เส้นทางของคนร่าน ตอนที่ 8
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jokecup เมื่อ 2021-11-8 22:11เส้นทางของคนร่าน
ตอนที่ 8
สารวัตรก้องเกียรติต้องเปลี่ยนงานเลี้ยงต้อนรับผู้กองอรรถวิทย์จากงานเล็กๆ กินเลี้ยงกันแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพัก เป็นงานเลี้ยงใหญ่ในทันทีที่รู้ข่าวว่าผู้กำกับจักรและครอบครัวจะเดินทางมาร่วมงานด้วยเขารีบสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดเตรียมงานให้สมเกียรติ แต่ไม่ได้เป็นเกียรติต่อผู้มาใหม่กลับเป็นแขกผู้มาร่วมงานต่างหากที่ได้รับความสำคัญที่สุดในงานนี้
คนที่มีปฏิกิริยาต่อข่าวนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นชาติสยามที่จากตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่เข้าร่วมงาน และยื่นใบลาล่วงหน้าแล้วด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากลับเปลี่ยนใจแต่ทุกคนก็ดูออกว่าชาติสยามไม่ได้อยากอยู่เพื่อต้อนรับอรรถวิทย์หรืออยากสังสรรค์กับคนในโรงพักแต่อย่างใด แต่เขาตั้งใจอยู่เพื่อเอาหน้ากับว่าที่พ่อตาเสียมากกว่าเพราะการนั้น ชาติสยามจึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานไม่ได้ออกมาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ จัดเตรียมงานอย่างที่ควรจะเป็น
ส่วนอรรถวิทย์นั้นแม้เขาจะรู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติจากนายตำรวจที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในจังหวัด แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวี่แววที่เขาจะได้รับความสนใจจากผู้กำกับจักรมาก่อน
ผู้กำกับจักรและครอบครัวเดินทางมาถึงงานในช่วงพลบค่ำการมาถึงของเขามีชาวบ้านมาให้การต้อนรับอย่างคับคั่งเพราะไม่บ่อยนักที่จะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เดินทางมาถึงที่อำเภอนี้ นายตำรวจใหญ่ขึ้นไปกล่าวเปิดงานและให้โอวาทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพรวมแต่ขณะเดียวกันก็เอ่ยชื่ออรรถวิทย์เพื่อเป็นเกียรติกับผู้มาใหม่ที่เป็นบุคคลสำคัญในงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย
ขณะที่ชาติสยามรีบออกหน้าแสดงความเป็นเจ้าของลูกสาวนายตำรวจใหญ่ทันทีเขาตรงเข้าไปหามินนี่ และตามติดเธอทุกฝีก้าว แต่งานชาติสยามไม่ได้มีโอกาสที่จะได้อยู่กับมินนี่เพียงลำพังเพราะมินนี่พาปองพลเพื่อนสนิทของเธอมาร่วมงานด้วย
“ทำไมท่านผู้กำกับถึงเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วยครับมินนี่มันไม่ใช่งานสำคัญอะไรสักหน่อย”
ชาติสยามเอ่ยถามหญิงคนรักด้วยคำถามที่คาใจเขามาหลายวันแล้วขณะที่หญิงสาวพยายามทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดเชิงประชดประชันของอีกฝ่ายที่ฟังดูก็รู้ว่าพูดออกมาเพราะความรู้สึกอิจฉาผู้มาใหม่มินนี่จึงตอบออกไปอย่างกลาง ๆ ว่า
“คุณพ่อท่านไม่ได้ลงพื้นที่นี้นานแล้วค่ะพอทราบข่าวว่าจะมีการจัดงานเลยถือเป็นโอกาสอันดีขอมาร่วมงานด้วยกลัวว่าชาวบ้านที่นี่จะลืมท่าน”
“คุณพ่ออยากมาเจอชาวบ้านแต่มินนี่อยากมาเจอตำรวจที่นี่นะครับพี่ชาติ”
ปองพลพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรหวังแค่จะทำให้ชาติสยามหายขุ่นเคืองใจ แต่กลายเป็นว่ายิ่งไปโหมเชื้อไฟของชาติสยามให้แรงขึ้นไปอีกชาติสยามหันมาถามหญิงคนรักทันที
“หมายถึงใครเหรอครับ”
มินนี่ตกใจที่เหมือนโดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเธอจึงยืนอ้ำอึ้งตอบอะไรออกไปไม่ทัน ปองพลรีบแก้สถานการณ์ทันทีเขาหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วตอบแทนมินนี่ออกไปทันทีว่า
“ก็ต้องเป็นพี่ชาติสิครับจะเป็นใครได้”
“จริงอย่างที่ปองพูดใช่ไหมครับมินนี่”
คราวนี้มินนี่เริ่มไม่สบอารมณ์หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าเธอกำลังถูกคุกคามและเธอจะไม่ปล่อยให้ชาติสยามมาแสดงอำนาจใส่เธออย่างเด็ดขาด
“ชาติต้องการอะไรคะถ้าไม่เชื่ออย่างที่ปองพูด มินนี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอตัวนะคะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินผละจากเขาไปอย่างสิ้นเยื่อใยปองพลเห็นท่าไม่ดี เขารีบบอกกับชาติสยามทันทีว่า
“พี่ชาติใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวปองจัดการให้รับรองว่าวันนี้ยังไงมินนี่ก็จะต้องหายงอนพี่ชาติครับ”
ปองพลพูดจบไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา เขารีบผละตามมินนี่ออกไปทันทีเขารู้ว่าตอนนี้เหมือนพายุหึงกำลังพัดเข้าใส่ชาติสยามเต็มแรงแต่ที่ปองพลไม่รู้ก็คือ ที่มาของความหึงนี้คืออะไร เมื่ออยู่กับมินนี่ตามลำพังปองพลจึงรีบถามเพื่อนสนิททันที
“เกิดอะไรขึ้นยะมินนี่ ทำไมพี่ชาติเดือดดาลได้ขนาดนั้น เหมือนเขาหึงใคร หึงชั้นเหรอ”
“โทษทีนะปองที่ชั้นยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง ว่าคนที่บอกให้คุณพ่อมาร่วมงานวันนี้ก็คือชั้นเองแกจำได้ไหม ที่เราคุยกันครั้งล่าสุด ที่ชั้นบอกว่าอยากให้แกรู้จักใครคนนึง”
พูดจบมินนี่ก็หันตัวและปรายตาไปทางที่อรรถวิทย์ยืนอยู่ปองพลมองตามไปแล้วเพื่อนสาวของมินนี่ก็จิตใจกระเจิงทันทีที่เห็นนายตำรวจหนุ่มที่ชื่อ อรรถวิทย์
static/image/hrline/1.gif
ปองพลขับรถกลับโรงแรมที่พักของเขาด้วยใจที่เหม่อลอยแม้เขาจะดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไปไม่มาก แต่สภาพของเขาตอนนี้ไม่ได้ดูต่างจากคนมีอาการมึนเมาเท่าไร
‘เทพบุตร เทพบุตรชัด ๆ’
ปองพลคิดในใจในหัววนเวียนแต่ภาพของอรรถวิทย์ที่เขาเห็นในงานลอยฟุ้งไปฟุ้งมา
ครั้งแรกที่เขาช่วยเป็นสะพานทอดให้ชาติสยามเข้าถึงมินนี่จนทั้งคู่ได้คบหากันและทำให้เขาได้รางวัลชิ้นงามจากชาติสยาม นั่นก็ว่าเป็นบุญของเขาแล้วปองพลไม่คิดเลยว่าพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้จะยังมีช้างเผือกถูกส่งมาอีก
ขณะที่กำลังคิดเรื่องของอรรถวิทย์วนเวียนอยู่ในหัวไม่ได้หยุดอยู่ ๆ เสียงข้อความไลน์ก็ดังแจ้งเตือนขึ้นมา ปองพลหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความมันถูกส่งมาจากชาติสยาม
‘ขอบคุณปองมากที่ช่วยเรื่องมินนี่ตอนนี้เราปรับความเข้าใจกันแล้ว ถ้าไม่ได้ปองช่วยเตือนสติพี่และช่วยคุยกับมินนี่ให้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปขนาดไหนรางวัลที่ปองควรได้ในวันนี้ควรจะเป็นรางวัลชิ้นใหญ่ ปองบอกพี่มาได้เลยพี่รอที่จะตอบแทนปองไม่ไหวแล้ว’
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ปองพลคงจะตื่นเต้นกับข้อความที่เขาได้รับจากชาติสยามและรีบคิดว่าจะขอสิ่งใดเป็นรางวัลจากอีกฝ่ายแต่ตอนนี้ความกระเหี้ยนกระหือรือในจิตใจของปองพล ไม่ได้อยู่ที่ชาติสยามอีกแล้วแต่มันไปอยู่ที่นายตำรวจใหม่ที่ชื่ออรรถวิทย์
คืนนี้หลังจากถึงพี่พักปองพลคิดว่าต้องมีเรื่องคุยกับมินนี่ยาวแน่ ๆ
static/image/hrline/1.gif
ป่าไม้เขียวขจีที่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตานั้นทำให้อรรถวิทย์รู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย แม้จะรู้มาก่อนว่าจังหวัดที่เขาย้ายมาประจำการอยู่เป็นพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูงแต่นายตำรวจหนุ่มก็ไม่คิดว่ามันจะกินอาณาอาณาบริเวณกว้างไกลขนาดนี้
“ไม่ใช่พื้นที่ในความรับผิดชอบของผู้กองทั้งหมดหรอกครับ”
เจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกกับอรรถวิทย์ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่บนที่ทำการของสำนักงานป่าไม้ภาคตรงจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่นั้นมองเห็นทัศนียภาพของพื้นที่ป่าไม้ไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
“พื้นที่ป่าที่เห็นนี้เป็นพื้นที่ติดกันของ 2 จังหวัด แต่ในความเป็นจริงป่าไม้นี้กินพื้นที่อาณาบริเวณของ4 จังหวัดครับ แต่พื้นที่ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้เป็นพื้นที่ในส่วนรับผิดชอบของผู้กอง”
“ปัญหาที่ว่านี่มันเกิดขึ้นมานานรึยังครับ”
“ถ้าให้พูดตามจริงนานก่อนที่ผมจะมาอยู่เสียด้วยซ้ำครับ ยืดเยื้อ ยาวนานและมีคนต้องสังเวยชีวิตไปหลายคนแล้ว รายล่าสุดนี่ก็คนที่ 5 แล้วแต่อย่างว่า ผมก็เพิ่งย้ายมาที่นี่ได้แค่ไม่กี่ปี ไม่มีข้อมูลที่จะบอกเล่าให้ผู้กองได้ทราบเท่าไรเสียดายวันนี้ท่านป่าไม้ติดภารกิจไม่อย่างนั้นคงช่วยให้ผู้กองได้รับรู้สภาพปัญหาได้ดีกว่านี้ แต่ผมคิดว่าปัญหานี้ไม่น่าแก้ไขได้ง่าย ๆ เพราะถ้าแก้ได้คงถูกแก้ไปนานแล้ว เอาเป็นว่าถ้าท่านป่าไม่กลับมา ผมจะรีบหารือท่าน และนัดวันให้ผู้กองได้พบกับท่านป่าไม้นะครับ”
อรรถวิทย์ออกมาจากสำนักงานป่าไม้ด้วยความหนักใจคนที่ 5 แล้วที่เสียชีวิตจากข้อหาการรุกป่าแต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาที่หมักหมมอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ที่รอการชำระสะสาง
ขณะนั่งรถกลับอรรถวิทย์นิ่งเงียบไปจนชยุตย์สังเกตได้นอกจากนี้เขายังได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจออกมาเป็นระยะ
“ผู้กองหนักใจเหรอครับ”
อรรถวิทย์ได้สติทันทีที่ถูกอีกฝ่ายถามเขาถอนหายใจเฮือกใหย่อีกครั้ง ก่อนจะบอก
“ผมกำลังคิดว่าจะเริ่มจัดการเรื่องนี้ยังไง”
“อาจจะต้องปรึกษาท่านสารวัตร”
“คงต้องเป็นอย่างนั้น”
กว่ารถจะออกจากเขตพื้นที่ป่าก็เริ่มเย็นย่ำแล้วชยุตย์พยายามหาเรื่องผ่อนคลายมาชวนอรรถวิทย์คุย ไม่นานอรรถวิทย์ก็คลายอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดลงได้
“เป็นยังไงบ้างครับผู้กองมาอยู่ที่นี่ได้ครับเดือนแล้ว”
“ดีนะผมได้เรียนรู้อะไรจากที่นี่เยอะเลย มีเพื่อนร่วมงานดีด้วย ถ้าไม่นับ...”
อรรถวิทย์ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเขาหมายถึงใครก่อนจะกล่าวต่อว่า
“แต่อยู่นี่ไม่ดีอย่างนึง”
“อะไรเหรอครับ”
ชยุตย์ ในฐานะคนในพื้นที่อยากรู้ทันทีว่าสิ่งไม่ดีที่นายตำรวจรุ่นพี่เอ่ยถึงคืออะไร
“อาหารที่นี่อร่อยเกินไปเดือนเดียวนี่ผมน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลแล้วหมู่ ยิ่งเมียหมู่ดำเกิงนี่ตัวดีเลยทำกับข้าวอร่อยมาก ผมไม่แปลกใจเลยที่หมู่ดำเกิงมีหุ่นแบบนั้น”
แล้วนายตำรวจทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน
“แต่ถ้าผู้กองไม่พูดผมไม่รู้เลยนะครับว่าผู้กองน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลเท่าที่ดูตอนนี้ยังฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เลย”
“ช่วงนี้ผมเริ่มใส่ใจออกกำลังกายอย่างจริงๆ ก็เลยฟิตขึ้นมาหน่อยตอนนี้ก็พร้อมแล้วถ้าเกิดเจออะไรที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกาย”
“ไว้ผมต้องขอให้ผู้กองช่วยเรื่องการฟิตหุ่นสักหน่อยแล้วครับอยากมีกล้ามเนื้อบ้าง สักนิดก็ยังดี”
“ได้เลยครับพร้อมเมื่อไรก็บอกแล้วกันหมู่”
นายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มพราย
ตอนนี้ทั้งคู่เดินทางอยู่ในเส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยวรถราที่แล่นสวนกันไปมาก็เริ่มจะบางตาลงไม่ต่างจากอาคารบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง ได้แปรเปลี่ยนเป็นป่าที่มีแต่ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด
ขณะนั้นเองอยู่ ๆ ก็มีรถสปอร์ตคันหนึ่งแล่นแซงรถของพวกเขาไปด้วยความเร็วสูงพอขับแซงไปได้สักพักรถคันนั้นก็ออกอาการส่ายไปส่ายมาอย่างไม่รู้สาเหตุ อรรถวิทย์เห็นดังนั้นก็บอกให้ชยุตย์ขับรถตามรถคันนั้นไปทันทีชยุตย์จึงเปิดไซเรนแล้วเร่งเครื่องขับตามรถคันหน้าไปทันที
ขณะที่รถทั้งสองแล่นกวดกันมาในระยะกระชั้นชิดอยู่ ๆ รถสปอร์ตคันหน้าก็หักเลี้ยวรถไปทางขวาอย่างกระทันหัน จนผู้ที่ขับรถตามต้องหักพวงมาลัยอย่างสุดกำลังเพื่อตามไปถนนเส้นนั้นดูเหมือนจะยังไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเพราะไม่มีรถคันอื่นเข้ามาร่วมใช้เส้นทาง ชยุตย์จึงใช้ช่วงจังหวะนี้เหยียบคันเร่งเพื่อหวังจะไล่กวดให้ทันแต่ดูเหมือนผู้ที่อยู่ข้างหน้าจะไม่ยอมเช่นกันเพราะเร่งเครื่องขับหนีห่างออกไป
แล้วพอถึงช่วงที่เป็นคุ้งน้ำใหญ่ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ รถคันหน้าก็สะบัดเลี้ยวรถลงคลองข้างทางที่เต็มไปด้วยจอกแหนแทนชยุตย์ที่เร่งเครื่องตามมารีบเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถโดยเร็ว ขณะที่อรรถวิทย์ที่นั่งอยู่ฝั่งที่เห็นเหตุการณ์ได้ถนัดกว่าเห็นคนขับรถสปอร์ตเปิดประตูออกจากรถที่กำลังจะจมน้ำ แล้วรีบว่ายหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ผู้กองหนุ่มร้องอุทานเขารีบเปิดประตูรถแล้วกระโจนตามลงไปในน้ำทันที ชยุตย์มองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตกใจเขารีบกดมือถือติดต่อไปที่สถานีตำรวจเพื่อตามกำลังเสริม
คนที่ว่ายอยู่ข้างหน้าคงไม่รู้ว่าอรรถวิทย์เป็นนายตำรวจที่มีทักษะด้านกีฬาจึงเลือกใช้วิธีนี้ในการหลบหนี แต่เพียงไม่นานเขาก็รู้ว่าตนเองนั้นคิดผิด เพราะอรรถวิทย์ใช้เวลาไม่นานก็เข้าถึงตัวผู้ที่ว่ายนำหน้าได้สำเร็จและดูเหมือนผู้ที่ถูกไล่ตามเองก็คงจะหมดเรี่ยวแรงด้วยเช่นกันเพราะหลังพยายามขัดขืนได้ไม่นาน เจ้าตัวก็ยอมโดนลากกลับขึ้นฝั่งแต่โดยดี
ชบุตย์ที่ยืนรออยู่ด้านบนรีบเข้าไปช่วยดึงทั้งสองขึ้นจากน้ำ ร่างของผู้ที่ขึ้นจากน้ำทั้งคู่เต็มไปด้วยจอกแหเชยุตย์รีบสวมกุญแจมือคนร้าย ก่อนจะพาไปนั่งที่ตอนท้ายของรถตำรวจ
“คงต้องตามรถยกมาลากรถขึ้นจากน้ำ”
อรรถวิทย์ที่มีอาการหอบโยนบอกกับชยุตย์
“ผมแจ้งไปแล้วครับแต่คงอีกสักพักใหญ่กว่ารถจะมาครับ เพราะเจ้าหน้าที่ออกเวรกันไปแล้ว”
“งั้นพามันกลับไปสอบสวนที่โรงพักผมว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าขับรถหวาดเสียวจนตกลงไปในน้ำเองพอรถยกมาค่อยให้เขาลากกลับไปหาหลักฐานเพิ่มเติมที่โรงพัก”
“ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกครับผู้กอง”
“ทำไมล่ะ”
อรรถวิทย์ถามออกไปด้วยความสงสัย
“คงเพราะทางใหม่นี่ยังไม่ได้เคลียร์พื้นที่น่ะสิยางรถเลยมีสภาพเป็นแบบนี้”
ชยุตย์ชี้ให้อีกฝ่ายดูยางล้อรถด้านหน้าซ้ายที่แบนจนติดถนน
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
อรรถวิทย์อุทานอย่างหัวเสียอีกครั้ง
“แล้วคงต้องรอสักพักใหญ่กว่าหน่วยซ่อมจะมาเพราะเขาแจ้งว่าจะมาพร้อมรถยกทีเดียว”
“งั้นระหว่างรอเดี๋ยวผมจะสอบสวนมันเอง”
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจอีกเพราะเมื่อเดินไปถึงตัวผู้ต้องสงสัย นายตำรวจทั้งสองก็เห็นว่าชายผู้นั้นนอนไม่ได้สติอยู่ที่เบาะรถไปแล้ว
“ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากรอ”
แล้วทั้งคู่ก็ออกมายืนรอที่หน้ารถตำรวจระหว่างนั้นอรรถวิทย์ก็ปัดจอกแหนที่ติดชุดตำรวจออกแต่ปัดเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะหมด แถมเขายังพบว่ามีรอยคราบเหมือนคราบน้ำมันติดเสื้อผ้าเขาด้วยอยู่ ๆ ผู้กองหนุ่มก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาหันไปบอกกับนายตำรวจรุ่นน้องว่า
“หมู่ช่วยวอบอกทางสถานีให้ช่วยเอาชุดมาให้ผมเปลี่ยนด้วยสิ”
“ได้ครับผู้กอง”
ชยุตย์ก้มลงไปสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ของสภ. ตามที่อรรถวิทย์บอก พอหันกลับมาเขาก็เห็นนายตำรวจรุ่นพี่ถอดเสื้อตำรวจออกจากตัวแล้วอรรถวิทย์เอาเสื้อมาสะบัดไล่น้ำและจอกแหนออก ก่อนจะเอามันผึ่งที่ประตูรถหลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อชั้นในสีขาวออกผึ่งตามมาตอนนี้ท่อนบนของนายตำรวจหนุ่มเปลือยเปล่า อวดมันกล้ามให้นายตำรวจรุ่นน้องเห็น
“ไม่คิดว่ามาเที่ยวนี้จะได้รื้อฟื้นความเป็นนักกีฬาเก่า”
อรรถวิทย์กล่าวอย่างติดตลก
“ผู้กองเป็นนักกีฬาเก่านี่เองมิน่าถึงหุ่นดีมีกล้ามเนื้อ ดูอย่างนี้ไม่เห็นอ้วนเลยสักนิดครับ”
“กว่าจะฟิตได้ขนาดนี้ก็ใช้เวลาไม่น้อย”
ว่าแล้วอรรถวิทย์ก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาเบ่งกล้ามให้นายตำรวจรุ่นน้องดูซึ่งชยุตย์ก็มองมันด้วยความทึ่งจัด
“นี่คือหุ่นในฝันแบบที่ผมอยากมีเลยครับผู้กอง”
“ถ้าอย่างนั้นหมู่ต้องขยันฟิตออกกำลังกายให้ได้ทุกวันแล้วล่ะ”
“เลยไปเกือบถึงตัวเมืองมีร้านฟิตเนสอยู่ครับไว้ผมพาผู้กองไปดู ผมอยากให้ผู้กองช่วยสอนผมออกกำลังกายหน่อย”
“ยินดีเลย ผมจะไดเฟิตหุ่นของตัวเองด้วยมาที่นี่ทำได้แค่ออกไปวิ่ง รู้สึกว่าตัวเองยังใช้แรงไม่พอ ว่าแต่หมู่ในรถเรามีน้ำเปล่าอยู่บ้างไหม”
“มีอยู่ครับผู้กองจะเอามาล้างตัวใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”
พูดจบชยุตย์ก็เดินไปที่ท้ายรถเปิดมันออกแล้วหยิบน้ำขวดใหญ่สองขวดออกมาแต่ตอนที่เขากำลังจะเดินกลับมาเขาก็ต้องตกใจที่เห็นนายตำรวจรุ่นพี่กำลังเอากางเกงตำรวจพาดตากไว้ที่หลังคารถทั้งเนื้อทั้งตัวของนายตำรวจรุ่นพี่ตอนนี้มีเพียงกางเกงชั้นในสีขาวตัวจิ๋วใส่ติดกายเพียงตัวเดียวชยุตย์ไม่คิดว่านายตำรวจรุ่นพี่จะกล้าเปลือยขนาดนี้บนท้องถนนถึงแม้ถนนเส้นนี้จะแทบไม่มีรถแล่นผ่านมาเลยก็ตามที
ขณะที่อรรถวิทย์เมื่อตากกางเกงเสร็จเขาหันมามองทางตำรวจรุ่นน้องเพราะยังไม่เห็นชยุตย์เอาน้ำมาส่งให้ พอเขาเห็นชยุตย์ยืนชงักนิ่งอยู่ท้ายรถอรรถวิทย์ก็ส่งเสียงบอกออกไปว่า
“ผมเริ่มคันแล้วหมู่ขอน้ำให้ผมล้างตัวหน่อย”
ชยุตย์ได้สติเขารีบเอาขวดน้ำไปยื่นให้นายตำรวจรุ่นพี่อรรถวิทย์รับน้ำมาขวดหนึ่งก่อนจะรีบเปิดแล้วเอาน้ำเทราดจากหัวตัวเองลงมาขณะที่ชยุตย์กำลังจะยื่นน้ำอีกขวดให้ นายตำรวจรุ่นพี่ก็เอ่ยกับเขาว่า
“ผมจะขอวานหมู่ให้ช่วยราดน้ำที่ข้างหลังให้ผมหน่อยผมกลัวจะราดไม่ทั่วแล้วไม่สะอาด”
ชยุตย์ไม่อาจปฏิเสธได้เขาจึงเปิดขวดน้ำออก ขณะที่อรรถวิทย์ก็หันหลังมาทางเขาแล้วบอกกับนายตำรวจรุ่นน้องว่า
“ค่อย ๆ เทนะ”
ชยุตย์ทำตามอย่างว่าง่ายเขาค่อย ๆ เทน้ำลงที่หลังของนายตำรวจรุ่นพี่ น้ำนั้นค่อย ๆ ไหลลงมาเรื่อย ๆขณะที่ชยุตย์ก็ค่อย ๆ เทราดมันต่ำลงมาเรื่อย ๆพอชยุตย์เทน้ำมาได้ถึงตรงบั้นท้ายน้ำก็หายจากขวดไปครึ่งหนึ่งพอดี
“ผมอยากจะทำความสะอาดส่วนล่างให้ทั่วหน่อยกลัวว่ามันจะสกปรกแล้วมีตัวอะไรไชเข้าตามง่ามตามรู”
“ผู้กองจะทำยังไงครับ”
“ผมคงต้องถอดกางเกงในออกขออนุญาตนะ”
ว่าแล้วอรรถวิทย์ก็เอามือทั้งสองข้างจับที่ขอบกางเกงชั้นในตัวจิ๋วแล้วค่อย ๆ รูดมันลงออกจากปลายเท้าตอนนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าชยุตย์คือก้นที่แน่นเป็นลูกของนายตำรวจรุ่นพี่
ชยุตย์มองภาพตรงหน้าไปใจของเขาเต้นแรง มือที่ถือขวดน้ำอดสั่นไม่ได้ เขาเอามือเทน้ำในขวดที่เหลือให้มันไหลไปทางร่องก้นของนายตำรวจรุ่นพี่ขณะที่อรรถวิทย์ก็ค่อย ๆ ค้อมตัวลงไปข้างหน้าแล้วเอามือทั้งสองข้างจับที่แก้มก้นของตัวเอง แล้วค่อย ๆ จับมันถ่างออกอย่างช้า ๆจนเห็นรูตูดอย่างชัดเจน
“ไม่มีตัวอะไรติดอยู่ใช่มั้ยหมู่ช่วยดูให้ผมหน่อย”
ชยุตย์ไม่อาจปฏิเสธได้เขาค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปสำรวจรูตูดให้นายตำรวจรุ่นพี่เขามองอย่างถี่ถ้วนก่อนจะบอกออกไปว่า
“ไม่น่ามีนะครับแต่ถ้าจะให้แน่ใจอาจจะต้องเขี่ยขนตูดของผู้กองดูให้ละเอียดอีกทีผู้กองทราบมั้ยครับว่าขนตูดผู้กองขึ้นดกมาก”
จากท่าทีตกใจในตอนแรกดูเหมือนตอนนี้ชยุตย์จะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลง ไม่เท่านั้น เขากลับนึกครึ้มอยากลองเล่นสนุกกับเนื้อตัวร่างกายของนายตำรวจรุ่นพี่เพราะเห็นความใจกล้าของอรรถวิทย์ เขาอยากรู้ว่านายตำรวจรุ่นพี่จะกล้าได้ขนาดไหน
ขณะที่อรรถวิทย์เหมือนถูกท้าทายเขาตอบกลับนายตำรวจรุ่นน้องไปว่า
“ผมไม่เคยเห็นขนตูดหรือรูตูดตัวเองหรอกหมู่”
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตถ่ายรูปรูตูดให้ผู้กองดูนะครับ”
“เอาสิ”
อรรถวิทย์ตอบรับเหมือนเป็นการถ่ายรูปปกติธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกัน ชยุตย์พอได้ยินอย่างนั้นก็หยิบมือถือของเขาขึ้นมา แล้วจัดการถ่ายรูปรอบๆ รูตูดของนายตำรวจรุ่นพี่ แต่เหมือนภาพที่ได้จะยังไม่น่าพอใจเขาจึงเริ่มออกคำสั่งกับอรรถวิทย์เพื่อให้ได้ภาพอย่างที่ต้องการ
“ยังได้รูปที่ไม่ค่อยโอเคเลยครับผู้กองก้มต่ำลงกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ เผื่อรูตูดมันจะแหกกว้างได้มากกว่านี้ นั่นดีครับ เอามือช่วยแหกรูตูดด้วย แต่ผมขอเอามือผมช่วยอีกแรงนะครับ”
ว่าแล้วชยุตย์ก็เอามือของเขาข้างหนึ่งแตะเข้าไปร่องตูดของอรรถวิทย์ข้างหนึ่งแล้วแหกมันออกจนกว้างที่สุด จนชยุตย์ได้ยินเสียงอรรถวิทย์หลุดเสียงร้องออกมา
“ผู้กองเจ็บหรือเสียงครับ”
นายตำรวจรุ่นน้องถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะบอกต่อว่า
“โอเคแล้วครับรูปนี้น่าจะใช้ได้”
ว่าแล้วชยุตย์ก็ยื่นมือถือลอดหว่างขาไปให้นายตำรวจรุ่นพี่ดูแล้วอรรถวิทย์ก็ตอบกลับมาอย่างกับเป็นคำพูดธรรมดาว่า“ดกจริง ๆด้วยสิ ผมคงต้องใหม่หมู่ช่วยจัดการมันให้หน่อย”
แล้วนายตำรวจรุ่นน้องก็เอามือข้างหนึ่งเทน้ำลงไปที่รอบๆ รูตูดนั้นแล้วใช้มืออีกข้างช่วยเขี่ยทำความสะอาดตรงขนตูดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตัวอะไรแปลกประหลาดหลงเหลือหรือเล็ดลอดอยู่ในขนตูดอันดกดำนั้นขณะที่ถูกไป นิ้วของนายตำรวจรุ่นน้องก็เผลอแทงเข้าไปในรูตูดของนายตำรวจรุ่นพี่เป็นระยะทำให้อรรถวิทย์สะดุ้งเป็นระยะ ๆ ไปด้วย ตามด้วยเสียงครางซี้ดซ้าดที่หลุดออกจากปากของอรรถวิทย์ให้ชยุตย์ได้ยินเป็นระยะๆ ด้วยเช่นกัน
พอชยุตย์แน่ใจว่าจัดการกับบริเวณรอบๆ รูตูดของอรรถวิทย์จนสะอาดหมดจดเรียบร้อยแล้ว เขาก็บอกกับนายตำรวจรุ่นพี่ออกไปว่า
“ขนข้างหลังสะอาดแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าขนข้างหน้าสะอาดไหม”
“อาจจะต้องขอให้หมู่ช่วยจัดการต่ออีกหน่อย”
ชยุตย์หลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบไม่นึกว่าการโยนหินถามทางของเขาจะได้รับการตอบสนองที่ทันท่วงทีขนาดนี้ ตอนนี้อรรถวิทย์หันหน้าเอาท่อนควยแข็งปั๋งมาให้เขาดูอย่างเต็มตาชยุตย์ไม่ได้แค่คิดว่าอรรถวิทย์ใจกล้า แต่น่าจะมีความหน้าด้านอยู่กับตัวไม่น้อยด้วย
เสียงวอจากวิทยุสื่อสารในรถตำรวจดังปลุกชายทั้งสองขึ้นมาจากความเงี่ยนชยุตย์รีบเดินไปสื่อสารก็ได้ความว่ารถช่วยเหลือกำลังจะมาถึงแล้วพอได้ยินดังนั้นชยุตย์ก็เหลือบตามองไปที่อรรถวิทย์ทันที เขาเห็นนายตำรวจรุ่นพี่กำลังเอาชุดตำรวจที่ตากกลับมาสวมใส่
แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวก็จบลงแค่ตรงนั้น
แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องที่รับรู้กันแค่อรรถวิทย์และชยุตย์เพียงสองคนเท่านั้น
เพราะยังมีอีกบุคคลที่ร่วมรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นด้วย
อยู่ในรถตำรวจ....
[โปรดติดตามตอนต่อไป]
สนุกเย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ผู้กองโชว์ได้ ก็โชว์เลยนะ ลุ้นๆเสียวๆ ขอบคุณ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ คนมันร่าน ปิดยังไงจะมิดล่ะ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ กำลังสนุก เสียดายจัง มาต่อนะครับ จบซะได้ โธ่ ขอบคุณครับ รอตอนต่อไปครับ