มาลัยสามชาย ตอนที่ 5 คู่ชีวิต
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maximam เมื่อ 2021-4-9 12:23วันเวลาก็ใกล้เข้ามาทุกทีในการเข้ารับพระราชเสกสมรสของดนัยและดนุ ทุกคนในเรือนต่างดูมีความสุขและ
เตรียมความพร้อมในวันงาน "เป็นไงบ้างคุณหญิงบุษบาเรื่องชุดในวันงานของทั้งคู่" คุณท้าวกาญจนาเอ่ยถาม
"เตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะคุณหญิงแม่งานเช้าที่เรือนจะเป็นโทนสีเบาเจ้าค่ะ งานกลางคืนต้องไปที่พระราชฐาน
ในวังหลวง ทั้งคู่ต้องแต่งชุดสูทแบบพวกดั้งขอพร้อมติดอิสริยยศที่ได้รับพระราชทานเจ้าค่ะ" คุณหญิงบุษบา
กล่าวตอบคุณท้าวกาญจนา "อือ แล้วเครื่องอาหารเล่าเป็นไงบ้างคุณหญิงรอง" คุณหญิงมาลัยจึงกล่าวตอบ
"อาหารและของหวานในการตอนรับผู้มางานเตรียมไว้มากพอไม่ขาดเจ้าค่ะ ส่วนเครื่องขนมขันหมากทางกอง
วิเศษห้องเครื่องในพระราชฐานจักเป็นฝ่ายทำเจ้าค่ะคุณหญิงแม่"
"อือก็ต้องเป็นเช่นนั้นขันหมากหลวงหากให้เราธรรมก็อาจผิดธรรมเนียม เรื่องชุด อาหารก็พร้อมขาดก็แต่
งานดอกไม้ใบตองสด หากให้คุณหญิงสองคนทำเพิ่มก็จะหนักเพิ่มได้" คุณท้าวกาญจนาพูดจบ แม่วิภากับลูก
เลยเข้ามาเพื่อขอช่วยงาน "มีอะไรหรือแม่วิภา" คุณท้าวเอ่ยถาม
"ดิฉันกับลูกจะมาขอช่วยงานเจ้าค่ะคุณหญิงแม่ ตอนที่อยู่โรงน้ำชาดิฉันเคยทำงานมาลัยงานใบตองมาบ้าง
ถ้าจะเป็นเกียรติแก่ดิฉัน คุณหญิงแม่และคุณหญิงพี่ให้โอกาสดิฉันกับลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะ" แม่วิภาเอ่ยขึ้นพร้อม
น้ำตา ที่อยากจะทำคุณไถ่โทษในสิ่งที่ทำ "คุณหญิงรองจักว่าอย่างไรก็แล้วแต่เถิดนะ งานนี้เป็นงานของทาง
คุณหญิงรองโดยตรง" คุณท้าวกาญจนาเอ่ยขึ้น "เท่าที่ดิฉันรู้ แม่วิภาเป็นบุตรของแม่ค้าร้านดอกไม้ใช่หรือไม่"
คุณหญิงมาลัยเอ่ยถาม แม่วิภาจึงกล่าวตอบว่า
"ใช่เจ้าค่ะ แม่ของดิฉันเป็นแม่ค้าขายมาลัยและงานเครื่องสด ดิฉันพอมีวิชาด้านนี้อยู่บ้าง"
"นั้นก็ให้แม่วิภากรองมาลัยให้คุณหญิงแม่พิจารณา หากต้องใจคุณหญิงแม่ แม่วิภาก็รับงานนี้เถิด"
"ขอบพระคุณคุณหญิงรองเจ้าค่ะ" แม่วิภากรองมมาลัยต่อหน้าทุกคนจนเสร็จสิ้นและออกมาสวยงามราวกับ
งานในวัง ทำให้คุณท้าวกาญจนารู้สึกพอใจและมอบหมายงานนี้ให้แม่วิภาเป็นคนทำ เมื่อกลับถึงเรือนพุกกรอง
คนของคุณหญิงใหญ่นำแบบและมาลัยที่ต้องใช้ในงานมาให้แม่วิภา "ขอบใจเจ้ามาก ข้าจะศึกษาดู" แม่วิภาพูด
เสร็จพุกกรองก็ออกไป วิชยกับแม่จึงคุนกันตามลำพัง
"แม่ เหตุใดเเม่ต้องเสนอตัวเข้าช่วยงานด้วย"
"วิชย เจ้าอย่าลืมว่าโทษเราที่รอดมาได้ก็เพราะท่านเจ้าคุณชายห้ามที่อ้างสมเด็จพระปฐมฯ ในการช่วยเรา"
"แต่แม่"
"แม่ปลงกับชีวิตแล้วนะ ต่อไปนี้เจ้าจะทำอะไรก็คิดดีดี เราจะเป็นรองแค่ท่านเจ้าคุณชายห้ามเท่านั้น"
"ก็จริงอย่างที่แม่ว่า แข่งบุญแข่งวาสนานี่มันแข่งไม่ได้นะเเม่ มาาหนูช่วยดูแบบได้เตรียมสั่งดอกไม้ให้ทัน"
"หือ...เจ้าจะช่วยแม่"
"ก็มีกันแค่ 2 คนแม่ลูกนี่แม่"
และแล้ววันงานก็มาถึง เช้าวันงานท่านเจ้าาคุณขุนหลวงคดีธรรม และท่านเจ้าคุณดนุ ชายห้ามในขุนหลวง-
คดีธรรม ได้ออกมาตักบาตรร่วมกันจากนั้นก็ถวายภัตราหารพระภิกษุตามประเพณีเฉกเช่นคู่บุรุษสตรีทั่วไป
"งามเหมาะสมกันมากนะเพคะ พระนางเจ้า"
"ใช่คุณท้าว งามราวกับคู่บุรุษสตรีเลยทีเดียว งานดอกไม้เครื่องสดนี่ใครทำกัน คุณหญิงทั้งสองหรือ"
"หาใช่ไม่เพคะพระนางเจ้า เพียงแต่นี่เป็นฝีมือของแม่วิภาภริยาเจ้าคุณพี่่และบุตรชายเพคะ พระพี่นาง"
คุณหญิงบุษบาเอ่ยขึ้น ทั้งงานต่างอึ้งไปตามกัน พระมหาเทวีเจ้าจึงตรัสต่อ "ดีแล้ว เอาความดีที่มีในตัวออกมา
ทำคุณประโยชน์แบบนี้ควรค่าต่อการเริ่มต้นใหม่" สองแม่ลูกหมอบกราบ "ขอบพระทัยเพคะพระมหาเทวีเจ้า"
ย้อนมาที่ขบวนขันหมากหลวงที่ตั้งรอที่พลับพลายกก่อนถึงเรือน ที่นั้นมีพระอุปราชย์องครักษ์ผู้ดูแลขันหมาก
หลวง ก่อนเคลื่อนชบวนสู่เรือนเจ้าพระยาบูรพาปราบศึก แต่ก็หาได้เงียบไม่เมื่อพระราชเทวีอีก 3 พระองค์ตาม
มาด้วยตามหมายสั่ง "อีกนานไหมเพคะพระอุปราชย์กว่าจะเคลื่อนขบวน" พระราชเทวีมยุราเอ่ยขึ้น
"พระนางหาควรตรัสแบบนั้นไม่ พิธีแต่งานขันหมากจะเคลื่อนไม่ได้หากไม่มีคนมาเทียบเชิญเข้าเรือน"
"แหม่...พระราชเทวีประจิมทิศนี่รูการดีนักนะ เตรียมจะไปสู่ขอใครให้ราชบุตรหรือ"
"หึ หึ หึ"
"ขันอันใดพระราชเทวีอุดรทิศ"
"ก็ขันเจ้าไงพระราชเทวีทักษิณทิศ(ทิศใต้อย่าโยงอะไรนะครับ) พระราชเทวีลืมแล้วหรือว่าพระนางกัณตรีได้
รับพระทานเสกสมรสเช่นกันกับพระมหาเทวีเจ้า พิธีขันหมากพระนางทราบก็หาแปลกไม่ สตรีที่ไร้ขันหมากหลวง
ไม่ทราบความถ้าอยู่เงียบๆ ก็จะดูดีไปอีกแบบนะเพคะ"
"มินตยาเจ้า..."
"เอาหละพอได้เเล้ว ทูลกระหม่อมพ่อมาเเล้วเตรียมถวายตอนรับ" พระอุปราชย์กล่าวห้ามและทูลเชิญพระบิดา
เข้าที่ประทับเพื่อรอขบวนเทียบเชิญของเรือนท่านเจ้าพระยา "เจ้าพี่เพคะอีกนานไหมเพคะ น้องนี้ร้อนอบอ้าว
ไปหมด" พระราชเทวีมยุเอ่ยขึ้นก่อนที่นางพญาจะเดินเข้ามาตรัสสั่ง "ถ้าาร้อนนักข้าอนุญาตให้เจ้าแวะอายน้ำได้
ไม่ต้องตามเสด็จดีไหมพระราชเทวีมยุรา" "พระนางเจ้า" ทันใดนั้นทหารก็ร้องบอกว่า "ขบวนเทียบเชิญมาถึงแล้ว
พะยะข้า" สมเด็จจึงตรัสต่อดนุ "เตรียมตัวเถิดลูกพ่อ เวลาแห่งการเริ่มต้นมาเเล้ว" ดนุจึงรับสนอง"พระเจ้าข้า"
เมื่ออกมาถึงที่หน้าพลับพลา "หม่อมฉันภริยาสามในท่านเจ้าพระยาฯ มากราบบังคมทูลเชิญขบวนขันหมากหลวง
สู่เรือนเพคะ" แม่วิภากราบทูลเชิญพร้อมส่งสำรับเครื่องคาวหวานเชิญขันหมาก แต่แล้วพระราชเทวีมยุราก็หาเกรง
"อะไรกัน เชิญขันหมากหลวงให้เมียปลายแถวมาเชิญนี่นะ เจ้าพระทำงานมาก็นานโขเหตุใดจึงทำเช่นนี้" พระมหา
เทวีเจ้าจึงตรัสตอบแบบนิ่งๆ "ก่อนว่าใครเขาดูตัวเราดีแล้วหรือยัง พระราชเทวีลืมแล้วกระมังว่าพระราชเทวีก็อยู่
ตำแหน่งเมียน้อยเช่นกัน"
"แต่ข้าก็มียศพระสมเอกแห่งเมืองทักษิณทิศนะเพคะ"
"กฎมณเพียรหาได้ระบุไว้ไม่ว่า พระสนมเอกทั้ง 4 เมืองคือเมียหลวง มีแต่พระมหาเทวีเจ้าเท่านั้นที่เป็นเมียหลวง"
"เอาหละ เกรงใจลูกข้าที่กำลังจะแต่งงานบ้าง นำทางไปเถิด จะได้สู่ขอ"
"เพคะ"
เสียงดนตรีบรรเลงอย่างสนุกกสนาน เคลื่อนขบวนมาจนถึงเรือนหลังเสร็จพิธีสู่ขอและรับพระราชทานน้ำสังข์
ทั้งคู่ก็ได้รับการอวยยศท่านเจ้าคุณขุนหลวงคดีธรรมได้อวยยศขึ้นเป็น พระราชบุตรชายณัฐดนัย ขุนหลวง-
คดีธรรม และท่านเจ้าคุณชายห้ามได้อวยยศเป็นท่านเจ้าคุณหลวงดนุ *พระอัครราชเทวัญในขุนหลวงคดีธรรม ชายาเอกในพระราชบุตร
"เหตุใดทูลกระหม่อมพ่อจึงพระราชทานยศพระราชเทวัญเล่าพระเจ้าข้า" ราชบุตรกริชทัต โอรสในพระอัครราชเทวี
กันตรี เอ่ยถามด้วยความสงสัย พระอัครราชเทวีจึงตรัสดุพระโอรส
"กริชทัต หาควรถามไม่ เป็นการของทูลกระหม่อมพ่อและพระนางเจ้ามหาเทวีเจ้า" สมเด็จฯจึงตรัสตอบแจ้ง
ข้อสงสัยให้ลูกชาย
"มิเป็นไรกริชทัตยังสงสัยคนอื่นก็คงสงสัย หากดนุเป็นสตรีพระอัครเทวีราชชายาก็คงเป็นตำแหน่งต่อท้าย
หากเเต่ว่าดนุเป็นชาย เทวัญจึงเป็นนามต่อท้ายเปรียได้กับเทวดาชายที่คุ้มครองดูแลลูกข้า"
"ลูกเข้าใจเเล้วพระเจ้าข้า" ราชบุตรกริชทัตทูลตอบ
งานนี้ ดูท่าตัวอิจฉาในวังชักจะไม่พอใจ "ขอพระราชานุญาตเพคะ"
"มีอะไรหรือพระราชเทวีทักษิณทิศ" สมเด็จเอ่ยถาม
"จะมิเร็วไปหรือเพคะที่จะอวยยศพระบุตรบุญธรรม ทั้งที่พระอุปราชย์ก็ยังดำรงชีพอยู่ มิเกรงว่าลูกแท้ๆ
จักน้อยใจหรือเพคะ" พระอุปราชย์จึงตอบกลับแบบนิ่งๆ"พระราชเทวีมยุราคงหารู้ไม่ ชีวิตข้าเกิดมาในฐานะ
องค์รัชทายาทมีทุกอย่างเพียบพร้อม หากตำแหน่งอุปราชย์จะเคลื่อนข้าก็มิพะวงเพราะข้าได้นั่งในตำแหน่ง
ที่สูงสุดแล้ว ว่าเเต่พระราชเทวีเถิดอยยู่มานาน
มาต่อจากสมเด็จแม่ยังมิได้ขึ้นถึงพระอัครราชเทวี อันนี้น่าตรองดูนะพระเจ้าข้า" ตอบนิ่งๆแต่ก็เจ็บอยู่นะเนี่ย
"วาสนาดีนักนะ พระอัครราชเทวัญในขุนหลวง" พระราชเทวีมยุราดูถ้าจะไม่จบ พระมหาเทวีเจ้าเลยจบให้
"ใช่พระราชเทวี มีอัครนำหน้าพระยศย่อมมีวาสนาเสมอ ฝ่ายในทุกคนรวมทั้งพระราชเทวีก็ปรารถณา"
"ดูท่าพระมหาเทวีจะรักพระสุนิสานักนะเพคะ ปกป้องตั้งแต่งานแต่ง"
"สะใภ้ดี ข้าก็ต้องปกป้อง เอาไว้ให้เจ้าพสุมีสะใภ้ให้เจ้าก่อนเจ้าคงจะเข้าใจ แต่สุนิสาเจ้าก็คงต้องทำกรรม
หนักหน้าดูที่ต้องเจอแม่ผัวเยี่ยงเจ้า" วิชญได้กระซิบกับแม่ของตน"เรือนเราว่าแซ่บแล้วนะแม่ เจอชาววัง
เรือนเรานี่เป็นรองไปเลย" "แม่ชักเป็นห่วงพระอัครราชเทวัญแล้วสิ เก่งรบ เก่งครัว แต่ถ้าวาทะน้ำลายไม่เก่ง
ก็น่าจะอยู่ยาก" หลังเสร็จงานเช้าชาววังก็กลับวังรองานเย็น ดนัยกับดนุจึงได้มีเวลาดูด้วยกันตามลพังตาม
ประสาผัวเมีย ที่ชานหน้าห้องนอนคุณชายใหญ่ที่ทั้งคู่กำลังทานมื้อเที่ยง
"งามยิ่งนัก"
"อะไรหรือครับ เอ่ย"
"พูดธรรมดาก็ได้นี่เรือนมิใช่วัง"
"ครับ ท่านพี่"
"ดนุ"
"ครับ"
"....." ดนัยยิ้มให้แต่เเล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
"เรียกเเล้วก็มิพูด ทานอาหารไปเลย"
"ขอพระอนุญาตพระเจ้าข้า" ท่านเจ้าคุณ และทุกคนในเรือนมาพบคุณชายใหญ่ แต่ฐานะที่สูงขึ้นและได้รับ
การรับเป็นพระราชบุตรรอง ทุกคนจึงต้องกราบตามธรรมเนียม ดนัยจึงสั่งห้าม "ช้าก่อนทุกท่าน ที่นี่เรือน
ของเราเองห่าใช่วังลูกยังเป็นลูกของท่านพ่อท่านแม่เสมอ"
"ใช่ครับ วางตนกับลูกเหมือนเดิมเถิด" ดนุกล่าวต่อพร้อมพยุงคุณท้าวกาญจนาขึ้นมานั่งที่นั่งเดียวกับตน
"ทุกท่านทำตัวตามสบายไม่ต้องมากพิธี" ดนัยเอ่ยขึ้นพร้อมกับเตรียมทานข้าวต่อ
"กับข้าวถูกปากไหมเจ้าค่ะ"
"ท่านแม่รองฝีมือเหมือนเดิมมิแปรเปลี่ยนครับ"
"คุณชายใหญ่เจ้าค่ะ น้าฝากน้องด้วยนะเจ้าค่ะ"
"มิต้องห่วงท่านแม่รอง ข้าจะดูแลดนุให้ดีที่สุด"
"ดนุ เจ้าเองก็ระวังๆในวังด้วย ดูท่าเจ้าน่าจะเจอศึกหนัก"
"วิชย พูดอะไรแบบนั้น"
"ก็ข้าเรียกของข้าแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรนี่ท่านแม่" แม่วิภาดุวิชย ดนุจึงยิ้มให้แล้วตอบกลับว่า
"เอาเถิดมิเป็นไรพี่รองอย่างไรท่านก็เป็นพี่ข้า ข้าขอขอบใจที่ท่านเป็นห่วง"
"เสียดาย ข้าน่าจะดีกับเจ้าตั้งแต่แรก หาก ลด อคติ ให้ข้าไปเป็นคนรับใช่เจ้าก็ได้นะ ข้าจะปกป้องดูแลเจ้าเอง"
"ดีเหมือนกันนะเจ้าค่ะ" แม่วิภาเอ่ยขึ้น ดนุจึงตอบกลับ
"หาควรไม่ ถึงพี่รองจะเป็นลูกแม่สาม แต่ก็มีศักดิ์เป็นพี่ของข้าจะให้อยู่ในฐานะคนใช้ได้เช่นไร ข้าเองก็มีพี่ชา
ตามไปดูแลหาต้องเป็นห่วงข้าไม่"
"เจ้านี่ช่างเรียบร้อยและจิตใจงามนักพระอุปราชย์กับท่านพี่ดนัยจึงต่างหมายปองมาเป็นคู่ชีวิต พี่ท่านดนัย
ท่านเลืออกคู่ชีวิตหาผิดตำราไม่"
เจ้าชายกริชทัต ราชบุตรในพระอัครราชเทวีเดินมาหา
"ถวายบังคมพระเจ้าข้า" ดนัยและทุกคนต่างหมอบกราบถวายบังคมเจ้าชายกริชทัต
"ท่านพี่หาควรไหว้สาข้าไม่ ข้าต่างหากที่ต้องไหว้สาท่าน"
"ราชบุตรยังมิกลับพระราชวังหรือพระเจ้าข้า"
"พระอุปราชย์ให้ข้าอยู่ดูแลความเรียบร้อยทางนี้ พระองค์กับราชบุตรมินธาไปเตรียมความเรียบร้อยในวัง"
"เสวยพระกระยาแล้วหรือพระเเจ้าข้า"
"เรียบร้อยแล้วท่านเจ้าพระยา กับข้าวเรือนท่านนี่ช่างถูกปากทั้งคาวและหวาน แถมยังมีมาลัยพวงงาม
ให้ชมอีกต่างหาก" เจ้าชายกริชทัตหยิบพวงมาลัยข้อพระกรจากพานที่ข้ารับใช้ส่งให้ ดนุกับดนัยพอมองอาการ
ของเจ้าชายออก ดนุจึงทูลตอบให้ว่า "ฝีมือกรองมาลัยของพี่รองนี่ ใช่ไหมครับบแม่สาม" แม่วิภาจึงกล่าวตอบ
"ใช่เพคะพระอัครราชเทวัญ"
"แม่สาม"
"ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ"
"พระอัครราชเทวัญ หาถือในยศศักดิ์หรือพระเจ้าคะ"
"ยศศักดิ์ห็เหมือเครื่องประดับหากใส่มากไม่ถอดก็หนักเปล่าพระเจ้าคะ"
"หากข้าจักทูลขออะไรสักอย่าง พระอัครราชเทวัญจักให้ไหม" เจ้าชายกริชทัตเอ่ยขึ้นพร้อมหยิบมาลัยขึ้นมา
"หากของนั้นมีค่า ราชบุตรควรขอกับเจ้าคุณพ่อจักดีกว่าพระเจ้าคะ"
"ได้หรือท่านเจ้าพระยา"
"สุดแท้แต่พระราชบุตรพระเจ้าข้า" เจ้าชายส่งมาลัยในมือให้กับวิชยก่อนตรัสสั่ง "ข้าอยากได้แบบนี้อีกสักพวง
ไปให้พระมารดาไหว้พระในวันพรุ่งเจ้าจักทำให้ข้าได้ไหมคุณหนูสาม" วิชยจึงตอบแบบกวนไปว่า
"งานฝีมือของซื้อของขายจักขอกันได้ง่ายๆอย่างไรพระเจ้าคะ ข้าหาใช่นางข้าหลวงในกรมเครื่องสดไม่"
"วิชย ลูกนี่ เป็นพระราชโองการหาควรขัดไม่ ขอประทานอภัยด้วยเพคะพระราชบุตร"
"มิเป็นไรหรอกท่านแม่ ส่วอัฐมาให้ข้าสิ"
"นี่พระเจ้าคะ" ทหารในราชบุตรส่งถุงอัฐจำนวน 2 ชั่งให้กับพระราชบุตร
"นี้ข้าแรงของชะแม่และค่ามาลัยรับไว้สิ"
"ข้าหาใช่ชะแม่ของผู้ใด วันนี้ข้ามิว่างขอพระอนุญาตมิรับงานนอกพระเจ้าข้า"
"งานไม่เสร็จขบวนส่งตัวก็ไปไม่ได้ โทษหนักอยู่นะคุณหนูวิชย"
"วิชย พ่อขอแล้วกัน เร่งงานให้พระราชบุตรเจ้าชายกริชทัตซะ"
"ขอรับท่านพ่อ"
"นั้นลูกกับดนุขอเข้าไปพักก่อนนะครับเจ้าคุณพ่อ ขอพระราชานุญาตพระราชบุตรพะย่ะคะ"
"ตามสบายเถิดพี่ท่าน พักนะพัก555 ส่วนคุณหนูวิชยไปกรองมาลัยให้ข้าที่ห้องโถงใหญ่ดีกว่าข้าอยากชม"
ที่ห้องนอนดนัย
"นอนพักขอรับเจ้าคุณพี่"
"ไม่ออกแรงก่อนนอนหรือชะแม่"
"บ้า ข้าหาใช่สตรี"
"เดี๋ยวคืนนี้เจ้าก็ต้องเป็นสตรีให้พี่อยู่ดี"
"ใครบอกเล่าขอรับว่าข้าจะเป็นรับ 5 5 5"
"หือ....ไม่นะ ไม่สิ" ดนัยหน้าซีดๆเหงื่อแตกพลัก
"555 ข้าล้อเล่น เจ้าคุณพี่ นอนพักเถิดคืนนี้ค่อยว่ากัน" ดนัยจูบลงที่หน้าผากก่อนจะนอนพักและกอดดนุ
จนหลับไป
ตัดฉากมาที่ห้องโถงบนเรือนใหญ่ เจ้าชายกริชทัตดูท่าจะพึงใจในตัวของวิชยซะแล้วสิ
"ยิ้มอะพระเจ้าคะ"
"แปลกใจ คุณหนูร้ายกาจจะทำงานแบบนี้ได้ด้วย"
"ร้ายกาจมากไหมพระเจ้าคะ"
"เท่าที่รู้ก็มากอยู่นะ"
"นั้นก็ไปให้กรมเครื่องสดทำให้พระเจ้าค่ะ ของจะได้ไม่มัวหมอง"
"ท่านเจ้าพระยา"
"พระเจ้าคะ"
"คุณหญิงย่า"
"เพคะราชบุตร"
"หากข้าจะขอนำของบางอย่างไปล้างใหม่มาไว้เคียงข้างในอนาคตท่านทั้ง 2 เห็นเป็นประการใด"
"หม่อมฉันคงหาขัดไม่หากเป็นสิ่งที่จะทำให้ของสิ่งนั้นมีค่ามากขึ้น มาลัยทั้ง 3 ชายของเจ้าพระยาบูรพา-
ปราบศึก จะได้สง่างามสักที"
"ขอบคุณคุณหญิงย่าครับ"
"แม่วิภาเจ้าคิดอย่างไร" ท่านเจ้าคุณเอ่ยขึ้นกับแม่วิภา
"ดิฉันสอนลูกมาไม่ได้พอ หากเจ้าคุณพี่ คุณหญิงแม่ และคุณหญิงพี่ทั้งสองเห็นควรอย่างไรดิฉันก็ว่า
ตามนั้นเจ้าค่ะ"
"แล้วชะแม่ เอ่ยคุณหนูสามเล่าจะว่าอย่างไร"
"มาลัยเสร็จเเล้วพระเจ้าคะ ทรงตรวจงานก่อนพระเจ้าคะ"
"ตกลงเอาตามนี้ พวกท่านไปเตรียมตัวเถิดเดี๋ยวจะไม่ทัน ส่วนคุณชายวิชยหากแต่ตัวเสร็จก็มาช่วยงานเราด้วย"
เจ้าชายยิ้มให้ก่อนจะแยกย้ายกัน เอาหละสิงานนี้จะเป็นอย่างไรต่อติดตามตอนต่อไปนะครับ......
ไม่สนุกอย่าว่ากันนะครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ {:5_135:} ดีมาก ขอบคุณครับ สนุกมากเลยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ มีลุ้นตลอดเลย เสียวมากครับ ขอบคุณครับ สนุกครับ วิชย น่าจะเข้าไปล่ำลาพี่ชายทั้งสองด้วยการถวายบัวก่อนนะ สนุกทุกตอนเลยครับ ขอบคุณครับ ต่อคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากเลยครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2