senipatt โพสต์ 2021-7-31 22:18:49

เผลอเล่นน้องสาว

ผมชื่อต้น เพิ่งเรียนจบคณะถาปัตย์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง อายุเพิ่งจะ23กว่าๆ อีกหลายเดือนถึงจะครบ24ปี
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหางานทำ รูปร่างของผมสูงใหญ่สุงเกือบ180 แม้จะรูปไม่หล่อนัก แต่อาศัยหน้าตาขาวๆตี๋ๆ ซึ่งกำลังอิน
เทรนในช่วงสมัยนี้พอดี ผมจึงค่อนข้าง ฮ็อตอยู่พอสมควร แต่ทว่าก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงจังอะไรนัก จีบคนนั้นเดือน
สองเดือน ก็เบื่อหาคนใหม่ไปเรื่อยๆ คงไม่ต้องให้สาธยายหรอกนะครับว่าช่วงระหว่างจีบ จนจีบติดนั้น ผมมีกิจกรรมอะไรกับ
เหล่าสาวๆบ้าง

เผอิญผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ อาศัยอยู่ในบ้านที่คุณพ่อได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณย่า ในที่ดินเกือบ
2ไร่ย่านชานเมือง ในที่ดินของคุณพ่อนั้น นอกจากมีบ้านเก่าแก่ของบรรพบุรุษซึ่งครอบครัวของผมอาศัยอยู่แล้ว ยังมี
บ้านอีกหลังที่ปลูกขึ้นมาใหม่ คือบ้านของอาพุด น้องสาวคนเดียวของคุณพ่อ ปลูกอาศัยอยู่กับสามีและลูกสาวเพียง
คนเดียว คือพี่เกศ ซึ่งตามหลักแล้วนั้นพี่เกศควรจะเป็นน้องสาวผมเสียมากกว่า แต่เผอิญเธอเกิดก่อนผม3ปี จึงบังคับให้
ผมห้ามเรียกเธอว่าน้องสาว

ตัวพี่เกศนั้นก็หน้าตาธรรมดาๆ พอดูได้ ไม่จัดว่าเป็นสาวสวยหรอกครับ เพียงแต่ว่ารูปร่างของเธอนั้นสูงเพรียวเอวคอด
สะโพกอวบผาย รับกับหน้าอกหน้าใจที่ดุจะใหญ่เกินตัว ซึ่งผมก็ไม่กล้าถามหรอกครับว่ามันขนาดซักกี่นิ้ว เอาเป็นว่าหน้า
อกของพี่เกศที่ล้นออกมาจากบรา เวลาที่เธอใส่ชุดนักศึกษาคับๆติ้วๆที่ผมเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนนั้นน่ะ มันใหญ่กว่าพวก
เน็ตไอดอลก็แล้วกัน พี่เกศสายตาสั้น ผมจึงมักจะเห็นใบหน้าขาวๆเรียวๆนั้นอยู่ภายใต้กรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมแทบจะตลอด
เวลา ก็ดูเหมาะกันดีกับผมยาวเหยียดตรงสีดำขลับ ที่ผมไม่เคยเห็นแกย้อมสีเปลี่ยนสีแม้สักครั้งเดียว

แต่ที่ดูขัดนัยน์ตาเป็นอย่างยิ่งก็ตรงชุดที่พี่เกศสวมใส่เวลาอยุ่บ้านนี่แหละครับ ผมไม่รู้ว่าเธอไปขุดกรุคุณย่าคุณยายมาหรือ
อย่างไร จึงได้ใส่แต่กระโปรงชุดยาวแทบจะกรอมเท้า ปิดว่อนบดบังลำขาวๆเรียวๆสวยๆปเสียหมด ที่ผมรู้ว่าขาพี่เกศแกสวย
ได้รูปนั้นก็เพราะ มีบางครั้งที่แกจำใจต้องสวมกระโปรงสั้นไปทำงานบ้าง ทั้งๆที่ปรกติแกจะเลือกใส่กางเกงทรงตรงๆแบบ
ผู้ชายก็ตาม

แล้วก็ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ช่วงสมัยที่ผมเพิ่งหัดชักว่าวครั้งแรกๆก่อนที่จะเริ่มมีแฟนนั้น พี่เกศก็กลายเป็นนางในจินตนา
การผมไปเรียบร้อย จนเสียน้ำให้เธอไปแล้วหลายลิตร แต่ในชีวิตจริงนั้นผมไม่กล้าหรอกครับ เพราะน้ำเสียงเย็นๆหวานๆ
นั้นเวลาเธอจะเอาเรื่องละก็ช่างเชือดเฉือนใจ จนอยากลาตายกลับไปเกิดใหม่ ส่วนสายตายิ่งแล้วกันไปใหญ่ ดวงตาสอง
ข้างที่มีประกายหยาดเยิ้ม เวลาโมโหทีไร มันเหมือนมีกองไฟเข้าไปสุม ลุกโชติโชนจนสามารแผดเผาเสื้อผ้าให้มลายหาย
ไปได้ในทันที

แต่สิ่งที่ผมบอกมานั้น ก็หาใช่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ รู้สึกตั้งแต่ผมจำความได้ เคยเกิดขึ้นมาแค่สองครั้งเอง ครั้งแรกตั้งแต่ผมเด็กๆ
จำไม่ได้แล้วละครับว่าสาเหตุใดที่ทำให้พี่เกศโมโหได้ขนาดนั้น แต่ครั้งหลังสุดนี่เพิ่งเกิดไปได้ตอนผมเรียนอยู่ปีแรก พี่เกศ
ก็เพิ่งเรียนจบ แกทะเลาะกับแฟน แต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร ผลสรุปคือ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงบัดนี้ผ่านมาอีกเกือบ5ปี
พี่เกศไม่เคยมีแฟนอีกเลย

แต่ผมสิครับกลับกลายเป็นผู้เดือดร้อน จากสาเหตุนี้ เพราะหลังจากนั้นเวลาพี่เกศจะกลับดึกทีไร ก็ต้องให้ผมขับรถออกไป
รับเธอที่สถานนีรถไฟฟ้าเพื่อพากลับบ้าน หรือเวลามีสัมมนาที่ต่างจังหวัด ผมก็ต้องติดสอยห้อยตามเหมือนเป็นคนรับใช้ให้
กับเธอ แล้วแต่คำบงการของเธอโดยห้ามมีบ่นมีปากเสียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าขึ้นเหนือ ล่องใต้ ภาคตะวันออก ตะวันตก ผม
ติดตามเป็นไม้กันหมาให้เธอไปตลอดทุกครั้ง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่จังหวัดกาญจนบุรี นี่แหละครับ ที่
ผมพลิกชะตาชีวิต สามารถปราบพยศกำราบฤทธิ์เดชของพี่เกศ ให้กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งได้สำเร็จ โดยไม่ได้ตั้ง
ใจมาก่อนเลยแม้สักนิด

ตามมาครับผมจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า...........................

"ตาต้น...พรุ่งนี้ไปกาญจน์กับพี่หน่อยสิ ค้างคืนนึง..พี่จะไปสัมมนา...อ่ะ..สวัสดีค่ะคุณลุง..พรุ่งนี้เกศขอยืมนายต้นไปเป็น
เพื่อนที่ต่างจังหวัดหน่อยนะคะ..."

ยัยพี่เกศเดินสาวเท้ายาวๆฉับๆ ตะโกนบอกเสียงดัง ตั้งแต่ตัวยังก้าวสาวมาไม่ถึงหน้าเรือนเพาะชำที่ผมกำลังนั่งปลูกกิ่งตอน
ของมะนาวแป้นลงกระถาง โดยทีคุณพ่อนั่งโกยดินผสมอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ พอคุณพ่อได้ยินเสียงแหว๋วๆเย็นๆ ก็เยี่ยมหน้า
ออกมามอง

"อืมมมมได้สิลูก...ต้นไปเป็นเพื่อนน้องเขาหน่อยนะ..."

คุณพ่อพูดตามคำสั่งของพี่เกศตัวแสบแล้วก็หุบหน้าเข้าไปโกยดินผสม เพื่อปลุกกิ่งตอนมะนาวแป้นต่อไป ส่วนผมแอบลอบ
ทำหน้าเบ้ รู้สึกเบื่อมากกับการต้องไปทำหน้าที่เป็นเพื่อน เป็นไม้กันหมาให้กับหล่อน ทั้งๆที่ไปฟรี ได้เที่ยวได้กินก้ตาม เพราะ
วันอาทิตย์ที่จะถึงอีกสองวันนี้เป็นวันแดงเดือดที่ผมรอมานาน ให้ลิเวอร์พูลทีมโปรดเชือดผีคาถิ่นสักหน่อย เพราะนัดเพื่อนๆ
ไว้แล้วว่าจะไปเชียร์กันที่เซ็นต์เตอร์เวิร์ล

"เฮ้ย!..อาทิตย์นี้ไม่ว่างหรอก..นัดเพื่อนๆไว้แล้วว่าจะไปเชียร์บอล..." ผมตอบปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะนัดนี้สำคัญเสียด้วย ถ้า
หงส์แดงชนะก็จะขึ้นอันดับ4 ถีบผีแดงลงไปพ้นตำแหน่งเล่นบอลยูฟ่าปีหน้าได้ทันที

"บอลอะไรนายต้น..ฟุตบอลมันแข่งกันทั้งปี...ไปเป็นเพื่อพี่หน่อยนะ...แล้วค่อยกลับมาดูทีหลัง..." ยัยพี่เกศยังคงพูดเสียง
เรียบๆเย็นๆ ตามสไตล์ของเธอ

"ไม่ได้หรอกนี่มันศึกวันแดงเดือด...นัดนี้สำคัญ..เราไม่ยอมพลาดแน่...เธอไปคนเดียวละกัน..." เมื่อเห็นว่าผมยืนยันหนักแน่
ที่จะไม่ยอมไปด้วยเป็นแน่ ยัยพี่เกศก็เปลี่ยนบทจากร้องขอ มาเป็นการบังคับขุ่เข็ญ โดยใช้ผ่านทางพ่อของผม

"คุณลุงคะ..." ยัยเกศเริ่มส่งเสียงแข็งๆเรียกพ่อผมจนท่านต้องโผล่หน้าออกมาจากเรือนเพาะชำอีกครั้ง

"เอาน่า..ต้น..ไปเป็นเพื่อนน้องเขาหน่อย..เอาไว้ดูคราวหลังก็ได้..." พ่อผมก็มักเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่มีเรื่องขัดแย้งกับ
พี่เกศทีไร ก็เข้าข้างฝั่งนั้นทุกที

"แต่นี่มันวันแดงเดือดนะพ่อ..ปีนึงมีแค่สองครั้ง.." ผมบ่นอ่อยๆ

"อ้อ..ศึกแดงเดือด...ยังไงก็แพ้ผีอยู่ดี...ไม่ต้องดูหรอก ไปกับน้องมัน..." พ่อผมพูดตัดบท พร้อมแช่งกันเห็นๆ ข้างฝ่ายพี่เกศ
ยิ่งแล้วใหญ่ ส่งเสียงหัวเราะคิกๆน่าหมั่นไส้ เพราะทั้งพ่อและพี่เกศนั้นมันพวกสาวกผี มีผมกับน้าวิทย์พ่อพี่เกศนั่นแหละที่เป็น
สาวกหงส์ แต่แกก็ไม่อยู่พอช่วยเถียงเสียด้วย

"แมทส์นี้มาต้ายิงได้แน่ขอบอก..อิอิ..." ยัยพี่เกศพูดทิ้งท้ายพร้อมสบัดก้นอวบๆในชุดกระโปรงเชยๆยาวกรอมเท้าเดินจากไป
ด้วยมั่นใจว่าอย่างไรเสียผมก็ต้องไปเป็นเพื่อนกับเธอที่ต่างจังหวัดแน่นอน

แล้วมันก็เป็นเหมือนเช่นเดิมครับพอเช้าวันเสาร์ ผมก็จำต้องหิวกระเป๋าจัดชุดสำหรับการค้างคืนหนึ่งคืนเดินไปรอพี่เกศที่
หน้าบ้าน รออยุ่เพียงครู่เดียว เธอเดินออกมาจากบ้านด้วยชุดสวยแปลกตากว่าทุกวัน คราวนี้มาโดยกระโปรงพรีทลายดอก
เนื้อผ้าพริ้วๆบางเบา ยาวลงมาเกือบถึงเข่า อวดเรียวน่องยาวขาวๆได้รูปทรงเพรียว ด้านบนมีเสื้อเกาะอกสีสดแดงบานเย็น
ดูท่าจะเนื้อผ้าบางๆเช่นกัน แลแว๊บๆเห็นบราด้านในสีเนื้อชัดเจน แต่ก้ยังสวมเสื้อสูทสีน้ำเงินตัวใหญ่คลุมทับปกปิดไว้

"มองไรนายต้น...ไม่เคยเห็นคนสวยรึ..." ลงมาถึงหน้าบ้านก็กระโดดกัดผมคำหนึ่งทันที

"วันนี้มาแปลก..ไม่กลัวคนเห็นขาลายๆแล้วรึ...ฮ่าๆๆๆ..." ผมกระโดดงับเอาคืน ไม่ยอมเสียเปรียบ

"ไอ้ต้นบ้า!!..ขาชั้นออกสวย.." พี่เกศพูดพร้อมกับยกแข้งยกขาให้ผมมองชัดๆ จนชายกระโปรงเลิกสูงขึ้นเห็นขาอ่อนขาวๆ
เนื้อเนียนๆจนแทบแลเห็นเส้นเลือดเขียวๆ

"อ้าว..จะไปรู้รึ..เคยเห็นสวมแต่กระโปรงสุ่มไก่ ไอ้เราก็นึกว่าคงอายขาลายๆ ฮ่าๆๆๆ..."

ผมกัดย้ำจนจมเขี้ยว ดูเหมือนจะได้ผล พี่เกศไม่กล้าตอบโต้ เพียงหันมามองค้อนด้วยดวงตาโตกลมเป็นประกายสุกใส แต่
ดันซุกซ่อนไว้ในกรอบแว่นสี่เหลี่ยม สีน้ำตาลเสียแทน

"ปากมาก...วันนี้ไม่ไปรถบริษัทละ..นายต้นขับรถคุณพ่อให้หน่อย..." พี่เกศพูดพร้อมกับยื่นพวงกุญแจรถบีเอ็มของอาวิทย์ส่ง
ให้ผม ผมก็รู้หน้าที่เลยว่าต้องทำอย่างไรต่อ จึงเดินเร็ว ๆ ไปที่รถของอาวิทย์ที่จอดอยู่ในโรงจอด กดรีโมทเปิดประตูแล้วเข้า
ไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนจะขับออกมาจอดเทียบข้างๆตัวพี่เกศ ซึ่งเปิดประตูด้านหลังแล้วเหวี่ยงกระเป๋าสัมภาระของเธอ
เข้ามา ส่วนผมก็วิ่งอ้อมไปหยิบกระเป๋าของตนเองเหวี่ยงตามขึ้นไป แล้วเดินกลับเข้ามาประจำที่คนขับรถตามเดิม โดยมีพี่เกศ
เปิดประตูรถมานั่งด้านข้าง อย่างรวดเร็วไม่ทันระวังตัวว่า ตอนก้าวเท้าขึ้นมานั่งบนรถนั้นชายกระโปรงบานพริ้วนั้น มันถลก
เลิกสูงขึ้นจนผมเหลือบแลเห็นขาอ่อนขาวๆของเธอได้มากเป็นพิเศษ

"รีบไปเหอะต้นเดี๋ยวสาย..."

พี่เกศร้องสั่งอย่างเป็นการเป็นงาน เปิดกระเป๋าหนังขนาดย่อมที่วางบนตัก หยิบเอกสารออกมาปึกใหญ่แล้วเริ่มลงมืออ่านโดย
ไม่สนใจว่ามีผมนั่งอยู่ข้างๆ ผมจึงขับรถไปตามเส้นทางจังหวัดกาญจนบุรี ตามแผนที่ของโรงแรมที่พักซึ่งได้ดูมาตั้งแต่เมื่อวาน
ตอนเย็นจนจำขึ้นใจแล้วว่ามันอยู่ช่วงไหนอำเภออะไร จนรถเคลื่อนตัวข้ามสะพานแขวนออกถนนพระราม2 ผมจึงแวะจอดพัก
รถที่ปั้มน้ำมันข้างทาง เดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั้ม เดินหยิบของกินเล่นเล็กๆน้อยพร้อมน้ำดื่มติดตัวกลับมา ยื่นส่งหมูปิ้ง
ร้อนๆส่งควันลอยพร้อมกลิ่นให้พี่เกศ แต่เธอสั่นหัว คงกลัวว่าริมฝีปากแดงๆเคลื่อบลิปสิคสีสดนั้นจะเลอะลอกกระมังจึงไม่ยอม
ทาน ผมจึงจัดการเข้าไปเรียบ แล้วเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

ขณะขับรถไปเพลินๆสายตามองแต่ถนนเบื้องหน้าผ่านสมุทรสาครมาแล้ว รถเริ่มน้อยลง จนสามารถละสายตามองวิวสองข้าง
ทางซึ่งเต็มไปด้วยนาเกลือได้บ้าง แล้วสายตาของผมก็ดันแลไปที่นั่งด้านข้าง เห็นพี่เกศนอนหลับคอพับงุ้มลงมาติดหน้าอก
อวบใหญ่สองเต้าของเธอ เอกสารถูกเก็บเข้ากระเป๋าหนังไปเมื่อไหร่ไม่รุ้ แต่เมื่อแลต่ำลงมาอีกหน่อย จึงได้เห็นพี่เกศนั่งแยก
ขาออกกว้าง คงเพราะเผลอนอนหลับ หรือไม่ก็คงเพราะความเคยชินที่สวมใส่แต่กางเกงและกระโปรงสุ่มไก่ตัวยาวๆ ครั้นวันนี้
มาสวมใส่กระโปรงพรีทสั้นๆ มันจึงถลกไถลจนชายกระโปรงสูงขึ้นไปแลเห็นขาอ่อนขาวๆเรียวงามได้ชัดเจน ส่วนหัวเข่าสอง
ข้างก็อ้ากว้าง จนถ้าผมก้มลงมองคงสามารถแลลึกเข้าไปได้ถึงไหนๆเป็นแน่

แต่ผมก็ไม่ได้ทำตามที่ใจนึก เพราะความที่เธอเป็นญาติสาวคนเดียวของผมนั่นแหละ ครั้นจะปล่อยให้นอนในท่าแบบนี้ไปจน
ตลอดเส้นทางก็คงไม่เหมาะ

"พี่เกศ..นอนดีๆ หวอเปิดแล้ว..." ผมพูดเสียงดังๆ หวังปลุกให้เธอตื่นขึ้น และมันก็ได้ผลพี่เกศลืมตาตื่นทันที พร้อมกับหุบขา
เข้ามาอย่างอัตโนมัติ

"หว๋อเหว๋อ..อะไร..." พี่เกศส่งเสียงเขียวตวาด พร้อมหน้าแดงๆ สองมือรีบดึงชายกระโปรงกลับลงมา

"มะกี้นอนหลับจนผมเห็นหวอแล้วยังไม่รู้ตัวอีก..รู้งี้ไม่ปลุกดีกว่า...ทำคุณบูชาโทษชะงั้น..." ผมแสร้งบ่นเบาๆ ซ่อนหน้าแอบ
ยิ้ม เพราะรุ้สึกสะใจที่ได้แกล้งเธอคืนกลับบ้าง

"เห็นอะไร แค่ไหน..บอกมาเดี๋ยวนี้นะนายต้น..." พี่เกศยังส่งเสียงเขียวๆตวาดดังลั่น หน้าก็ยิ่งแดงกล่ำขึ้นด้วยความอาย นี่ถ้า
เธอรู้ว่าผมแกล้งอำ มีหวังเกิดศึกราวีกันในรถเป็นแน่

"โหยย...อย่าให้พูดเลย..เห็นหมดแหละ...ทั้งขาวทั้งอวบ..เอื๊อก..." ผมแกล้งพูดต่อแล้วทำเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อก แค่นี้ก็
ได้ผล พี่เกศเต้นเร่าๆยื่นมือมาทุบตีต้นแขนของผมพัลวัลด้วยความอับอายจนหน้าแดงเป็นลุกตำลึงสุก

"ไอ้บ้าต้น..ลามกนักนะแก...ขับรถไปเลย ไม่ต้องหันหน้ามามองอีกเลยนะ...เดี๋ยวกลับบ้านก่อนจะฟ้องคุณลุง..."

พี่เกศขู่ฟ่อว่าจะฟ้องพ่อของผมตอนกลบับบ้าน แต่ผมไม่กลัวหรอก ขำเสียมากกว่าที่นานๆจะได้แกล้งจนพี่เกศอายได้ จากนั้น
พี่เกศก็เงียบเสียงไปหลังจากทุบตีต้นแขนผมได้สามสี่ที เธอนั่งซุกห่อตัวสองมือยกขึ้นมากอดใต้ราวอกแน่น ผมเหลือบตามอง
แว๊บๆแต่ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลำแขนสองข้างที่กอดรัดใต้ราวอกนั้น มันกลับทำให้อกอวบใหญ่ของน้องสาวตามศักดิ์ผู้นี้ดูโดด
เด่นอวบอัดขึ้นมาเป็นก้อนกลมๆใหญ่ๆ โดยที่เจ้าของก็ไม่ทันรู้สึกตัว

จนกระทั่งรถเข้าเขตเมืองกาญจน์ การจราจรเริ่มหนาแน่นขึ้น ผมเลยไม่สามารถละสายตาจากท้องถนนไปดูพี่เกศได้อีกเลย
ตามจินตนาการที่วาดไว้ว่าโรงแรมรีสอร์ตที่พักนั้นน่าจะอยู่ท่ามกลางภูเขา ลำน้ำตามธรรมชาติ แต่ประกฏว่าผิดไปถนัด เพราะ
โรงแรมที่พี่เกศจองไว้สำหรับงานสัมมนานั้นกลับอยู่ชานเมืองใกล้ตัวจังหวัด แม้จะดูร่มรื่นเป็นสัดส่วน แต่ก็ดูออกว่าต้นไม้ใบ
หญ้านั้น ล้วนแต่ปลูกปรุงแต่งขึ้นมาภายหลัง ไม่ใช่ของดั้งเดิมจากธรรมชาติ

เมื่อผมเลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรมก้ยิ่งประหลาดใจกับการวางรูปแบบห้องพักของที่โรงแรมแห่งนี้ยิ่งนัก เพราะเป็นโรงแรมที่ออก
แนวกว้างสูงเพียงแค่สามชั้น มากกว่าจะเป็นโรงแรมในแนวตั้งตึกสูงๆ เมื่อรถจอดเทียบหน้าโรงแรม พี่เกศก็เปิดประตูรถลงไป
ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านใน ทิ้งให้ผมยืนเก้กังอยู่ตรงหน้าโรงแรม เดินเมียงมองชื่นชมกับสวนหย่อมน้ำตกจำลองกับปลาคราฟ
ตัวโตๆ ที่เลี้ยงอยู่ในบ่อขนาดใหญ่นับร้อยๆตัว

"เอ้านี่กุญแจห้องของต้นกับพี่..ต้นจัดการเอากระเป๋าพี่ไปเก็บด้วยนะ..พี่ขอไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ห้องจัดสัมมนาก่อน..."

ยัยพี่ตัวแสบโยนพวงกุญแจมาให้ผม พูดเหมือนสั่งๆ เสร็จก็เดินตัวปลิวจากไปผมจึงขับรถเข้าไปจอดใต้ถุนตึก ชิดติดริมกำ
แพง มีต้นไม้พวกต้นจั๋งประดับประดาจนเหมือนสวนป่าย่อมๆ แต่ที่ด้านบนเป็นห้องพักแถวยาวๆ สูงสองชั้น คะเนดูด้วยสาย
ตาน่าจะมีห้องพักอยู่ชั้นละประมาณ30ห้อง หมายเลขกุญแจที่ผมได้รับมาเป็นหมายเลข215กับ216 ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณช่วง
กลางๆ ของตัวตึก แต่ให้ดิ้นตายเถอะ โรงแรมแห่งนี้ดันไม่มีลิฟท์โดยสาร มิหนำซ้ำพนักงานหิ้วกระเป๋าก็ดันมีจำนวยไม่พอ
ผมเลยขี้เกียจที่จะรอคิว รีบหิ้วกระเป๋าสัมภาระที่มีไม่มากมายนักเดินขึ้นบรรไดตรงไปยังห้องพักทันที

การตกแต่งภายในห้องพักก็ดูทันสมัยดี มีแตยงกว้างใหญ่หนานุ่มดูยังใหม่สะอาดตา ห้องน้ำก็สะอาดทันสมัยเช่นกันไม่มีกลิ่น
อับชื้น แต่น่าเสียดายที่ดันไม่มีระเบียงด้านในห้อง ด้านหลังเป็นเพียงกระจกใสบานใหญ่ที่มีผ้าม่านหนาทึบ แต่บานกระจก
สามารถสไล้เปิดกว้างได้ เมือผมเปิดรูดม่านออก ก็ต้องตะลึงกับวิวที่สายตามองเห็น ไม่ใช่วิวภูเขาหรือวิวแม่น้ำหรอกครับ
ด้านหลังของตึกห้องพัก ดันเป็นวิวของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกยกตัวขึ้นมา แทบจะเสมอกับสายตาของผู้พักที่อยู่ชั้นสอง
เช่นผม

ในสระว่ายน้ำ มีฝรั่งกับคนไทยทั้งเด็กเล็กๆและหนุ่มสาวอยู่หลายคู่ที่กำลังว่ายเล่นแหวกว่ายน้ำใสๆ ดับความร้อนรุ่มของ
อากาศยามสาย อย่างไม่แคร์สายตาผู้ใด จนผมต้องรีบรูดม่านปิดไว้ตามเดิม ก็พบบานประตูเล็กๆที่ด้านข้างติดผนังเยื้องกับ
ปลายเตียง ก็มั่นใจว่าห้องสองห้องนี้คงเป็นคอนเน็กรูม สามารถเปิดเข้าไปหากันได้ทางอีกห้องหนึ่ง ผมรีบเลือกห้องที่
สามารถล็อคประตูทางเชื่อมได้ทันที เพราะเวลานอนๆ ไม่อยากให้พี่เกศเปิดเข้ามารบกวน โดยที่ตนเองคิดไว้เพียงเท่านี้
จริงๆ

เมื่อจัดการเลือกห้องพักได้แล้ว ผมก็ขนสัมภาระของพี่เกศไปยังอีกห้องหนึ่ง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนเอกเขนกหูได้ยินเสียง
แว่วๆเจี๊ยวจ๊าวดังออกมาจากสระน้ำจากเด็กเล็กๆที่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน จึงลุกขึ้นไปแง้มผ้าม่านมองดู ก็เป็นจริงดั่ง
คาด รีบล็อคบานสไล้กระจกให้สนิท เสียงจึงเงียบลงไป แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนเล่น แต่ดันเผลอตัวหลับไปจริงๆเสียนี่

"นายต้น..ทำอะไรอยู่..."

ผมกำลังนอนหลับเพลินๆ ฝันดีๆถึงน้องเปาสาวสวยคนล่าสุดที่กำลังคั่วอยู่ ในฝันที่แสนบรรเจิดของผมนั้นกำลังเข้าคลุก
วงในกับเธอ ปากกำลังอ้าอมดูดนมอวบอูมตั้งเต้า เม็ดหัวนมเล็กๆสีสดกำลังอยู่ในปากของผมที่เม้มดูดอย่างเอาเป็นเอาตาย
มือใหญ่ลำแขนแข็งแรงล้วงลุบลงไปจับเนินสวาท กรีดไปตามรอยแยก จนน้ำเงี่ยนน้องเปาไหลทะลักติดปลายนิ้ว พลันก็
ต้องสะดุ้งตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกโหวยๆอยู่หน้าห้องของยัยพี่เกศตัวแสบ ผมผุดลุกขึ้นอย่างงัวเงียเพลียๆเพราะ
การนอนหลับกลางวัน เดินไปเปิดประตุห้องอ้าออกเห็นพี่เกศตัวแสบทำหน้าบอกบุญไม่รับ

"มีไรเจ๊......กำลังนอนเพลินๆ..." ผมร้องถามแล้วรีบกลับมาทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงนอน เพื่อซ่อนท่อนลำที่แข็งตุงใน
กางเกงยีนส์ไว้ไม่ให้เธอมองเห็น

"นี่มันกี่โมงแล้วแก..ตื่นได้แล้ว ลงไปทานข้าวก่อน...แล้วโทรมาทำไมไม่รับสาย..." พี่เกศตวาดแว๊ด ตามนิสัยของเธอที่มัก
จะใช้กับผมประจำ จนผมขี้เกียจฟังเสียงบ่น ซุกหน้าลงกับหมอนหนานุ่ม หวังใช้มันอุดหูให้บรรเทาจากเสียงแว๊ดๆที่ได้ยิน

"นี่แกลุกได้แล้ว...เลยเวลาอาหารกลางวันแล้วนะ..เดี๋ยวทางโรงแรมเขาเก็บไป แล้วแกจะกินที่ไหน บอกเสียก่อนนะว่าชั้นไม่
เลี้ยงข้าวแกนะนายต้น..." ยัยขี้งกเอ๊ย ชวนเรามาเป็นเพื่อน มาเป็นไม้กันหมา ดันมางกไม่เข้าเรื่อง ผมแอบค่อนอยู่ในใจ

"ลุกๆๆๆได้แล้ว..พูดให้ฟังกันบ้างสิแก..ไม่ใช่เด็กแล้วนะ..."

พี่เกศพูดพร้อมเดินเข้ามาคว้าขอบกางเกงยีนส์ของผม พยายามออกแรงดึงพลิกใฟ้ผมนอนหงาย ฟังเสียงเธอบ่นให้ได้ แต่
ผมรูปร่างสุงใหญ่ น้ำหนักตัวคงเกินกำลังของเธอเป็นแน่ จึงผ่อนแรงพลิกตัวให้ตามแรงดึง

"เออๆๆ..ลุกก็ได้ นี่ไงลุกแล้ว..."

ผมร้องตอบอย่างหัวเสีย ที่มาโดนยัยพี่ตัวแสบปลุกขัดจังหวะฝันสวีทหวานของตนเอง ท่อนลำในกางเกงก็ยังแข็งจนตุง เลย
แกล้งแอ่นเป้าโชร์ให้พี่เกศเห็น พร้อมพูดนัยๆว่าลุกแล้วๆ ไม่เห็นหรือ คราวนี้ได้ผล ยัยพี่เกศตัวแสบรีบหันหลัง เมื่อเผลอมอง
ท่อนลำตุงๆในเป้าเกงเกงของผมไปเต็มๆตา จนผมอดขำหัวเราะฮาๆ อย่างชอบใจ แล้วก็ตัดใจลุกขึ้นเดินตามออกมาจากห้อง
ตรงไปยังห้องอาหารของโรงแรม ตามพี่เกศไปจนทันที่หน้าห้องก่อนแยกจากกัน ผมตรงเข้าห้องอาหาร ส่วนยัยพี่ตัวแสบเข้า
ไปในห้องสัมมนา ป่านนี้คงกำลังเดินหน้าแดงเป็นแน่ ที่เห็นลำตุงๆในเป้าเกงเกงของผมเช่นนั้น เมื่อคิดแล้วมันสะใจเหลือ
เกินครับ

เมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหารแล้ว ผมเดินเลือกตักอาหารในอ่างแสนเลสสี่เหลี่ยมที่ยังคงส่งควันร้อนลอยออกมาใส่จานสอง
สามอย่าง พร้อมเดินไปนั่งทานคนเดียวเงียบๆ เห็นพนักงานผุ้ชายเดินเข้ามาเสริฟน้ำดื่มให้ผม

"เออพี่...แถวนี้มีที่เที่ยวอะไรบ้างมั๊ยครับ..." ผมลองสอบถาม เพราะคิดว่าอยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำในตอนกลางคืนคงเปล่า
เปลี่ยวเหงาหงอยแย่

"ต้องตอนเย็นๆทุ่มสองทุ่มน่ะครับ..เดินออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาไปสักหน่อยก็จะเห็นเองครับ พอมีที่เที่ยวให้หนุ่มๆแบบน้อง
มั่งแหละ..." พนักงานเสริฟชายที่ดูอาวุโสกว่าผมเยอะรีบแนะนำ ด้วยรอยยิ้มเหมือนล่วงรู้ภายในใจของผมว่าคิดอะไรอยู่

"ขอบคุณครับพี่..." ผมกล่าวตอบไป พร้อมนั่งทานอาหารอีกครุ่เดียวก็ทานไม่ลง มันไม่ค่อยถูกปากนัก จึงเดินกลับห้องพัก
แอบแย้มผ้าม่านส่องดูว่ามีสาวๆมาเล่นน้ำบ้างมั๊ย แต่โคตรซวยเลยบ่ายวันนี้ เวลาบ่ายๆสาวๆคงกลัวแดด มีแต่เด็กๆเล่นกันอยู่
เต็มสระ ผมเลยเปิดทีวีดูฆ่าเวลาไปอย่างเชื่องช้า เพราะไม่รุ้จะทำอะไรจนกระทั่งแดดร่มลมตก จึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่
เดินออกไปนอกโรงแรมตามที่ได้รับการแนะนำจากพนักงานเสริฟผู้นั้น

ขณะนั้นเวลาเพิ่งจะทุ่มเดียว ร้านเหล้าหรือคลับบาร์ที่มีอยู่สองสามร้าน ยังไม่ทันเปิดให้บริการ แม้จะเปิดไฟระยิบระยับโชร์ชื่อ
ร้านแล้วก็ตาม ผมเดินต่อไปอีกสี่ห้าห้องก็เห็นร้านนวดแผนโบราณเป็นตึกแถวสองคูหา ประดับตกแต่งเรียบๆ มีป้ายโชร์บอก
ราคาและแนวการนวดพร้อมสรรพ ติดอยู่ให้เห็นเด่นชัด ผมเลยเดินไปเมียงมองใกล้ๆ ก็มีพนักงานสาววัยไม่น่าจะเกินยี่สิบ
ออกมาทักทาย

"สวัสดีค่ะคุณพี่..จะนวดหรือเปล่าคะ..." เธอยืนบิดตัวไปมาพร้อมพูดทักทาย ผมมองรวดๆจากหัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว
หน้าตาก็พอดูได้ แม้จะพอกเครื่องสำอางค์หนาไปสักหน่อยก้ตาม เธอสวมเสื้อยืดคอกลมสีส้มๆ กับกางเกงยีนส์ตัวสั้นๆ
ฟิตๆ ที่มีความยาวเลยเป้ากลางหว่างขามานิดเดียว

"มีนวดอะไรแบบไหนบ้างครับ.." ผมถามยิ้มๆ บอกตามตรงว่าภายในใจยังไม่ได้คิดเลยว่าจะใช้บริการ แต่ถามไปตามมารยาท
เท่านั้น

"มีนวดไทย นวดเท้า นวดสปา...ทั้งในและนอกสถานที่ก็ได้ค่ะ..." คำว่านอกสถานที่ก็ได้ค่ะ..ทำให้ผมหูผึ่งเกิดความสนใจขึ้น
มาทันที

"ถ้านวดนอกสถานที่ นี่ชาร์ตเพิ่มอีกเท่าไหร่ครับ..."ผมถามยิ้มๆ ตามองเรียวขาสั้นๆป้อมๆแต่ขาวผ่องของเธอเขม็ง เพราะคิด
ว่าเธอคนนี้น่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาหมดนวดเป็นแน่

"คิดเพิ่มตามชั่วโมงค่ะ ชั่วโมงละร้อย..ไม่แพงเลยนะคะ..พี่สามารถเลือกหมอได้ด้วยค่ะ..." นับว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจพอ
ควร เมื่อผมได้ยินจบก็พยักหน้าตามแบบเข้าใจ

"เชิญข้างในเลยค่ะพี่..เพิ่งเคยมาเที่ยวหรือคะ...หมอที่นี้สาวๆฝีมือดีๆทุกคนค่ะ..." เด็กสาวผุ้นั้นพูดจบก็พยายามต้อนหน้าต้อน
หลัง จนผมต้องเดินเข้าไปในร้าน ที่หรี่แสงสว่างของไฟจนมัวๆ สายตาก็เห็นตู้กระจกขนาดใหญ่มีบรรดาหมอนวดนั่งอยู่ร่วม
สิบคนในนั้น ล้วนแต่แต่งตัวอวดโชร์รุปร่างสัดส่วนนั่งกันหน้าสลอนอยู่ภายในตู้กระจก ช่างเหมือนกับอาบอบนวดในกรุงเทพ
ยังไงยังงั้นเลยครับ

เมื่อผมเดินเข้าไปหาที่นั่ง พนักงานเชียร์แขกก็เดินเข้ามาทักทาย พร้อมบอกสรรพคุณแต่ละนางเบ็ดเสร็จ ว่าใครนวดเก่ง
อย่างไร ใครเอาใจเก่งแบบไหน ทุกนางสามารถนวดได้ทุกแบบทั้งนวดเท้า นวดไทย หรือนวดสปาน้ำมัน พูดเสร็จก็ยืนคอย
อยู่ใกล้ๆ

ผมมองละลานตาไปหมด เพราะแสงไฟที่ส่องสว่างจ้าภายนตู้กระจก จนดุแต่ละนางล้วนขาวผ่องผิวยองใย บางคนอกเล็ก
บางคนหน้าตาสะสวยพอควงไปวัดไปวาได้ บ้างก็อกอวบใหญ่เหมือนภูเขาไฟฟูจิ จนเกรงว่าถ้าพูดไม่ดีกับหล่อนอาจจะโดน
นมอวบใหญ่สองเต้านั้นอุดจมูกผมตายไปก็ได้

"ผมขอเวลาพิจารณาสักครุ่นะครับ..ตอนนี้ขอเบียร์สิงห์สักขวดนึงก่อนได้มั๊ยครับ..." ผมเห็นว่าพนักงานเชียร์แขกยังยืนอยู่
ใกล้ๆ ไม่ยอมเดินไปไหนสักที จึงรีบสั่งเบียร์เพื่อไล่ให้เขาเดินออกไปห่างๆ

"ได้เลยครับ..เบียร์สิงห์ขวดนึง เชิญเสี่ยเลือกน้องๆตามสบายนะครับ..." พนักงานยืนกุมมือซุกเข้าหว่างขา ค้อมตัวอย่าง
พินอบพิเทา แล้วเดินกลับไปหลังร้าน ปล่อยให้ผมพิจารณาเลือกหมอนวดได้ตามสบาย ซึ่งแต่ละนางที่นั่งอยู่ในตุ้กระจกนั้น
พูดกันตามตรงไม่มีใครสักคนที่เข้าสเป็คของผมเลย

จนกระทั่งผมนั่งละเลียดเบียร์หมดไปได้สักครึ่งขวด ก็มีพนักงานนวดคนหนึ่งเดินเข้าไปนั่งในตู้ เธอคนนั้นผมยาวๆแต่งแต้ม
ใบหน้าอ่อนๆ ไม่ได้พอกหนาเตอะเหมือนคนอื่นๆ ดูสวยเรียบๆ แต่รูปร่างสุงเพรียวเฉกเช่นยัยพี่เกศเลยครับเสียแต่เพียงว่า
อกไม่อวบใหญ่เท่าญาติสาวตัวแสบของผมเท่านั้นเอง

"เอ้อพี่ครับ...หมดนวดคนนั้นเพิ่งมาหรือว่าเพิ่งลงมาจากบนห้องครับ..." ผมเรียกพนักงานเชียร์แขกมาสอบถาม ซึ่งเขาก็รีบ
บอกทันที

"อ้อ..หมออุ้ม..เพิ่งมาทำงานครับ..เสี่ยสนใจหรือครับ คนนี้ฝีมือมากเลยนะครับเสี่ย..ให้ผมเรียกเลยมั๊ยครับ.."เด็กเชียร์แขก
พูดอย่างแคล่วคล้องว่องไวเหมือนท่องจำเอาไว้

"เอ้อ..พี่ครับ ถ้าผมจะเรียกให้ไปนวดนอกสถานที่ได้มั๊ยครับ..." ผมถามเหมือนมีลางสังหรณ์ว่าหมอนวดคนนี้คงแตกต่างกว่า
คนอื่นๆเป็นแน่

being2be โพสต์ 2021-8-1 01:32:30

ขอบคุณครับ

iconza โพสต์ 2021-8-1 08:50:14

ขอบคุณครับ

aumking โพสต์ 2021-8-1 08:55:07

ขอบคุนน่ะ

oasawin โพสต์ 2021-8-1 19:05:13

ขอบคุณครับ

kookkoo โพสต์ 2021-8-2 12:32:28

ขอบคุณครับ

arm1211 โพสต์ 2021-8-2 22:05:54

ขอบคุณครับบบบ

Blackblood888 โพสต์ 2021-8-3 03:16:00

{:5_146:}ขอบคุณมากคับ{:5_120:}

nuvo โพสต์ 2021-8-3 03:47:20

ขอบคุณคับ

MLava โพสต์ 2021-8-3 08:04:31

ขอบคุณครับ

PPBBA โพสต์ 2021-8-8 15:37:10

มีลางว่าหมอคนนี้อาจจะมีทีเด็ด

oasawin โพสต์ 2021-9-25 02:09:07

ขอบคุณครับ

wutichai2029 โพสต์ 2022-3-9 04:22:45


ขอบคุณครับ

MLava โพสต์ 2023-3-4 11:18:28

ขอบคุณมาก

Tifny008 โพสต์ 2025-4-9 23:50:46

เยี่ยมๆ{:5_146:}{:5_146:}{:5_146:}
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เผลอเล่นน้องสาว