มิติรักต่างภพ ตอนที่ 3
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maximam เมื่อ 2021-6-3 13:02เช้ามืดกับบรรยากาศที่ยังมืดครึ้มไร้ซึ่งเเสงตะวัน ทิวตื่นนอนขึ้นมาก็เห็นว่าทัด กับ ชาติ เตรียมชุดเสื้อผ้า
พร้อมทั้งเตรียมที่อาบน้ำ ทิวก็เลย...
"นายท่าน มิต้องเก็บขอรับเดี๋ยวบ่าวเก็บเอง"
"ไม่ได้พี่ทัด ที่นอนข้า ข้านอน ข้าก็ต้องเก็บสิ"
"นายท่าน นายท่านเปลี่ยนไป"
"เปลี่ยนไป"
"ขอรับ เมื่อก่อนนายท่านมิเคยตื่นเช้า เก็บที่นอน และอ่อนข้อต่อคุณหญิงมาลา"
"เอาหน่า ป่ะเตรียมอาบน้ำเดี๋ยวคุณหญิงป้าจะรอ" คุณหญิงซึ่งเดินมากะว่าจะปลุกก็ได้เห็นทุกอย่างทั้งหมด
ก็เดินหลบมุมไป ทิวก็เดินไปที่ท่าน้ำด้านข้างหอนอนของตน "มาพี่อาบน้ำด้วยกัน"
"มิได้ขอรับ นายท่านศักดินาขั้นคุณหนู จะให้บ่าวอาบด้วยได้อย่างไรขอรับ"
"ข้าบอกเเล้วไง ว่าพี่กับข้าก็เหมือนญาติกัน มาอาบ"
"บ่าว 2 คนมันทำถูกแล้ว ไปไอ้ทัดไอ้ชาติไปอาบที่ส่วนของเอ็งเดี๋ยวเจ้านายเอ็งข้าดูแลเอง"
"เอ่อ...."
"มิต้องเอ่อ รีบอาบเเละเเต่งตัวให้เสร็จจักได้เตรียมแต่งกายให้คุณหนูของเอ็งได้ทันใส่บาตร"
"ขอรับ" ทัดกับชาติแยกตัวไปอีกท่าที่บ่าวจะอาบน้ำกัน ทิวก็ถอดเสื้ออกตามปกติโดยมิได้อายดังก่อน
"ปกติปิดเนื้อหวงตัว แล้วนี้เหตุใดจึงถอดเสื้ออกโดยมิอาย"
"โห้ คุณพี่ท่าน อยู่ค่ายทหารที่ลพบุรีแก้ผ้าอาบยังไม่อายกันเลย"
"ออเจ้าพูดอันใด ค่ายทหารที่ไหน แล้วลพบุรีคือเมืองใด" ทิวนึกขึ้นได้ว่านี้มันอีกยุคนี่หว่าหลุดพูดสมัยใหม่
ไปอีกแล้ว ทิวจึงพูดแบบแถๆไปว่า "อาบน้ำเถอะขอรับ" ทิวเดินลงบันไดท่าน้ำไปเพื่อตักน้ำอาบ
"เดี๋ยว ออเจ้ายังมิได้ตอบข้าเลย" ท่านขุนจึงดึงเเขนไว้ทิวจนทิวเซ ท่านขุนจึงเข้ามาประครองทำให้ทั้งคู่ได้เนื้อ
แนบเนื้อกัน "เฮ้ยยยย ...ขอโทษขอรับ" ทิวพูดขึ้นทั้งคู่ต่างตาสบตา ท่านขุนจึงพูดขึ้นว่า "มิเป็นไร ข้าทำออเจ้า
เซเอง รีบอาบน้ำเถอะดูท่าเหมือนฝนจะตก เป็นไปได้ก็ขัดหลังให้ข้าด้วยก็ดีนะ" ท่านขุนพูดขึ้น ทั้งคู่อาบน้ำ
ด้วยกับแบบฟินฟิน ท่านโหราและคุณหญิงก็แอบดูอยู่ห่างๆ
"คุณพี่เจ้าค่ะ"
"มีอันใดหรือแม่มาลา"
"ข้าว่า พ่อทิวคนนี้มิใช่พ่อทิวคนเก่าแน่ ๆ เทื่อเช้าน้องจักไปปลุก เเต่ก็ไม่ได้ปลุกเพราะพ่อทิวคนนี้ตื่นเอง
แถมยังเก็บที่หลับปัดที่นอนไม่ให้ไอ้ทัดไอ้ชาติเก็บให้ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก็บแยกลงตะกร้าเป็นระเบียบกว่าเดิมมาก"
"555"
"ขันอันใดเจ้าค่ะ"
"ข้า รู้ตั้งแต่พ่อทิวออกมาจากพระแสงดาบอาญาสิทธิ์แล้ว ดูกิริยา เสื้อผ้า หาใช่ชาวเราไม่ มิติคงทำให้เกิด
การเช่นนี่"
"แล้วถ้าพ่อทิวคนนี้คือพ่อทิวที่มาจากเมืองอื่น แล้วพ่อทิวตัวจริงเล่าอยู่ที่ใดกัน" คุณหญิงถามด้วยความสงสัย
"นั้นสิ เท่าที่ตรวจดูพ่อทิวคนเก่าหมดอายุไขไปแล้วตามที่ท่านเสนาบดีสั่งเก็บเพราะพ่อทิวแอบไปได้ยินเรื่องชั่ว
ของพวกมันเข้า"
"แล้วเหตุใดต้องฆ่าพ่อทิวเล่าเจ้าคุณพี่"
"ปิดปากอย่างใดเล้าแม่มาลา ไม่มีพยานพ่อสิงห์ลูกเราก็เท่ากับว่ากราบทูลความเท็จต่อพ่อเหนือหัว โชคดี
ดวงพ่อสิงห์ยังแข็งอยู่จึงรอดมาได้"
"เฮ้อ กรรม กรรมจริงๆ แล้วร่างพ่อทิวตัวจริงเล่า"
"นี่แหละที่ข้าตรวจดูไม่เจอ เหมือนโดนสะกดและบังตาด้วยอาคมด้านมืด พ่อทิวคนนี้อาจแก้ไขปริศนาได้"
หลังจากแต่งตัวเสร็จท่านขุนกับทิวก็มารอเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ที่ท่าน้ำใหญ่ เพื่อจะใส่บาตร
"เช้านี้ดูอากาศขมุกขมัวนักนะครับคุณพี่"
"เข้าช่วงฤดูฝนก็เช่นนี้แหละพ่อเอย เจ้าคุณพ่อกับคุณแม่มาแล้ว"
"เป็นไงบ้างพ่อสิงห์พ่อทิว เมื่อคืนหลับสบายดีไหมเล่า"
"ลูกหลับสบายดีขอรับ อากาศเย็นจากไอฝน"
"หลานก็เช่นกับครับคุณลุง"
"พ่อทิว เหตุมิเรียกท่านลุง เรียกคุณหาควรไม่" แม่มาลาเอ่ยขึ้น
"ขอประทานโทษครับ เอ๊ย ขอรับ"
"เอาหละมิเป็นไร ภาษาของมิติเจ้าคงเป็นเช่นนี้"
"ท่านลุง รู้ได้ไงอ่าครับ"
"พ่อทิว ภาษาอันใดหาสุภาพไม่ มาองมาอ่ากับผู้ใหญ่"
"ขอประทานโทษครับ"
"เอาไว้ลูกจักสอนภาษาชาวกรุงศรีให้กับน้องเองขอรับ หลวงตามาแล้ว
ท่านขุนยิ้มให้ พร้อมกับส่งขันข้าวและสำรับกับข้าวให้เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงอธิษฐานก่อนใส่บาตร
จากนั้นท่านขุนก็นำลงไปตักบาตรที่เรือของหลวงตา
"เหตุใดมิลงมาเล่าพ่อเอย ใยนั่งเฉยเป็นหลักสะพาน" ท่านขุนเอ่ยขึ้น ทิวก็ถึงกับงง คุณหญิงจึงพูดขึ้นว่า
"ลงไปช่วยพ่อสิงห์ตักบาตรเถอะ ได้ช่วยหยิบช่วยจับ ลุงกับป้าขาแข้งมิสมประดี"
"ขอรับ" ทิวพูดขึ้นเเละคลานหมอบผ่านหน้าท่านโหราและคุณหญิงไปอย่างสุภาพอ่อนน้อมก่อนที่จะร่วม
ตักบาตรกับท่านขุน พระให้พรเสร็จทั้งคู่ก็กรวดน้ำพร้อมกับว่านข้าวที่เหลือก้นขันให้ปลาในน้ำได้กิน
ดูแล้วทั้งคู่ก็เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
"ยิ้มอะไรครับคุณพี่"
"ขอให้เป็นแบบนี้ทุกเช้าจักได้หรือไม่พ่อเอย"
"หากไม่รังเกลียด" ทิวส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินขึ้นเรือนไป ท่านขุนดูท่าจะมีใจให้กับทิวคนนี้มาขึ้นซะเเล้วสิ
ที่โถงกลางเรือน
"ทำอันใดหรือขอรับท่านขุน"
"ข้าก็.... อ้าวพ่อเองเหรอพ่อทิว พูดภาษาชาวกรุงศสรีก็ได้นี่"
"ก็พอดูมาจากละครบ้างอะไรบ้างบ้างก็เลยจำได้"
"จำได้ก็ใช้บ้างที่นี่กับที่เจ้ามาหาใช่ที่เดียวกันไม่"
"ที่เดียวกันครับต่างแค่เวลา"
"หือ เจ้าว่าอันใด"
"ดื่มชาอุ่น ๆ ก่อนครับคุณพี่ ฝนตกแบบนี้จะได้ไม่หนาว"
"ขอบน้ำใจเจ้ายิ่งนักพ่อเอย เเล้วตกลงพ่อนั้นมาจากที่ใด"
"ข้าพูดไปจักเชื่อข้าหรือ"
"แววตาเจ้าหาใช่ดังเดิม บอกข้ามาเถิดว่าเกิดอันใดกับเจ้า"
"คือตอนนั้นเป็นช่วงใกล้เที่ยง ข้ากับเพื่อน เอ๊ยสหายเดินทัศนศึกษาที่โบราณสถานวัดใหญ่ชัยมงคล
จู่ๆสหายข้าก็ให้ข้าดึงดาบโบราณอันนึง ข้าก็ดึง พอดึงแล้วข้าก็มาตกอยู่ที่ลานประหารที่ท่านกำลังจะ
โดยอาญา"
"หือพ่อเอยบอกข้าว่า โบราณสถานวัดใหญ่ชัยมงคล เหตุจึงบอกเช่นนั้น"
"เป็นเรื่องของอนาคตครับคุณพี่ ข้าพูดไปก็หาเชื่อไม่"
"แล้วพ่อเอยรู้หรือไม่ว่า นี่คืออันใด" ท่านขุนส่งสมุดใบลานเล่มนึงให้ ทิวถึงกับแปลกใจและดีใจที่ได้เห็น
"กาพย์เห่เรือ ของเจ้าฟ้ากุ้งนี่ครับคุณพี่"
"พ่อเอยรู้ด้วยหรือ"
"รู้สิครับก็เรียนมาตั้งแต่ ป.6 ไม่รู้ได้ไง"
"หือ เรียนอะไร ป.6"
"อุ้ย ลืมไปว่าคนละยุค คุณพี่อย่าสนใจข้าเลยขอรับ" ทิวกำลังจะออกเสียงเห่กาพย์แต่ท่านขุนได้ห้ามไว้
"อย่า ห้ามเห่ ใช้เห่ได้เฉพาะในการเสด็จทางชลมาคเท่านั้น"
"เกือบไป ขอบพระคุณขอรับคุณพี่ขุน"
"อ้าว อยู่นี่เองหรือพ่อทิว" คุณหญิงมาลาเดินมาหาทิว
"คุณป้าเอ๊ย"
"เรียกตามที่พ่อสะดวกเถิด ข้าหาถือสา ไหนๆพ่อก็จะต้องมาเป็นคู่ชีวิตพ่อสิงห์ลูกค้า งานบ้านงานเรือน
ก็ต้องมีไว้บ้าง จันทร์ไปสอนพ่อทิวทำของว่างที่ลูกข้าชอบ"
"โอ๊ยคุณหญิงเจ้าขา ท่านขุนชอบทานปลาเห็ด จะให้พ่อทิวทำแผ่นกระดานทอดหรือเจ้าค่ะ"
"อะไรนะคุณป้าแม่บ้าน ปลาเห็ด ปาเห็ดไปไหน"
"หือ พ่อเอยมิรู้หรือเนื้อปลากรายขูดผสมพริกแกงปรุงรสใส่ถั่วฝักยาวแล้ว...."
"อ๋อ.....ปลาดทอดมัน" ทิวนึกขึ้นได้ว่าสมัยปัจจุบันปลาเห็ดก็คือปลาทอดมัน แต่คนทั้งเรือนกลับงง
"อะไรเจ้าค่ะ ทอดปลาเห็นเจ้าค่ะ มิใช่ทอดมัน" จันพูดขึ้น
"อะอะ ไม่ต้องเถียงกัน นง"
"เจ้าค่ะ"
"ไปเตรียมครัวไฟ ข้าจักสอนพ่อทิวทำ ว่าแต่พ่อสิงห์จักไปด้วยหรือไม่"
"ไปขอรับคุณแม่"
เมื่อมาถึงเรือนครัว
"เเร่เนื้อปลากรายแล้วขูด"
"โห ทำไมปลากรายยุคนี้ตัวใหญ่จัง สมดังที่ว่าอยุธยาดินน้ำอุดมสมบูรณ์"
"พูดอันใดเจ้าค่ะ ขูดเจ้าค่ะ"
"ครับ คุณป้าแม่บ้าน"
"นำเนื้อปลาที่ขูดมาคลุกเคล้ากับพริกแกงและส่วนผสมอื่นให้เข้ากัน"
"ขอรับคุณหญิงป้า" ทิวทำอย่างชำนาญงานไม่เก้ๆกังๆดังก่อน ท่านขุนก็แอบยิ้มแก้มปริ เมื่อถึงเวลาทอด
ท่านขุนก็ลุกขึ้นมาหาทิว
"มา ข้าจักช่วยทอด"
"ล้างมือหรือยังขอรับคุณพี่"
"นวล ขอน้ำล้างมือให้ข้าที"
"นี่เจ้าค่ะท่านขุน"
"ขอบใจมาพี่ ตั้งไว้เลยต้องล้างบ่อยเดี๋ยวมันติดมือ" ทิวพูดขึ้นกับนวล
"ทำเป็นด้วยฤๅ"
"เชฟมือทองประจำครัว"
"พ่อเอยพูดภาษาอังกฤษ"
"แหงหละครับ ไว้มีโอกาสข้าจะลองทำอาหารมิติข้าให้ทาน"
"อย่างเช่นอันใด"
"ราดหน้าทะเล กุ้งอบวุ้นเส้น สปาเก็ตตี้ขี้เมา"
"หือ เดี๋ยวๆ ที่พ่อพูดมา มิมีอาหารชาวกรุงศรีเลยนะนั้น มีแต่ของจีนกับฝรั่ง"
"ก็ท่านขุนทานบ่อยแล้วนี่ครับรสอาหารกรุงศรี"
"ไว้ข้าจะรอกิน ฝีมือพ่อละกัน"
"ได้สิครับพ่อเอ๊ยพ่อเอย 55"
ทั้งคู่ต่างก็หวานใสกันโดยที่ไม่สนเลยว่าคุณหญิงมาลายังนั่งอยู่ เฮ้อ...สงสัยความหวานคงกลบรสเผ็ดของ
ปลาเห็ดหมดแล้วมั้งเนี่ย........
"อร่อยไหมขอครับ คุณพี่่"
"อือ ใช่ได้ มีเครื่องเคียงอย่างแตงกวาให้กินดับเผ็ด"
"แต่แม่ว่า มันหวานไปนะสงสัยตอนทอดคงจีบกันนานไปหน่อย รสเผ็ดของพริกเลยจืด ปะจัน นง นวล ยก
สำรับว่างมาให้ท่านโหรา พ่อสิงห์จักได้มีเวลาส่วนตัว"
"เจ้าค่ะคุณหญิง ..."
"ไม่มีคนอยู่แบบนี้..."
"ในครัวนะขอรับ"
"จะได้รู้รสไงว่าถึงพริกถึงขิงเป็นอย่างไร" ท่านขุนโน้มตัวเข้าหาทิว และแล้วก็.........
"สุดยอดไหมขอครับ"
"เฮ้อ.....สุดยอดเลยหละพ่อเอย เก็บกระทะ เก็บข้าวของล้าง นี่มันงานเมียนะ"
"อะบ่น บ่นแบบนี้นั้นกระผมมิขอแต่งนะครับคุณพี่"
"อะอะ ยอมก็ได้ ไว้คิดบัญชีวันแต่ง จะพาโล้สำเภายังฟ้าสางเลย"
"อู๊ย....น่ากลัว ล้างไป นี่ด้วย ใช่แต่บ่าวในเรือน"
ดูคู่นี้แล้วคือแบบน่ารักอ่ะ มาดูที่เรือนใหญ่ คุณหญิงกับท่านโหรามองผ่านตาหันมาเจอพอดี
"เจ้าคุณพี่ เจ้าค่ะ แบบนี้พ่อสิงห์จะมิอยู่ในกำมือพ่อทิวหรือเจ้าค่ะ"
"ก็คงเหมือนพ่อมันนั้นแหละแม่มาลา"
"พูดไปคุณพี่ ทานเสร็จรวมสำรับเดี๋ยวบ่าวจะได้ยกไปล้าง"
"จ่ะแม่มาลา"..................................
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ บัดสีนัก ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ มาเขียนต่ออีกนะ รู้ชะตาเลยท่านขุน {:5_137:} ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ ติดตาม
ขอบคุณครับ น่ารักจัง ขอบคุณครับ
สนุกมากครับ ขอบคุนครับ 55555 น่ารัก ชอบคู่พ่อกับแม่ สนุกมากครับ เมื่อไหร่นะเยสกันนนน 5555
หน้า:
[1]
2