เดกไรวะน่ารักเปนบ้า 4
ตอจากตอนปม.“จะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะลูก”แม่มันถามขึ้น
“พอดีมีเหตุฉุกเฉินอ่ะแม่ ว่าแต่มีข้าวเหลือพอสำหรับลูกลิงสองตัวป่ะครับ”มันยิ้มอ้อนแม่ใหญ่ ผมสิตัวเกร็งทำ
ตัวไม่ถูกเลย ไอ้นี่ก็ไม่ได้บอกอะไรผมสักครับ
“มึงมานั่งดิ ไหนว่าหิวข้าวไง”ยังมาทำท่ากวนตีนใส่กูอีกนะมึง งานนี้ต้องมีเคลียร์นอกรอบครับ
“เอ๋ เกี้ยงทำไมพูดไม่เพราะเลยล่ะลูก”แอบสะใจครับมันโดนด่า
“โอ๊ยแม่มันไม่ถือหรอก”
“แม่เค้าพูดแล้วยังมาเถียงอีก พูดกับพี่เค้าดีๆสิลูกพี่เค้าเป็นผู้ใหญ่กว่าเรานะ”คราวนี้พ่อไอ้เกี้ยงก็รุมมันด้วยผมนี่
แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ แล้วแม่ก็หันมายิ้มให้ผมต่างจากไอ้เกี้ยงที่มองผมตาค้อนเลย ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆมัน
พอนั่งปุ๊บมันก็เหยียบไม่สิต้องเรียกว่ากระทืบเท้าผมทันที
“โอ๊ย”เจ็บครับ มันเหยียบมาซะเต็มแรง
“เป็นไรลูก”แม่มันถาม
“ไม่มีไรหรอกแม่สงสัยพี่บอมจะเจ็บท้องโรคกระเพาะ”โกหกหน้าด้านๆเลยนะมึง
“กินข้าวไม่เป็นเวลาล่ะสิ ต้องระวังนะลูก”ผมได้แต่ยิ้มแห้งให้แม่ไป
“ครับแม่”ได้โอกาสผมก็ตีซี้ซะงั้น
“ได้ข่าวว่าเกี้ยงไปค้างด้วยบ่อยๆ น้องรบกวนรึเปล่าล่ะลูก”ผมนี่ตกอยู่ในห้วงของความสำนึกผิดทันที จะให้ว่า
ยังไงล่ะครับเพราะผมเองต่างหากที่ลากลูกของแม่ไปค้างด้วย
“ลำบากอะไรแม่ มันน่ะเอ้ยพี่บอมน่ะปลื้มจะตายเวลาเกี้ยงไปนอนด้วยจริงมั้ย”แล้วมันก็ยิ้มกระหยิ่มให้ผม ได้ทีเลยนะมึง
“ตอนแรกที่เกี้ยงเล่าให้แม่ฟังแม่ก็ไม่เชื่อนะว่าเค้าจะไปสนิทกับบอมได้”เล่าให้แม่ฟัง? อยากรู้จังว่ามันเล่าอะไรเกี่ยวกับผมให้แม่มันฟังบ้าง
“คงเพราะนิสัยคล้ายๆกันมั้งครับ”ผมตอบแม่ไป
“หรอ”มันพูดแอบประชด นี่ถ้าไม่ติดมีพ่อกับแม่อยู่ผมคงเสยหัวมันไปแล้ว
“น้องเป็นคนกวนๆบอมรำคาญรึเปล่าลูก”
“เค้าเรียกว่าขี้เล่นแม่”มันชิงตอบ
“ชินแล้วครับ”ผมพูด แล้วพ่อแม่ก็ชวนผมคุยโน้นคุยนี่ไปเรื่อยครับจนบรรยากาศมันมาสะดุดตรงที่พ่อถามผมว่า
ครอบครัวผมเป็นยังไงทำงานอะไร ผมก็เงียบไปสักพักไม่รู้จะเริ่มยังไง
“เออ พ่อตอนเย็นเกี้ยงว่าเราไปกินข้าวนอกบ้านกันไหม๊ชวนพี่กริ๊งกับพี่คิมไปด้วย”มันแกล้งพุดแทรกขึ้นมา
“เออ เกี้ยงหนิยังนะะลูก พ่อเค้าคุยกับพี่เค้าอยู่ไปพูดแทรกได้ยังไง”แม่มันพูดปรามเกี้ยง ไอ้เกี้ยงมองหน้าผมทำ
หน้าหงอย ผมสงสารมันครับแต่ก็รู้สึกดีใจมากที่มันเป็นห่วงความรู้สึกผม
“แม่ผมเสียไปหลายปีแล้วครับ ส่วนพ่อก็แต่งงานใหม่ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดครับ ”ระหว่างที่ผมพูดมันก็
เอื้อมมือมาจับมือผมไว้มือมันเย็นกว่าผมซะอีกครับ
“อ้าวหรอแล้วบอมอยู่ทางนี้มีผู้ใหญ่ดูแลรึเปล่าล่ะลูก”
“ครับ มีป้าดูแลอยู่ครับ”เหมือนบรรยากาศดูอึมครึมยังไงชอบกล หลังจากนั้นพ่อก็เปลี่ยนเรื่องคุย ส่วนมือผมกับ
ไอ้เกี้ยงก็ยังจับกันไว้อยู่ตลอดจนคุยกันเสร็จ มันขอให้ผมค้างกับที่นี่แล้วพรุ่งนี้ค่อยบึ่งไปกรุงเทพแต่เช้า ผมก็ต้อง
เออออไปก็ตกลงมาแล้วนี่ แล้วมันก็เลยชวนทุกคนไปจตุจักรครับเพราะว่าบ้านมันชอบปลูกต้นไม้กัน ผมเองก็
คิดว่าท่าจะชอบมากอยู่เพราะบรรยากาศรอบบ้านเหมือนอยู่ในป่าดงดิบเลย แต่สวนที่พ่อมันจัดสวยมากเลยครับ
ผมชอบบรรยากาศบ้านมันมากเพราะตั้งแต่เด็กผมก็อยู่แต่บ้านที่เป็นลักษณะทาวเฮาส์ พออยู่มหาลัยก็อยู่หอจบมา
ก็อยู่คอนโดไม่เคยมีบ้านแบบนี้เลย
พอตอนเย็นพี่สาวกับพี่เขยมันก็มาเยี่ยมพ่อกับแม่พอดี เลยได้โอกาสไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ครอบครัวเกี้ยงเป็น
มิตรมากครับ พ่อกับแม่ ท่านใจดี ส่วนพี่กริ๊งนี่แกเป็นผู้หญิงห้าวๆหน่อยแต่พูดเก่ง เป็นกันเองส่วนพี่คิมพี่เขยมัน
เป็นผู้ชายเรียบร้อยแต่เป็นคนง่ายๆ ไม่ว่าสถานการณ์ไหนหน้าแกก็มีอยู่หน้าเดียวคือยิ้มตลอด
“สนุกรึเปล่าว่ะวันนี้”ไอ้เกี้ยงถามผมหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ
“ทำไมถามแบบนั้นอ่ะ”
“ก็กูกลัวว่ามึงจะเบื่อ ที่ไปนี้ก็มีแต่คนแก่ๆ”
“ได้ไปเที่ยวกับพ่อตาแม่ยายทั้งทีจะเบื่อได้ไง”แล้วผมยิ้มล้อมัน
“เพ้อเจ้ออีกล่ะ กูไม่ใช่เมียมึงสักหน่อย ขี้โม้จริงๆเลยมึงเนี่ย”มันพูดพร้อมแตะก้นผมเบาๆ
“นี่ ไม่ต้องมาโวยวาย มึงอ่ะจะลากกูมาไม่บอกสักคำเลยนะ”
“ก็กลัวบอกไปแล้วมึงป๊อดไม่มานี่หว่า”
“เออก็จริง แต่ครอบครัวมึงนี่น่ารักดีนะ ทั้งๆที่พึ่งรู้จักแต่กูยังรู้สึดีที่อยู่ด้วยเลย”
“งั้นก็มาเป็นครอบครัวเดียวกับกูดิ”
“เฮ้ยแต่กุยังไม่มีเงินขอมึงเลยนะ”
“ไอ้บ้า ใครจะให้มึงมาเป็นลูกเขยกันกูหมายถึงเป็นพี่ชายกูเนี่ย”
“โห้ยยยยย ไม่เอาอ่ะอยากได้เมียไม่ได้อยากได้น้องชาย”
“ทะลึ่งล่ะ จะว่าไปแม่กูดูท่าจะชอบมึงมากอ่ะ อยู่กับลูกชายดื้อๆอย่างกูมานาน ได้เจอลูกชายที่พูดง่ายเอาใจเก่ง
อย่างมึงเข้าไปกูกลัวเป็นหมาหัวเน่าซะงั้น”ผมหัวเราะ
“ถ้าตอนนี้แม่กูอยู่กูก็อยากทำแบบนี้กับเค้านะ ได้เอาใจแม่ อ้อนแม่ เทคแคร์แม่ ตอนนี้มึงอาจไม่เข้าใจหรอกแต่
ถ้ามึงขาดเค้าไปวันไหนมึงจะรู้สึกโหยหาจนทรมานเลยล่ะ”
“มึง”เสียงต่ำๆแบบนี้ น่าจะเริ่มเข้าโหมดจริงจังแหะ
“เรื่องครอบครัวมึงอ่ะ กูจะไม่พูดว่ากูเข้าใจหรอกนะ เพราะกูไม่เคยมีชีวิตแบบมึง กูรู้แค่ว่ามันเจ็บปวด แต่ก็ไม่รู้
ว่าไอ้เจ็บแบบนั้นมันเป็นยังไง ให้นึกกูก็นึกไม่ออกหรอก”มันหยุดพุดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แล้วจ้องหน้าผม
“แต่ถึงกูจะไม่เข้าใจ แต่กูก็ยังอยากปลอบมึง อยากทำให้สบายใจ อยากทำให้มึงยิ้มได้บ้าง กูอยากอยู่ข้างๆมึง แค่
นั้นกูก็พอใจแล้ว”ได้ยินแค่นั้นผมก็คว้าตัวมันเข้ามากอดเหมือนกับว่ากำแพงที่ตัวผมคอยสร้างมันมาตลอดได้
พังลงไปเพราะคนๆนี้เองที่ทำลายมัน
“กูร้องไห้ทุกวันเลยหลังจากที่แม่เสีย แล้วไม่นานป๊าก็มาบอกว่า บอมโตแล้วป๊ารู้ว่าบอมต้องอยู่ได้บอมเป็นผู้ชาย
บอมก็ต้องเข้มแข็ง กูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป๊าถึงต้องพูดแบบนั้น แล้วอยู่ๆป๊าก็ไป ป๊าบอกว่าถ้าไปลงทุนที่นู้น
โอกาสที่ได้กำไรจะมากกว่า กูบอกป๊าว่า ‘ครับป๊า’ทั้งที่กูไม่เข้าใจป๊าเลยสักนิดเดียว”
มันทำหน้าเหมือนตกใจเล็กๆที่อยุ่ผมก็พูดเรื่องครอบครัวของผมออกมา
“กูกลายเป็นคนเก็บตัว พูดน้อยลง และก็แอบร้องไห้คนเดียวบ่อยขึ้น ป๊าโทรหากูทุกวันแต่ไม่นานป๊าก็เริ่มโทร
มาน้อยลงและก็กลายเป็นนานๆทีถึงจะโทรมา ต่อมาป้าโทรมาบอกว่าป๊ากำลังจะแต่งงานใหม่ ในตอนนั้นกู
หัวเราะ ไม่ได้นึกขำอะไรหรอกแค่สมเพชตัวเองแต่ไม่อยากร้องไห้ให้ใครรู้ป๊าจะแต่งงานทั้งๆที่แม่ตายไม่ถึงปี
นี่นะ แล้วกูก็มารู้ตอนหลังว่าป๊ากับแม่มีปัญหากันมาได้หลายปีแล้ว ป๊าเคยขอแม่หย่า แต่แม่ขอไว้เพราะไม่อยาก
ให้กกลายเป็นเด็กบ้านแตก”สีหน้ามันตอนนี้เหมือนสงสารผมมากเลย ผมยิ้มแล้วลูบหัวมันก่อนพูดต่อ
“กูไม่รู้เลย เรื่องปัญหาของป๊ากับแม่ กูเชื่อว่าตัวเองมีครอบครัวที่อบอุ่นมาตลอดเค้าไม่เคยแม้แต่จะทะเลาะให้กู
เห็นสักครั้งเดียว”ตอนนี้น้ำตาที่กลั้นไหวมันไม่ล้นออกมาหมดแล้ว สุดท้ายผมก็ให้มันเห็นน้ำตาผมจนได้
“เงินที่ป๊าส่งมาให้ใช้มากพอที่พี่จะใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้อย่างสบายแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้กูดีขึ้นหรอก กูก็ยัง
แอบนอนร้องไห้คนเดียวอยู่ดี”
“แล้วมึงได้เจอป๊าบ่อยรึเปล่า”
“ครั้งสุดท้ายก็ตอนรับปริญญา ป๊ามากับครอบครัวแล้วก็พาน้องต่างแม่อายุสองขวบมาหากูด้วยชื่อพายนี่แหละ
มั้ง”
อยู่ๆมันก็โน้มตัวมากอดผมซะแน่นเลย
“ยังนอนร้องไห้คนเดียวอยู่รึเปล่าครับ”
“เฮ้ย กูโตแล้วนะเว้ย”ผมพูดเสียงสั่นคลอ
“เชี่ยเอ้ย มึงโกหกไม่เนียนว่ะ” แล้วมันก็จ้องหน้าผมด้วยใบหน้าอ่อนโยนแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไม่ให้ทำอีกแล้วนะเว้ย ตอนนี้มึงมีกูแล้วอย่าทำแบบนั้นอีก”
“แล้วจะให้กูร้องไห้ให้มึงเห็นเนี่ยนะ อายเหมือนกันนะเว้ย”
“งั้นกูสัญญาว่าจะไม่มอง ถ้ากูกอดมึงไว้กูก็ไม่เห็นแล้ว กูจะหยุดกอดจนกว่ามึงจะร้องไห้เสร็จเลยดีมั้ย”ความคิด
เด็กๆของมันทำผมยิ้มออกผมขยี้หัวมันเบาๆและก็กอดมันคืน
“กูเป็นไรแล้ว”
“แต่ตอนนี้มึงก็กำลังร้องไห้อยู่นะ”
“บางครั้งที่คิดถึงเค้า กูก็อยากไปหาเค้านะ แต่กูก็ไม่อยากไปรบกวนครอบครัวเค้า
เค้าไม่รับกูไปอยู่ด้วยมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเค้าไม่อยากให้กูเป็นคนในครอบครัวเค้าแล้วเค้าทิ้งกูแล้วแล้วกูจะ
หน้าด้านไปหาเค้าได้ไงล่ะ”แล้วอยู่ๆมันก็ร้องไห้ออกมาหนักกว่าผมอีก
“อย่ามาทำหน้าสงสารกันแบบนั้นดิ กูสมเพชตัวเอง”ผมเอามือปาดน้ำตาให้ไอ้ลิงแห้งขี้แย
“ถามจริงๆมึงโกธรป๊าบ้างรึเปล่า”
“น้อยใจมากกว่า กูได้แต่ถามตัวเองกูทำอะไรผิดมาหนักหนาวะ คนที่กูรักเค้าถึงได้ทิ้งกูไปทุกคนเลย”
“แต่ที่ผ่านมามึงก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะเว้ย”
“กูก็รู้ กูยังโชคดีที่มีป้าและเฮียคอยอยู่ข้างๆกู แต่เค้าคือคนเดียวที่กูเหลืออยู่ให้เรียกกันว่าครอบครัว แต่วันนี้เค้าก็
ทำให้สิ่งนั้นหายไปจากชีวิตกูแล้ว”
“อย่างน้อยๆทุกคนที่อยู่รอบตัวมึงตอนนี้ก็รักมึงทั้งนั้น นอกจากป้า นอกจากเฮีย มึงก็ยังมีพี่เอก มีพี่เบล และ
ตอนนี้มึงก็ยังมีกูนะ”
ผมยิ้มให้มัน มันยิ้มตอบผม
“แต่ว่านะ ที่มึงบอกว่าคนรอบตัวกูรักกูเนี่ย รวมถึงมึงด้วยป่ะว่ะ”ผมแกล้งทำหน้าตาสงสารใส่มัน
“ก็บอกว่าคนรอบตัว ก็คนรอบๆตัวมึงทั้งหมดนั่นแหละ”
“กูว่าแล้ว”ผมแกล้งบ่นอิบอุบทำเป็นน้อยใจมัน
“กูก็เคยบอกไปแล้วหนิ”อุตส่าห์หวานมาซะขนาดนี้แระ อีกนิดก็ไม่ได้นะมึงเนี่ย
“ช่างเถอะกูเข้าใจมึงก็แค่พูดปลอบกูไปงั้น”
“บ้าเอ้ย แล้วทำไมกูจะไม่รักมึงล่ะ”คำพูดของมันทำให้ผมเก็บรอยยิ้มไม่อยู่ มันยังคงหลบตาผมอยู่
“พูดแล้วหลบตาทำไมอ่ะ”แล้วมันค่อยๆเหงยหน้าสบตากับผม
“กูก็รักมึง”แล้วผมก็เอื้อมาเข้าไปโอบไหล่มันให้เข้าใกล้ผมมากขึ้น ค่อยๆโน้มตัวไปจูบมัน จูบเบาๆที่เต็มไปด้วย
ความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะครับเกี้ยง”ผมพูดแล้วก้มลงไปจูบมันต่อแล้วมันก็บอกให้ผมรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องออกรถแต่
เช้า แต่ผมนอนยังไงก็ไม่หลับ พลิกตัวไปมาจนมันคงนึกรำคาญ
“นอนไม่หลับหรอวะ”
“อืมมม”
“ตื่นเต้นหรอ”
“กูไม่เจอป๊ามาสองปีนะเว้ยแล้วไหนจะน้องกูอีก กูคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับเค้าดี”
“คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดดิ อย่าไปกังวลกับอนาคตเลยวะ สุดท้ายมันก็เรื่องนึงที่ผ่านไป”มันยิ้มให้ผมพร้อมกับเอา
มือมาจับมือผมไว้
“ไม่เป็นนะมึง ถึงป๊าจะไม่รับมึงไปอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะยังไงมึงก็เป็นลูกของป๊าเสมอ ความเป็นพ่อลูก
กันมันลาออกไม่ได้นะว้ยเป็นแล้วเป็นเลยเป็นกันตลอดชีวิต ครั้งหนึ่งเค้าก็เคยเลี้ยงมึงมาเคยทำหน้าที่พ่อที่ดี และ
กูก็เชื่อว่าป๊าเองก็ยังคงรักลูกคนนี้เสมอแค่ตอนนี้เค้าอาจจะทำหน้าที่พ่อได้ไม่เต็มที่แต่มึงก็ยังเป็นลูกที่ดีสำหรับ
เค้าได้เสอมมนี่หว่า”
คำปลอบโยนของมันทำให้ผมรุ้สึกดีมากจริงๆแค่เท่านี้ผมก็มีแรงเดินต่อแล้ว มันปลอบผมจนผมเลิกกังวลตื่นมา
ตอนเช้าผมก้รีบบึ่งรถไปเจอป๊า แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยอะไรกันมากมายแต่อย่างน้อยเราก็ยังคุยกันได้เหมือนเดิม ผม
ดีใจที่เรายังไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันและที่สำคัญวันนี้มันต่างออกไปเพราะทุกครั้งที่ผมเจอหน้าป๊าผมต้องฝืน
ยิ้มให้ป๊าทุกครั้งแสร้งทำว่าผมมีความสุขดี แต่ในวันนี้ผมสามารถยิ้มกับป๊าได้อย่างจริงใจเพราะตอนนี้ผมมี
ความสุขมากจริงๆ และก่อนจะกลับผมก็ได้ทำสิ่งๆนึงที่ไม่เคยทำกับป๊ามานานแล้วตั้งแต่แม่เสียไปนั่นก็คือ…
กอดป๊า ผมเดินเข้าไปกอดป๊าก่อนป๊าจะขึ้นรถ มันดูเขอะเขินแต่ผมก็อยากทำและผมสบายใจที่ได้ทำ
ป๊าครับไม่ว่ายังก็ตามผมก็ยังเป็นลูกของป๊าเสมอ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ผมรักป๊าเสมอนะครับ
นี่เป็นคำที่ผมนึกไว้ ผมอยากจะพูดคำๆนี้กับป๊าสักครั้งแม้ว่าครั้งนี้จะยังไม่กล้าพอที่จะพูดไปแต่เชื่อว่าอีกไม่นาน
ผมคงพูดออกไปได้แน่ๆ ไม่นานหรอกครับป๊า
ซึ้งจัง........
ร้องไห้เลย ,, ฟ้าจ๋า ขอสักคนได้มั้ย 555 ไอ้เกี้ยงเก่งจัง ขอบคุนน้ะ
หน้า:
[1]