มาลัยสามชาย ตอนที่ 9 แผนรบแผนรัก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maximam เมื่อ 2021-4-12 13:02ต่อจากตอนที่แล้ว ในขณะที่วิชยลูบไล้ถูไถ่ร่างกายใช้เจ้าชายนั้น ทั้งคู่ก็ได้สบตากันและกันจนความรู้สึกรัก
และชอบเกิดขึ้นในตัวทั้งสอง เจ้าชายและวิชยต่างหน้าใกล้เข้าหากันเรื่อยเรื่อย เรื่อยเรื่อย จนในที่สุดเจ้าชาย
กริชทัตก็เอื้อมหน้าเข้าจูบที่ปากของวิชยทันที และกอดเอววิชยไว้ วิชยพยายามดิ้น "อยากเปียกก็ดิไป"
วิชยจึงอยู่เฉย ๆ ไม่ดิ้นต่อ "ปล่อยข้านะเจ้าชาย" วิชยพูดขึ้นหลังจากเจ้าชายกริชทัตกอดเอวไว้แน่น
"ตัวเจ้านี้ก็ เนื้อแน่นดีนะ"
"ปล่อยข้าพระบาทนะพระเจ้าคะ ข้าจะออกไปรอที่ด้านนอก"
"ยังอาบไม่เสร็จเจ้าจะไปไหน" เจ้าชายปล่อยตัววิชยเเล้วลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วไปล้างตัวอีกครั้งในสภาพ
เปลือยเปล่าให้วิชยได้เห็ทั้งด้านหลังและด้านหน้า "เอาผ้าเช็ดตัวให้ข้าที" วิชยนำผ้าเช็ดตัวมาให้เจ้าชายหยิบ
ผ้าเช็ดตัวและนุ่งผ้าออกมาจากห้องสรง วิชยใจเต้นไม่เป็นจังเพราะได้เห็นดาบอีกเล่มของเจ้าชายกริชทัตเต็มๆ
"ยื่นเฉยอีกมาช่วยข้าแต่งตัวสิคุณชายสาม เดี๋ยวข้าต้องไปเข้าเฝ้าทูลกระหม่อมพ่อ"
"พระเจ้าคะ"
ตัดมาที่เรือนเจ้าชายพสุ ราชบุตรของพระราชเทวีมยุราที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมรักกับเจ้าชายมินธา ราชบุตรของ
พระราชเทวีมินตยา ทั้งคู่นอนหลับสนิทเพราะเล่นกันไปหลายยก "หลีกไป กูจักเข้าไปพบลูกกู" เสียงพระราช
เทวีมยุราดังขึ้นลั่นหน้าเรือน พสุถึงกับต้องตื่น "เจ้าแม่ของเจ้ามา นั้นพี่ขอกลับก่อนดีกว่า" เจ้าชายมินธาเอ่ย
แต่เรื่องอะไรที่เจ้าชายพสุจะปล่อยไป "เจ้าพี่นอนที่นี่แหละเดี๋ยวข้าซบบนอกเจ้าพี่เอง เป็นไงก็เป็นกัน" เจ้าชาย
พสุพูดขึ้น ไม่ช้าพระราชเทวีมินตยาก็มาที่เรือนของเจ้าชายพสุ "เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใดมินตยา" พระราชเทวี
มยุราเอ่ยถามด้วยความสงสัย "ข้าก็มาตามหาลูกข้าหนะสิเห็นว่ามาตำหนักนี้" พระราชเทวีมินตยาตอบกลับ
"เจ้าชายพสุสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปพระเจ้าคะ" ทหารยามเอ่ยขึ้น
"หลีกไป ข้าเป็นแม่ทำไมจะเข้าเรือนของลูกไม่ได้" พระราชเทวีมินตยาจึงเอ่ยขึ้นว่า
"ไปทูลเจ้าชายหากอยู่ด้วยกันก็ดีจักได้ไม่ต้องเดินหา มีพระราชโองการจากสมเด็จฯเจ้าหลวงให้พระอุปราชย์
และเจ้าชายทุกพระองค์เข้าเฝ้าที่หอหลวงว่าราชการ"
"พระเจ้าคะ" ทหารยามอีกคนรับคำสั่งจากพระราชเทวีเเละรีบขึ้นไปทูลแจ้ง พระราชเทวีมยุราจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง
"นี่เจ้ามาติดสนบนอะไรเรือนนี้ห๊ะมินตยา ทหารลูกข้าจึงฟังคำสั่งเจ้า"
"มาเรือนผู้อื่นก็ต้องเเจ้งเจ้าของเรือนทราบก่อน ถึงแม่จะเป็นเรือนของลูกก็ตาม ธรรมเนียมง่ายๆแบบนี้เจ้านาง
ผู้เป็นถึงพระราชเทวีก็น่าจักรู้นะเพคะ" เจ้านางมยุรามิรอช้ารีบขึ้นไปยังเรือนทันทีและตรงไปที่ห้องนอนของ
เจ้าชายพสุ "พวกเจ้าเตรียมยาดมไว้ให้พร้อมแล้วกันนางปริก นายเองช็อคตายไม่ได้นะบ้านเมืองกำลังมีศึก
สงคราม" เจ้านางมินตยาเอ่ยขึ้นพร้อมเดินตามขึ้นไป เมื่อเจ้านางมยุราเปิดห้องก็ถึงกับ "อ๊ายยยยยย พสุนี่..."
เจ้านางมยุราเห็นเจ้าชายพสุนอนซบอบของเจ้าชายมินธาโดบมีแค่ผ้าปิดช่วงล่างไว้ "คุณพระอะไรกันมินธา"
เจ้านางมินตยาเอ่ยขึ้นซึ่งต่างจากเจ้านางมยุรามาก เจ้าชายพสุจึงเอ่ยขึ้น
"เจ้าแม่ เจ้าน้า เหตุใดจึง....."
"ไม่ต้องพูดบอกแม่มาว่ามันข่มเหงเจ้าใช่ไหม"
"นี่เจ้านางมยุรา จะพูดจะจาก็ดูให้ดีว่าใครซบใคร"
"เจ้าแม่ข้า...เอ่อ...."
"พูดมาพสุแม่ให้เจ้าพูดมาตามความจริง"
"ข้าขึ้นเจ้าพี่มินธา พระเจ้าคะ"
"อะไรนะ ข้า...ข้า....." ได้ยินเช่นนั้นเจ้านางมยุราก็ถึงกับลมใส่ "เป็นอย่างที่ข้าพูดไม่มีผิด ปริก ยาเตรียมไว้ยัง"
เจ้านางมินตยาเอ่ยถาม "นี่เพคะ เจ้านาง เจางเพคะเจ้านาง" ปริกและนางกำนัลต่างช่วยกันพยาบาลเจ้านาง
มยุราและพาออกนอนห้อง เจ้าชายมินธาจึงทูลถามเจ้าแม่ของตน "เหตุใดเจ้าแม่มิทรงพระวาโยอย่างเจ้าป้า"
เจ้านางมินตยาจึงตอบกลับว่า "ก็แม่รู้เรื่องของเจ้าทั้งสองมานานแล้วไง แม่บอกเเล้วลูกรักใครแม่ก็แล้วแต่ลูก
เจ้าพ่อให้พวกเจ้าเข้าเฝ้าที่หอหลวงว่าราชการ รีบแต่งกายซะจะได้ไปเฝ้าเจ้าพ่อ"
"พระเจ้าคะ" สองเจ้าชายรีบรับคำสั่ง ก่อนที่จะออกไปหอหลวงว่าราชการ ส่วนเจ้านางมยุรายังไม่ฝื้น
ที่หอหลวงว่าราชการ
"พวกเจ้ามาพร้อมกันก็ดีแล้ว พ่อเพิ่งได้รับเเจ้งจากทางเจ้าพระยาบูรพาปราบศึกว่าเกณฑ์พลของเมืองมัลดะยะ
มาเมืองบูรพาหมดเเล้วเหลือไว้เเค่ตามแผน"
"เหตุใดจึงไปแบ่งไปสองเมืองตามแผ่นของพระอัครราชเทวัญเล่าทูลกระหม่อมพ่อ" พระอุปราชย์เอ่ยถาม
เจ้าชายพสุจึงตอบแทน "ถ้าคาดไม่ผิดเจ้าแม่กับท่านตาคงร่วมมือกันอีกแน่ ศึกครั้งนี้เจ้าพ่อหาควรวางใจ
ท่านตาไม่"
"เจ้าไม่เข้าข้างฝั่งเเม่เจ้าหรือพสุ" สมเด็จฯเจ้าหลวงเอ่ยถามลูกของตน
"ลูกเลือกข้างความถูกต้องพระเจ้าข้า อย่างที่เจ้าเมืองมัลดะยะเคยพูด เป็นเมืองขึ้นของเจ้าพ่อยังดีกว่าต้อง
เป็นเมืองขึ้นของคนอื่น อย่างน้อยเราก็คุยภาษาเดียวกันพระเจ้าคะ" เจ้าชายพสุความคิดต่างจากเจ้านาง
มยุราแม่ของตนเป็นอย่างมาก ดนุจึงทูลต่อว่า "ถ้าเช่นนั้นก็ต้องดูกลศึกว่าเจ้าเมืองทักษิณทิศจะส่งผลมา
หรือไม่หลังจากเจ้าชายพสุส่งสัญญาณ ตอนนี้ข้าวเปลือฝั่งเมืองบูรพามีน้อยนักเกรงว่าจะมิพอเลี้ยงชาวเมือง"
เจ้าชายกริชทัตจึงทูลตอบ "นั้นก็แบ่งจากเมืองตะวันตกไปสิ หาใช่อื่นไกลตะวันออกตะวันตกก็พี่น้องกัน"
"ให้เมืองเหนือส่งให้ดีกว่าเจ้าพี่กริชทัต เมืองเหนือใกล้กับเมืองตะวันออกเสบียงคงเดินทางไม่ช้าข้าจะเป็นธุระให้
ข้าวของเมืองตะวันตกต้องส่งให้เมืองหลวงเพื่อเตรียมเสบียงทัพและชาววังอีก" เจ้าชายมินธาพูดขึ้น "ลูกเห็น
ด้วยกับความคิดนี้นะพระเจ้าคะทูลกระหม่อมพ่อ" เจ้าหลวงขุนคดีธรรมเอ่ยขึ้น "ดี พวกเจ้าทุกคนรักใครกันก็ดี
พ่อจะได้สบายใจ เป็นไรไปพสุเจ้ากราบพ่อด้วยเหตุใด "ลูกละอายใจพระเจ้าคะ ที่เมืองของแม่ลูกเป็นแบบนี้
หากเจ้าพ่อและเจ้าพี่ทุกพระองค์มีอะไรให้ข้าช่วยก็ขอให้บอกข้ายินดีทำคุณไถ่บาป" สมเด็จฯเจ้าหลวงจึง
พูดขึ้นว่า "เจ้าก็ช่วยงานมินธาให้ดี ชนะศึกครั้งนี้พ่อจะพระราชทานเสกสมรสให้เจ้ากับมินธาตามที่ใจของ
เจ้าปรารถณา พ่อรู้เรื่องราวพวกเจ้ามาทุกอย่าง หนึ่งสิ่งที่ฎีกาเจ้าหลวงขุนคดีธรรมผ่านการอนุมัติก็คือเจ้า
ทั้งสองคนด้วย มินธาการครั้งนี้ล่อแหลมนักเมืองใต้อาจใช้ศึกครั้งกำจัดเจ้าโดยยืมมือพวกดั้งขอเจ้าต้องระวัง"
"ขอบพระทัยเจ้าพ่พระเจ้าคะ"
"ข้าจะดูแลน้องๆทุกคนให้ดีพระเจ้าคะทูลกระหม่อมพ่อ" พระอุปราชย์เอ่ยขึ้น
"ให้ข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วยได้ไหม อย่างน้อยข้าก็คนพื้นที่รู้พื้นที่ทุกตารางดีเผื่อข้าจะช่วยงานได้" เจ้าชายมัททา
เจ้าชายเเห่งเมืองมัลดะยะเอ่ยขึ้น "เห็นควรอย่างยิ่งพระเจ้าคะสมเด็จฯเจ้าหลวงที่จะให้เจ้าชายร่วมแผน"
ดนุเอ่ยขึ้น "ได้ ข้าให้อาญาสิทธิ์ในการตัดสินใจแก่เจ้าและให้เจ้าวางแผนการรบ" สมเด็จฯเจ้าหลวงเอ่ยขึ้น
"หาควรไม่พระเจ้าคะ การตัดสินใจพระอุปราชย์ต้องเป็นผู้ชี้ชัดหาใช้ข้าพระบาทไม่" ดนุทูลคัดค้านเรวัตจึงเอ่ยขึ้น
"จักรพรรดิจะต้องมีนางแก้วคู่รัตนบัลลังค์ ยิ่งนางเเก้วเป็นพระราชเทวัญต้องเก่งทั้งช่วยวังหน้าและคุมวังหลัง"
"พระอุปราชย์หาควรตรัสไม่" ดนัยพูดขึ้น "555ไม่ต้องหึงหรอกน้องพี่ บางพี่พี่อาจไปเป็นเจ้าเมืองบางเมืองก็ได้"
"พระอุปราชย์ เจ้าพูดอะไร"
"ทูล ทูลกระหม่อมพ่อ ลูกคิดอยากสละความวุ่นวายอีกอย่างลูกเห็นว่าเจ้าหลวงขุนคดีธรรมก็มีความเก่งกล้า
และมีนางแก้วที่เคยเคียงคู่บารมี หากบัลลังค์นี้ลูกให้น้องสืบต่อก็เห็นสมควรนะพระเจ้าคะ"
"พระอุปราชย์ แล้วน้องเจ้าหละ เจ้าหลวงขุนคดีธรรมเป็นเพียงพระราชบุตรบุญธรรม กริชทัต มินธา พสุ
จะคิดอย่างไร"
"ลูกมีเมืองประจิมทิศของเจ้าแม่ให้ดูแลพระเจ้าคะ หรือไม่ก็เมืองบูรพาหากคุณหนูสามตกลง" เจ้าชายกริชทัต
เอ่ยขึ้น
"ลูกก็มิปรารถนาครองเมืองพระเจ้าคะลูกอยากอยู่อย่างสงบกับคนที่ลูกรัก" เจ้าชายพสุเอ่ยขึ้น
"ลูกเองก็มีเมืองอุดรทิศของเจ้าแม่มินตยา หากได้ไปครองเมืองกับคนที่ลูกรักลูกก็พอใจเเล้วพระเจ้าคะ"
เจ้าชายมิธาเอ่ยขึ้น ทำเอาสมเด็จฯเจ้าหลวงตกพระทัย "พวกเจ้ารักใครกันดีแบบนี้พ่อเองก็เบาใจนั้นเจ้าชายา
มัททา"
"พระเจ้าคะ"
"หากข้าจักฝากรัชทายาทองค์โตไปช่วยปกครองเมืองท่านจะยินดีหรือไม่"
"ทูลกระหม่อมพ่อ"
"อายครูไม่รู้วิชา อายสายตาคนที่ชอบเเล้วเมื่อไหรจะได้เมียห๊ะเรวัต ว่าไงเจ้าชายมัททา"
"เมืองข้าหาใช่เมืองใหหญ่ ความสบายหาได้มีพร้อม องค์รัชทายาทจะอยู่ได้หรือ"
"หากข้าเปิดใจ ข้าก็ต้องอยู่ให้ได้ ขอแค่มีครูช่วยสอนวิชา"
"ฮึ้ม.....เจ้าพ่อเรียกมาคุยแผนรบหรือแผนรักเจ้าพี่เรวัต"
"นั้นสิเจ้าชายมินธาพูดถูก สงสัยน้องๆคงต้องดูแลตัวเองเเล้วหละ"
"ทำไมหรือเจ้าพี่กริชทัต"
"ก็เจ้าพี่เรวัตมีคนต้องดูแลระหว่างรบแล้วสิ 5 55 "
เจ้าชายทุกพระองค์ต่างแซวกันไปมา หลังวางแผนการรบเสร็จ
ที่เรือนขุนหลวงคดีธรรม
"เป็นอันใดไปดนุ"
"เตรียมใจพระเจ้าคะ"
"เรื่องรบหรือ"
"เรื่องรัชทายาท"
"ทำไม พี่ก็มิใครอยากเป็นพี่อยากออกจากราชการไปทำไร่ทำนาอยู่กับเจ้า 2 คนผัวเมียมากกว่า"
"ก็ถ้าเจ้าพี่ได้ครองเมืองดังแผนพระอุปราชย์ที่ให้ทำศึกชนะเพื่อขอเปลี่ยนตัว เจ้าพี่ก็ต้องมีสนมเอก
พระราชเทวัญจากทั้ง 4 ทิศนี่พระเจ้าคะ"
"555 ข้าหาใส่ใจไม่ข้ามีเจ้าเเค่คนเดียวก็พอแล้ว"
"แต่กฎมณเฑียรตราไว้นี่พระเจ้าคะ"
"ดนุฟังพี่ พี่จะมีเจ้าเพียงคนเดียว กฎมิได้ระบุว่าพี่ต้องไปหลับนอนด้วยกับราชเทวัญทั้ง 4 ถ้าเมืองใดส่งมา
พี่ก็ให้ได้แค่ในนามหาใช่ในเรือนเช่นเจ้า ข้าไม่อยากได้เพลิงพระนาง เห็นไหมว่าเพลิงจากพระนางมยุรา
เกือบทำให้เสียการใหญ่ ดีที่เจ้าชายพสุหาเป็นอย่างเจ้าแม่ของพระองค์มิเช่นนั้นสมเด็จฯเจ้าหลวงลำบากแน่"
"คารมชายแผนรบเก่งแผนรักก็คงมิเป็นรอง ข้าไปเตรียมมื้อเย็นให้เจ้าพี่ดีกว่า"
"กินเจ้าก่อนข้าวได้ไหม"
"ชนะศึกค่อยกิน เก็บเเรงพระเจ้าคะคืนนี้พระองค์ต้องเข้าหอศาสตราวุธสวดพระพุทธมนต์ อย่าให้กามทำเสียการ"
"จ้า พระอัครราชเทวัญ"
อุทยานหลวง เจ้าชายมัททาทรงนั่งเล่นตามลำพังจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนเดินมา
"เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถิดหาต้องห่วงข้าไม่"
"ยังไม่เห็นหน้าก็ไล่แล้วหรือเจ้าชาย"
"พระอุปราชย์"
"ตามสบายไม่ต้องมากพิธี เหตุใดจึงมานั่งเงียบๆคนเดียว"
"พระองค์เห็นกระหม่อมเป็นตัวแทนของใครหรือเปล่า"
"แต่ก่อนใช่เพราะเจ้ากับเขาคล้ายกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ข้ารักเจ้าที่เจ้าเป็นเจ้า ข้ารู้มาว่าเจ้าเล่นจะเข้ได้ไพเราะ
ช่วยเล่นให้ข้าฟังสักเพลงเถิด" พระอุปราชย์นอนเอนหลังพิงหมอนพิงพร้อมฟังเจ้าชายมัททาเล่นจะเข้อย่าง
เพลิดเพลิน "ถึงแม้ข้าจะลืมเจ้าได้แต่ข้าก็ยังรักเจ้าในฐานะน้องชายคนนึงนะดนุ เจ้าเป็นของที่ดนัยรักมาก
ข้าคงไม่กล้าพอที่จะเเย้งเจ้ามา ตอนนี้ข้าเจอคนที่ใช่ของข้าเเล้วหละ" พระอุปราชย์คิดทบทวนในใจแล้วแอบ
มองหน้ามัททาพร้อมอมยิ้มและเอ่ยกวีประกอบเสียงจะเข้จนมัททาเขิน
" งานเอ่ย ไม้งามเกาะใหญ่
ทะเลล้อม เจ้าไว้ ไหนหนา
ใบพักตร์ รูปไข่ ตามตา
คิ้วหนาคม เข้มโค้งคัน ธนูยิง...."
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ่านเพลินเลยเรื่องนี้ แต่nc น้อยไปนิด555 ขอบคุณครับ {:5_135:} ดีมาก ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ มีลุ้นตลอดเลย เสียวมากครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ สนุกมากครับ สนุกคับ
หน้า:
[1]
2