aanwnsw โพสต์ 2021-9-11 03:21:28

แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 6 ไพ่แห่งชนวนแค้น CP

ตอนที่ 6 ไพ่แห่งชนวนแค้น
“โพดำฤทธิ์ร้อนแรงอีกโพแดงแฝงคมหนามข้าวหลามตัดสัตว์สงครามดอกจิกนามมารคราบคน”
.
.
.กลอน บั่นทอนปัญญาข้างต้นคือสโลแกนชื่อแต่ละตำแหน่งของจตุรเทพ ยศฐาบรรดาศักดิ์ที่เด็กมัธยมต้นอุปโลกน์กันขึ้นมาอย่างไร้สาระ แต่ก็ถือเป็นตำนานเฉพาะของห้องม.3/3 เป็นตำแหน่งที่เกิดจากการยอมรับโดยดุษฎีจากเพื่อนร่วมห้อง ไม่ใช่ใครนึกอยากจะนั่งแท่นก็ทำได้ บางรุ่นบางตำแหน่งก็ปล่อยว่างหากขาดผู้มีคุณสมบัติเพียงพอ การสถาปนาจตุรเทพกำมะลอขึ้นมาเองมั่วซั่ว นอกจากไม่น่าเกรงขามแล้ว ยังถือว่าน่าทุเรศหากถูกนำไปเปรียบเทียบกับจตุรเทพรุ่นพี่บางรุ่นที่เหนือ ชั้นจนทิ้งห่าง อย่างไรก็ดี ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่ในรุ่นผมมีคนครบทั้งสี่ตำแหน่ง
ผม ต้องเท้าความถึงที่มาว่าโรงเรียนเซนต์แมธธิวใช้การแบ่งห้องเรียนตามเกรด เฉลี่ย เด็กห้องหนึ่งคือเด็กที่เรียนเก่งที่สุดไล่ลงมาตามลำดับตัวเลข
ฉะนั้น ห้องสามหรือห้องปานกลางจึงเป็นห้องที่เรียกได้ว่ามีวีรกรรมและมีบทบาทใน โรงเรียนมากที่สุด เพราะมีทั้งสมองและความแสบผสมผสานกันอย่างลงตัว ขณะที่เด็กห้องคิงจะเคร่งครัดในระเบียบวินัยและการเรียน ไม่กล้าทำอะไรนอกลู่นอกทาง ส่วนเด็กห้องบ๊วยก็ไม่ต่างอะไรกับนักเลงปลายแถว คิดการใหญ่ไม่เป็น
จตุร เทพจึงเกิดขึ้นและเป็นที่กล่าวขานเฉพาะห้องสาม ทุกคนจะมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งร่วมกัน คือมีความเป็นตัวเองสูง ไม่ยี่หระ เอาตัวรอดเก่ง ทันคน และมีเขี้ยวเล็บ จนมีคำกล่าวว่าหัวหน้าห้องเป็นเพียงหุ่นเชิด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวในห้องเรียนและกุมพลังเงียบไว้ในมือก็ คือพวกจตุรเทพ และพวกนั้นก็ไม่สนใจชิงตำแหน่งหัวหน้าห้องแม้แต่น้อย จึงไม่แปลกที่คนอย่างวีรวุฒิจะได้เป็นหัวหน้าห้อง ขณะที่ผู้มีคุณสมบัติเป็นหัวหน้าห้องที่แท้จริงแฝงตัวอยู่ในกลุ่มจตุรเทพ ซึ่งแต่ละตำแหน่งนำมาจากสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนไพ่สำรับทั่วไปที่เรารู้จักกัน ซึ่งได้แก่
โพ ดำ : ตำแหน่งของนักเรียนชายผู้มีบารมีสูงสุด มีทั้งพระเดชพระคุณเป็นที่เคารพของเพื่อนในห้อง อาจไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง แต่มีภาวะผู้นำและต้องฉลาดทางโลกมากพอที่จะได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทน ของรุ่น โพดำเป็นตำแหน่งที่น่าเกรงขามกว่าหัวหน้าห้องเสียอีก เพราะหัวหน้าห้องได้รับการแต่งตั้งจากครู แต่หัวหน้านอกห้องซึ่งสำคัญยิ่งกว่าต้องมาจากการเห็นชอบจากเพื่อนนักเรียน เท่านั้น มีศักดิ์สูงสุดในจตุรเทพด้วยกัน
โพ แดง : ตำแหน่งของนักเรียนหญิงที่เป็นนางพญาประจำรุ่น หรือพูดง่าย ๆ ก็คือผู้หญิงที่แสบที่สุดในรุ่น เนื่องจากตำแหน่งนี้เป็นเก้าอี้เดียวที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เป็นหนึ่งใน กลุ่มจตุรเทพ ดังนั้นแค่เป็นตัวแม่อย่างเดียวคงไม่พอ ตำแหน่งโพแดงแทบทุกรุ่นเรียกได้ว่าเป็นสาวสวยบุคลิกดี เพราะจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับจตุรเทพที่เหลืออีกสามคน
ข้าว หลามตัด : ตำแหน่งของนักเรียนชายที่ช่ำชองการศึกและการทะเลาะวิวาทที่สุดของรุ่น ซึ่งมักแปรผกผันกับความสามารถเชิงเหตุและผล ข้าวหลามตัดจะมีบทบาทสำคัญเมื่อเกิดเรื่องบาดหมางระหว่างชั้นปีหรือระหว่าง โรงเรียน มักเป็นคนมีพวกพ้องเยอะ ส่วนใหญ่เมื่อเรียนจบจะไม่ยอมถอดเขี้ยวเล็บ ยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงนักเรียนนักเลงต่อไปในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ที่ถูกยิงตายหรือติดคุกเพราะเลือกเดินเส้นทางนี้ก็มีไม่น้อย
ดอก จิก : ตำแหน่งของนักเรียนชายที่เป็นตัวอันตรายที่สุดในห้อง หากให้นิยามคำว่า “อันตราย” ในที่นี้ ก็ขอให้นึกภาพว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากผู้มีความสามารถระดับ “โพดำ” กลายเป็นคนร้ายกาจสุดขั้ว โพดำกับดอกจิกบางครั้งก็ถูกเปรียบเหมือนเทพผู้ทรงอำนาจกับมารผู้ทรงอิทธิ ฤทธ์ เป็นคู่ตรงกันข้ามด้านสว่างและด้านมืดของห้อง ส่วนใหญ่ดอกจิกชอบทำตัวลึกลับเพราะชีวิตในวัยเรียนข้องเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด สุรานารี หรือไม่ก็สิ่งผิดกฎหมาย มีเพื่อนในห้องเรียนน้อย สันโดษ ไม่ค่อยปรากฏตัวเพราะขาดเรียนบ่อย เรื่องชกต่อยอาจมีบ้างแต่ยังถือเป็นรองข้าวหลามตัด ผู้ที่ได้รับตำแหน่งดอกจิกอาจถือได้ว่าเป็นการประณามจากเพื่อนมากกว่าให้ สมญานามยกย่อง และมักพบอนาคตลงท้ายไม่สวยงามเช่นเดียวกับข้าวหลามตัด
คราว นี้คุณหายข้องใจหรือยังว่าทำไมผมถึงแกะรอยพวกมันลำบากยากเข็ญเหลือเกิน คนที่มีวิถีคิดแบบนั้นคงจะมานั่งเล่นเฟซบุ๊คอัพรูปภาพชีวิตสดใสวัยเฟรชชี่ใน รั้วมหาวิทยาลัยหรอกนะ โดยเฉพาะข้าวหลามตัดและดอกจิกแน่ นอนอย่างยิ่ง พวกมันทั้งสี่ติดค้างหนี้ก้อนโตกับผมไว้ เนื่องจากพวกมันเป็นถึงจตุรเทพ เป็นกลุ่มคนที่ไม่ธรรมดา ย่อมทำเจ็บแสบกับผมหนักมือกว่าคนทั่วไป คนหนึ่งสักรูปโนบิตะบนท้องแขนผม คนหนึ่งบันทึกภาพขณะผมถูกทารุณและแพร่กระจายส่งต่อไปอีกหลายมือ คนหนึ่งทำให้ผมตัดสินใจกระโดดตึก
.
.
.
และอีกคนหนึ่งคือความหลังฝังใจที่ทำให้ผมเป็นเกย์จนถึงทุกวันนี้
ภาพจากโทรทัศน์ที่ฉาย อยู่ตรงหน้าผมคือสาวสวยใสวัยนักศึกษากำลังดำเนินรายการเพลงและตอบคำถามจาก ผู้ชมทางบ้าน วีรวุฒิให้ข้อมูลว่าเธอผู้นี้คือ “ไอช่า” ดาราศิลปินและวีเจยอดนิยม หรือชื่อเก่าคือน้ำหวาน เจนสุดา โพแดงแห่งรุ่น 40 ไม่น่าเชื่อว่าจตุรเทพคนแรกที่ผมเข้าถึงเบาะแสเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขา สาเหตุที่ผมมืดแปดด้านไม่ทราบว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน เป็นเพราะไม่ชอบดูโทรทัศน์และเสพย์สื่อบันเทิงเท่านั้นเอง แต่ต่อให้ผมเห็นเธอผ่าน ๆ ก็คงจำไม่ได้ เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งที่สมัยเรียนเธอก็เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว ไม่คิดว่าวันเวลาที่ผ่านไปจะทำให้เธอสวยขึ้นทวีคูณราวกับนางฟ้า ผิวพรรณนวลเนียน ฟันขาวแวววับ ผมดำขลับ รูปร่างอรชร แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าในอดีตสาวน้อยช่างเจรจาพาทีผู้นี้เคยทำเรื่องชั่ว ช้าสามานย์แค่ไหนกับเพื่อนร่วมชั้น…
คง ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะคิดบัญชีกับสี่คนนี้ การตามล่าพวกมันคงต้องวางแผนอย่างรัดกุมและระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้แต่ไอช่าซึ่งหันหลังให้กับวงการนักเลงแล้วยังกลายเป็นดาราทำให้เข้าถึง ตัวยาก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าคนอื่น ๆ จะมีหน้าด่านแน่นหนามากกว่านี้หรือเปล่า ยังดีที่ธรรมชาติของจตุรเทพมีความเป็นปัจเจกสูง พวกมันคงไม่รวมตัวกันหรือเลือกเรียนอยู่ที่เดียวกันง่าย ๆ ผมประเมินไว้ได้เลยว่า หากมีคนใดคนหนึ่งรู้ว่าผมกำลังตามล่าเพื่อนร่วมรุ่นแล้วติดต่อร่วมมือกับอีก คนเป็นอย่างน้อย ก็มีโอกาสที่พวกมันจะพลิกเกมจนผมอาจเป็นฝ่ายถูกตามล่าเสียเองได้
เสียง แมลงหรีดหริ่งยามค่ำคืนคลอด้วยเสียงไหลรินของน้ำตกจำลองบริเวณสวนหลังบ้าน ช่างไพเราะจับใจ ช่วยกล่อมเกลาให้ผมมีสมาธิอยู่ในห้องทำงานได้นานครึ่งค่อนวัน
และในที่สุดผมก็สามารถสังเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างในมือให้ออกมาเป็นเข็มทิศแห่งการล่า!
ม.3/3รุ่น 40 มีนักเรียนทั้งสิ้น 36 คน จำแนกผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมตัวผมเข้าไปด้วยเป็น 3 คน นอกนั้นคือลูกหนี้ทั้ง 33 คน แบ่งเป็นกลุ่มคนที่ผมชำระความแล้วจนถึงรายล่าสุดคือวีรวุฒิ 21 คน คงเหลือคนที่ผมต้องตามล่าอีก 12คน หรือถ้าจะให้แบ่งย่อยลงไปอีก คือกลุ่มธรรมดา 8 คนและจตุรเทพทั้งสี่
.
.
.
เหลืออีกคนอีกโหลที่ผมต้องจัดการพิพากษาลงทัณฑ์ และเจ้า “คู่เจรจา” ก็นับเป็นหนึ่งในนั้น ที่สำคัญ ผมคงจะต้องรีบเก็บหมอนี่ก่อนที่มันจะส่งข่าวให้คนอื่น ๆ รู้เรื่องของผม
สามวันให้หลัง…....ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วที่นับตั้งแต่ผมทอดตัวบนม้านั่งหน้าบาร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งแถบชานเมืองดูเหมือนกลุ่มแมลงกลางคืนที่บินฉวัดเฉวียนไปมารอบโคมไฟหน้าร้านจะเป็นที่ดึงดูดสายตาผมเพียงจุดเดียวในเวลาน่าเบื่อเช่นนี้
ชุมชน พาณิชย์ละแวกนี้ค่อนข้างเงียบเหงาเมื่อเทียบกับในตัวเมือง ราวสองทุ่มต่างก็ปิดร้านเกือบหมด เหลือเพียงร้านนั่งดื่มและร้านสะดวกซื้อนิดหน่อยที่ยังเปิดไฟส่องแสงห่างกัน หลายระยะช่วงตัว แทนสัญลักษณ์ว่ายังพร้อมให้บริการ
เสาไฟฟ้าบางต้นกระ พริบติด ๆ ดับ ๆ เสียงแมวจรร้องหง่าวหาคู่ดังแว่วมาจากมุมมืด บรรยากาศซังกะตายเหล่านี้ทำเอาผมอยากจะนั่งหลับสักงีบเสียจริง ถ้าไม่ติดห่วงทรัพย์สินก้อนโตที่พกติดตัวมาด้วยล่ะก็
ระหว่าง ที่ลอยชายมองอะไรเรื่อยเปื่อย ผมก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามีคนทิ้งตัวลงนั่งจนชิดกับผม ทั้งที่ผมตำแหน่งของผมอยู่กลางม้านั่ง อะไรจะกล้าขนาดนี้
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหายจากความฉงน เขาก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน
“แย่ จริง ผมปล่อยให้ผู้บริหารระดับสุพรีมแพลตทินั่มรอนานไปหน่อย ขอโทษที่ให้คอยนะคุณเตอร์” ชายวัยรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยทักผม เขาสวมเสื้อคลุมดำกางเกงยีนส์ อำพรางใบหน้าด้วยแว่นกรองแสงสีชา
“อยากให้เรียกว่าเตอร์หรือเต๋อ?”
“อะไรก็ได้ที่เรียกแล้วนายไม่กระดากปาก”
“ฮะ ๆ ๆ เดี๋ยวนี้รู้จักยอกย้อนซะด้วยนะ” เขาหัวเราะร่า “เอางี้ดีกว่า ให้เกียรติเรียกคุณเตอร์แล้วกัน เผื่อว่าไม่อยากให้พูดถึงวันเก่า ๆ” ไม่ต้องให้ผมอ่านใจก็รู้ว่าเจ้านี่กำลังเสแสร้งแกล้งทำ
“ได้รับจดหมายแล้วสินะถึงมานี่ได้” เขาเปิดประเด็นฉับพลันจนผมแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ดีเหมือนกัน ทางนี้เองก็อยากรีบสะสางให้จบ ๆ
“ไปคุยกันในร้านดีกว่า” ผมผายมืออย่างเชื้อเชิญ อีกฝ่ายพยักหน้ารับและลุกขึ้นพร้อมกัน
“สองคนครับ” เขาชูสองนิ้วสื่อกับพนักงานต้อนรับสาว เธอเปิดประตูพร้อมส่งยิ้มให้เราทั้งสองอย่างเป็นมิตร
“ทำ ให้มันดูเป็นธรรมชาติหน่อยนะ ไม่ต้องเกร็ง ผมไม่ฆ่าแกงคุณเตอร์หรอก” เขาแสร้งโอบไหล่กอดคอผม ภาพที่เห็นไม่ต่างอะไรกับเพื่อนชายคู่ซี้ตระเวนนั่งก๊งเหล้าที่เห็นกันดาษ ดื่น ผมทำเป็นเล่นละครตามใจเขา ถ้าอยากให้ดูสนิทชิดเชื้อกันก็ย่อมได้
.
.
ด้วย จังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่ปรายตามองหาทำเลดี ๆ สักโต๊ะ ผมใช้โอกาสนั้นเหลียวหลังไปยังสาวต้อนรับหน้าประตู สบตากับเธอเพื่อส่งสัญญาณลับ
.
.
.
เธอจัดแจงปิดไฟหน้าร้านทุกดวง ลงสลักล็อคประตูทางเข้าออก..และคล้องป้าย “Closed”
โต๊ะที่เรานั่งอยู่ บริเวณด้านในสุด เป็นมุมอับที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน ส่วนโต๊ะที่ไม่ห่างจากบาร์เครื่องดื่มมากนักถือเป็นทำเลทองของลูกค้าส่วน ใหญ่บางโต๊ะอดจ้องมองด้วยความสงสัยไม่ได้ว่าเราเลือกนั่งในจุดร้างผู้คนทำไม ในเมื่อยังเหลือที่นั่งทำเลดี ๆ อีกพอสมควร
บัดนี้คู่เจรจาที่อยู่ตรงหน้าผมถอดแว่นและหมวกเพื่อเปิดเผยตัวแล้ว
“แจ็ค” ผมทำเป็นทวนชื่อเขาไปอย่างนั้นเอง
“ดีที่ยังจำกันได้” เขารินเบียร์ส่งให้ผม
“ไม่ล่ะขอบคุณ เข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“จะเอาอย่างนั้นรึ...ได้สิ” เขายักไหล่พลางควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหน้าตาเฉย
“ไหน? เงิน?” ไม่น่าเชื่อว่าแจ็คจะกล้าแบมือขอเงินกันดื้อ ๆ ให้ตายเถอะคนอะไรหน้าหนากว่ายางรถยนต์
ผมแง้มกระเป๋าถือให้เขาดูโดยเว้นระยะไม่ให้เอื้อมมือถึง เมื่อเขาเห็นจนพอใจแล้วก็เป็นฝ่ายชูซองสีน้ำตาลขึ้นมาบ้าง
“ผมมีรูปทั้งหมดห้าใบ อยู่ในซองนี้สามใบ อีกสองใบจะให้คุณเตอร์ต่อเมื่อตรวจนับเงินครบแล้ว” เขายิ้มกรุ้มกริ่มแสดงท่าทางเป็นผู้คุมเกม
“ไม่ ใช่ฟิล์มหรอกรึ” ผมแปลกใจเล็กน้อย การแบล็คเมล์เรียกร้องเงินจำนวนขนาดนี้มันควรจะแลกด้วยฟิล์มต้นฉบับไม่ใช่ หรือ แบบนี้ใครจะการันตีได้ว่าวันดีคืนดีจะไม่มีรูปพวกนี้ส่งมาขู่กรรโชกถึงบ้าน ผมอีก
“ผม ไม่ได้เป็นคนเก็บฟิล์มนี่หว่า มีอยู่แค่นี้แหละ อย่าเรื่องมากเลยน่าคุณเตอร์” ไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงกับคนประเภทนี้นอกจากส่ายหน้าอย่างเอือมระอา มีปัญญาแบล็คแมล์คนได้แค่นี้? ชักรู้สึกเหมือนเอาพิมเสนแลกเกลือขึ้นไปทุกที ๆ
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ” เขาถามเสียงแข็ง แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง
“ถามหน่อยได้ไหม มีความจำเป็นอะไรต้องใช้เงินขนาดนี้ ถึงกับต้องขู่กรรโชกผม”
แจ็คทำเป็นหันไปเขี่ยบุหรี่เพื่อหลบสายตาผม
“โต๊ะบอลอีกแล้วสินะแจ็ค” เชื่อขนมกินได้เลยว่ายังไงก็เรื่องนี้ ไม่ต้องอ่านใจผมก็เดาถูก
“เออ! แล้วมึงจะทำไมไอ้เต๋อ! เสือกแล้วจะได้อะไรขึ้นมา” แล้วกัน ไหนเมื่อกี้บอกจะให้เกียรติเรียกคุณเตอร์ อยู่ดี ๆ ก็มึงมาพาโวย ชักรู้สึกเสียเวลากับเจ้านี่มากขึ้นทุกที คงพอได้แล้วละ ผมจะเดินเกมรุกบ้าง
“สมัย เรียนผมได้เงินมาโรงเรียนวันละไม่กี่บาท นายก็ยังรีดไถผมเอาเงินไปเล่นพนันกับเพื่อน ถึงเวลานี้ผมอุตส่าห์สร้างเนื้อสร้างตัวจนลืมตาอ้าปากได้แล้ว นายยังจะตามรังควาญผมอีกเหรอแจ็ค ไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะทำแบบนี้ได้ลงคอ” ผมปั้นหน้าเศร้าเพื่อทดสอบปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“ไม่ ต้องสำออยไอ้เต๋อ สัจธรรมง่าย ๆ ปลาใหญ่กินปลาเล็กไม่เคยได้ยินรึไงวะ โชคร้ายที่มึงเกิดมามีดวงต้องรองมือรองตีนคนอื่นเอง ไปโทษเวรโทษกรรมเอาเถอะ”
“.............” ไม่มีอาการตอบสนองใด ๆ จากผม
“ใช่! กูติดหนี้ โต๊ะบอลตามทวงอยู่ กูต้องใช้เงิน”
“............” ผมนิ่งเงียบ ยังคงเฝ้ารอจังหวะเหมาะสม
“คนเราพอจนตรอก เหี้ยแค่ไหนก็ต้องทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น!” พูดจบแจ็คก็กระดกเบียร์หมดแก้วราวกับสรุปจบสุนทรพจน์
“น่า เห็นใจนะแจ็ค แต่นายทำตัวเองทั้งนั้น ใครบังคับให้นายเล่นการพนัน แล้วทำไมผมต้องรับผิดชอบกับปัญหาที่นายก่อขึ้นด้วย ที่ไถไปสมัยเด็กนั่นก็หลายตังค์อยู่นะ นายเองก็ทำแอนนาเบลล์อยู่นี่นา ทำไม่ไม่ตั้งใจเอาดีให้มันรุ่งอย่างผมไปเลยล่ะ” ผมเริ่มเปลี่ยนอิริยาบถที่สื่อถึงความเป็นต่อ เหยียดตัวตามสบายโดยไม่แคร์บุคลิกที่ถูกตามมารยาท เท้าแขนบนขอบพนักเก้าอี้โซฟา กระหยิ่มยิ้มจ้องตาคู่สนทนา ดูเหมือนว่าแจ็คเองก็แปลกใจต่อท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไป
“ไม่ ต้องทำปากเก่ง! หน้าอย่างมึงจะไปสั่งสอนใครได้!” เขาโน้มตัวมาทางผมและใช้ศอกเท้าโต๊ะ เป็นท่าทีที่สื่อว่าต้องการกดดันผมทางอ้อม บรรยากาศคุกรุ่นได้ที่ คงได้ฤกษ์ที่ผมจะตัดริบบิ้นเปิดเกมเสียที....“รู้ตัวไหมแจ็ค ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในร้าน นายก็ติดกับที่ผมวางไว้แล้ว”....

nuangnut1996 โพสต์ 2021-9-11 03:53:00

สนุกมากครับ

lekthai โพสต์ 2021-9-11 14:26:42

ขอบคุณ

cop โพสต์ 2021-9-11 18:26:13

ขอบคุณครับ

mewwell159 โพสต์ 2021-9-11 21:58:31

ติดตามต่อครับ

phitchapat2 โพสต์ 2021-9-13 21:29:29

ขอบคุณครับ

demon_katana โพสต์ 2021-9-14 07:43:11

ขอบคุณ​ครับ​

franklovefluk โพสต์ 2021-9-16 23:42:06

ขอบคุณครับ

ShangHai โพสต์ 2021-9-28 18:04:24

ขอบคุณครับ {:5_135:}

Keyin โพสต์ 2021-10-11 17:09:22

ขอบคุณ​ครับ​

Dekzaazaa โพสต์ 2021-10-11 17:51:42

ติดตามนะครับ

atatar45 โพสต์ 2021-10-18 05:21:25

ขอบคุณครับ

calo โพสต์ 2022-2-5 04:33:38

ขอบคุนครับ

tazman โพสต์ 2022-2-5 06:26:56

รอตอนต่อไป กำลังสนุกเลยครับ

tcldogs โพสต์ 2022-2-19 19:58:53


ขอบคุณครับ

slavebottomgay โพสต์ 2022-3-1 21:32:47

ขอบคุนครับ

slavemebdsm โพสต์ 2023-3-21 23:33:25

ขอบคุณครับ

terabesia โพสต์ 2023-10-20 06:31:32

ขอบคุณครับ

jatuAAA โพสต์ 2023-10-26 00:37:08

ขอบคุณครับ

anuponm โพสต์ 2023-12-9 16:04:30


ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 6 ไพ่แห่งชนวนแค้น CP