weerawat1456 โพสต์ 2021-5-13 05:29:57

เพื่อน เสียวเรื่องยาว7

    เพื่อนๆ เคยเห็นใช่หรือเปล่า เสื้อยืดตัวเล็กๆ ธรรมดาแต่โนบรานี่มันเห็นข้างในชัดเจนกว่าสายเดี่ยวอีกนะ เพราะเสื้อมันรัดจนเป็นรูปเลยว่าข้างในเป็นยังไง เวลาเดินผ่านเนี่ยไม่ต้องเดาเลยว่าไซส์อะไร แล้วไอ้จุดที่ลิ้นของผู้ชายชอบลงไปแลนดิ้งก็ดันเสื้อออกมาซะจนเห็นเป็นเม็ดเลย ผมนั่งกินเบียร์อยู่ ต้องใช้เวลานานมากกว่าเบียร์จะลงคอ เพราะต้องเงยหน้ามองเต้าเดินได้พวกนั้น เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะประมาณ 32-34B ก็ขนาดปานกลาง ที่พูดนี่ไม่ได้ว่านะ แต่จะชมต่างหาก เพราะแสดงว่าคนที่นั่นมีความมั่นใจในตัวเองสูงกว่าคนกรุงเทพเสียอีก ก็เค้ามีดีจะอวดนี่ เคยรู้จักคนนึงเป็นคนอำเภอด้านนอก เพราะเราต้องติดต่องานกัน นั่นสิ XL ของจริง แต่ขอโทษเถอะมีแต่ปริมาณ เวลาเคล้นนมเธอให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเอามือขยำแป้งเต้าหู้อยู่ เพราะมันนิ่มจนแทบจะเละไปหมดแล้ว ตอนที่ถอดยกทรงออก พอเห็นแล้วก็ต้องส่ายหน้าเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เอาวะ ก็ได้อาศัยเธอช่วยเหลือเป็นบางครั้งตอนประจำอยู่ที่นั่น ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องสถานที่ เพราะที่นั่นมีม่านรูดเกือบทุกถนนเลย แต่ถ้าไม่ชอบม่านรูดก็เข้าโรงแรมธรรมดาก็ได้ ค่าห้องไม่แพงหรอก แต่เอามานอนบนคอนโดที่ผมอยู่ไม่ได้นะ เพราะแฟนผมชอบสร้างความประหลาดใจให้ผมโดยการขึ้นไปเยี่ยมโดยไม่บอกให้ผมรู้ตัวล่วงหน้าบ่อยๆ ผมไม่อยากให้เธอประหลาดใจบ้างน่ะ
         บ่นอะไรอีกซักนิดนึงเถอะ ที่นั่นค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่ขอโทษนะ เงินเดือนของคนที่นั่นโดยเฉลี่ยแล้วต่ำติดดินเลย ปริญญาตรีที่นั่นเริ่มต้นเงินเดือนที่ห้าพันกว่าบาท ผมแปลกใจมากว่าเค้าอยู่กันได้ยังไง สมัยผมไปอยู่ที่นั่น ผมใช้ฐานเงินเดือนที่นี่ไปอยู่ที่นั่นประมาณสี่หมื่นกว่าบาท แต่ไม่ค่อยเหลือเก็บเท่าไหร่หรอก ที่ไม่ค่อยเหลือเก็บเพราะบางทีก็สงสารน้องๆ เค้า เด็กบางคนพ่อแม่ไม่ค่อยมีเงินหรอก แต่อยากให้ลูกสาวเรียนโรงเรียนดีๆ ไม่อยากเอ่ยชื่อโรงเรียน ผมรู้จักเด็กคนนึง ไปเจอกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ โรงเรียน ได้เงินไปโรงเรียนวันละสามสิบบาท มันจะไปพอกินอะไร แล้วเด็กกำลังโตก็อยากได้ของใช้เหมือนๆ เพื่อนที่โรงเรียน ไหนจะลิปสติกเอย แป้งเอย ไหนจะเสื้อผ้า ไหนจะกระเป๋า ไหนจะมือถือ พอซื้อมือถือให้แล้วก็ไม่มีเงินซื้อบัตรเติมเงินอีก ต้องคอยเติมเงินให้อยู่เรื่อย อีกอย่างแกก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว เคยไปบ้านแก บ้านแกเป็นบ้านชั้นเดียว หลังเล็กนิดเดียว จะให้อุดอู้อยู่ในบ้านอย่างเดียวได้ยังไง เสาร์อาทิตย์แกก็อยากออกมาเที่ยวข้างนอกบ้าง แต่ถ้าออกมาเองก็ไม่มีตังค์ น่าสงสารเชียว
         ระดับมหาวิทยาลัยก็มีนะ ที่นั่นค่าเทอมแพงมาก ก็ได้รู้จักน้องคนนึงลำบากมาก กลางวันเรียน ตอนกลางคืนต้องทำพาร์ทไทม์เป็นเด็กเชียร์เบียร์อยู่ในร้านแถวๆ คลองชลประทาน ที่บ้านทำสวนลำไยเล็กๆ มันก็ไม่พอค่าเทอมหรอก แกพยายามรวบรวมเงินเพื่อเอาไว้เรียนหนังสือ ผมน่ะสนับสนุนคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงอย่างนี้อยู่แล้ว ก็เลยไปอุดหนุนเบียร์ที่แกเชียร์อยู่บ่อยๆ แล้วบางทีน้องคนเนี่ยเค้าเหนื่อยเรื่องเรียน เรื่องงาน มากๆ เข้าก็อยากไปพักผ่อนแต่ไม่มีรถ ไอ้เราก็พอจะมีรถเล็กๆ เอาขึ้นไปใช้ที่โน่นด้วย ก็รับภาระพาแกไปเที่ยว ตามใจแกทุกอย่าง เคยพาแกไปเที่ยวบ้านโบราณที่เชียงแสน แต่ค่อนข้างแพงเหมือนกัน คืนนึงเกือบสี่พันบาท ก็ให้แกนอนพักผ่อนอยู่ที่นั่นสองวันจนหายเหนื่อยแล้วก็พาแกมาส่ง ส่วนผมก็กลับคอนโดนอนเป็นตาย เพราะแกถ่ายเทความเหนื่อยมาไว้ที่ผมจนหมดเลย ตอนนั้นผมเห็นว่าตัวเองพอมีเงินนิดๆ หน่อยๆ ก็เลยช่วยค่าขนมน้องเค้า ซื้อของให้บ้าง ไม่อยากให้พวกแกลำบาก แบ่งๆ กันไป พวกแกก็ตอบแทนบุญคุณมา ก็ไม่ถือว่าเป็นหนี้เป็นสินอะไรกัน
         น้องคนเล็กนี่ยังเด็ก อุปกรณ์ในการตอบแทนบุญคุณของแกยังไม่ค่อยสมบูรณ์นัก อย่างอุปกรณ์ชิ้นบนนี่มันเพิ่งจะตูมขึ้นมาเอง ส่วนอุปกรณ์ชิ้นล่างก็ยังสะอาดสะอ้าน ไม่มีอะไรมารกรุงรังเลย วิธีการตอบแทนบุญคุณของแกยังไม่ค่อยคล่องมากนัก ผมต้องคอยสอนแกว่าวิธีการตอบแทนบุญคุณที่ถูกต้องต้องทำยังไง แต่ตอนตอบแทนครั้งแรกเนี่ย แกแหกปากลั่นห้องเลย ต้องผ่านไปหลายๆ ครั้งนั่นแหล่ะถึงจะดีขึ้น แต่น้องคนโตนี่มีอุปกรณ์ในการตอบแทนบุญคุณสมบูรณ์แบบแล้ว ที่ชอบก็คืออุปกรณ์ข้างบนของแกมันใหญ่เกินตัวจริงๆ แล้วตอนที่กำลังตอบแทนบุญคุณกันอยู่นะ ไอ้ข้างล่างของแกนี่รู้สึกว่าจะพยายามขอบคุณผมอยู่ตลอดเวลาเลย และผมรู้สึกว่าแกจะสำนึกบุญคุณผมมาก มีลีลาการตอบแทนบุญคุณจนผมต้องออกค่าเทอมให้แกเลย แต่ออกให้บ่อยไม่ได้นะ เพราะแฟนคอยเช็คเงินในบัญชีอยู่เรื่อย แต่ไม่เล่ารายละเอียดล่ะ เพราะตั้งใจว่าจะให้ตอนนี้เป็นตอนจบ เดี๋ยวจะยืดเยื้อ จนผมกลับมาประจำกรุงเทพเหมือนเดิม ก็ยังมีกลับไปที่นั่นบ้างเป็นบางครั้ง เพราะบางทีก็ต้องขึ้นไปประชุม หรือไม่ก็สัมมนา ซึ่งก็มีทั้งประชุมบริษัทจริงๆ และอ้างที่บ้านว่ามีประชุม ทุกครั้งก็จะแวะไปเยี่ยมน้องๆ ใครขาดเหลืออะไรผมก็ช่วย น้องเค้าก็ตอบแทนบุญคุณกลับทุกครั้ง แล้วพอไปเรื่อยๆ น้องคนเล็กก็รู้จักปรับปรุงลีลาการตอบแทนบุญคุณจนสูสีกับน้องคนโตแล้ว
         แต่ช่วงหลังๆ ผมไม่ค่อยได้ขึ้นไปแล้วล่ะ เพราะข่าวเรื่องเอดส์ของที่นั่นดังมาก จนผมไม่กล้าให้พวกแกตอบแทนบุญคุณอีกแล้ว กลัวว่าแกจะจ่ายดอกเบี้ยมาให้ด้วย พึ่งเลิกขึ้นไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพื่อนๆ ที่กำลังอ่านอยู่แล้วเป็นคนที่นั่นคงรู้ว่าผมหมายถึงโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอะไรแน่ๆ เลย ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องต่างจังหวัดแล้ว อยากจะเล่าเรื่องบางเรื่องให้เพื่อนๆ ฟังหน่อย ตอนก่อนที่จะไปประจำอยู่ที่นั่น ผมก็ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพกับที่นั่นบ่อยๆ มีครั้งนึง ไปทำงานแล้วถือโอกาสไปเที่ยวที่สุดขอบประเทศ ก็ได้รู้จักสาวพม่าคนนึงชื่อนัชชิกา แต่เธอชอบให้ผมเรียกว่าเคเคมากกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไร เคเคเป็นคนเชียงตุง ข้ามจากท่าขี้เหล็กมาค้าขายอยู่ที่แม่สาย เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยย่างกุ้งนะ แต่ทำไมถึงมาขายของก็ไม่รู้ ผมขึ้นไปพักอยู่ที่โรงแรมวังทอง เราไปรู้จักกันที่นั่นเพราะผมเดินเที่ยวในตลาด แล้วไปเลือกซื้อของที่ร้านของเธอ ผมไปร้านเธอสองสามครั้งก็ได้คุยกันหลายเรื่อง เราคุยกันภาษาไทยนะ แต่สำเนียงเวลาเธอพูดภาษาไทยมันโคตรห้วนเลย ผมพยายามฝึกพูดภาษาพม่า แต่ก็ได้แค่คำเดียวว่าเมงกลาบา แปลว่าสวัสดี แค่นั้น พอเคเครู้ว่าผมมาจากกรุงเทพ เธอบอกผมว่าเธออยู่ในพม่าลำบากมาก เงินเดือนที่นั่นนิดเดียวเอง เธอจบปริญญาตรี ถ้ารับราชการก็ได้เงินเดือนหกร้อยบาท มันจะไปพอกินอะไร เข้ามาค้าขายในไทย ด่านเปิดหกโมงเช้า พอหกโมงเย็นก็ต้องกลับแล้ว เธออยากมาอยู่ในไทย แต่ไม่รู้จะทำยังไง เข้ามาได้ลึกที่สุดแค่ด่านแม่จันเอง เธอบอกว่าเธอมีเงินเก็บนะ ถ้าใครช่วยได้ เธอก็ยินดีจ่ายไม่อั้น
         ผมสารภาพกับเพื่อนๆ ว่าผมช่วยเธอไม่ได้หรอก ใครจะไปช่วยได้วะ ไม่ได้ทำงานตม.นี่หว่า แต่ความคิดชั่วๆ มันวูบขึ้นมา ไม่ได้อยากได้เงินเธอหรอกนะ แต่รูปร่างของเธอเท่าที่เห็นคร่าวๆ มันน่าเอาจริงๆ แล้วผมก็อยากลองสาวๆ ชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยดูบ้าง ว่ามันจะแตกต่างกันหรือเปล่า ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้กฎหมายไทยหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าจะรู้ ก็เลยบอกเธอว่ามีวิธีนึงที่น่าจะทำให้เธอเข้ามาอยู่หรือมาเป็นคนไทยได้ ก็คือแต่งงานหรืออยู่กินกับคนไทย สารภาพว่าไม่รู้หรอกนะว่าเรามีกฎหมายข้อนี้หรือเปล่า แต่ผมเอามาจากกฎหมายอเมริกา เคเคสนใจมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ผมก็สวมรอยว่าเอาอย่างนี้ ผมช่วยก็แล้วกัน ผมจดทะเบียนสมรสกับเธอก็ได้นะ แล้วเข้ามากรุงเทพด้วยกันในฐานะเมียผม แล้วพอมาถึงกรุงเทพเราค่อยหย่ากันก็ได้ ถึงตอนนั้นเธอก็เป็นคนไทยแล้ว จะทำยังไงต่อไปก็เป็นเรื่องของเธอ ที่พูดนั่นพูดเล่นๆ นะ ไม่คิดว่าเธอจะสนใจ แต่เธอกลับทำท่ากระตือรือร้นมาก บอกว่าเธอสนใจจริงๆ ถ้าไม่รบกวนผมจนเกินไป เธอก็ขอความช่วยเหลือด้วย อ้าว เข้าทางเลยสิ ผมก็บอกว่าถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวตอนบ่ายไปคุยรายละเอียดและวิธีการในโรงแรมที่ ผมพักอยู่ดีกว่า เพราะไม่อยากคุยอะไรกันที่นี่ และผมจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพให้ฟัง เคเคเข้ามาคุยกับผมในห้อง คงตื่นเต้นเพราะเห็นช่องทางที่จะเข้ามาอยู่ในไทยอย่างถูกกฎหมาย แต่ตอนนั้นผมหัวหมุนไปหมดเลยเพราะไม่รู้กฎหมายซักอย่าง แล้วก็พูดออกไปแล้วด้วย บอกตรงๆ ว่าที่พูดออกไปเพราะอยากเอาเธอเท่านั้น
         เคเคเป็นสาวผิวขาวเหลืองซึ่งผมไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก ใบหน้าเรียวได้รูป ผมยาว รูปร่างผอม แต่ดูแข็งแรง อาจเป็นเพราะพม่าไม่มีรถใช้ก็ได้ ต้องเดินเป็นส่วนใหญ่ทำให้ดูแข็งแรง ซึ่งในชีวิตผม ส่วนใหญ่จะเจอแต่พวกคุณหนู นั่งกินนอนกิน ตัวนุ่มนิ่มไปหมด ก็เลยอยากลองอะไรที่มันแปลกออกไปบ้าง แต่จะพูดยังไงกับเธอดีล่ะ เธอถึงจะยอมให้เอา เพราะผมไม่ชอบบังคับใคร เธอถามผมว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ผมบอกว่าไม่มี เพราะผมไม่ได้คิดจะหากำไรจากการช่วยเหลือกันอย่างนี้ แต่ผมขอเธอตรงๆ ว่าวันนี้ไม่ต้องกลับท่าขี้เหล็กนะ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็ลงไปเปิดร้านตอนเช้าได้เลย เคเคมองหน้าผมนานมาก จนผมกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ ตอนนั้นผมอยากจะเดาว่าเธอกำลังคำนวณผลได้ผลเสียอยู่ เพราะผมชวนเธออย่างนี้ เธอคงรู้แล้วว่าผมหมายถึงอะไร ยิ่งผมบอกว่าผมไม่อยากได้เงินจากเธอด้วย ผมนั่งรอเธอตัดสินใจไม่ได้ไปเร่งอะไร ซักพักเธอก็พยักหน้า ผมก็ยิ้มสิ เคเคถามผมตรงๆ ว่านั่งคุยกันอย่างเดียว ไม่ต้องมีอะไรกันได้มั๊ย ผมก็ตอบเธอตรงๆ เหมือนกันว่าผมอยากมี แต่ผมไม่บังคับเธอ ถ้าเธอคิดว่ามันไม่คุ้มที่เธอจะต้องแลก ก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่แล้ว เคเคนั่งนิ่ง ผมก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไร ชวนเธอนั่งคุยอยู่ในห้องเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ลองเสี่ยงเดินไปนั่งข้างๆ เธอ กลัวเหมือนกันแหล่ะว่าเธอจะว่า แต่เคเคก็นั่งนิ่งอย่างนั้น ผมลองกอดเธอ เคเคทำท่าขืนนิดนึงแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ผมยิ้มแฉ่งเลยล่ะ ไม่ต้องรออะไรแล้ว ประคองเธอไปนอนบนเตียงแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อกับกางเกงเธอออก
         เคเคนอนหลับตานิ่ง ผมไม่ยอมเสียเวลานะ ทั้งร่างเธอเหลืออยู่แค่ยกทรงกับกางเกงในเท่านั้น พอก้มลงไปจูบใบหน้าเธอก็ได้กลิ่นหอมของแป้งพม่า มันหอมจริงๆ นะ ผมเลื่อนมาประกบปากเธอ เคเคนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผมแซะปลายลิ้นเข้าไปในปากเธอ เธอจึงยอมเปิดปากให้ ดูท่าทางเธอไม่ค่อยเป็นงานเท่าไหร่นัก ผมจูบปากเธอชั่วครู่จึงค่อยๆ เลื่อนใบหน้าลงมาจนถึงซอกคอ สองมือไขว้ไปอยู่ด้านหลังและปลดตะขอยกทรงเธอออก เคเคขืนนิดนึงแต่ผมไม่สนใจ ปลดยกทรงออกจากแขนเธอดึงออก นมของเธอสวยจริงๆ แน่นกระชับ ปลายติ่งยังออกสีชมพูจางๆ อยู่ จากที่เห็นเชื่อว่าเธอยังไม่เคยผ่านอะไรมามากนัก ผมเคล้นคลึงทั้งมือและลิ้นเข้าใส่สองเต้าของเธออย่างตื่นเต้น ไม่เคยเอาคนชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยนี่หว่า ไม่รู้ว่าจะแปลกจากคนไทยแค่ไหน พอซุกไซ้ใบหน้าบนเต้าพอใจแล้ว ผมก็ค่อยๆ ดึงกางเกงในเธอรูดออกจากปลายเท้า เคเคนอนหนีบขาแน่น ผมเหลือบลงไปมองแล้วก็ต้องแอบยิ้ม เพราะเธอไม่มีขนอะไรมาปิดบังเนินเนื้อแม้แต่เส้นเดียว ซึ่งผมไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก เนินเนื้อของเธอขาวสะอาดแต่จะหอมหรือเปล่าไม่รู้ เพราะผมไม่กล้าเลื่อนใบหน้าลงไปข้างล่าง ก็คนมันแปลกหน้าขนาดนั้น ใครจะไปกล้า จัดการเสื้อผ้าเธอจนหมดแล้ว ผมก็หันมาจัดการกับตัวเองบ้าง จนเปลือยหมดทั้งร่างเหมือนเธอ สาวพม่านี่ผิวละเอียดดีจัง เวลาถูตัวกับร่างของเธอ มันลื่นเนียนไปหมด ท่อนเนื้อผมพร้อมแล้ว รอเพียงแค่เธอพร้อมเท่านั้น ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยบนร่องของเธอเบาๆ จากบนลงล่างสลับไปมา เคเคนอนบิดอยู่บนเตียง ครางเบาๆ ซักพักก็รู้สึกว่าร่องของเธอหลั่งน้ำเอ่อซึมออกมา คงใช้ได้แล้วมั๊ง
         ผมค่อยๆ สอดตัวเข้าไปอยู่กลางหว่างขาเธอ เคเคหรี่ตาขึ้นมามองหน้าผม ผมจับต้นขาเธอแยกออกจากกันร่องเนื้อกลางลำตัวเผยอออกจากกัน ผมพยายามจับท่อนเนื้อเขี่ยไปมาบนติ่งเนื้อของเธอ แต่มันมีขนาดเล็กมากจนมองแทบไม่เห็น เคเคร้องครางในลำคอ บิดเอวไปมา ผมทนไม่ไหวแล้วก็เลยค่อยๆ ดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องของเธอ พอส่วนหัวมุดเข้าไป เคเครีบผลักอกผมไว้ บอกว่ามันเจ็บมาก แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจแล้ว ค้างนิ่งในท่านั้นซักพักจนรู้สึกว่าต้นขาเธอคลายอาการเกร็ง เธอเอามือออกจากอกผม ผมก็ตัดสินใจดันท่อนเนื้อเข้าใส่ร่างเธอต่อ แต่คราวนี้ไม่ขยักไว้อีกแล้ว เธอนอนดิ้นพล่าน เพราะผมกดร่างเข้าไปในตัวเธอจนหมดดุ้น พอสุดแล้วก็ประกบร่างนอนกอดเธอไว้ จะบอกเพื่อนๆ ว่าเคเคยังซิงอยู่เลย เพราะช่วงสุดท้ายที่ดันท่อนเนื้อ ผมต้องแหกด่านเข้าไปนะ มันผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านสุดท้าย ซึ่งน่าจะเป็นด่านที่ทำให้เธอดิ้นขนาดนั้น เคเคนอนน้ำตาไหลจากหางตา แต่ผมรู้สึกเสียวไปหมดทั้งท่อน ร่องของคนพม่านี่มันแน่นกระชับดีจริงๆ ผมนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นรอให้เธอหายเจ็บ จนรู้สึกว่าภายในร่องของเธอคลายจากอาการเกร็งแล้ว ก็เริ่มทำสงครามระหว่างไทยกับพม่าทันที ร่องเนื้อของเธอร้อนผ่าว แน่นกระชับจนผมแทบเข้าตีเธอไม่ได้ เธอเป็นฝ่ายรับการรุกของผมอย่างเดียว ดูก็รู้ว่าเธอยังไม่เคยผ่านการทำสงครามมาก่อน แต่ไม่เป็นไร ผมตีฝ่ายเดียวก่อนก็ได้ เคเคนอนนิ่งให้ผมอาศัยสองเต้าของเธอเป็นที่ยึดตัวไว้
         ขณะที่กระแทกเอวเข้าใส่ร่างเธอจากช้าๆ จนค่อยๆ เร่งเร็วขึ้น ว่าจะยั้งๆ รอเธอให้ไปพร้อมๆ กัน แต่ทั้งเต้าและทั้งร่องของเธอมันทำให้ผมไม่สามารถอดทนรอเธอได้ ผมกระแทกอยู่บนร่างเธอซักพักก็ต้องกลั้นใจ กดร่างบดทับกับร่างของเธอ เคเคสะดุ้งเฮือกเมื่อผมฉีดน้ำเข้าใส่ร่องของเธอเป็นจังหวะ ผมรอจนหลั่งน้ำเข้าใส่ร่างเธอหมดแล้วจึงค่อยๆ ถอนตัวลงมานอนข้างๆ เธอ อยากจะบอกเพื่อนๆ ว่าผมแก้แค้นแทนสงครามตอนที่พม่ายกมาตีกรุงศรีเรียบร้อยแล้วล่ะ ถล่มค่ายพม่าซะเละเทะเลย ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผมอยู่ที่นั่น เราเอากันทุกวัน เธอขายของที่ร้านได้ซักพักก็จะปิดร้านแล้วขึ้นมาหาผมที่ห้องเพื่อมานอนกับผม แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะทวงสัญญาเรื่องพาเธอมากรุงเทพด้วย ผมยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง แต่ตอนนั้นมันมีหน้าที่เอาก็ต้องเอาอย่างเดียว อย่างอื่นไว้คิดทีหลัง ผมก้มหน้าก้มตาฉีดน้ำใส่ร่างของเธอทั้งปากบนปากล่าง เคเคคล่องขึ้น เป็นงานขึ้น ที่ชอบมากก็คือเห็นรูปร่างผอมๆ อย่างนั้นแต่เนื้อเธอแน่นไปหมดทั้งตัวเลย ที่จริงถ้าเธอเป็นคนไทย ผมก็อยากจะชวนเธอลงมาเที่ยวกรุงเทพด้วยเหมือนกัน เพราะยิ่งเอายิ่งสนุก แต่เธอเป็นพม่า แค่ด่านแม่สายเธอก็ผ่านมาไม่ได้แล้ว ผมปีนขึ้นปีนลงอยู่บนร่างของเธอจนหมดเวลา ต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพแล้ว คืนสุดท้ายที่อยู่ที่นั่น เคเคไม่ยอมกลับท่าขี้เหล็ก เอ๊ะ! ผมบอกไปแล้วนี่ว่าคนพม่าที่ข้ามฝั่งมา ต้องกลับเข้าด่านก่อนหกโมงเย็น แต่คืนนั้นเธอแอบนอนอยู่กับผมในห้อง ผมรู้นี่ว่านี่เป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะอยู่แม่สายแล้ว
         คืนนั้นผมก็เลยใช้พลังงานเฮือกสุดท้ายเอาเธอเกือบทั้งคืน เพราะรู้ว่าคงจะไม่ได้เจอเธออีก ตอนเช้าเธอไปเปิดร้าน ผมนอนอยู่ในห้อง บนเตียงมีแต่คราบน้ำของทั้งเธอและผมเลอะเทอะไปหมด ผมรู้สึกผิดเหมือนกันแต่ไม่รู้จะทำยังไง นอนตัดใจซักพักก็เก็บของแล้วลงมาเช็คเอาท์ ขับรถกลับกรุงเทพโดยไม่ได้บอกลาเธอ ก็จะไปลาได้ที่ไหนกัน เธอรอให้ผมพากลับกรุงเทพด้วย ขืนไปลาก็ไม่ได้กลับสิ แล้วตั้งแต่นั้นผมก็ไม่เคยกลับไปนอนที่วังทองอีกเลย ตายแล้ว ตั้งใจจะเล่าเรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ดันออกไปเรื่องไหนก็ไม่รู้ ก็อย่าถือสากันนะ เพราะผมก็เล่าไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหล่ะ และก็ถือว่าเป็นตอนสุดท้ายแล้วด้วย อยากพูดอะไรก็พูดออกไปเรื่อยเปื่อย คราวที่แล้วถึงไหนนะ อ้อ ถึงตอนที่ผมชวนแตงโมเดินเข้าม่านรูดแล้วก็ส่งเธอกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่เคยมีอะไรกันอีกเลย ถึงแม้เธอจะหุ่นดี แต่ข้างในของเธอมันแทบจะหมดสภาพแล้ว ให้ไอ้พวกหนุ่มๆ ที่มารับเธอเก็บไว้ใช้ดีกว่า นี่ก็เป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ ว่าอย่าคาดหวังอะไรในสิ่งที่เรายังไม่เห็น บางทีเห็นสาวๆ น่ารัก หุ่นดี แต่พอเปิดข้างในออกมา ก็รู้สึกว่าถ้าต้องเสียเวลาเอาคุณเธอพวกนี้ เอาเวลาไปนั่งกินเหล้าดีกว่า พูดแล้วยังเคืองพี่เอกไม่หายเลย หลอกให้ผมเสียเวลาประกบอยู่ตั้งนาน หลังจากนั้นพอผมเจอหน้าแตงโม เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่รำคาญไอ้บิ๊ก เพราะมันคอยแต่จะถามผมอยู่นั่นแหล่ะว่าคืนที่เลี้ยงปีใหม่ ผมไปไหนกับแตงโม ใครจะอยากเล่าให้มันฟังวะ
         ปีสี่เป็นปีที่ผมมีกิจกรรมทางเพศน้อยมากเพราะต้องเรียนหนัก ทำเป็นเล่นไป เกรดผมสูงกว่าเกณฑ์ที่จะอนุมัติจบแค่นิดเดียวเอง พลาดพลั้งไปต้องมาเรียนอีกปีเพื่อแก้เกรด เสียเวลาตายห่าเลย และจะบอกเพื่อนๆ ว่าไอ้หนุ่มเลิกกับแฟนแล้ว ผมว่าแฟนมันคงทนอยู่กับนกกระจอกอย่างมันไม่ได้แน่ๆ เลย ถ้าจะให้เล่าเรื่องกิจกรรมบนเตียงสมัยปีสี่ อืม มันไม่มีอะไรในคณะจะเล่าให้ฟังอีกแล้ว เพราะน้ำก็แตะไม่ได้ รินก็แตะไม่ได้ ส่วนแตงโมนี่ผมไม่อยากแตะเอง ผมไปมีอะไรข้างนอกทิ้งทวนการเรียนกับน้องจากมหาวิทยาลัยเพื่อนบ้าน น้องฝ้ายอยู่ปีสองของมหาวิทยาลัยนั้น ผมได้รู้จักกับเธอผ่านทางเพื่อนที่อยู่ชมรมเชียร์ซึ่งทั้งสองมหาวิทยาลัย มักจะนัดคุยกันเกี่ยวกับงานเชียร์เสมอๆ ผมก็ไปกับเพื่อนด้วย ไม่ได้มีอะไรหรอก ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศแค่นั้น เจอหน้าเธอครั้งแรก บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้มีความสนใจแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอโคตรของโคตรเด็กเรียนเลย เด็กอะไรวะ เรียนปีสองแล้วยังผูกผมเปียอยู่เลย ผมเจอเธอครั้งแรกเนี่ยเธอกำลังนั่งซ่อมเพลทอยู่ เพื่อนๆ ที่เคยแปรอักษรคงรู้จักนะ ผมมักจะพูดเสมอๆ ว่าคนมันจะได้เอา ยังไงๆ มันก็ได้เอา เหมือนฟ้ากำหนดมาไว้แล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ว่าจะได้เอาเมื่อไหร่แค่นั้นเอง อานิสงค์ที่ผมไปนั่งๆ นอนๆ บางทีก็แอบเอารายงานไปนั่งทำด้วยที่มหาวิทยาลัยนั้นกับเพื่อน ทำให้ผมกับฝ้ายได้คุยกันมากขึ้น ฝ้ายเป็นเด็กขี้อายมากๆ ล้ออะไรนิดนึงก็นั่งหน้าแดง ม้วนไปม้วนมา ตอนนั้นผมมองเธอแบบเอ็นดูจริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อนๆ ลองมองเด็กซักคนนึงสิ แล้วตัดความรู้สึกว่าน่าเอาออกไปซะ ที่เหลือนั่นแหล่ะคือความรู้สึกของผม
         ผมนั่งคุยกับฝ้ายไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ชักสนิทแฮะ ตอนหลังๆ กลายเป็นว่าผมเป็นคนเร่งเพื่อนเองว่าเมื่อไหร่จะไปที่นั่นซักที คุยไปคุยมาฝ้ายชวนให้ผมช่วยซ่อมเพลทกับเธอ ที่จริงผมเกลียดงานอย่างนี้มากๆ เพราะมันน่าเบื่อ แต่ก็ไม่อยากขัดใจ อีกอย่างนึงก็เห็นว่าตัวเองว่างๆ ช่วยก็ได้วะ แต่พอผมช่วยเธอทำเพลทแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่นั้นมาผมก็ช่วยเธอมาตลอด ที่จริงก็ไม่ใช่เป็นคนดีอะไรหรอกนะ แต่เพราะเวลานั่งทำเพลท เรานั่งทำกับพื้น ฝ้ายก้มหน้าก้มตาทำ ไอ้ผมนั่งอยู่ตรงข้ามก็เลยเผลอมองเข้าไปในเสื้อเธอ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ มันเห็นเองนี่หว่า ถ้าเธอไม่อยากให้ผมเห็น ก็ต้องปิดกระดุมมาถึงคอสิ แต่นี่เล่นใส่ตามปกติมันก็ต้องเห็นอยู่แล้ว ครั้งแรกที่เห็นเธอใส่ยกทรงสีชมพูอ่อน ผมเสียสมาธิการซ่อมเพลทเลย ใส่โค๊ดผิดๆ ถูกๆ คราวนี้รู้สึกว่าฝ้ายไม่ใช่เด็กอย่างที่คิดแล้ว ไอ้ความรู้สึกเอ็นดูมันก็ชักจะเปลี่ยนไปยังไงๆ ชอบกล แล้วอย่างที่เคยบอกเพื่อนๆ ไง ว่าช่วงหลังๆ นี่ ผมแทบไม่มีกิจกรรมบนเตียงเลย พอมีหนังตัวอย่างมาให้ดูอย่างนี้ ก็เลยชักจะนั่งทำงานไม่ได้แล้ว แล้วความรู้สึกโลภก็บังเกิดขึ้น เห็นแค่ยกทรงอย่างเดียวก็ชักอยากเห็นอย่างอื่นบ้าง แต่ทำยังไงจะได้เห็นล่ะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่คณะของผมนี่ จะได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องสถานที่ ช่วงนั้นเลยกลายเป็นว่าผมไม่ค่อยได้อยู่ในคณะเท่าไหร่ พอว่างก็รีบล็อกคอเพื่อนมาที่มหาวิทยาลัยของน้องฝ้าย เพื่อช่วยเธอทำเพลททันที เราสนิทกันมากขึ้น ฝ้ายม้วนไปม้วนมาน้อยลง
         เพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยนั้นมองหน้าผมแปลกๆ คล้ายกับว่ามาจีบน้องชมรมเขาหรือเปล่าวะ ผมอยากจะบอกพวกมันว่ากูไม่ได้มาจีบ กูมาหาทางดูไอ้ที่อยู่ข้างในของน้องชมรมมึงต่างหาก แต่พูดไม่ได้นะ ผมไม่อยากถูกกระทืบออกมาจากที่นั่น ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่งช่วยฝ้ายทำโน่นทำนี่ จนเพื่อนชวนกลับคณะผมก็ไม่กลับ อยู่ช่วยเธอจนเย็น จากการที่อยู่จนเย็นบ่อยๆ เข้า ผมก็ได้มีโอกาสส่งเธอกลับบ้าน แต่ไม่ได้เข้าบ้านเธอหรอกนะ เพราะคนในบ้านมีเยอะมาก ผมขี้เกียจทัก ก็ส่งเธอแค่หน้าบ้าน บ่อยๆ เข้าก็กล้าที่จะชวนเธอกินข้าวข้างนอกก่อนเข้าบ้านเธอ แรกๆ เธอก็ปฏิเสธ แต่ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็ชวนเธอเรื่อยๆ จนเธอยอมกินข้าวกับผม ผมได้จับมือเธอแล้วนะตอนข้ามถนน เธอม้วนอยู่กลางถนนจนผมกลัวว่าเราจะตายซะก่อน แล้วอย่างที่บอกไงว่าถ้าเริ่มจับมือ อย่างอื่นมันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แล้วก็จริงๆ ด้วย วันเวลาผ่านไป ผมไปตามสเตปจนแอบหอมแก้ม หรือไม่ก็กอดไหล่เธอเวลาไปเที่ยวด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ วันหนึ่งเป็นวันอาทิตย์ ฝ้ายชวนผมมาที่ชมรมเชียร์ของเธอ เรานั่งกันสองคนอยู่ในห้องชมรม ฝ้ายก็นั่งทำโน่นทำนี่ของเธอ ผมมองตามแล้วมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ผมว่ารินเด็กแล้วนะ แต่ฝ้ายนี่เด็กกว่าเยอะเลย นึกยังไงก็ไม่รู้ ผมกระโดดไปนั่งข้างๆ เธอ แล้วถามว่าเดี๋ยวจะมีใครมาหรือเปล่า เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้นัดใครไว้ เธอตั้งใจจะมาทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จเท่านั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองเสียเวลามามากพอแล้วกับการเทียวไปเทียวมาที่นี่และอีกอย่าง ผมต้องเริ่มเน้นเรื่องเรียนแล้ว เลยตัดสินใจหอมแก้มเธอทีนึง ฝ้ายทำตาโตหันมามองหน้า คงไม่นึกว่าผมจะกล้าหอมแก้มเธอในชมรม ผมนึกว่าเธอจะด่า แต่กลายเป็นว่าเธอนั่งหน้าแดง ก้มหน้าไม่พูดอะไร
         ผมได้ทีก็เลยวิ่งไปล็อคประตูและกลับมานั่งข้างๆ พลางเอียงหน้าไปหอมแก้มเธออีกครั้ง เธอหันมาจะพูด ผมยื่นหน้าเอาริมฝีปากไปแตะกับริมฝีปากเธอ สงสัยว่าเธอจะเป็นโรคความดัน เพราะบนหน้าเธอมีแต่สีแดง หาพื้นที่สีขาวแทบไม่เจอเลย ฝ้ายกระซิบถามเบาๆ ว่าพี่ทำอะไร ผมไม่ค่อยชอบอธิบายเป็นภาษาพูด ก็เลยประกบปากกับเธออีกครั้ง ฝ้ายจะผงะหน้าออก แต่ผมรีบประคองศีรษะเธอไว้ แล้วแนบริมฝีปากกับเธอไว้จนแน่น เธอทำเสียงอึกอักซักพักปิดปากแน่น ผมใช้ปลายลิ้นเกลี่ยอยู่บนริมฝีปากเธอ ลิปมันที่เธอใช้มันหอมชื่นใจจริงๆ ผมค่อยๆ แซะปลายลิ้นเข้าไปในปากของเธอ ผ่านไปชั่วครู่ ฝ้ายจึงยอมเปิดปากของเธอออก ผมรออยู่แล้ว ปลายลิ้นฉกเข้าไปในปาก ควานหาปลายลิ้นของเธอจนสัมผัสกัน ฝ้ายนั่งตัวเกร็งปล่อยให้ผมบรรเลงเพลงลิ้นเข้าใส่เธอ ลมหายใจเธอหอมสดชื่น ยิ่งสร้างความอึดอัดให้ผมมากขึ้นไปอีก ไอ้ข้างล่างของผมไม่ต้องพูดถึง มันตื่นขึ้นมาตั้งแต่หอมแก้มเธอครั้งแรกแล้ว ยิ่งพอได้สัมผัสปลายลิ้นนุ่มของเธอ ยิ่งตื่นมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ฝ้ายไม่ได้ห้ามอะไรอีกแล้ว หลับตาพริ้ม เปิดปากรับปลายลิ้นของผมนิ่ง ผมจูบไปก็คิดคำนวณเวลาไปด้วย ถ้าผมเอา ถึงแม้จะรีบๆ ก็เถอะ ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที แล้วไอ้ภายในยี่สิบนาทีนี่จะมีใครมาเคาะประตูหรือเปล่าวะ ไม่น่าจะมีนะ ส่วนที่นอนนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะในห้องจะมีกำมะหยี่ซึ่งเขาไว้ใช้ตัดทำเพลทวางอยู่บนพื้น ตัดปัญหาเรื่องเจ็บหลังไปได้เลย พอคิดคำนวณทุกเรื่องแบบเข้าข้างตัวเองนิดๆ เสร็จแล้วก็ไม่ต้องรออะไรอีก
         ผมลูบไล้ร่างของเธอภายนอกเสื้อผ้าอย่างแผ่วเบาจนทั่ว ฝ้ายใส่เสื้อยืด กางเกงผ้า จนมือผมเลื่อนกลับมาอยู่บริเวณหน้าอกเธอ ฝ้ายเริ่มขยับจะปัดมือผมออก แต่เรื่องอะไรจะยอม มาถึงตรงนี้แล้ว ผมลูบไล้ด้านหน้าและใช้อุ้งมือคลึงสองเต้าของเธอเบาๆ ฝ้ายสะดุ้งจะร้อง แต่ผมยังประกบปิดปากเธออยู่ จากอุ้งมือที่คลึงอยู่ ผมเปลี่ยนมาใช้ทั้งฝ่ามือบีบเคล้นสองเต้าของเธอแผ่วเบา สองเต้าของเธอมีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่มันสร้างความตื่นเต้นให้ผมได้มากเลย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมข้ามถิ่นมาทำอย่างนี้นอกคณะหรือสถานที่ประจำ ถ้าเจ้าถิ่นรู้มีหวังผมตายห่าแน่ๆ ผมล้วงมือเข้าไปในเสื้อด้านหลังจนพบตะขอยกทรง เหมือนฝ้ายจะรู้ เธอพยายามดิ้นหลบ แต่มือผมสัมผัสกับตะขอจนได้ ขยับปลายนิ้วนิดเดียว ตะขอยกทรงของเธอก็หลุดออกจากกัน ฝ้ายพยายามขยับตัวหนี แต่ผมเลื่อนมือซ้ายโอบร่างของเธอไว้ ส่วนมือขวาขยับย้ายมาด้านหน้า ขยับมืออีกนิดเดียวฝ่ามือของผมก็เข้าไปสัมผัสกับเต้าเนื้อแท้ๆ ภายในยกทรงที่ถูกดันขึ้นไปด้านบน ฝ้ายสะดุ้งเฮือกไปทั้งตัว จะดันมือผมออก แต่ตอนนั้นผมโอนสัญชาติเป็นตุ๊กแกเรียบร้อยแล้ว พอมือเกาะบนเต้าของเธอก็กดแนบแน่นอยู่ตรงนั้น พลางบีบเคล้นเบาๆ เธอแอ่นตัวตามแรงเคล้นคลึงของผมอย่างเป็นจังหวะ ผมคลึงอยู่อย่างนั้นและรู้สึกว่าแรงต่อต้านค่อยๆ ลดลง อยากจะเล่นอย่างนี้ไปนานๆ แต่ไอ้ที่อยู่ข้างล่างมันคอยกระตุกเตือนอยู่ว่าทนไม่ไหวแล้ว และเวลาก็มีไม่มากด้วย ผมค่อยๆ ช้อนร่างเธอขึ้นมาแล้วไปวางบนกำมะหยี่ ทั้งที่ปากยังประกบอยู่เช่นนั้น พอวางลงฝ้ายรีบบอกว่าอย่าทำเธอเลย ผมโกหกเธออย่างแรงที่สุด กับรินหรือน้ำหรือใครๆ ที่ผ่านมา ผมไม่เคยบอกสาวๆ พวกนั้นเลยว่าผมรักพวกเธอ แต่ผมบอกฝ้ายว่าผมรักเธอ
         จะบอกเพื่อนๆ ว่าผมไม่ได้รักเธอหรอกนะ แต่ตอนนั้นเหตุการณ์มันพาไป ถ้าไม่พูดอย่างนั้น มันก็ต้องอธิบายเยอะว่าผมทำอย่างนั้นทำไม และเธอก็ต้องไม่ยอมแน่ๆ เลย ผมบอกฝ้ายว่าผมรักเธอ ทำทุกอย่างก็เพราะรัก แต่ถ้าฝ้ายไม่รักผมก็ไม่ต้องยอมก็ได้นะ ผมไม่บังคับใครอยู่แล้ว เธอนิ่งไป ส่วนผมโคตรลุ้นเลยเพราะวางรุกฆาตไปอย่างนี้ ถ้าเธอล้มกระดาน ผมต้องกลับคณะมือเปล่าแน่ๆ แต่รออยู่ก็ไม่เห็นเธอตอบอะไร ผมก็ลองก้มลงไปจูบปากเธอเบาๆ คราวนี้เธอเปิดริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผมเอง ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องรอคำตอบแล้ว ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ ริมฝีปากยังประกบกันอยู่ มือขวาลูบไล้ร่างของเธออย่างแผ่วเบาจนทั่ว ฝ้ายหลับตานอนนิ่ง ผมค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในเสื้อเธอและกุมเต้าที่แน่นกระชับเป็นก้อน พลางเคล้นมือเบาๆ เธอบิดตัวไปมา ซักพักเมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ผมจึงค่อยๆ ขยับตัวถอดเสื้อยืดของเธอออกจากศีรษะ และปลดตะขอกางเกงรูดซิป ก่อนจะดึงกางเกงผ้าออกจากปลายขาของเธอ ฝ้ายรีบเอาแขนบังส่วนบนและส่วนล่างจากสายตาของผม ผมอยากจะใช้เวลาชมความงามของเธอให้มากเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะอ้อยอิ่ง เมื่อเปลื้องชุดของเธอจนเหลือแต่ยกทรงที่ค้างครึ่งๆ กลางๆ

jumboa โพสต์ 2021-5-13 23:11:39

ขอบคุณ​ครับ.

MLava โพสต์ 2021-6-14 13:08:03

ขอบคุณ​ครับ.

sshheeeepp โพสต์ 2021-7-22 04:14:25

เยี่ยม

Sakron_1129 โพสต์ 2023-7-3 19:38:31

สนุกมากครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เพื่อน เสียวเรื่องยาว7