำให้ประชากรนกแต้วแล้วท้องดำลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลากว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2495-2528 ไม่มีรายงานการค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำอีกเลย จนทำให้เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว
"ในวันที่ 14 มิถุนายน 2529 สำรวจพบนกแต้วแล้วท้องดำอีกครั้งที่จังหวัดกระบี่ โดย ดร.ฟิลิป ราวด์ และนายอุทัย ตรีสุคนธ์ นักชีววิทยา หลังจากนั้นมีความพยายามที่จะอนุรักษ์ประชากรนกแต้วแล้วท้องดำอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร" ผู้อำนวยการสมาคมอนุรักษ์นกฯ กล่าว และว่า แนวโน้มประชากรนกแต้วแล้วท้องดำจะลดลงเรื่อย ๆ จนคาดว่าในอนาคตจะสูญพันธุ์หากไม่เริ่มอนุรักษ์อย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้
ส่วนแนวทางอนุรักษ์นกแต้วแล้วท้องดำ น.ส.มะลิวัลย์บอกว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ องค์กรอนุรักษ์และชุมชนในท้องถิ่นจะต้องร่วมมือกันอนุรักษ์ เนื่องจากพื้นที่อาศัยของนกอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม และพื้นที่โดยรอบเชื่อมต่อเขตป่าสงวนแห่งชาติของกรมป่าไม้ ที่มีการบุกรุกแผ้วถางที่ดินเพื่อทำสวนปาล์มน้ำมันและยางพารา นกบางส่วนจึงไม่ได้รับการคุ้มครองในพื้นที่ป่าที่ราบต่ำ และยังการลักลอบจับไปขายเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการสำรวจประชากรนกแต้วแล้วท้องดำที่พบเห็นมีไม่น้อยกว่า 13 ตัว แต่ไม่เกิน 20 ตัว และมีตัวเมียเพียง 3 ตัวเท่านั้น ที่ผ่านมาได้เริ่มวางแผนการจัดการอนุรักษ์นกแต้วแล้วท้องดำโดยเริ่มจากการคุ้มครองถิ่นอาศัยของนก ในปี 2530 ได้ประกาศเป็นพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ต่อมาปี 2536 ประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม และประกาศคุ้มครองนกแต้วแล้วท้องดำให้เป็นสัตว์ป่าสงวนของประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าที่ราบต่ำและใช้ระบบลาดตระเวนแผนใหม่ เพื่อเตรียมผนวกพื้นที่ป่าที่ราบต่ำให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าและมีเนื้อที่สำหรับคุ้มครองนกมากขึ้น คาดว่าจะทำได้สำเร็จภายในปี 2555 นายธีรภัทรเผย
ส่วนแผนการฟื้นฟูประชากรนกแต้วแล้วท้องดำใช้วิธีการสำรวจพฤติกรรมนก เก็บข้อมูลทางชีววิทยานำมาใช้ประโยชน์ในการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://img.kapook.com/image/Logo/thaipost.jpg
ขอขอบคุณภาพประกอบจากสมาคมอนุรักษ์นก
น่าเสียดยน่ะครับ{:5_116:}ขอบคุณครับ สวย น่ารักมาก ถ้าสูญพันธุ์ไปคง่นาเสียดายแย่เลย - - รุ่นถัดๆไปจะมีโอกาศได้เห็นมั้ยเนี่ย?
หน้า:
[1]