เพลิงชาย ตอนที่ 1
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maximam เมื่อ 2021-4-14 03:54นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อของนิยายเรื่องมาลัยสามชายโดยเพลิงชายมีแรงบัลดาลใจมาจากละครเรื่องเพลิง
พระนาง ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงและผ่อนคลายอย่าได้ดราม่านะครับ ขอบคุณ.......
static/image/hrline/1.gif
ความเดิมของภาคเเรก ดนัยได้รับการสถาปนาตามศักดิ์ที่ได้รับเป็นสมเด็จพระมหาอุปราชาขึ้นเป็นสมเด็จ
พระมหาราชาเจ้าหลวงรัตตะที่ 2 เจ้าหลวงขุนคดีธรรม ปกครองบ้านเมืองอย่าสงบสุขและมีนางแก้วคู่บุญ
หนุ่นบารมีอย่างดนุ สมเด็จพระมหาเทวัญธิราชเจ้าหลวงดนุ นับได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่แห่งอาณาจักร
ทวารัตตะที่เจ้าหลวงมีชายาเป็นชายและนั่งที่พระอัครมเหสีได้อย่างถูกต้อง การปกครองวังหลังหาได้ง่าย
อย่างการคุมวังหน้า เพราะเจ้านางมยุรายังต้องการสิทธิ์และอำนาจของตนคืนอยู่ตลอดเวลา เพราะในครั้ง
ก่อนที่พระบิดาของเจ้าหลวงรัตตะจะขึ้นครองราชย์ พระมหาเทวีเจ้าศรีวิกา พระราชเทวีฝ่ายเมืองทักษิณ
เครือเดียวกับเจ้านางมยุรา ได้คิดกบฎและยึดอำนาจพระราชสวามีปกครองอาณาจักรเองแต่แล้วก็ไปไม่รอด
เกือบเสียอาณาจักรทวารัตตะให้กับพวกดั้งขอ เจ้าเมืองบูรพาพระบิดาแห่งเจ้าหลวงรัตตะจึงเข้ายึดเมือง
และปลดพระมหาเทวีเจ้าลงเป็นไพร่เรือนสนมและถูกจำสนมจนตาย ต่อมาเจ้าเมืองบูรพาได้สถาปณาลูกชาย
ตนนั้นคือคุณชายรัตตะ ขึ้นปกครองอาณาจักรทวาระและเปลี่ยนชื่ออาณาจักรเป็นทวารัตตะ เจ้านางมยุรา
คิดจะล้างแค้นทวงคืนสิทธิ์ให้ทวดของตนแต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จมาดูกันว่าภาคนี้เจ้านางมยุราจะทำการ
สำเร็จหรือไม่ติดตามอ่านได้เลยครับ
เรือนหลวงที่พระทับพระมหาเทวัญธิราชเจ้าหลวงดนุ
เช้าวันนี้วิชยา หรือท่านเจ้าคุณวิชย ราชเทวัญในเจ้าหลวงเมืองประจิมทิศพระเชษฐาต่างมารดาของเจ้าหลวงดนุ
ได้เข้าเฝ้าถวายงานตามหน้าที่เปรียบไปแล้วเมียเจ้าเมืองหาเป็นหญิงก็มีศักดิ์เทียบเท่าคุณท้าวผู้ถวายงานให้กับ
พระอัครมเหสีมหาเทวีเจ้า "เครื่องต้นกายาเสวยเช้านี้เสร็จแล้วพระมหาเทวัญเจ้าจักทรงเสวยที่ใด ข้าจักเตรียมให้"
วิชยเอ่ยขึ้นหลังจากที่เจ้าหลวงดนุออกจากห้องแต่พระองค์มา "ให้บ่าวจัดที่ตรงสวนข้างตำหนักก็ได้ท่านพี่
หาควรต้องทำเองไม่" เจ้าหลวงดนุเอ่ยขึ้นพร้อมกับประครองตัววิชยขึ้นยืนพร้อมกำสั่งข้าหลวงในเรือนให้จัด
ที่ตามคำสั่ง "พวกเจ้าจัด 2 ที่นะข้าจักทานมื้อเช้ากับท่านพี่วิชย" วิชยจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "เเล้วสมเด็จ
เจ้าหลวงมิทรงมาเสวยด้วยหรือเหตุจึงจักเสวยเสวยกับพี่"
"สมเด็จเจ้าหลวงมีว่าราชการที่หอหลวงเมื่อคืนเลยประทับที่นั้นมิได้มาเรือนน้อง" ระหว่างที่เสวยกระยาหาร
ร่วมกับวิชยอยู่นั้น สิงห์ราชองครักษ์ในเสมเด็จเจ้าหลวงก็มาที่เรือนพระพระราชโองการ
"กราบทูลพระมหาเทวัญธิราช สมเด็จเจ้าหลวงมีรับสั่งให้พระนายท่านเข้าร่วมว่าราชการที่หอหลวงด้วยพระเจ้าข้า"
"เชิญฝ่ายในทั้งหมดไหม"
"ทุกพระองค์พระเจ้าคะ เห็นทรงแจ้งว่าเป็นงานด้านสนมพลเรือน"
"ก็คงมิพ้นเรื่องพระราชเทวัญทั้ง 4 ที่เจ้านางมยุราต้องการ ได้ฝากกราบบังคมทูลเจ้าหลวงด้วยว่าข้าจักรีบไป"
"พระเจ้าคะ"
"เจ้านางมยุรานี่หาเบาไม่ ขนาดหมดอำนาจในฝ่ายในแต่ก็ได้หาหมดฤทธิ์ไม่" วิชยพูดขึ้นเจ้าหลวงดนุถึงกับขัน
"55ทานต่อเถถอะพี่ท่านศึกหอหลวงยิ่งใหญ่ทุกวัน"
หอหลวงว่าราชการ
"พระมหาเทวัญธิราชเจ้าหลวงดนุเสด็จแล้ว....." ทหารที่หน้าประตูเอ่ยขึ้นนางพญาเดินเข้ามาด้วยความสง่างาม
ท่ามกลางสายตาผู้คนเหล่าขุนนางและเจ้างนางในเจ้าหลวงองค์ก่อนต่างถวามความเคารพ แม้แต่พระพันปี
ยังต้องก้มพระพักตร์ลงเพื่อให้เกียรติ และภาพที่งดงามทุกครั้งที่ต้องได้เห็นพระมหาเทวัญเจ้าก่อนประทับตั่ง
จะประทับที่พื้นและถวายความเคารพไหว้สาพระพันปี พระอัครราชเทวี และพระราชเทวี ของเจ้าหลวงองค์ก่อน
เสมอทุกครั้ง "บอกกี่ครั้งแล้วพระมหาเทวัญเจ้าควรไหว้สาข้าไม่ พระองค์มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่าพระพันปี"
พระอัครราชเทวีกัณตรีเอ่ยขึ้น "อ่อนไว้ดีกว่าแข็งกระด้างพระเจ้าข้า ขอพระราชทานอภัยทรงให้ทุกพระองค์
มารอ" เจ้าหลวงดนุเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม พระราชเทวีมินตยาจึงตรัสตอบ "มิเป็นไรดอกพระนายท่าน บางคน
พระยศต่ำกว่ายังไม่มาหรือมาช้ากว่าสมเด็จเจ้าหลวงก็เห็นร่ำไป" จากนั้นเจ้าหลวงดนุจึงถอยหลังมาตรงที่
เจ้าพระยาบูรพาปราบศึกแล้วหมอบกราบในฐานะบิดาของตน และยกมือไหว้สาเจ้าพระศรีอุดรพระบิดาของ
เพระราชเทวีมินตยาในฐานะสหายของท่านเจ้าคุณเด่นชัย(จ้าพระยาบูรพาปราบศึก) เจ้าพระยาทั้งสองถึงกับ
หมอบรับแทบไม่ทัน "พระองค์ดำรงพระยศเหนือกว่าข้าพระบาทหาควรกราบข้าพระบาทไม่" "ลูกหลาน
กตัญญูต่อบุพการีคือสิ่งที่ควรกระทำเจ้าพระยาทั้งสองควรภูมิใจนะ" พระพันปีเอ่ยขึ้น เจ้าหลวงดนุยิ้มให้พ่อ
ก่อนที่จะเดินเข่าผ่านเจ้านางของเจ้าหลวงองค์ก่อนไปประทับที่ตั้งของตน ซึ่งอยู่เสมอตั่งของพระพันปี งามทั้ง
กายงามทั้งกิริยา สมเด็จเจ้าหลวงและเจ้าหลวงหัวเมืองต่างแอบมองอยู่หลังม่านที่ประทับก่อนออกว่าราชการที่
บัลลังค์ตั่งทอง "พระมหาเทวัญเจ้าทรงคมตั่งดวยเหตุอันใดหรือ ข้าสงสัยมานาน" เจ้าคุณเด่นชัยจึงเอ่ยดุวิชย
"วิชย หาควรถามการของพระองค์ไม่ลูกคนนี้นี่" "ท่านพ่อดุพระราชเทวัญเจ้าเมืองเลยนะนั้น ตั่งนี้เคยเป็นที่
พระทับของสมเด็จพระมหาเทวีเจ้าถึง 2 พระองค์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ตั่งนี้คืออนิจจังหามีผู้ใดนั่งได้นานผลัดแผ่นดิน
หรือสิ้นตำแหน่งคนนั่งก็ต้องเปลี่ยนตามกาล" สมเด็จเจ้าหลวงจึงเอ่ยขึ้น"ข้านี่เลือกคนหาได้ผิดไม่"
"จริงพระเจ้าข้า งามทั้งกายทั้งใจ ใจเย็นดุจสายน้ำ แต่ก็รบหนักดุจราชสีห์ เจ้าพี่ต้องห้ามทำอะไรให้เคือง
พระทัยนะพระเจ้าข้า..." เจ้าชายมินธาเอ่ยขึ้น เจ้าหลวงองค์อื่นก็ขำตาม "เล่นซะข้าเสียสูญเลยเจ้าหลวงมินธา"
ครั้นได้เวลาสมเด็จเจ้าหลวงออกว่าราชการ "สมเด็จเจ้าหลวงทรงออกว่าราชการแล้ว..." มหาดเล็กเอ่ยขึ้น
เมื่อสมเด็จเจ้าหลวงออกมาจากด้านหลังที่ประทับพร้อมด้วยเจ้าหัวทั้ง3 หัวเมือง "ถวายบังคมสมเด็จเจ้าหลวง
ขอพระชนมายุยืนนานหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายบังคมสมเด็จพระมหาเทวัญธิราชขอพระชนมายุพันปี พันพันปี"
เหล่าขุนางและพระราชวงศืถวายบังคมไหว้สาสมเด็จเจ้าหลวงก็เริ่มว่าราชการ "ขอขอบพระทัยและขอบใจ
ทุกท่านที่อวยพรข้าและสมเด็จพระมหาเทวัญเจ้า ที่ข้าเชิญทุกท่านมา ณ ที่นี้ก็เพราะว่า ข้ากับเจ้าหลวงทั้ง
3 เมือง บูรพาพยัคฆ์ ทักษิณไกรสีห์ ประจิมคชสาร ได้ปรึกษาหากันแล้วว่า จะแต่งตั้งคมจักรราชองค์รักษ์
ในเจ้าหลวงบูรพาพยัคฆ์ ไปครองเมืองอุดรทิศเพื่อช่วยงานข้า พวกท่านเห็นเช่นเป็นประการใด" เจ้าเมือง
บูรพาคนก่อน(พระบิดาสมเด็จเจ้าหลวง)จึงกราบทูลว่า "การครองเมืองแต่ละทิศนั้นผู้จะไปครองจะต้องมีอชื้อ
สายของทิศนั้น หรือไม่ก็ต้องมีความเกียวโยงกับสายโลหิตของเมืองๆนั้น พระองค์ทรงพิเคาะห์ดีแล้วหรือพระเจ้าคะ"
สมเด็จเจ้าหลวงจึงตอบพระบิดาตนว่า "ลูกได้ตรองและสืบประวัติของคมจักรเรียบร้อยแล้ว คมจักรมีศักดิ์เป็นหลาน
ของท่านเจ้าพระยาอุดรทิศที่ท่านมิเคยบอกใครเกรงว่าหลานจักมีภัยจึงให้ถวายงานอารักขาเจ้าหลวงบูรพาพยัคฆ์
ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเติบโต ข้าเห็นว่าควรคืนความถูกต้องให้กับเจ้าเมืองอุดรทิศมาศักดิ์และสิทธิ์โดยชอบ"
เจ้าพระยาอุดรทิศจึงกราบทูลว่า "แผ่นดินเมืองเหนือที่พระองค์ทรงครองชาวเมืองก็ต่างมีสุขดีขอพระองค์....."
"ท่านลุง เจ้าหลวงมินธายอมสละแผ่นดินเมืองเหนือไปปกครองแผ่นดินเมืองใต้ แล้วราชนิกุลฝ่ายเหนือก็ยังมี
อยู่ ข้าจะถืออำนาจเอาไว้ได้เช่นไร" สมเด็จเจ้าหลวงทรงเอ่ยขึ้น "คมจักร รับใช้ข้ามานานข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะ
ฐานะเป็นหลานเจ้าเมือง ท่านเจ้าพระยาอุดรทิศโปรดวางใจหลานท่านผู้นี้เก่งกล้ายิ่งนัก" เจ้าหลวงบูรพาทิศ
เอ่ยขึ้น "เอาหละข้าได้ตัดสินใจเเล้วว่าจะให้คมจักรขึ้นไปครองเมืองเหนือเเทนข้า ข้าขอสถาปนาองครักษ์
คมจักรขึ้นเป็น เจ้าหลวงอุดรทิศราชภัคดีขุนหลวงคมจักร มีนามขานว่า หนุมานอุดรทิศ ให้สมกับการเป็น
ทหารเอกในเจ้าหลวงบูรพาพัคฆ์ ดังหนุมานทหารเอกของพระราม มีศักดิ์และสิทธิ์ในการปกครองเมืองตาม
สารแต่งตั้งของข้า" "น้อมรับพระราชโองการพระเจ้าข้า"คมจักรได้การสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าเมืองอุดรทิศตาม
ศักดิ์และสิทธิ์ของตน และแล้วความบันเทิงก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้านางมยุราเข้ามาในหอหลวงว่าราชการหลังผู้อื่น
"คืนสิทธิ์ให้เจ้านายเมืองเหนือ เหตุใดจึงไม่คิดคืนสิทธิ์ราชเทวีให้ข้าบ้างเล่าสมเด็จเจ้าหลวง"
"เจ้านางมยุราหารู้หรือไม่ว่าการเข้าหอหลวงหลังสมเด็จเจ้าหลวงมีโทษสถานใด" พระราชเทวีมินตยาเอ่ยขึ้น
เจ้านางมยุราจึงเอ่ยขึ้นว่า "มีศักดิ์เป็นแค่พระมารดาในเจ้าหลวงเมืองทักษิณทิศแย่งชิงเมืองข้ายังกล้ามาพูด
พระมหาเทวัญเจ้าประมุขฝ่ายในยังมิพูดอะไร" เจ้าหลวงดนุจึงเอ่ยขึ้นว่า "หากมิได้เกรงพระทัยราชบุตรพสุ
ข้าคงอำนาจลงโทษคนฝ่ายในด้วยการลงหวาย 50 ที โทษฐานที่มาช้ากว่าสมเด็จเจ้าหลวง"
"นั้นก็ลงหวายข้าสิเพคะ อำนาจอยู่ในมือจะทำอันใดก็ได้อยู่แล้ว"
"อำนาจหากใช้ถูกคนก็เกิดผล หากใช้ผิดคนก็เปล่าประโชยน์"
"พระมหาเทวัญหมายความว่าอะไร พูดออกมา"
"ตีวัวตีควายมันยังรู้เดินเพราะว่าถูกตี แต่ตีเจ้านางนอกจากไม่มีอะไรดีแล้วยังเสียแรงพวกราชมันต์อีก"
"นี่เจ้า พระมหาเทวีเจ้ายังไม่เคยพูดกับข้าอย่างนี้ เจ้าเป็นใคร" เจ้านางมยุราขึ้นเสียงใส่พระมหาเทวัญอย่าง
ไม่เกรงกลัว "เจ้าแม่ พอเถอะอย่าต้องให้อับอายไปมากกว่านี้ หอหลวงหาได้มีแค่ชาวเรา ยังมีพระราชเทวัญ
มัททา และฑูตต่างเมืองที่อยู่ในนี้ด้วย เจ้าแม่ควรจักระงัยอารมย์บ้างนะพระเจ้าคะ" ราชบุตรพสุเอ่ยเตือนแม่
ของตนแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล "หุบปากไปซะเจ้ามันก็แค่คนอาสัยท้องเกิดหาควรมาสอนข้าไม่"
"เจ้านาง ถ้ายังไม่ลืมรสมือข้านั่งลงเเล้วเงียบซะ" วิชยเอ่ยขึ้นเจ้านางมยุราคงจะเกรงรสมือวิชยจึงนังที่ตั่งของตน
"เอาหละข้าจะว่าราชการต่อ ในหน้าที่สนมพลเรือนทั้ง 4 ทิศ ข้าขอให้สมเด็จพระมหาเทวัญธิราชเจ้าหลวงดนุ
ดำรงอิสรยศเจ้านายฝ่ายประจิมตามสายเลือดของคุณหญิงมาลัย พระมารดาของตน"
"น้อมรับพระราชโองการพระเจ้าคะ"
"ข้าขอแต่งตั้ง เจ้านางจิลลดา เป็นพระสนมเอกฝ่ายบูรพา ตามสายโลหิตในพระราชเทวัญมัททา พระราชเทวัญ
ในเจ้าหลวงบูรพาพยัคฆ์"
"น้อมรับพระราชโองการเพคะ"
"เจ้านางผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงไม่ได้อวยยศขึ้นที่พระสนมเอกได้ พระมหาเทวัญหาบอกไม่ว่าจะต้องมีการ
ถวายตัวพระสนมเอก" เจ้านางมยุรายืนขึ้นถามด้วยความไม่พอใจ เพราะเจ้านางก็เตรียมคนของตนไว้แล้ว
เช่นกัน สมเด็จเจ้าหลวงจึงตอบกลับเจ้านางมยุราว่า....
"เป็นการของข้า ข้าหาควรแจ้งเจ้านางก่อนไม่ นั่งลงเจ้านางมยุรา เจ้านางจิลลดาเป็นน้องสาวในเจ้าชายมัททา
พระนางสงสัยอันใด"
"หึเมืองบูรพาคิดอยากเป็นใหญ่เหนือทุกเมืองหรือ สมเด็จเจ้าหลวงก็เป็นสายเลือดบูรพา พระมหาเทวัญก็มี
เลือดบูรพากึ่งหนึ่ง"
"เจ้านางมยุรา หากท่านมิสงบปากข้าจะมิห้ามมือเจ้าคุณวิชย" พระมหาเทวัญเจ้าเอ่ยขึ้น
"ข้าจะไปเจริญไมตรีกับเมืองฮู้หลินสตามการทูลเชิญของท่านราชฑูต ข้าจะแต่งตั้งสมเด็จพระมาหาเทวัญ
ธิราชเจ้าดนุ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนข้าตามศักดิ์และสิทธิ์แห่งฐานันดร"
"สมเด็จเจ้าหลวงจะเสด็จไปเมื่อใดพระเจ้าคะ"
"อีก 7 วัน พี่จักออกเดินทางฝากน้องดูแลอาณาจักรและพระพันปีด้วย"
"น้อมรับพระราชโองการพระเจ้าคะ"
"เอาหละฝ่ายข้าหามีเรื่องอันใดแล้ว ขอให้ทุกพระองค์กลับเรือนหลวง ข้าจะปรึกษางานเมืองกับเจ้าเมืองทั้ง 4
และขุนนาง"
เรือนหลวงพระมหาเทวัญเจ้า
"อะไรกันเหตุใดสมเด็จเจ้าหลวงมีเมียเพิ่มหามีใครรู้ไม่ และพระนายท่าน อย่าบอกนะว่า"
"ธรรมชาติของมนุษย์ก็ต้องมีลูกสืบวงศ์พงเผ่ามิใช่หรือพี่ท่าน"
"แล้วพระนายท่านไม่คิดเหรอว่าตำเเหน่งท่านอาจถูกเปลี่ยนหากพระสนมเอกมีลูกชาย"
"ตั่งพระมหาเทวีก็เปลี่ยนคนนั่งไปมาเรื่อยนี่พี่ท่านที่จะนั่งนานหน่อยก็สมเด็จพระมหาเทวีเจ้าพันปี บรมราชชนนี
เท่านั้น" ระหว่างนั้นชา ข้าหลวงของเจ้าหลวงดนุก็เข้ามา "ขอเดชะพระมหาเทวัญเจ้า พระสนมเอกขอเข้าเฝ้า
พระเจ้าคะ" "ให้เข้ามาข้าจะออกไปที่ห้องรับรอง" เมื่อมาถึงพระสนมเอกก้มกราบเจ้าหลวงด้วยความอ่อนน้อม
"หม่อมฉัน นำพานบุบผาชาติมาถวายพระมหาเทวัญเจ้าเพคะ"
"นั่งที่ตั่งตามสบายเถิดพระสมเอก มีการอันใดหรือ"
"หม่อมฉัน เอ่อ..."
"มีอันใดก็พูดมาเถิด หาต้องกลัวอันใด"
"พระมหาเทวัญเจ้ามีการอันใดให้หม่อนฉันรับใช้ก็เรียกหาหม่อมฉันได้นะเพคะ หม่อมฉันยินดีถวายงาน"
"หาควรไม่ พระสมเป็นถึงสนมเอกถวายงานสมเด็จเจ้าหลวงจะดีกว่า"
"แต่หม่อมฉัน ต่างบ้านต่างเมืองมาหม่อมฉันกลัวเพคะ ยิ่งในหอหลวง"
"เดี๋ยวพระสนมเอกก็ชิน แล้วนี้เสวยอะไรมาหรือยัง"
"เอ่อ...คือ.. "
"ถวายงานสมเด็จเจ้าหลวงเมื่อคืนเเล้วใช่ไหม"
"พระมหาเทวัญ คือหม่อมฉัน ..."
"บอกเเล้วไงว่าไ่ม่ต้องกลัวข้าพระสนมเอกหาได้ทำอะไรผิด เป็นเข้าไปดูแลผัวก็เป็นปกติวิสัย"
"โอ๊ยย ขอประทานอภัยพระเจ้าข้า พระนายท่านเหตุพระทัยเย็นนัก สมเด็จเจ้าหลวงเคยตรัสว่าจะมีพระนายท่าน
เพียงผู้เดียว เหตุใดครองเมืองได้ครึ่งปีก็มีพระสนมเอก แล้วนี้ไปฮู้หลินคงไม่ได้บาทบริจาริกากลับมาด้วยนะ
จริงอย่างโบราณว่า อันคำชายเหมือนหลักปักเลน น้ำกลิ้งบนใบบอน" วิชยพูดขึ้นด้วยความโมโหแทน
เจ้าหลวงดนุยิ้มและขำ "ท่านขำอันใดพระนายท่าน นี่ข้าเดือดแทนอยู่นะ"
"ถ้าเจ้าหลวงประจิมทิศมีคุณหญิงรอง พี่ท่านมิเล่นงานเรือนพังเลยหรือ สนมหรือเทวัญเมืองใดก็ไม่น่าหนักใจ
เท่ากับสนมหรือเทวัญที่มาจากเจ้านางมยุราหรอก ทำใจและรอรับศึกเถิดพระสนมเอก"
"ขนาดพระนายท่านยังปลงได้ หม่อมฉันก็ต้องปลงให้ได้"
"ดีแล้ว เพื่อฐานะที่มั่นคงพระสนมเอกต้องให้โอรสกับสมเด็จเจ้าหลวงเท่านั้นนี่แหละที่ข้าต้องการ"
"ฝ่ายประจิมทิศก็คือพระมหาเทวัญธิราช พระสนมเอกฝ่ายบูรพาก็มาเเล้ว ก็เหลือฝ่ายทักษิณทิศและ
อุดรทิศที่ยังไม่มาหรืออาจมาเร็วๆนี่ โอ๊ยปวดหัว"
"แก้ว"
"พระเจ้าคะ"
"หาโอสถแก้ปวดเศียรให้คุณท้าววิชยกินที 55"
ดูท่าพระมหาเทวัญธิราชและพระสนมเอกจะอยูร่วมกันได้อย่างปกติ ด้วยความที่มีเครื่อญาติเป็นฝ่ายบูรพาเช่นกัน
แต่ทว่า เริ่มตนตอนแรกวิชยที่ร้ายๆยังต้องปวดหัว แล้วต่อไปจะแซ่บขนาดไหนฝากติดตามต่อไปเรื่อยๆอย่าเบื่อ
กันนะครับ..................
ขอบคุณครับ ชอบครับ ขอบคุณครับ ชอบๆ ดีๆๆๆ กรรมเป็นอย่างไร แล้วเมฆจะหยุดที่ผัว 3 หรือตาม ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ สนุกมาก สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ก็ต้องมีเมีย ญ อยู่ดี สงสารดนุ ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2