พี่ยักษ์ที่รัก [9]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-3-18 04:21วันนี้เรารีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาก่อไฟหุงข้าวให้พี่ยักษ์ก่อนที่พี่เขาจะตื่น เวลาไปอยู่บ้านใคร เราก็ต้องรู้จักทำตัวให้เป็นประโยชน์ เพราะแม่เคยสอนเอาไว้ เราใช้เศษกระดาษหนังสือเก่าๆ เอามาจุดไฟ แล้วก็ใส่ฟืนลงไป แต่ด้วยความที่อากาศมันค่อนข้างชื้นเพราะเมื่อคืนฝนตกด้วยเลยทำให้ก่อไฟติดได้ยากนิดหน่อย ก็เลยมีควันไฟออกมามากกว่าปกติแถมอากาศมันก็ไม่ค่อยระบาย ทำให้ควันฟุ้งกระจายลอยเต็มบริเวณบ้านไปหมดเลย
“เฮ้ยยยยย! ไอ้ตัวแสบบบบ จะเผาบ้านพี่รึไง?!!” เสียงพี่ยักษ์เดินลงมาจากบนบ้าน คงน่าจะเพราะควันไฟพวกนี้ไปทำให้พี่เขาตื่นแน่ๆ ...
เราทำหน้าจ๋อย…เพราะทีแรกตั้งใจจะหุงข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปปลุกพี่เขาให้ตื่นแท้ๆ
“โอ้โห… ใครเขาจุดไฟกันแบบนี้ควันมันก็คลุ้งไปหมดสิครับ พ่อคุณ… พ่อทูนหัว” พี่ยักษ์เดินมาดูที่เตาไฟแล้วก็ขยี้หัวเราพร้อมกับหัวเราะชอบใจพี่เขาเดินไปหยิบท่อนไม้เล็กๆ ออกมาจากถุงที่แขวนไว้ตรงเสาใกล้ๆกับเตาไฟ
มันเป็นชิ้นไม้สีดำเหมือนถูกเคลือบด้วยยางอะไรสักอย่าง เป็นท่อนเล็กๆ เหมือนถูกตัดแบ่งเอาไว้ขนาดประมาณสองนิ้ว
พี่ยักษ์วางมันไว้บนเตา แล้วจุดไม้ขีดไฟหย่อนลงไปไฟมันก็ติดพรึ่บขึ้นมาทันทีเลย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เอาฟืนท่อนเล็กวางไขว้กันไปมาบนชิ้นไม้ที่มีไฟลุกนั่น
“นี่ เขาใช้ขี้ไต้จุดกัน ใช้กระดาษจุดเมื่อไหร่จะได้กินละนั่นฮ่า” พี่ยักษ์พูดจบพร้อมกับชี้ถุงที่แขวนขี้ไต้ให้ดู ...ก็ใครจะไปรู้ว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วยปกติเราก็ใช้แต่กระดาษจุดนี่หน่า...
“จะหุงข้าวเหรอ?”
“ฮะ... ก็ตอนแรกผมกะว่าจะหุงให้เสร็จก่อนแล้วขึ้นไปปลุกแต่ว่าพี่ยักษ์ดันตื่นก่อน...”
“ควันขนาดนี้ พี่ไม่ตื่นก็บ้าแล้ว!”จบประโยคของพี่ยักษ์ทำเอาเราถึงกับต้องยิ้มแหยๆ เพราะความเขินอาย เราก็ว่าเราก็จุดไฟหุงข้าวเป็นแล้วนะ... “แล้วตื่นมาแต่เช้าขนาดนี้ หายดีแล้วเหรอ?” พี่ยักษ์เอาฝ่ามือมาแตะที่หน้าผากเราเบาๆ
“หายแล้วฮะ!” เรายิ้มแป้นแล้นกลับไป
“ถ้าอยากหุง งั้นก็เอาเลย...เดี๋ยวพี่จะรอกินนะ”พี่ยักษ์ยิ้มให้พร้อมกับไปนั่งดูเราอยู่ตรงแคร่ที่ตั้งไว้ใกล้ๆ
หลังจากที่เราหุงข้าวเสร็จแล้ว พี่ยักษ์ก็เรียกเราไปใกล้ๆ
“พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ?”
“ฮะ?”
“เราอยากมาอยู่กับพี่จริงๆ ใช่มั้ย?”ตอนนั้นรู้สึกงงนิดหน่อยว่าทำไมพี่เขาถึงถามคำถามนี้กับเราอีก
“อยากอยู่กับพี่ยักษ์ฮะ” “งั้นถ้าอยากอยู่กับพี่จริงๆ...เวลาใครถามก็ต้องตอบว่าอยากอยู่กับพี่นะรู้มั้ย?” “เพราะถ้าเราอ้ำอึ้ง หรือไม่ตอบออกไปคนอื่นเขาจะคิดว่าพี่บังคับ และเราก็จะไม่อยู่ด้วยกันนะ...”พี่ยักษ์มองหน้าเราด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง
“เข้าใจแล้วฮะ!”
“ดีมาก งั้นป่ะ!เดี๋ยวพี่พาไปเอาของใช้ที่บ้าน แล้วค่อยกลับมากินข้าวแล้วอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน”
หลังจากที่พี่ยักษ์พาเรามาส่งที่บ้าน เราก็รีบเก็บเสื้อผ้าพวกชุดนักเรียนและหนังสือเรียนทั้งหมดเอาไปก่อน ส่วนพวกเสื้อผ้าใส่เล่นก็เอาไปแค่สองสามชุดเพราะยังไงพี่ยักษ์ก็บอกว่าจะพาแวะมาดูที่บ้านบ่อยๆ อยู่แล้ว เราจะได้สบายใจเหมือนไม่ได้ทิ้งบ้านด้วย
หลังจากเราออกจากบ้านและล็อคประตูปิดเรียบร้อย ยายก็เดินมาพอดีพร้อมกับไอ้โหน่ง...
“จะไปไหน?!...ไอ้มิน!!” ยายถามเราด้วยน้ำเสียงที่ดูเกรี้ยวกราด จนเราสะดุ้งและชะงักไป ตอนนั้นเรารู้สึกกลัวจนไม่กล้าสู้หน้ายาย ต้องก้มลงมองพื้น ไม่กล้าตอบอะไรกลับไป
“ผมจะพาน้องไปอยู่ด้วย ยายมีอะไรรึเปล่าครับ?”พี่ยักษ์ถามกลับทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ตอนนี้สีหน้าพี่เขาดูนิ่งจนเราเองก็เดาอารมณ์เขาไม่ถูกเลย มันดูน่ากลัวแปลกๆ
“ขออนุญาตกูแล้วหรอ? อ๋อ... หรือว่าเดี๋ยวนี้มีคนคอยให้ท้ายคอยตามใจ ไม่ต้องเห็นหัวกูเลยงั้นสิ?!”
“เมื่อวานมึงให้เขามาตบหัวไอ้โหน่งหรอ?! มันเป็นยังไง หะ!! สันดานเสียแบบนี้ไปเอามาจากไหนพ่อแม่มึงไม่สั่งสอนมั่งหรอว่าให้รักพี่รักน้อง”
“หรือมึงไม่ได้มองว่าพวกไอ้โหน่งมันเป็นญาติมึง อ้อกูลืมไปมึงมันเด็กกรุงเทพฯ จะมานับญาติอะไรด้วย...”“หลานกูมันก็แค่เด็กบ้านนอก...แต่เด็กกรุงเทพฯ ไม่มีจะแดกแบบมึง แบบพ่อมึงกูก็ไม่อยากนับมาเป็นลูกเป็นหลานเหมือนกัน”
ยังไม่ทันที่เราจะได้พูดตอบอะไรกลับไป ยายก็ใส่เราเป็นชุด...ตอนนั้นมันจุกอกไปหมด ทำไมยายถึงไม่ถามเราบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นแต่กลับมาด่าเราสาดเสียเทเสีย ทั้งที่เรายังไม่ได้พูดอะไรเลยแถมยังลามไปถึงพ่อเราอีก...
จังหวะนั้นเหมือนยายจะเดินมาคว้าตัวเราไป แต่พี่ยักษ์ก็ขวางเอาไว้ “ยายไม่รู้เลยเหรอครับ?ว่าไอ้โหน่งมันคอยแกล้งน้องตลอด” พี่ยักษ์คงเห็นว่าสีหน้าเราเริ่มไม่ค่อยดีแล้วละมั้ง พี่เขาก็เลยรีบพูดตัดบทยายทันที
“ก็พี่น้องมันเล่นกัน เอ็งจะมาสนใจทำไมวะไอ้ยักษ์ เด็กๆมันก็เป็นแบบนี้แหละ”พอยายพูดจบ พี่ยักษ์ก็เดินไปใกล้และดึงตัวไอ้โหน่งออกมาจากที่ตอนแรกมันยืนอยู่ข้างๆยาย แต่ตอนนั้นยายก็ไม่กล้าไม่ทำอะไรได้แต่ยืนมองแบบอึ้งๆ
ปึ๊ก! ปึ๊ก!
ฝ่ามือของพี่ยักษ์ ตบลงไปที่หัวไอ้โหน่งสองทีถึงมันจะไม่ได้ดูแรงมาก แต่เราก็รู้สึกได้ถึงความแน่นของฝ่ามือที่ปะทะกับหัวของไอ้โหน่งนั่น “ผมก็เล่นกับไอ้โหน่งมันเหมือนกัน มันก็เหมือนน้องของผมคนหนึ่ง...” พี่ยักษ์ยังคงพูดด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งเฉยเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ไอ้โหน่งเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าออกมาแล้วพร้อมกับมองไปที่หน้ายายที่กำลังยืนหน้าเสียอยู่ ขนาดเรายืนมองเหตุการณ์นั้นเรายังรู้สึกว่าพี่ยักษ์ดูน่ากลัวเลยด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของพี่เขาและสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรนั่น มันยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก “ถ้ามึงแกล้งน้องอีก...อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะไอ้โหน่ง... ใครก็ช่วยมึงไม่ได้ทั้งนั้น...”“แม้กระทั่งพ่อมึง...กูก็เคยเอาไม้ฟาดจนเลือดอาบมาแล้ว...ถ้าไม่เชื่อถามยายมึงดูก็ได้...”พี่ยักษ์พูดเสียงเรียบ แต่ประโยคที่พี่เขาพูดออกมานั้น...ขนาดเราที่ยืนฟังยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวนั่นเลย แล้วไหนจะเรื่องที่เขาเคยเอาไม้ฟาดลุงน้อยที่เป็นพี่ชายของแม่เรา หรือพ่อของไอ้โหน่งนั่นอีก...
พอพี่ยักษ์พูดจบ พี่เขาก็ตบบ่าไอ้โหน่งเหมือนเป็นการเตือน ที่ตอนนี้มันกำลังตัวสั่นยืนร้องไห้น้ำตาไหลออกมาแล้ว
“เออ! ถ้ามันวิเศษวิโสมากมึงก็เอาไปเลี้ยงเลยไอ้ยักษ์ ดี!! จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระกู!!!” “แล้วถ้าเขาไม่เลี้ยงมึงแล้วนะไอ้มิน อย่ากลับมาหากูนะ ไปตามโคตรพ่อมึง ให้มาเอามึงไปเลี้ยงนู้น!!!!”
ยายชี้หน้ามาด่าเรา ก่อนจะไปกระชากตัวไอ้โหน่งออกมาจากพี่ยักษ์แล้วรีบพาเดินกลับไปที่บ้านเขาทันทีตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช็อคมันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนมองตาค้างอยู่แบบนั้น มันทั้งเสียใจกับพูดของยายและตกใจมาก กับการกระทำและคำพูดของพี่ยักษ์ที่ทำกับไอ้โหน่ง มันทำให้เราพลอยขาสั่นไปด้วย
ฟู่… พี่ยักษ์ยืนเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตา พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ
“ป่ะ เก็บของครบแล้วใช่มั้ย? กลับบ้านกันดีกว่า...พี่หิวข้าวแล้วอยากกินข้าวที่ลูกหมาตัวน้อยๆ หุงให้กิน” พี่ยักษ์หันมายิ้มให้ก่อนจะเดินมาลูบหัวเราแล้วพาไปขึ้นมอเตอร์ไซค์
ถึงก่อนหน้านี้เราจะเหมือนทำอะไรไม่ถูกแต่พอจังหวะที่พี่เขายิ้มให้ บอกตรงๆว่ามันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและสบายใจขึ้นพอสมควรเลยถึงแม้ตอนนั้นจะเริ่มมีน้ำตารื้นไหลออกมานิดหน่อยก็ตามแต่เราก็พยายามไม่อยากจะร้องไห้ เพราะเรากำลังจะไปจากตรงนี้แล้ว...ไม่ต้องทนอยู่กับคนพวกนั้นอีกต่อไป
------------
ขากลับพี่ยักษ์แวะซื้อปีกไก่สดจากร้านขายกับข้าวมาด้วยเราก็เลยเสนอตัวอยากจะทอดให้พี่เขากินเอง ถึงแม้เราจะกลัวน้ำมันกระเด็นเวลาทอดของอะไรพวกนี้ก็ตามแต่ตอนนั้นมันรู้สึกว่าอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับพี่เขาบ้าง
สักพักเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของพี่เมฆก็ขี่เข้ามาถึงในบ้าน
“โห ยังอยู่อีกเว้ย! นี่ย้ายมาอยู่ที่นี่เลยป่ะเนี้ย” พี่เมฆทักแซวทันทีที่เห็นเรายังอยู่ที่บ้านพี่ยักษ์ เราได้แต่ยิ้มแหยๆตอบกลับไป
“มีอะไรไอ้เมฆ? มาแต่เช้าเชียว”พี่ยักษ์รีบตัดบทเข้าธุระของพี่เมฆทันที
“เออ พอดีมีงานเทปูนอ่ะ มึงจะไปทำหรือเปล่า?” พี่เมฆเดินมานั่งบนแคร่พร้อมกับคดข้าวใส่จานในส่วนของตัวเองทันที
นี่พวกพี่เขาถือเป็นแก๊งรับจ้างสารพัด ประจำหมู่บ้านจริงๆ นะ คงเพราะเวลาทำงานพวกพี่ยักษ์จะทำงานกันเต็มที่ด้วยละมั้งทำให้มีแต่คนอยากจ้างงานเพราะถ้าไปจ้างคนที่ไม่ตั้งใจทำงาน งานจะเสร็จช้าและทำให้ค่าจ้างบานปลายได้
“หือ... ใครทอดไก่วะ ทำไมสีมันดูเกรียมขนาดนี้...” พี่เมฆบ่นอุบตอนที่ก้มลงมองที่จานไก่ทอด...ฝีมือเรา
“จะแดกก็แดก...อย่าบ่น” พี่ยักษ์ดุพี่เมฆทันทีทำให้พี่เมฆหันมามองเรา เหมือนพี่เขาจะรู้แล้วว่านี่ต้องเป็นฝีมือเราแน่ๆ เราได้แต่อมยิ้มเพราะมันรู้สึกเขินนิดๆ เพราะบางชิ้นมันก็ดูเกรียมจนเกือบจะไหม้จริงๆนั่นแหละ...
“เดี๋ยวกูไปส่งน้องที่โรงเรียนก่อน แล้วเดี๋ยวกูตามไป” หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว พี่เมฆกับพี่ยักษ์ก็คุยเรื่องงานกันนัดแนะสถานที่ต้องทำงานวันนี้เรียบร้อยพี่เมฆก็ขี่รถออกไป พี่ยักษ์เอากล่องข้าวมาสองใบเขาตักข้าวและใส่ไก่ที่ยังเหลืออยู่ลงไป แต่เราสังเกตเห็นมันมีกล่องหนึ่งที่มีชิ้นไก่สุกกำลังพอดี กับอีกกล่องจะมีพวกชิ้นไก่ที่ดูเกรียมอยู่
พอเราไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราก็เลยแอบมาเปิดดูกล่องข้าวที่อยู่ในกระเป๋าของเราเป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย…พี่เขาเอากล่องที่มีชิ้นไก่สุกกำลังดีให้เราเราก็เลยสลับกล่องของพี่เขากับของเรา ด้วยความที่กล่องมันสีเดียวกันถ้าไม่เปิดฝาออกดูก็คงไม่รู้ ยังไงซะไก่นั่นเราเป็นคนอยากทอดเองนี่หน่า เราก็ต้องกินฝีมือของตัวเองให้ได้สิ!
พอพี่ยักษ์มาส่งเราที่โรงเรียนวันนี้พี่เขายังไม่กลับเลยทันที แต่ยืนอยู่เป็นเพื่อนเราอีกสักพัก จนเห็นพี่บัวปั่นจักรยานมา
“อ้าว...มิน มาแต่เช้าเลย” พี่บัวลงจากรถจักรยานแล้วรีบเดินมาทักเรา
“เออ...บัว พี่ฝากเราดูแลมินด้วยนะ ถ้าเกิดพวกไอ้โหน่งกับน้องมาแกล้งมินบอกพี่ได้เลย” พี่ยักษ์นั่งย่อตัวลงคุยกับพี่บัว
“แล้วกลับบ้านไป มินจะไม่โดนแกล้งหนักหรอคะ?พวกหนูก็เคยช่วยแล้ว แต่มินบอกว่า...ถ้าพวกหนูช่วย มินจะโดนแกล้งหนักกว่าเดิมตอนที่อยู่บ้าน...”
ก็จริงอย่างที่พี่บัวพูดนะ ก่อนหน้านี้พี่บัวและพวกต้องเอง ก็เคยพยายามจะช่วยเราแล้ว แต่อย่างว่าด้วยความที่คนที่แกล้งเรามันเป็นลูกพี่ลูกน้องแถมบ้านยายกับบ้านเราอยู่ใกล้กันขนาดนั้นพอลับตาคนทีไร เราจะโดนแกล้งหนักกว่าเดิมอีก ทำให้ไม่มีใครกล้าช่วยเท่าไหร่พี่บัวได้แค่ช่วยตะโกนด่าไปแค่นั้น
“ไม่เป็นไร...มินมาอยู่กับพี่แล้ว พวกนั้นคงทำอะไรไม่ได้ แต่ที่โรงเรียนพี่กลัวมินจะโดนแกล้งอีกยังไงฝากบัวดูแลน้องให้พี่ด้วยนะ”
“ดีจังเลยเนอะมิน ต่อไปนี้จะไม่โดนแกล้งแล้ว” พี่บัวเดินมาจับมือเราทั้งสองข้างพร้อมเขย่าไปมา ทำเอาพวกเรายิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“อ่ะ...พี่ให้ค่าขนมเพิ่ม ไว้ตอนเที่ยงไปซื้อขนมแบ่งกันกินนะ”พูดจบพี่ยักษ์ก็หยิบแบงค์ยี่สิบออกมาให้เราหนึ่งใบ
ตอนนั้นเราได้ค่าขนมไปโรงเรียนวันละห้าบาทเอง ถือว่าเยอะแล้วนะเพราะสมัยนั้นขนมห่อนึงก็แค่หนึ่งบาท-สองบาทเท่านั้น อีกทั้งเด็กในโรงเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ค่าขนมกันนักหรอก...
ก็เลยทำให้ปกติเราไม่ค่อยได้กินขนมเท่าไหร่เพราะพอเพื่อนไม่ได้กินเราเองก็ไม่อยากกินด้วย จะซื้อกินก็ต้องแบ่งเพื่อนเพราะสงสาร จะให้มายืนดูเรากินก็ยังไงอยู่...
พอเราได้แบงค์ยี่สิบมา พี่บัวเองก็เหมือนจะดีใจมาก เพราะแค่นี้ก็ทำให้พวกเราซื้อขนมได้เยอะมากเป็นกองเลย
“ขอบคุณครับพี่ยักษ์”เรายกมือไหว้พี่เขาก่อนจะรับมา
“ตั้งใจเรียนนะครับหมาน้อย ตอนเย็นพี่คงไม่ได้มารับนะกลับบ้านเองได้ใช่มั้ย?”
เรายิ้มและพยักหน้าให้พี่เขา
“งั้น...ไหน...มาหอมแก้มพี่ก่อน...วันนี้พี่ต้องทำงานอีกแล้วขอเติมพลังหน่อย”
เรายืนอึ้งเล็กน้อยเพราะตรงนั้นพี่บัวก็ยืนอยู่ จะให้เราหอมแก้มเลยหรอ...แต่ดูพี่บัวจะไม่ได้มีท่าทีอะไร เขาก็ยิ้มๆ เหมือนทำนองว่าให้หอมเลย
ฟอดดดด
และก็เป็นอย่างทุกที พอเราหอมแล้ว พี่เขาก็จะหอมเรากลับทันที ตอนนั้นเราเองก็เห็นพี่บัวยืนยิ้มชอบใจไปด้วย
หลังจากที่พี่เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปแล้วพวกเราก็พากันเดินเข้าโรงเรียน
“นี่มิน...พี่ยักษ์เขาเป็นญาติของมินหรอ?”พี่บัวถามขึ้นขณะที่พวกเราพากันเดินไปตรงจุดที่จอดจักรยาน
เราส่ายหน้าปฎิเสธ เพราะว่าอันนี้ที่จริงเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย
“อ้าว ไม่ใช่หรอ พี่ก็นึกว่าเป็นญาติกันซะอีก...แต่ก็ดีแล้วแหละไปอยู่กับพี่เขาจะได้ไม่โดนไอ้โหน่งมันแกล้งอีก”
เรายิ้มรับ หลังจากนั้นพวกเราก็พากันเดินไปเข้าห้องเรียน
ตลอดทั้งวัน พี่บัวประกาศไปทั่วโรงเรียนเลยว่า... “ถ้าใครแกล้งมินจะโดนพี่ยักษ์จัดการ” ทำให้วันนั้นเรากลายเป็นคนดังของโรงเรียนไปเลยที่เป็นเด็กในปกครองของพี่ยักษ์...
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องเราให้พ้นจากการโดนแกล้งของไอ้โหน่งและไอ้เหน่งได้จริงๆนั่นแหละเพราะตอนกลางวันเราได้เจอหน้าพวกมัน แต่ว่าต่างคนต่างก็สะดุ้งทันทีที่เห็นหน้ากันและกัน ตอนนั้นพวกมันได้แต่เดินก้มหน้างุดแล้วพากันเดินหนีไปซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างมากเพราะถ้าเป็นธรรมดา เวลามันเจอหน้าเราต้องวิ่งมาตบหัวก่อนเป็นอันดับแรกแล้ว... ----------
เรารีบกลับมาที่บ้านพี่ยักษ์ทันที ตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่เราอยากกลับบ้านมากหลังจากเลิกเรียน เพราะพอพ่อแม่กับไปทำงาน ส่วนใหญ่เราจะใช้เวลาเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนก่อนพอเย็นสักหน่อยก็ค่อยกลับ
แต่นี่เรารู้สึกว่าอยากกลับมาทำงานบ้านล้างจาน และหุงข้าวรอพี่เขา มันเป็นสิ่งที่เราชอบทำเวลาที่อยู่กับพ่อและแม่ อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่แบ่งเบาภาระให้พวกเขาได้บ้าง ซึ่งพอมาอยู่กับพี่เขาเราก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
พอเราหุงข้าวเสร็จแล้ว ตอนแรกว่าจะทำกับข้าวที่พอทำได้ไว้รอพี่เขา แต่ว่าที่บ้านพี่เขาไม่มีตู้เย็นนี่สิ แต่ถึงจะบอกว่าทำกับข้าวก็เถอะ แต่ตอนนั้นเราเองก็ทำได้แค่พวกไข่ต้ม ไข่ทอด หรืออย่างมากก็ไก่ทอดแบบเมื่อเช้าเท่านั้นเอง 55555
หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเราเลยรีบไปอาบน้ำก่อนที่มันจะเย็นและมืดจนเราไม่กล้าไปอาบในป่ากล้วยนั่น...
----------
เราขึ้นไปนั่งดูทีวีข้างบนบ้างนั่งรอพี่เขา แต่เอาเข้าจริงถึงจะเปิดทีวี แต่เวลานั้นที่ฟ้าเริ่มมืดแล้ว บรรยากาศที่เป็นป่า เป็นสวนรอบบ้านพี่เขาก็ทำเอาวังเวงเหมือนกันนะ...
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ทันทีที่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามา เรารีบกระโดดลงจากเตียงแล้วเอาขันไปตักน้ำในกระติกน้ำแข็ง เดินลงไปให้พี่เขาทันที
ภาพที่เห็นคือพี่ยักษ์ทิ้งตัวลงนอนกับแคร่แผ่หลาอย่างกับคนหมดแรง เหงื่อเปียกโชกไปหมดทั้งตัวตั้งแต่หัวลงมา...
เราเลยเดินไปใกล้ๆ แล้วยืนขันน้ำให้พี่เขา
“โอ๊ะ ขอบใจจ้ะ...แหม กลับบ้านมาแล้วมีคนเอาน้ำเย็นๆมาให้กินนี่มันชื่นใจหายเหนื่อยดีจริงๆ ” พี่เขาลุกขึ้นนั่งแล้วรับขันน้ำไปดื่มอึกใหญ่
“ผมหุงข้าวให้แล้วนะฮะ แต่ว่าไม่รู้กับข้าวจะทำยังไง… มันไม่มีตู้เย็น แล้วก็...ผมทำอย่างอื่นไม่ค่อยเป็นด้วย...”
“ไม่เป็นไรครับหมาน้อย แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว...ว่าแต่เมื่อเช้าใครแอบเปลี่ยนกล่องข้าวกับพี่รึเปล่าน้า?” พี่เขาขยี้หัวเราแล้วยิ้มให้
“ก็ผมเห็นว่ากล่องนั้นมันมีแต่ไก่ไหม้ๆ นี่ฮะ ไม่อยากให้พี่ยักษ์กินเลย...” เราพูดไม่ทันจบพี่ยักษ์ก็อุ้มเราไปนั่งบนตัก
“พี่กินได้ครับ ถ้าหนูทำให้พี่กินได้ทั้งนั้นแหละ ไม่เป็นไรเลย”พูดจบพี่เขาก็ก้มลงมาหอมแก้ม แล้วเลื่อนต่ำลงไปแถวซอกคอ
“โอ้...อาบน้ำแล้วหรอเนี้ย ตัวหอมจังเลย”
“อาบแล้วฮะ! กลัวว่าถ้ามันมืดมากผมจะไม่กล้าไปอาบ”
“วันนี้พี่เปียกเหงื่อไปหมดทั้งตัวเลย นึกว่าจะมีคนอาบน้ำให้ซะอีก...”
“...ผมอาบแล้วนะฮะ เดี๋ยวผมไปรอข้างบนดีกว่า...”
ตอนนั้นเรารู้สึกตัวเองเริ่มจะรู้ทันแผนร้ายของพี่เขาขึ้นมานิดๆ แล้ว เลยพยายามเลี่ยงก่อนดีกว่า
“หึ...อาบแล้วก็อาบอีกได้นี่...” พอพี่เขาพูดจบก็ยิ้มๆจากนั้นก็บรรเลงเอาหัวที่ชุ่มเหงื่อนั่นถูไถไปทั้งหน้าแล้วก็ตามตัวเรา จนเราเปียกเหงื่อจากผมของพี่เขาไปด้วย...
“พี่ยักษ์ขี้โกง!!”
เราพูดจบก็ทำหน้าบูดเล็กๆ ใส่พี่เขา พี่ยักษ์หัวเราะชอบใจเสร็จแล้วก็อุ้มเราไปอาบน้ำด้วยกัน
พอไปถึงตรงที่อาบน้ำ พี่ยักษ์ถอดผ้าขาวม้าออกแล้วนั่งลงขัดสมาธิถึงตรงนี้เราก็รู้งานแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เพราะก็เคยอาบให้พี่เขามาแล้ว
หลังจากเราสระผมให้พี่เสร็จ เราก็เริ่มฟอกสบู่ให้จังหวะที่เริ่มฟอกมาด้านหน้า เราเห็นท่อนเอ็นของพี่เขาแข็งตั้งขึ้นมาอีกแล้ว...ตอนนั้นได้แต่สงสัยว่าทำไมกันนะ ตอนแรกมันก็ไม่ได้ตั้งขึ้นมาแบบนี้นี่หน่า.....
คราวนี้เราเลยรีบๆ ฟอกให้เสร็จ แต่จังหวะที่เลื่อนลงไปแถวหน้าท้องพี่เขาตอนนั้นเรารีบดึงลงมือออกก่อนที่จะเลื่อนลงต่ำไปมากกว่านั้นแต่ว่ามันก็เผลอโดนหัวของท่อนเอ็นของพี่เขาจนได้
พี่ยักษ์ยิ้มให้ ก่อนจะอุ้มตัวเราไปนั่งตัก ตอนนั้นพี่เขาแกล้งปล่อยตัวเราลงให้ตรงรูก้นเรามันกระแทกกับหัวท่อนเอ็นของเขา ทำเอาเราหันไปมองด้วยความตกใจ...
ไหนบอกจะไม่ใส่เข้ามาแล้วไง!!
“โอ๋ๆ พี่แกล้งเล่นเฉยๆ ทำเป็นตกอกตกใจไปได้”จากนั้นเขาก็เริ่มเอาสบู่ฟอกตัวให้เราบ้าง จนมาถึงบริเวณหน้าอก พี่เขาก็ถูเล่นแล้วก็วนคลึงอยู่แบบนั้นจนเรารู้สึกจั๊กจี้
“ทำไมถูนานจังเลยฮะ...” เราแกล้งเงยหน้าขึ้นไปถามพี่เขาเพื่อให้เขาไปถูที่อื่นบ้าง พี่เขายิ้มให้ก่อนจะเลื่อนต่ำลง... มาจับช้างน้อยของเราแล้วเอาสบู่ถูไปมา ตอนนั้นมันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนะ ก็รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ พอมีคนอื่นมาจับแบบนี้
“พี่ยักษ์...ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยฮะ?”
“หืมมม ได้สิ อะไรเหรอ?”
“ของเรา...มันคืออันเดียวกันหรือเปล่าฮะ?”ตอนนั้นที่พี่เขาเอามือมาจับ เราก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่ถูกับหลังเราอยู่นั่นมันใช่อันเดียวกันกับช้างน้อยของเราหรือเปล่า...
“ใช่สิ...ฮ่า ทำไมถามแบบนั้นละ” พี่เขาหัวเราะชอบใจกับคำถามของเรา
“ก็มันดูไม่เหมือนกัน มันคล้ายๆ แต่ของพี่ยักษ์ก็ดูใหญ่กว่าและมีขนด้วย...”
“ทำไมของพี่ยักษ์ถึงใหญ่...และมีขนแบบนั้นละฮะ?” เราถามต่อทันที ตอนนั้นพลิกตัวนั่งไปหันหน้าเขาหาพี่เขาเพื่อที่จะได้มองมันถนัดๆ
“เอ่อ...แล้วพี่จะต้องตอบยังไงดีละเนี่ย ฮ่า” ตอนนั้นพี่ยักษ์ยกมือเกาหัวไปมา พร้อมกับยิ้มเขินๆ
“เอาเป็นว่าถ้าหนูโตขึ้นจะรู้เองแหละ...ป่ะ อาบน้ำให้เสร็จจะได้กินข้าวกันพี่หิวแล้วสิ...” พูดจบพี่เขาก็ตักน้ำมาราดตัวเราทั้งสองคน พออาบเสร็จพี่เขาก็เอาผ้าขนหนูมาห่อแล้วอุ้มเราขึ้นมาบนบ้าน โดยที่เราไม่ได้เล่นอะไรกันต่อ
---------
ก่อนจะกลับมาที่บ้าน พี่ยักษ์ได้แวะไปเอาแกงที่บ้านป้าปูมาด้วย ทำให้เรารู้ว่าปกติถ้าเป็นมื้อเย็นกับข้าวส่วนใหญ่จะมาจากบ้านแม่เขานี่เอง
หลังจากที่กินข้าวกินเสร็จเรียบร้อย เราก็ลุกไปเอาเหรียญสิบบาทที่เหลือมาจากเมื่อกลางวันมาให้พี่เขา
“พี่ยักษ์… ผมเอาเงินมาคืนฮะ มันเหลือสิบบาท”
“หือออ ใช้ไม่หมดเหรอ?”
“ไม่รู้จะซื้ออะไรฮะเพราะซื้อขนมมาเลี้ยงพวกพี่บัวแค่สิบบาทก็อิ่มกันแล้ว เลยเก็บไว้มาคืนพี่ยักษ์ดีกว่า” เราพูดจบก็ยื่นมันให้พี่เขา
“ไม่เป็นไรครับ... หนูเก็บเอาไว้เถอะ เก่งจังเลย หืมมม…รู้จักประหยัดก็เป็นนะเรา ไอ้ตัวแสบ” พี่เขายิ้มให้ก่อนจะลูบหัวเราเบาๆ
“งั้น...ถ้าผมวางไว้บนหัวนอนนะฮะ เอาไว้ใช้พรุ่งนี้”
“หนูเก็บเอาไว้เลย พรุ่งนี้พี่ให้ใหม่ก็ได้ อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวอดฮ่า” พูดจบเขาก็เอาเราไปนั่งบนตักแล้วก้มลงจูบเบาๆ
ชอบความรู้สึกแบบนี้ที่สุดเลย...
“พี่ยักษ์...ผมเหยียบหลังให้มั้ยฮะ?”
“หืมมม เหยียบเป็นด้วยเหรอ?”
“ก็พ่อกับแม่เวลากลับมาทำงานเหนื่อยๆ ชอบให้ผมเหยียบหลังให้น่าจะเหยียบเป็นมั้ง...” เราอมยิ้มนิดๆ ก็ไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้หรือเปล่าแต่เราก็เคยทำมันประจำเลยอยากทำให้พี่เขาบ้าง
“อ๋อ...งั้นก็ดีสิ อยากได้คนเหยียบหลังอยู่พอดีเลย” พี่เขายิ้มก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อออก แล้วนอนคว่ำลงบนที่นอน
เราขึ้นค่อยๆ ขึ้นไปเหยียบให้พี่เขาแล้วก็ย่ำเท้าไปมา
“อืมมม อ้าาาาา…” เสียงพี่ยักษ์ครางเบาๆเป็นระยะ เวลาเราย่ำไปเหยียบในจุดที่น่าจะช่วยทำให้เขาคลายปวดเมื่อยได้
แต่เสียงครางของเขาตอนนั้น...ทำให้เรารู้สึกเขินแปลกๆ
จังหวะที่เหยียบไปมานั่นเราแอบวัดขนาดฝ่าเท้าของตัวเองกับลำตัวพี่เขาด้วย หลังของพี่เขาใหญ่มากเลยเรายืนย่ำไปมาหลายรอบแนะกว่าจะทั่ว ...สมกับที่คนอื่นเขาเรียกว่ายักษ์จริงๆ นั่นแหละ
“เหนื่อยหรือยังครับ?” หลังจากเราเดินย่ำตามตัวพี่เขาได้สักพักพี่ยักษ์ก็ถามขึ้น
“ไม่เลยฮะ พี่ยักษ์จะให้ผมเหยียบตรงไหนอีกมั้ยฮะ?”
“ไม่เป็นไรจ้า พอแล้วละ พี่สบายตัวขึ้นมากเลย…ขอบคุณมากครับคนเก่งมานี่มา...” พอเราลงจากตัว พี่เขาก็หงายตัวขึ้นแล้วตบที่หมอนข้างๆเหมือนจะให้เราไปนอนได้แล้ว
พอเราทิ้งตัวลงนอนพี่ยักษ์ก็พลิกตัวเขามาคร่อมตัวเราทันที
พี่เขายิ้มและจ้องหน้าเราอยู่แบบนั้นก่อนจะก้มลงซุกไซร้
“แค่ได้อยู่กับหนู พี่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ” พี่เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหูก่อนจะหอมแก้มเรา
“...อยากกลับบ้านมาเจอแล้วให้หนูตัวโตไวๆ กว่านี้จัง...ไอ้ดื้อของพี่ ฮ่าาา” เขาดันตัวเองขึ้นแล้วเอามือมาบี้จมูกเราเบาๆ
ตอนนั้นเราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากให้เราโตไวๆ ด้วย...
แต่การที่ได้กลับมาแล้วเจอกับความรู้สึกแบบนี้ ตอนนั้นมันรู้สึกว่าโชคดีที่สุดเลย อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านคนเดียวอีกแล้ว
คืนนั้นพี่ยักษ์เปิดหนังแล้วพวกเราก็นอนดูด้วยกัน แต่ที่จำได้เราเองก็ดูไปได้ไม่นานเท่าไหร่หรอกก็หลับไป เพราะตอนที่นอนอยู่อ้อมอกของพี่เขานี่มันอบอุ่นและสบายที่สุดเลย...
สาเหตุที่ตอนเราเครียดๆ แล้วพิมพ์ต่อไม่ได้เพราะมันยากตรงเรื่องบรรดาญาตินี่แหละ...
แล้วนี่ยังไม่จบนะ ...คือพอเรารู้ว่าหลังจากนี้กว่าเราจะอยู่กับพี่ยักษ์ได้อย่างสบายใจ มันก็ยากมากเลยอ่ะ
ก็อยากถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนได้ไปยืนอยู่จุดเดียวกันในตอนนั้น
เพราะยิ่งเวลาเจอเรื่องร้ายๆ แล้วมีพี่เขาอยู่ข้างๆ มันยิ่งทำอยากให้เราอยู่กับเขา
แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่มันเป็นเรื่องร้าย พอนึกถึงทีไรก็มีความเจ็บปวดพอสมควรเลย
คือความรู้สึกเด็กอ่ะ ไปเที่ยวมาสนุกมีความสุข กลับมาแล้วเจออะไรแบบนี้คือมันแย่ไปหมดเลย ปรับอารมณ์ไม่ถูกกันเลยทีเดียว 55555
ช่างเถอะยังไงก็ผ่านมาแล้ว อิอิ
ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเครียดแล้ว เลยพอพิมพ์เล่าได้โดยที่ไม่รู้สึกแย่
แต่...
นี่ก็แอบกลัวคนตามอ่านปรับอารมณ์ไม่ถูกนะ เพราะถ้าใครไปอ่านที่เราลงก่อนหน้านี้ แล้วกลับมาอ่านก็จะรู้สึกแปลกๆ หรือเปล่า
...
เด็กคนนี้...กับอีกคนในเรื่องปะป๊าที่ดูคันตลอดเวลา นั่นใช่คนเดียวกันจริงหรอ 555555555555555
อันนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องคั่นอ่านแก้เครียดละกัน {:6_181:} เรื่องผ่านมาแล้วนี่ค่ะแต่ตอนนี้คุณยายแกขิตยังคะหลานตัวเองยังดูแลไม่ได้รักไม่เท่ากันเลยน้องอ่านแล้วอยากทุบ เหมือนข้าวใหม่ปลามัน ฮันนีมูนเลย หวานซะ ขอบคุณ ไม่ว่าบางช่วงบางตอนจะดูเครียดแค่ไหนแต่อ่านแล้วอมยิ้มทุกทีเลยครับ{:7_300:} ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ 555ขำตรงที่มีคนถามว่าคุณยายขิตหรือยัง? ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ เข้ามาเช็คดูทุกวันเลย ได้อมยิ้มอีกวันแล้ว เรื่องยายรักหลานไม่เท่ากันก็เป็นเรื่องปรกติครับ แต่เราโชคดีหน่อยที่หลานไม่แกล้งกัน แต่เรื่องยายให้ท้ายหลานรักตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ เราเลือกที่จะไม่ยุ้งกับแกตรงนี้แล้วเอาเรื่องอื่นของแกมาปิดตรงนี้แทน(เราอายุมากกว่าเจ้าของกระทู้หน่อยนึงครับ) ส่วนเรื่องเจ้าของกระทู้เปลี่ยนไปจากเด็นคนนี้ เราว่าพี่ยักษ์นั้นแหละฝึกสกิลให้ 55555555555 อ่านตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนนี้ และภาคแยก มันทำให้พอรู้ว่าเจ้าของกระทู้ต้องมีสกิลในการแกล้งกลับหรือปกป้องตัวเองจากพี่ยักษ์มากขึ้นเรื่อยๆๆแน่นอน 55555555 ขอบคุณที่แชร์ความอบอุ่น และพลังบวกให้นะครับ ให้กำลังใจและติดตามเจ้าของกระทู้ต่อไปครับ{:5_135:}{:5_135:}{:5_135:}{:5_135:} ขอบคุณครับ ชอบในการเล่าเรื่องครับ
อ่านแล้วอินตามไปด้วยตลอดเลย
ขอบอกว่าอ่านทุกตัวอักษร
ไม่ใช่จะจับผิดแต่อยากซึมซับเหตุการณ์ไว้
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ตามอ่านอยู่น๊า ขอบคุณครับ ขอบคุณนะฮะ ขอบคุณครับ น่ารัก พี่ยักเท่มาก //กอดๆนะครับไรต์// สนุกมากครับ