เส้นทางของคนร่าน ตอนที่ 11
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jokecup เมื่อ 2022-3-6 21:27หายไปนานมาก นานจนคิดว่าจะไม่แต่งต่อละ แต่ในที่สุดก็กลับมา 5555
ขอกลับมาแบบซอฟท์ ๆ ก่อนนะครับ แล้วจะค่อยๆเพิ่มดีกรีแรงขึ้นครับ
ใครจำไม่ได้กลับไปย้อนตอนเก่าได้ครับ
เส้นทางของคนร่าน ตอนที่ 10
ตอนที่ 11 วันอาทิตย์
อรรถวิทย์ขับรถมาตามพิกัดที่ได้รับจากเขตต์อรัญเขาใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านพักของป่าไม้จังหวัด ทันทีที่รถมาจอดนายตำรวจหนุ่มก็เห็นอดีตรุ่นพี่ร่วมสถาบันเดินออกมาต้อนรับเขา ทักทายกันพอเป็นพิธีเขตต์อรัญก็ชวนอรรถวิทย์เข้าไปในบ้าน พอเข้าไปนายตำรวจหนุ่มก็เห็นหญิงสาวหน้าคมผมยาวใส่ชุดพื้นถิ่นยืนอุ้มเด็กทารกรอทักทายเขาอยู่
“อรรถนี่ชุดาภรรยาพี่เอง แล้วเจ้าตัวเล็กนั่นก็ เจ้าโอบ ลูกชายพี่”
อรรถวิทย์ยกมือไหว้ภรรยาของรุ่นพี่แม้จะดูแล้วเหมือนว่าอีกฝ่ายจะอายุใกล้เคียงกับเขาหรืออาจจะอ่อนกว่าด้วยซ้ำ
ของฝากสองถุงใหญ่ที่อรรถวิทย์หิ้วมาด้วยมันเป็นอาหารปรุงสุกและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ถูกเจ้าของบ้านนำไปจัดใส่ภาชนะในครัวตอนนี้นายตำรวจหนุ่มจึงถูกทิ้งให้อยู่กับภรรยาของรุ่นพี่เพียงลำพัง อรรถวิทย์รู้สึกไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้เขายิ้มเขิน ๆ รู้สึกประหม่า แต่ก็ยอมเป็นฝ่ายทักอีกฝ่ายออกไปก่อน
“พี่ชุเป็นคนที่นี่เหรอครับ”
“ใช่ค่ะพี่อยู่ที่นี่มาตลอด มาเจอกับคุณเขตต์เมื่อสองปีที่แล้ว”
แล้วชุดาก็เล่าย้อนหลังถึงความรักที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาให้อรรถวิทย์ฟังนายตำรวจหนุ่มฟังไปก็ยิ้มไป เขามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า รู้สึกว่าชุดาเป็นผู้หญิงที่โชคดีเพราะเธอดูเป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา ๆ ต่างจากเขตต์อรัญ รุ่นพี่ของเขาที่เป็นถึงป่าไม้จังหวัดแถมในอดีตก็เคยเป็นถึงรองประธานนักเรียน และมีดีกรีเป็นถึงเดือนของโรงเรียนอีกด้วยเพราะฉะนั้นการันตีเรื่องความหล่อ ฉลาด และความเป็นสุภาพบุรุษของเขตต์อรัญได้เลย แถมเขตต์อรัญที่อรรถวิทย์เห็นในตอนนี้แทบไม่มีอะไรต่างจากเมื่อ15 ปีก่อนเลยนอกจากจะดูเข้มแข็งบึกบึนและดูมีวุฒิภาวะขึ้นเท่านั้น
เพียงไม่นานจากคนแปลกหน้า อรรถวิทย์กับชุดาก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น พวกเขาคุยกันอย่างออกรสและหัวข้อสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องราวในสมัยเรียนตอนที่เขตต์อรัญเดินถือจานสำรับอาหารออกมาจากในครัวเขายังแปลกใจที่ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของคนทั้งคู่ทั้งที่พวกเขาเพิ่งทำความรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีดี
อาหารมื้อนั้นผ่านไปด้วยความสนุกสนานจากการรื้อฟื้นความหลังซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเขตต์อรัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาแต่เสียงเด็กที่ร้องขึ้นมาทำให้ชุดาต้องปลีกตัวไปทำหน้าที่ดูแลเด็กน้อย และเป็นชายหนุ่มทั้งสองที่ช่วยกันทำความสะอาดหลังมื้ออาหาร
เขตต์อรัญทำหน้าที่เป็นคนล้างจานส่วนอรรถวิทย์คอยเช็ดจานที่ล้างแล้วนำไปวางเก็บเข้าชั้น ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็ยังคุยเรื่องความหลังกันต่อแต่คราวนี้หัวข้อสนทนาเปลี่ยนมาเป็นเรื่องของอรรถวิทย์บ้าง
“คุยแต่เรื่องพี่แล้วเราตอนเรียนล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“พี่เขตต์จำผมไม่ได้หรอกเพราะผมตอนนั้นกับผมตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นผมเป็นเด็กเรียนอ๊อง ๆตัวเล็ก ๆ ใส่แว่นตาหนาเตอะเลยครับ”
“โหแล้วมาเป็นเราวันนี้ได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวครับแต่ต้องขอบคุณเพื่อนคนนึงที่ทำให้ผมเป็นผมในวันนี้ได้ พิทพล”
เขตต์อรัญใช้เวลาไม่นานก็นึกออกว่าพิทพลคือนักบาสชื่อดังของโรงเรียน
“พี่เคยเจอเคยทำกิจกรรมด้วยกัน ดูหยิ่ง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะช่วยทำให้เราเป็นแบบนี้ได้นับว่าเป็นคนดีเหมือนกันนะ”
อรรถวิทย์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กับความเข้าใจผิดของเขตต์อรัญ แต่นายตำรวจหนุ่มก็ไม่ได้แก้อะไร ปล่อยให้รุ่นพี่เข้าใจแบบนั้นไป
“แล้วพี่เขตต์เคยทำกิจกรรมอะไรกับพิทพลเหรอครับ”
“จริง ๆพี่กับรุ่นเราก็ห่างกันสามปีเลยนะ ปกติก็จะไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยกันแต่ประกวดเดือนโรงเรียนปีนั้น อยู่ ๆ อาจารย์เพชรก็เปลี่ยนกฎใหม่ จากที่คนเข้าประกวดเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นตัวแทนแต่ละห้องกลายเป็นเพิ่มนักเรียนชั้นมัธยมปลายมาด้วยเฉยเลย แล้วพวกรุ่นพี่อย่างเรา ๆที่เคยเข้าประกวดกันมาก่อนแต่ตกรอบก็ถูกเชิญไปเข้าร่วมการประกวดในปีนั้น”
“ผมจำได้ครับตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม. 3 ปีพอดี...” อรรถวิทย์พูดไปก็นึกย้อนถึงความหลังขึ้นมา
ในห้องเรียนวันนั้นอาจารย์โจ้ให้เด็กนักเรียนโหวตเลือกเพื่อนร่วมชั้น 1คนที่จะเป็นตัวแทนห้องเพื่อเข้าประกวดเดือนโรงเรียนโดยแต่ละคนจะเขียนชื่อเพื่อนที่ตนเองเลือกลงไปในกระดาษที่ได้รับแจกแล้วอาจารย์โจ้จะทำหน้าที่ขานคะแนน แล้วผลโหวตก็ออกมาว่า
“พิทพล 37 คะแนนอรรถวิทย์ 1 คะแนน สรุปพิทพลเป็นตัวแทนห้องเราเข้าประกวดเดือนโรงเรียนปีนี้”
เพื่อน ๆในห้องต่างส่งเสียงแสดงความยินดีกับพิทพล แต่ก็มีบางคนหันมามองอรรถวิทย์ด้วยสายตาแปลกๆ ที่เขาได้คะแนน1 คะแนนมาอย่างน่ากังขาแม้ตัวเขาจะรู้ดีว่าเขาไม่ได้เขียนชื่อตัวเองลงไป แต่เขาก็อดรู้สึกหน้าชาไม่ได้ไม่เข้าใจทำไมถึงมีชื่อเขาได้รับการโหวต อรรถวิทย์คิดว่ามีบางคนตั้งใจแกล้งเขาแน่ๆ
หลังคาบเรียนนั้นเขาถูกอาจารย์โจ้เรียกตัวไปพบ
“ไม่ต้องเสียใจนะอรรถวิทย์ที่ไม่ได้เข้าร่วมประกวดเดือนโรงเรียน”
ครูโจ้เปิดประเด็นที่ทำให้เขารู้สึกงุนงงครูโจ้คงจะคิดว่าเขาเป็นคนใส่ชื่อตัวเองเพราะอยากจะเข้าประกวดเดือนโรงเรียนเหมือนเพื่อนๆ ในห้อง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอธิบายอะไร ครูโจ้ก็พูดต่อว่า
“ครูจะให้สิทธิพิเศษกับเธออย่างที่เคยบอกแต่ต้องแลกกับการช่วยงานครูด้วยนะ สนใจมั้ย”
อรรถวิทย์รู้สึกงุนงงแต่ก็พยักหน้าตอบตกลงไป ครูโจ้ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะบอกกับเขาว่า
“แล้วเธอจะได้รู้ว่าสิทธิพิเศษที่เธอได้มันพิเศษขนาดไหน”
“ต้องให้แขกมาช่วยเก็บกวาดเกรงใจจัง”
เสียงของชุดาทำให้อรรถวิทย์ตื่นจากภวังค์เขาหันไปมองหญิงสาวที่อุ้มลูกตัวน้อยเดินเข้าไปหาสามีแล้วส่งเด็กให้อุ้มแทน
“งอแงหิวนมค่ะให้นมแล้วเดี๋ยวคงหลับยาว”
“น่าจะหลับยาวทั้งแม่ทั้งลูกงั้นเอาอย่างนี้อรรถ เดี๋ยวพี่พาอรรถไปขับรถเที่ยวแถวนี้อยู่ในบ้านเดี๋ยวเราเสียงดังรบกวนแม่ลูกเขาจะพักผ่อนกันเดี๋ยวขอพี่ไปเปลี่ยนชุดแป๊บนึง”
เขตต์อรัญเดินอุ้มลูกตัวน้อยเดินเข้าไปในห้องนอนมีชุดาเดินตามไปด้วย ไม่นานเขตต์อรัญก็เดินออกมาในเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเดินนำอรรถวิทย์ออกไปข้างนอกตัวบ้าน
ระหว่างที่เดินออกไปขึ้นรถอรรถวิทย์เดินตามอยู่ข้างหลังเขตต์อรัญ สายตาของเขาก็ชำเลืองมองรูปร่างของเขตต์อรัญไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้เพราะชุดที่ใส่มาใหม่นี้ ช่างแนบกระชับสัดส่วนไปหมดเสื้อยืดคอกลมสีขาวฟิตจนทำให้เห็นแผงหลังที่กำยำกางเกงผ้ายืดสีขาวก็เหมือนจะไซส์เล็กกว่าตัวคนใส่ไปหนึ่งเบอร์ เพราะมันฟิตกระชับร่างคนใส่จนเห็นบั้นท้ายที่เป็นก้อนกลมได้อย่างถนัดตาตอนนั้นเองที่อยู่ ๆ เขตต์อรัญก็หันมาทางด้านหลัง เขาสะดุดกับสายตาของหนุ่มรุ่นน้องที่มองจ้องรูปร่างของเขาอยู่อรรถวิทย์ที่ไม่ทันตั้งตัวเบรกตัวเองไว้เกือบไม่ทัน ทำให้ตัวเขาปะทะเข้ากับร่างของรุ่นพี่ไปนิดหนึ่งทั้งคู่ชะงักงันไปนิดก่อนเขตต์อรัญจะเอ่ยแก้เกี้ยวขึ้นมาว่า
“เอารถพี่ไปนะมันสมบุกสมบันกว่า รถเราจอดไว้ที่นี่ก่อน”
อรรถวิทย์พยักหน้ารับแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถไปด้วยกัน เขตต์อรัญทำหน้าที่เจ้าบ้านพาอรรถวิทย์ไปสำรวจป่าทีละจุดๆ เขาอยู่ที่นี่มาเกือบ 4 ปีแล้วที่นี่เหมือนบ้านหลังที่สองของเขา เขาจึงรู้ทุกซอกทุกมุมในพื้นที่นี้
ระหว่างการสำรวจพื้นที่เขตต์อรัญเล่าที่มาที่ทำให้เขามาทำงานนี้ก่อนที่จะเปลี่ยนให้อรรถวิทย์เล่าเรื่องความเปลี่ยนแปลงของเขาให้ฟังบ้างขับรถไปได้สักพักเสียงบรรยากาศรอบข้างก็เงียบดับลงไปอย่างผิดปกติก่อนที่จะมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“น้ำตก”อรรถวิทย์อุทานออกมาพอดีกับที่รถของเขตต์อรัญจอดลงพอดี
“เดินจากตรงนี้ไปอีกไม่ถึง10 นาที”
แล้วเขตต์อรัญก็เดินนำหน้านายตำรวจหนุ่มไประหว่างเดินไปอากาศที่ร้อนชื้นก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เสียงน้ำตกก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกันไม่นานน้ำตกขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าชายทั้งสองมันเป็นภาพที่สวยงามแบบที่อรรถวิทย์แทบไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“น้ำตกนี่มาไม่ยากแต่คนไม่ค่อยได้มาเที่ยวกัน อาจจะเพราะคิดว่าพื้นที่ป่าสงวน มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตลอดเขาเลยไปเที่ยวน้ำตกอื่นที่ใกล้ สะดวก และเจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดเท่า”
“เล่นน้ำกันไหมครับพี่เขตต์”
อยู่ ๆ อรรถวิทย์ก็เปิดประเด็นโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบหนุ่มรุ่นน้องถอดเสื้อผ้าออกมีละชิ้น จนหมด ไม่เหลือแม้แต่กางเกงชั้นในแล้วเดินลงไปที่น้ำตกทันที เขตต์อรัญยืนมองด้วยความตกใจไม่คิดว่ารุ่นน้องของเขาจะกล้าขนาดนี้ แม้จะเป็นผู้ชายเหมือน ๆ กันก็ตาม
อรรถวิทย์ลงไปในน้ำเขาก็ดำผุดดำว่ายอย่างสบายอารมณ์น้ำตกตอนนี้แม้จะเป็นช่วงเที่ยงวันแต่ก็ยังเย็นชื่นใจเพราะทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เขาเห็นรุ่นพี่ยังยืนเก้ ๆ กัง ๆ ก็วักน้ำสาดเข้าใส่ตัวของอีกฝ่ายก่อนจะส่งเสียงชักชวนให้ลงน้ำตามมา
“ลงมาครับพี่เขตต์”
“พี่ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน”
“แก้ผ้าลงมาเลยครับไม่ต้องอายผมหรอก ผมยังไม่อายแล้ว แล้วจริง ๆ อยากจะบอกว่าผมเคยเห็นพี่เปลือยทั้งตัวมาแล้ว”
“เห้ยไปเห็นตอนไหน”
“ถ้าพี่อยากรู้ก็แก้ผ้าลงมาครับเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง”
เขตต์อรัญสนใจสิ่งที่รุ่นน้องบอกเขาจึงทำใจกล้า ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมดตัวแล้วเดินลงไปที่น้ำตกตอนนั้นความกระดากทำให้เขาเอามือกุมน้องชาย อย่างน้อยก็ไม่ให้อีกฝ่ายเห็นมันได้ชัดพอเขตต์อรัญลงมาในน้ำ อรรถวิทย์ก็เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงล้อ ๆ
“พี่เขตต์อายเหรอครับที่ต้องแก้ผ้าแบบนี้”
“ก็อายสิพี่ไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าใคร แม้แต่เพื่อนสนิท”
“แล้วตอนที่พี่ประกวดเดือนโรงเรียนล่ะครับ”
“ตอนนั้นไม่ได้แก้นี่มีแค่ใส่ชุดว่ายน้ำบนเวที”
“แล้วรอบเก็บตัวละครับไม่ได้แก้เหรอ”
พออรรถวิทย์พูดประโยคนี้ขึ้นมาเขตต์อรัญก็รู้สึกตกใจเพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาอยากลืมที่สุดในชีวิตเขามองสบตารุ่นน้อง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า
“เรารู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
อรรถวิทย์ยิ้มที่มุมปากก่อนจะบอกว่า
“เพราะผมอยู่ในห้องนั้น”
“เป็นไปไม่ได้มีแค่อาจารย์ 5 คนในห้องตอนนั้น”
“ผมเป็นคนรวบรวมคะแนนที่อาจารย์ส่งมาให้ครับผมนั่งอยู่หลังสุดมีม่านกั้นอยู่ พี่ไม่เห็นผมหรอก”
เขตต์อรัญรู้สึกใจเต้นแรงตอนที่ได้ยินรุ่นน้องพูดถึงสิ่งที่เขาไม่เคยอยากบอกให้ใครรู้จริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยประกวดเดือนโรงเรียนมาก่อนตอนที่เรียนชั้น ม.3 แต่การประกวดปีนั้นไม่เหมือนตอนที่เขาประกวดครั้งล่าสุดกฎต่างๆเปลี่ยนไปหลังจากที่อาจารย์คนใหม่ คืออาจารย์เพชร เข้ามารับผิดชอบงานกิจกรรมของโรงเรียน
จากการประกวดที่เน้นให้เกิดความรักความสามัคคีกันในโรงเรียนมีการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์โดยเน้นแนวคิดเพื่อการพัฒนาโรงเรียนกลายเป็นเพียงการประกวดหนุ่มหล่อธรรมดา ๆ แถมผู้เข้าประกวดยังต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเดินโชว์ตัวในชุดกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียวต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียนอีกด้วย
เขตต์อรัญรู้สึกว่านั่นเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับเขาและเป็นฝันร้ายที่เขาไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง
คิดมาถึงตอนนี้อยู่ ๆ ควยของเขตต์อรัญที่นอนสงบนิ่งมานานก็ค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้นมา หนุ่มรุ่นพี่รู้สึกกระดากอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แต่เขาก็คิดว่าน้ำตกน่าจะช่วยอำพรางไม่ให้หนุ่มรุ่นน้องของเขามองเห็นมันได้แต่ผิดคาด อยู่ ๆ อรรถวิทย์ก็เดินมาประชิดตัวของเขา ก่อนจะเอื้อมมือมาจับควยของเขารูดเข้ารูดออก
ตอนแรกเขตต์อรัญตกใจเขาเขยิบตัวถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่อรรถวิทย์เอามืออีกข้างที่เหลือยื่นจับมือของเขาเอาไว้โดนจับทั้งมือ โดนจับทั้งควย เขตต์อรัญก็ไม่เลยจำใจยืนให้รุ่นน้องจับต้องลูบไล้ของสงวนของเขาต่อไป
“พี่เล่าให้ผมฟังสิครับว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
แม้จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากจะเล่าแต่ไม่รู้ทำไมความทรงจำนั้นมันค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วมันก็พรั่งพรูออกจากปากของเขา
การประกวดในปีนั้นมีผู้เข้าประกวด 17 คน เป็นนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 ถึงชั้นปีที่ 6ใช้เวลาในการทำกิจกรรมรวม5 วัน รอบเก็บตัว วันแรกคือการให้พรีเซ็นต์แนวคิดในการทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนและลงมือทำให้เห็นจริงในอีกวัน วันที่สามคือการพรีเซ็นต์ความเป็นตัวเอง และนำเสนอความเป็นตัวเองจากความสามารถพิเศษที่มีซึ่งเขตต์อรัญร้องเพลงและเล่นกีตาร์จากเพลงที่เขาเป็นคนแต่งขึ้นมาอง ตลอดกิจกรรมทั้งสามวันที่ผ่านไปเขาได้รับคำชมจากอาจารย์โจ้ว่าทำหน้าที่ได้ดี และเขามีคะแนนนำทุกวัน นำแม้กระทั่งเพื่อนที่เป็นประธานนักเรียนถ้าวันที่ในรอบเก็บตัวอีกวันเขายังทำหน้าที่ได้ดี เขาน่าจะชนะรางวัลนี้เพราะคะแนนบนเวทีในวันประกวดจริงถือว่าน้อยมาก ไม่น่ามีผลอะไรแล้ว
แล้ววันเก็บตัววันสุดท้ายก็มีสิ่งที่ชวนช็อคเกิดขึ้นเมื่อทุกคนถูกเรียกเข้าไปรวมตัวกันที่ห้อง ๆหนึ่งที่จัดไว้สำหรับเป็นห้องแต่งตัวในวันประกวดจริง อาจารย์เพชรซึ่งเพิ่งเข้ามาสอนที่นี่ได้เพียงไม่กี่เดือนเดินเข้ามาในห้องแล้วแจ้งกับผู้เข้าประกวดทุกคนที่รออยู่ในห้องแต่งตัวว่า
“คนที่จะเป็นดาวโรงเรียนยุคใหม่ต้องเป็นคนที่มีทุกอย่างพร้อม ทั้งความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ทัศนคติที่ดีและรูปร่างหน้าตาที่ดีพร้อมต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสมกับตำแหน่งเดือนโรงเรียนที่แท้จริง การเก็บคะแนนในรอบเก็บตัววันสุดท้ายนี้จะเป็นการเก็บคะแนนจากรูปร่างหน้าตาของผู้เข้าประกวด”
อาจารย์เพชรเว้นจังหวะในการพูดนิดหนึ่งเนื่องจากเกิดเสียงฮือฮาจากบรรดาผู้เข้าประกวดดังขึ้นเนื่องจากทุกคนงงงันกับกฎกติกาที่ต่างไปจากการประกวดในทุก ๆ ปี แต่อาจารย์เพชรไม่เปิดโอกาสให้ทุกคนสงสัยนานเขารีบพูดต่อว่า
“การประกวดในรอบนี้จะต่างจากรอบที่ผ่านๆ มา ผู้เข้าประกวดไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามลำดับหมายเลข แต่ให้เขาไปด้วยความสมัครใจเมื่อรู้สึกว่าตนเองพร้อมและไม่ต้องรอให้คนที่เข้าไปก่อนกลับออกมา เพราะแต่ละคนอาจจะใช้เวลาในการเข้าไปให้กรรมการพิจารณามากน้อยไม่เหมือนกันเอาเป็นว่าตอนนี้ ทุกคนจะได้กล่องคนละ 1ใบ ที่วางอยู่ตรงนั้น หยิบกล่องที่มีหมายเลขของตัวเองเพราะมันจะเป็นชุดที่ใส่ประกวดในรอบนี้ ใครที่พร้อมขอให้ใส่ชุดในกล่องที่เราให้ไปและเข้าไปในห้องให้กรรมการพิจารณาให้คะแนน เราพร้อมพิจารณาพวกคุณในระยะเวลา 2 ชั่วโมงต่อจากนี้หลังจากหมด 2 ชั่วโมง ใครไม่ได้เข้าไปถือว่าสละสิทธิ์คะแนนในวันนี้ถือเป็น 20% ของคะแนนรวมทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าการเป็นเดือนโรงเรียนสำคัญสำหรับเธอขอให้เธอตั้งใจทำมันให้ดี ตัดสินใจให้ดี ๆ เวลาจะเริ่มเดินนับจากนาทีนี้เป็นต้นไป”
หลังจากที่อาจารย์เพชรเดินออกไปทุกคนก็เดินไปหยิบกล่องที่มีหมายเลขของตัวเองกำกับอยู่แม้จะรู้สึกงงงงกับกฎและกติกาก็ตาม
เขตต์อรัญเป็นคนสุดท้ายที่เดินไปหยิบหยิบกล่องเขาเอามันออกมาเปิดดูเงียบ ๆ คนเดียว แล้วเขาก็ต้องงงหนักว่าเดิมเมื่อไม่เห็นว่าสิ่งใดอยู่ในกล่องนั้นเลยครั้งแรกเขาคิดว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นกับกล่องของตัวเองเขาจึงมองไปทางเพื่อนร่วมประกวดคนอื่น ๆ แล้วก็พบว่าทุกคนได้รับกล่องที่เหมือนกับเขา
“หมายความว่ายังไง”
อนิรุทธิ์ประธานนักเรียนเอ่ยถามความคิดเห็นของเพื่อนคนอื่น ๆ ทุกคนต่างเงียบงันไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนที่สุดพิทพลผู้เข้าประกวดที่อายุน้อยที่สุดก็เอ่ยสิ่งที่เขาคิดกับทุกคน
“กติกาคือ ให้เราเข้าไปโดยไม่ใส่อะไรเลยให้กรรมการพิจารณารูปร่างหน้าตาเราแบบไม่มีอะไรปกปิด เรียกง่าย ๆ ก็คือต้องแก้ผ้าโชว์กรรมการนั่นแหล่ะครับ”
แล้วเสียงฮือฮาอื้ออึงจากผู้เข้าประกวดก็ดังขึ้นพร้อมกัน
[โปรดติดตามตอนต่อไป]
เนื้อเรื่องน่าติดตามแฮะ อาจารย์เพชรจากวงเวียนกามป่าวเนี้ย ขอบคุณครับ รอลุ้นตอนต่อไป
ขอบคุณครับ ประกวดมีกติกาที่น่าสนใจครับ แก้ผ้าประกวด รอตืดตามตอนต่อไป ขอบคุณนะฮะ ขอบคุณมากนะครับ{:5_130:} ขอบคุณที่มาต่อครับ เนื้องเรื่องตื่นเต้นสนุกมากครับ ขอบคุณครับ รอติดตามครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ยินดีต้อนรับการกลับมาของผู้กองครับ หายไปนาน กลับมาทีก็มีเรื่องอดีตของรุ่นพี่มาเล่าเลย ตื่นเต้นครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ติดตามครับสนุกมาก รออ่านต่ออย่างใจจดจ่อครับ ขอบคุณครับ