พี่ยักษ์ที่รัก [11]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-3-25 04:34ในทุกๆ วันศุกร์ ที่โรงเรียนจะมีอาหารกลางวันแจกแต่มีแค่ส่วนที่เป็นกับข้าวนะ ส่วนข้าวเราต้องเตรียมไปเองก็พอเข้าใจได้แหละยุคสมัยนั้น โรงเรียนตามชนบทได้งบอาหารกลางวันมาบ้างก็ถือว่าดีมากแล้ว
ตอนพักกลางวันในทุกวันศุกร์พวกเราเลยจะรวมตัวกันกินข้าวเที่ยงกันเป็นกลุ่มใหญ่กว่าปกติ มีทั้งพี่บัว พวกเพื่อนผู้หญิง แล้วก็พวกของต้อง
ยิ่งพอเราไปอยู่กับพี่ยักษ์แล้วพี่เขาให้เงินมาเพิ่มทำให้เรามีเงินมาซื้อขนมเลี้ยงเพื่อนๆ กลายเป็นว่ากลุ่มเพื่อนของพวกเรารักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นไปอีก555555
“ตั้งแต่มินไปอยู่กับพี่ยักษ์นี่ข้าวเที่ยงมีกับข้าวเต็มกล่องทุกวันเลยเนอะ” พี่บัวทักขึ้นขณะที่เราเปิดข้าวกล่องออกมา ซึ่งวันนี้ก็วนกลับมาเป็นไก่ทอดอีกแล้วคงเพราะว่าถ้าเกิดเป็นของทอดมันจะห่อมากินง่ายกว่าละมั้ง พี่ยักษ์ก็เลยทำให้แต่แบบนี้
“เออ โคตรดีเลยวะมิน ได้กินเนื้อไก่กับหมูทุกวันเลย” ต้องรีบพูดเสริมคงเพราะก่อนหน้านี้มื้อเที่ยงถ้าเกิดเราทำเองก็จะมีแค่ไข่ดาว ไข่เจียวหรือไข่ต้มอะไรพวกนี้ที่มันทำง่ายๆ
หรือถ้าวันไหนยายเรียกให้ไปเอากับข้าวห่อไปโรงเรียน พอตอนพักเที่ยงไอ้โหน่งมันก็จะมาแย่งเอาไปอยู่ดี เพราะมันบอกว่าเป็นกับข้าวของบ้านมัน... ทำให้เราเหลือแต่ข้าวเปล่าๆ
หรือบางทีมันก็ยกไปทั้งกล่องข้าวนั่นแหละ โดยที่เรายังไม่ได้กินเลย...
ก็มีแต่พี่บัวนี่แหละที่คอยแบ่งกับข้าวให้เรากิน ซึ่งเราก็รู้สึกเกรงใจนะ เพราะลำพังบ้านพี่บัวก็ไม่ได้มีฐานะอะไร แถมเขาได้กับข้าวมาก็น้อยมากอยู่แล้ว
ตอนหลังพอเรารู้ว่า วันไหนยายเรียกไปเอากับข้าวไอ้โหน่งจะมาเอากับข้าวไปเราก็ทำไข่ต้มเตรียมเอาไว้ต่างหาก...ไม่ก็ไปซื้อพวกลูกชิ้นทอดที่ร้านขายของในโรงเรียนมากินกับข้าวแทน ลูกชิ้นสมัยนั้นก็ไม้ละบาท สองบาทเองนะ แต่มันจะติดรสเปรี้ยวหน่อยๆไม่รู้ว่าใกล้จะเสียหรือเปล่า หรือรสชาติมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งละมั้งที่ตอนนั้นตัวเราไม่ค่อยโตร่างกายเหมือนขาดสารอาหาร 55555
“แล้ว...อยู่ๆ ทำไมพี่ยักษ์เขา...ถึงเอาเอ็งไปเลี้ยงได้อ่ะมิน”ต้องถามขึ้นมาอีก ขณะที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่คำถามนี้มันทำให้เรานิ่งคิดไปสักพักหนึ่ง นั่นสิ...หลังจากที่มีเรื่องเกิดขึ้นที่กระท่อมวันนั้นเราก็เหมือนอยู่กับพี่ยักษ์แทบจะตลอดเลย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก็มีบ้างนะที่พี่ยักษ์แวะมาส่งที่โรงเรียนบ่อยๆแต่ด้วยความที่พี่เขาจะบอกตลอดว่า เขาต้องผ่านหน้าโรงเรียนเราพอดีเราก็เลยกล้าติดรถพี่เขามาด้วย แถมบางวันก็ซื้อขนมมาให้อีก
ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เวลาปกติเราก็ไม่เคยกล้าคุยเล่นกับเขาแบบนี้หรอกนะ...เพราะเวลาปกติที่พี่เขาหน้านิ่งหน้าเขาดูดุมากเลย... ทำให้เราเวลาที่เจอหน้าพี่เขาได้แต่ยิ้มให้เฉยๆ
พูดตามตรงเราเองก็แทบไม่ทันสังเกตเลยว่า พี่ยักษ์ในสายตาเรากลายเป็นคนใจดี และน่าอยู่ใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ความรู้สึกนี้มันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนกันนะ...
“...อื้มมมม...ไม่รู้สิ...”เราได้แต่ส่ายหน้าเบาๆเพราะเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรพี่ยักษ์ถึงเอาเราไปอยู่ด้วย
“อ้าว... เออ แต่...ก็ดีนะ บ้านพี่ยักษ์มีต้นไม้เยอะด้วยวันหลังพวกเราไปเล่นที่นั่นกันดีกว่า”
“จริงด้วย ตรงแถวใต้ต้นมะม่วงถ้ากวาดใบ้ไม้ออกเล่นกระโดดยางกันได้สบายเลยเนอะ ไม่ร้อนด้วย” พอต้องพูดจบพี่บัวก็รีบเสริมทันที พวกเพื่อนผู้หญิงก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย
แต่บ้านพี่ยักษ์มีต้นมะม่วงอยู่เยอะจริงๆ นะฝั่งที่เป็นต้นมะม่วงจะอยู่ตรงข้ามกับป่ากล้วยที่เราเข้าไปอาบน้ำนั่นแหละ ถึงได้บอกว่าเวลาโพล้เพล้แล้วพี่เขายังไม่กลับมา มันถึงได้ดูน่ากลัวเพราะต้นไม้เต็มรอบบ้านไปหมดเลย
“เอ่อ...เราต้องขอพี่ยักษ์ก่อนนะ ไม่รู้พี่เขาจะว่ายังไง...” เรายิ้มแหยๆ ไม่กล้ารับปากเหมือนกัน เพราะยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านเรา จะไปตบปากรับคำอะไรก็คงไม่ได้
“ถ้ามินขอ...พี่ยักษ์ต้องให้อยู่แล้ว น้า...นะเราจะได้ทำร้านประจำ ไว้นั่งเล่นขายของกันด้วย”พี่บัวยังคงรบเร้าต่อ
เพราะตลอดเวลาพวกเราจะร่อนเร่หาทำเลเปลี่ยนที่เล่นไปเรื่อยๆไปสิงบ้านใครเป็นหลักเป็นแหล่งก็ไม่ได้ เพราะพออยู่กันหลายคนแล้วเสียงดังผู้ใหญ่เขารำคาญ โดนไล่แห่กันไปเล่นที่อื่นประจำ 555555
แต่ถ้าเกิดได้ทำเลเป็นพื้นที่บ้านพี่ยักษ์ นี่มันสถานที่วิ่งเล่นในฝันชัดๆ ด้วยความที่บ้านพี่เขาอยู่ท้ายหมู่บ้าน อยู่ห่างจากบ้านคนอื่นพอสมควร แถมพี่เขาอยู่คนเดียวอีกพวกเราจะวิ่งเล่นเสียงดังยังไงก็ได้ มั้ง...
“อื้อ...ก็ได้ มินจะลองขอให้นะพี่บัว”พอเราตอบรับคำขอเขา ดูเหมือนพี่บัวและเพื่อนๆ จะยิ้มชอบใจกันใหญ่
“เอ้อ...มิน เย็นนี้อยู่เล่นกันก่อนดิ เดี๋ยวนี้ไม่มาเล่นด้วยกันเลย” ต้องลุกจากที่นั่งตัวเองแล้วมานั่งข้างๆ เอาแขนมาโอบไหล่เรา
“เราต้องกลับไปทำงานบ้าน แล้วก็หุงข้าวไว้ให้พี่ยักษ์กินอ่ะสิ...”
“น้า...อยู่เล่นด้วยกันก่อนสิที่รัก...เล่นด้วยกันแปปเดียวก็ยังดีเค้าคิดถึงตัวเองนะ... อยากให้เล่นด้วยกันอ่ะ” พอไอ้ต้องพูดจบ มันก็เอามือมาจับมือเราแล้วยกขึ้น มองหน้าเราทำตาปริบๆ เหมือนเป็นการขอร้องทำเอาพวกเพื่อนๆ ขำชอบใจกันใหญ่กับท่าทีของมัน
อันที่จริงต้องมันก็รู้นะว่า เราไม่ได้เป็นเด็กผู้ชายทโมนเหมือนพวกมันหรอกแต่มันก็ไม่เคยรังเกียจ หรือล้อเลียนเราว่าตุ๊ดเลย อาจจะเพราะว่าเราเอาการบ้านให้พวกต้องมันลอกบ่อยๆ แถมเวลาทำงานกลุ่มเราก็จะอยู่กับพวกมันด้วย ซึ่งแน่ละว่าการได้จับกลุ่มกับเด็กเรียนอย่างเรามันแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย...นั่นก็คงเป็นสาเหตุที่มันทำดีและเป็นเพื่อนกับเรามั้ง แถมบางทีก็ชอบเล่นบทพูดอะไรแบบนี้ซะมากกว่าไม่รู้ว่าไปจำคำพวกนี้มาจากไหน
ซึ่งบอกตรงๆ มันรู้สึก...ขนลุกเหมือนกันนะ
เราได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วก็พยักหน้ารับอย่างน้อยอยู่วิ่งเล่นกับพวกมันหน่อยก็ได้...ไม่เป็นไรมั้ง
---------
ตกเย็นมาเราก็เล่นกับพวกต้องตามที่สัญญาไว้ สักพักพอวิ่งเล่นกันจนพอใจ เราก็ขอตัวกลับก่อน ถึงตอนแรกพวกนั้นจะไม่ยอมก็ตามแต่ก็ทำไงได้เราไปอยู่กับพี่เขาแล้วจะทำตัวให้เป็นภาระพี่เขาอีก ก็คงไม่ดีเท่าไหร่
หลังจากที่เราทำงานบ้านทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย ก็ขึ้นไปนั่งดูทีวีรอพี่เขาตามปกติสักพักก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของพี่เขาขี่เข้ามาแต่ว่ามีเสียงมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ค่อยคุ้นขี่ตามมาด้วยอีกสองสามคัน
เรารีบเอาน้ำเย็นไปรับพี่ยักษ์เหมือนทุกที พอเดินลงมาก็เห็นว่ามีพี่เมฆ พี่โชคและพี่จอม เพื่อนของพี่ยักษ์มาครบแก๊งเลย
“เฮ้ย ไอ้ยักษ์ เดี๋ยวนี้เลี้ยงกุมารทองไว้เฝ้าบ้านด้วยหรอ?เออดีวะ” พี่โชคเอ่ยทักขึ้นตอนที่เห็นเราเดินลงมาพร้อมยื่นขันน้ำส่งพี่ยักษ์
เรายิ้มแหยๆ แล้วก็ยกมือไหว้พวกพี่เขาทั้งสามคน
“อ้าว ไอ้ตัวเล็ก...พี่มากันสี่คน ทำไมมีน้ำเย็นมาขันเดียวอ่ะเฮ้ยแบบนี้มันลำเอียงนี่หว่า...ไป ขึ้นไปตักมาให้ครบคน” พอพี่ยักษ์ยกน้ำขึ้นดื่ม พี่เมฆก็ทักแซวทันที
“ไม่มีมือมีตีนหรอไอ้เมฆ ไอ้ห่านิ กระติกน้ำอยู่ข้างบน...เดินขึ้นไปตักเองสิโว้ย” พี่ยักษ์หันไปดุพี่เมฆทันที เราชอบเวลาพี่เขาสองคนทะเลาะกันมาก มันดูตลกดี 55555
“เก่งกับเพื่อนโชว์เด็กนี่หว่า” พี่โชครีบแซวต่อ
“วันนี้พี่ขอพาเพื่อนมากินเบียร์ที่บ้านนะครับ มันจะเสียงดังหนวกหูหน่อยนะฮ่า”
“แต่ว่าวันนี้พี่ซื้อเนื้อมาย่างให้หนูกินด้วยนะ หนูชอบกินมั้ยครับ?”
พี่ยักษ์เดินไปหยิบถุงเนื้อวัวที่ห้อยไว้ตรงหน้ารถมาโชว์ให้เราดู
“โหววว ชอบฮะ!” เราตาลุกวาวทันทีเพราะไม่บ่อยเลยที่เราจะมีโอกาสได้กินเนื้อวัวด้วยราคาที่ถือว่าแพงที่สุดในบรรดาเนื้อต่างๆ ที่เอาไว้ใช้ปรุงอาหาร
“พี่ยักษ์เอาเงินมาจากไหนหรอฮะ?”
“วันนี้งานเสร็จแล้วจ้า พอได้เงินมาเลยอยากซื้อของดีๆมาให้หมาน้อยกินสักหน่อย” พี่ยักษ์พูดจบก็ลูบหัวเราไปมา
“เออ...เขาคุยจีบกันจริงๆ อย่างที่มึงบอกเลยวะ...ไอ้เมฆ” พี่โชคหันไปหาพี่เมฆพร้อมกับพยักหน้า
“กูบอกแล้ว...แล้วยิ่งเวลาอยู่กันสามคนนะ กูนึกว่าตัวเองเป็นผีเจ้าที่ไอ้ห่าไม่มีใครมองเห็นกูเลย!”
พอพี่เมฆพูดจบทำเอาเราหัวเราะใหญ่ เกลียดความสรรหาคำพูดมาประชดประชันนี้
“ไปๆ บ่นอะไรกันพวกมึง ขึ้นบ้านดิ” พี่ยักษ์รีบไล่ให้พวกพี่ๆ เขาขึ้นบ้านไป
“เออ...ถ้ามีน้องอยู่ด้วยแบบนี้ งั้นกูไปรับดาวมานั่งกินด้วย...ได้เปล่าวะ?”หลังจากที่ยืนยิ้มเงียบๆ มานาน พี่จอมก็พูดขึ้น
“ได้ดิ มีเด็กอยู่ คงไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง...” พี่ยักษ์ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับไป
ต้องบอกก่อนว่าในที่เราอยู่ ถ้าผู้ชายและผู้หญิงจีบกันจะเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ชายพาผู้หญิงไปไหนสองต่อสอง หรือไปในที่ลับตาคน จนทำให้ถูกชาวบ้านติฉินนินทา หรือพูดจาว่าร้ายได้ ผู้ชายคนนั้นจะต้องรับผิดชอบด้วยการทำพิธีขอขมาบ้านของฝ่ายผู้หญิง
หรือก็คือเอาเงินใส่ซองไปให้เขาแทนคำขอโทษนั่นแหละ...แค่ทำพิธีให้ดูสวยงามไปอย่างนั้นเอง ซึ่งส่วนใหญ่พอครอบครัวผู้ชายต้องเสียเงินเขาก็จะขอให้ผู้หญิงแต่งงานกับลูกชายเขาเลย...
กลายเป็นว่าหลายๆ คู่ ที่จีบกันส่วนใหญ่แทบจะไม่มีเวลาคบหาดูใจกันเลย
ถ้าเป็นที่นินทาเสียหายเมื่อไหร่ก็จะถูกจับแต่งงานกันทันที
“เฮ้ย พวกมึงเดี๋ยวไปบ้านแม่กับกูหน่อย ระหว่างรอไอ้จอมมันกูจะไปขนตู้เย็นมาไว้นี่หน่อยวะ”พี่ยักษ์เรียกพี่เมฆกับพี่โชคให้ไปบ้านป้าปูเป็นเพื่อนเขาหน่อย พี่เขาบอกให้เรากลับขึ้นไปรอข้างบนก่อนเดี๋ยวเขามา
---------
สักพักใหญ่พี่จอมก็กลับมา พร้อมกับมีพี่ดาวนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เราเลยรีบวิ่งไปรับเพราะส่วนตัวก็เคยเจอกับพี่ดาวบ่อยๆ อยู่แล้ว ตามงานบุญต่างๆ
พี่ดาวเป็นสาววัยรุ่นตอนนั้นพี่เขาน่าจะอายุราวๆ สิบเจ็ดหรือสิบแปดนี่แหละกำลังสาวได้ที่เลย ถือเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีอีกคนหนึ่งในหมู่บ้านแต่พี่เขาจะติดห้าวๆ เฮ้วๆ หน่อย ไม่ถึงกับเป็นทอมหรอก แต่ก็ไม่ได้เป็นสาวหวานอะไร
“เจ้ามิน...มาอยู่นี่จริงๆ ด้วย ตอนแรกที่พี่จอมไปรับ…บอกว่ามินอยู่นี่ด้วยพี่นึกว่าโกหกซะอีก...”เรายิ้มให้ก่อนจะวิ่งไปกอดพี่เขา
ปกติกับพี่ดาวนี่เราคุยเล่นกันบ่อยอยู่แล้วเวลาเจอหน้ากัน เพราะพี่เขาชอบพูดเรื่องศิลปินกับดารา ซึ่งเราก็เป็นคนชอบดูทีวีก็เลยรู้จักเยอะพอสมควร เลยได้นั่งคุยกับพี่เขาไปเรื่อย
“อ้าว...ไอ้หนูมิน แล้วพวกนั้นไปกันหมดละ” พี่จอมทักขึ้น เมื่อกลับมาแล้วไม่เห็นใคร
“พี่ยักษ์ พาพี่เมฆกับพี่โชคไปขนตู้เย็นที่บ้านป้าปูฮะ...”
หลังจากนั้นพี่จอมกับพี่ดาวก็พากันไปนั่งคุยเล่นกันที่แคร่ ปกติแล้วพี่จอมจะเป็นคนเงียบๆแต่หน้าตาพี่เขาดูเป็นคนใจดี และยิ้มตลอดเวลา
ถ้าพูดตามตรงพี่เขาก็ดูหล่อที่สุดในกลุ่มของพี่ยักษ์ด้วยแหละผิวออกขาวเหลืองนิดๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ก็ทำงานออกแดดเหมือนกับพี่ยักษ์แต่เขาตัวยังดูขาวอยู่ 55555
หน้าตาดูคมเข้ม หุ่นกำลังดีไม่ผอมมาก ส่วนสูงถ้าเทียบกับพี่ยักษ์ก็ดูตัวเล็กกว่าพอสมควร แต่โดยรวมถือเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นสเป็คของผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคนั้นเลยนะ
พอเห็นพี่เขาคุยกันดูสนุกดี เราก็พอจะรู้มาบ้างว่าไม่ควรเข้าไปขัดผู้ใหญ่ที่กำลังคุยกัน ก็เลยกลับขึ้นไปนั่งดูทีวีรอบนห้องเหมือนเดิม
สักพักเราก็ได้ยินเสียงพวกพี่ยักษ์ก็แบกตู้เย็นกันขึ้นมา
“ฟู่ววว โคตรเหนื่อยเลย...หนูจะให้พี่เอาไว้ตรงไหนดีครับ?” พี่ยักษ์ปาดเหงื่อ พร้อมกับถามเราที่ยื่นหน้าออกมาดูจากในห้อง
“งั้น...เอาไว้ในห้องได้มั้ยฮะ? เผื่อตอนกลางคืนหิวน้ำผมจะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอกห้อง...”
“กลัวผีละสิท่า... ไอ้ลูกหมาเอ้ย!”พี่ยักษ์ยิ้มให้ก่อนจะพากันยกตู้เย็นเข้ามาในห้องตามที่เราขอ
ตอนแรกห้องก็ดูกว้างดีอยู่หรอกนะ แต่พอมีตู้เย็นเข้ามาปุ๊ป ทำไมห้องมันดูแคบลงทันทีเลยทั้งที่ตู้เย็นก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากเลย
“เออพวกมึง เตรียมพื้นที่เลยนะเดี๋ยวกูมา... เอารถไถไปเก็บที่บ้านแม่ก่อน... ไอ้จอม มึงกลับมาถึงก่อนทำไมไม่ก่อไฟย่างเนื้อเล่า! โอ้โหเฮ้ย...นั่งจีบกันอยู่นั่นแหละ”พอพี่ยักษ์พูดจบ พี่ดาวก็ถึงกับเขินแล้วรีบลุกไปที่เตาเตรียมก่อไฟทันทีโดยที่มีพี่จอมลุกตามไปช่วย
หลังจากที่พี่ยักษ์กลับมาแล้ว ก็พาเราไปอาบน้ำก่อน เพราะเขาคงกลัวว่าถ้ามืดกว่านี้ หรือเขาเมาเดี๋ยวจะไม่ได้อาบน้ำกันทั้งคู่ละมั้ง เพราะยังไงเราก็ไม่กล้าไปคนเดียวอยู่แล้ว55555
“วันนี้หนูไม่ต้องอาบน้ำให้พี่นะ ไม่งั้น...เดี๋ยวนานแล้วพวกนั้นจะสงสัยเอา...”พอไปถึงพี่ยักษ์ก็รีบบอกเราทันทีวันนั้นเราต่างคนต่างก็อาบน้ำโดยที่ไม่เล่นอะไรกันเลย แถมพี่ยักษ์ก็แทบจะไม่โดนตัวเราเลยเหมือนกัน
----------
ระหว่างที่นั่งรอเนื้อย่างที่พี่จอมกับพี่ดาวกำลังปิ้งกันอยู่ข้างล่างนั้น...พวกพี่เขาก็นั่งพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย โดยที่เราก็นั่งฟังไปด้วยเพราะพอนั่งฟังพวกพี่เขาคุยกันก็สนุกดี
สักพักพี่ยักษ์ก็เปลี่ยนท่านั่งเอาแขนเท้าไปด้านหลัง แล้วสะบัดคอไปมา
“พี่ยักษ์เมื่อยหรอฮะ?”
“ก็นิดหน่อยจ้ะ...ทำไมเหรอ?”
“ผมนวดให้มั้ยฮะ?”
พี่ยักษ์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาได้แต่ยิ้มให้แล้วลูบหัวเราเบาๆทำให้เราลุกขึ้นไปยืนข้างหลังแล้วนวดไหล่ให้พี่เขาทันที
“มีคนนวดให้ด้วยดีจังโว้ยยยย อยากมีคนนวดให้บ้างจัง...”พี่เมฆทำท่านั่งเลียนแบบพี่ยักษ์ พร้อมกับสะบัดคอไปมาด้วย
“ตีนกูก็นวดได้นะ เอามั้ย? ว่างอยู่พอดี” พี่ยักษ์พูดจบก็นั่งกระดิกเท้าเบาๆ ทำเอาเราหัวเราะชอบใจมาก
“เออนี่พี่ถามอะไรหน่อยดิ...” พอพี่โชควางแก้วเบียร์ลงจู่ๆ ก็มองมาทางเราแล้วถามขึ้น
“อะไรหรอฮะ?”
“สมมติว่าถ้าเอ็งโตขึ้น แล้วเลือกหนึ่งในพวกพี่สักคนเนี่ย รวมไอ้จอมข้างล่างด้วย เอ็งอยากได้คนไหนเป็นผัว?”
เราทำหน้าเลิ่กลั่ก เพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไงดี ได้แต่หันไปมองหน้าพี่ยักษ์แล้วตอนนั้นพี่ยักษ์ก็ยิ้มให้เหมือนกัน แต่ดูจากสีหน้าแล้วพี่เขาก็เหมือนอยากจะรู้ว่าเราจะตอบว่ายังไง
“ไอ้โชค...มึงไม่น่าถามเลย... เขาก็ต้องเลือกพ่อดินของเขาอยู่แล้วดิ รูปหล่อกล้ามใหญ่ กะดอใหญ่ยาว โดนเข้าไปทีนะ...สบายตูดเลยล่ะมึง...” พี่เมฆรีบพูดเสริมทันที
ก็ไม่รู้ว่าเพราะพวกพี่เขาเริ่มดื่มเบียร์กันแล้วด้วยรึเปล่า เลยกล้าที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา มันยิ่งทำให้เรารู้สึกทำตัวไม่ถูก และเขินจนหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก
“เฮ้ย! พอๆ คุยเหี้ยอะไรกันเนี้ยน้องมันยังเด็กพวกมึงนี่นะ...” พี่ยักษ์พูดห้ามแล้วตัดบททันทีก่อนที่มันจะไปกันใหญ่
“พูดไปก็เสียดายนะ หน้าตาก็หล่อดี ถ้าเป็นผู้ชายแมนๆ นะมึง โตขึ้นสาวเล็กสาวใหญ่น่าจะรุมจีบไม่น้อยเลย...”
“เฮ้อออ...ถ้าเกิดลูกกูโตขึ้นเป็นตุ๊ด เป็นกะเทยแบบนี้ กูคงรับไม่ได้วะมีหวังได้กระทืบจนมันกลับใจเป็นผู้ชายแน่เลย” พี่โชคยังคงร่ายยาวต่อไปตอนนั้นเราพยายามมองว่าคงเพราะฤทธิ์เบียร์แน่ๆ ทำให้พี่เขาพูดอะไรแบบนี้ออกมา
พี่โชคเป็นคนเดียวในกลุ่มพี่ยักษ์ที่มีลูกมีเมียแล้ว แต่ลูกชายของพี่เขาพึ่งจะไม่กี่ขวบเอง แต่การที่เขาพูดแบบนี้ต่อหน้า ก็ทำให้เราที่นั่งฟังอยู่รู้สึกจุกในอกไม่น้อย...
“กูว่าเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าวะ... กูโคตรรู้สึกแย่เลยนะ ที่มึงมาพูดเรื่องแบบนี้กับน้องมัน คนเราแม่งก็มีความรู้สึกกันหมดรึเปล่าวะ? ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก” พี่ยักษ์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและทุ้มต่ำ จนเรารู้สึกกลัว
เราไม่อยากให้เขามานั่งทะเลาะกันเพราะสาเหตุมันมาจากเราเลย
“งั้น...ผมเข้าไปนั่งเปิดการ์ตูนในห้องนะ” พอเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบลง เราก็เลยบอกพี่ยักษ์แล้วเดินเข้าไปในห้อง
หลังจากนั้นสักพักพวกพี่จอมกับพี่ดาวก็เดินขึ้นมาทำให้บรรยากาศตรงนั้นกลับมามีเสียงพูดคุยขึ้นอีกครั้ง
พี่ยักษ์เดินเอาข้าวกับเนื้อย่างมาให้เรากินในห้องพร้อมกับบอกว่าถ้ากินเสร็จให้เราแปรงฟัน ถ้าง่วงแล้วก็เข้านอนก่อนได้เลย
พี่เขายิ้มให้ก่อนจะลูบหัวเราบอกว่าไม่ต้องคิดมากนะ... ก่อนจะเดินออกไป
ตอนนั้นเราที่เปิดทีวีดูอยู่ ถึงจะเปิดดูแต่เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะแอบฟังว่าข้างนอกเขาคุยอะไรกันมากกว่า ด้วยความที่มันเป็นบ้านไม้ และไม่ได้ปิดมิดชิดอะไร คุยกันยังไงก็ได้ยินอยู่แล้ว...
ซึ่งบทสนทนาส่วนใหญ่ก็ยังวกกลับมาที่เราอยู่ดี ว่าทำไมถึงได้มาอยู่กับพี่เขาได้ และอะไรต่างๆ ทั้งเรื่องยายและครอบครัวเรา...ก็พอเข้าใจแหละนะว่าการที่อยู่ๆเรามาอยู่กับพี่ยักษ์ ในสายตาคนอื่นยังไงก็เป็นเรื่องแปลกอยู่ดี
--------
เรารู้สึกตัวตื่นขึ้น เพราะสัมผัสได้ว่ามีฝ่ามือมาลูบหัวเราไปมาเบาๆ
“พวกพี่เขากลับกันไปหมดแล้วหรอฮะ?” เราลืมตาขึ้นมาถาม เมื่อเห็นว่าพี่ยักษ์กำลังนอนลูบหัวเราอยู่
“กลับไปหมดแล้วจ้ะ เหลือแค่เราสองคนแล้วนะ...” พูดจบพี่เขาก็ก้มลงมาหอมแก้ม แล้วก็ถูไถไปมา จนเราได้กลิ่นเบียร์จากลมหายใจของพี่เขา
“หืออออ พี่ยักษ์เมาหรอฮะ...”
“ไม่เมาจ้า” ถึงจะบอกว่าไม่เมาก็เถอะ แต่ยิ้มหวานตาเยิ้มหน้าแดงก่ำมาเชียว
“ไปปิดไฟสิฮะ จะได้นอนพักผ่อน”
“แต่...ปลิงทะเลพี่ตื่นแล้ว ถ้ามันยังไม่หลับหนูจะโดนมันกัดนะ”พี่ยักษ์ชี้ไปที่เป้ากางเกงของพี่เขาที่ตอนนี้มันตุงออกมาอย่างมาก
“แล้วทำยังไงให้มันหลับละฮะ?”
“รีดพิษมันออกมาให้พี่ก่อนสิ เดี๋ยวมันก็หลับแล้ว...” พี่เขายิ้มกริ่มก่อนดึงเป้ากางเกงลง จนท่อนเอ็นเขาเด้งออกมา
“พี่ยักษ์ไปปิดไฟก่อนสิฮะ เดี๋ยวผมทำให้...ทำเสร็จจะได้นอนเลย”
พี่เขาลูบหัวเราก่อนจะเดินไปปิดไฟ แล้วลงมานอนข้างๆ เรา
“อยู่ตรงไหนฮะ ผมมองไม่เห็นเลย” ด้วยความที่พึ่งปิดไฟ สายตาเรายังไม่ชินกับความมืด เลยแกล้งบอกไปว่ามองไม่เห็น“นี่ไง...อยู่ตรงนี้” พูดจบพี่เขาก็เอามือเราไปจับไว้ที่ท่อนเอ็นของเขา
“แล้วผมต้องรีดพิษมันยังไงอ่ะ?”
“หนูก็ใช้มือนั่งเล่นไปเรื่อยๆ นั่นแหละเดี๋ยวพิษมันก็ออกมาเอง”
เราใช้มือลูบคลำนั่งเล่นไปพักใหญ่พร้อมกับใช้สองมือของตัวเองขยับขึ้นลงเบาๆ ที่ท่อนเอ็นของพี่เขา ตามที่เห็นเขาทำเมื่อวาน
แต่ว่าวันนี้พี่เขาเงียบมาก ไม่มีเสียงครางออกมาเลย... ทำให้เราได้ยินแต่เสียงพัดลมที่ดังออกมา พอบรรยากาศมันเงียบแบบนี้ เราก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา...
“พี่ยักษ์ฮะ...”
…
ไม่มีเสียงตอบกลับมา งั้นแปลว่าพี่เขาเมาหลับไปแล้วแน่ๆ เราเลยดึงขอบกางเกงพี่เขาขึ้นมาปิดท่อนเอ็นเขาให้เหมือนเดิม แล้วก็ล้มตัวลงนอน
สักพักพี่ยักษ์ก็พลิกตัวนอนตะแคง แล้วโน้มตัวมากอดเราจากข้างหลัง
“ไอ้ตัวแสบ...คิดจะโกงพี่เหรอ? ...พี่ยังไม่หลับนะ” พี่ยักษ์กระซิบลงที่ข้างหูเราเบาๆ ทำให้เราถึงกับขำออกมา
“ผมง่วงแล้ว...นอนดีกว่า ...คร่อกกกกก” เราแกล้งหลับแล้วทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนคนนอนกรน
“ไอ้ลูกหมาเอ้ย!”
พี่ยักษ์ดึงตัวเราไปนอนกอดไว้แน่น โดยที่ท่อนเอ็นพี่เขายังแข็งและทิ่มหลังเราอยู่แบบนั้น...
ขอบคุณครับ พี่ยักษ์นี่น่ารักตลอดเลย {:5_137:} ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ อาทิตย์นี้มารัวๆเลย ขอบคุณครับ ตอนเล่าช่วงแรกๆๆ อ่านๆไปเพลง "คอนเสิร์ตคนจน" ขึ้นมาในหัวตลอดเลย 5555555555555 ขอบคุณครับ เมื่อไหร่จะโตคราฟ555+ ขอบคุณครับผม ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ปังไม่ไหว มันดีมาก ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ