สอนลูกสาว
"สาดแข้งยาวๆ..ไอ้เดช...นั่นแหละ ๆ พลั๊วเข้าให้..ฮ่าๆๆๆๆ...ตีเลย..ตีๆๆๆๆ....แปะๆๆๆๆๆ"เสียงครูยงค์ตะโกนสอนอยู่ข้างมุมแดง ด้วยท่าทางบิดยึกๆตอนผมโยกคอคู่ต่อสู้เพื่อจับตีเข่า จนเหมือนตัวจะเกร็งจนเป็น
ตะคริว นับเป็นลีลาการสอนมวยให้ผมจนชินตา ครุยงค์เป็นแบบนี้เสมอ ยามที่ผมกำลังต่อกรกับคุ่ต่อสู้บนเวที พร้อมตบมือ
ร้องเชียร์เมื่อผมออกอาวุธตามแบบที่ครูยงค์ตะโกนสอน ด้วยเสียงอันดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าผู้คน
จำนวนนับพันนับหมื่น
ศึกครั้งนี้ผมไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะมิใช่เป็นการต่อสู้กับคู่ต่อกรที่ใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยเป็นอาวุธเช่นเดียวกับผม
แต่คู้ต่อสู้ของผมกลับเป็นหนุ่มเกาหลี แม้จะดูรูปร่างสุงใหญ่กว่าผมมากแบบมวยคนละรุ่น แต่เขาก็ใช่ศิลปะการต่อสู้แบบ
เทควันโด้ อันเป็นศิลปะประจำชาติของเขา เพียงผ่านไปแค่สามยก ผมก็สามารถน็อคคู่ต่อสู้ได้ด้วยลูกโหนตัวจับตีเข่า
ท่ามกลางเสียงร้องไชโยดังสนั่นของครูยงค์และสตาฟพี่เลี้ยงที่ต่างขึ้นมาบนเวทีเพื่อแสดงความดีใจนั้น สายตาผมกลับ
มองจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าขาวๆกลมๆ ริมฝีปากน่าจูบเต็มอิ่มของสาวเกาหลีคนหนึ่งที่ยืนเกาะเชือกเวทีทางด้านล่าง เราสอง
คนต่างมองสบตากันและส่งยิ้มให้แก่กันด้วยความรู้สึกที่มีแต่ผมและคิมยองอึนเท่านั้นที่รู้ความหมาย แม้จะสื่อสารกันด้วย
ภาษาพูดไม่รู้เรื่องก็ตาม
แต่นั่นมันเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วถึง15ปี บัดนี้นายสมเดช ศิษย์ ศ.อ. อดีตนักมวยไทยฝีมือระดับแชมป์ของเวที
อ้อมใหญ่ กลับนั่งจับจ้องอยู่กับร่างเพรียวสูงของเด็กสาววัยแรกรุ่นอายุเพียง13ปี ในชุดนักมวยที่กำลังหัดเตะหัดต่อย
กระสอบทรายตูมๆ ที่แขวนไว้หน้าโรงรถ โดยมีเสียงร้องเรียกโหวยๆด้วยภาษาไทยแปร่งๆของผู้เป็นแม่ร้องเรียก ให้กลับ
ไปทานอาหารเย็นกัน วงเลยแตก ผมเข้าไปช่วยถอดนวมชกออกจากมือลุกสาว แล้วสองคนพ่อลูกก็กลับเข้ามาในบ้าน
ตามเสียงร้องเรียกของผู้เป็นแม่ โดยเจ้าลูกสาวจอมซนฉวยโอกาศกระโดดขี่หลังผมเข้ามาจนถึงประตุหน้าบ้านจึงไถล
ตัวลงยืน
"พี่เดชค๊ะ...บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าสอนมวยให้ลูกคิม ม่ายข้าวใจหรือค๊ะ..."
คิมยองอึนเมียสาวสวยวัยเกือบสี่สิบ แต่ใบหน้ายังเต่งตึง แก้มยังใสบวกแววตาเป็นประกายมักบ่นแบบนี้ทุกครั้งที่เธอเห็น
ผมสอนศิลปะมวยไทยให้กับลูกคิม บุตรสาวคนเดียวของเราในวัย13ปีเสมอ
"ลูกคิมค๊ะ..คุณแม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าหนูเป็นผู้หญิง..ม่ายให้เรียนมวยไทย..ต้องเรียนดนตรี เรียนว่ายน้ำ..ทามไมไม่เชื่อคุณ
แม่เลยค๊ะ..."
เมื่อแม่คิมใหญ่เธอบ่นผมเสร็จ เธอก็หันกลับไปเล่นงานลูกสาวทันที พร้อมตีหน้าดุใส่ แต่ลูกคิมเธอกลับแอบหันมาแลบลิ้น
ด้วยสีหน้าทะลึ่งทะเล้นลับหลังมารดาให้กับผม แล้วเราสองพ่อลูกก็ส่งยิ้มให้กันเสมอ เพราะรู้ดีว่าแม้ผู้เป็นมารดาจะห้าม
อย่างไร เราสองคนก็หาได้ฟังเสียงบ่นเสียงตำหนิของเธอแต่อย่างใด
"แม่ก็..บ่นไม่เบื่อเลยหรือจ๊ะ..บ่นมาหลายปีแล้วนะเรื่องนี้..." ผมพูดยิ้มๆ แล้วเดินไปโอบเอวดึงแม่คิมใหญ่เมียรักเข้ามาหา
เบาๆ ต่อหน้าลูกคิมน้อยที่มองจ้องเขม็งเมื่อเห็นผมแสดงความรักต่อผู้เป็นมารดา
"ว๊าย!...อายลูกๆ...ปล่อยๆ ว๊าย..."
คิมยองอึนดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของผม ทำหน้าแดงๆ พยายามแกะมือไม้ผมที่โอบกระชับรัดแน่นใต้ทรวงอกอวบอิ่ม
โดยมีเสียงหัวเราะคิกๆ ของลูกสาวที่จ้องมองตาเขม็ง ใบหน้าแดงๆ แม้คิมลูกสาวของผมจะมีอายุ13ปีแล้วก็ตาม แต่ใน
สายตาของผม เธอก็ยังเหมือนเป็นเด็กไร้เดียงสาเสมอ เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผมที่ผมรักและทนุถนอม เลี้ยง
ดูมาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรกเกิด หลังจากที่แขวนนวมเลิกชกมวย ทั้งๆที่อายุเพิ่ง25ปี เนื่องจากประสพอุบัติเหตุ
"พี่เดชค๊ะ...ปล่อยค๊ะ...กินข้าวได้แล้ว..."
คิมยองอึน ร้องบอกเบาๆอายๆ เมื่อเหลือบสายตาไปประสานกับสายตาสุกใสไร้เดียงสาของผู้เป็นลุกที่จ้องมองมายังเรา
สองคนที่กอดรัดกันแน่นด้วยความรัก อย่างสงสัยใคร่รู้
"ลูกค๊ะ....ไปล้างมือก่อนกินข้าวนะค๊ะ..." คิมผุ้เป็นแม่ร้องบอกลูกสาวเบาๆ หน้าแดงๆที่เห็นบุตรสาวจ้องมองเช่นนั้น
"ค่ะ...คุณแม่..."
เด็กสาวรับคำเบาๆ ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้ม แล้วสบัดตัวหันกลับ จนผมเปียยาวๆสองสายตวัดไขว้กันก่อนจะเดินออก
จากห้องอาหารไปยังห้องน้ำ ผมก็จับร่างอวบอิ่มของเมียหันกลับมาเผชิญหน้า พร้อมก้มลงจูบแนบริมฝีปากแดงระเรื่อ
นั้นอย่างรักใคร่ ครั้งแรกเมียผมพยายามหุบปากเม้มริมฝีปากแน่น แต่เมื่อโดนฝ่ามือของผมคลึงคลำหน้าอกอวบใหญ่
สักครู่ เธอก็โอนอ่อนเผยอริมฝีปากให้ผมสอดปลายลิ้นเข้าไปพัวพัน พร้อมหายใจครางอือ..เบาๆในลำคอ
สักครู่ใหญ่เมื่อผมถอนริมฝีปากออกมาเมื่อได้ยินเสียงคิมน้อยเปิดประตุห้องน้ำ แม่คิมใหญ่ส่งสายตาตวัดค้อนอายๆ แก้ม
แดงกล่ำจนถึงใบหู เสแสร้งจัดแต่งเรือนผม พร้อมขยับจัดเสื้อผ้าให้ดูเรีบร้อย เมื่อคิมน้อยเดินกลับเช้ามาในห้องอาหาร
อีกครั้ง
"คุณแม่คะ..หนูยังว่ายน้ำไม่เป็นเลย..." คิมน้อยลูกสาวผมบอกกับผู้เป็นมารดาเบาๆ ขณะที่ทานข้าวไปได้สักพัก
"อ๊ะ...จริงหรือค๊ะ..."
คิมใหญ่ผู้เป็นมารดาร้องขึ้นด้วยความแปลกใจที่ได้ยิน ทั้งๆที่เราส่งบุตรสาวคนเดียวของเรา เรียนที่โรงเรียนนานาชาติ ซึ่ง
มีหลักสูตรการสอนว่ายน้ำอยู่แล้ว
"ทามไมในโรงเรียนไม่ได้สอนลูกคิมหรือค๊ะ..."
"คือว่า..เอ้อ...หนูกลัวน้ำค่ะ..เลยไม่กล้าเรียน..แอบโดดเรียนทุกครั้งที่ถึงชั่วโมงสอน..." ลูกคิมสารภาพเสียงอ่อยๆ หน้าเสีย
ด้วยกลัวเกรงความผิด
"อ้าว...ลูกสาว...พ่อไม่รู้เลยนะนี่...ว่าหนูโดดเรียนเป็น..ฮ่าๆๆๆๆ"
ผมแสร้งหัวเราะกลบเกลือนให้เหมือนเป็นเรื่องขำๆ จนลูกสาวค่อยมีสีหน้าดีขึ้นที่อย่างน้อยก็มีคุณพ่อเข้าเป็นพวก แต่ก็ยังไม่
กล้าสบตาดุๆของผู้เป็นแม่แต่อย่างใด
"ไม่เป็นไรลูก..ไว้พ่อสอนให้เอง.."
ผมบอกเบาๆ รับอาสาเสียแทน ทำให้คิมใหญ่ยิ้มหายโกรธ อย่างน้อยเธอก็สมหวังประการแรกที่ไม่อยากให้ลูกสาวเรียนชกมวย
แต่เธอก็ยังคงดุลูกสาวต่อไป ในเรื่องที่ไม่เคยบอกความจริงเรื่องการเรียนว่ายน้ำ
ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับว่าที่อ่านๆดูแล้ว ดูเหมือนภรรยาของผมจะเป็นใหญ่ในบ้าน เพราะมันคือความจริงที่เธอเป็นช้าง
เท้าหน้า เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ทำให้ผมสามารถมีบ้านมีรถขับ มีฐานะได้อย่างทุกวันนี้ เพราะหลังจากที่ผมเสียแชมป์
มวยไทยไป ก็เสียใจกินเหล้า จนขับรถเครื่องไปเกิดอุบัติเหตุ ทั้งแขนขาหัก ซีโครงหักหลายซี่ จนแพทย์ลงความเห็นว่าผม
ไม่สามารถชกมวยได้อีกต่อไป ด้วยความรู้ที่มีน้อย นอกจากชกมวยแล้วผมก็ไม่สามารถหางานดีๆทำได้เลย
จนกระทั่งคิมยองอึนผู้เป็นภรรยานี่แหละที่หอบผ้าหอบเงินและอุ้มทารกหญิงเล็กๆ เข้ามาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล และบอกว่า
ทารกหญิงนี้คือบุตรสาวของผม และจากนั้น เราก็มาอยู่ด้วยกันโดยไม่มีพิธีแต่งงาน ทั้งๆที่เธอมีอายุมากกว่าผมหลายปี มี
ความรุ้ความสามารถมากกว่า เธอจึงเป็นเสมือนเสาหลักของครอบครัว แต่ผมก็ตอบแทนเธอด้วยความรัก ความเอาใจใส่
เลี้ยงดูบุตรสาวคนเดียวของเราเสมือนตนเองเป็นแม่บ้าน ไม่เคยคิดนอกใจเมีย แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยสักครั้ง ทั้งๆที่
มีสาวไทยหลายต่อหลายคนที่เสนอตัวมาให้
พักใหญ่เมื่อทานข้าวกันจนเสร็จ คิมใหญ่เมียผมก็จัดรวบจานชามที่ใช้เดินไปวางในอ่างซิ้งค์สำหรับล้างถ้วยจานชาม ผมได้
ยินเสียงเปิดก็อกน้ำไหลลงมากระทบถ้วยจานชามเบาๆ
"ลูกคิมค๊ะ....ขึ้นไปอ่านหนังสือได้แล้ว.."
เสียงเมียผมร้องสั่งลุกสาวโดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับมามอง เธอจึงไม่รุ้ว่าโดนลูกสาวย่นจมูกใส่ พร้อมหันหน้ามาซุบซืบนินทา
ผุ้เป็นแม่กับผมเบาๆพอได้ยินกันแค่สองคน ผมได้แต่ยิ้มขันๆ พร้อมปั้นหน้าทำสายตาดุใส่ ยื่นมือไปคีบบีบจมูกโด่งเป็นสัน
เบาๆ แล้วบอกให้เธอทำตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ แต่คิมน้อยก็หาลุกขึ้นจากโต๊ะทันทีทันใด ยังคงอิดออด ทำท่าอ้อนผมอีก
สักครู่จนผมต้องตัดใจลุกขึ้นยืนเดินตรงไปหยุดอยู่เบื้องหลังของเมีย เธอถึงได้ลุกขึ้นวิ่งตึงๆขึ้นบันไดไปชั้นบน
"อุ๊ย!....อย่าค๊ะ..พี่ค๊ะ..เดี่ยวลูกเห็น.."
คิมใหญ่เมียผมร้องห้ามเบาๆ เมื่อผมแนบตัวประกบที่ด้านหลังแล้วสวมกอดรัดแน่นใต้ฐานอกอวบใหญ่ พร้อมแอ่นเป้ากางเกง
เข้าแนบก้นอวบผายกลมกลึงของเธอเบาๆ
"ผมช่วยล้างจานเองครับ..." ผมกระซิบบอกเมียเบาๆ พร้อมแอ่นเอวกดบดคลึงก้นอวบผายยึกๆ พร้อมขยับมือเลื่อนขึ้นกุมอก
อวบ กำบีบขยำเล่นเบาๆ
"อย่าค๊ะพี่...เดี๋ยวลูกคิมเห็น..." เธอยังคงบอกเสียงเบาๆ แต่กลับแอ่นก้นอวบผายให้ผมบดเน้นๆ มือยังคงสาระวนล้างจานชาม
ต่อไปไม่ได้หยุดชะงัก
"ลูกขึ้นไปอ่านหนังสือตามที่แม่บอกแล้วครับ...จุ๊บ..ๆ.."
ผมกระซิบบอกที่ข้างหู แล้วจุ๊บเบาๆที่ข้างแก้ม จนได้กลิ่นเหงื่อจางๆผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเธอ แล้วแอ่นก้นบดเข้า
หา มือขยำกุมอกอวบใหญ่เน้นแรงขึ้น จนคิมใหญ่ร้องครางอือๆเบาๆ ชะงักมือที่กำลังล้างจาน ปล่อยให้สายน้ำจากก็อกไหล
ทิ้งไป โดยไม่คิดเสียดาย
"พรุ่งนี้พี่พาลูกคิมไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วยนะค๊ะ..."
เมียผมบอกเบาๆ พร้อมขยับขาแยกเล็กน้อยจนท่อนลำที่แข็งน่วมๆของผมซุกเข้ากลางกลีบก้นผาย ผมอัดลงไปแนบเน้นๆ
อีกครั้ง พร้อมลำที่ขยายตัวคัดแข็งขึ้นทีละนิดๆ เมียผมครางอือออกมายาวๆลอดไรฟัน แต่แล้วผมก็รุ้สึกได้ยินเสียงก็อกแก๊กๆ
เบาๆที่ด้านหลัง จึงหันกลับไปชำเลืองมอง เห็นหัวของลูกคิมลับๆล่อๆ แอบมองดูอยู่ที่วงกบขอบประตูห้องครัว ผมจึงชะงัก
ถอยตัวออกมาเล็กน้อยโดยไม่ทำให้เมียผิดสังเกตุ พร้อมหันหน้าไปทำสายตาดุใส่ลูกสาวที่โผล่หัวออกมามอง จนเธอก็หด
หัวกลับไป พร้อมย่องเดินจากไปขึ้นชั้นบนช้าๆ
เห็นว่าผมต้องระมัดระวังตัวให้รอบคอบกว่านี้แล้ว ลูกสาววัย13ปี คงกำลังอยากรู้อยากเห็น ผมไม่อยากให้เธอต้องมารับรู้เห็น
บทสวาทของพ่อกับแม่ กลัวว่าแกจะแก่แดดเกินวัย
"มีอะไรค๊ะ..." เมียผมร้องถามออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าผมหยุดชะงักถอยตัวออกมาจนท่อนลำแข็งตุงไม่แนบแน่นกลับกลีบก้น
ผายเหมือนเมื่อสักครู่
ขอบคุณครับ ชอบมากครับ ขอบคุณ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ วัยกำลังอยากรู้เลยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก {:5_146:}ขอบคุณมากคับ{:5_120:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ อ่า ขอบคุณครับ