aanwnsw โพสต์ 2021-9-16 21:35:38

แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 15 รู้เขารู้เรา CP

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย aanwnsw เมื่อ 2021-9-16 21:38

..ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะกล้ารุกรานพื้นที่ส่วนตัวของผมถึงขนาดมาเคาะประตูบ้าน“ใครกันนะ แต่งตัวเปรี้ยวจัง” ผมได้ยินเสียงความคิดของแม่บ้านบัวซึ่งกำลังแอบมองมีนด้วยความอยากรู้อยากเห็นยัยน้าคนนี้ขี้นินทาเสียด้วย ปล่อยไว้นานกว่านี้เห็นจะไม่ได้การผมตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับอย่างเสียมิได้ไม่ใช่เพราะกลัวพลังพิเศษของมีน มันเทียบไม่ได้เลยกับพลังเม้าธ์แตกแปดทิศของน้าบัวขืนปล่อยให้ยัยเจ๊มีนยืนป่าวร้องอยู่หน้าบ้านนานกว่านี้ยิ่งมีแต่จะทำให้ถูกแม่บ้านจอมสอดตีความไปต่าง ๆ นานาเป็นต้นว่าผมอาจถูกสินเชื่อเงินผ่อนตามทวงถึงที่หรือมีผู้หญิงเสียตัวให้ผมแล้วมาทวงถามความรับผิดชอบ“สวัสดีครับ เชิญเข้ามาก่อนสิครับ”มีนรับไหว้มือแข็งเธอนิยมแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเสริมบุคลิกกระฉับกระเฉงคล้ายหญิงสาวสมัยใหม่ที่ทำงานวงการโฆษณาทันทีที่ปิดประตูความเงียบอึมครึมก็แผ่ซ่านเข้าปกคลุมบรรยากาศทั่วบ้านทั้งผมและเธอต่างรู้ดีว่าต่างฝ่าย“ไม่ใช่ธรรมดา” ผมไม่รู้ว่าเธอทำอะไรได้ ส่วนถึงเธอจะรู้ว่าผมทำอะไรได้บ้างแต่ก็คงตระหนักว่าความสามารถของผมไม่ใช่กระจอกซึ่งหากใครผลีผลามเปิดเกมขึ้นมาก่อนอาจเสียท่ากลายเป็นช่องโหว่ให้อีกฝ่ายโต้กลับได้“รับชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ดีครับ” ผมยิ้มและเชิญเธอให้นั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลไหม้“ขอบใจ แต่ไม่ต้องลำบากหรอก พี่ไม่ได้มาเพราะอยากนั่งจิบน้ำชากับเธอหรอกนะ” เธอคลี่ม้วนหนังสือพิมพ์กางออกวางบนโต๊ะให้เห็นหน้าหนึ่งชัดๆ“เธอทำกับคนดี ๆ อย่างคุณดาได้ยังไง”“ยังไงเหรอครับ? ก็ทำเหมือนเหยื่อทุกรายที่ผ่านมาส่งกระแสจิตเข้ายึดความคิด แล้วสั่งการผ่านโทรจิต ไม่มีเคล็บลับแปลกใหม่เลยครับ”“อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่นะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง” มีนเอ็ด“แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้จักโลกรู้จักสันดานคนมากกว่าพี่มีนแน่นอนครับ” ผมต่อล้อต่อเถียง พร้อมเคาะขมับด้วยนิ้วชี้เบา ๆเป็นนัยว่าอำนาจโทรจิตเท่านั้นคือคำตอบของสัจจะทุกอย่างในโลกของผม“ส.ส. ดารินทร์เป็นแม่ของอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งเธอมีอำนาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งผมและแม่ให้อยู่ในโรงเรียนไม่เป็นสุขทั้งสองมีความผิดที่ร่วมกันชดใช้ ลูกสาวเธอลามปามแม่ผมและทำให้อับอายผมจึงจัดการให้แม่เธอทำอุจาดเธอจะได้รับรู้รสชาติของความอับอายที่แม่บังเกิดเกล้าถูกสังคมสาปแช่งป่านนี้อาจจะหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้วก็ได้นะครับ” ผมอธิบาย“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่แก้แค้นลูกสาวเธอคนเดียว” มีนถาม“แม่เธอก็มีหนี้ค้างกับผมอยู่แล้วครับดารินทร์กดดันไม่ให้แม่ผมขายของในโรงเรียนผมจึงตอบแทนโดยการตัดอนาคตด้านหน้าที่การงานของเธอ ส่วนคำพิพากษาลูกสาวเธอที่ผมเห็นควรที่สุดก็คือการทำให้อายที่มีแม่เป็นผู้หญิงคลั่งกามเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่เสียงซุบซิบว่า “คนนี้ไงลูก สส.ดารินทร์ที่โรคจิต ๆ น่ะ” สมเหตุสมผลดีออก ฮะ ๆ”“แต่พี่ว่าเธอต่างหากที่โรคจิตยิ่งกว่า” มีน“การฆ่าคนมีสองประเภท. . .” ผมไม่สนใจและพูดต่อในสิ่งที่ผมอยากจะพูด“ประเภทแรกคือการฆ่าให้สิ้นชีวิตแม้ตัวบุคคลตายไปก็อาจจะมีคนติฉินนินทาผู้ตาย แต่ไม่นานกาลเวลาจะชะล้างให้ผู้คนลืมเลือนเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ตายไปเองผมว่าธนิกเป็นเพชฌฆาตที่ถนัดงานประหารแนวนี้ . . .”“และอีกประเภทหนึ่งคือการฆ่าทั้งเป็น ฆ่าให้ตัวตนทางสังคมถูกทำลาย.. . แล้วปล่อยให้บุคคลใช้ชีวิตโดยแบกรับคำตีตราอยู่ตลอดชั่วลมหายใจต้องเร้นกายหลบซ่อนคำถามคำให้ร้ายจากผู้คน ที่สำคัญสังคมไทยมีวัฒนธรรมเสพติดการลงโทษ พี่คงเคยเห็นสังคมก่นประณามคนเรียนหนังสือไม่จบคนท้องก่อนแต่ง คนติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่มองว่ามนุษย์ล้วนมีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้นเงื่อนไขและจังหวะในชีวิตคนเราต่างกันแต่วัฒนธรรมเสพติดการลงโทษทำให้เรามักเลือกตัดสินคนในแง่ลบไม่หยิบยื่นโอกาสให้แก้ตัว กลับซ้ำเติม ถากถางด้วยการแสดงทั้งระดับกาย วาจาความคิด เอกลักษณ์แบบไทย ๆ ประการนี้ทำให้ผมชอบและสนุกกับการประหารคนด้วยวิธีนี้มากกว่าครับ” ผมยกน้ำขึ้นจิบหลังกล่าวจบมีนปั้นหน้าประดุจเห็นอสูรกายนั่งอยู่เบื้องหน้าเธอแทบไม่เชื่อว่านี่คือความคิดของเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆแม้การเรียบเรียงความคิดถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดจะเฉียบแหลม แต่ฐานคติกลับแฝงได้ด้วยความมืดมนความน่ากลัว และอันตรายจนไม่อยากเข้าใกล้“นี่เธอ. . .เห็นชีวิตคนทั้งคนเป็นอะไรกัน” มีนกลืนน้ำลาย“ในยุคโพสท์โมเดิร์นไม่มีคำตอบใดเป็นสัจจะตายตัวขึ้นอยู่กับมุมมองและการตีความ ในกรณีนี้ผมขอตอบว่าผมเห็นค่าของชีวิตใครคนหนึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองเดียวกับที่เขาคิดกับผมนั่นแหละครับพูดให้ง่าย ๆ ก็คือใครดีมาผมดีด้วย ใครร้ายมาผมร้ายกลับก็เท่านั้นเองครับ”“. . .แน่นอน รวมถึงผู้มีพลังพิเศษด้วยอย่านึกว่าเป็นพวกเดียวกันด้วยเหตุผลทางชีวะแล้วผมจะยอมสวามิภักดิ์ถ้าใครขวางทางปืนล่ะก็. . .ผมรับรองว่าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน อยู่ดีไม่ว่าดีดันสร้างศัตรูเป็นผู้มีพลังโทรจิต” ไหน ๆ เธอก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้วถือโอกาสบอกความในใจไปเลยแล้วกัน“ถ้าเธอหมายถึงพวกเราล่ะก็ พี่ก็อยากเป็นฝ่ายพูดบ้าง”ผมนิ่งเงียบ“พี่ชื่นชม ส.ส. ดารินทร์มาก แต่หากเธอยืนยันว่ามีความแค้นเป็นการส่วนตัวไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้ง พี่ก็จะพยายามเข้าใจเพราะถ้าพี่ถูกกระทำอย่างเธอมาก่อนแล้วมีอำนาจที่จะแก้แค้นอย่างง่ายดายพี่ก็อาจจะทำเช่นเธอ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราจะจบกันแค่นี้และพี่จะไม่พูดถึงให้ขุ่นข้องใจกันอีก”มีนพับหนังสือพิมพ์เก็บลงกระเป๋าสะพาย.. .“ทีนี้พี่อยากให้เธอปรับทัศนคติใหม่เกี่ยวกับพวกเราบ้างพวกเราไม่ได้มีเจตนาคุกคามชีวิตเธอเลยนะ” น้ำเสียงและท่าทีของมีนเปลี่ยนไปโดยทันใด“นี่เหรอครับที่เรียกว่าไม่คุกคาม? คนหนึ่งเกือบทำผมถึงตาย ส่วนพี่มีนเองก็บุกเข้ามาถึงบ้านผม”“ช่วงที่นิกตามสืบว่าเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษเขาเคยแกะรอยมาถึงบ้านเธอและตอนนั้นพี่ก็อยู่กับเขาด้วยเลยจำทางบ้านเธอได้พี่ขอโทษที่วู่ว่ามไป อย่านึกถึงแต่เรื่องไม่ดีสิ ทีเรื่องของณัฐล่ะเขาเพ่งนิมิตดูอนาคตที่เธอประสบอุบัติเหตุเป็นชั่วโมงเลยนะกว่าจะทราบตำแหน่งและวันเวลาได้แม่นยำขนาดนั้น”“ผมไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครฝากบอกณัฐด้วยว่าถ้าอยากให้ผมสะกดจิตใครเพื่อเป็นประโยชน์กับเขาก็บอกมาผมยินดีจัดการให้ตามคำขอสามครั้ง แค่นี้คงแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ”“ณัฐมีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เธอไม่ต้องห่วงเขาหรอก” มีนกระแอมอมยิ้มเหมือนเห็นผมเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา“ราคาทองคำ ตลาดหุ้น ลอตเตอรี่การซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไรเกือบทุกชนิด เด็กคนนี้อ่านออกหมดจด” มีนพูดจบลงแค่นั้นเธอคงคิดว่าบอกสรรพคุณไปแค่นี้ผมน่าจะคิดต่อเองได้ผมหันเหความสนใจจนถึงกับสะอึกเล็กน้อยการใช้พลังโทรจิตของผมใช้สร้างฐานะก็นับว่าเหลือเชื่อแล้วไม่คิดว่าจะมีผู้มีพลังรูปแบบอื่น ๆสามารถใช้อำนาจพิเศษยกระดับความเป็นอยู่เหนือชั้นกว่าผมได้อย่างง่ายดาย“ตอนนี้พวกเราอยู่ได้ก็เพราะณัฐ พูดไปก็น่าอายพี่ทำฟรีแลนซ์และเรียนต่อโท ลำพังรายได้แค่นั้นไม่พอใช้หรอก ส่วนนิกก็. . . จำได้ไหมว่าเจอกันครั้งแรกเขาใส่ชุดหนุ่มออฟฟิศวันนั้นแหละที่เขาตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อสานฝันให้ตระกูลและแสดงตนกับเธอเห็นไหมว่าเขาให้ความสำคัญกับพี่น้องด้วยกันแค่ไหน”“. . . . . .” ผมหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี“เปิดใจมองคนอื่นในแง่ดีบ้างสิ” เธอย้ำจนดูเหมือนพนักงานขายจอมตื้อ“เอาอย่างนี้พี่จะไถ่โทษที่บุกมารบกวนเธอด้วยการบอกเรื่องที่เธอน่าจะอยากรู้ให้สักสองสามเรื่องก็แล้วกัน”“เรื่องแรกนะ พวกเราไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันทุกคนมีคนละพ่อคนละแม่ แต่อาจเรียกได้ว่าเป็นญาติกัน เพราะถ้าคนเป็นพ่อหรือแม่ขาดคุณสมบัติของผู้มีพลังพิเศษแล้วลูกที่เกิดมาไม่มีทางเป็นผู้มีพลังพิเศษได้หรอกดังนั้นเรามาจากต้นตระกูลเดียวกันแต่จะต้องนับญาติขึ้นไปกี่รุ่นก็สุดแล้วแต่สิ่งที่พี่อยากจะบอกจริง ๆ ก็คือ ในกรณีครอบครัวฝั่งเธอ ผู้มีพลังพิเศษคือแม่เธอนั่นเอง”“ว่ายังไงนะครับ. . .” ผมโพล่งขึ้นมาด้วยความที่เก็บอาการไม่อยู่“ชักน่าสนใจขึ้นมาใช่ไหมล่ะ” มีนอ่านสีหน้าผมได้ทะลุปุโปร่ง แน่ละผมอ่านใจเธอไม่ได้และคงต้องเป็นฝ่ายพึ่งพาข้อมูลที่เธอยอมเปิดเผย“แต่ถ้าแม่ผมเป็นผู้มีพลังพิเศษ แล้วมีความสามารถอะไรครับทำไมต้องเป็นแม่ค้าซ่อมซ่อ” ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้ผมมีท่าทีไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือมีนจริงๆ อย่างกับเด็กน้อยที่อ้อนขอให้ผู้ใหญ่เล่านิทานต่อ“เป็นคำถามที่ดี เพราะนี่คือเรื่องต่อไปที่พี่จะบอก. . .”“เรื่องที่สอง ถึงจะเรียกว่าผู้มีพลังพิเศษแต่นิยามของมันมีแต่พลังจิตประเภทต่าง ๆที่เกิดจากกระแสจิตอันแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ ดังนั้นอำนาจต่าง ๆที่พวกเราครอบครองล้วนแต่มีฐานจาก “พลังจิต” ทั้งสิ้น จะไม่มีคนยิงแสงเลเซอร์ออกจากดวงตาปล่อยไฟฟ้าช็อต หรือกางปีกบินได้ทำนองนี้หรอก เพราะฉะนั้นถ้าเป็นแค่พลังจิตละก็ความสามารถบางอย่างก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ได้ไม่มากเท่าไหร่หรืออาจไม่ค่อยมีประโยชน์ด้วยซ้ำขึ้นอยู่กับโชคชะตามากกว่าว่าเกิดมาจะได้พลังอะไรติดตัวมา และทำอะไรได้บ้าง”“ ซึ่งพลังจิตโดยทั่วไปมีสองประเภทแบบแรกคือเป็นพลังจิตสายนามธรรม คนตระกูลเรามีพลังจิตประเภทนี้เกือบทั้งหมดเรียกว่าเกินเก้าสิบเปอร์เซนต์ทีเดียวพลังสายนี้จะเกี่ยวข้องกับการรับรู้ที่เหนือมนุษย์ต่าง ๆ หรือควบคุมกลไกทางจิตแต่ไม่มีอำนาจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับกายภาพใด ๆที่ฉันเคยได้ยินมาก็เช่น ฉายภาพหลอนประสาทคน อ่านใจ ควบคุมความทรงจำ ตาทิพย์หรือแคลซ์วอยแอนซ์แต่เท่าที่ประเมินแล้วรู้สึกว่าเธอจะเป็นผู้มีโทรจิตที่มีพลังแรงกล้ากว่าคนอื่นสั่งการครอบงำคนน่าจะเป็นพลังหลัก ๆแต่นอกนั้นทำได้อย่างละนิดละหน่อยหลายอย่างเหมือนเป็ดที่ว่ายน้ำได้แต่ไม่ดีเท่าปลา เดินบนบกได้แต่ไม่ดีเท่าไก่ บินได้แต่ไม่ดีเท่านกพี่ว่าเธอลบความจำคนได้แน่ ๆ เพราะไม่เคยมีผู้เสียหายคนไหนพูดเกี่ยวกับเธอเลยรู้ไหมว่าคนก่อน ๆ เขามีกันแค่อย่างละประเภทเดียวเท่านั้นแต่ใช้งานได้เต็มรูปแบบเช่นพวกที่อ่านใจคนสามารถทำได้ระดับโยงจิตให้คนธรรมดาคุยต่อกันผ่านจิตได้เหมือนใช้มือถือประชุมสายพวกใช้ตาทิพย์เก่ง ๆ สามารถอ่านหนังสือจากห้องสมุดต่างประเทศได้ด้วยซ้ำปิดเล่มอยู่ก็อ่านได้เพราะมองมะลุไล่ทีละหน้าส่วนพวกควบคุมความจำนี่ถึงขั้นปลูกฝังความทรงจำเทียมให้คนอื่นได้ด้วย”“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ แค่อ่านใจก็เท่านั้นเองตาทิพย์ก็มีแต่เห็นได้ไม่ไกลและลึกมากนัก ส่วนความจำก็แค่ลบทิ้งปลอมแปลงใหม่ไม่ได้” ผมเสริมให้เธอทราบว่าผมกำลังให้ความสนใจเรื่องที่คุยกันอยู่“ถึงได้บอกไงว่าเหมือนเป็ดเพราะใช้พลังได้ค่อนข้างหลากหลายแต่ก็มีข้อจำกัด แต่ช่างเถอะนะแค่ควบคุมจิตใจคนได้เป็นหลักก็ถือว่าเก่งและหายากมากแล้ว” ดูเหมือนเธอจะมีกำลังใจเล่าต่อเมื่อเห็นผมสนอกสนใจ แน่ละมันล้วนแต่เป็นเรื่องที่รู้แล้วผมมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งนั้น“ ณัฐเองก็จัดอยู่ในสายเดียวกับเธอเช่นกันพลังของณัฐอาจเปรียบกับพระอริยะรูปที่มีญาณแรงกล้าสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ รวมถึงญาณวิเศษด้านอื่น ๆ ก็ช่นเดียวกันต่างกันที่ท่านเหล่านั้นมักได้ความสามารถเกิดพร้อมการบรรลุทาง “ปัญญา” ส่วนพวกเราได้มาจาก “การผ่าเหล่า” เพียงอย่างเดียวจะเอาไปใช้ผิดถูกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง”“น่าสนุกดีครับ แล้วพลังจิตอีกประเภทหนึ่งล่ะ” ผมเร้าให้เธอเล่าต่อเนื่องอย่างใจจดจ่อ“แน่นอนสิ มีพลังจิตสายนามธรรมแล้วสายอีกฝ่ายก็ต้องเป็นรูปธรรมซึ่งหายากมาก นานทีปีหนจะได้พบสายนี้รูปแบบพลังก็ตรงตามชื่อ คือสามารถแปลงพลังจิตเป็นพลังงานกายภาพจนเห็นเป็นปาฎิหารย์ได้ด้วยตาเปล่าบางคนสามารถใช้พลังงานจิตเคลื่อนไหวร่างกายแทนที่จะใช้พลังงานจากร่างกายทำให้ไวกว่าและข้ามข้อจำกัดต่าง ๆในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ห่างกันคนละชั้นเพราะใช้แค่ความคิดพาร่างเดินทางเท่านั้นพวกนี้เรียกว่าเทเลพอร์ทเทชั่น หรือไม่ก็ใช้จิตถ่ายทอดภาพความคิดลงอัดแผ่นฟิล์มภาพถ่าย หรือเผาไหม้กระดาษเป็นรูปภาพข้อความต่าง ๆ จำพวกนี้เรียกว่าธอตโตกราฟฟี่ส่วนไซโคไคเนซิสหรือพลังจิตเหนือวัตถุอย่างนิกก็ถือว่าหายากเช่นกันนิกเกิดจากการแต่งงานแบบการเมือง ของพ่อกับแม่ที่มีพลังจิตสายรูปธรรมเพื่อที่จะได้บุตรที่มีพลังจิตแน่นอน และต้องเป็นสายนี้เท่านั้น”ผมพยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วยเป็นระยะๆเป็นการตอบสนองว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นผมตั้งใจฟังอย่างละเอียดทุกคำพูดแม้จะแสดงออกด้วยความเงียบไปบ้าง“ทีนี้เข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเธอถึงใช้โทรจิตสะกดพวกเดียวกันไม่ได้เพราะทุกคนต่างมีพื้นฐานกระแสจิตเข้มแข็งพอ ๆ กัน ถ้าเปรียบจิตเป็นกล้ามแขนกับคนธรรมดาก็เหมือนเธอมีกล้ามใหญ่กว่าแล้วไปงัดข้อกับคนผอมแห้งแขนลีบก็ย่อมต้องชนะขาดลอยแต่กับพวกเราก็เหมือนเอาคนมีกล้ามแข็งไล่เลี่ยกันมางัดข้อจึงล้มไม่ลงยกเว้นการใช้พลังจิตอย่างเป็นกลางเช่นการที่ณัฐอ่านอนาคตให้เธอก็ไม่ได้ถือว่ารุกล้ำเพราะเขาหยั่งรู้ได้เองหรือจะถ่ายถอดภาพที่เห็นส่งกันผ่านโทรจิตก็ย่อมทำได้เพราะไม่ใช่การใช่กำลังจิตเข้าข่มหรือหักหาญกันและข้อยกเว้นอีกอย่างก็คือสายแบบนิกที่แปลงพลังจิตเป็นพลังงานกายภาพได้เขาไม่ได้รุกล้ำจิตเธอ แต่เล่นงานที่ร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆสารพัดรูปแบบที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บทางกายภาพ ดังนั้นเธอถึงได้เสียเปรียบนิกแต่จะอย่างไรก็ตามพวกเราล้วนมีพื้นฐานจาก “กระแสพลังจิตเหนือมนุษย์” ทั้งนั้น ก็คือว่าหากพูดถึงผู้มีพลังจิตคนเรามักนึกถึงคนที่งอช้อนกับทายใจได้เท่านั้น ผู้ใหญ่รุ่นหลัง ๆจึงนิยมเรียกว่าผู้มีพลังพิเศษเพราะฟังดูกว้างขวางกว่า แต่ชื่อเรียกไม่ใช่สาระสำคัญให้เธอรู้ว่าต้นกำเนิดความสามารถพวกเรามาจากไหนก็พอ”เป็นประโยชน์จริงๆ มีนช่างมองโลกในแง่ดีเสียนี่กระไรเธอไม่รู้ตัวหรือแกล้งโง่กันแน่ว่าที่จ้อออกมานั้นมีแต่เรื่องสาวไส้ให้กากินทั้งนั้นนี่เป็นบันไดขั้นแรกที่ผมจะหาวิธีเอาชนะธนิกได้ เห็นทีต้องใช้โอกาสนี้ถามทุกอย่างที่อยากรู้ให้หมด“ว่าแต่ . ..เจ้าตัวรู้ไหมครับว่าเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลทางการเมือง” แม้จะรู้ว่าเป็นการนินทาบุคคลที่สามแต่ผมก็ห้ามใจไม่ได้และถามไปแล้ว“นิกรู้อยู่ตลอดแหละ ตอนเด็ก ๆหนังสือที่ทุกคนหาให้เขาอ่านไม่ใช่การ์ตูนหรือนิทานแต่เป็นหนังสือเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมต่าง ๆเขายอมรับชะตาที่ผู้ใหญ่ในตระกูลให้เขาเกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกแต่พี่ยอมรับว่านิกก็เป็นคนค่อนข้างสุดโต่งเมื่อเจ็ดขวบเขาเห็นคนงานก่อสร้างกำลังจะเชือดไก่ที่เลี้ยงไว้. . .”“ไก่รอด แต่คนไม่รอด ใช่ไหมครับ”“ใช่ นั่นเป็นครั้งแรกที่นิกพิพากษาคนด้วยโทษตายและตั้งแต่นั้นนิกก็ถือมังสวิรัติมาตลอดเขาค่อนข้างมองธรรมชาติของมนุษย์ในแง่ร้ายไว้ก่อนและตัดสินจากมุมมองของเขาเท่านั้นพี่ถามหน่อยว่าถ้าคนงานนั้นไม่ฆ่าไก่กินแล้วจะให้กินอะไร มันอาจเป็นอาหารอย่างเดียวที่เขามีในวันนั้นก็ได้”คำบอกเล่าจากมีนทำให้ผมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้บางที เธออาจจะไม่เห็นดีเห็นงามกับธนิกไปเสียทุกเรื่องและอาจเป็นช่องโหว่ให้ผมใช้ประโยชน์ได้“เดาว่าที่บ้านเขาคงจัดหนังสือเก่าเกินไปและไม่มีความหลากหลายให้อ่านก็เลยมีมุมมองต่อโลกคับแคบล่ะมั้งครับ”“เขาจบวิทยาฯ สิ่งแวดล้อมมาน่ะจบแล้วก็ทำงานประเภทเอ็นจีโอ แต่ไม่ได้เรียนสายอย่างเธอจึงขาดมุมมองทางสังคม” มีนเสริม“พี่มีนครับ. . .” ผมเริ่มเข้าประเด็นตามภาษานักธุรกิจ แต่การ “ขาย” ครั้งนี้ค่อนข้างหินเพราะไม่สามารถใช้พลังโน้มน้าวใจกับผู้ฟังได้“ไม่คิดอยากเป็นอิสระบ้างหรือครับปล่อยให้คนบ้าอำนาจอย่างนั้นมาบงการชีวิตได้ยังไงพี่น่าจะมีสิ่งที่อยากทำมากกว่าร่วมโครงการเพ้อเจ้ออย่างนั้นนะ” ผมพยายามจะดึงมีนเข้ามาเป็นพวกเพื่อดัดหลังธนิก“พี่ก็เคยคิดอย่างนั้น จนกระทั่งรู้ว่ามีเธอไงเต๋อ” มีนยิ้ม “อยากที่นิกบอก เธอเปลี่ยนแปลงคนได้ แต่นิกทำได้แค่กำจัดสิ่งที่พี่อยากเห็นที่สุดก็คือ ต่อไปนิกจะไม่ต้องทำร้ายใครอีกแล้ว”“มันก็แค่โยนภาระในสิ่งที่พวกพี่ทำไม่ได้มาให้ผมไม่ใช่รึแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ด้วย” ท่าจะไม่ง่ายซะแล้ว ในใจของมีนคงถือข้างธนิกมาก่อนผมซึ่งก็เป็นธรรมชาติ เพราะผมก็เหมือนคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักพวกเธอ“พี่เข้าใจ. . . พวกเราถึงได้ให้เวลาเธอทำใจ” มีนถอนหายใจ“ทำไมถึงใช้คำว่า “ทำใจ” ล่ะครับ แปลว่าผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างนั้นหรือนี่ชีวิตของผมนะครับ”“นิกถึงได้อ้างเรื่องว่าแม่ของเธอทำให้ตระกูลเราวายวอดไงและเรียกร้องให้เธอชดใช้ความผิดแทนแม่ ถึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นแต่ก็คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่นิกจะใช้รั้งตัวเธอไว้”“หมายความว่ายังไงครับ แม่ผมไปทำอะไรไว้” ผมทั้งอยากรู้และทั้งหงุดหงิดทำไมผมต้องรับผิดชอบปัญหาที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นด้วย แต่หากคิดว่าทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายละก็ผมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าพลังพิเศษนี้คงไม่ได้มาเปล่า ๆ หรอกสักวันคงต้องนำปัญหาบางอย่างเข้าตัวจนได้ถึงกับมีคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้โผล่ออกมาเรียกร้องให้ชดใช้ความผิดแทนแม่เลยทีเดียว“ที่เล่าให้ฟังทั้งหมดก็เยอะมากแล้ว ถ้านิกรู้ต้องโมโหแน่เลยพอก่อนดีกว่า” มีนทำท่าทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้“ยังไงวันนี้เธอก็ได้รู้จักตัวเองและพวกพี่เยอะขึ้นหวังว่าเธอคงยอมเปิดใจบ้าง วันหน้าถ้าเราคุยกันได้อย่างสนิทใจพี่เชื่อว่าทุกคนจะกล้าเล่าทุกอย่างที่เธอต้องการรวมทั้งเรื่องของแม่เธอและวันนั้นเธอก็จะรู้เองว่าพลังของพี่คืออะไร” มีนสรุปให้และเตรียมตัวเก็บของลาหลังจากคุยเปิดอกแล้วเธอดูสงบเย็นขึ้นมากทีเดียว ตรงข้ามกับผมซึ่งในใจกลับรุ่มร้อน...วันหน้าที่สนิทใจงั้นหรือ?ตลกสิ้นดีผมไม่เคยยอมรับใครง่ายๆ ยิ่งเป็นพวกศรศิลป์กินกันไม่ลง ใช้พลังควบคุมก็ไม่เป็นผลแถมรู้ความลับและชีวิตส่วนตัวว่าผมเป็นใครและทำอะไรไว้บ้างย่อมไว้ใจไม่ได้ฝันไปเถอะ...ใครก็ตามที่ถือดีเข้ามาวุ่นวายในโลกที่ผมเป็นคนกำกับผมจะไม่ปล่อยไว้แน่...ต่อให้เป็นพวกเดียวกันก็ตาม. . .......“นังแพศยา! งามหน้านักนะ!” ...ดารินทร์ถูกตบจนกระเด็นล้มกองกับพื้นในห้องอาหารที่เธอเคยพาชู้ชั่วคราวมาระเริงสวาทบรรดาลูกจ้างในบ้านต่างแอบฟังตามซอกหลืบจากนอกห้องอย่างแนบเนียบทั้งอยากรู้อยากเห็นและสงสาร แต่เหตุผลอย่างแรกคงจะมีน้ำหนักกว่าเพราะถึงสงสารแค่ไหนก็ไม่มีใครห้ามปรามคุณผู้ชายได้ เขาฟิวส์ขาดแล้ว“พ่อคะ พอได้แล้วค่ะ แม่จะตายอยู่แล้ว” เกรซกอดเข่าอ่อนวอนผู้เป็นพ่อ“แค่นี้ยังน้อยไป ดูแม่แกซิประสาทไปแล้ว ไล่มันไปอยู่โรง’บาลไป๊!”“ฮืออออ คุณคะ ฉันไม่รู้จริง ๆว่าทำเรื่องอย่างนั้นลงไปได้ยังไง ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ” เป็นเวลากว่ายี่สิบนาทีแล้วที่ดารินทร์ถูกสามีซ้อมเธอเงยหน้าบวมช้ำขึ้นมาเรียกร้องให้สามีเพลามือลงจริงอยู่ที่เธอทำงานพิทักษ์สิทธิสตรีย่อมมีช่องทางต่อสู้ด้วยข้อกฎหมายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธอหากแต่กรณีนี้เธอก่อเรื่องผิดศีลธรรมร้ายแรงขึ้นมาเองจนสามีถึงกับลงมือซึ่งนั่นก็อาจเรียกได้ว่าทางสามีมีความชอบธรรมอยู่บ้าง ติดก็แต่ตรงที่. . ....ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดได้อย่างไร?...แม้แต่เกรซก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เธอรู้สึกเหมือนกับมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดเธอจำได้แต่เพียงช่วงหลังแม่ของเธอพาผู้ชายมาแปลกหน้ามาหลับนอนในบ้านอย่างไม่อายผีสางและเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ดูการร่วมเพศระหว่างแม่แท้ ๆ กับชายแปลกหน้าถูกข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยวและถูกบังคับให้กลืนกินอะไรบางอย่างที่น่าสะอิดสะเอียนแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที รู้แต่ว่าเมื่อนึกถึงคราใดก็เจ็บปวดร้าวลึกถึงกระดูกดำเป็นความทรงจำต่ำทรามที่สุดในชีวิตตั้งแต่เธอเกิดมายิ่งไปกว่านั้นหลังจากเหตุการณ์ที่เธอนั่งดูแม่ของเธอก่อเหตุอนาจารต่อหน้าธารกำนัลโดยที่ทำได้เพียงนั่งมองเฉยๆ นับแต่นั้นชีวิตเกรซก็เปลี่ยนไป เกรซถูกคนรอบข้างจ้องมองด้วยสายตารังเกียจได้รับการด่าทอทั้งแบบชี้หน้าด่าตรง ๆ และทางอ้อมว่าเป็นลูกของนักการเมืองบ้ากามโรคจิต เธอไม่อยากไปเรียน ไม่อยากช็อปปิ้งไม่อยากเที่ยวกลางคืน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ว่าเธอจะไปอยู่แห่งหนใดคนที่เห็นหน้าเธอก็จะนึกเชื่อมโยงถึงผู้หญิงอุบาทว์นามดารินทร์ทุกครั้งไป เวลานี้เกรซอยากสลายร่างหายไปจากโลกเฉย ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย“ผมขอหย่ากับคุณ! ผมอยู่กับผู้หญิงกะหรี่ไม่ได้!ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลป่นปี้หมดแล้ว” ในที่สุดฝ่ายสามีหยุดซ้อมแต่ยังเดินวนไปมาในห้องด้วยความหัวเสีย“อย่า. . . อย่าทำอย่างนั้นกับฉัน ฮือออออ” ดารินทร์ร่ำไห้คร่ำครวญตอนที่15 รู้เขารู้เรา ...ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะกล้ารุกรานพื้นที่ส่วนตัวของผมถึงขนาดมาเคาะประตูบ้าน“ใครกันนะ แต่งตัวเปรี้ยวจัง” ผมได้ยินเสียงความคิดของแม่บ้านบัวซึ่งกำลังแอบมองมีนด้วยความอยากรู้อยากเห็นยัยน้าคนนี้ขี้นินทาเสียด้วย ปล่อยไว้นานกว่านี้เห็นจะไม่ได้การผมตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับอย่างเสียมิได้ไม่ใช่เพราะกลัวพลังพิเศษของมีน มันเทียบไม่ได้เลยกับพลังเม้าธ์แตกแปดทิศของน้าบัวขืนปล่อยให้ยัยเจ๊มีนยืนป่าวร้องอยู่หน้าบ้านนานกว่านี้ยิ่งมีแต่จะทำให้ถูกแม่บ้านจอมสอดตีความไปต่าง ๆ นานาเป็นต้นว่าผมอาจถูกสินเชื่อเงินผ่อนตามทวงถึงที่หรือมีผู้หญิงเสียตัวให้ผมแล้วมาทวงถามความรับผิดชอบ“สวัสดีครับ เชิญเข้ามาก่อนสิครับ”มีนรับไหว้มือแข็งเธอนิยมแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเสริมบุคลิกกระฉับกระเฉงคล้ายหญิงสาวสมัยใหม่ที่ทำงานวงการโฆษณาทันทีที่ปิดประตูความเงียบอึมครึมก็แผ่ซ่านเข้าปกคลุมบรรยากาศทั่วบ้านทั้งผมและเธอต่างรู้ดีว่าต่างฝ่าย“ไม่ใช่ธรรมดา” ผมไม่รู้ว่าเธอทำอะไรได้ ส่วนถึงเธอจะรู้ว่าผมทำอะไรได้บ้างแต่ก็คงตระหนักว่าความสามารถของผมไม่ใช่กระจอกซึ่งหากใครผลีผลามเปิดเกมขึ้นมาก่อนอาจเสียท่ากลายเป็นช่องโหว่ให้อีกฝ่ายโต้กลับได้“รับชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ดีครับ” ผมยิ้มและเชิญเธอให้นั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลไหม้“ขอบใจ แต่ไม่ต้องลำบากหรอก พี่ไม่ได้มาเพราะอยากนั่งจิบน้ำชากับเธอหรอกนะ” เธอคลี่ม้วนหนังสือพิมพ์กางออกวางบนโต๊ะให้เห็นหน้าหนึ่งชัดๆ“เธอทำกับคนดี ๆ อย่างคุณดาได้ยังไง”“ยังไงเหรอครับ? ก็ทำเหมือนเหยื่อทุกรายที่ผ่านมาส่งกระแสจิตเข้ายึดความคิด แล้วสั่งการผ่านโทรจิต ไม่มีเคล็บลับแปลกใหม่เลยครับ”“อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่นะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง” มีนเอ็ด“แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้จักโลกรู้จักสันดานคนมากกว่าพี่มีนแน่นอนครับ” ผมต่อล้อต่อเถียง พร้อมเคาะขมับด้วยนิ้วชี้เบา ๆเป็นนัยว่าอำนาจโทรจิตเท่านั้นคือคำตอบของสัจจะทุกอย่างในโลกของผม“ส.ส. ดารินทร์เป็นแม่ของอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งเธอมีอำนาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งผมและแม่ให้อยู่ในโรงเรียนไม่เป็นสุขทั้งสองมีความผิดที่ร่วมกันชดใช้ ลูกสาวเธอลามปามแม่ผมและทำให้อับอายผมจึงจัดการให้แม่เธอทำอุจาดเธอจะได้รับรู้รสชาติของความอับอายที่แม่บังเกิดเกล้าถูกสังคมสาปแช่งป่านนี้อาจจะหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้วก็ได้นะครับ” ผมอธิบาย“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่แก้แค้นลูกสาวเธอคนเดียว” มีนถาม“แม่เธอก็มีหนี้ค้างกับผมอยู่แล้วครับดารินทร์กดดันไม่ให้แม่ผมขายของในโรงเรียนผมจึงตอบแทนโดยการตัดอนาคตด้านหน้าที่การงานของเธอ ส่วนคำพิพากษาลูกสาวเธอที่ผมเห็นควรที่สุดก็คือการทำให้อายที่มีแม่เป็นผู้หญิงคลั่งกามเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่เสียงซุบซิบว่า “คนนี้ไงลูก สส.ดารินทร์ที่โรคจิต ๆ น่ะ” สมเหตุสมผลดีออก ฮะ ๆ”“แต่พี่ว่าเธอต่างหากที่โรคจิตยิ่งกว่า” มีน“การฆ่าคนมีสองประเภท. . .” ผมไม่สนใจและพูดต่อในสิ่งที่ผมอยากจะพูด“ประเภทแรกคือการฆ่าให้สิ้นชีวิตแม้ตัวบุคคลตายไปก็อาจจะมีคนติฉินนินทาผู้ตาย แต่ไม่นานกาลเวลาจะชะล้างให้ผู้คนลืมเลือนเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ตายไปเองผมว่าธนิกเป็นเพชฌฆาตที่ถนัดงานประหารแนวนี้ . . .”“และอีกประเภทหนึ่งคือการฆ่าทั้งเป็น ฆ่าให้ตัวตนทางสังคมถูกทำลาย.. . แล้วปล่อยให้บุคคลใช้ชีวิตโดยแบกรับคำตีตราอยู่ตลอดชั่วลมหายใจต้องเร้นกายหลบซ่อนคำถามคำให้ร้ายจากผู้คน ที่สำคัญสังคมไทยมีวัฒนธรรมเสพติดการลงโทษ พี่คงเคยเห็นสังคมก่นประณามคนเรียนหนังสือไม่จบคนท้องก่อนแต่ง คนติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่มองว่ามนุษย์ล้วนมีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้นเงื่อนไขและจังหวะในชีวิตคนเราต่างกันแต่วัฒนธรรมเสพติดการลงโทษทำให้เรามักเลือกตัดสินคนในแง่ลบไม่หยิบยื่นโอกาสให้แก้ตัว กลับซ้ำเติม ถากถางด้วยการแสดงทั้งระดับกาย วาจาความคิด เอกลักษณ์แบบไทย ๆ ประการนี้ทำให้ผมชอบและสนุกกับการประหารคนด้วยวิธีนี้มากกว่าครับ” ผมยกน้ำขึ้นจิบหลังกล่าวจบมีนปั้นหน้าประดุจเห็นอสูรกายนั่งอยู่เบื้องหน้าเธอแทบไม่เชื่อว่านี่คือความคิดของเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆแม้การเรียบเรียงความคิดถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดจะเฉียบแหลม แต่ฐานคติกลับแฝงได้ด้วยความมืดมนความน่ากลัว และอันตรายจนไม่อยากเข้าใกล้“นี่เธอ. . .เห็นชีวิตคนทั้งคนเป็นอะไรกัน” มีนกลืนน้ำลาย“ในยุคโพสท์โมเดิร์นไม่มีคำตอบใดเป็นสัจจะตายตัวขึ้นอยู่กับมุมมองและการตีความ ในกรณีนี้ผมขอตอบว่าผมเห็นค่าของชีวิตใครคนหนึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองเดียวกับที่เขาคิดกับผมนั่นแหละครับพูดให้ง่าย ๆ ก็คือใครดีมาผมดีด้วย ใครร้ายมาผมร้ายกลับก็เท่านั้นเองครับ”“. . .แน่นอน รวมถึงผู้มีพลังพิเศษด้วยอย่านึกว่าเป็นพวกเดียวกันด้วยเหตุผลทางชีวะแล้วผมจะยอมสวามิภักดิ์ถ้าใครขวางทางปืนล่ะก็. . .ผมรับรองว่าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน อยู่ดีไม่ว่าดีดันสร้างศัตรูเป็นผู้มีพลังโทรจิต” ไหน ๆ เธอก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้วถือโอกาสบอกความในใจไปเลยแล้วกัน“ถ้าเธอหมายถึงพวกเราล่ะก็ พี่ก็อยากเป็นฝ่ายพูดบ้าง”ผมนิ่งเงียบ“พี่ชื่นชม ส.ส. ดารินทร์มาก แต่หากเธอยืนยันว่ามีความแค้นเป็นการส่วนตัวไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้ง พี่ก็จะพยายามเข้าใจเพราะถ้าพี่ถูกกระทำอย่างเธอมาก่อนแล้วมีอำนาจที่จะแก้แค้นอย่างง่ายดายพี่ก็อาจจะทำเช่นเธอ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราจะจบกันแค่นี้และพี่จะไม่พูดถึงให้ขุ่นข้องใจกันอีก”มีนพับหนังสือพิมพ์เก็บลงกระเป๋าสะพาย.. .“ทีนี้พี่อยากให้เธอปรับทัศนคติใหม่เกี่ยวกับพวกเราบ้างพวกเราไม่ได้มีเจตนาคุกคามชีวิตเธอเลยนะ” น้ำเสียงและท่าทีของมีนเปลี่ยนไปโดยทันใด“นี่เหรอครับที่เรียกว่าไม่คุกคาม? คนหนึ่งเกือบทำผมถึงตาย ส่วนพี่มีนเองก็บุกเข้ามาถึงบ้านผม”“ช่วงที่นิกตามสืบว่าเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษเขาเคยแกะรอยมาถึงบ้านเธอและตอนนั้นพี่ก็อยู่กับเขาด้วยเลยจำทางบ้านเธอได้พี่ขอโทษที่วู่ว่ามไป อย่านึกถึงแต่เรื่องไม่ดีสิ ทีเรื่องของณัฐล่ะเขาเพ่งนิมิตดูอนาคตที่เธอประสบอุบัติเหตุเป็นชั่วโมงเลยนะกว่าจะทราบตำแหน่งและวันเวลาได้แม่นยำขนาดนั้น”“ผมไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครฝากบอกณัฐด้วยว่าถ้าอยากให้ผมสะกดจิตใครเพื่อเป็นประโยชน์กับเขาก็บอกมาผมยินดีจัดการให้ตามคำขอสามครั้ง แค่นี้คงแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ”“ณัฐมีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เธอไม่ต้องห่วงเขาหรอก” มีนกระแอมอมยิ้มเหมือนเห็นผมเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา“ราคาทองคำ ตลาดหุ้น ลอตเตอรี่การซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไรเกือบทุกชนิด เด็กคนนี้อ่านออกหมดจด” มีนพูดจบลงแค่นั้นเธอคงคิดว่าบอกสรรพคุณไปแค่นี้ผมน่าจะคิดต่อเองได้ผมหันเหความสนใจจนถึงกับสะอึกเล็กน้อยการใช้พลังโทรจิตของผมใช้สร้างฐานะก็นับว่าเหลือเชื่อแล้วไม่คิดว่าจะมีผู้มีพลังรูปแบบอื่น ๆสามารถใช้อำนาจพิเศษยกระดับความเป็นอยู่เหนือชั้นกว่าผมได้อย่างง่ายดาย“ตอนนี้พวกเราอยู่ได้ก็เพราะณัฐ พูดไปก็น่าอายพี่ทำฟรีแลนซ์และเรียนต่อโท ลำพังรายได้แค่นั้นไม่พอใช้หรอก ส่วนนิกก็. . . จำได้ไหมว่าเจอกันครั้งแรกเขาใส่ชุดหนุ่มออฟฟิศวันนั้นแหละที่เขาตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อสานฝันให้ตระกูลและแสดงตนกับเธอเห็นไหมว่าเขาให้ความสำคัญกับพี่น้องด้วยกันแค่ไหน”“. . . . . .” ผมหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี“เปิดใจมองคนอื่นในแง่ดีบ้างสิ” เธอย้ำจนดูเหมือนพนักงานขายจอมตื้อ“เอาอย่างนี้พี่จะไถ่โทษที่บุกมารบกวนเธอด้วยการบอกเรื่องที่เธอน่าจะอยากรู้ให้สักสองสามเรื่องก็แล้วกัน”“เรื่องแรกนะ พวกเราไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันทุกคนมีคนละพ่อคนละแม่ แต่อาจเรียกได้ว่าเป็นญาติกัน เพราะถ้าคนเป็นพ่อหรือแม่ขาดคุณสมบัติของผู้มีพลังพิเศษแล้วลูกที่เกิดมาไม่มีทางเป็นผู้มีพลังพิเศษได้หรอกดังนั้นเรามาจากต้นตระกูลเดียวกันแต่จะต้องนับญาติขึ้นไปกี่รุ่นก็สุดแล้วแต่สิ่งที่พี่อยากจะบอกจริง ๆ ก็คือ ในกรณีครอบครัวฝั่งเธอ ผู้มีพลังพิเศษคือแม่เธอนั่นเอง”“ว่ายังไงนะครับ. . .” ผมโพล่งขึ้นมาด้วยความที่เก็บอาการไม่อยู่“ชักน่าสนใจขึ้นมาใช่ไหมล่ะ” มีนอ่านสีหน้าผมได้ทะลุปุโปร่ง แน่ละผมอ่านใจเธอไม่ได้และคงต้องเป็นฝ่ายพึ่งพาข้อมูลที่เธอยอมเปิดเผย“แต่ถ้าแม่ผมเป็นผู้มีพลังพิเศษ แล้วมีความสามารถอะไรครับทำไมต้องเป็นแม่ค้าซ่อมซ่อ” ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้ผมมีท่าทีไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือมีนจริงๆ อย่างกับเด็กน้อยที่อ้อนขอให้ผู้ใหญ่เล่านิทานต่อ“เป็นคำถามที่ดี เพราะนี่คือเรื่องต่อไปที่พี่จะบอก. . .”“เรื่องที่สอง ถึงจะเรียกว่าผู้มีพลังพิเศษแต่นิยามของมันมีแต่พลังจิตประเภทต่าง ๆที่เกิดจากกระแสจิตอันแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ ดังนั้นอำนาจต่าง ๆที่พวกเราครอบครองล้วนแต่มีฐานจาก “พลังจิต” ทั้งสิ้น จะไม่มีคนยิงแสงเลเซอร์ออกจากดวงตาปล่อยไฟฟ้าช็อต หรือกางปีกบินได้ทำนองนี้หรอก เพราะฉะนั้นถ้าเป็นแค่พลังจิตละก็ความสามารถบางอย่างก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ได้ไม่มากเท่าไหร่หรืออาจไม่ค่อยมีประโยชน์ด้วยซ้ำขึ้นอยู่กับโชคชะตามากกว่าว่าเกิดมาจะได้พลังอะไรติดตัวมา และทำอะไรได้บ้าง”“ ซึ่งพลังจิตโดยทั่วไปมีสองประเภทแบบแรกคือเป็นพลังจิตสายนามธรรม คนตระกูลเรามีพลังจิตประเภทนี้เกือบทั้งหมดเรียกว่าเกินเก้าสิบเปอร์เซนต์ทีเดียวพลังสายนี้จะเกี่ยวข้องกับการรับรู้ที่เหนือมนุษย์ต่าง ๆ หรือควบคุมกลไกทางจิตแต่ไม่มีอำนาจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับกายภาพใด ๆที่ฉันเคยได้ยินมาก็เช่น ฉายภาพหลอนประสาทคน อ่านใจ ควบคุมความทรงจำ ตาทิพย์หรือแคลซ์วอยแอนซ์แต่เท่าที่ประเมินแล้วรู้สึกว่าเธอจะเป็นผู้มีโทรจิตที่มีพลังแรงกล้ากว่าคนอื่นสั่งการครอบงำคนน่าจะเป็นพลังหลัก ๆแต่นอกนั้นทำได้อย่างละนิดละหน่อยหลายอย่างเหมือนเป็ดที่ว่ายน้ำได้แต่ไม่ดีเท่าปลา เดินบนบกได้แต่ไม่ดีเท่าไก่ บินได้แต่ไม่ดีเท่านกพี่ว่าเธอลบความจำคนได้แน่ ๆ เพราะไม่เคยมีผู้เสียหายคนไหนพูดเกี่ยวกับเธอเลยรู้ไหมว่าคนก่อน ๆ เขามีกันแค่อย่างละประเภทเดียวเท่านั้นแต่ใช้งานได้เต็มรูปแบบเช่นพวกที่อ่านใจคนสามารถทำได้ระดับโยงจิตให้คนธรรมดาคุยต่อกันผ่านจิตได้เหมือนใช้มือถือประชุมสายพวกใช้ตาทิพย์เก่ง ๆ สามารถอ่านหนังสือจากห้องสมุดต่างประเทศได้ด้วยซ้ำปิดเล่มอยู่ก็อ่านได้เพราะมองมะลุไล่ทีละหน้าส่วนพวกควบคุมความจำนี่ถึงขั้นปลูกฝังความทรงจำเทียมให้คนอื่นได้ด้วย”“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ แค่อ่านใจก็เท่านั้นเองตาทิพย์ก็มีแต่เห็นได้ไม่ไกลและลึกมากนัก ส่วนความจำก็แค่ลบทิ้งปลอมแปลงใหม่ไม่ได้” ผมเสริมให้เธอทราบว่าผมกำลังให้ความสนใจเรื่องที่คุยกันอยู่“ถึงได้บอกไงว่าเหมือนเป็ดเพราะใช้พลังได้ค่อนข้างหลากหลายแต่ก็มีข้อจำกัด แต่ช่างเถอะนะแค่ควบคุมจิตใจคนได้เป็นหลักก็ถือว่าเก่งและหายากมากแล้ว” ดูเหมือนเธอจะมีกำลังใจเล่าต่อเมื่อเห็นผมสนอกสนใจ แน่ละมันล้วนแต่เป็นเรื่องที่รู้แล้วผมมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งนั้น“ ณัฐเองก็จัดอยู่ในสายเดียวกับเธอเช่นกันพลังของณัฐอาจเปรียบกับพระอริยะรูปที่มีญาณแรงกล้าสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ รวมถึงญาณวิเศษด้านอื่น ๆ ก็ช่นเดียวกันต่างกันที่ท่านเหล่านั้นมักได้ความสามารถเกิดพร้อมการบรรลุทาง “ปัญญา” ส่วนพวกเราได้มาจาก “การผ่าเหล่า” เพียงอย่างเดียวจะเอาไปใช้ผิดถูกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง”“น่าสนุกดีครับ แล้วพลังจิตอีกประเภทหนึ่งล่ะ” ผมเร้าให้เธอเล่าต่อเนื่องอย่างใจจดจ่อ“แน่นอนสิ มีพลังจิตสายนามธรรมแล้วสายอีกฝ่ายก็ต้องเป็นรูปธรรมซึ่งหายากมาก นานทีปีหนจะได้พบสายนี้รูปแบบพลังก็ตรงตามชื่อ คือสามารถแปลงพลังจิตเป็นพลังงานกายภาพจนเห็นเป็นปาฎิหารย์ได้ด้วยตาเปล่าบางคนสามารถใช้พลังงานจิตเคลื่อนไหวร่างกายแทนที่จะใช้พลังงานจากร่างกายทำให้ไวกว่าและข้ามข้อจำกัดต่าง ๆในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ห่างกันคนละชั้นเพราะใช้แค่ความคิดพาร่างเดินทางเท่านั้นพวกนี้เรียกว่าเทเลพอร์ทเทชั่น หรือไม่ก็ใช้จิตถ่ายทอดภาพความคิดลงอัดแผ่นฟิล์มภาพถ่าย หรือเผาไหม้กระดาษเป็นรูปภาพข้อความต่าง ๆ จำพวกนี้เรียกว่าธอตโตกราฟฟี่ส่วนไซโคไคเนซิสหรือพลังจิตเหนือวัตถุอย่างนิกก็ถือว่าหายากเช่นกันนิกเกิดจากการแต่งงานแบบการเมือง ของพ่อกับแม่ที่มีพลังจิตสายรูปธรรมเพื่อที่จะได้บุตรที่มีพลังจิตแน่นอน และต้องเป็นสายนี้เท่านั้น”ผมพยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วยเป็นระยะๆเป็นการตอบสนองว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นผมตั้งใจฟังอย่างละเอียดทุกคำพูดแม้จะแสดงออกด้วยความเงียบไปบ้าง“ทีนี้เข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเธอถึงใช้โทรจิตสะกดพวกเดียวกันไม่ได้เพราะทุกคนต่างมีพื้นฐานกระแสจิตเข้มแข็งพอ ๆ กัน ถ้าเปรียบจิตเป็นกล้ามแขนกับคนธรรมดาก็เหมือนเธอมีกล้ามใหญ่กว่าแล้วไปงัดข้อกับคนผอมแห้งแขนลีบก็ย่อมต้องชนะขาดลอยแต่กับพวกเราก็เหมือนเอาคนมีกล้ามแข็งไล่เลี่ยกันมางัดข้อจึงล้มไม่ลงยกเว้นการใช้พลังจิตอย่างเป็นกลางเช่นการที่ณัฐอ่านอนาคตให้เธอก็ไม่ได้ถือว่ารุกล้ำเพราะเขาหยั่งรู้ได้เองหรือจะถ่ายถอดภาพที่เห็นส่งกันผ่านโทรจิตก็ย่อมทำได้เพราะไม่ใช่การใช่กำลังจิตเข้าข่มหรือหักหาญกันและข้อยกเว้นอีกอย่างก็คือสายแบบนิกที่แปลงพลังจิตเป็นพลังงานกายภาพได้เขาไม่ได้รุกล้ำจิตเธอ แต่เล่นงานที่ร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆสารพัดรูปแบบที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บทางกายภาพ ดังนั้นเธอถึงได้เสียเปรียบนิกแต่จะอย่างไรก็ตามพวกเราล้วนมีพื้นฐานจาก “กระแสพลังจิตเหนือมนุษย์” ทั้งนั้น ก็คือว่าหากพูดถึงผู้มีพลังจิตคนเรามักนึกถึงคนที่งอช้อนกับทายใจได้เท่านั้น ผู้ใหญ่รุ่นหลัง ๆจึงนิยมเรียกว่าผู้มีพลังพิเศษเพราะฟังดูกว้างขวางกว่า แต่ชื่อเรียกไม่ใช่สาระสำคัญให้เธอรู้ว่าต้นกำเนิดความสามารถพวกเรามาจากไหนก็พอ”เป็นประโยชน์จริงๆ มีนช่างมองโลกในแง่ดีเสียนี่กระไรเธอไม่รู้ตัวหรือแกล้งโง่กันแน่ว่าที่จ้อออกมานั้นมีแต่เรื่องสาวไส้ให้กากินทั้งนั้นนี่เป็นบันไดขั้นแรกที่ผมจะหาวิธีเอาชนะธนิกได้ เห็นทีต้องใช้โอกาสนี้ถามทุกอย่างที่อยากรู้ให้หมด“ว่าแต่ . ..เจ้าตัวรู้ไหมครับว่าเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลทางการเมือง” แม้จะรู้ว่าเป็นการนินทาบุคคลที่สามแต่ผมก็ห้ามใจไม่ได้และถามไปแล้ว“นิกรู้อยู่ตลอดแหละ ตอนเด็ก ๆหนังสือที่ทุกคนหาให้เขาอ่านไม่ใช่การ์ตูนหรือนิทานแต่เป็นหนังสือเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมต่าง ๆเขายอมรับชะตาที่ผู้ใหญ่ในตระกูลให้เขาเกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกแต่พี่ยอมรับว่านิกก็เป็นคนค่อนข้างสุดโต่งเมื่อเจ็ดขวบเขาเห็นคนงานก่อสร้างกำลังจะเชือดไก่ที่เลี้ยงไว้. . .”“ไก่รอด แต่คนไม่รอด ใช่ไหมครับ”“ใช่ นั่นเป็นครั้งแรกที่นิกพิพากษาคนด้วยโทษตายและตั้งแต่นั้นนิกก็ถือมังสวิรัติมาตลอดเขาค่อนข้างมองธรรมชาติของมนุษย์ในแง่ร้ายไว้ก่อนและตัดสินจากมุมมองของเขาเท่านั้นพี่ถามหน่อยว่าถ้าคนงานนั้นไม่ฆ่าไก่กินแล้วจะให้กินอะไร มันอาจเป็นอาหารอย่างเดียวที่เขามีในวันนั้นก็ได้”คำบอกเล่าจากมีนทำให้ผมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้บางที เธออาจจะไม่เห็นดีเห็นงามกับธนิกไปเสียทุกเรื่องและอาจเป็นช่องโหว่ให้ผมใช้ประโยชน์ได้“เดาว่าที่บ้านเขาคงจัดหนังสือเก่าเกินไปและไม่มีความหลากหลายให้อ่านก็เลยมีมุมมองต่อโลกคับแคบล่ะมั้งครับ”“เขาจบวิทยาฯ สิ่งแวดล้อมมาน่ะจบแล้วก็ทำงานประเภทเอ็นจีโอ แต่ไม่ได้เรียนสายอย่างเธอจึงขาดมุมมองทางสังคม” มีนเสริม“พี่มีนครับ. . .” ผมเริ่มเข้าประเด็นตามภาษานักธุรกิจ แต่การ “ขาย” ครั้งนี้ค่อนข้างหินเพราะไม่สามารถใช้พลังโน้มน้าวใจกับผู้ฟังได้“ไม่คิดอยากเป็นอิสระบ้างหรือครับปล่อยให้คนบ้าอำนาจอย่างนั้นมาบงการชีวิตได้ยังไงพี่น่าจะมีสิ่งที่อยากทำมากกว่าร่วมโครงการเพ้อเจ้ออย่างนั้นนะ” ผมพยายามจะดึงมีนเข้ามาเป็นพวกเพื่อดัดหลังธนิก“พี่ก็เคยคิดอย่างนั้น จนกระทั่งรู้ว่ามีเธอไงเต๋อ” มีนยิ้ม “อยากที่นิกบอก เธอเปลี่ยนแปลงคนได้ แต่นิกทำได้แค่กำจัดสิ่งที่พี่อยากเห็นที่สุดก็คือ ต่อไปนิกจะไม่ต้องทำร้ายใครอีกแล้ว”“มันก็แค่โยนภาระในสิ่งที่พวกพี่ทำไม่ได้มาให้ผมไม่ใช่รึแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ด้วย” ท่าจะไม่ง่ายซะแล้ว ในใจของมีนคงถือข้างธนิกมาก่อนผมซึ่งก็เป็นธรรมชาติ เพราะผมก็เหมือนคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักพวกเธอ“พี่เข้าใจ. . . พวกเราถึงได้ให้เวลาเธอทำใจ” มีนถอนหายใจ“ทำไมถึงใช้คำว่า “ทำใจ” ล่ะครับ แปลว่าผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างนั้นหรือนี่ชีวิตของผมนะครับ”“นิกถึงได้อ้างเรื่องว่าแม่ของเธอทำให้ตระกูลเราวายวอดไงและเรียกร้องให้เธอชดใช้ความผิดแทนแม่ ถึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นแต่ก็คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่นิกจะใช้รั้งตัวเธอไว้”“หมายความว่ายังไงครับ แม่ผมไปทำอะไรไว้” ผมทั้งอยากรู้และทั้งหงุดหงิดทำไมผมต้องรับผิดชอบปัญหาที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นด้วย แต่หากคิดว่าทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายละก็ผมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าพลังพิเศษนี้คงไม่ได้มาเปล่า ๆ หรอกสักวันคงต้องนำปัญหาบางอย่างเข้าตัวจนได้ถึงกับมีคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้โผล่ออกมาเรียกร้องให้ชดใช้ความผิดแทนแม่เลยทีเดียว“ที่เล่าให้ฟังทั้งหมดก็เยอะมากแล้ว ถ้านิกรู้ต้องโมโหแน่เลยพอก่อนดีกว่า” มีนทำท่าทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้“ยังไงวันนี้เธอก็ได้รู้จักตัวเองและพวกพี่เยอะขึ้นหวังว่าเธอคงยอมเปิดใจบ้าง วันหน้าถ้าเราคุยกันได้อย่างสนิทใจพี่เชื่อว่าทุกคนจะกล้าเล่าทุกอย่างที่เธอต้องการรวมทั้งเรื่องของแม่เธอและวันนั้นเธอก็จะรู้เองว่าพลังของพี่คืออะไร” มีนสรุปให้และเตรียมตัวเก็บของลาหลังจากคุยเปิดอกแล้วเธอดูสงบเย็นขึ้นมากทีเดียว ตรงข้ามกับผมซึ่งในใจกลับรุ่มร้อน...วันหน้าที่สนิทใจงั้นหรือ?ตลกสิ้นดีผมไม่เคยยอมรับใครง่ายๆ ยิ่งเป็นพวกศรศิลป์กินกันไม่ลง ใช้พลังควบคุมก็ไม่เป็นผลแถมรู้ความลับและชีวิตส่วนตัวว่าผมเป็นใครและทำอะไรไว้บ้างย่อมไว้ใจไม่ได้ฝันไปเถอะ...ใครก็ตามที่ถือดีเข้ามาวุ่นวายในโลกที่ผมเป็นคนกำกับผมจะไม่ปล่อยไว้แน่...ต่อให้เป็นพวกเดียวกันก็ตาม. . .......“นังแพศยา! งามหน้านักนะ!”...ดารินทร์ถูกตบจนกระเด็นล้มกองกับพื้นในห้องอาหารที่เธอเคยพาชู้ชั่วคราวมาระเริงสวาทบรรดาลูกจ้างในบ้านต่างแอบฟังตามซอกหลืบจากนอกห้องอย่างแนบเนียบทั้งอยากรู้อยากเห็นและสงสาร แต่เหตุผลอย่างแรกคงจะมีน้ำหนักกว่าเพราะถึงสงสารแค่ไหนก็ไม่มีใครห้ามปรามคุณผู้ชายได้ เขาฟิวส์ขาดแล้ว“พ่อคะ พอได้แล้วค่ะ แม่จะตายอยู่แล้ว” เกรซกอดเข่าอ่อนวอนผู้เป็นพ่อ“แค่นี้ยังน้อยไป ดูแม่แกซิประสาทไปแล้ว ไล่มันไปอยู่โรง’บาลไป๊!”“ฮืออออ คุณคะ ฉันไม่รู้จริง ๆว่าทำเรื่องอย่างนั้นลงไปได้ยังไง ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ” เป็นเวลากว่ายี่สิบนาทีแล้วที่ดารินทร์ถูกสามีซ้อมเธอเงยหน้าบวมช้ำขึ้นมาเรียกร้องให้สามีเพลามือลงจริงอยู่ที่เธอทำงานพิทักษ์สิทธิสตรีย่อมมีช่องทางต่อสู้ด้วยข้อกฎหมายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธอหากแต่กรณีนี้เธอก่อเรื่องผิดศีลธรรมร้ายแรงขึ้นมาเองจนสามีถึงกับลงมือซึ่งนั่นก็อาจเรียกได้ว่าทางสามีมีความชอบธรรมอยู่บ้าง ติดก็แต่ตรงที่. . ....ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดได้อย่างไร?...แม้แต่เกรซก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เธอรู้สึกเหมือนกับมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดเธอจำได้แต่เพียงช่วงหลังแม่ของเธอพาผู้ชายมาแปลกหน้ามาหลับนอนในบ้านอย่างไม่อายผีสางและเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ดูการร่วมเพศระหว่างแม่แท้ ๆ กับชายแปลกหน้าถูกข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยวและถูกบังคับให้กลืนกินอะไรบางอย่างที่น่าสะอิดสะเอียนแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที รู้แต่ว่าเมื่อนึกถึงคราใดก็เจ็บปวดร้าวลึกถึงกระดูกดำเป็นความทรงจำต่ำทรามที่สุดในชีวิตตั้งแต่เธอเกิดมายิ่งไปกว่านั้นหลังจากเหตุการณ์ที่เธอนั่งดูแม่ของเธอก่อเหตุอนาจารต่อหน้าธารกำนัลโดยที่ทำได้เพียงนั่งมองเฉยๆ นับแต่นั้นชีวิตเกรซก็เปลี่ยนไป เกรซถูกคนรอบข้างจ้องมองด้วยสายตารังเกียจได้รับการด่าทอทั้งแบบชี้หน้าด่าตรง ๆ และทางอ้อมว่าเป็นลูกของนักการเมืองบ้ากามโรคจิต เธอไม่อยากไปเรียน ไม่อยากช็อปปิ้งไม่อยากเที่ยวกลางคืน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ว่าเธอจะไปอยู่แห่งหนใดคนที่เห็นหน้าเธอก็จะนึกเชื่อมโยงถึงผู้หญิงอุบาทว์นามดารินทร์ทุกครั้งไป เวลานี้เกรซอยากสลายร่างหายไปจากโลกเฉย ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย“ผมขอหย่ากับคุณ! ผมอยู่กับผู้หญิงกะหรี่ไม่ได้!ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลป่นปี้หมดแล้ว” ในที่สุดฝ่ายสามีหยุดซ้อมแต่ยังเดินวนไปมาในห้องด้วยความหัวเสีย“อย่า. . . อย่าทำอย่างนั้นกับฉัน ฮือออออ” ดารินทร์ร่ำไห้คร่ำครวญ“พ่อจะหย่ากับแม่. . .จริง ๆ เหรอคะ” เกรซถามด้วยสีหน้าว่างเปล่าราวแผ่นกระดาษ“อย่าทำให้พ่อลำบากใจ!ลูกไม่เห็นเหรอว่าแม่เค้าก่อเรื่องร้ายแรงแค่ไหนอาศัยบารมีนามสกุลวิ่งเต้นให้ไม่ต้องเข้าคุกนี่ก็บุญโขแล้วนะยัดไปกี่ล้านแล้วรู้ไหม!”“พ่อจะอ้างอะไรก็อ้างไป แต่. . .ถ้าหย่ากันเมื่อไหร่เตรียมจัดงานศพหนูต่อได้เลย” เกรซท้าทายพ่อ“อย่าเสือก! ไม่ใช่เรื่องของเด็ก!!” ท่อนขาที่เกรซกอดรั้งอยู่ตวัดพรวดจนเหวี่ยงร่างกระแทกฝาผนัง“อ๊ายยยย! เกรซ!? ลูก! ลูกกกกกก!” ดารินทร์หวีดร้องด้วยความตกใจ เธอร้องไห้จนเสียสติไปแล้วแต่ยิ่งร้องดังเท่าไหร่ฝ่ายสามีก็ยิ่งกราดเกรี้ยวอาละวาดพังข้าวของในห้องอาหารแตกหักเสียงดังโครมครามนาทีนี้เกรซไม่สนแล้วว่าใครจะทำอะไร เธอโกยร่างลุกขึ้นออกไปเงียบ ๆท่ามกลางพายุแห่งความบ้าคลั่งที่พัดกระหน่ำทั่วห้อง...“ทำไมครอบครัวฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้?”“ชาติที่แล้วฉันเคยไปทำครอบครัวคนอื่นไว้หรือเปล่า?”“ทำไม ทำไม ทำไม?”เกรซบ่นพึมพำซ้ำไปมาระหว่างขึ้นบันไดเข้าห้องตัวเองในหัวมีแต่ภาพทุ่งหญ้าเวิ้งว้างไร้ขอบเขตเธอไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตนับจากนี้ต่อไปอย่างไร จะสู้หน้าผู้คนได้อย่างไร แม้กระทั่งชีวิตครอบครัวก็พังทลายทุกอย่างช่างมืดมนไปหมด...หลังจากล็อคประตูห้องเกรซตรงไปที่ตู้เก็บของใช้ส่วนตัว ...เธอหยิบกระปุกยานอนหลับขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา...ขณะที่เธอกำลังหลับตาตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นดึงเธอจากห้วงนึกคิดดุจเสียงจากนาฬิกาปลุก...เกรซมองชื่อเจ้าของเบอร์โทรฯก่อนตัดสินใจรับ“ดีเหมือนกัน. ..ถ้าเป็นคนนี้คงช่วยประชาสัมพันธ์งานศพฉันได้” เธอคิด..“ฮัลโหล โทรมาได้จังหวะพอดีเลยฝากบอกเพื่อนคนอื่นด้วยนะว่ากูจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”“เฮ้ย เป็นไรไปวะ คุยกันก่อน” ปลายสายถาม..“ร้อยวันพันปีไม่เคยคุยกันมึงโทรมาตอนนี้จะให้กูเชื่อเหรอว่ามึงไม่รู้เหี้ยอะไรเลย!”.“เออ! แม่กูเหี้ย! แม่กูเลว!สะใจมึงรึยัง อยากได้ยินแบบนี้ใช่ไหม!” เกรซประชดเสียงดุดันอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย“อยากด่า อยากกระทืบซ้ำอยากถามอะไรถามมาให้หมด! เดี๋ยวกูจะไม่อยู่ให้พวกมึงเซ้าซี้แล้ว!” เสียงของเธอกระเส่าในลำคอคล้ายคนร้องไห้“จะฆ่าตัวตายเหรอ. . .” ปลายสายถามดูเหมือนจะแทงใจดำเพราะทำเอาเกรซสงบปากคำลงได้“ถ้าจะตายจริง ๆ ก็คงห้ามไม่ได้หรอกแต่ก่อนตายช่วยฟังอะไรนิดนึงสิ เผื่อจะเปลี่ยนใจ” ปลายสาย...“อย่าลีลา มึงมีอะไรก็รีบพูดมาไว ๆ”..“ มีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทุเรศๆ พวกนี้” ปลายสายเอ่ยขึ้น“ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ เข้ามาช่วยกันอีกแรงสิ”“มึงพูดอะไรของมึง กูไม่เข้าใจ?”..“ไม่มีทางเข้าใจหรอกจนกว่าจะได้เจอกันเดี๋ยวจะเข้าไปหาที่บ้าน อย่าเพิ่งตายซะก่อนล่ะถ้าอยากรู้ความจริงทั้งหมดมาร่วมมือกัน. . .”...“แล้วเราจะรุมแม่งให้ปางตายแบบที่มันเคยโดนตอนมอสาม.. .”..วีกล่าวจบแล้วกดวางสายลงเขายิ้มกริ่มมุมปากและเชื่อมั่นว่าเกรซจะยังรักษาลมหายใจรอจนกว่าเขาไปถึงบ้านเธอแน่นอนหลังจากที่มีนขอตัวลาเต๋อเรียบร้อยเธอก็ออกจากบ้านมาคนเดียวในใจเธอนึกแปลกอยู่เหมือนกันว่าเจ้าบ้านที่ดีควรจะเดินมาส่งแขกถึงรถแต่อย่างน้อยที่สุดเธอก็คิดว่าตนเป็นฝ่ายบุกมาหาเต๋อโดยไม่บอกกล่าวดังนั้นการไม่เดินมาส่งครั้งนี้ไม่ถือว่าผิดธรรมเนียม แค่เขาไม่ตะเพิดไล่ก็ดีถมแล้วระหว่างที่มีนกำลังจะขึ้นรถเธอเห็นเด็กชายตัวน้อยถือดาบเลเซอร์วิ่งซนจนหกล้มต่อหน้าด้วยสัญชาตญาณผู้หญิงทำให้เธอไม่สามารถดูดายได้“ตายแล้ว เจ็บรึเปล่า ระวังหน่อยสิหนู” มีนเข้าพยุงให้เด็กน้อยห้าขวบลุกขึ้นได้“พ่อแม่ไปไหนนะ ไม่ดูแลเด็กเลย” เธอบ่นกับตัวเอง แต่ก็เข้าหูผู้เกี่ยวข้องจนได้...“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายไม่อยู่ค่ะไปธุระต่างประเทศ”..แม่บ้านบัวกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ตอบแทนให้..“พี่เป็นพี่เลี้ยงน้องเหรอคะ” มีนเดาจากสำเนียงคนต่างจังหวัดที่พูดภาษากลางไม่ค่อยชัดและการแต่งกายของแม่บ้านบัว“ดูแลเด็กด้วยสิคะปล่อยให้วิ่งเล่นกลางถนนอย่างนี้อันตรายนะคะ น้องยังตัวเล็กแค่นี้เอง”“ขอบคุณค่ะ ต่อไปพี่จะระวังค่ะ” แม่บ้านบัวกุลีกุจอขอบคุณ..“และนี่เป็นการตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆค่ะ” แม่บ้านบัวกดสายยางรดน้ำฉีดไปยังมีน“ว้าย! อะไรกันเนี่ย!” มีนป้องหน้าตาไม่ให้เปียกน้ำ แต่ก็ปกปิดได้เพียงบางส่วนเพราะแม่บ้านบัวเล่นฉีดน้ำเต็มแรง จนกระทั่งเห็นว่าเปียกทั่วตัวแล้วจึงหยุด“ทำอะไรของคุณ!” มีนเอ็ดขึ้น ทั่วร่างเธอเปียกโชกจนเสื้อผ้าแนบเนื้อ“โอ้โห! นมโตน่าบีบจังฮะ!” เด็กห้าขวบที่เธอช่วยเมื่อกี้พูดขึ้นพลางใช้ดาบเลเซอร์ชูขึ้นแกว่งไกวปลายดาบไปมาบริเวณหน้าอกเธอ“เด็กบ้า!” มีนร้อง แต่ฉับพลันสามัญสำนึกก็แว่บผุดขึ้นมาทันที...“เต๋อสินะ?”สีหน้าเธอฉายแววตระหนกเมื่อหันมองไปทางบ้านของเต๋อก็ปิดเงียบมิดชิดบางทีเต๋ออาจจะใช้โทรจิตสั่งการผู้คนจากด้านใน“เล่นกันอย่างนี้เหรอ” มีนพูดด้วยความโกรธ แต่ไม่ทันที่จะคิดต่อไปปัญหาใหม่ก็เข้ามาถาโถมไม่ให้ตั้งตัวคนงานก่อสร้างจากบ้านอีกฝากหนึ่งซึ่งกำลังแต่งเติมบ้านสี่คนวิ่งกรูเข้ามาล็อคตัวมีนไว้“แหะ ๆ สวยฉิบหาย น่าจับทำเมีย” คนงานที่ล็อคหลังมีนพูดขึ้น ที่เหลือลวนลามด้วยสายตาจ้องมองร่างกายที่เปียกโชกของเธออย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ทั้งยังแสดงแววตาหื่นกระหายน้ำลายไหลเยิ้ม เดินวนสูดจมูกฟุดฟิดไปมาเหมือนกลุ่มไฮยีน่าจ้องรุมเหยื่อ“ปล่อยนะพวกบ้า!” มีนร้องต่อว่าไปอย่างนั้นเองเธอก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้กระทำการจากความคิดตนเอง ตัวการที่แท้จริงเร้นกายซ่อนอยู่ในบ้านต่างหาก“เป็นเมียพี่เถอะ กลางถนนนี่เลยดีมั้ย” คนงานคนหนึ่งลูบไล้ปอยผมมีนขึ้นสูดดมกลิ่นเหงื่อไคลจากตัวคนเหล่านี้ทำให้มีนคลื่นเหียนเวียนศรีษะ“ช่วยด้วยยยยยยยยยย!” มีนร้องลั่น แต่เปล่าประโยชน์ไม่มีใครสนใจแม้กระทั่งรถที่ขับผ่านไปมาในหมู่บ้าน หรือคนที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในบ้านก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน...ตอนนี้เธอรู้ซึ้งแล้วว่าทำไมธนิกถึงต้องการตัวเต๋อโลกจะบูดเบี้ยว ผู้คนจะทำตัวสูงต่ำอย่างไรอำนาจโทรจิตของเขาสามารถเนรมิตได้อย่างเบ็ดเสร็จ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ไม่มีใครช่วยเธอได้ตราบเท่าที่เต๋อยังไม่อนุญาต..“เฮ้ย อย่าเอาเปรียบเด็กสิให้เด็กเล่นก่อน เราเป็นผู้ใหญ่ต้องเสียสละสิ” คนงานคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นเด็กชายห้าขวบน้ำลายย้อยจ้องทรวดทรงองค์เอวของมีน“ไอ้หนู อยากทำไรทำเลย” คนงานเชียร์เด็กน้อย“น้า ๆ ขอลองเอาดาบแยงหีเล่นหน่อยนะฮะ” เด็กเปรตแลบลิ้นเลียดาบเลเซอร์ แสงไฟและเสียงฉึก ๆ ฉัก ๆจากดาบของเล่นทำให้มีนว้าวุ่นแม้มันจะไม่ใช่ของมีคมหรืออันตรายแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่น่าเอามาเล่นอุบาทว์เช่นนี้เด็กที่ถูกสะกดจิตรู้เดียงสาจนน่ากลัวบัดนี้มันเอาดาบแหย่เข้าใกล้ “บริเวณนั้น” ขึ้นทุกทีเธอไม่สามารถขัดขืนได้เพราะมีคนงานช่วยจับขาเธอไว้น้ำตาเริ่มเอ่อไหลเมื่ออับจนหนทางหนี เธองัดไม้ตายสุดท้ายตะโกนขึ้นสุดเสียง...“ถ้าฉันเป็นอะไรไปล่ะก็!นิกไม่ปล่อยเธอไว้แน่!!”.....ผมเปิดประตูบ้านออกมาและสั่งให้ทุกคนหยุดไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่หรอกนะ..“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมระเบิดก๊ากออกมา..“เป็นไงพี่มีน ขวัญเสียเลยนะครับนึกว่าผมจะทำจริงเหรอ” ผมยักไหล่ยียวนพลางหัวเราะมีนงุนงงที่จู่ ๆ ทุกอย่างก็คลี่คลายลงดื้อ ๆเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งของรายการสร้างสถานการณ์อำคนแรง ๆ ให้คนดูสนุกสนาน...“เล่นแรงไปแล้วนะ” มีนผ่อนลมหายใจระงับความโกรธขณะที่ผมสั่งให้ทุกคนเดินกลับเข้าบ้านใครบ้านมัน“นี่ไม่ใช่การล้อเล่น แต่เป็นการทดสอบครับ” ผมเฉลย“เธอว่าไงนะ!?”“ดูจากสถานการณ์กดดันที่ผมจำลองขึ้นจึงรู้ว่าพลังของพี่ใช้เอาตัวรอดในภาวะคับขันไม่ได้เลยไม่ว่าในแง่ไหนก็ตาม ถึงผมยังไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรได้ก็ช่างปะไรเอาเป็นว่าถ้าตัวต่อตัว พี่แพ้ผมแน่นอน ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมยังกุมท้องหัวเราะไม่หยุด..“ที่ขู่จะบุกผ่านประตูเข้ามานั่นเป็นเพียงเกมทางจิตวิทยาเท่านั้นสินะครับ” มีนหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินผมพูดประโยคนี้..“เสียใจด้วยครับพี่ถ้าจะเล่นเกมจิตวิทยา สงครามประสาท ชิงไหวชิงพริบล่ะก็ขอบอกเลยว่าผมมีลูกล่อลูกชนเก็บไว้เล่นเยอะกว่าพี่ไม่รู้กี่เท่า ฮ่า ๆ ๆ”ยิ่งหัวเราะไปเรื่อยยิ่งขำจนปวดท้อง ห้ามไม่ไหวแล้วโธ่เอ๋ย นึกว่าจะแน่แค่ไหนนักเชียวอารมณ์โกรธเคืองแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นผู้มีพลังพิเศษคนนี้อันตรายกว่าที่มีนคิดไว้หลายขุมมันสมองกับความสามารถของเต๋อเกื้อหนุนทำงานประสานกันกลมเกลียวจน “คิด-ทำ” ได้แต่เรื่องเหนือความคาดหมายชนิดจับไม่ได้ไล่ไม่ทันตอนนี้เธอคิดว่าเต๋ออาจถือชัยชนะเหนือธนิกก็ได้หากเขาวางแผนมาเป็นอย่างดี“เพราะอยากรู้ว่าพี่มีความสามารถอะไร เธอทำได้กระทั่งใช้ให้เด็กทำเรื่องเลวทรามลงคอเชียวหรือ” มีนเอ่ย“ผมขายวิญญาณให้ซาตานที่เรียกว่า “อำนาจ” ไปแล้วเลวกว่านี้ผมก็ทำได้ถ้าจะช่วยให้ผมล้างแค้นพวกมันสำเร็จ ดังนั้น . . .” ผมกระแอมหยุดหัวเราะเพื่อเตรียมพูดจริงจัง..“ถอนตัวซะเถอะครับ อย่ายุ่งเกี่ยวกับชีวิตผมอีก”..“หึ ตามใจเธอ” มีนปัดปอยผมเปียกเสยไปด้านหลัง..“แต่นิมิตของณัฐไม่เคยพลาดอีกไม่นานเธอจะเป็นฝ่ายขอร้องให้เราต้องช่วย. . .”....“เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะเพิกเฉยจนกว่าเธอจะยกมือไหว้ขอโทษสำหรับสิ่งที่เธอทำกับฉันวันนี้" มีนทิ้งท้ายไว้ลายแค่นั้นแล้วจึงออกรถจากไป.....ผมคิดว่าเหตุการณ์วันนี้คงจะช่วยเขี่ยให้พวกรกหูรกตาหายไปพักหนึ่งอีกเดี๋ยวผมจะเริ่มเก็บพวกจตุรเทพแล้ว ดังนั้นจะปล่อยให้มีคนมาสอดไม่ได้โดยเฉพาะพวกผู้มีพลังพิเศษ...มีนอาจโกรธจนไม่เล่าความลับให้ผมฟังอีกแต่ช่างเถอะผมยอมถูกเหม็นขี้หน้าแลกกับการหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายอันตรายมากน้อยเพียงใดก็ถือว่าคุ้มกว่าเพื่อความมั่นใจผลสรุปคือคู่ปรับจริง ๆ ของผมมีเพียงธนิกเท่านั้นที่เหลือถ้าประจัญหน้ากับผมล่ะก็ย่อยยับแน่นอน แถมผมยังเหลือไพ่อีกใบหนึ่งเด็กที่ชื่อณัฐท่าทางอ่อนต่อโลก ดูปั่นหัวง่ายจะตายไป..ผมนั่งดูเฟสบุ้คติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของแต่ละคนไปเรื่อยมีข่าวดีที่ควรจะบอกกล่าวให้ทราบทั่วกัน..ก่อนปิดเทอมนี้จอยได้เป็นนางเอกละครเวทีนิเทศศาสตร์ ละครจะเริ่มแสดงเร็ว ๆ นี้จอยชอบทำให้ผมเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นตลอดมาถึงเวลานี้ถ้าผมจะขอหยอกเล่นคืนบ้างก็คงไม่น่าเกลียดนัก..นับเป็นเรื่องน่ายินดีก่อนออกล่าจตุรเทพ ถ้าได้โหมโรงด้วยการสังเวยพวกอ่อน ๆอุ่นเครื่องไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย..ข้อมูลในเฟสบุ้คละครเวทีนิเทศศาสตร์เรื่อง“เดอะ สเปลมนต์ดำทำเพื่อเธอ” กล่าวถึงเนื้อโดยสังเขปเกี่ยวกับแม่มดสาวผู้ใช้เวทย์มนต์แอบช่วยเหลือชายหนุ่มผู้เป็นที่รักจนกระทั่งเขาผ่านพ้นอุปสรรคความยากลำบากต่างๆ แม้ว่าในกฎเหล็กเมืองมีข้อห้ามมิดให้ผู้คนใช้คุณไสยและมีบทลงโทษอย่างรุนแรงใครถูกจับใดว่าเป็นแม่มดต้องถูกเผาทั้งเป็น. . .จอยรับบทเป็นแม่มดนางเอก. ...บทอ่อนไปหน่อยคาดเดาเนื้อเรื่องได้ ยังไม่ดึงดูดความสนใจ ยังไม่ฉีกกรอบผมอยากเห็นอะไรที่ไม่ซ้ำซากจำเจ...เห็นทีคงต้องถือวิสาสะเข้าไปเขียนบทใหม่เอาให้ระทึกขวัญทั้งนักแสดงและผู้ชม...จบตอนที่ 15 รู้เขารู้เรา

lekthai โพสต์ 2021-9-16 23:27:10

ขอบคุณ

ShangHai โพสต์ 2021-9-28 20:10:32

ขอบคุณครับ {:5_120:}

slavebottomgay โพสต์ 2022-3-2 01:05:13

ขอบคุณครับ

แมลง โพสต์ 2022-3-2 03:31:13

สุดยอด

pcn2104 โพสต์ 2022-10-7 08:51:49

ขอบคุณครับ

slavemebdsm โพสต์ 2023-3-22 07:42:57

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2023-7-11 01:15:07

สนุกมากครับ

terabesia โพสต์ 2023-10-20 12:40:54

ขอบคุณครับ

zongsome1234 โพสต์ 2024-2-20 03:52:56

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 15 รู้เขารู้เรา CP