ไฟรักริษยา EP 3 อาหารกลางวันมื้อแรก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nuttsoy เมื่อ 2021-10-23 21:05ตอนที่ 3 อาหารกลางวันมื้อแรก
ผมเดินออกจากห้องพร้อมพี่ไผ่ เจอพี่อธิชาติกับคุณลุงเดินมาพอดี
"อ้าว ฉันว่าจะให้คนไปตามแกพอดี" ผู้เป็นลุงพูด
"ครับ งั้น ไปกันเลยครับคุณลุง" ผมยิ้มให้คุณลุง ผู้เป็นลุงเดินออกนำผมออกไป มาดคุณลุงเดินล้วงกระเป๋าเท่เชียวครับ ปล่อยให้ผม เดินคู่กับพี่อธิชาติสองคน ผ่านหน้าห้องคุณพ่อ คุณแม่ซึ่งทุกคนออกมารอกันแล้ว มีกันพร้อมหน้า คนในครอบครัวผม ทั้งพี่พลอย พี่เชอรี่ มีคนนอกคือ พี่อธิชาติ และก็พี่ภัสเลขาคุณลุง
ผมไม่เข้าใจ เวลาที่คุณลุงไปไหน จะต้องพาพี่เลขานี่ไปด้วยทั้งๆที่ไม่ใช่คนในครอบครัว เราทุกคน ออกไปโซนนอกซึ่งเป็นส่วนของพนักงาน ภาพที่เห็นก็เหมือนเดิมแหละครับ ทุกคนยกมือไหว้ เราทำได้เพียงแต่ยิ้ม และบอกว่าสวัสดี พี่อธิชาติยิ้มเก่ง เป็นที่ชื่นชอบของพนักงาน ไม่เหมือนคุณลุงที่มีแต่มาด และก็มาด จนบางที ผมไม่รู้จะยึดแบบใครดีได้แต่เดินเกร็งเป็นหินอยู่คนเดียว ยิ้มเฝื่อน ๆ
พอเดินลงมาจากลิฟท์ ทุกอย่างจัดฟอร์มอย่างกะตอนเช้าเป๊ะยิ่งกว่าวุฒิศักดิ์เป๊ะ ทุกคนรู้หน้าที่ ว่าควรยืนตำแหน่งไหน ยังไง ผมละกลุ้ม อะไรจะขนาดนั้น เมื่อไปถึงร้านหรู เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน บริกรลากเก้าอี้ให้เรา และดูเคารพนพนอบมากยิ่งกว่าญาติผู้ใหญ่ เงินนี่นะ มันทำให้คนดูมีค่าขึ้นจริง ๆ ผมก็นั่งสั่งอาหาร สั่งตาม ๆ กันไป ก็ต่างคนต่างสั่งแต่มากินด้วยกัน
"เอาพิซซ่า original ขอดีที่สุด" ลุงผมสั่ง
"ขนมปังกระเทียมสองชุด" พี่อธิชาติสั่ง
"ลาซานญ่า ขอแบบดีที่สุดของร้าน" พี่พลอยสั่ง
"ผักโขมอบชีส ถ้าโรยทองมาด้วยก็ดี" พี่เชอรรี่สั่ง ผมงง นี่ไม่ใช่นิสัยของพี่รี
"เฟสตูชินี่ครีมซอสเห็ด อืม " พี่เลขาภัสสั่ง ทำท่าครุ่นคิด
" เอาพาสต้าซอสมะเขือเทศ แก้เลี่ยน" แม่ผมสั่ง
"เอาซุปมักโรนีด้วย จะได้คล่องคอ ขอ 10 ถ้วย" พ่อผมสั่ง ส่วนผมนะหรอ นั่งมองคนนั้นคนนี้ทีสั่งเพลิน พูดจารู้งานกันเอาอันโน้นอันนี้ สั่งกันมาอย่างกะเตรียมกันมาเป็นไดอาลอก ดูแป๊บเดียวและก็สั่งสั่งสั่ง สั่งมา จะกินหมดมั้ยเนี่ย ถ้าไม่หมด เสียดายแย่เลย
"อ้าว และเพชรละจ๊ะ ไม่เห็นสั่งอะไรเลย" แม่ผมบอก ผมคิดในใจ จะให้สั่งอะไรอีกหรอเนี่ย แค่นี้ก็เต็มโต๊ะแล้ว และจะหมดมั้ยเนี่ย
"ผม ผมเอาน้ำเปล่าและกัน ผมเสียดายตังค์ไม่อยากสั่งอะไร” ผมชักสับสนในใจ ว่าแม่ผมสอนให้ประหยัด แต่ไหงครอบครัวเราฟุ่มเฟือยแบบนี้ แต่คำพูดเล่นเอาลุงผมขำกลิ้ง
"ฮ้า ๆๆๆๆมุขเยอะ นะแกนี่ นี่แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษ แกสั่งเลย"
"ไม่สั่งแล้วอะครับ คุณลุง แค่นี้ก็เยอะแล้ว เปลือง" ผมพูดเบา ๆ
"งั้น เอาแค่นี้" คุณลุงหันไปทางบริกร
"ครับ ท่าน" บริกรเรียกคุณลุงผมว่าท่าน ผมคงได้ยินไม่ผิด แสดงว่าคุณลุงมาที่นี่บ่อยและแล้วอาหารที่ทุกคนสั่งก็มาถึง เต็มโต๊ะจริง ๆ ครับ ส่วนเรื่องมารยาทการกิน ไม่ต้องสอนผมมาก เพราะผมรู้อยู่แล้ว คุ้นชินกันอาหารพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลยกินอย่างไม่เคอะเขิน ผมกินก็อิ่มสิครับ อิ่มอร่อย แบบไม่ต้องใช้สมองสั่ง ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะสั่งอะไร แต่มันเป็นเพราะมันเยอะแล้วต่างหาก ผมกลัวมันเหลือ เลยเลือกกินอาหารที่เป็นน้ำ ๆพวกผักโขม ซุบ ลาซานญ่า ถ้าเหลือพิซซ่า เรายังเอากลับบ้านได้ สรุปก็เป็นไปตามคาดครับ พิซซ่าเหลือจริง ๆ เรานั่งกันซักพัก คุยเรื่องธุรกิจกันซักพักแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุยกันดังมาก คุยเรื่องความสำเร็จของบริษัทอยู่นั่นแหละ
" ไป ไปกันเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปกับพรนภัสดูงานโครงการที่คอนโดว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว" ลุงผมเอ่ยปาก ทุกคนกำลังจะลุก อ่อไม่น่าหละ คุณลุงถึงต้องภาพี่ภัสมาด้วยเพราะจะต้องไปข้างนอกนั่นเอง
" เดี๋ยว น้องครับ" ทุกคนมองพรึบมาที่ผม
"น้องช่วยเอาพิซซ่าห่อให้ผมกลับบ้านหน่อยได้มั้ย"
"ได้ครับคุณท่าน" บริกรเรียกผมว่าคุณท่าน โค้งคำนับแทบก้มกราบ แต่ลุงสิครับ ตาเขียวปัด และเดินออกไปเลย ปล่อยให้ผมงง อะไรวะ เอาของกลับบ้าน ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย ผมได้แต่เหวอมองหน้าแม่แม่ผมมองผมอย่างสงสาร เวทนา ผมได้แต่งง รอบริกรเดินมา อะไรวะ แค่นี้ โกรธ และเราทั้งหมดก็เดินกลับกัน แต่ดูทุกคนดูไม่สง่าผ่าเผยเหมือนตอนเดินเข้ามา ผมละมึนตึบนี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครพูดอะไรซักคำ ผมคิด นี่มันเกินไปแล้วนะ เรามีเงินก็จริง แต่เราควรจะเสียดายเงินดิ ไหนแม่เคยบอกแบบนี้ นี่มันไม่ใช่เลย มันไม่ใช่จริง ๆ เราเดินไปจ่ายเงิน
"ทั้งหมด 3000 บาทคะ" โห กินมื้อนี้สามพันบาท ผมคิดผมเดินขึ้นออฟฟิศ ขึ้นลิฟท์ไปอย่างเงียบ ๆ พอผ่านห้องแม่
"เพชร แม่มีเรื่องจะคุยด้วย" แม่พูดเรียบ ๆ แต่ผมรู้ดีว่า ถ้าแม่พูดเรียบ ๆ แบบนี้เมื่อไหร่ เข้าไป ต้องเจอเทศยาวแน่ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องห่อพิซซ่ากลับบ้าน
"เพชร ทีหลังถ้าไม่มีใครขอเอาอาหารกลับบ้าน เพชรไม่ต้องเอากลับนะ" ผมยิ่งงงหนัก เมื่อสิ่งที่ผมคิดว่ามันไม่น่าใช่กลับเป็นจริง ว่าเรื่องเอาพิซซ่าห่อกลับบ้านเนี่ยนะ อะไรวะ แค่นี้ต้องโกรธ
"อ้าว ก็ไหนแม่บอกงัย เราต้องประหยัด ต้องไม่กินทิ้งขว้าง และนี่อะไร สั่งมา 6-7 อย่าง และเหลือก็ทิ้งงั้นหรอ" ผมเถียงเพื่อความถูกต้อง
"นี่อย่าย้อนแม่นะ" แม่ผมโกรธจัด ผมชักสีหน้าใส่ เมื่อก่อนแม่ผมไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย กลับมาจากอเมริกาคราวนี้ ทำไมแม่เปลี่ยนไปนัก
"นี่เพชร อย่าชักสีหน้าใส่แม่นะ ที่เราทำ เรามีเหตุผล" ผมยิ่งหงุดหงิด มันจะมีเหตุผลอะไรนอกจากเบ่งว่าตัวเองรวย ผมไม่คิดเลย จากแม่ผมที่เป็นคนประหยัด ใช้เงินเป็น ทำไมเปลี่ยนเป็นคนแบบนี้
"เหตุผล" ผมพูดไปขำไป ผมหันออกไปทางหน้าต่างกระจกและหันกลับมา
"เหตุผลอวดรวยนะหรอครับแม่"
"เพชร ลูกไม่รู้เรื่องและอย่าพูดดีกว่า แม่ขอ" แม่ผมโกรธจัด ขึ้นเสียงใส่ผมยิ่งทำให้ผมงง มันจะอะไรกันนักกันหนาแค่เอาพิซซ่ากลับบ้าน
"ไหนแม่ลองบอกเพชรมาสิ มันจะมีเหตุผลอะไรนักหนานอกจากอวดรวย"
"ฟังแม่ให้ดีนะเพชร โต๊ะข้าง ๆ ที่นั่งกลุ่มใหญ่ เค้าเป็นคู่แข่งเรา และบริษัทนี้ ชอบข่มเราตลอด ไม่เคยเห็นใจเราเลย หนำซ้ำยังป้ายสีเรา เมื่อก่อน มันเคยดูถูกเรา ว่าลำพังบริษัทกระจอกกระจอกอย่างเราเนี่ย ไม่มีปัญญาจะกินร้านอาหารแพง ๆ อย่างนี้ได้หรอก" แม่ผมเอามือจับที่หน้าอก ทั้งเสียใจทั้งแค้น ผมได้แต่อึ้ง งั้นแสดงว่าที่เราทำไปคือเท่ากับเราตบหน้าคุณลุงอย่างแรง
"เป็นไงเพชร อึ้ง และเพชรกลับขอเอาพิซซ่ากลับบ้าน เพชรไม่สังเกตหรอ ว่าเมนูที่พวกพี่ ๆ เค้าสั่งนะ มันดูโอเวอร์นะ" แม่ผมพูดเสร็จและมองหน้าผมตาไม่กระพริบ ตอนนี้แววตาผมที่แข็งกระด้างกลับอ่อนโยนเพราะรู้สึกผิดแทน
"แม่ เพชร....เออคือ ผม…"
"ผมไม่รู้อะแม่ ผมขอโทษ"น้ำตาผมไหลออกมาเองในห้องแอร์ที่เย็นเฉียบ ผมทำให้ทุกคนต้องอับอายขายหน้า ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี
"เอาหละเพชร ครั้งนี้ก็ถือเป็นบทเรียน และที่หลัง คิดจะทำอะไร กระซิบบอกแม่นิดนึง ไม่ใช่วู่วามทำไปโดยไม่ยั้งคิด" ผมยังยืนร้องไห้อยู่ หน้าผมมันชาไปหมดทั้งที่ไม่มีใครมาตบ
"เช็ดน้ำตาซะ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม่ ต้องไม่เป็นคนอ่อนแอ" ผมรีบเอาผ้าเช็ดขึ้นมาเช็ดน้ำตา ผมเดินไปเปิดประตูกำลังจะออกไป
"บทเรียนบทนี้สำคัญนะเพชร จำใส่ใจไว้ให้ดี แม่เป็นกำลังใจให้" ผมหันมาฟัง และปิดประตูออกไป ตายังคงแดงก่ำ แต่ต้องกลบว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินเข้าไปในห้องตัวเอง ลากเก้าอี้มานั่ง ทรุดตัวลง นี่ขนาดแค่วันแรกนะเนี่ย เจอศึกหนักขนาดนี้ และต่อไป จะเจอกับอะไรอีกเนี่ยเพชรเอ้ย
……………………………………………………………………………………………………………………….............................………………………………
ตอนที่ 4 คืนแรกของวันทำงาน
สนุกมากครับ น่าติดตามครับ
แต่แปลกไปนิดกับการอวดรวยข่ม บริษัทคู่แข่ง
ของเหลือเก็บกลับน่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ ภาพประกอบเยอะไปนิดนะครับ ละครช่องสามก็มา ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ มา 10 คน ราคานั่นไม่แพงหรอกครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ นึกว่าการเงินบริษัทจะแย่ซะอีก ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]